“หวานอร่อย! นี่มันอาหารเลิศรสโดยแท้!”
“ใช้ได้เลย อาหารจานนี้อร่อยใช้ได้!”
“อร่อยเหลือเกิน ข้ารู้สึกเหมือนร่างทั้งร่างมีพลังเต็มเปี่ยมอีกครั้งทันทีที่ดื่มเข้าไป!”
…
หลังจากที่เหล่าทหารได้ดื่มน้ำแกงสี่ขุมทรัพย์ที่ปู้ฟางแจกจ่าย ทุกคนก็ชมเปาะไม่ขาดปาก อาหารจานนี้ทำให้พวกเขาได้รู้ซึ้งถึงอาหารที่อร่อยเหมือนขึ้นสวรรค์อย่างแท้จริง
แม้ปู้ฟางจะใช้เพียงวัตถุดิบธรรมดาที่ไม่มีพลังปราณเที่ยงแท้อยู่เลย แต่ด้วยความที่เขาใช้ทักษะการทำอาหารด้วยพลังปราณเที่ยงแท้ จึงทำให้อาหารจานนี้มีพลังปราณจากตัวเขาแทรกซึมอยู่ด้วย
นี่เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้อาหารของเขาอร่อยเหลือล้น
“เถ้าแก่ปู้นี่ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ย่อมเป็นเถ้าแก่ปู้เสมอ อาหารฝีมือท่านเป็นที่นิยมชมชอบตลอด” ถังอิ่นพูดด้วยรอยยิ้ม การปรากฏตัวของปู้ฟางในกองทัพดูเป็นสิ่งที่ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็ไม่น่าเชื่อ ถังอิ่นยังคงลังเลอยู่ว่าควรรายงานเรื่องนี้ให้หนี่หยันผู้เป็นอาจารย์ของตนทราบดีหรือไม่
แต่หลังจากที่ตรึกตรองดูอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาก็ตัดสินใจรอให้ปู้ฟางเดินทางกลับไปยังเมืองประจิมเร้นลับก่อนแล้วค่อยบอก
นี่เป็นโอกาสงามที่จะได้ชิมน้ำแกงฝีมือเถ้าแก่ปู้โดยไม่ต้องจ่ายเงินสักผลึก ถังอิ่นจึงเดินไปสมทบกับกลุ่มทหารแล้วซดน้ำแกงเข้าไปหลายถ้วยเลยทีเดียว
แต่ขณะที่พวกเขากำลังดื่มน้ำซุปกับอยู่ เสียงการต่อสู้ด้านนอกและเสียงแตรสงครามก็ดังลั่นไปทั่วค่าย
สีหน้าของจูเยวี่ยเปลี่ยนไปทันที เขารีบซดน้ำแกงหมดในอึกเดียว จากนั้นก็หันหลังเดินออกไปด้านนอก เสียงแตรสงครามแปลว่าข้าศึกบุกมาเพื่อท้ารบถึงที่แล้ว
กองทัพแห่งเมืองประจิมเร้นลับในตอนนี้ถูกต้อนให้ออกจากเขตเมืองโม่หลัวมาแล้ว แต่ข้าศึกกลับยังไล่ต้อนพวกเขาอย่างบ้าคลั่งไม่ต่างจากเดิม สีหน้าของจูเยวี่ยบูดเบี้ยวเหยเกด้วยความโกรธ
ถังอิ่นทิ้งท้ายให้ปู้ฟางดูแลความปลอดภัยของตนเองแล้วรีบหันหลังเดินออกไปเช่นกัน เนื่องจากข้าศึกบุกมาโจมตีพวกเขาถึงที่ แปลว่าไอ้ปีศาจร้ายของลัทธิอสุราต้องปรากฏตัวอีกแน่ ปีศาจบ้านั่นอยากจะสังหารพวกเขาให้ตายตกไปทั้งหมด เพื่อเปลี่ยนทุกคนเป็นแก่นวิญญาณด้วยน้ำมือของมันเอง
แม้น้ำแกงของปู้ฟางจะมีไม่มาก แต่ทหารอย่างน้อยหลายร้อยนายก็ได้ดื่มเข้าไป พวกเขาเหล่านี้ล้วนรู้สึกมีกำลังวังชาและพลังกายที่ล้นเหลือ ต่างพากันกวัดแกว่งอาวุธในมือพร้อมพุ่งออกจากค่าย ท่าทางฮึกเหิมของพวกเขาทำให้เหล่าข้าศึกที่กำลังกรูกันเข้ามาถึงกับชะงักไปชั่วขณะ
การต่อสู้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
กองทัพทั้งสองฝ่ายพุ่งเข้าสู้รบกันอย่างดุเดือด เสียงตะโกนก้องดังสะท้อนไปทั่วสมรภูมิเลือด
….
ภายในค่าย ปู้ฟางกำลังเก็บกระทะที่ว่างเปล่าทั้งสี่ใบ และตั้งท่าจะกลับกระโจมของตน
เว่ยต้าฝูและพ่อครัวประจำกองทัพหลายคนที่ยืนอยู่ไกลๆ ต่างพากันจ้องมองปู้ฟางด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
พวกเขาไม่รู้ว่าควรต้องเผชิญหน้ากับชายหนุ่มอย่างไรดี เนื่องจากตอนแรกต่างพากันคิดว่าคนผู้นี้เป็นเพียงเด็กหน้าใหม่ที่สามารถข่มเหงรังแกได้ตามใจ เหล่าพ่อครัวทั้งหลายไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าไอ้หนุ่มนี่จะมีคนหนุนหลังที่ทรงพลังถึงเพียงนี้
เว่ยต้าฝูไม่อยากเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย แต่ภาพเมื่อครู่นี้ก็ยืนยันสิ่งที่เห็นได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้สถานะของเขายังเปลี่ยนจากหัวหน้าหน่วยโรงครัวไปเป็นพ่อครัววัตถุดิบธรรมดาเสียอีก... นี่เป็นเรื่องที่ยากจะยอมรับจนบางทีเขาคิดว่าฆ่ากันให้ตายเสียจะดีกว่า
วืด! วืด!
เสียงสายธนูดีดดังขึ้นสองครั้งติด ตามมาด้วยลูกธนูสองดอกที่แล่นตัดอากาศไวเหมือนแสงมาแต่ไกล มันพุ่งเข้าปักกลางศีรษะของทหารคุ้มกันหน่วยโรงครัวเข้าเต็มๆ
เว่ยต้าฝูและคนอื่นๆ มองภาพตรงหน้าด้วยดวงตาเบิกกว้าง พวกเขาเงยหน้ามองไปที่ระยะไกล แล้วก็เห็นอสูรเวทหลายสิบตัวกำลังพุ่งเข้ามา
“กองทัพข้าศึก!”
เว่ยต้าฝูและคนอื่นๆ ตะโกนออกมาทันที พิกัดคลังเสบียงของพวกเขาถูกข้าศึกพบเข้าโดยไม่ทันตั้งตัว ตอนนี้พวกมันกำลังพุ่งเข้ามาหาพวกเขาแล้ว แสดงให้เห็นว่าการต่อสู้ในครั้งนี้ดุเดือดเพียงใด!
หากคลังเสบียงถูกทำลาย ทหารจะไม่มีอาหารให้เติมพลัง ซึ่งถือเป็นหายนะของกองทหารลำดับสามอย่างแท้จริง
ในอึดใจนั้นเองหน่วยโรงครัวจะต้องสู้จนตัวตายเพื่อปกป้องคลังเสบียง การปกป้องเสบียงถือเป็นหน้าที่ของพวกเขา มีดที่ใช้ทำอาหารนั้นสามารถใช้ประหัตประหารชีวิตคนได้เหมือนกัน
แม้กองทัพข้าศึกที่มาบุกคลังเสบียงจะไม่ใหญ่มาก แต่ระดับพลังปราณกลับแข็งแกร่งจนสู้ไม่ไหว นอกจากนี้พวกนั้นยังขี่หลังอสูรเวทมาด้วย ทำให้เคลื่อนที่พุ่งตรงมาหาพวกเขาได้รวดเร็วมาก
วืด! วืด!
ธนูที่ถูกยิงออกจากคันธนูยาวของข้าศึกพุ่งเข้าหาเหล่าพ่อครัวอย่างรวดเร็ว แล้วเจาะทะลุร่างของพ่อครัวสองสามคนจนลงไปแดดิ้นอยู่กับพื้น
รูม่านตาของปู้ฟางหดแคบ นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกได้ถึงรังสีสังหารซึ่งโอบล้อมอยู่รอบตัว นี่คือสมรภูมิรบที่แท้จริง สมรภูมิที่มีคติเดียวเท่านั้นคือ “ฆ่าหรือถูกฆ่า”
“ทำลายคลังเสบียงของพวกมันให้ราบคาบ! ท่านแม่ทัพสั่งมาแล้ว เราจะปล่อยให้ใครในกองทหารแห่งเมืองประจิมเร้นลับรอดชีวิตกลับไปไม่ได้โดยเด็ดขาด!”
กองทัพข้าศึกคำรามกึกก้อง ท่าทางฮึกเหิมพร้อมออกศึกของพวกเขาทำเอาเหล่าพ่อครัวขาสั่นกึก แม้จำนวนของทั้งสองฝ่ายจะมีพอๆ กัน แต่พละกำลังนั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว
ปู้ฟางที่เดินแบกกระทะสี่ใบไว้บนบ่าเอี้ยวตัวเล็กน้อยเพื่อหลบลูกดอกที่พุ่งเข้าใส่ ดวงตาของชายหนุ่มเคร่งขึงขึ้นมาทันทีขณะมองกลุ่มศัตรูที่กำลังกระโจนเข้าหา
เจ้าขาวปรากฏตัวขึ้นข้างกายเขา ดวงตาจักรกลของมันกะพริบแสงสีแดงน่ากลัว
ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง!
ลูกธนูสามดอกกระแทกเข้าใส่ร่างของเจ้าขาวจนเกิดเป็นเสียงโลหะกระทบโลหะดังก้อง ก่อนที่หุ่นยนต์ร่างอ้วนจะปัดมือหักลูกธนูเสียสิ้นแล้วโยนทิ้งไปข้างๆ
เมื่อเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว เหล่ากองทัพข้าศึกที่กำลังบุกตะลุยเข้าใส่ต่างก็ชะงักไปครู่หนึ่ง พวกเขาไม่คาดคิดว่าก้อนเหล็กที่โผล่มาจากไหนไม่รู้จะสามารถสกัดลูกธนูาเอาไว้ได้ แต่คนเหล่านั้นก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก
เสียงฝีเท้าม้าดังกึกก้อง ทหารของข้าศึกสองคนกระโจนเข้าใส่เจ้าขาวและปู้ฟาง ในมือถือหอกยาวเอาไว้ ในเมื่อธนูทำอะไรไม่ได้ก็ใช้หอกมันไปเลยปะไร ใครก็ตามที่ขัดขวางการทำลายคลังเสบียงของพวกเขาล้วนต้องตายทั้งสิ้น
เป้าหมายของพวกเขามีเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือทำลายคลังเสบียงของกองทหารแห่งเมืองประจิมเร้นลับ เพื่อให้ทหารของศัตรูอดอยากจนสิ้นกำลัง
กลุ่มของพวกเขารวมเอายอดฝีมือจากลูกน้องสายตรงของโม่หลินเอาไว้ ทุกคนมีพลังปราณแข็งแกร่ง และโม่หลินก็เป็นคนส่งพวกเขามาเองเพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้น
“จับได้ถึงรังสีสังหารที่มีต่อนายท่าน เปลี่ยนระบบปฏิบัติการ เตรียมสังหาร”
เจ้าขาวพึมพำ ดวงตาเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีม่วงเข้ม สีม่วงที่น่ากลัวนี้ล้วนทำให้จิตวิญญาณของใครก็ตามที่ได้เห็นสั่นสะท้าน
ข้าศึกขั้นจิตยุธการสองคนบนหลังอสูรเวทยังคงกวัดแกว่งหอกพลางพุ่งเข้าหาเจ้าขาวและปู้ฟาง
ทันทีที่ดวงตาสีม่วงเริ่มทำงาน พลังรอบกายเจ้าขาวก็เปลี่ยนไป ร่างของมันพุ่งไปข้างหน้ากันตัวปู้ฟางเอาไว้พร้อมยกมือขึ้นมาหนึ่งข้าง มันพยายามจะจับหอกที่กำลังพุ่งเข้าใส่
“รนหาที่ตาย!!”
ศัตรูจ้องเขม็งพร้อมพุ่งหอกใส่เจ้าขาว
แต่ฝ่ามือของเจ้าขาวก็คว้าหอกเอาไว้ได้พร้อมด้วยประกายไฟที่เกิดจากเหล็กชนเหล็ก ข้าศึกสองคนถูกซัดตกจากหลังอสูรเวทม้าทันที
ดวงตาสีม่วงของเจ้าขาวกะพริบวาบ มือที่จับหอกเอาไว้มั่นสะบัดเล็กน้อย มันฟาดหอกใส่อสูรเวทม้าทั้งสองตัวเพื่อให้หยุดเคลื่อนไหว
อสูรเวทม้าทั้งสองเป็นเพียงอสูรเวทระดับสอง ไม่อาจทานทนการโจมตีที่รุนแรงได้ พวกมันทรุดตัวลงกับพื้น เลือดกระฉูดออกจากร่าง หายใจพะงาบๆ รอความตาย
ส่วนข้าศึกทั้งสองที่ถูกหอกซัดไปเมื่อครู่นั้น เจ้าขาวก็พุ่งหอกเข้าใส่พวกเขาอีกระลอก หอกทะลวงร่างปักแน่นลงไปกับพื้น ตรึงพวกเขาเอาไว้พร้อมกองเลือดเจิ่งนองไหลริน
ภาพดังกล่าวน่าสะพรึงกลัวเป็นอันมากไม่ว่าจะกับศัตรูหรือเหล่าพ่อครัว ทุกคนต่างนิ่งอึ้งทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
เว่ยต้าฝูดูจะอาการหนักที่สุด เขาทรุดตัวลงกับพื้น ปากสั่นระริก...
ภาพตรงหน้าช่างน่ากลัวเกินไป ศัตรูสองคนถูกหอกพุ่งปักเอาไว้คาพื้น ดวงตาเบิกกว้างแทบถลนด้วยความเกลียดชังจับใจ
ปีศาจที่ชอบจับคนแก้ผ้า… จริงๆ แล้วทรงพลังถึงเพียงนี้เชียวหรือ
ศัตรูที่ต่อกรกับมันบุกเข้ามาบนหลังม้า แต่กลับถูกซัดกระเด็นตกลงไป ม้าถูกหอกฟาดจนตายคาที่ ส่วนคนขี่ก็ถูกตรึงไว้กับพื้นเหมือนโดนตอกตะปู
สิ่งน่ากลัวนี้อยู่ข้างกายปู้ฟางมาตลอด แต่พวกเขากลับโง่เง่าวิ่งเข้าไปแส่หาเรื่องเองถึงที่
เมื่อเหล่าพ่อครัวนึกย้อนไปถึงตอนที่ถูกเจ้าขาวจับแก้ผ้า พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะดีใจขึ้นมา เจ้านั่นแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ หากใช้มือที่ฉีกเสื้อผ้าพวกเขาทำอย่างอื่น คงคร่าชีวิตกันได้โดยที่แทบไม่ต้องออกแรง
ปู้ฟางที่แบกกระทะสี่ใบเอาไว้บนหลังหันกลับมามองศัตรูที่ถูกตรึงตายคาพื้นด้วยดวงตาสงบนิ่ง เมื่อชายหนุ่มเห็นเว่ยต้าฝูและคนอื่นๆ ที่อยู่ไม่ไกลถือหอกเอาไว้ในมือ พร้อมเสี่ยงชีวิตตายเป็นตายต่อกรกับศัตรู เขาก็หันหลังกลับแล้วเดินจากไปอย่างไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ
กลุ่มศัตรูขนาดย่อมบันดาลโทสะเป็นอันมาก พวกเขาพากันกรูเข้าใส่เจ้าขาวทันที พวกเขาเป็นถึงกองทหารที่แข็งแกร่งที่สุดใต้อาณัติของโม่หลิน แต่กลับเสียเพื่อนร่วมรบในภารกิจนี้ไปเสียได้
เจ้าขาวตาสีม่วงเปลี่ยนมือของตนเองให้กลายเป็นมีดเล่มยักษ์
ศัตรูหลายสิบคนกรูกันเข้ามาแล้วพยายามล้อมมันไว้ แต่ตัวเจ้าขาวเองก็พุ่งเข้าใส่ข้าศึกเช่นกัน
จากนั้น… ฉากที่พ่อครัวแห่งหน่วยโรงครัวจะไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิตก็บังเกิดขึ้น
ศัตรูที่ส่งพลังกดดันใส่พวกเขาได้อย่างรุนแรงเสียจนทำเอาหายใจไม่ออก กลับถูกหุ่นเชิดสีขาวปลิดชีพอย่างง่ายดาย จนเลือดสาดกระจายไปทุกทิศทาง หุ่นเชิดวาดแขนกวัดแกว่งมีดในมือสังหารข้าศึก ภายในอึดใจเดียว เหล่าศัตรูก็ถูกกำจัดสิ้นซากไม่มีโอกาสได้โต้กลับแม้แต่น้อย
ร่างกายของเจ้าขาวยังคงสะอาดเป็นมันเงาท่ามกลางซากศพนับสิบ เลือดที่สาดกระจายใส่ตัวของมันถูกทำความสะอาดทันที ทำให้ร่างกายโลหะยังคงเอี่ยมอ่องไร้จุดด่างพร้อย
แสงสีม่วงในดวงตาของมันกะพริบวาบก่อนจะเปลี่ยนกลับมาเป็นสีแดงอีกครั้ง ดวงตาของมันหันมากวาดมองเหล่าพ่อครัวที่กำลังตัวสั่นงันงก ก่อนจะเดินตามปู้ฟางที่แบกกระทะทั้งสี่เอาไว้บนบ่าไปต้อยๆ
ลมพัดหอบเอากลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งให้ลอยไปในอากาศ เว่ยต้าฝูรู้สึกว่าการที่ตอนนี้เขายังมีลมหายใจอยู่… เป็นดั่งปาฏิหาริย์ไม่มีผิด