เซียวเคอเฉิงเป็นนายท่านลำดับสามของตระกูลเซียว สถานะของเขาในตระกูลไม่ได้สลักสำคัญอะไรนักเพราะตระกูลเซียวมีทั้งเซียวเหมิงและเซียวเคออวิ่นอยู่ รัศมีความเก่งกาจของสองคนนี้กลบตัวตนของเซียวเคอเฉิงไปเสียสิ้น
ไหวพริบด้านการค้าขายของเซียวเคอเฉิงเทียบเซียวเคออวิ่นไม่ได้ ขั้นปราณเองก็เทียบเซียวเหมิงไม่ติดฝุ่น ไม่ผิดแม้แต่น้อยหากจะกล่าวว่าสถานะของเซียวเคอเฉิงในตระกูลเซียวอยู่ในจุดที่น่ากระอักกระอ่วน ทว่าชายวัยกลางคนเองก็เป็นคนทะเยอทะยานไม่น้อยเช่นกัน
เมื่อเซียวเคอเฉิงเห็นว่ากรงเล็บของปลาปีศาจกำลังจะบดขยี้ร่างของเซียวเคออวิ่นจนแหลกเป็นเศษเลือดเศษเนื้อ ในใจของเขากลับไม่ได้มีความเสียใจอย่างที่คนเป็นน้องควรจะมีแม้สักเสี้ยว กลับกันความรู้สึกตื่นเต้นพลันวิ่งพล่านไปทั่วร่างราวกับเป็นสายน้ำเชี่ยว
“หากเซียวเคออวิ่นตาย… ตำแหน่งผู้นำตระกูลเซียวในเมืองนครใต้ย่อมตกเป็นของข้า!” แววตื่นเต้นฉายชัดอยู่ในดวงตาของเซียวเคอเฉิน
เขาไม่ได้ใส่ใจปู้ฟางที่ทะยานตัวไปข้างหน้าแม้แต่น้อย เจ้าเด็กนั่นไม่ได้รุ่นราวคราวเดียวกับเซียวเยียนอวี่หรอกรึ เป็นเพียงชายหนุ่มวัยละอ่อนจะต้านทานกรงเล็บของปลาอสูรเวทระดับเจ็ดได้อย่างไร คิดว่าตนเองเป็นใครกัน แม้แต่เซียวเหมิงเมื่อตอนอายุเท่าเซียนเยียนอวี่ก็ยังมีพลังปราณเพียงขั้นราชันยุทธการเท่านั้น
สีหน้าของชายวัยกลางคนเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน คิดถากถางอยู่ในใจว่าปู้ฟางช่างไม่ประมาณตนเองและรนหาที่ตายชัดๆ
หัวใจของเซียวเยียนอวี่สั่นสะท้าน นางหวังให้เถ้าแก่ปู้จัดการเรื่องนี้แต่ก็ไม่ได้ต้องการให้เกิดอันตรายขึ้นกับอีกฝ่าย… เอาเข้าจริงปู้ฟางไม่เคยลงมือด้วยตนเองเช่นนี้มาก่อน นี่เขาไม่ตระหนักเลยสักนิดหรือว่าปลาอสูรเวทตรงหน้านั้นน่าหวาดหวั่นเพียงใด ปู้ฟางไม่ได้เป็นเจ้าขาวในร่างมนุษย์เสียหน่อย…
ร่างของปู้ฟางเคลื่อนไหวรวดเร็วราวสายฟ้า พลังงานเที่ยงแท้ระเบิดออกมาจากฝ่าเท้าขณะที่ชายหนุ่มพุ่งตัวไปตามกระเบื้องหลังคา
เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วจนเห็นเป็นเพียงสายสีดำ ชายหนุ่มพุ่งตัวตัดผ่านอากาศด้วยความเร็วแสง ใบหน้าเคร่งเครียดถมึงทึง
บรรยากาศรอบตัวพลันหนักอึ้ง อากาศดูราวกับถูกทำให้หยุดนิ่งไป
กลุ่มควันสีเขียวลอยออกมาปกคลุมมือของปู้ฟางเอาไว้ ดวงตาของชายหนุ่มหดแคบขณะสูดลมหายใจเฮือกใหญ่เข้าปอด
เซียวเคออวิ่นไม่อาจทนการบาดเจ็บได้อีกจึงคำรามออกมาด้วยความสิ้นหวัง เนื้อหนังของเขาเริ่มผุกร่อนอย่างรวดเร็วก่อเกิดเป็นกลิ่นเหม็นเน่าฉุนจมูก… กลิ่นนี้ทำให้ปู้ฟางที่พุ่งตัวใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ต้องขมวดคิ้วมุ่นเนื่องจากรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาบอกไม่ถูก
ครืน!!
