เด็กหนุ่มหน้าตาใสซื่อหยิบชามกระเบื้องขึ้นมากินซุปครีมเปรี้ยวหวานหมดอีกชาม ซุปนั้นร้อนจี๋จนทำให้ริมฝีปากของเขาแดงแจ๋ เขาหายใจหอบเพื่อไล่ความร้อนออกไป เหงื่อเกาะพราวอยู่บนจมูก
ซุปครีมเปรี้ยวหวานนี้อร่อยมากจริงๆ อร่อยเสียจนยากจะจินตนาการได้ว่ามันทำมาจากวัตถุดิบธรรมดาสามัญทั่วไป
หากวัตถุดิบที่ใช้มีพลังปราณสะสมอยู่เขายังพอเข้าใจได้ ทว่า… นี่เป็นเพียงวัตถุดิบธรรมดาๆ ไม่ได้มีพลังปราณเที่ยงแท้แฝงอยู่แม้แต่น้อย
การที่อาหารซึ่งทำจากวัตถุดิบธรรมดามีรสชาติอร่อยกว่าอาหารที่ทำจากวัตถุดิบพลังปราณเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก มากเกินกว่าที่เด็กหนุ่มหน้าตาใสซื่อจะเข้าใจได้ด้วยซ้ำ
เว่ยต้าฝูมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก นั่นเพราะสีหน้าเยาะเย้ยของปู้ฟางที่ส่งมาให้เขา ใบหน้าของชายวัยกลางคนแดงก่ำ เขารู้สึกอับอายเหมือนโดนลากไปตบหน้ากลางค่ายอย่างไรอย่างนั้น ไอ้หน้าใหม่นี่กล้าดีอย่างไรมาท้าทายอำนาจเขาในหน่วยโรงครัว
ให้อภัยไม่ได้เด็ดขาด นี่มันกระตุกหนวดเสือในถ้ำเสือชัดๆ รนหาที่ตายแท้ๆ!
แม้ว่า… อาหารที่หมอนี่ทำจะอร่อยมากเสียจนยากจะลืม แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขามีสิทธิ์ทำตัวเย่อหยิ่งเช่นนี้ ไม่ว่าจะอร่อยเพียงใดก็ยังทำมาจากวัตถุดิบธรรมดาอยู่ดี
“ข้ายอมรับ… ว่าอาหารของเจ้าอร่อยมาก แต่อย่าคิดว่าการทำอาหารออกมาอร่อยจะทำให้เจ้าหยิ่งทะนงได้เชียว เจ้าควรจะรู้เอาไว้… ว่าพวกเราอยู่ในหน่วยโรงครัวประจำกองทหาร สภาพแวดล้อมในการทำอาหารของเรานั้นแย่จัด แต่เราก็ยังต้องทำอาหารที่ทำให้ทหารมีแรงสู้ต่อออกมาให้ได้ อาหารที่ทำให้ทหารมีกำลังใจเต็มเปี่ยมอยู่เสมอ!” เว่ยต้าฝูพูดหน้าตาย
เสียงของเขาไม่ได้ดังแต่เต็มไปด้วยอำนาจ ทำให้ทุกคนที่กำลังกินซุปของปู้ฟางอยู่หยุดการกระทำทุกอย่างแล้วหันมามองคนทั้งคู่โดยไม่แม้แต่จะส่งเสียง
ทุกคนล้วนประทับใจในความสามารถของปู้ฟาง เนื่องจากเขาเป็นพ่อครัวหน้าใหม่คนแรกที่ทำอาหารออกมาให้เว่ยต้าฝูด่าสาดเสียเทเสียไม่ได้ แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าเส้นทางของปู้ฟางตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เนื่องจากครัวของหน่วยนี้ไม่ใช่ครัวธรรมดา
“อืมมม… เจ้าทำอาหารเก่ง ก็ดีแล้ว… ข้าจะไม่ทำให้ชีวิตเจ้ายากก็แล้วกัน ดาวเด่นในหน่วยเราก็ต้องรักษาไว้เหมือนสมบัติล้ำค่า ข้าอนุญาตให้เจ้าทำอาหารได้ และในเมื่อเจ้าสามารถแสดงศักยภาพของวัตถุดิบธรรมดาออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม เช่นนั้นเจ้าก็รับหน้าที่ทำอาหารโดยใช้วัตถุดิบธรรมดาไปก็แล้วกัน” เว่ยต้าฝูหยีตาพลางประกาศออกมา
ทุกคนที่อยู่รายรอบพลันชะงักแล้วหันมามองปู้ฟางทันที พวกเขารู้สึกสงสารชายหนุ่มเป็นอันมาก เด็กหนุ่มหน้าตาใสซื่อเองก็สงสารอีกฝ่ายไม่น้อยเช่นกัน
“หน่วยโรงครัวของเราใช้วัตถุดิบพลังปราณเป็นหลัก ไม่ว่าอาหารที่ทำจะอร่อยเพียงใด แต่หากทำจากวัตถุดิบธรรมดา… ทหารก็จะไม่กินอย่างแน่นอน เจ้าหน้าใหม่นี่… น่าสงสารยิ่งนัก”
หลายคนรู้สึกสงสารชายหนุ่มจนต้องถอนหายใจออกมา
พวกเขารู้ดีแก่ใจว่าปู้ฟางรู้วิธีการทำอาหารจากวัตถุดิบพลังปราณ และเขาอาจใช้วัตถุดิบพลังปราณทำอาหารที่อร่อยยิ่งขึ้นกว่าเดิมได้ด้วย เนื่องจากวัตถุดิบเหล่านั้นมีรสสัมผัสดีกว่าวัตถุดิบธรรมดาอยู่มากโข
พอได้ยินสิ่งที่ชายวัยกลางคนพูด ปู้ฟางก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ ให้เขาใช้เพียงวัตถุดิบธรรมดาในการทำอาหารเช่นนั้นหรือ ชายหนุ่มมองเว่ยต้าฝูที่กำลังทำสีหน้าภาคภูมิใจปนเย้ยหยันแล้วพยักหน้าเล็กน้อย ถือเป็นอันตกลง
เว่ยต้าฝูชะงักไป เขากอดอกยืนรอให้ปู้ฟางมาเริ่มเอาอกเอาใจ เนื่องจากการถูกสั่งให้ทำอาหารจากวัตถุดิบธรรมดาในหน่วยโรงครัวนั้นไม่ต่างอะไรจากการถูกเมิน
‘ฮึ! ไอ้หนุ่มนี่หยิ่งนัก หัดรู้ขีดจำกัดของตนเองเสียบ้า ไอ้หนุ่ม! รอดูอาหารของเจ้าไม่มีใครกินเสียก่อนเถิด แล้วเจ้าจะต้องคลานเข่ามาขอขมาข้า… พอถึงตอนนั้นข้าอาจจะไม่ยกโทษให้เจ้าก็เป็นได้!’
เว่ยต้าฝูคิดในใจ
“หลงไฉ พาเด็กนี่ไปหยิบหม้อของตัวเองแล้วพาไปเข้าหน่วยที่สังกัดด้วย ให้เสี่ยวหวงที่จัดการวัตถุดิบธรรมดาอยู่มาทำวัตถุดิบพลังปราณแทน” เว่ยต้าฝูมองปู้ฟางด้วยสีหน้าเรียบเฉย จากนั้นก็หันไปหาเด็กหนุ่มหน้าตาใสซื่อพลางเอ่ยปากสั่ง แล้วออกจากกระโจมไปพร้อมตะหลิวเหล็กในมือ
หลงไฉมองเว่ยต้าฝูเดินจากไป จากนั้นก็วางชามกระเบื้องพลางแลบลิ้นออกมา
“โปรดตามข้ามา” หลงไฉเอ่ยแล้วก้าวออกไป “ข้าชื่อหลงไฉ เป็นสมาชิกอายุน้อยที่สุดในหน่วยโรงครัว เจ้าชื่ออะไรหรือ ซุปครีมเปรี้ยวหวานที่เจ้าทำอร่อยสุดยอดไปเลย … ข้าไม่เคยกินอาหารที่ทำจากวัตถุดิบธรรมดาที่อร่อยถึงเพียงนี้มาก่อน”
หลงไฉแนะนำตัวเองกับปู้ฟางเสร็จสรรพ พร้อมมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาเป็นประกาย
“ข้าชื่อปู้ฟาง” ชายหนุ่มพยักหน้าเป็นสัญญาณว่าแนะนำตัวเสร็จแล้ว
การที่มีคนบอกว่าอาหารของเขาอร่อยนั้นเป็นเรื่องธรรมดามาก ปู้ฟางจึงไม่ได้ตกใจกับคำพูดของหลงไฉแต่อย่างใด ทุกคนที่ได้กินอาหารฝีมือเขาล้วนตกตะลึงด้วยกันทั้งสิ้น จนเขาชินไปเสียแล้ว
“เอ่อ… ถึงเจ้าจะถูกให้ไปอยู่ในหน่วยที่จัดการวัตถุดิบธรรมดา แต่ก็ไม่ต้องผิดหวังไปหรอกนะ ลุงเว่ยก็เป็นเช่นนี้แหละ ให้เวลาเขาคิดอีกสักหน่อย ข้าแน่ใจว่าเขาจะต้องสลับเจ้ากลับมาแน่ เพราะทักษะการทำอาหารของเจ้านั้นยอดเยี่ยมไปเลย… ข้าว่าเจ้าต้องเป็นหนึ่งในห้าคนที่เก่งที่สุดในหมู่พวกเราอย่างแน่นอน!” หลงไฉพยายามปล่อยมุกเพื่อให้บรรยากาศหายกระอักกระอ่วน
“ได้”
ปู้ฟางเดินตามหลงไฉไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาไม่ได้สนใจหัวหน้าพ่อครัวเว่ยต้าฝูแม้แต่น้อย เพราะอีกฝ่ายไม่ได้สำคัญอะไรกับเขาเลย
ไม่ว่าจะเป็นทักษะการทำอาหารหรือความสามารถอื่น… ปู้ฟางยอดเยี่ยมกว่าเว่ยต้าฝูทั้งสิ้น
แต่ชายหนุ่มมาที่นี่เพื่อฝึกฝีมือตนเอง จึงเป็นการดีกว่าหากเขาจะไม่ทำตัวโดดเด่น พอทำภารกิจเสร็จและได้รับรางวัลเรียบร้อยเขาก็จะจากไปตามสูตร
“ถึงแล้ว… นี่ไงหน่วยที่เจ้าสังกัด ทั้งหมดนี่เป็นวัตถุดิบธรรมดา ทุกครั้งที่หน่วยโรงครัวประจำกองทัพทำอาหาร เจ้าจะต้องทำอาหารจากวัตถุดิบธรรมดาเหล่านี้ นั่นเป็นกฎของเรา” หลงไฉพูดพร้อมชี้ไปที่กระโจมเก่าๆ ขาดๆ ซึ่งอยู่ไกลออกไปพอสมควร
คิ้วของปู้ฟางคลายออก เขาพยักหน้ารับจากนั้นก็เดินไปที่กระโจม
“รอก่อน ข้าต้องเอาอุปกรณ์มาให้เจ้า” หลงไฉตะโกนไล่หลังปู้ฟางที่กำลังจะเดินจากไป
จากนั้นเด็กหนุ่มก็วิ่งเข้าไปในกระโจมข้างๆ แล้ววิ่งออกมาอย่างรวดเร็วพร้อมหม้อสีดำขนาดใหญ่ ในหม้อมีมีดทำครัวด้ามไม้และตะหลิวเหล็ก
“นี่คืออุปกรณ์ที่เจ้าจะได้ใช้ในอนาคตา อย่าทำมันพังเล่า มิเช่นนั้นจะต้องส่งคำขอไปใหม่ ยุ่งยากอย่าบอกใครเชียว แถมเจ้ายังจะโดนลุงเว่ยดุเอาด้วย” หลงไฉเอ่ยเตือน
ปู้ฟางถือหม้อสีดำที่ดูหนักไม่เบาเอาไว้พลางพยักหน้าตอบ “รับทราบ”
“ฮี่ๆ ข้าเอาหม้อดีๆ ให้เจ้าเลยนะ คุณภาพจัดว่าใช้ได้ อย่ากังวลเกินไปเล่า ข้าอยากให้เจ้าออกจากหน่วยวัตถุดิบธรรมดาเร็วๆ จะได้ชิมอาหารจากวัตถุดิบพลังปราณแสนอร่อยที่เจ้าทำ!” หลงไฉยิ้มซื่อ พลางยกมือลูบศีรษะตัวเอง
ปู้ฟางเลิกคิ้ว เขามองเด็กหนุ่มแสนประหลาดคนนี้จากนั้นก็ยิ้มมุมปาก แล้วเดินไปยังกระโจมโดยไม่พูดอะไรอีก
คราวนี้หลงไฉไม่ได้พยายามรั้งปู้ฟางไว้แล้ว เขามองตามหลังอีกฝ่ายที่กำลังเดินจากไปพลางถอนหายใจออกมา จากนั้นก็เดินออกไปจากตรงนี้เช่นกัน
แม้เด็กหนุ่มจะบอกว่าปู้ฟางมีโอกาสได้กลับมายังหน่วยวัตถุดิบพลังปราณ แต่หากดูจากนิสัยของลุงเว่ยแล้ว เขาน่าจะต้องใช้เวลาอยู่ในหน่วยนี้สักหนึ่งปีเป็นอย่างน้อยก่อนจะมีโอกาสได้ขยับขยาย
แน่นอนว่าปู้ฟางไม่รู้ว่าหลงไฉคิดอะไรอยู่ เขาก้าวเข้ากระโจมมา ภายในมีวัตถุดิบมากมายพร้อมกลิ่นผักเหม็นอับอ่อนๆ
ในกระโจมมีวัตถุดิบมากมาย มีทั้งเนื้อและผักไม่ได้ขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย แต่เหมือนที่หลงไฉบอก กระโจมนี้… มีแต่วัตถุดิบธรรมดาเท่านั้น
ปู้ฟางนั่งลงในกระโจมอย่างสงบ การเดินทางในฐานะพ่อครัวหน่วยโรงครัวประจำกองทหารของเขาได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
เช้าวันต่อมา เขาตื่นขึ้นมาจากเตียงง่ายๆ ทำอย่างหยาบ ชายหนุ่มนั่งหลับโดยไม่ได้นอนลงไปแม้แต่น้อย เนื่องจากเป็นคนย้ำคิดย้ำทำเล็กน้อย… จึงต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะชินกับเตียงใหม่
ชายหนุ่มยังไม่ทันลืมตาตื่นดี ก็ได้ยินเสียงเคาะตะหลิวกับหม้อดังซ้ำๆ มาจากนอกกระโจม
แก๊ง แก๊ง แก๊ง!!
ตามมาด้วยเสียงแหบห้าว
“ทุกคนตื่น เตรียมตัวออกเดินทาง!”