ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง – บทที่ 149 เกี๊ยวข้างทาง

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

ท่าทางของหลินชิงเวยราวกับสุนัขตัวหนึ่งที่มองเห็นชิ้นเนื้อและกระดูกก็ไม่ปาน นางทิ้งเซียวเยี่ยนแล้วเดินไปที่เพิงนั้น

ลูกค้าคนสุดท้ายเพิ่งจะกินเสร็จและออกไป เถ้าแก่ดูเหมือนจะเตรียมตัวเก็บร้านแล้ว

เสียงใสกังวานดังขึ้นจากเบื้องหลัง “เถ้าแก่ ขึ้นเกี๊ยวมาสองชาม!”

เถ้าแก่คนนี้เป็นคนเจ้าเนื้อ หันมาเห็นหลินชิงเวยนั่งลงที่โต๊ะด้านข้าง อีกด้านหนึ่งเซียวเยี่ยนกำลังเดินเข้ามา เขามีรูปร่างสูงใหญ่กำลังก้มหน้าเล็กน้อย มือข้างหนึ่งเลิกป้ายผ้าของเพิงขึ้นแล้วเดินเข้ามา ท่วงท่าการก้าวเดินและมือไม้ล้วนเปี่ยมไปด้วยความสง่างามและสูงศักดิ์ เพียงแต่เมื่อเขาเดินมาหยุดข้างกายหลินชิงเวย มองโต๊ะมันเยิ้มแล้วยังคงนั่งลงด้วยสีหน้านิ่งสนิท

เมื่อเถ้าแก่ยิ้มขึ้นมามีลักษณะเหมือนแมวนำโชคอย่างไรอย่างนั้น เขารีบเข้ามาใช้ผ้าเช็ดโต๊ะเช็ดโต๊ะครั้งหนึ่ง และพูดขึ้นว่า “เกี๊ยวสองถ้วยใช่หรือไม่ ลูกค้าทั้งสองท่านรอสักครู่”

เซียวเยี่ยน “เจ้าอยากกินเกี๊ยว รออีกประเดี๋ยวกลับไปถึงค่อยกินก็ได้”

หลินชิงเวย “เมื่อสักครู่พ่อบ้านทำอาหารให้พวกเรา ท่านปฏิเสธโดยไม่ต้องหยุดคิด หากข้าไม่ได้กินจนอิ่มแล้วจะมีเรี่ยวแรงเดินกลับไปได้อย่างไร?” นางกะพริบตาปริบๆ มองเซียวเยี่ยน “ท่านอารังเกียจที่ที่นี่ไม่สะอาดใช่หรือไม่? ข้าจะบอกท่านว่าการรักความสะอาดก็เป็นโรคอย่างหนึ่ง”

นางหยิบตะเกียบคู่หนึ่งส่งให้เซียวเยี่ยน เซียวเยี่ยนรับไปด้วยท่าทีฝืนใจอย่างยิ่ง จากนั้นนางหยิบตะเกียบให้ตนเองคู่หนึ่งรอกินเกี๊ยว

ไหนเลยจะคิดว่าเถ้าแก่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าลำบากใจ เขายิ้มอย่างขออภัยและพูดว่า “ลูกค้าทั้งสองท่าน ขอโทษจริงๆ เกี๊ยวไม่พอสำหรับสองคน ทำได้เพียงหนึ่งถ้วย หรือจะรับบะหมี่สักถ้วยหรือไม่? บะหมี่ถือว่าข้าแถมให้”

หลินชิงเวยหันไปมองเซียวเยี่ยน เซียวเยี่ยนตอบหน้าตายว่า “ข้าไม่ชอบกินบะหมี่”

หลินชิงเวยพูดขึ้นว่า “ข้าก็ไม่ชอบบะหมี่” นางเงยหน้าขึ้นยิ้มตายิบหยีกับเถ้าแก่ “มีเพียงถ้วยเดียวก็ถ้วยเดียวเถิด ข้าและท่านอากินด้วยกันถ้วยเดียวก็พอ”

คิดไม่ถึงว่าลูกค้าฐานะสูงศักดิ์สวมใส่อาภรณ์หรูหรากลับมีนิสัยดียิ่ง เถ้าแก่รีบรับคำ แล้วหันกลับไปต้มเกี๊ยว

แม้เกี๊ยวจะไม่พอสำหรับสองถ้วย แต่มีปริมาณราวๆ ถ้วยครึ่ง เมื่อต้มเสร็จแล้วยกเข้ามานั้นกลิ่นหอมฟุ้งแตะจมูก เป็นเกี๊ยวถ้วยใหญ่ถ้วยหนึ่ง

หลินชิงเวยหิวจนกลายเป็นสุนัขฮาปา[1] นางยื่นตะเกียบไปคีบทันที

เกี๊ยวลื่นมาก มือของนางก็สั่น หากไม่ดูให้ดีแทบจะดูไม่ออก แต่เซียวเยี่ยนกลับพบว่ามือของนางสั่นน้อยๆ ตรองดูแล้วเป็นเพราะก่อนหน้านี้ทำการผ่าตัดให้กับเซียวอี้มิอาจให้เกิดข้อผิดพลาดได้จึงตั้งใจมากไปทำให้เหน็ดเหนื่อยเช่นนี้

หลินชิงเวยไม่อาจคีบเกี๊ยวได้สำเร็จสักชิ้น นางหิวจนตาลายชิงชังตนเองนักที่ไม่อาจยื่นมือไปหยิบ เซียวเยี่ยนขอช้อนมาจากเถ้าแก่คันหนึ่งแล้วยื่นให้นางเงียบๆ “เจ้าตักกินเถิด”

หลินชิงเวยเห็นแล้วถึงกับตะลึง นางเงยหน้าขึ้นมองหน้าเซียวเยี่ยนซึ่งไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ ทางหนึ่งรับช้อนไป อีกทางหนึ่งยิ้มอย่างยินดี “ดูไม่ออกว่าท่านอายังรู้จักเข้าอกเข้าใจผู้อื่น”

จากนั้นหลินชิงเวยกินเกี๊ยวที่มีรสชาติอร่อยที่สุดนับตั้งแต่ทะลุมิติมาถึงโลกใบนี้ นางกินทีเดียวสามตัว จากนั้นทอดถอนใจพูดว่า “อร่อยที่สุดในโลก ที่จริงยังต้องดูอารมณ์ของคนด้วย การกินอาหารชั้นเลิศจนเคยชิน หากได้กินเกี๊ยวแบบนี้สักถ้วยก็ไม่เลวเลย ท่านอา เหตุใดท่านไม่กินเล่า?”

เซียวเยี่ยน “ข้าไม่หิว”

“ข้าไม่เชื่อ” หลินชิงเวยพูด “ที่จริงท่านรังเกียจ”

“โรคเข้าทางปาก”

“อาหารไม่สะอาดกินแล้วไม่มีโรค”

“…” เซียวเยี่ยนมองนางแวบหนึ่ง ในใจคิดว่าหากวันนี้เขาไม่กิน หลินชิงเวยคงจะดื้อรั้นไม่ยอมไปจากที่นี่ อย่างไรร้านสุราเล็กๆ เนื้อย่างเขาก็กินมาแล้ว จะเพิ่มเกี๊ยวอีกถ้วยหนึ่งจะเป็นไรไป ที่สำคัญคือคนสองคนกินเกี๊ยวด้วยเดียวกันดูเหมือนจะ…สักหน่อย แต่เซียวเยี่ยนตกอยู่ภายใต้สายตาบีบบังคับของหลินชิงเวย เขายังคงใช้ตะเกียบคีบเกี๊ยวชิ้นหนึ่งมากินเงียบๆ

แต่เกี๊ยวนี้ซุกซนเหลือเกิน เขาคีบสามครั้งก็ลื่นไถลสามครั้ง ไม่ยอมให้เขากินอยู่นั่นเอง

หลินชิงเวยใช้ช้อนตักเกี๊ยวตัวหนึ่งแล้วยื่นมาเบื้องหน้าเขา เซียวเยี่ยนชะงัก หลินชิงเวยหรี่ตาพูดว่า “กลัวร้อนหรือไม่ ต้องให้ข้าเป่าให้ท่านหรือไม่?” พูดแล้วก็นำช้อนมายื่นถึงริมฝีปากของเขา

สีหน้าและการกระทำของหลินชิงเวยเป็นธรรมชาติ ราวกับกำลังเลี้ยง…สุนัขตัวใหญ่ของตนตัวหนึ่ง สุนัขตัวใหญ่นี้ยังเลือกกินอย่างยิ่งด้วย

เซียวเยี่ยนกำลังคิดจะปัดออกไปแล้วเรียกเถ้าแก่นำช้อนมาให้อีกคันหนึ่ง หลินชิงเวยพูดขึ้นว่า “ท่านไม่ยอมกิน เพราะรังเกียจว่าข้ากินแล้วใช่หรือไม่?” ไม่รอให้เซียวเยี่ยนตอบนางก็ใช้มือซ้ายเท้าค้างพูดด้วยท่าทีเกียจคร้านว่า “ท่านกล้าไม่กิน ข้าจะร้องไห้ท่านเชื่อหรือไม่ อีกประเดี๋ยวคนรอบๆ บริเวณนี้ก็จะออกมามุงดู บอกว่าท่านรังแกคนตัวเล็กกว่า”

เซียวเยี่ยนกินทันที ไม่รู้เป็นเพราะเขาไม่อยากให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ หรือเป็นเพราะไม่อยากจะถือสาหลินชิงเวย เขากินเกี๊ยวอย่างเอร็ดอร่อยเช่นกัน

เมื่อเริ่มต้นแล้วต่อไปย่อมไม่ใช่เรื่องยากอันใด หลินชิงเวยจึงขอช้อนอีกคันหนึ่งจากเถ้าแก่ ร่วมกันกินเกี๊ยวถ้วยเดียวกัน ท่านตัวหนึ่งข้าตัวหนึ่งอย่างยุติธรรม หลินชิงเวยสูดปากเป็นพักๆ และรีบกลืนลงคอเมื่อถูกลวก เซียวเยี่ยนเห็นท่าทางการกินเกี๊ยวของนางแล้วจึงพลันรู้สึกว่าเกี๊ยวนี้ไม่ได้กินยากนัก แผ่นเกี๊ยวบางเนื้อหนามีรสชาติ

ราวกับเมื่ออยู่ในวังหลวงพวกเขาแย่งกันกินอาหารจนเคยชิน คนทั้งสองกินไปกินมาจึงแย่งเกี๊ยวกันขึ้นมา เกี๊ยวตัวสุดท้ายถูกหลินชิงเวยแย่งไปสำเร็จ นางกลัวว่าเซียวเยี่ยนจะแย่งคืนไปจึงรีบส่งเข้าปากทันที ทางหนึ่งกินไปอีกทางหนึ่งหัวเราะเสียงดัง ดวงหน้าของนางใต้แสงเทียนปรากฏให้เห็นดวงตาวับวาวใต้ผมหน้าม้า ปากเล็กๆ ของนางมันเยิ้ม ช่างเป็นสตรีที่ไม่รักษาภาพพจน์ของตนเองแม้แต่น้อย

เซียวเยี่ยนมองนางแล้วดวงตาเรียวยาวรูปหงส์นิ่งลึกไม่อาจคาดเดา

เมื่อสุขและดีใจจนถึงขีดสุดมักจะนำไปสู่ความทุกข์ยากสลดใจอย่างที่สุดเช่นกัน หลินชิงเวยหัวเราะไปหัวเราะมาก็สำลัก นางไอโขลกไม่หยุด เซียวเยี่ยนจึงส่งน้ำแก้วหนึ่งไปข้างมือของนาง เขาเห็นนางไอโขลกอย่างทรมานจึงยื่นมือไปตบหลังนางเบาๆ สองครั้ง

กินเกี๊ยวถ้วยนี้หมดแล้วคนทั้งสองจึงกลับไปอย่างมีความสุข หลินชิงเวยได้นอนจนฟ้าสางในที่สุด

แต่หลินชิงเวยยังอยู่ในช่วงลาพัก วันรุ่งขึ้นหลินเสวี่ยหรงก็มาขอพบอยู่หน้าประตูวัง การขอเข้าวังของนางถูกรายงานขั้นมาทีละขั้นตอน เซียวจิ่นไม่ได้ล่วงรู้ถึงบุญคุณความแค้นระหว่างหลินชิงเวยและหลินเสวี่ยหรง เพียงแต่คิดว่าหลินเสวี่ยหรงเป็นน้องสาวของหลินชิงเวย จึงอนุญาตให้นางไปพบหลินชิงเวย

หลินชิงเวยนอนเกียจคร้านกระทั่งใกล้เวลายามอู่ จึงลุกขึ้นมาสางผมล้างหน้าล้างตา แล้วจึงไปนั่งที่ห้องของซินหรูครู่หนึ่ง ยามนี้หลินเสวี่ยหรงรอนางมาครึ่งชั่วยามแล้ว

หลินชิงเวยพบนางในห้องโถงชั้นใน นางหยิบน้ำชาดอกไม้ในถาดที่นางกำนัลยกเข้ามาถ้วยหนึ่ง ทางหนึ่งดื่มไปพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้ “น้องเสวี่ยหรงวันนี้ไฉนจึงมาข้าถึงตำหนักฉางเหยี่ยนได้เล่า”

หลินเสวี่ยหรงอ้าปากจะพูดอึกอัก หลินชิงเวยโบกไม้โบกมือไล่เหล่านางกำนัลและขันทีให้ถอยออกไปหมด หลินเสวี่ยหรงจึงพูดตรงไปตรงมาอย่างไม่อ้อมค้อมว่า “วันนี้ท่านอ๋องตื่นขึ้นมาแล้วแต่เขาตัวร้อนเล็กน้อย เจ็บบาดแผลเป็นอย่างมาก”

หลินชิงเวยเหลือบตามองนางแวบหนึ่ง เห็นดวงตาทั้งคู่ของนางบวมเป่ง สีหน้าอิดโรยเหนื่อยล้า คิดดูแล้วเมื่อคืนคงทุ่มเทจิตใจเพื่อดูแลเซี่ยนอ๋องไม่น้อย หลินชิงเวยพูดขึ้นว่า “อาการตัวร้อนมิใช่การเจ็บป่วยระยะสุดท้ายเสียหน่อย เจ้ามาหาข้าทำอันใด ดื่มยาลดไข้ก็พอแล้ว”

[1] สุนัขสายพันธุ์ ปั๊ก

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

Status: Ongoing
เพราะไม่อยากแต่งไปเป็นนางสนมที่ถูกลืม “หลินเสวี่ยหรง” จึงได้วางยา “หลินชิงเวย” พี่สาวของตนให้ขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวแทน ทั้งยังตามมาวางยากำหนัดนางอีกถึงในวัง เพื่อใส่ร้ายว่านางคบชู้ ทำให้ ‘หลินชิงเวย’ หญิงสาวยุคปัจจุบันที่ทะลุมิติเข้าร่างมาต้องตกกระไดพลอยโจรไปมีอะไรกับหนุ่มนิรนามที่มาช่วยนางไว้ จนถูกจับได้ว่าคบชู้สู่ชาย ทำให้นางโดนเนรเทศไปอยู่ตำหนักเย็น แม้นางจะทำใจ ยอมอยู่อย่างสงบในตำหนักเย็น ทว่าโลกใบนี้ ไม่ปล่อยให้นางมีความสุขง่ายๆ เช่นนั้น นางจึงต้องใช้ปัญญาและความสามารถทางแพทย์ปกป้องตัวเอง ผนวกกับการได้พบกับชายผู้ยิ่งใหญ่เย็นชาปากไม่ตรงกับใจอย่าง “เซ่อเจิ้งอ๋อง” การได้พบกับเขาทำให้นางค่อยๆ พบความหวัง ที่จะได้กลับมามีอิสรภาพอีกครั้ง! หลินชิงเวย: ท่านอ๋อง ท่านมองลำคออันขาวผ่องของข้าด้วยดวงตาที่เบิกกว้างเช่นนั้น นี่ข้ากำลังปลุกอารมณ์ของท่านหรือ ? เซ่อเจิ้งอ๋อง: คงไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเจ้าจะเป็นสตรีที่ไร้ยางอายเช่นนี้ !

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท