เสียงตะหลิวเหล็กกระทบกระทะดังเสียดหูไปทั่วค่ายของโรงครัว ไม่นานนักค่ายก็กลับมาวุ่นวายด้วยความเคลื่อนไหวอีกครั้ง
ผู้คนในกระโจมต่างเดินออกมาพร้อมเอามือขยี้ตาด้วยความง่วงงุน
ปู้ฟางก็ออกมาจากกระโจมของตนเองเช่นกัน เขาค่อยๆ เดินไปหาฝูงชนที่รวมตัวกันอยู่ กองทหารมักถูกเรียกรวมตัวกันตามปกติทุกวัน แม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่ปู้ฟางได้มาอยู่ในกองทัพแต่เขาก็รู้ความจริงข้อนี้ดี สิ่งที่แตกต่างคือพวกเขาจะเคาะหม้อไหกระทะเพื่อเรียกหน่วยโรงครัว
หลงไฉใส่หมวกเป๋ไปด้านข้าง ใบหน้าของเขาดูง่วงมาก กองไฟที่จุดเอาไว้กลางค่ายส่งเสียงดังเปรียะสะท้อนไปทั่วบริเวณ
หม้อขนาดใหญ่บนระแนงไม้ที่ตั้งอยู่เหนือกองไฟส่งเสียงเดือดปุดออกมา พร้อมด้วยไอน้ำหนาเจือพลังปราณและกลิ่นหอมอ่อนๆ
ตอนนั้นเองเว่ยต้าฝูก็เดินถือกระทะออกมาพร้อมเคาะเสียงดังลั่นไม่หยุด ใบหน้าของเขาดูโกรธเคืองเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางเอื่ออเฉื่อยของกลุ่มคนตรงหน้า ชายวัยกลางคนตะโกนสุดเสียง “เร็วเข้า! เร็วๆ! อย่าคิดว่าตนเองเป็นพ่อครัวประจำกองทัพแล้วจะไม่ใช่ทหารจริงๆ ตั้งสติแล้วเข้าแถวเดี๋ยวนี้”
ทันทีที่ได้ยินคำสั่ง บรรดาพ่อครัวก็สะดุ้งตื่นเต็มตาแล้วเรียงแถวตรง
ปู้ฟางเดินตามคนอื่นไปยืนอยู่ในแถวด้วยอาการสงบนิ่ง
เว่ยต้าฝูที่กำลังหรี่ตามองอยู่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เนื่องจากเขากำลังคิดหาเรื่องดุด่าเด็กใหม่ผู้ยิ่งผยอง ชายวัยกลางคนไม่คาดคิดว่าปู้ฟางจะตื่นเช้าขนาดนี้แล้วมาตั้งแถวได้ทัน เพราะปกติแล้วพวกหน้าใหม่มักนอนหลับอุตุยันเที่ยง
แต่เว่ยต้าฝูก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เขาพ่นลมเย้ย จากนั้นก็หันไปเล็งพ่อครัวคนอื่นที่ยืนอยู่ตรงหน้าแทน
“ยืดอกขึ้น เมื่อวานเราเพิ่งได้รับคำสั่งมาจากท่านแม่ทัพ กองทหารลำดับสามของเราจะตั้งแถวประจัญบานกับข้าศึกในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของเราที่จะทำอาหารแสนอร่อยเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้เหล่าทหาร เพื่อให้พวกเขากำชัยกลับมาได้” เว่ยต้าฝูตะโกนขณะเอามือไพล่หลัง
ทันทีที่ได้ยิน บรรดาพ่อครัวก็เริ่มพูดคุยกันเสียงดัง หลายคนรู้สึกตื่นเต้นเนื่องจากเป็นโอกาสที่จะได้แสดงความสามารถของตนให้เป็นที่ประจักษ์
“ดังนั้น… พวกเจ้าน่าจะรู้สิ่งที่ข้ากำลังจะพูดดี จงทำอาหารของวันนี้ให้ดี อย่าทำให้หน่วยโรงครัวของพวกเราเสียชื่อเป็นอันขาด อย่าให้พวกทหารมาพูดด้วยน้ำเสียงจงเกลียดจงชังตอนกินอาหารที่เราทำได้ว่า ‘นี่มันขยะเปียกอะไร’ หากเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นไม่ได้มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่อับอาย แต่เป็นข้าด้วยที่จะเสียหน้า เพราะฉะนั้นพวกเจ้าทุกคนต้องทำให้ดี” เว่ยต้าฝูพูดเสียงดัง
บรรดาพ่อครัวยืดออกขึ้น ดวงตาเป็นประกายด้วยความมั่นใจ
แม้แต่หลงไฉเองก็ยืดอกขึ้นด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน
“ดี หลงไฉ… ตามพวกนี้ไปเอาโจ๊กแจกจ่ายให้แต่ละค่าย พอกลับมาแล้วเจ้าค่อยเริ่มทำอาหารเหมือนคนอื่นได้ ส่วนพวกเจ้าที่เหลือจงกลับไปที่กระโจมของตนเอง ถ้าข้าไม่พอใจกับอาหารวันนี้ พวกเจ้าทั้งหลายจะต้องตัดไม้ทำฟืนไปตลอดทั้งเดือน”
ใบหน้าของหลงไฉหงอยไปทันที แม้เขาจะไม่อยากทำแต่ก็ยังยกหม้อเหล็กร้อนจนไอน้ำหนาพุ่งขึ้นมา แล้วออกจากค่ายไปพร้อมพ่อครัวฝีมือฉกาจหลายคน
ปู้ฟางเอามือลูบหลังคอตนเองแล้วค่อยๆ เดินออกมาจากที่แห่งนั้น เขาตั้งใจจะกลับไปยังกระโจม
แต่เว่ยต้าฝูตะโกนขึ้นเพื่อหยุดเขาเสียก่อน
“ไอ้หนุ่ม ข้าจับตามองเจ้าอยู่นะ หากอาหารของเจ้าไม่มีทหารนายใดเลือกกินเลย ฮี่ๆ… เจ้าก็น่าจะรู้ดีว่าตนเองจะโดนอะไร! พอถึงตอนนั้นก็รู้เองว่าโทษของการทำตัวหยิ่งยโสต่อหน้าข้าคืออะไร” เขาพ่นลมเย็นเยาะปู้ฟาง
ปู้ฟางมองเว่ยต้าฝูอยู่สักพักก่อนจะยกยิ้มมุมปาก เขาปฏิบัติต่อเว่ยต้าฝูเหมือนอีกฝ่ายเป็นคนโง่เง่าคนหนึ่ง นั่นคือไม่ต่อล้อต่อเถียงด้วยเพราะขี้เกียจเกินไป ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงทำเพียงหันหลังเดินกลับไปที่กระโจมของตนเองเท่านั้น
วัตถุดิบที่ปู้ฟางต้องใช้วางกระจายอยู่บนพื้น แม้ทุกอย่างจะเป็นวัตถุดิบธรรมดา แต่ทั้งเนื้อและผักก็มีมากมายหลากหลายชนิด
เขาเลือกวัตถุดิบบางประเภทออกมาจากกอง คัดเอาสิ่งที่ดูคุณภาพดีกว่าสิ่งอื่น และใช้มือตรวจสอบน้ำหนักดูคร่าวๆ จากนั้นชายหนุ่มก็วางระแนงไม้ลงด้านล่าง แล้ววางหม้อไว้ด้านบน จากนั้นก็เริ่มเตรียมวัตถุดิบ
ปู้ฟางไม่สนใจว่าวัตถุดิบที่เขาใช้จะเป็นของดีหรือไม่ เนื่องจากมั่นใจในทักษะของตนเอง อาหารทุกจานที่เขาเตรียมทำให้ลูกค้ามีความสุขและชมไม่ขาดปากเสมอ
ชายหนุ่มจับระแนงไม้เอาไว้ จากนั้นก็เหวี่ยงมีดในมือ สายตาจับจ้องไปที่วัตถุดิบที่เลือกมา การทำอาหารด้วยวัตถุดิบธรรมดาเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา ชายหนุ่มหมุนมีดไปมาเป็นวงกลม ตัวมีดส่องประกายล้อแสงจากกองไฟที่ก่อเอาไว้
วืด! วืด! วืด!
ปู้ฟางเตรียมวัตถุดิบทั้งหมดเสร็จภายในไม่กี่ลมหายใจ เขาเชี่ยวชาญทักษะการใช้มีดฝนดาวตกเป็นอย่างดี ดังนั้นการเตรียมวัตถุดิบธรรมดาจึงเป็นเรื่องง่ายมาก พอทำเสร็จชายหนุ่มก็เตรียมทำอาหาร
ก่อนอื่นเขาตั้งหม้อบนไฟให้ร้อน จากนั้นก็เทน้ำมันลงไป เขาใช้น้ำมันคุณภาพธรรมดาที่ไม่มีพลังปราณอยู่ภายใน วัตถุดิบทั้งหมดที่เขาใช้ในคราวนี้เป็นวัตถุดิบธรรมดาจริงๆ
แม้หน่วยโรงครัวจะใช้วัตถุดิบพลังปราณในการทำอาหาร แต่พวกเขาก็ไม่สามารถรักษาระดับพลังปราณภายในวัตถุดิบเอาไว้ได้ทั้งหมดเหมือนปู้ฟาง แต่กลับทำให้พลังปราณที่อยู่ภายในไหลออกมาจำนวนมาก ทว่านี่ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เนื่องจากสิ่งนี้แม้แต่พ่อครัวฝีมือฉมังในร้านอาหารใหญ่ยังทำไม่ได้ นับประสาอะไรกับพ่อครัวในกองทัพ