เสียงดังครืนก้องกังวานไปทั่ว สายน้ำเชี่ยวในแม่น้ำโถมตัวขึ้นเป็นคลื่นสูงพุ่งตรงเข้ามาพร้อมด้วยพื้นดินที่สั่นไหวรุนแรง
ทุกคนต่างหัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อมองไปยังจุดที่เซียวเคออวิ่นยืนอยู่ ตอนนั้นเอง… พื้นที่ตรงนั้นพลันมืดมิดเพราะถูกกรงเล็บขนาดมโหฬารซึ่งเต็มไปด้วยเกล็ดปลาเงาวับบดบังแสงสว่าง
สีหน้าของเซียวเยียนอวี่ซีดเผือดไม่ต่างจากคนตาย มันจะจบลงเช่นนี้จริงๆ หรือ…
เซียวอวี่ลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นเพราะแข็งขาอ่อนแรง ใบหน้าซีดเซียวไร้ซึ่งสีสันใดๆ บิดาของเขา… จะถูกเจ้าอสูรร้ายนั่นบดขยี้จนไม่เหลือซากจริงหรือนี่?!
สมาชิกตระกูลเซียวที่มารวมตัวกันอยู่ด้านล่างล้วนตกอยู่ในความเศร้าโศก เว้นเพียงเซียวเคอเฉิงที่ดูตื่นเต้นเล็กน้อย หลินฉินเอ๋อร์ยกมือขึ้นกุมอกแน่น ริมฝีปากซีดเซียว ดวงตาเหลือบขึ้นจากนั้นก็พลันสลบไป
ร่างบอบบางของนางไม่อาจทานทนความเศร้าเสียใจที่ต้องทนดูร่างของสามีถูกบดขยี้ไม่เหลือซากไปต่อหน้าต่อตาได้
“โฮก!”
ปลาอสูรมังกรพินาศดวงตาแดงก่ำส่งเสียงคำรามออกมา สายตาของมันจับจ้องไปที่กรงเล็บซึ่งกำลังจะตะปบลงบนมดปลวกไร้ความสำคัญตรงหน้า แววสับสนปรากฏให้เห็นในดวงตาสีเลือด
ตอนนั้นเองความรู้สึกเจ็บปวดฉับพลันก็ทำเอาหัวใจของมันเต้นระส่ำราวกับถูกสายฟ้าฟาด มันไม่อาจทานทนความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นได้จนต้องแผดเสียงร้องออกมาดังสนั่น
ลำแสงสีทองสายหนึ่งส่องสว่างออกมาจากใต้กรงเล็บของปลาปีศาจ ตามมาด้วยลำแสงสายอื่นๆ อีกมากมาย ก่อเกิดเป็นแสงสว่างเจิดจ้าราวกับดอกบัวที่กำลังเบ่งบาน
ฟึ่บ!
เสียงโลหะฟันใส่บางสิ่งสะท้อนก้องในโสตประสาทของทุกคน หัวใจของเหล่าคนที่ดูอยู่สั่นสะท้าน ดวงตาหรี่แคบ ปากอ้าค้างเล็กน้อยขณะมองภาพตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา
ไม่นานหลังจากที่ปลาอสูรมังกรพินาศกรีดร้องออกมา กรงเล็บข้างหนึ่งของมันก็แหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!
