ทันทีที่คำพูดเหล่านั้นหลุดออกจากปากชายวัยกลางคน ทหารหลายคนที่ยืนล้อมรอบอยู่ก็เริ่มหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะเจือความเย้ยหยันที่ดังไม่หยุดนั้นสะท้อนก้องไปทั่วค่าย
หลายคนมองปู้ฟางด้วยสีหน้าเวทนาเนื่องจากพวกเขาต่างเคยผ่านประสบการณ์นี้มาก่อน ทุกคนล้วนคิดว่าเมื่อเข้าหน่วยโรงครัวของกองทัพมา พวกเขาจะได้เริ่มทำอาหารทันที แต่กลับกลายเป็นว่าก่อนจะทำอาหารได้นั้นต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนเสียก่อน
ชายวัยกลางคนผู้นี้คือหัวหน้าหน่วยโรงครัวประจำกองทัพ มีนามว่าเว่ยต้าฝู ทักษะการทำอาหารของเขาเยี่ยมยอด และรสชาติของอาหารก็อร่อยมากเสียด้วย เขาเป็นคนที่เข้มงวดกับการประเมินคุณภาพของอาหารเป็นอย่างมาก บ่อยครั้งที่หลายคนถูกเขาดุด่าว่ากล่าวจนทำให้เริ่มสงสัยว่าตนเองมีชีวิตอยู่ไปเพื่อสิ่งใด ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกเขาเพิ่งมาเข้าร่วมหน่วยนี้ ทุกคนต่างเคยถูกชายวัยกลางคนผู้นี้ลูบคมมาหมดแล้ว
เว่ยต้าฝูมองหน้าปู้ฟางด้วยสายตาเย้ยหยัน นานแล้วที่ไม่ได้มีหน้าใหม่ในหน่วยโรงครัวประจำกองทัพ ตัวเขาไม่ได้คาดคิดว่าวันนี้จะมีคนมาใหม่ ในที่สุดก็มีของเล่นฆ่าเวลาให้ชีวิตที่น่าเบื่อจนอยากตายให้รู้แล้วรู้รอดได้สดใสขึ้นมาเสียที
ปู้ฟางเบิกตากว้างพลางมองเว่ยต้าฝูด้วยความตกใจ ชายหนุ่มบอกได้ทันทีว่าเว่ยต้าฝูไม่ได้หวังดีกับเขาอย่างแน่นอน แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายนัก ให้ทำอาหารหรือ ได้เลย ง่ายจะตาย
“ให้แสดงฝีมือรึ” ปู้ฟางเปิดปากถามด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์
“ถูกแล้ว ข้าเป็นหัวหน้าหน่วยโรงครัวประจำกองทัพ เป็นหน้าที่ของข้าที่ต้องดูแลวัตถุดิบที่ได้รับมา เจ้าควรรู้เอาไว้ว่าอาหารที่หน่วยโรงครัวทำนั้นสำคัญยิ่ง นอกจากรสชาติจะต้องอร่อยแล้ว ยังต้องช่วยเติมพลังให้เหล่าทหารที่กินเข้าไปได้อย่างดีอีกด้วย มีแต่อาหารที่ยอดเยี่ยมเท่านั้นที่จะทำให้กองทหารของเรามีแรงต่อสู้กับข้าศึก หากรสชาติแย่… กระทั่งข้าวสวยพวกเขาก็คงกินไม่ลง หรืออาจถึงขั้นท้องเสียเลยก็เป็นได้ แล้วเช่นนั้นจะไปต่อสู้กับใครเขาได้เล่า”
เว่ยต้าฝูโบกตะหลิวในมือไปมาขณะพูดทฤษฎียืดยาวอย่างมั่นอกมั่นใจ แต่สรุปสั้นๆ คือเขาอยากทดสอบฝีมือการทำอาหารของปู้ฟาง
“ได้ เช่นนั้นก็หาที่ทำอาหารให้ข้าแล้วเตรียมวัตถุดิบมาด้วยก็แล้วกัน” ชายหนุ่มขี้เกียจฟังคำสาธยายยืดยาวของเว่ยต้าฝู จึงโบกมือปัดแล้วพูดขัดขึ้นมาทันที
