ความรู้สึกไม่คุ้นเคยอย่างหนึ่งซัดวนมาจากท้อง กลิ่นอายรัศมีดุร้าย แทบจะไม่ให้โอกาสเขาทันได้ตั้งตัว ความรู้สึกไม่คุ้นเคยนั้นเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวดรวดร้าวประหนึ่งคมมีด ต่อให้เขาใช้พลังลมปราณแท้จริงในร่างกายก็ไร้ประโยชน์ ในทางกลับกันคือยิ่งพยายามควบคุมยิ่งเจ็บปวดทรมาน
หลินชิงเวยกำลังนอนหนุนแขนทั้งคู่ของตนต่างหมอน นางเอนกายนอนวาดเท้าอยู่บนเตียงปรากฏให้เห็นปลายเท้าเปลือยเปล่า เสียงขู่ฟ่อๆ ของงูที่ดังขึ้นข้างนอกนั้นมิใช่นางไม่ได้ยิน เพียงแต่ได้ยินแล้ว ทว่านางกลับไม่เคลื่อนไหวอันใด ราวกับเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนาง
ความจริงได้พิสูจน์แล้วเช่นกันว่าเมื่อสักครู่ขณะที่นางอยู่ในห้องของซินหรู เงาร่างดำมืดที่คล้ายมีคล้ายไม่มีบริเวณหน้าต่างนั้นมิใช่นางคิดไปเอง แต่มีคนลอบเข้ามาจริงๆ ทว่ากลับมิยอมเผยโฉมหน้า
นางคิดในใจ นี่คงเป็นสตรีผู้ไม่ประสงค์ดีนางใดอีก ทำลับๆ ล่อๆ ในเมื่อคิดจะมาทำเรื่องไม่ดี เช่นนั้นก็อย่าหาว่านางไม่เกรงใจ รอให้ถึงพรุ่งนี้เช้าภายในเรือนคงมีศพเพิ่มขึ้นอีกศพหนึ่ง นางจะได้นำไปส่งมอบให้กับหมัวมัวอาวุโสในตำหนักเย็นทำให้แหลกละเอียดเพื่อนำมาทำเป็นปุ๋ยให้กับแปลงสมุนไพร
ระยะเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วัน หลินชิงเวยก็เรียนรู้วิธีการที่จะเอาตัวรอดและดำรงชีวิตต่อไปในสถานที่แห่งนี้ อยู่ที่นี่ระหว่างคนกับคนไม่อาจปฏิบัติอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน หากต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปจำเป็นต้องทำให้พวกนางเกรงกลัวเจ้า
ทันใดนั้น เสียงที่ดังอยู่ด้านนอกประตูคือเสียงฝีเท้าอันยุ่งเหยิง หลินชิงเวยได้ยินแล้วตื่นตะลึงในใจ ในนาทีถัดมามีคนบุกรุกเข้ามา
ความว่องไวนั้นรวดเร็วปานสายฟ้า ทำให้คนตกตะลึง หลินชิงเวยยังไม่ทันได้ลุกขึ้นมานั่ง กลิ่นอายอันเย็นเยียบก็โจมตีเข้าใส่นาง เมื่อนางช้อนตาขึ้นอีกครั้งกลับปะทะเข้ากับเงาร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่ง อีกฝ่ายกลับยื่นมือออกมากุมลำคอของนางเอาไว้
หลินชิงเวยหายใจระรัวในชั่วพริบตา
ทว่าอีกฝ่ายหอบหายใจระรัวยิ่งกว่านางอีก
หลินชิงเวยจึงสงบจิตสงบใจลงได้ทันที
ประเมินจากน้ำหนักมือของอีกฝ่ายแล้ว อัตราความเร็วในการหายใจ และน้ำหนักตัว ส่วนสูง หลินชิงเวยแน่ใจว่าเขาเป็นผู้ชาย อีกทั้งเป็นผู้ชายที่บ้าคลั่งคนหนึ่ง
ประตูเรือนเปิดออกกว้าง มีแสงจันทร์สีเงินส่องผ่านชั้นเมฆเข้ามา ส่องสะท้อนลงมาบนพื้นอย่างเงียบเชียบ ทำให้ค่ำคืนนี้ยิ่งดูอ้างว้าง
แสงสว่างจากแสงจันทร์ ไม่เพียงพอที่จะมองเห็นใบหน้าของชายหนุ่มให้ชัดเจนได้ เส้นผมของเขากระจัดกระจายเป็นสองส่วนจากด้านหลังศีรษะ เส้นผมนั้นเหยียดตรง ลมหายใจอันอบอุ่นนั้นรินรดใบหน้าของหลินชิงเวย
ทำให้นางรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด
หลินชิงเวยค่อยๆ ยกยิ้มมุมปาก ราวกับอีกฝ่ายทนไม่ได้ที่จะเห็นรอยยิ้มอันสว่างสดใสของนาง จึงเพิ่มแรงบีบที่มือขึ้นอีกสองส่วนพร้อมกับพูดเสียงต่ำว่า “พูดมา ยาถอนพิษอยู่ที่ใด?”
หลินชิงเวยเชิดคางขึ้นเล็กน้อยแล้วหันไปเผชิญหน้ากับเขา นางหายใจติดขัดและพูดขึ้นอย่างยากลำบาก “ให้ข้าลองทายดู ท่านคงถูกงูกัดเข้าให้แล้ว…หรือว่ากินยาผิดขนาน?”
อีกฝ่ายบีบลำคอของนางแน่นขึ้นอีก ราวกับหากเพิ่มกำลังอีก คงจะทำให้ลำคออันบางระหงของนางหักคามือได้
ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว นางยังคงมีท่าทีไม่อนาทรร้อนใจ ไม่ตื่นตระหนก ไม่ลนลาน
นางถึงกับยื่นมือเล็กๆ ที่อ่อนนุ่มราวกับไร้กระดูกออกมาลูบไล้ใบหน้าของบุรุษผู้นั้นเบาๆ แล้วค่อยๆ เลื่อนลงสู่เบื้องล่าง เมื่อลูบไปถึงบริเวณหน้าอกของชายหนุ่มจึงเอ่ยขึ้นอีกว่า “ไม่สบายตรงนี้?” ร่างของบุรุษผู้นั้นเต็มไปด้วยโทสะ นางกลับเลื่อนมือลงเบื้องล่างอย่างไม่รู้ดีชั่วแล้วประทับฝ่ามือลงบนหน้าท้องของเขา พร้อมกับดีดเบาๆ กล้ามเนื้อหน้าท้องนั้นแน่นเป็นมัดๆ นางยิ้มราวกับบุปผาที่กำลังบานสะพรั่ง “หรือว่าไม่สบายตรงนี้? หรือ…”
นางยังคิดจะลูบไล้ลงสู่เบื้องล่างอีก ทว่าบุรุษผู้นั้นสิ้นความอดทน “เหตุใดเจ้าจึงได้กล้าหาญเช่นนี้ ไม่กลัวว่าข้าจะสังหารเจ้าหรือ?
ทันทีที่เขาพูดจบ หลินชิงเวยก็หัวเราะขึ้นเบาๆ สองครั้ง “คืนนั้น ชายหนุ่มที่บุกรุกเข้าไปบนเตียงของข้าเป็นท่านจริงๆ หากท่านต้องการสังหารข้า ก็คงสังหารข้าไปนานแล้วมิใช่หรือ?”