สายลมรุนแรงพัดกรรโชก ทำให้เลือดสีแดงสดที่สาดกระจายออกมากระเซ็นไปทั่วบริเวณราวกับเป็นฝนโลหิต
ร่างที่กำลังถือมีดทำครัวสีทองยืนอยู่บนพื้นอย่างองอาจ เชือกมัดผมขาดสะบั้น ทำให้ผมของเขาพัดสยายไม่เป็นทรง
สีหน้าของปู้ฟางนิ่งสงบขณะสองมือกระชับอยู่บนด้ามของมีดทำครัวกระดูกมังกรทอง ปลายมีดส่องแสงสีทองเจิดจ้า รัศมีพร่ามัวของมันโอบล้อมทั่วร่างของชายหนุ่ม
เลือดของปลาอสูรยังไหลลงมาไม่ขาดสาย แต่ทุกหยดกลับถูกทำให้สลายหายไป
ร่างของปู้ฟางที่ยืนอยู่ภายใต้ฝนโลหิตที่กระหน่ำลงมากลับยังสะอาดหมดจดไร้มลทิน ราวกับเป็นดอกบัวชูช่อสง่างามสงบนิ่ง
เสียงร้องโหยหวนของเซียวเคออวิ่นยังคงดังออกมาอย่างต่อเนื่อง ฝนเลือดสาดซัดลงมาทั่วร่างแปรเปลี่ยนให้ชายวัยกลางคนกลายเป็นมนุษย์โลหิต
กลิ่นเลือดคละคลุ้งผสานเข้ากับกลิ่นเน่าเหม็นที่แผ่ออกมาจากร่างของเซียวเคออวิ่น
ทว่า ณ เวลานี้ความสนใจของทุกคนไม่ได้อยู่ที่เซียวเคออวิ่น แต่เป็นชายหนุ่มที่กำลังกำมีดทำครัวซึ่งไม่ถูกฝนเลือดย้อมร่าง ทั้งที่เขาอยู่ตรงใจกลางของพายุเลือดพอดิบพอดี
“เจ้าหนุ่มนี่ฟันกรงเล็บของปลาอสูรมังกรพินาศขาดสะบั้นได้ง่ายๆ… ทั้งที่พลังป้องกันของปลาปีศาจตัวนี้แข็งแกร่งไม่น้อย แต่กรงเล็บของมันกลับขาดออกร่างได้ง่ายดายราวกับเป็นกระดาษอย่างไรอย่างนั้น! หนำซ้ำยังไม่อาจปัดป้องอะไรได้เลย! ช่างน่ายำเกรงเสียจริง!”
เหล่าผู้ฝึกตนขั้นจักรพรรดิยุทธการปากสั่นดวงตาหดแคบ ต่างตกอยู่ในความตื่นตะลึง
พวกเขาต่างรู้ดีว่าเนื้อหนังของปลาปีศาจทนทายาดขนาดไหน เหล่าผู้ฝึกตนขั้นจักรพรรดิยุทธการต่างร่วมมือกันโจมตีแต่กลับสร้างบาดแผลให้มันได้เพียงแผลเดียวเท่านั้น ทว่าชายหนุ่มคนนี้กลับใช้แค่มีดทำครัวตัดกรบเล็บของปลาอสูรได้!
กรร!
เร่างของเหล่าผู้ฝึกตนขั้นจักรพรรดิยุทธกาสั่นเทิ้ม เลือดในกายเดือดพล่าน
ผู้ฝึกตนขั้นจักรพรรดิยุทธการคนหนึ่งที่สนิทสนมกับเซียวเคออวิ่นเป็นอย่างดี รีบพุ่งตัวลงมาข้างๆ ชายวัยกลางคนที่ยังคงกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด จากนั้นก็ลากอีกฝ่ายให้หลบเข้าไป
การต่อสู้ที่กำลังบังเกิดต่อจากนี้… ต้องน่าพรั่นพรึงทว่าชวนจับตามองมากแน่ๆ!
“พี่หญิงเยียนอวี่! ศิษย์พี่ปลอดภัยดี! ศิษย์พี่ยังไม่ตาย ท่านพ่อของข้าก็ด้วย!”