ใบหน้าของเว่ยต้าฝูแสดงความไม่พอใจออกมา ไอ้หน้าใหม่นี่ดูเหมือนจะหยิ่งพอตัว ถึงขนาดกล้าพูดแทรกเขาเลยทีเดียว
แต่เว่ยต้าฝูก็ไม่ได้สร้างปัญหาให้ปู้ฟางเพิ่มแต่อย่างใด ใบหน้าของเขาเพียงถมึงทึงขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น
เด็กหนุ่มหน้าตาใสซื่อในชุดผ้ากันเปื้อนที่ยืนอยู่ข้างๆ เว่ยต้าฝูเดินมาหาปู้ฟางพร้อมกระทะเหล็กในมือ
ตรงหน้าเขามีมีดทำครัวสีดำด้ามไม้ ชามอีกสองสามใบ น้ำสะอาดหนึ่งถัง และกระสอบวัตถุดิบปริศนาอีกหนึ่งกระสอบ
“เอาเลย วัตถุดิบและเครื่องไม้เครื่องมืออยู่ที่นี่หมดแล้ว มาดูกันหน่อยว่าเจ้าหน้าใหม่คนนี้จะมีฝีมือขนาดไหน” เว่ยต้าฝูกอดอกพลางหัวเราะเสียงเย็น
ผู้คนรอบข้างต่างมองด้วยสายตาสนอกสนใจ หนุ่มน้อยหน้าตาใสซื่อเองก็มองปู้ฟางด้วยดวงตาสงสัยใคร่รู้เช่นกัน อันที่จริงแล้วเด็กหนุ่มไม่ได้คาดหวังในตัวปู้ฟางเท่าใดนัก เนื่องจากต่อให้เป็นพ่อครัวทั่วไปที่กระโดดมาทำอาหารในค่ายแห่งนี้ ก็ยังไม่สามารถทำอาหารออกมาได้ดีในครั้งแรกได้
นั่นเพราะความแตกต่างระหว่างครัวจริงๆ และครัวของค่ายทหารห่างชั้นกันมากเกินไป หากพวกเขาอยากทำอาหารดีๆ ออกมาสักจาน ก็ต้องปรับแต่งกันเสียหน่อยจึงจะทำได้
ด้วยเหตุนี้เด็กหนุ่มจึงไม่ได้คิดว่าปู้ฟางมีความหวังแต่อย่างใด คนอื่นๆ ที่อยู่รอบข้างก็เช่นกัน เนื่องจากต่อให้ทำอาหารออกมาได้สักจาน ก็จะถูกเว่ยต้าฝูวิพากษ์วิจารณ์เสีนจนกลายเป็นเศษขยะไร้ค่าอยู่ดี แล้วพอจบการประเมินก็จะถูกไล่ไปตัดฟืนตามสูตร ทุกคนเห็นเหตุการณ์นี้มานักต่อนักจนกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว
ผู้คนที่อยู่รอบข้างส่วนใหญ่ตั้งตารอดูปู้ฟางถูกเยาะเย้ยเสียมากกว่า พวกเขาอยากเห็นสีหน้าอับอายและกระอักกระอ่วนของชายหนุ่มตอนที่โดนเว่ยต้าฝูด่าสาดเสียเทเสีย
แต่ปู้ฟางก็ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อยว่าคนอื่นกำลังคิดอะไรอยู่ เขาเป็นคนที่ไม่ได้ให้ค่าสิ่งที่คนอื่นคิดเกี่ยวกับตัวเองอยู่แล้ว ชายหนุ่มเดินไปยืนอยู่ข้างๆ เครื่องครัวพลางมุ่นคิ้ว เครื่องครัวเหล่านี้จัดได้ว่าทั้งเรียบง่ายและหยาบ แย่เสียยิ่งกว่าเครื่องครัวของเผ่ามนุษย์อสรพิษเสียอีก
แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เนื่องจากนี่เป็นหน่วยโรงครัวประจำกองทัพที่ต้องเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ พวกเขาต้องเตรียมพร้อมออกเดินทางอยู่เสมอ และต้องตั้งโรงครัวเฉพาะกิจขึ้นใที่ใดก็ตามที่ต้องไปประจำการอยู่