ปู้ฟางเคยชินกับการทำอาหารด้วยพลังปราณเที่ยงแท้ของตนเอง แม้ทักษะนี้จะมีประโยชน์กว่าหากใช้กับวัตถุดิบพลังปราณ แต่ก็ไม่ได้แตกต่างอะไรสำหรับเขาแต่อย่างไร เนื่องจากพลังปราณเที่ยงแท้ภายในกายของเขาแข็งแกร่งพอตัว จึงสามารถจับการเปลี่ยนแปลงของวัตถุดิบได้ทุกประเภท
เสียงทำอาหารดังไปในอากาศพร้อมด้วยควันที่ลอยโขมงขึ้นสู่ท้องฟ้า กลิ่นอาหารหลายชนิดฟุ้งกระจายไปทั่วหน่วยโรงครัวประจำกองทหาร
อาหารที่เหล่าพ่อครัวทำออกมานั้นไม่ได้หลากหลายนัก เนื่องจากพวกเขาต้องทำอาหารปริมาณมากในแต่ละครั้ง จึงเป็นการยากที่จะทำอาหารที่มีขั้นตอนซับซ้อน
หลายคนทำอาหารเพียงจานเดียว ด้วยเหตุนี้ท้ายที่สุดจึงมีรายการอาหารไม่มากนักให้เลือกกิน
เสียงกรีดร้องของอสูรเวทสะท้อนก้องไปทั่วค่าย มีอสูรเวทระดับต่ำหลายตัวกำลังถูกเชือดเพื่อนำมาทำเป็นอาหารบำรุงร่างกายทหาร เรียกได้ว่าพ่อครัวประจำกองทหารใช้ทุกวิถีทางเพื่อที่จะทำอาหารในวันนี้ให้ออกมาได้ดีที่สุด
คราวนี้ปูฟางทำอาหารเพียงจานเดียว จึงทำเสร็จอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักเขาก็ปิดอาหารในหม้อไว้ด้วยฝาหม้อเพื่อกันไม่ให้กลิ่นกระจายออกไปทั่วบริเวณเหมือนอาหารของคนอื่นๆ
พอทำอาหารเสร็จ ปูฟางก็นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงแล้วหลับตาลง เขาทบทวนศาสตร์การทำอาหารไปเรื่อยๆ ขณะรอให้คนอื่นทำอาหารเสร็จ
ไม่นานนักเสียงตะหลิวเหล็กเคาะกับหม้อเล็กก็ดังก้องไปทั่ว ชายหนุ่มลืมตาขึ้น ในดวงตาฉายแววตื่นเต้น
อาหารจานแรกที่เขาทำในฐานะพ่อครัของโรงครัวประจำกองทหารกำลังจะถูกประเมินแล้ว
แต่ชายหนุ่มเองก็ไม่ได้กังวลอะไรเนื่องจากมั่นใจในความสามารถของตน เขาลุกออกจากเตียง ยกหม้อขึ้นแล้วเดินออกจากกระโจมไป ปู้ฟางทิ้งเจ้าขาวเอาไว้ในกระโจม ซึ่งอีกฝ่ายก็ทำตามอย่างว่าง่าย
พอเดินมาถึงจุดที่พ่อครัวมารวมตัวกัน ชายหนุ่มก็เห็นพ่อครัวหลายคนถือหม้อขนาดใหญ่อยู่ ส่วนบางคนก็วางหม้อของตนเอาไว้บนพื้น หม้อทุกหม้อส่งกลิ่นหอมกระจายไปทั่ว
ทุกคนหน้าแดงก่ำเหงื่อบนหน้าผากพราว ต่างดูตื่นเต้นไม่น้อยหลังจากทำอาหารของตนเสร็จ
“ไอ้หนุ่ม เจ้าน่าจะเดินให้เร็วกว่านี้หน่อย ทุกคนรอเจ้าอยู่นะ” เว่ยต้าฝูมองปู้ฟางแล้วพูดอย่างรังเกียจ
หม้อของชายหนุ่มนั้นไม่ได้ใหญ่โตหากเทียบกับคนอื่น ด้วยเหตุนี้พ่อครัวคนอื่นจึงไม่ได้สนใจมันมากนัก อย่างไรเสียเหล่าทหารก็ไม่แยแสอาหารที่ทำจากวัตถุดิบธรรมดาและมักปล่อยให้เสียของจนต้องเททิ้งอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงให้หม้อใบเล็กกับปู้ฟาง
แม้จะโดนเว่ยต้าฝูว่ากระทบกระเทียบ แต่ปู้ฟางก็ยังคงเดินถือหม้อไปด้วยอาการสงบนิ่ง
ภาพตรงหน้าทำให้เว่ยต้าฝูหงุดหงิดพอตัว เขาพ่นลมเยาะจากนั้นก็หันไปสนใจคนอื่นแทน
“ดี! พวกเจ้านำอาหารออกไปได้”
“ขอรับ!”
ทุกคนขานรับแล้วยกหม้อขึ้นเดินออกไป