จู่ๆ ดวงตาสิ้นหวังของเซียวอวี่ก็เป็นประกายวาววับขึ้นมา เขากระโดดโลดเต้นไปมาบนหลังคา ชี้ไม้ชี้มือไปข้างหน้าพลางตะโกนออกมาเสียงดัง เด็กหนุ่มตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
เซียวเยียนอวี่ผงะไป หญิงสาวเหม่อมองไปด้านหน้า แล้วก็ได้เห็นฉากที่ในชีวิตนี้นางคงไม่อาจลืมเลือนได้
ท่ามกลางพายุเลือดโหมกระหน่ำ เถ้าแก่ปู้ยืนกำมีดทำครัวด้วยสีหน้านิ่งสงบ ไม่ว่าปลาอสูรตัวใหญ่ยักษ์จะน่าสะพรึงกลัวเพียงใด แต่มันก็ไม่อาจทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหวาดหวั่นได้แม้แต่น้อย
“หล่อไม่เผื่อใคร! ศิษย์พี่นี่จะเจ๋งเกินไปแล้ว! สุดยอดไปเลย!”
เซียวอวี่ไม่อาจอยู่นิ่งได้ เขากระโดดกระเด้งไปมาอย่างมีความสุข
สมาชิกตระกูลเซียวต่างผงะถอยหลังด้วยความตื่นตกใจ แล้วสูดเอาลมเย็นเข้าปอดกันทีละคนสองคน ใบหน้าของทุกคนพลันปรากฏรอยยิ้มยินดีออกมา เซียวเคออวิ่นปลอดภัยดี… เขายังไม่ตาย!
ใบหน้าของเซียวเคอเฉิงบูดเบี้ยวราวกับถ่ายไม่ออก ริมฝีปากของชายวัยกลางคนสั่นระริก ไม่รู้จะเอื้อนเอ่ยคำใดออกมาดี ไม่แน่ว่าคำใดก็ตามที่เปล่งออกมาก็อาจไร้ประโยชน์ทั้งสิ้น… เมื่อครู่ก่อนเขายังเย้ยหยันปู้ฟางว่าไม่รู้จักประมาณตนเองอยู่เลย ทว่าอึดใจถัดมาชายหนุ่มกลับใช้มีดทำครัวสะบั้นกรงเล็บของปลาอสูรมังกรพินาศโดยไม่ต้องออกแรงแต่อย่างใด เช่นนี้จะต่างอะไรกับตบหน้าเขาฉาดใหญ่กันเล่า
โชคยังดีที่ท่าทางเย้ยหยันของเขานั้นมีคนสังเกตเห็นไม่กี่คน ไม่เช่นนั้นสถานการณ์คงจะกระอักกระอ่วนกว่านี้แน่
“ไอ้หมอนี่… เหตุใดจึงแส่เสนอหน้าเข้ามายุ่งเรื่องของชาวบ้านกัน!” เซียวเคอเฉิงกำหมัดแน่น รู้สึกโกรธเกรี้ยวอยู่ในอก
เซียวเคออวิ่นยังไม่ตาย สถานะของเขาในตระกูลเซียวยังชวนหดหู่เหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
เหล่าผู้ฝึกตนขั้นจักรพรรดิยุทธการต่างล่าถอยแล้วลงสู่พื้นทีละคน ดวงตาของพวกเขาจับจ้องไปที่ฉากตรงหน้าอย่างตื่นเต้น ต่างตั้งตารอการต่อสู้ที่กำลังจะปะทุด้วยใจจดจ่อ
ทว่าอึดใจถัดมา สิ่งที่เกิดขึ้นกลับทำให้ทุกคนตื่นตะลึงยิ่งกว่าเก่า!
พวกเขาเห็นปลาอสูรมังกรพินาศที่กรงเล็บถูกสะบั้นถอยหลังกลับหนึ่งก้าว ขณะที่ปากซึ่งเต็มไปด้วยฟันแหลมคมส่งเสียงขู่คำรามใส่ปู้ฟาง
ปู้ฟางหรี่ตาพลางกระชับมีดทำครัวกระดูกมังกรทองในมือข้างหนึ่ง เขาตวัดมีดขึ้นมาชี้ใส่หน้าปลาปีศาจ
ตอนนั้นเองเสียงขู่คำรามของปลายักษ์ก็พลันติดขัดอยู่ในลำคอ ลูกตาหมุนวนไม่อยู่นิ่ง ความหวาดกลัวปรากฏขึ้นในแววตาบ้าคลั่งคู่นั้น
ปู้ฟางโคจรพลังปราณในกาย จากนั้นก็ส่งพลังปราณเที่ยงแท้ให้ระเบิดออกมาจากร่างเข้าไปผสานกับมีดทำครัวกระดูกมังกรทอง
ลำแสงสีทองที่ส่องประกายออกจากมีดสว่างเจิดจ้ายิ่งกว่าเดิม พลังกดดันที่ผสานอยู่ในบรรยากาศพลันหนักอึ้งน่าพรั่นพรึงมากขึ้น
ครืน!!
เมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกดดันทรงพลังของมีดทำครัวกระดูกมังกรทอง ปลาอสูรมังกรพินาศที่กำลังบ้าคลั่งก็ดูเหมือนจะฟื้นคืนสติขึ้นมาเล็กน้อย มันรีบถอดกรูดอย่างต่อเนื่อง ปลายหางโบกสะบัดรุนแรง ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
พลานุภาพของมังกร! นี่มันพลานุภาพของมังกรชัดๆ!
เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าในกายของมันมีสายเลือดมังกรปะปนอยู่แม้จะน้อยนิดก็ตาม อีกทั้งเมื่อขั้นปราณของปู้ฟางเพิ่มมากขึ้น ความสามารถในการกำราบอสูรเวทของมีดทำครัวกระดูกมังกรทองก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน
การที่อสูรเวทปลาตัวนี้สามารถบรรลุระดับเจ็ดได้แน่นอนว่ามันย่อมไม่โง่ ก่อนหน้านี้สติปัญญาของมันถูกข่มไว้ด้วยพลังแกร่งกล้าแปลกประหลาด ทำให้มันจมอยู่ในความงุนงงตั้งสติไม่ได้ ทว่าณ เวลานี้ เมื่อถูกกดข่มด้วยพลังน่าเกรงขามของมังกร ปลาอสูรเวทก็รู้สึกราวกับว่าร่างของมันถูกเหวี่ยงลงไปยังก้นบึ้งของทะเลน้ำแข็ง สมองโปร่งโล่งสติฟื้นคืนขึ้นมาในบัดดล
นอกเมืองนครใต้
ใบหน้าของคนทั้งห้าภายใต้ผ้าคลุมเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ เจ้าหมอนั่นเป็นใครกัน เหตุใดจึงทำให้อสูรเวทระดับเจ็ดยอมก้มหัวศิโรราบได้
“ให้ตายเถอะ! ทำให้อสูรเวทนั่นบ้าคลั่งเร็วเข้า! เราไม่มีอะไรต้องเสียแล้ว!”
เงาร่างหนึ่งสบถออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว คันธนูสีดำสนิทปรากฏขึ้นในมือ เขาเอนตัวพลางดึงสายธนูจนตึง เงาอีกสองร่างที่อยู่ด้านข้างหยิบขวดหยกสีดำขึ้นมา เทเม็ดยาออกมาสองสามเม็ด พลางบดขยี้แล้วป้ายลงบนลูกธนู
เงาร่างแรกหัวเราะออกมาอย่างจองหอง พลางปล่อยสายธนูที่ดึงจนตึงออกไป
เสียงลูกธนูแหวกอากาศดังหวีดหวิวก้องไปทั่ว
ลูกธนูพุ่งตรงไปปักบนหลังของปลาอสูรมังกรพินาศที่กำลังสั่นเทิ้มหวาดกลัว
“โฮก!”
ดวงตาของปลาอสูรมังกรพินาศที่ถูกพลานุภาพของมีดทำครัวกระดูกมังกรทองตรึงไว้พลันแดงก่ำขึ้นมาอีกครั้ง เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดของมันเสียดทะลุโสตประสาทของทุกคนที่อยู่ในเมืองนครใต้