ชายหนุ่มคลายปมที่คิ้วพลางยิ้มออกมา เขานั่งยองๆ ลงเปิดกระสอบวัตถุดิบ ก้มลงไปดูสิ่งที่เว่ยต้าฝูเตรียมไว้ให้
ทันทีที่เปิดกระสอบ กลิ่นดินรุนแรงก็พุ่งเข้าปะทะโพรงจมูกของชายหนุ่ม ของในกระสอบเต็มไปด้วยเห็ดกับผักธรรมดาหลายชนิด และมันฝรั่งอีกสองสามหัว
ทั้งหมดนี้เป็นวัตถุดิบธรรมดา นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่มาที่ต่างโลกแห่งนี้ที่ชายหนุ่มต้องรับมือกับวัตถุดิบธรรมดา
“พวกเจ้าใช้วัตถุดิบพวกนี้ทำอาหารกันจริงๆ หรือ” ปูฟางอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองเว่ยต้าฝูด้วยสายตาตกใจ ทั้งหมดนี้เป็นเพียงวัตถุดิบธรรมดาเท่านั้น! ด้วยความที่กองทหารนี้เป็นกองทหารเดินเท้า พลังปราณของพวกเขาจึงไม่ได้สูงมาก แต่ในกายก็ยังเต็มไปด้วยพลังปราณเที่ยงแท้อยู่ดี
วัตถุดิบธรรมดาเหล่านี้ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถทำให้พวกเขาอิ่มท้องได้ แค่จะเติมพลังปราณเที่ยงแท้ที่สูญเสียไปในร่างกายยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ
“มันใช่เรื่องที่จะต้องกังวลหรือ คิดว่าสารรูปตัวเองตอนนี้มีปัญญาพอจะจับวัตถุดิบพลังปราณหรืออย่างไร เจ้าใช้วัตถุดิบธรรมดาเหล่านี้ทำอาหารให้ข้าพึงพอใจให้ได้ก่อนค่อยมาพูดเถอะ” เว่ยต้าฝูกระตุกมุมปากขณะมองหน้าปู้ฟาง
“นี่เป็นวัตถุดิบสำรองของหน่วยโรงครัว ปกติระหว่างช่วงสงคราม หากเราหาวัตถุดิบพลังปราณไม่ได้ ก็จะใช้วัตถุดิบธรรมดาเหล่านี้ประทังความหิวของทหารไปก่อน” เด็กหนุ่มหน้าตาใสซื่อเอ่ยตอบ
เว่ยต้าฝูตวัดสายตาไปมองเด็กหนุ่มทันที ทำเอาอีกฝ่ายย่นคอพลางแลบลิ้นออกมา
ปู้ฟางพยักหน้า เข้าใจแล้วว่าเว่ยต้าฝูตั้งใจให้เขาใช้วัตถุดิบธรรมดาทำอาหารเพื่อวัดความสามารถา หรือพูดให้ถูกก็คือทำให้การทำงานของเขายากขึ้น เนื่องจากการจะใช้วัตถุดิบธรรมดาทำอาหารเลิศรส พ่อครัวแม่ครัวต้องมีทักษะที่ยอดเยี่ยมจริงๆ
ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนพลางขยับเท้า เตะกิ่งไม้ที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นขึ้น กิ่งไม้เหล่านั้นลอยขึ้นมาสองสามกิ่ง ชายหนุ่มเหวี่ยงกิ่งไม้ด้วยท่าทางสบายๆ เพื่อให้มันตกลงมาเรียงบนพื้นอย่างเป็นระเบียบ
เขาตั้งหม้อแล้วก่อเตาอย่างหยาบขึ้นอย่างรวดเร็ว
การกระทำเหล่านี้ไม่ได้ดูตั้งใจเต็มที่แต่อย่างใด แต่ก็ยังทำให้ดวงตาของคนที่อยู่รอบข้างเป็นประกายขึ้น ไอ้หนุ่มหน้าหล่อนี่ดูเหมือนจะมีความสามารถอยู่บ้างเหมือนกัน!
