หลินชิงเวยไม่มีเวลาหยอกล้อเซียวเยี่ยน หลังจากใช้เข็มเงินฝังเพื่อบีบให้เซียวอี้เขากระอักโลหิตเป็นพิษออกมา เห็นเซียวอี้ผ่อนคลายลงทว่าสภาพร่างกายและสีหน้าไม่ได้ดีขึ้นมากเท่าใดนัก
หลินชิงเวยคิดในใจว่าจู๋กุ้ยเหรินสามารถทำให้เซียวอี้ต้องพิษขณะที่ตนเองตายได้นั้นมิใช่การเว้นช่วง ต่อให้เก่งกาจกว่านี้ก็ต้องมีพาหะตัวนำที่ส่งต่อพิษนั้น แต่เท่าที่หลินชิงเวยรู้เซียวอี้ไม่ได้เข้าวังเป็นเวลานานแล้ว ภายในวังหลวงเกิดเรื่องมากมายเช่นนี้ จู๋กุ้ยเหรินมัวแต่ยุ่งกับตนเองไหนเลยจะมีเวลามานัดพบกับเขา
หากพูดเช่นนี้ พิษของจู๋กุ้ยเหรินที่ปลูกถ่ายไว้ในร่างกายของเซียวอี้ได้ฝังรากอยู่เนิ่นนานแล้ว จู๋กุ้ยเหรินถนัดการใช้หนอนแมลงมีพิษ ไม่แน่ว่าหนอนชนิดนี้อาจจะเป็นอีกชนิดหนึ่ง จู๋กุ้ยเหรินผู้นั้นช่างทุ่มเทจิตใจยิ่งนัก ทันทีที่ตนเองตายลงหนอนในร่างกายของเซียวอี้ก็กลายเป็นพิษร้ายแรงชนิดหนึ่ง
ดังนั้นหากต้องการรักษาเซียวอี้ให้หายขาด จำเป็นต้องหาพาหะที่เป็นตัวนำพิษในร่างกายออกมาให้ได้
เซียวอี้เองก็กล่าวว่า “พิษชนิดนี้แปลกนัก ข้าเคยขับพิษออกมาหลายครั้ง แต่ดูเหมือนในร่างกายของจะมีแหล่งกำเนิดของพิษ มันขยายพิษออกมาไม่หยุด” เขาหัวเราะเสียงขื่น “มาถึงบัดนี้ข้าไม่อาจเดินลมปราณได้อีกแล้ว”
“นี่คงจะเป็นกรรมที่ตามสนองกระมัง” หลินชิงเวยไม่แม้แต่จะเหลือบมองเขาก็พูดอย่างไม่เกรงใจ “ยามปกติทำบาปทำกรรมไว้มากเกินไปจึงเป็นเช่นนี้”
เซียวอี้ยังมีเรี่ยวแรงต่อปากต่อคำกับนาง เขาพูดเสียงเบาว่า เวยเวย เจ้าจะสงบปากสงบคำเพื่อสร้างบุญกุศลสักหน่อยไม่ได้หรือไร”
หลินชิงเวยขมวดคิ้ว “บุญกุศลอาศัยเพียงปากพูดได้อย่างไรกัน ข้าช่วยชีวิตเซี่ยนอ๋องครั้งหนึ่ง มิใช่เป็นการสร้างบุญกุศลหรือไร”
เซียวอี้ไม่โต้เถียงกับนางอีก
หลินชิงเวยพูดอีกว่า “มีวิธีการขับพิษชนิดรวดเร็วและช้า ท่านอ๋องเลือกชนิดใด”
“ยังต้องพูดอีกหรือ ย่อมต้องเป็นวิธีรวดเร็ว”
“อ้อ” หลินชิงเวยเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเช่นกัน นางยกมีดเล่มบางในมือขึ้นกรีดลงไปบนข้อมือโดยไม่ให้โอกาสเซียวอี้เตรียมตัว แล้วใช้ภาชนะที่ทำด้วยกระเบื้องมารองรับเลือดที่ปนเปด้วยพิษสีดำคล้ำที่ไหลออกมาจากข้อมือของเขา นางพูดเรียบๆ ว่า “ข้าจะนำเลือดมีพิษนี้ไปวิเคราะห์ดู ค่อยๆ เพิ่มโอสถทีละชนิดเพื่อปรุงยาถอนพิษของมัน เพียงแต่ต้องใช้เวลาหลายวัน ในเมื่อท่านอ๋องเลือกวิธีการที่รวดเร็วที่สุด เช่นนั้นข้าก็จะไม่ฝืนใจท่าน วิธีการที่รวดเร็วที่สุดก็คือวิธีการใช้พิษถอนพิษ”
พูดแล้วก็ไม่ต้องรอให้เซียวอี้ตั้งตัวติด เพียงเห็นว่าข้อมือของตนเองเย็นวาบก็มีงูลวดลายสีเขียวตัวเล็กตัวหนึ่งพันอยู่บนข้อมือของเขา มันอ้าปากฝังเขี้ยวอันแหลมคมของมันลงบันบาดแผลของเซียวอี้ทันที
เซียวอี้ถึงกับสูดปากร้องขึ้นมาครั้งหนึ่ง
ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่ส่งผ่านเข้ามาในความรู้สึก ด้วยพิษกำลังกระจายเข้าสู่ร่าง ร่างของเขากระตุกอย่างมิอาจควบคุมได้ หลินชิงเวยมองดูอย่างสบายใจเฉิบ หลังจากซินหรูต้องพิษหนอนกู่ได้ใช้พิษงูขับพิษจากหนอนกู่ออกมาได้ เช่นนั้นพิษในร่างกายของเซียวอี้ย่อมไม่ต่างกัน
ลูกนัยน์ตาของเซียวอี้เหลือกพลิกกลับขึ้นไปด้านบน เขาพูดขาดเป็นห้วงๆ ว่า “เจ้า…สตรี…ผู้นี้…”
รู้แต่แรกเขาเลือกวิธีการถอนพิษแบบช้าจะดีกว่า
หลินชิงเวยกลับชมชอบที่จะมองดูเซียวอี้ได้รับความทุกข์ทรมานและเจ็บปวด นางและเซียวเยี่ยนเอามือไพล่หลังยืนมองเซียวอี้อยู่ริมเตียงด้วยสายตาเย็นชา
เมื่อหลินเสวี่ยหรงเข้ามาเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าปวดใจเพียงใด นางโผเข้าไปถึงริมเตียงของเซียวอี้แล้วกุมมือของเขาเอาไว้ด้วยน้ำตานองหน้า สะอึกสะอื้นถามว่า ท่านอ๋องท่านเป็นอะไร…อย่าทำให้ข้าตกใจ…”
หลินชิงเวยกล่าวตักเตือนในเวลาที่เหมาะสม “ทางที่ดีที่สุดเจ้าอย่าได้ยกมือเขาขึ้นสูง พิษที่อยู่ในเลือดจะไหลออกมาไม่ได้ เจ้าคิดจะทำร้ายเขาให้ตายหรือ?”
หลินเสวี่ยหรงเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าบนข้อมือของเซียวอี้มีบาดแผลอยู่ เลือดสีดำคล้ำกำลังไหลไปตามลำแขนของเขา หลินเสวี่ยหรงไม่กล้ารอช้ารีบวางมือของเซียวอี้กลับไปที่เดิม
สุดท้ายกระทั่งเลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลไม่เป็นสีดำคล้ำแต่กลายเป็นสีแดงสด สีหน้าเขียวคล้ำของเซียวอี้แปรเปลี่ยนเป็นซีดขาวเช่นคนป่วยหนัก หลินชิงเวยเลิกแขนเสื้อทั้งสองข้างของเซียวอี้ขึ้นมาพบว่ากระแสเลือดที่ไหลเวียนบนแขนทั้งสองข้างราบรื่นไม่มีสิ่งใดผิดปกติ หากพาหะตัวนำพิษนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตย่อมต้องไหลออกมาพร้อมกับเลือดเป็นแน่ แต่ที่เห็นนั้นกลับไม่มี
หลินชิงเวย “มา ปลดเสื้อผ้าของเขาออก ข้าตรวจดูสักหน่อย”
หลินเสวี่ยหรงได้ยินเช่นนั้นจึงตื่นตะลึง นางคัดค้านทั้งน้ำตาว่า “ท่านอ๋องมิใช่ถอนพิษไปแล้วหรือไร เหตุใดยังต้องปลดอาภรณ์อีก?”
เซียวอี้ค่อยๆ ได้สติคืนมา ดวงตาที่ลืมขึ้นนั้นนิ่งลึก “ปลดเถิด เวยเวยเป็นหมอ จะต้องช่วยข้าตรวจดูอย่างละเอียดเป็นแน่”
ในคำพูดนั้นยากที่ปิดบังน้ำเสียงดูแคลน
แม้หลินเสวี่ยหรงจะไม่ยินยอมแต่กลับไม่อาจไม่ปลดเสื้อนอนของเซียวอี้ออก
หลังจากปลดเสื้อนอนออกแล้วหลินเสวี่ยหรงกลับตะลึงงัน หลินชิงเวยกวาดนางออกไปอีกด้านหนึ่ง ตนเองยกชายกระโปรงนั่งลงริมเตียงของเซียวอี้ สายตาของนางที่มองไปยังบริเวณด้านบนหัวใจของเซียวอี้แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด มีรอยประทับสีดำอยู่รอยหนึ่ง
มันมีลักษณะคล้ายแมงมุมตัวหนึ่ง กำลังเกาะอยู่นิ่งๆ อยู่ข้างๆ หัวใจของเซียวอี้
หลินชิงเวยยื่นมือออกไปกดลงบนเบาๆ บนตราประทับแมงมุมสีดำตัวนั้นเบาๆ สีหน้าของเซียวอี้เปลี่ยนไปทันที พิษนั้นสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มันกระจายไปทั่วบริเวณหน้าอกของเขา
“ดูท่าแล้วนี่ก็คือผู้ร้าย”
กระทั่งเซียวเยี่ยนก็เกือบจะมีท่าทีคล้ายขมวดคิ้ว
สีหน้าของหลินเสวี่ยหรงซีดเผือด นางเอาผ้าเช็ดหน้าปิดปากของตนสีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“เป็นอย่างไร?” เซียวอี้ถาม
ยามนี้หลินชิงเวยได้ตระเตรียมอุปกรณ์ที่จะใช้แล้ว ทางหนึ่งพูดด้วยแววตาสงบนิ่งอย่างมืออาชีพ “เป็นอย่างไร ท่านได้พบกับอุปสรรคใหญ่แล้ว พบสาเหตุของพิษดูลักษณะแล้วอยู่ใกล้กับหัวใจของท่าน ห่างจากหลอดเลือดแดงไม่ไกลนัก เมื่อเป็นเช่นนี้ขณะที่เลือดไหลออกจากหัวใจย่อมต้องปะปนไปด้วยพิษ ความสามารถในการฟอกเลือดถูกทำลายลง เลือดไหลผ่านเส้นเลือดเข้าสู่หัวใจที่เกินกำลังของหัวใจที่จะรับได้ย่อมต้องกลายเป็นเลือดเสีย เวลานี้ข้าจำเป็นต้องเอาสิ่งของสิ่งนั้นออกจากหัวใจของท่าน แต่ข้าไม่ได้ทำการผ่าตัดหัวใจมานานแล้ว หากผิดตำแหน่งไปเพียงครึ่งชุ่นท่านก็จะมีอันตรายถึงชีวิต อีกทั้งที่นี่ไม่มียาชา คาดว่าท่านคงต้องเจ็บปวดทุรนทุรายแทบเป็นแทบตาย”
เซียวอี้ “…เวยเวย เจ้าเบามือหน่อย ข้ากลัวเจ็บเหลือเกิน”
“ชีวิตของท่านตกอยู่ในมือข้าแล้ว ท่านยังกล้าพูดจาไม่อยู่กับร่องกับรอยเช่นนี้” หลินชิงเวยแค่นหัวเราะเสียงเย็นเมื่อพูดจบก็สวมถุงมือหนังงูที่บางใสราวกับปีกแมลงปอเรียบร้อยแล้ว ถุงมือมีสองคู่โชคดีที่นางได้ตระเตรียมไว้แต่เนิ่นๆ คู่หนึ่งนั้นนำมาใช้ในการชันสูตรพลิกศพ คู่ที่นางสวมใส่อยู่ในมือคู่นี้ใช้ในการรักษาอาการเจ็บป่วย
ปลายนิ้วของหลินชิงเวยกดใบมีดฆ่าเชื้อบนเปลวไฟไปมาและพูดกับคนทั้งหมดว่า “เซ่อเจิ้งอ๋องอยู่ก่อน ที่เหลือออกไปให้หมด” นางมือหนึ่งถือมีด อีกมือหนึ่งถือเข็มเงินฝังลงบนหน้าอกของเซียวอี้อย่างแม่นยำ
เจ็บเล็กน้อยทว่าสามารถสกัดปิดจุดชีพจรโดยรอบหัวใจของเซียวอี้เอาไว้ได้ ให้กระแสเลือดไหลอย่างช้าที่สุด เมื่อทำเช่นนี้หัวใจของเซียวเยี่ยนก็จะเต้นช้าลงไปด้วย
มีดเล่มบางถูกลนบนเปลวไฟจนกลายเป็นสีแดง หลินชิงเวยใช้ปลายนิ้วแตะดูก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกร้อนลวก แต่จนใจที่ต้องทำให้มีดเล่มนี้ร้อนเพียงพอ มีอุณหภูมิสูงพอ ทำเช่นนี้เพื่อเป็นการฆ่าเชื้อ และเมื่อลงมีดจะบรรเทาอาการเจ็บปวดของเซียวอี้เมื่อกรีดมีดลงบนหัวใจของเขาได้บ้าง อีกทั้งเมื่อเนื้อหนังถูกมีดเล่มบางลวกจนสุกย่อมส่งผลให้เลือดไหลออกมาไม่ได้มากนัก