ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง – บทที่ 229 ประมุขของตำหนักในไม่ใช่คน

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

เซียว​จิ่น​ “นี่​เป็น​ค่าตอบแทน​ที่​เจิ้น​มอบให้​เจ้า คฤหาสน์​และ​ร้าน​ยา​อยู่​ห่าง​กัน​ไม่ไกล​ ต่อไป​เมื่อ​เจ้าออกจาก​วัง​ไป​ คิด​จะอาศัย​อยู่​ใน​เมืองหลวง​ย่อม​ต้อง​เปิดร้าน​ทำการค้า​อยู่​ใน​เมืองหลวง​” เขา​ยิ้ม​ให้​ซิน​หรู​ครั้งหนึ่ง​ “เจิ้น​รู้​มาจาก​ซิน​หรู​ว่า​ต่อไป​เจ้าจะเปิดร้าน​ยา​สัก​แห่ง​ ดังนั้น​จึงตัดสินใจ​โดยพลการ​ซื้อ​ร้าน​ยา​ไว้​ก่อน​”

หลิน​ชิงเวย​หันมา​มอง​ซิน​หรู​ ซิน​หรู​เกา​ศีรษะ​พูด​อย่าง​งงงวย​ “เอ๊ะ​ ข้า​เคย​พูด​เรื่อง​พวก​นี้​หรือ​? ไย​ข้า​จึงจำไม่ได้​เล่า​?”

พูด​จริงๆ​ แล้ว​หาก​หลิน​ชิงเวย​ไม่รู้สึก​ซาบซึ้ง​ยัง​ยาก​ เซียว​จิ่น​คิดอ่าน​รอบคอบ​เยี่ยง​นี้​ กระทั่ง​คิด​แทน​นาง​ทุก​เรื่อง​อย่าง​เหมาะสม​

แม้จะรอ​วัน​ออกจาก​วัง​ หลิน​ชิงเวย​ยัง​ไม่ตัดสินใจ​ว่า​จะปักหลัก​พำนัก​อยู่​ใน​เมืองหลวง​หรือไม่​ แต่​ดี​ชั่ว​อย่างไร​ก็​มีอสังหาริมทรัพย์​ถึงสอง​ชิ้น​มิใช่หรือ​

ไม่เอา​ก็ช่าง​ นาง​ไม่ใช่คน​เบาปัญญา​ ทำการค้า​กับ​ฮ่องเต้​ย่อม​ต้อง​ได้รับ​ผลตอบแทน​และ​ไม่อาจ​ไม่ปฏิบัติตาม​ราชโองการ​ได้​ สิ่งไหน​คุ้ม​กว่า​กัน​ คน​เบาปัญญา​ยัง​กระจ่างแจ้ง​กระมัง​

ช่างเถิด​ๆ เรื่อง​มาถึงขึ้น​นี้​แล้ว​ อยู่​ใน​วังหลวง​อีก​สักพัก​ก็​อยู่​อีก​สักพัก​ กินดีอยู่ดี​มีคน​ปรนนิบัติ​พัด​วี​อาจจะ​น่าเบื่อหน่าย​ไป​หน่อย​ แต่​ใน​เมื่อ​เซียว​จิ่น​มีความจริงใจ​เช่นนี้​ หาก​นาง​อดกลั้น​ได้​ก็​จะอดกลั้น​

หลิน​ชิงเวย​หรี่ตา​ลง​เก็บ​สิ่งของขึ้น​มา “ฝ่าบาท​ทำการค้า​เก่ง​เหลือเกิน​ ใน​เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ หม่อมฉัน​ไม่เกรงใจ​แล้ว​เพคะ​”

เซียว​จิ่น​ยิ้ม​บาง​ๆ “นี่​เป็น​สิ่งที่​เจ้าควร​ได้รับ​ เช่นนั้น​ระยะนี้​เรื่อง​ของ​ตำหนัก​ใน​ต้อง​รบกวน​ให้​เจ้าดูแล​จัดการ​แล้ว​”

หลิน​ชิงเวย​พูด​ด้วย​สีหน้า​อึมครึม​ “ฝ่าบาท​ตรัส​อัน​ใด​กัน​เพคะ​ ใน​เมื่อ​อยู่​ใน​หน้า​ที่แล้ว​ย่อม​ต้อง​ทำหน้าที่​ให้​ดี​ที่สุด​ อีก​ทั้ง​ยัง​รับ​ค่าเหนื่อย​จาก​ฝ่าบาท​ ย่อม​ต้อง​ทำงาน​ให้​ฝ่าบาท​พอ​พระทัย​จึงจะถูกต้อง​เพคะ​”

อาหาร​มื้อ​เย็น​ใน​เวลา​ต่อมา​ ทั้ง​สามคน​จึงร่วม​กิน​อาหาร​อย่าง​มีความสุข​

ความจริง​ได้​พิสูจน์​แล้ว​ว่า​ หลิน​ชิงเวย​ทำงาน​มีศักยภาพ​ปานใด​ และ​มีความรับผิดชอบ​ต่อ​หน้าที่​ของ​ตน​เพียงใด​

ผ่าน​ไป​ไม่กี่​วัน​ ข่าว​เรื่อง​การคัดเลือก​สาวงาม​ของ​ตำหนัก​ใน​ก็​แพร่สะพัด​ออก​ไป​ บรรดา​ขุนนาง​ใหญ่​ใน​ราชสำนัก​ล้วน​ตื่น​ตัวต่อ​เรื่อง​นี้​อย่างยิ่งยวด​ ก่อนหน้านี้​ทุกครั้งที่​เอ่ยถึง​เรื่อง​การ​แต่ง​สนม​เข้ามา​เพื่อ​เสริม​ความ​เป็น​สิริมงคล​แก่​ฝ่าบาท​ บรรดา​ขุนนาง​แต่ละคน​ล้วน​มีสีหน้า​เย็นเยียบ​ราวกับ​น้ำแข็ง​ แต่​ยาม​นี้​ไม่เหมือนกัน​ ยาม​นี้​สุขภาพ​พระ​พลานามัย​ของ​ฝ่าบาท​แข็งแรง​ดี​ยิ่ง​ ขา​ที่​พิการ​หายขาด​แล้ว​ ย่อม​เป็น​หนุ่มน้อย​สุขภาพ​แข็งแรง​คน​หนึ่ง​

ดังนั้น​บรรดา​ขุนนาง​จึงเริ่ม​เปิด​คัมภีร์​เพื่อ​ค้นหา​ข้อมูล​ว่า​ฮ่องเต้​องค์​ใด​ของ​ต้าเซี่ย​แต่ง​สนม​เข้ามา​เมื่อ​มีพระ​ชนมายุ​สิบ​ชันษา​ ร่วม​หอ​เมื่อ​มีพระ​ชนมายุ​สิบสอง​ชันษา​ เป็น​บิดา​เมื่อ​มีพระ​ชนมายุ​สิบห้า​ชันษา​ อีก​ทั้ง​ตามกฎหมาย​ของ​ต้าเซี่ย​แล้ว​บุรุษ​มีอายุ​ครบ​สิบ​สามปี​สามารถ​แต่ง​ภรรยา​ได้​ เซียว​จิ่น​อายุ​สิบ​สี่ปี​เต็ม​แล้ว​ อยู่​ใน​วัย​ที่​ร่วม​หอ​ได้​ สำหรับ​หลิน​ชิงเวย​การ​ที่​เขา​อายุ​สิบ​สามปี​นับว่า​ประดักประเดิด​อยู่​บ้าง​ ยาม​นั้น​มีการ​ปูพื้น​ฐานความรู้​บ้าง​แล้ว​หรือไม่​ก็​ไม่รู้​ แต่​บุรุษ​ใน​ยุค​สมัยโบราณ​อาจจะ​เป็นผู้ใหญ่​เร็ว​กว่า​เฉกเช่น​เซียว​จิ่น​ใน​วัย​สิบ​สี่ปี​กลับ​รูปร่าง​สูงกว่า​หลิน​ชิงเวย​ใน​วัย​สิบ​หก​ปี​ อีก​ทั้ง​ยัง​เป็นผู้ใหญ่​กว่า​

ไม่ว่า​อย่างไรก็ตาม​เรื่อง​การคัดเลือก​สาวงาม​เข้ามา​นั้น​ไม่สู้ทำ​แต่​เนิ่นๆ​ อีก​ทั้ง​หลิน​ชิงเวย​ประกาศ​ออก​ไป​อย่าง​ยินดี​ เซียว​จิ่น​เห็น​นาง​ทำงาน​อย่าง​เต็มกำลัง​เช่นนี้​จึงสุดแล้วแต่​นาง​

การคัดเลือก​สาวงาม​กระทำ​อย่าง​ง่ายๆ​ คือ​คัดเลือก​จาก​คุณหนู​พัน​ชั่งของ​บรรดา​ขุน​นางใน​ราชสำนัก​รอบ​หนึ่ง​ก่อน​ แต่​มิใช่การคัดเลือก​สาวงาม​จาก​ทั่ว​แคว้น​อย่าง​เป็นทางการ​ ดูท่า​แล้ว​เซียว​จิ่น​มิใช่ฮ่องเต้​ที่​ฝักใฝ่​ถึงแต่​สาวงาม​ เรื่อง​สิ้นเปลือง​เงินทอง​ไพร่ฟ้า​เช่นนั้น​จึงงดเว้น​เสีย​

นับแต่​รับหน้าที่​มาจาก​เซียว​จิ่น​ หลิน​ชิงเวย​ไม่เคย​ได้​นอน​เกียจคร้าน​แม้แต่วัน​เดียว​ ทุกวัน​ต้อง​ตื่น​แต่​เช้าตรู่​ จะมีแม่นาง​น้อย​เดิน​นวยนาด​มายัง​ตำหนัก​ฉางเหยี่ยน​เพื่อ​ถวายพระพร​ยามเช้า​ต่อ​หลิน​ชิงเวย​

หลิน​ชิงเวย​หงุดหงิด​เหลือเกิน​ แต่​ธรรมเนียม​ปฏิบัติ​ภายใน​ตำหนัก​ใน​มิอาจ​ละทิ้ง​ได้​ ด้วยเหตุนี้​นาง​จึงได้​แต่​ตื่น​แต่​เช้าตรู่​เพื่อ​ลุกขึ้น​มาผลัดเปลี่ยน​อาภรณ์​สางผม​ จากนั้น​ไป​ต้อนรับ​บรรดา​นางสนม​เหล่านั้น​

ตำแหน่ง​ประมุข​ของ​ตำหนัก​ใน​นี้​มิใช่ให้​คน​มาทำ​ นาง​คิด​ไม่ตกว่า​งาน​ที่​เหน็ดเหนื่อย​เช่นนี้​ เหตุใด​จึงมีผู้คน​แย่งชิง​กัน​มากมาย​เพื่อ​จะให้​ได้มา​ครอบครอง​

เช้าวันนี้​หลิน​ชิงเวย​นั่ง​อยู่​หน้า​โต๊ะ​ประทิน​โฉมอย่าง​สะลึมสะลือ​ นางกำนัล​สางผม​ให้​นาง​ นาง​ลืมตา​ขึ้น​เห็น​ซิน​หรู​เดิน​เข้า​เดิน​ออก​ด้วย​ท่าที​ตื่นตัว​สุด​ๆ ซิน​หรู​วิ่ง​เข้ามา​รายงาน​ว่า​ “พี่สาว​ บรรดา​พระสนม​เหล่านั้น​มาถึงแล้ว​เจ้าค่ะ​ ไฉน​พวก​นาง​จึงมาเช้าขึ้น​ทุกวัน​เจ้าคะ​”

บน​ใบหน้า​ของ​หลิน​ชิงเวย​เขียน​คำ​ว่า​ ‘ไม่ยินดี​’ ไว้ตัว​เบ้อเริ่ม​ นางกำนัล​ผู้​ทำหน้าที่​สางผม​เป็น​คน​ใจเย็น​คน​หนึ่ง​ เมื่อ​ได้ยิน​เช่นนั้น​จึงเม้มปาก​กลั้น​หัวเราะ​และ​กล่าวว่า​ “คิดดู​แล้ว​พวก​นาง​ล้วน​ต่อสู้​กัน​ใน​ที่ลับ​ด้วย​ไม่อยาก​จะตกข่าว​ใดๆ​ เมื่อ​อยู่​ต่อหน้า​เหนียง​เหนียง​กระมัง​”

ประจวบ​เหมาะกับ​วันนี้​เป็น​วันที่​เหล่า​สาวงาม​จาก​ครอบครัว​ขุนนาง​เข้า​วัง​มาเป็น​วัน​แรก​ หลังจาก​บรรดา​นางสนม​มาถวายพระพร​ยามเช้า​แล้ว​ หลิน​ชิงเวย​ยัง​ต้อง​ไปดู​การคัดเลือก​สาวงาม​ ดังนั้น​การ​ถวายพระพร​ที่ว่า​นี้​มิใช่เป็นการ​มาถวายพระพร​ยามเช้า​เท่านั้น​ ดื่ม​น้ำชา​ยามเช้า​ พูดคุย​สัพเพเหระ​ จากนั้น​ควร​ทำ​สิ่งใด​ก็​ไป​ทำ​สิ่งนั้น​

เมื่อ​ได้ยิน​ว่า​บรรดา​คุณหนู​พัน​ชั่งต่าง​เข้า​วัง​เพื่อ​คัดเลือก​สาวงาม​ ทุกคน​ล้วน​ไม่กล้า​เสียเวลา​ ขณะเดียวกัน​ก็​มิอาจ​แอบ​ดีดลูกคิดรางแก้ว​คาดเดา​อนาคต​ของ​ตนเอง​จน​หลั่ง​เหงื่อ​เย็น​ ตำแหน่ง​ของ​บรรดา​นางสนม​เหล่านี้​ล้วน​ไม่สูงนัก​ รอ​พวก​คุณหนู​พัน​ชั่งเข้า​วัง​มารับ​ตำแหน่ง​เฟย​แล้ว​ พวก​นาง​มิใช่คง​ได้​แต่​ถูก​ผู้อื่น​เหยียบย่ำ​หรอก​หรือ​ ด้วยเหตุนี้​ไม่มีผู้ใด​ไม่ปรารถนา​ที่จะ​ติดตาม​หลิน​ชิงเวย​เพื่อ​ไปดู​ความ​ครึกครื้น​นี้​ ไม่แน่​ว่า​ใน​จำนวน​คุณหนู​พัน​ชั่งนี้​อาจจะ​มีญาติพี่น้อง​ของ​ตน​อยู่​ด้วย​ก็ได้​

หลิน​ชิงเวย​พา​ซิน​หรู​ไป​ยัง​สถานที่​ที่​พวก​คุณหนู​พัน​ชั่งพำนัก​อาศัย​ ด้านหลัง​มีนางกำนัล​ติด​ตามมา​สอง​คน​ นาง​ยัง​ไม่ตื่นนอน​ดี​ดวงตา​ทั้งคู่​เห็น​ทุกอย่าง​พร่า​เลือน​ไป​หมด​ อารมณ์​ไม่ใคร่​จะดี​นัก​

“พี่สาว​ ดู​ท่าน​ไม่เบิกบาน​แจ่มใสเลย​เจ้าค่ะ​” ซิน​หรู​มอง​นาง​

หลิน​ชิงเวย​ขยี้ตา​ของ​ตน​ อ้า​ปาก​หาว​และ​พูดว่า​ “ตำแหน่ง​ประมุข​ของ​ตำหนัก​ใน​นี้​ ต้อง​มีอายุ​ไม่ยืน​เป็นแน่แท้​ อย่าง​มาก​สามสิบห้า​ปี​ก็​ต้อง​เหนื่อย​ตาย​แล้ว​ เชอะ​ ดู​แล้ว​อสังหาริมทรัพย์​สอง​ชิ้น​นั้น​มิใช่ได้มา​โดยง่าย​”

การคัดเลือก​สาวงาม​มีห​มัว​มัว​ที่​ทำหน้าที่​รับผิดชอบ​ขั้นตอน​ต่างๆ​ โดยเฉพาะ​ หลิน​ชิงเวย​เพียงแต่​ไปดู​เป็น​พิธี​เท่านั้น​ ลำดับ​แร​กห​มัว​มัว​จะทำ​การคัดเลือก​คุณหนู​พัน​ชั่งจาก​รูปโฉมโนมพรรณ​โดดเด่น​ออกมา​ก่อน​ เพื่อ​พิจารณา​ถึงหน้าตา​และ​บุคลิก​ของ​ราชสกุล​ใน​ภายหน้า​ย่อม​ต้อง​คัด​ระดับ​กลาง​และ​ระดับสูง​เอาไว้​ก่อน​ จากนั้น​จึงคัดเลือก​จาก​ธรรมเนียม​มารยาท​และ​คุณธรรม​จริยธรรม​ ความรู้​ความสามารถ​เป็นลำดับ​ถัดมา​

หลังจาก​พิจารณา​ครบ​ทุก​ด้าน​แล้ว​ สาวงาม​ที่​ผ่าน​ด่าน​มาอย่าง​ราบรื่น​มีไม่ถึงสิบ​คน​ หลิน​ชิงเวย​เลือก​ตำหนัก​แยก​ออกมา​หลัง​หนึ่ง​ให้​พวก​นาง​พำนัก​อาศัย​อยู่​ที่นั่น​ จัด​ห​มัว​มัว​ไป​สอน​ธรรมเนียม​มารยาท​ใน​วัง​ให้​กับ​พวก​นาง​ เพื่อ​เป็นการ​ทำ​ความคุ้นเคย​กับ​กฎเกณฑ์​ของ​วังหลวง​

หลิน​ชิงเวย​คิดในใจ​ นาง​น่าจะ​ต้อง​อยู่​ฉลอง​ปีใหม่​ใน​วังหลวง​เสียแล้ว​

หลังจาก​เข้าสู่​ฤดูหนาว​ ยังมี​เวลา​อีก​สอง​เดือน​จะถึงปีใหม่​ ต้าเซี่ย​มีงานเทศกาล​เรียก​ว่า​เทศกาล​ต้อนรับ​เทพเจ้า​ เทศกาล​ต้อนรับ​เทพเจ้า​ที่ว่า​ก็​คือ​ต้อนรับ​ดวงวิญญาณ​ของ​เทพเจ้า​เข้าสู่​บ้านเรือน​ของ​ตน​ หลังจาก​ปีใหม่​ผ่าน​พ้นไป​จะได้​คุ้มครอง​คนใน​ครอบครัว​ให้​สุขภาพ​แข็งแรง​ ราบรื่น​ปลอดภัย​ ใน​วัน​ต้อนรับ​เทพเจ้า​ทุกคน​ต้อง​ทำความสะอาด​บ้านเรือน​ให้​สะอาดสะอ้าน​ทั้ง​ภายนอก​และ​ภายใน​เรือน​จึงจะต้อนรับ​เทพเจ้า​เข้ามา​พำนัก​อาศัย​ใน​บ้านเรือน​ได้​

นอก​วัง​เป็น​เช่นนี้​ ใน​วังหลวง​ก็​ไม่แตกต่าง​

เมื่อ​หลิน​ชิงเวย​นำ​รายชื่อ​ของ​สาวงาม​ที่​เพิ่ง​คัดเลือก​เข้า​วัง​มาส่งไป​ยัง​ตำหนัก​ซวี่​หยาง​ ประจวบ​เหมาะกับ​เป็น​วัน​ต้อนรับ​เทพเจ้า​ ไม่ว่า​จะเป็น​ตำหนัก​ฉางเหยี่ยน​ของ​นาง​หรือ​ตำหนัก​ซวี่​หยาง​ข้า​รับใช้​ล้วน​ง่วนอยู่กับ​การ​ทำความสะอาด​ อีก​ทั้ง​ทุกคน​ต่าง​ร่วมแรงร่วมใจ​ ไม่ว่า​ผู้ใด​ล้วน​ห้าม​แอบ​เกียจคร้าน​

หลิน​ชิงเวย​เดิน​อยู่​บน​ทางใน​ตำหนัก​ซวี่​หยาง​ เห็น​เหล่า​ขันที​กำลัง​ขัด​ล้าง​ทำความสะอาด​พร้อมกับ​สาด​น้ำ​ไป​ด้วย​เพื่อให้​สะอาด​ทุกซอกทุกมุม​ไม่ให้​มีฝุ่นละออง​

จึงหลีกเลี่ยง​ไม่ได้​ที่จะ​มีฝุ่นละออง​คละคลุ้ง​อยู่​ใน​ชั้น​บรรยากาศ​ หลิน​ชิงเวย​เอา​ผ้าเช็ดหน้า​ปิดหน้า​ตลอดทาง​ที่​เดินผ่าน​

เป็นไป​ตามที่​หลิน​ชิงเวย​คาด​เอาไว้​ไม่ผิด​ เซียว​จิ่น​ไม่สนใจ​บรรดา​สาวงาม​แม้แต่น้อย​ เมื่อ​หลิน​ชิงเวย​ยื่น​รายชื่อ​ให้​กับ​เขา​ เขา​รับ​ไป​แล้ว​เหลือบตา​มอบ​แวบ​หนึ่ง​พร้อมกับ​พูด​ด้วย​รอยยิ้ม​อ่อนโยน​ “ชิงเวย​ เรื่อง​พวก​นี้​เจ้าตัดสินใจ​ได้​เลย​ เจิ้น​ย่อม​เชื่อ​ใน​สายตา​อัน​แหลมคม​ของ​เจ้า”

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

Status: Ongoing
เพราะไม่อยากแต่งไปเป็นนางสนมที่ถูกลืม “หลินเสวี่ยหรง” จึงได้วางยา “หลินชิงเวย” พี่สาวของตนให้ขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวแทน ทั้งยังตามมาวางยากำหนัดนางอีกถึงในวัง เพื่อใส่ร้ายว่านางคบชู้ ทำให้ ‘หลินชิงเวย’ หญิงสาวยุคปัจจุบันที่ทะลุมิติเข้าร่างมาต้องตกกระไดพลอยโจรไปมีอะไรกับหนุ่มนิรนามที่มาช่วยนางไว้ จนถูกจับได้ว่าคบชู้สู่ชาย ทำให้นางโดนเนรเทศไปอยู่ตำหนักเย็น แม้นางจะทำใจ ยอมอยู่อย่างสงบในตำหนักเย็น ทว่าโลกใบนี้ ไม่ปล่อยให้นางมีความสุขง่ายๆ เช่นนั้น นางจึงต้องใช้ปัญญาและความสามารถทางแพทย์ปกป้องตัวเอง ผนวกกับการได้พบกับชายผู้ยิ่งใหญ่เย็นชาปากไม่ตรงกับใจอย่าง “เซ่อเจิ้งอ๋อง” การได้พบกับเขาทำให้นางค่อยๆ พบความหวัง ที่จะได้กลับมามีอิสรภาพอีกครั้ง! หลินชิงเวย: ท่านอ๋อง ท่านมองลำคออันขาวผ่องของข้าด้วยดวงตาที่เบิกกว้างเช่นนั้น นี่ข้ากำลังปลุกอารมณ์ของท่านหรือ ? เซ่อเจิ้งอ๋อง: คงไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเจ้าจะเป็นสตรีที่ไร้ยางอายเช่นนี้ !

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท