ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD – บทที่ 281 ข้าชกสวนไปไม่ได้เลยหรือ

ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD

จวนตรงหน้าเผยให้เห็นอีกโลกหนึ่ง สรุปแล้วพวกเขาเดินพ้นประตูรั้วเพื่อตรงไปสู่ทางเข้าเท่านั้น ทางเข้านำไปสู่สนามฝึกขนาดใหญ่ มีทหารในชุดเกราะหลายคนกำลังฝึกหนักจนเหงื่อท่วมอยู่ภายใน

“อย่างที่ท่านเห็น ที่นี่คือสนามฝึกของกองทหารแห่งเมืองประจิมเร้นลับ ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ฝึกที่นี่ล้วนขึ้นตรงกับหน่วยที่ยอดเยี่ยมที่สุด การจะเข้าร่วมหน่วยนี้ได้ต้องผ่านการทดสอบด้วยคะแนนสูง ซึ่งยากยิ่งนักที่คนธรรมดาจะผ่านมาได้” หัวหน้าหมู่หลิวเอามือไพล่หลังเดินนำหน้าปู้ฟาง เขาเชิดศีรษะขึ้นสูงขณะประกาศอย่างภาคภูมิใจ

ปู้ฟางมองเหล่าทหารในสนามฝึกด้วยสายตาว่างเปล่า ทหารเหล่านี้มีระดับปราณไม่เลวเลย ส่วนมากอยู่ในระดับสามขั้นคลั่งยุทธการ ดังนั้นจึงถือเป็นส่วนสำคัญของกองทหารแห่งเมืองประจิมเร้นลับ

ถึงอย่างนั้นปู้ฟางก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้แต่อย่างใด เป้าหมายของเขาคือการเข้าร่วมหน่วยโรงครัวประจำกองทัพเพื่อเป็นพ่อครัวของกองทัพ สิ่งเดียวที่เขาสนใจในตอนนี้คือทำภารกิจให้ลุล่วงโดยเร็ว เพื่อจะได้เสี้ยวสุดท้ายของชุดอุปกรณ์พ่อครัวเทพมาครอง

สำหรับปู้ฟางที่เป็นเจ้าของมีดทำครัวกระดูกมังกรทอง เขารู้ดีว่าชุดอุปกรณ์พ่อครัวเทพนั้นทรงพลังเพียงใด ดังนั้นชายหนุ่มจึงคาดหวังกับชุดอุปกรณ์พ่อครัวเทพชิ้นที่สองไม่น้อย ไม่ว่าจะอย่างไรเครื่องครัวชิ้นนี้ย่อมต้องช่วยเพิ่มพูนทักษะการทำอาหารของเขาให้ก้าวกระโดด ส่งผลให้ทำอาหารจานอร่อยได้อีกมากมายแน่นอน

ปู้ฟางจมอยู่ในจินตนาการของตัวเองจนเดินใจลอย เขาไม่ได้ยินสิ่งที่หัวหน้าหมู่หลิวพูดไปก่อนหน้านั้นแม้สักนิด

ชายหนุ่มเดินตามหลังหัวหน้าหมู่หลิวไปนานพอควร จนในที่สุดทั้งสองก็พ้นส่วนสนามฝึกแล้วมาถึงจุดที่อยู่ลึกเข้าไปในจวน พื้นที่ตรงนี้ค่อนข้างรกร้างพอสมควร มีเศษหินเล็กๆ ที่ถูกทุบจนแหลกกระจายเกลื่อนอยู่

ฝ่ายหัวหน้าหมู่หลิวจู่ๆ ก็หยุดเดิน เขาหันหลังกลับมามองปู้ฟางพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

ปู้ฟางแปลกใจ เจ้านี่จู่ๆ จะหยุดเดินทำไมกัน

ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เมื่อมองพื้นที่ที่ถูกทิ้งร้างและเต็มไปด้วยเศษหินรอบตัวแล้ว เขาก็มั่นใจว่าที่ตรงนี้ไม่ใช่ศูนย์รับสมัครทหารแน่นอน

หัวหน้าหมู่หลิวคนนี้… ล่อลวงปู้ฟางมาแน่แล้ว

เสียงฝีเท้าดังก้องอยู่ในอากาศขณะที่ความวุ่นวายก่อตัวขึ้นอย่างปุบปับ จู่ๆ ก็มีกลุ่มอันธพาลมาปรากฏตัวด้านหลังปู้ฟาง

กลุ่มชายหนุ่มผิวคล้ำจ้องมองปู้ฟางด้วยสายตามุ่งร้าย

“โห หัวหน้าหมู่หลิว ท่านไปได้เจ้าโง่ที่อยากเข้าร่วมกองทหารแห่งเมืองประจิมเร้นลับมาอีกคนแล้วหรือ”

“โอ้ ดูผิวพรรณของเขาสิ สงสัยจะเป็นนายน้อยของตระกูลมั่งมีแน่ๆ”

“นายน้อยนิสัยเสียจากตระกูลรวยๆ นี่ละสมบูรณ์แบบ เขาต้องถือเงินอยู่ในมือเยอะแน่ เราจะรวยกันแล้วคราวนี้!”

เสียงพูดคุยกันดังขึ้นในมุมหนึ่งที่ดูเหมือนจะถูกทิ้งร้าง เสียงเหล่านั้นสะท้อนก้องไปมาฟังดูน่ากลัว

เจ้าขาวที่เดินตามปู้ฟางเข้ามา ยกฝ่ามืออวบอ้วนของตัวเองขึ้นแตะศีรษะล้านเลี่ยน ก่อนที่นัยน์ตาจักรกลของมันจะกะพริบแสงสีแดงวาบ

หัวหน้าหมู่หลิวม้วนริมฝีปากก่อนจะหรี่ตาไปทางปู้ฟาง เขาเดินไปทางหินก้อนใหญ่ กางขาลงนั่ง พลางจ้องมองปู้ฟางอย่างใจเย็น

“เจ้าหนุ่มเอ๋ย การเข้าร่วมกองทัพไม่ใช่เรื่องยาก แต่อย่าหวังว่าเจ้าจะใช้สิทธิพิเศษได้ กองทหารแห่งเมืองประจิมเร้นลับของเราเป็นกองกำลังที่ทำแต่เรื่องโหดๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการสังหารศัตรูและต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดบนสนามรบ หนุ่มน้อยนิสัยเสียเช่นเจ้าทนความลำบากเช่นนั้นไม่ไหวหรอก ที่ข้าทำเช่นนี้ก็เพื่อตัวเจ้าเอง” หัวหน้าหมู่หลิวจ้องปู้ฟางด้วยสายตาล้อเลียน

“พวกเราแค่คิดถึงความปลอดภัยของเจ้า ดังนั้น… จงทำตัวสงบเสงี่ยมแล้วทำตามที่บอก ส่งเงินของเจ้ามาเสีย จากนั้นพวกเราก็จะพูดคุยเล่นหัวกันสักพักก่อนปล่อยเจ้าไป”

หัวหน้าหมู่หลิวจ้องปู้ฟางด้วยสายตาที่เจือไปด้วยความเกลียดชัง เขาได้เห็นเด็กหนุ่มฐานะร่ำรวยอย่างปู้ฟางมามากในชีวิต ทุกคนมีผิวขาวผ่องเนียนละเอียด เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่การหลอกปล้นครั้งแรกของคนเหล่านี้

เด็กหนุ่มร่ำรวยพวกนี้ทั้งเปราะบางและนุ่มนิ่ม แถมส่วนมากยังไม่เคยเห็นเลือดจริงๆ ด้วยซ้ำ บอกตามตรงว่าพวกเขาเป็นได้ดีที่สุดก็แค่ตัวล่อในสงคราม นอกจากจะไปตายง่ายๆ กลางสนามรบแล้ว ยังเป็นภาระให้คนอื่นๆ ในสงครามด้วย ดังนั้นพวกเด็กหนุ่มรูปงามเหล่านี้จึงมักสอบคัดเลือกไม่ผ่านและหันมายัดเงินใต้โต๊ะแทน

หลังผ่านเข้ามาด้วยวิธีน่ารังเกียจ พวกเขาก็ตกมาอยู่ในเงื้อมมือของหัวหน้าหมู่หลิว เมื่อมีเหยื่อมาให้เชือดถึงที่ หัวหน้าหมู่หลิวก็ไม่คิดเมตตาแต่อย่างใด การปล้นครั้งนี้จะต้องสำเร็จลุล่วงด้วยดี

ปู้ฟางไม่ได้มีอาการสะทกสะท้าน ถึงแม้ว่าเขาจะถูกกลุ่มอันธพาลล้อมหน้าล้อมหลัง แต่ชายหนุ่มก็ยังคงความเยือกเย็นไว้ได้ ท่าทีนิ่งสงบของปู้ฟางลบรอยยิ้มเยาะบนใบหน้าของหัวหน้าหมู่หลิวไป

ปู้ฟางขมวดคิ้วแน่นจนใบหน้ายู่ยี่ ชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวกลุ่มทหารที่มีระดับปราณเพียงขั้นคลั่งยุทธการแม้แต่น้อย ต่อให้เจ้าขาวไม่ยื่นมือมาช่วย ชายหนุ่มก็น่าจะกำราบคนพวกนี้ได้ง่ายๆ ด้วยระดับปราณในปัจจุบันของเขา

แต่ความกังวลของปู้ฟางอยู่ที่ว่าหัวหน้าหมู่หลิวจะช่วยให้เขาเข้าร่วมกองทัพได้จริงหรือไม่ โดยเฉพาะหน่วยโรงครัว หาไม่แล้วชายหนุ่มคงต้องหาทางอื่น ซึ่งคงลำบากและวุ่นวายไม่น้อย

“นี่เจ้าแกล้งหูหนวกหรืออย่างไร ไม่ได้ยินที่หัวหน้าหมู่พูดหรือ รีบๆ เอาเงินออกมาเสีย!” ชายหนุ่มหัวโล้นคนหนึ่งถลึงตาใส่ปู้ฟาง เขาก้าวเข้ามาใกล้แล้วส่งเสียงข่มขู่ลอดไรฟันออกมา

ปู้ฟางเพียงแค่ปรายตามองอีกฝ่ายแล้วเมินใส่ ชายหนุ่มหันไปหาหัวหน้าหมู่หลิวก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “เจ้าช่วยหาตำแหน่งในกองทัพให้ข้าได้จริงหรือ”

หัวหน้าหมู่หลิวและคนอื่นๆ ต่างผงะไปชั่วครู่ ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

ทหารหนุ่มหัวโล้นหัวเราะเสียงดังสนั่น พลางจ้องหน้าปู้ฟางราวกับว่าเขาเป็นคนโง่เขลาเสียเต็มประดา

“หัวหน้าหมู่หลิว เจ้าหมอนี่มันโง่เง่าที่สุดเท่าที่เราเคยเจอมาเลยขอรับ มันยังคิดว่าจะได้เข้าร่วมกองทัพอีก ไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวเอาเสียเลย…” ชายหนุ่มหัวล้านหยุดหัวเราะไม่ได้

หัวหน้าหมู่หลิวต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าจะหยุดหัวเราะได้เช่นกัน จากนั้นเขาก็มองหน้าปู้ฟางก่อนจะกล่าวขึ้น “ช่วยได้แน่นอน แต่ข้าจะช่วยทำไมเล่า ชายหนุ่มไร้ประโยชน์จากตระกูลใหญ่เช่นเจ้ารังแต่จะเป็นภาระในกองทัพของเรา!”

“เอ่อ… แปลว่าเจ้าจัดการได้ใช่ไหม” ปู้ฟางถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“แน่นอนที่สุด เห็นอย่างนี้ข้าก็เป็นหัวหน้าหมู่เล็กๆ หมู่หนึ่ง การจะจัดการเรื่องแค่นี้นั้น… ประเดี๋ยวนะ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้ากันเล่า ส่งเงินมาแล้วก็ไสหัวไปได้แล้ว!” หัวหน้าหมู่หลิวขมวดคิ้วก่อนจะยกมือขึ้นโบกตัดบท

ทหารหัวโล้นพลันเผยอริมฝีปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม เขากำมือขึ้นเป็นกำปั้นก่อนจะหักข้อนิ้วเสียงดังกรอบ

“เจ้าหนุ่มเอ๋ย ทำตัวฉลาดๆ แล้วฟังพวกเราเอาไว้ ข้าเห็นไอ้หนุ่มผอมแห้งหน้าขาวอย่างเจ้ามานักต่อนัก… ส่งเงินมาแล้วเราจะยอมละเว้นเจ้า หาไม่แล้ว…”

“หาไม่แล้วจะอย่างไร” ปู้ฟางมองเจ้าหนุ่มหัวโล้นด้วยสายตาเยือกเย็น

“หาไม่แล้วก็กินหมัดข้าไปเสีย!” ชายหนุ่มหัวโล้นไม่ได้คาดคิดว่าปู้ฟางจะกล้าดีจ้องหน้าเขากลับในสถานการณ์เช่นนี้ ทั้งที่เป็นฝ่ายถูกล้อมอยู่ด้วยซ้ำ!

ไอ้โง่เอ๊ย! ชายหนุ่มหัวโล้นส่งเสียงเป็นเชิงดูถูกก่อนจะปล่อยหมัดไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของปู้ฟาง หากมีสิ่งใดที่เขาเกลียดเข้าไส้ ก็คือพวกเด็กหนุ่มผอมแห้งที่หล่อกว่าเขานี่ละ!

ตู้ม!

แต่แล้วชายหนุ่มหัวโล้นก็นิ่งไปเมื่อเห็นว่ากำปั้นของตนถูกหยุดได้

นิ้วเรียวยาวและฝ่ามืออุ่นจับหมัดของชายหนุ่มหัวโล้นเอาไว้ ทำเอาทุกคนที่รายล้อมอยู่ตกตะลึงเสียวสันหลังวาบไปตามๆ กัน

“อะไรเนี่ย… ระดับปราณของพี่จางอยู่ในระดับสามขั้นคลั่งยุทธการ แต่กลับถูกเจ้าหน้าสวยที่ไม่มีกระทั่งร่องรอยของพลังปราณเที่ยงแท้รับหมัดได้เนี่ยนะ” หัวหน้าหมู่หลิวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เขาเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดี

กร๊อบ!

ใบหน้าของปู้ฟางไม่เปลี่ยนสีด้วยซ้ำ เพียงออกแรงเล็กน้อย ชายหนุ่มก็หักแขนทหารหนุ่มอย่างง่ายดาย ตอนที่ปู้ฟางปล่อยมือ ชายหนุ่มหัวโล้นก็ร่วงลงไปกองกับพื้นพร้อมส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา

ตู้ม!

ปู้ฟางไม่คิดเมตตาแต่อย่างใด เขาเตะเข้าที่หน้าอกของชายหนุ่มอย่างจังจนอีกฝ่ายปลิวละล่องไปกระแทกพื้นแทบเท้าของหัวหน้าหมู่หลิว

ชายหนุ่มหัวโล้นส่งเสียงครวญครางไม่หยุดอยู่บนพื้น โลหิตไหลซึมออกมาจากปาก ใบหน้าแตกยับเยิน

คนอื่นโมโหจัดขึ้นมาทันที พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าคนผอมแห้งหน้าซีดที่ไม่มีกระทั่งพลังปราณเที่ยงแท้อยู่ในกายจะกล้าลงมือ สิ่งนี้ถือเป็นการลบหลู่พวกเขาอย่างที่สุด

“ใครบอกให้เจ้าชกเขากลับกัน ไอ้บัดซบ! รบหาที่ตายแล้ว!”

