จุดแสงสีขาวจางหายไปราวกับเป็นน้ำที่ระเหย ไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้แม้แต่น้อย
ดวงตาของชายผมสีดอกเลาเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน จู่ๆ เขาก็เปิดปากก่อนจะส่งเสียงคำรามออกมาดังสนั่น สีหน้าของเขาเผยแววชั่วร้าย ความเยือกเย็นที่อยู่ลึกลงไปภายในแววตาเพียงพอที่จะเขย่าขวัญผู้คนได้
วงแหวนปราณผสานวิญญาณถูกคนชิงไปอย่างนั้นหรือ
หากท่านมหาพรตรู้เรื่องนี้เข้า เขาต้องถูกลงโทษอย่างแสนสาหัสแน่ เกียรติของท่านมหาพรตจะให้ใครมาลบหลู่ไม่ได้
“มันเป็นใคร! กล้าดีอย่างไรมาชิงวงแหวนปราณผสานวิญญาณไป! บัดซบ! บัดซบที่สุด!”
ชายผมสีดอกเลาตะโกนลั่นด้วยแรงโทสะ เป็นไปได้อย่างไรที่เมืองประจิมเร้นลับจะมีผู้ที่แข็งแกร่งขนาดนั้นอยู่ด้วย นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน และเมื่อเขาตัดสินใจลงมือ มันก็สายไปเสียแล้ว
“พวกอสูรชั่วร้ายจากลัทธิอสุราจงตายเสีย!”
เสียงตะโกนดังลั่นแต่กลับฟังไพเราะเสนาะหูสะเทือนไปถึงสรวงสวรรค์ ร่างงดงามที่กำลังเดินเหินอยู่บนเมฆปรากฏให้เห็นต่อหน้าผู้คน ทรวดทรวงอรชรถูกปกป้องไว้ด้วยเกราะพลังปราณเที่ยงแท้
สีหน้าของหนี่หยันเคร่งเครียดทว่าก็ยังดูน่าหลงใหล ในมือของนางถือกระบี่ยาวเล่มงามที่สะท้อนแสงเจิดจ้า
จิตสังหารปะทุออกมาจากดวงตาของชายผมสีดอกเลา จู่ๆ เขาก็กระทืบเท้าลงพื้นก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนฟ้าเพื่อประมือกับหนี่หยันต่อ
…
จักรวรรดิวายุแผ่ว ร้านเล็กๆ ของฟางฟาง
ห้องบนชั้นสองเงียบสงัดเหมือนเคย แสงแดดส่องทะลุหน้าต่างเข้ามาทำให้ภายในห้องสว่างด้วยแสงนุ่มนวลอบอุ่น
จู่ๆ จุดแสงก็ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าภายในห้องที่สว่างไสวไปด้วยแสงอาทิตย์ มันหมุนวนเหมือนวิญญาณที่เริงร่า ก่อนจะก่อตัวกันเป็นวงแหวนปราณเคลื่อนย้ายกลางอากาศ วงแหวนปราณส่งเสียงหึ่งๆ จากนั้นลมก็ก่อตัวขึ้นพลางส่งเสียงหวีดหวิวออกมา
ร่างสูงโปร่งปรากฏขึ้นภายในพายุลมแรงก่อนจะก้าวออกมาจากวงแหวนปราณ เส้นผมของเขาเต้นไหวไปในสายลม
ปู้ฟางกำยันต์วงแหวนปราณที่สร้างจากยันต์ห้าแผ่นเอาไว้แน่นในมือข้างหนึ่งขณะก้าวออกมาจากวงแหวนปราณเคลื่อนย้าย แสงสีขาวเจิดจ้าส่องสว่างอยู่ชั่วอึดใจก่อนจะหายไป ทุกอย่างกลับคืนสู่ความเงียบสงบอีกครา
ผมของปู้ฟางหยุดพลิ้วไหวแล้วทิ้งตัวลงมาเคลียบ่าอย่างเงียบเชียบ ร่างของชายหนุ่มอาบไล้ด้วยแสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา ทำให้ชายหนุ่มเหมือนมีแสงสีทองสะท้อนอยู่ทั่วร่าง
“เฮ้อ…”
ปู้ฟางรู้สึกได้ถึงจิตใจที่สงบของตนจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ กลิ่นอันคุ้นเคยในห้องทำให้เขารู้สึกเปี่ยมสุข จู่ๆ ดวงตาที่กำลังหรี่เล็กของปู้ฟางก็เบิกกว้างขึ้น ชายหนุ่มหมุนตัวกลับไปดูความว่างเปล่าเบื้องหลัง จุดแสงที่ดูเหมือนจะหายลับไปเมื่อครู่ยังปรากฏให้เห็นเล็กน้อย
ความว่างเปล่าตรงหน้าเริ่มบิดเบี้ยวแล้วก่อเกิดเป็นวังวน เสียงเปลวไฟแตกปะทุดังก้องออกมาพร้อมความร้อนที่แผดเผา
ลูกธนูเพลิงสีดำสนิทพุ่งออกมาจากความว่างเปล่าตรงเข้าใส่ปู้ฟาง พลังของมันช่างน่าสะพรึงกลัว ตัวลูกธนูฉาบเคลือบไปด้วยจิตสังหารซึ่งดูเหมือนจะมีเป้าหมายเดียว นั่นคือทะลวงร่างของปู้ฟางให้แหลกเละ
เห็นได้ชัดว่านี่คือการโจมตีเต็มกำลังของขั้นเทพแห่งสงคราม
ขนทั่วร่างของปู้ฟางลุกชันทันที เขารู้สึกได้ถึงอันตรายร้ายแรงที่กำลังโอบล้อมเข้ามา
วงแหวนปราณเคลื่อนย้ายไม่เพียงย้ายเขากลับมา แต่มันพาลูกธนูมาที่นี่ด้วย…
ปู้ฟางไม่ได้คาดคิดว่าเรื่องจะเป็นเช่นนี้
ร้านอาหารยังไม่เปิดทำการเพราะตอนนี้ยังเช้าอยู่มาก อวี่ฝูกำลังฝึกฝนทักษะการใช้มีดและการแกะสลักอยู่ในครัว
สุนัขสีดำตัวใหญ่ที่นอนหลับอย่างสงบอยู่หน้าทางเข้าร้านจู่ๆ ก็ผงกหัว มันลืมตาที่ยังง่วงงุนขึ้น นัยน์ตาของมันส่องประกายด้วยความคิดแปลกประหลาด ในชั่วลมหายใจนั้นมันก็ยกอุ้งเท้าขึ้นเลีย ก่อนจะตบลงไปในอากาศ
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอันตรายจากลูกธนูของผู้ฝึกตนขั้นเทพแห่งสงคราม ควันสีเขียวก็ลอยวนขึ้นมาจากข้อมือของปู้ฟาง ทันทีที่มาถึงร้านเล็กๆ แห่งนี้ ร่างแยกของเจ้าขาวก็หายตัวไปไม่อาจมาบังลูกธนูให้ได้ ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงพึ่งพาตนเองเท่านั้น
แต่ทันทีที่เขากระชับมีดทำครัวกระดูกมังกรทองในมือ อุ้งเท้าปุกปุยของสุนัขก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ
มุมปากของปู้ฟางยกขึ้น ร่างกายผ่อนคลายลง ปู้ฟางควงมีดทำครัวกระดูกมังกรทองในอากาศอยู่ชั่วอึดใจหนึ่ง ก่อนที่มันจะกลายเป็นควันสีเขียวแล้วสลายหายไป
อุ้งเท้าปุกปุยของสุนัขตบใส่ลูกธนูจนมันหยุดนิ่ง ก่อนจะระเบิดเสียงดังสนั่น เศษชิ้นส่วนของลูกธนูสลายหายไป จากนั้นห้องก็กลับคืนสู่ความสงบเงียบดังเดิม ส่วนอุ้งเท้าสุนัขก็หายไปด้วย
ปู้ฟางถอนหายใจอย่างเฉยชาอีกครั้งก่อนจะผ่อนคลายได้ในที่สุด ชายหนุ่มปรายตามองยันต์วงแหวนปราณก่อนจะโยนมันลงไปบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจนัก หลังจากนั้นชายหนุ่มก็วางสัมภาระทั้งหมดบนตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
หลังจากแช่น้ำร้อนจนสบายใจแล้ว ปู้ฟางก็เดินออกมาทั้งที่ผมยังหมาดๆ เขาสวมชุดสบายๆ แล้วเดินลงไปที่ครัว
เสียงการฝึกฝนทักษะการใช้มีดดังก้องมาจากห้องครัว เสียงนั้นฟังดูแข็งขันมาก เสียงกระทบเขียงรัวเร็วเผยให้เห็นพัฒนาการของอวี่ฝูในช่วงเวลาครึ่งเดือนที่ผ่านมา
อวี่ฝูยังไม่รู้สึกตัวว่าปู้ฟางเดินเข้ามาในครัวแล้ว นางยังคงจดจ่ออยู่กับการฝึกทักษะการใช้มีด มีดทำครัวในมือของนางหั่นวัตถุดิบได้อย่างลื่นไหลและต่อเนื่องราวกับมีชีวิต
จู่ๆ มีดก็หยุดเคลื่อนไหวเมื่ออวี่ฝูสัมผัสได้ว่ามีคนเข้ามา นางเงยศีรษะขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าสวยงามน่ารัก ในที่สุดหญิงสาวก็เห็นปู้ฟางผู้ที่ยืนอยู่ในครัวทั้งที่ผมยังชื้นอยู่
นัยน์ตาของอวี่ฝูหดเล็กก่อนที่ใบหน้าของนางจะเปลี่ยนจากตกใจเป็นปลื้มปีติ
“เถ้าแก่ปู้ ท่านกลับมาแล้ว!”
เถ้าแก่ปู้กลับมาจนได้! เวลาผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว หากเขากลับมาช้ากว่านี้อีกนิด อวี่ฝูคงคิดว่ามีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นกับอีกฝ่ายเป็นแน่
“ไม่เลวเลย ทักษะการใช้มีดของเจ้าดีขึ้นนี่” ปู้ฟางชมพร้อมพยักหน้าให้ “ฝึกต่อไป ข้าจะไปทำซี่โครงเปรี้ยวหวานให้เจ้าดำ” ปู้ฟางพูด
อวี่ฝูพยักหน้าอย่างเชื่อฟังก่อนก้มหน้าฝึกต่อ
ปู้ฟางเดินไปที่โต๊ะทำอาหาร หลังจากที่ไม่ได้ใช้เตาของตัวเองมาเป็นเวลาร่วมครึ่งเดือน ปู้ฟางก็เริ่มคิดถึงมันขึ้นมาถนัดใจ เมื่อชายหนุ่มยกมือสัมผัสเตาไฟที่ตอนนี้เย็นเยียบ มุมปากของเขาก็เผยอขึ้นน้อยๆ เขาค่อยๆ เลือกมีดทำครัวมาวางไว้ จากนั้นก็หยิบวัตถุดิบออกมาจากตู้ ชายหนุ่มหั่นเนื้อบริเวณใกล้กระดูกสันหลังเป็นชิ้นเต๋าด้วยการควงมีดอย่างรวดเร็ว
ปู้ฟางติดเตา รอให้กระทะร้อนพอแล้วจึงเริ่มทำซี่โครงเปรี้ยวหวานที่ไม่ได้ทำมาเนิ่นนาน
ไม่นานนักกลิ่นเนื้อหอมหวานก็ปกคลุมไปทั่วร้านเล็กๆ ทันทีที่ได้กลิ่นเนื้อ อวี่ฝูก็ลดความเร็วในการฝึกใช้มีดลงดวงตาเบิกกว้าง เมื่ออยู่ที่นี่นานเข้า นางก็เริ่มรับรู้กลิ่นอาหารได้ดีกว่าแต่ก่อน หญิงสาวบอกได้ทันทีว่าซี่โครงเปรี้ยวหวานที่เถ้าแก่ปู้กำลังทำอยู่ตอนนี้เข้มข้นกว่าจานที่เขาเคยทำในอดีต
สวรรค์! หรือว่าทักษะการทำอาหารของเถ้าแก่ปู้จะเพิ่มพูนขึ้นอีก!
ช่างแข็งแกร่งอะไรเช่นนี้ ทักษะของเถ้าแก่ปู้ตอนแรกก็เยี่ยมยอดอยู่แล้ว ตอนนี้ยังจะพัฒนาขึ้นอีก ดูท่าว่านางจะเสียเวลาไม่ได้แล้ว มิเช่นนั้นฝีมือของนางกับเถ้าแก่ปู้จะยิ่งห่างชั้นกันเข้าไปใหญ่
ปู้ฟางเอียงกระทะเทซี่โครงเปรี้ยวหวานที่หอมหวานเข้มข้นลงในจานกระเบื้องเคลือบ ซี่โครงเปรี้ยวหวานสีสันสดใสกลิ่นหอมยวนใจก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์
ชายหนุ่มเหลือบมองอวี่ฝูที่กำลังฝึกฝนอย่างขันแข็ง จากนั้นก็หยิบจานขึ้นมาด้วยนิ้วเรียวยาวก่อนจะถือมันออกจากครัวไป
ทันทีที่ปู้ฟางเปิดประตูร้าน ภาพตรอกที่เงียบเหงาก็ปรากฏสู่สายตา ถึงแม้ตรอกนี้จะดูจืดชืดจำเจ แต่ก็ให้ความรู้สึกสบายใจกับปู้ฟางไม่น้อย
เจ้าดำกำลังนอนอุตุอยู่ที่ทางเข้าร้าน
“เจ้าดำ มากินอาหาร” ปู้ฟางเรียกแล้ววางจานซี่โครงเปรี้ยวหวานลงตรงหน้าเจ้าดำ ก่อนจะเดินไปลูบขนอ่อนนุ่มของมันเล่น จมูกของเจ้าสุนัขสีดำกระตุกก่อนที่มันจะลืมตาซึ่งส่องประกายกล้าขึ้นมา
ซี่โครงเปรี้ยวหวาน!
เจ้าดำรีบผุดลุกขึ้นอย่างดีใจ ก่อนจะเริ่มสวาปามอาหารในจานกระเบื้องเคลือบ
หลังจากกินซี่โครงเปรี้ยวหวานไปหนึ่งชิ้นในพริบตา จู่ๆ เจ้าดำก็ตัวแข็งทื่อ มันเงยหัวขึ้นจ้องมองปู้ฟางอย่างไม่แน่ใจ แววตาเจือร่องรอยของความงุนงงและตกใจ
‘ทำไมซี่โครงเปรี้ยวหวานจานนี้… ถึงอร่อยขึ้นกว่าแต่ก่อนนะ’
ถึงแม้จะสับสน แต่เจ้าดำก็ดีใจที่ได้กินซี่โครงเปรี้ยวหวานที่อร่อยขึ้น มันจึงไม่คิดใส่ใจอีกต่อไป จากนั้นก็ลงมือกินต่ออย่างตะกละตะกลามกว่าเก่า
มุมปากของปู้ฟางยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน บิดขี้เกียจแล้วสูดหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในร้าน เขายกแผ่นไม้ที่ปิดทางเข้าร้านออก เป็นสัญญาณว่าร้านค้าเปิดให้บริการแล้วในวันนี้
ผมของปู้ฟางแห้งพอดี เขาจึงมองหาเชือกมารัดมัน ชายหนุ่มดึงเก้าอี้ออกมาตัวหนึ่งจากนั้นก็นั่งลง ก่อนจะงีบหลับอย่างเปี่ยมสุข
แน่นอนว่าบรรยากาศภายในร้านยังสุขสบายเช่นเดิม
ไม่นานนักเซียวเสี่ยวหลงก็มาถึงร้านอย่างกระปรี้ประเปร่า ทันทีที่เข้าร้านมา เขาก็เห็นปู้ฟางที่กำลังนั่งงีบอยู่บนเก้าอี้
“เถ้าแก่ปู้! ในที่สุดท่านก็กลับมาเสียที!” เซียวเสี่ยวหลงตะโกนด้วยความลิงโลดใจ
ปู้ฟางเผยอตาขึ้นเล็กน้อยก่อนจะมองไปยังเซียวเสี่ยวหลง “ฝึกทักษะการใช้มีดไปถึงไหนแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะทดสอบ… ขอให้เจ้าโชคดีก็แล้วกัน”
ความตื่นเต้นบนใบหน้าของเซียวเสี่ยวหลงจางหายไปแปรเปลี่ยนเป็นความตึงเครียด อึดใจต่อมาใบหน้าของชายหนุ่มก็บิดเบี้ยวน่าเกลียดราวกับว่าถ่ายไม่ออก เซียวเสี่ยวหลงรีบจ้ำอ้าวเข้าไปในครัวทันที
ปู้ฟางปิดตาลงเตรียมจะงีบอีกรอบ
“ขอแสดงความยินดีกับนายท่านที่บรรลุภารกิจฉุกเฉิน เดินทางไปยังเมืองประจิมเร้นลับและเข้าร่วมกองทหารในฐานะพ่อครัวประจำกองทัพได้สำเร็จ ท่านปรุงอาหารสามจานที่ผ่านมาตรฐานตามที่ระบบตั้งไว้ได้ตามเวลาที่กำหนด ระบบจะมอบของรางวัลจากภารกิจให้ท่านเดี๋ยวนี้”
“ของรางวัลจากภารกิจ เพิ่มพลังปราณเที่ยงแท้ขึ้นร้อยละสิบ พร้อมทั้งเสี้ยวหนึ่งของชุดอุปกรณ์พ่อครัวเทพ การมอบรางวัลเสร็จสิ้นแล้ว”
“รวบรวมชิ้นส่วนชุดอุปกรณ์พ่อครัวเทพครบทั้งสามส่วนแล้ว เริ่มการแปรสภาพชุดอุปกรณ์พ่อครัวเทพชิ้นที่สอง…”