เด็กหนุ่มหน้าตาใสซื่อตื่นเต้นขึ้นมาทันที
พอตั้งหม้อเสร็จปู้ฟางก็เริ่มเตรียมวัตถุดิบที่อยู่ในกระสอบ เขาหยิบวัตถุดิบทั้งหมดออกมาแล้วแยกมันเป็นกองๆ ตามประเภท
จากนั้นชายหนุ่มก็หยิบมีดทำครัวสีดำด้ามไม้ขึ้นมา มันให้ความรู้สึกแย่กว่าการจับมีดทำครัวกระดูกมังกรทองอยู่มากโข
ปู้ฟางแสดงทักษะการใช้มีดขั้นเทพ จากนั้นก็หยิบมันฝรั่งหนึ่งหัวโยนขึ้นไปในอากาศ แล้วควงมีดด้วยท่าทางสุดหวือหวา ชายหนุ่มปอกเปลือกมันฝรั่งท่ามกลางสายตาตื่นตกใจของทุกคน จากนั้นเขาก็ใช้มีดตบมันฝรั่งที่ร่วงลงจากท้องฟ้าให้ตกลงไปในหม้อ
ชายหนุ่มวางระแนงไม้ที่ล้างทำความสะอาดแล้วลงในหม้อ วางอ่างใส่น้ำสะอาดลงใต้กรอบไม้อีกทีเพื่อนึ่งมันฝรั่งด้านบน
ปู้ฟางจุดไฟให้หม้อร้อนแล้วปิดฝาหม้อที่ทำจากไม้ลงไป เอามือจับไว้หนึ่งข้าง
“ไอ้เด็กนี่จะทำอะไรกัน นึ่งมันฝรั่งรึ ฮึ… ไร้ความสามารถสิ้นดี”
ท่าทางการเคลื่อนไหวของปู้ฟางดูหวือหวาไม่น้อย เว่ยต้าฝูทำเพียงหรี่ตาพลางส่ายหน้า รู้สึกรังเกียจเต็มหัวใจ
แต่ลักษณะการนึ่งมันฝรั่งของปู้ฟางนั้นดูประหลาดชอบกล เหตุใดเขาจึงต้องเอามือปิดฝาหม้อไว้ด้วยเล่า
มืออีกข้างที่ว่างอยู่ของชายหนุ่มถือมีดเอาไว้ แล้วเริ่มเตรียมเห็ดที่เพิ่งล้างจนสะอาด
ใช้มือเดียวเตรียมวัตถุดิบเช่นนั้นรึ
ผู้คนรอบกายเริ่มอุทานออกมาด้วยความตื่นตะลึง ดูเหมือนว่าหมอนี่จะผ่านการฝึกทักษะขั้นพื้นฐานมา
ปู้ฟางสงบนิ่งเป็นอันมาก เขาถือมีดทำครัวเอาไว้ในมือ ข้อมือพลิ้วไหวราวสายน้ำ ชายหนุ่มสะบัดข้อมือส่งเห็ดลอยขึ้นไปในอากาศ จากนั้นก็หั่นเห็ดเป็นชิ้นๆ กลางอากาศ
ทุกคนมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความตื่นตาตื่นใจ รู้สึกตัวอีกทีเห็ดที่หั่นเสร็จเรียบร้อยก็เรียงเป็นระเบียบอยู่ในหม้อกระเบื้องราวจับวาง
เว่ยต้าฝูแยกเขี้ยว ไอ้หล่อนี่มีทักษะการใช้มีดที่… ยอดเยี่ยมจริงๆ! แต่… ใช้มีดเก่งแล้วมันอย่างไรเล่า ต้องทำอาหารออกมาอร่อยต่างหากถึงจะนับ!
ครืน!
กลิ่นหอมหวานของมันฝรั่งลอยออกจากหม้อ แต่ปู้ฟางกลับยังไม่เปิดฝาหม้อออก หลังจากหั่นผักเสร็จ ฝาหม้อก็เริ่มสั่นรุนแรงตามแรงดันภายใน ชายหนุ่มจึงเปิดฝาออกมาในที่สุด
ไอน้ำหนาพุ่งขึ้นจากหม้อที่กำลังเดือดปุด กลิ่นหอมหวานของมันฝรั่งลอยอบอวลไปทั่ว
มันฝรั่งในหม้อถูกนึ่งจนสุกและเกือบจะกลายเป็นสีทอง สีของมันสว่างสวยงามเป็นอันมาก ผู้คนรอบด้านรวมถึงเด็กหนุ่มหน้าตาใสซื่อต่างอุทานออกมาด้วยความตกใจ นี่เป็นมันฝรั่งนึ่งที่หน้าตาดูดีที่สุดที่พวกเขาเคยเห็นมาในชีวิต ทุกคนรู้สึกเหมือนว่ามันเป็นทองคำแท้ที่เปล่งประกายสีทองเจิดจรัสล้ำค่า
เว่ยต้าฝูจึ๊ปากพลางพึมพำ “ต่อให้ไอ้มันฝรั่งนั่นจะหน้าตาดูดีแค่ไหน ก็ยังเป็นแค่มันฝรั่งอยู่วันยังค่ำ… ไร้ความคิดสร้างสรรค์สิ้นดี!”
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองราวกับอ่านใจเว่ยต้าฝูได้อย่างไรอย่างนั้น ปู้ฟางยิ้มมุมปาก จากนั้นก็เรียกพลังปราณเที่ยงแท้ออกมาห่อหุ้มฝ่ามือของตนเองเอาไว้ ชายหนุ่มหยิบมันฝรั่งนึ่งออกมาทีละลูก ใส่มันลงไปในหม้อกระเบื้อง แล้วทำสิ่งที่ทุกคนต่างผงะไปด้วยความตกใจ
เขากำหมัดต่อยหม้อกระเบื้องที่เต็มไปด้วยมันฝรั่งสีเหลืองทอง