ชายหนุ่มอีกคนตะโกนใส่ปู้ฟางอย่างโกรธแค้น

ปู้ฟางถึงนิ่งอึ้งไปกับประโยคสุดเหลือเชื่อดังกล่าวจนรู้สึกว่าสถานการณ์ทั้งหมดช่างน่าขัน ข้าชกสวนเพื่อป้องกันตัวก็ไม่ได้หรือ เรื่องบ้าอะไรกัน… เจ้าคนพวกนี้ตรรกะเพี้ยนกันไปหมดแล้ว

เมื่อหันหลังไปเห็นตัวชายหนุ่มที่ตะโกนใส่เขา ปู้ฟางก็จัดร่างกายก่อนจะเตะอีกฝ่ายเข้าไปเต็มเปา ชายหนุ่มคนนั้นร่วงลงไปกองกับพื้นทันที พลางดิ้นรนหาทางสูดเอาอากาศเข้าปอด

นัยน์ตาของหัวหน้าหมู่หลิวนิ่งค้างไป การออกอาวุธง่ายๆ ของปู้ฟางสองครั้งทำให้เขารู้ตัวแล้ว… ว่าชายหนุ่มหน้ามนคนนี้ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี!

ทว่าก่อนที่หัวหน้าหลิวจะได้พูดสิ่งใด กลุ่มอันธพาลก็พุ่งเข้าใส่ปู้ฟางด้วยความโกรธแค้น

ตอนนั้นเองพลังกดดันมหาศาลก็พวยพุ่งออกมาจากกายของชายหนุ่มผู้เคร่งขรึม

พลังกดดันนั้น…

ตู้ม!

กระทั่งหัวหน้าหมู่หลิวเองก็ยังต้องร่วงลงไปคลานสี่ขา ใบหน้าของเขาซีดเซียว… พลังกดดันนี้ลบความรู้สึกอยากสวนกลับออกไปจากใจของเขาเสียสิ้น

ระดับพลังปราณเที่ยงแท้ที่สะพัดออกมาช่างสูงส่งจนน่าสะพรึงกลัว มันน่าจะแข็งแกร่งกว่าระดับปราณของแม่ทัพพวกเขาเสียด้วยซ้ำไป

เจ้าหนุ่มตรงหน้าเขาคนนี้… เป็นใครมาจากไหนกันแน่

ทำไมคนเช่นนี้จึงอยากเข้าร่วมกองทัพ… จนถึงขนาดที่ต้องใช้เส้นสาย นี่มันเรื่องตลกบ้าบออะไรกัน!

เมื่อปู้ฟางปลดปล่อยพลังปราณระดับหกขั้นจักรพรรดิยุทธการออกไป ทุกคนที่อยู่รายรอบก็ต่างทิ้งตัวลงคุกเข่าทันที ถึงแม้ปู้ฟางจะไม่ได้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ แต่พลังกดดันที่เขาปล่อยออกมาก็น่าเกรงขามอย่างแท้จริง

“เจ้าขาว จับพวกมันเปลื้องผ้าแล้วโยนออกไป เหลือแค่ตัวหัวหน้าเอาไว้ ข้ายังมีเรื่องจะถามเขานิดหน่อย”

ปู้ฟางสั่งอย่างใจเย็น

ดวงตาจักรกลของเจ้าขาวกะพริบสีแดงก่อนที่มันจะพุ่งเข้าไปด้วยความเร็วราวกับสายลม

วู้บ แคว่กกก…

ท่ามกลางเสียงกรีดร้องร่ำไห้ ร่างกายเปลือยเปล่าร่างแล้วร่างเล่าก็ถูกโยนออกมาจากมุมรกร้าง ก่อนจะร่วงลงไปกระทบกับสนามฝึกเบื้องนอก

ชายหนุ่มเหล่านั้นถูกเปลื้องผ้าออกจนเกลี้ยง พวกเขาสัมผัสสายลมเย็นที่เข้าปะทะร่างกายช่วงล่างได้อย่างชัดเจน

พวกเขาพากันลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีไปโดยใช้มือปิดส่วนลับเอาไว้ ต่างลอบหันมามองเจ้าขาวราวกับว่ามันเป็นคนบ้าเสียสติก็ไม่ปาน

ชายหนุ่มที่แขนหักยิ่งน่าสมเพชหนัก เขาต้องเดินกะโผลกกะเผลกหนีไปโดยมีแค่มือเดียวปิดส่วนลับ พลางส่งเสียงโหยหวนอย่างน่าสงสาร หัวหน้าหมู่หลิวตอนนี้ยิ่งกว่ากลัวเสียอีก เขารีบคุกเข่าลง นัยน์ตาฉาบเคลือบไปด้วยความพรั่นพรึง

“ศิ…ศิษย์พี่! ข้าน้อยขออภัยจากใจจริง!” หัวหน้าหมู่หลิวดูราวกับว่าพร้อมจะร้องไห้ออกมาได้ทุกเมื่อ ระดับพลังปราณของชายหนุ่มผู้นี้ช่างแตกต่างจากลูกคนรวยคนก่อนๆ อย่างสิ้นเชิง คนที่แข็งแกร่งขนาดนี้กลับมาหาทางลัดเพื่อเข้ากองทัพ… นี่เขากำลังล้อพวกเราเล่นหรืออย่างไร

ปู้ฟางเดินเข้าไปหาหัวหน้าหมู่หลิวแล้วคลายพลังกดดันลง ชายหนุ่มสงบเยือกเย็นเป็นอย่างมากขณะก้มมองหัวหน้าหมู่หลิวที่ยังคุกเข่าอยู่

“ในเมื่อเจ้าพูดว่าสามารถช่วยให้ข้าเข้ากองทัพได้ ก็ไปจัดการเสีย… ถือเป็นการไถ่โทษจากความผิดบาปของเจ้าก่อนหน้านี้”

ปู้ฟางประกาศก้อง

หัวใจของหัวหน้าหมู่หลิวเต้นไม่เป็นส่ำ แต่เขาก็ยกมือตบอกให้คำมั่นสัญญาทันที นักรบที่แข็งแกร่งเช่นบุรุษที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานั้นย่อมเป็นที่ต้องการในกองทัพ พับผ่าสิ เขาอาจได้รับรางวัลที่พาคนแข็งแกร่งเช่นปู้ฟางมาเข้าร่วมกองทัพก็ได้

ทว่าคำพูดต่อมาของปู้ฟางก็ทำเอาหัวหน้าหมู่หลิวตัวแข็งทื่อ เขาอ้าปากกว้างพอที่จะยัดไข่เข้าไปได้ทั้งฟอง

“จำไว้ว่าให้ส่งข้าไปยังหน่วยโรงครัวประจำกองทัพของกองทหารแห่งเมืองประจิมเร้นลับ หน่วยที่พวกพ่อครัวเขาอยู่กันน่ะ เข้าใจนะ” ปู้ฟางจ้องหน้าหัวหน้าหมู่หลิวก่อนจะประกาศด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD

ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD

Status: Ongoing
ในโลกแฟนตาซีมีผู้ฝึกยุทธสามารถแยกภูเขาและลำธารด้วยคลื่นพลังที่แผ่ออกมาจากฝ่ามือ และทำลายแม่น้ำได้จากลูกเตะ มีร้านอาหารเล็กๆตั้งอยู่ เป็นที่ๆมีพลังแห่งชีวิตนับไม่ถ้วนที่อยู่ภายใน ที่นี่ท่านจะได้ลิ้มรสข้าวผัดที่ทำมาจากไข่ของนกฟินิกส์และข้าวเลือดมังกร ที่นี่ท่านสามารถดื่มเหล้าแรงที่ทำมาจากผลสีชาดและน้ำจากน้ำพุแห่งชีวิต ที่นั่นท่านสามารถลิ้มรสเนื้อย่างของวัวระดับเก้าที่โรยพริกไทยดำ อะไรนะ? อยากจะลักพาตัวพ่อครัว? นี่ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะมีสัตว์แห่งเทพระดับสิบ เฮลฮาวน์เฝ้าอยู่ที่ทางเข้า พ่อครัวยังมีหุ่นยนต์ที่ฆ่านักฆ่าระดับเก้าด้วยมือข้าเดียว และยังมีกลุ่มผู้หญิงที่บ้าคลั่งหิวโหยที่จะต้องเอาชนะให้ได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท