เซียวอี้ไหนเลยจะไม่ป้องกันตัว จังหวะที่ปลายนิ้วกลมๆ เล็กๆ ห่างจากดวงตาของไม่ถึงครึ่งชุ่น เขาจับปลายนิ้วของหลิวชิงเวยได้ง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ เขากุมปลายนิ้วของนางไว้ในอุ้งมือของตนแล้วดึงขึ้นมาจุมพิตเบาๆ ที่ริมฝีปาก
เซียวอี้ดูเหมือนอารมณ์ดีไม่น้อย เขาพูดอย่างเบิกบานใจว่า “สตรีเช่นเจ้านี้ช่างเผ็ดร้อนยิ่งนัก ทว่าเจ้ายิ่งเป็นเช่นนี้ข้ากลับยิ่งชมชอบ”
ดวงตาของหลินชิงเวยโค้งลง รอยยิ้มยิ่งเจิดจ้าสว่างไสว “จริงหรือ ท่านชอบมากจริงหรือ? แล้วเช่นนี้เล่า?” พูดแล้วนางก็พลิกปลายนิ้วของมืออีกข้างหนึ่งที่ค้ำลงบนโต๊ะแต่งตัว เข็มเงินเล่มหนึ่งแทงลงบนช่วงเอวของเซียวอี้ทันที
เซียวอี้หายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง แววตาของเขาเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา เขารู้สึกชาที่บริเวณเอวและหน้าท้อง ความชานั้นค่อยๆ ลุกลามลงไปที่บริเวรหน้าท้องลงไป
ฝ่ามือของเซียวอี้ที่โอบอยู่บริเวณช่วงเอวของหลินชิงเวยแผ่ความร้อนออกมา บรรยากาศเริ่มคลุมเครือและกำกวม “เจ้ากลัวว่าข้าจะไม่สนใจเจ้าหรือไร ต้องใช้วิธีการเช่นนี้มากระตุ้นข้า? แต่ข้าชมชอบ เข้าสู่เรื่องหลักตั้งแต่เริ่มต้น…”
ยังเอ่ยไม่ทันประโยคเซียวอี้พลันส่งเสียงร้องอึกอัก สีหน้าของเขาจากขาวกลายเป็นเขียว จากเขียวกลายเป็นแดงอีกครั้ง ใบหน้าของเขาแดงก่ำ เส้นเลือดสีเขียวข้างขมับของเขาเต้นตุบๆ ราวกับจะระเบิดออกมา
หลินชิงเวยหัวเราะแล้วผลักร่างของเซียวอี้ไปด้านหลัง
เมื่อหันมามองหลินชิงเวยอีกครั้ง เขางอเข่าขึ้นมาข้างหนึ่งค้างอยู่ในท่านั้นโดยไม่วางเข่าลงมา นางกล่าวขึ้นว่า “ท่านอ๋อง ยังมีความสุขดีหรือไม่?”
เห็นท่าทางทุกข์ทรมานของเซียวอี้แล้วไม่ต้องพูดถึงว่าหลินชิงเวยเบิกบานใจเพียงใด ครั้งที่แล้วนางต้องทนกับความรู้สึกน่าสมเพช ครั้งนี้นับว่าได้เอาคืนบ้างแล้ว
ราวกับหลินชิงเวยเป็นสิ่งของของเขาอย่างไรอย่างนั้น หากครั้งหน้าต้องตกอยู่ในมือเขา นางต้องมีจุดจบไม่ดีแน่นอน
หลินชิงเวยเชิดคางขึ้น “ข้าไม่ชอบถูกผู้อื่นบีบบังคับ นี่คือสิ่งที่ท่านอ๋องติดค้างข้าในคราวก่อน ข้าคืนให้ท่านอ๋องแล้ว” พูดแล้วก็หันกายเดินจากไป เดินออกไปสองก้าวกลับหยุดกึก นางกลอกนัยน์ตารอบหนึ่งแล้วกล่าวยิ้มๆ ว่า “ท่าทางของท่านอ๋องล้วนเป็นเยี่ยงนี้แล้ว ยังคิดจะทดลองกับข้า? หากข้ายินยอม เช่นนั้นคงไม่เลวเช่นกัน”
เซียวอี้ “อย่างไรเล่า ตบหน้าแล้วยื่นพุทราหวาน[1]ให้หรือไร?”
หลินชิงเวย “เห็นแก่ที่ท่านอ๋องได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังเป็นเวลากลางวันแสกๆ ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะทำเรื่องเช่นนี้ ไม่สู้รอคืนนี้ให้ท่านอ๋องได้บำรุงและสะสมกำลังให้เกรียงไกรแล้ว”
เซียวอี้เดือดดาลจนต้องหัวเราะออกมา “เช่นนั้นเจ้าตายแน่นอน ต่อให้เจ้าไม่มา เปิ่นหวางก็จะหาเจ้าจนพบเช่นกัน!”
อย่างไรก็เป็นสตรีชื่อเสียงฉาวโฉ่วนางหนึ่ง ปากของผู้อื่นไม่ได้พูดออกมา ทว่ามีใครบ้างไม่แจ่มแจ้ง
หลังจากหลินชิงเวยออกไป เซียวอี้อยู่ในห้องส่วนตัวของสตรีเพียงลำพัง เขานั่งหอบหายใจอยู่บนพื้น
เซียวอี้นั่งพักอยู่เนิ่นนานความรู้สึกเจ็บปวดจึงบรรเทาเบาบางลงบ้าง แต่บริเวณต่ำกว่าหน้าท้องยังคงชาไปทั้งแถบ ส่งผลให้เขาไร้ความรู้สึก
หลินชิงเวยออกมาจากเรือนหลังเล็กโดยไม่หันกลับไปมอง นางช้อนตาขึ้นมองท้องฟ้าปลอดโปร่งแจ่มใส อารมณ์ก็พลอยเบิกบานไปด้วย นางร้องเพลงระหว่างทางที่เดินกลับมายังเรือนปีกตะวันออก
เซียวเยี่ยนพักผ่อนอยู่ในเรือนตะวันออก วันนี้เขามีความอดทนอยู่ในเรือนของผู้อื่นอย่างน่าประหลาดนัก ให้เขาเซ่อเจิ้งอ๋องผู้รักความสะอาดเป็นที่สุดต้องรู้สึกคันยุบยิบเหมือนมีมดไต่อยู่ตามร่างกาย หากเป็นเมื่อก่อนเขาจะต้องออกจากที่นี่และกลับวังหลวงทันที แต่วันนี้เขากลับยืนกรานที่จะอยู่ที่นี่ไม่ได้กลับไป
ที่จริงแล้วเซียวเยี่ยนอยากจะสกัดจุดหลับของตนเองยิ่งนัก ให้ตนเองหลับใหลไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราว
ประตูเรือนถูกมือเล็กๆ ข้างหนึ่งผลักให้เปิดออก เซียวเยี่ยนลืมตาขึ้นมอง เห็นหลิงชิงเวยกำลังเดินเข้ามาจากข้างนอก นางเปลี่ยนอาภรณ์ชุดใหม่แล้วยิ่งขับให้นางอ่อนเยาว์ประดุจดอกบัวในต้นฤดูร้อน รอยยิ้มบนใบหน้าเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์
หลินชิงเวยเข้ามาประคองเซียวเยี่ยนลุกขึ้นมานั่งเอนกายกับหัวเตียงแล้วถามว่า “เสด็จอา รู้สึกอย่างไรบ้างเพคะ?”
เซียวเยี่ยนมองนางจับชีพจรให้ตนเอง เอ่ยเนิบๆ ว่า “ไม่เป็นอย่างไร”
หลินชิงเวยกล่าว “เสด็จอานอกจากอ่อนแรงเล็กน้อยก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเพคะ” นางหยิบยาลูกกลอนออกมาอีกเม็ดหนึ่งส่งไปที่ข้างริมฝีปากของเซียวเยี่ยนพร้อมเอ่ยด้วยอย่างเบิกบานใจว่า “มา อ้าปาก กินยานี้ลงไป ท่านก็จะฟื้นฟูพละกำลังได้อย่างรวดเร็ว”
เซียวเยี่ยนกินยาลูกกลอนเม็ดนั้นลงไป หลินชิงเวยบอกให้เขาเดินพลังลมปราณ เขาพูดเสียงสูงว่า “เปิ่นหวางอาหารเป็นพิษจริงๆ?” ยาลูกกลอนที่หลินชิงเวยให้เขากินก่อนหน้านี้มิใช่ยาพิษร้ายแรงอะไร เพียงแต่ทำให้เขาไม่มีเรี่ยวแรงอีกทั้งส่งผลให้ร่างกายและใบหน้าปรากฏอาการเช่นต้องพิษเท่านั้น
หลินชิงเวยกล่าว “ใช่หรือไม่ เสด็จอาควรจะกระจ่างแจ้งกว่าหม่อมฉันนะเพคะ” นางกะพริบตาปริบๆ ใส่เซียวเยี่ยน “เดิมทีหม่อมฉันเพียงแต่ให้เสด็จอาร่วมมือกับหม่อมฉัน คิดไม่ถึงว่าเสด็จอาจะทำได้สมบูรณ์แบบเช่นนี้ แม้กระทั่งแสดงละครก็ทำได้อย่างไร้ที่ติ”
เซียวเยี่ยนคร้านจะพูดกับนางให้มากความ จึงเอนกายพิงหัวเตียงและหลับตาลงเพื่อพักผ่อน ได้ยินเพียงนางพูดจา ใบหน้าคมสันองอาจสงบนิ่งแยกแยะความรู้สึกไม่ออก เส้นผมที่ปล่อยออกมาทิ้งตัวลงมาบนเตียงกระจายตัวออกเป็นคลื่น
หลินชิงเวยมองเขา “ท่านรู้ได้อย่างไรว่าจุดประสงค์การวางยาท่านของข้านั้นทำเพื่อให้ตาเฒ่าหลินตัดความสัมพันธ์กับจ้าวซื่อสองแม่ลูก และเพื่อไม่ให้จ้าวซื่อก้าวขึ้นมาเป็นภรรยาเอก?”
ต่อมาบรรยากาศภายในห้องเงียบสงบราวๆ อึดใจหนึ่ง เงียบเสียจนได้ยินเสียงหายใจของคนทั้งคู่ เซียวเยี่ยนจึงทำลายความเงียบนั้นด้วยการเอ่ยขึ้นว่า “เจ้ามิใช่มาหาเรื่องไม่เป็นมงคลหรือไร ขอเพียงเป็นสิ่งที่พวกนางต้องการเจ้าล้วนไม่ต้องการให้พวกนางสมปรารถนากระมัง แม้เปิ่นหวางจะนอนอยู่แต่ยังได้ยินและมีสติรับรู้ทุกอย่าง”
ดูท่าแล้วเขาไม่เพียงแต่ให้ความร่วมมือแสดงตนเป็นท่อนไม้ท่อนหนึ่งเท่านั้น ยังสามารถเปลี่ยนฐานะจากแขกมาเป็นเจ้าของเรือนได้อีกด้วย แค่คำพูดเพียงสองสามประโยคก็ช่วยให้จุดประสงค์หลินชิงเวยสำเร็จลุล่วง
หลินชิงเวยกล่าวกลั้วหัวเราะ “เสด็จอาไม่เสียแรงที่เป็นเซ่อเจิ้งอ๋องเพคะ หรือจะให้ท่านรีบฟื้นขึ้นมาเพื่อเสแสร้งแกล้งทำ? ไอหยา การฝังเข็มหลายเล่มเมื่อสักครู่มิใช่ฝังไปเปล่าๆ ปลี้ๆ หรือเพคะ?”
มุมปากของเซียวเยี่ยนแข็งค้างเล็กน้อย “เปิ่นหวังไม่เชื่อว่าเจ้าไม่รู้ว่าเปิ่นหวังมีสติรับรู้ชัดเจน เจ้าจงใจฝังเข็มให้เปิ่นหวางหลายเข็มกระมัง”
หลินชิงเวยไม่ปฏิเสธเช่นกัน “ไม่ว่าอะไรล้วนปิดบังเสด็จอาไม่ได้จริงๆ เพคะ ยามเที่ยงมีคนมากมายล้อมอยู่ หม่อมฉันต้องแสดงให้เหมือนจริงสักหน่อยใช่หรือไม่? เสด็จอายังโมโหหม่อมฉันหรือเพคะ?”
เซียวเยี่ยนพูดมาถึงตรงนี้พลังลมปราณภายในทรวงอกติดขัดยิ่งขึ้น “เจ้าแทบจะทนไม่ไหวที่จะฝังเข็มเงินเหล่านั้นลงในผิวเนื้อของเปิ่นหวางใช่หรือไม่”
“จะเป็นไปได้อย่างไรกัน หม่อมฉันเพียงแต่เกรงว่าเสด็จอาจะไม่ให้ความร่วมมือแล้วฟื้นขึ้นมา ดังนั้นจงลงมือหนักไปเล็กน้อย” หลินชิงเวยรีบเบี่ยงเบนหัวข้อสนทนาออกจากเรื่องนี้ “เสด็จอา พวกเราได้ทำตามข้อตกลงแล้วหลังจากเรื่องนี้ผ่านไป ความแค้นเก่าใหม่ให้ถือว่าเลิกแล้วต่อกันให้หมด” พูดแล้วก็ยื่นมือของตนไปให้เซียวเยี่ยน
[1] หมายถึง การกระทำเช่นการตบหัวแล้วลูบหลัง