เซียวจิ่นเม้มริมฝีปาก “เหตุใดไทเฮาต้องสร้างความลำบากใจให้ผู้อื่น”
ไทเฮา “สร้างความลำบากใจให้ผู้อื่น? หรือหลินเจาอี๋มิได้เต็มใจแต่งเข้าวังมา ไม่เต็มใจอยู่เคียงข้างฝ่าบาท หรือจะกล่าวว่าที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานหลินเจาอี๋ผู้เดียวเป็นเวลาเนิ่นนานเช่นนี้ล้วนเป็นความรู้สึกจอมปลอมทั้งสิ้น? หลินเจาอี๋เป็นสนมของฝ่าบาท นั่นก็คือสตรีของฮ่องเต้ อีกทั้งฝ่าบาททรงเจริญวัยเป็นผู้ใหญ่แล้ว เรียกตัวหลินเจาอี๋เข้าถวายตัวหาใช่เรื่องถูกต้องตามทำนองคลองธรรมไม่? ขอฝ่าบาททรงไตร่ตรองอีกครั้ง!” พูดแล้วไทเฮาที่ถูกหมัวมัวประคับประคองแสดงท่าทีจะคุกเข่าให้กับเซียวจิ่นจริงๆ
จะให้นางทำเช่นนั้นได้อย่างไร เซียวจิ่นรีบให้คนเข้าขัดขวาง จะมีความผูกพันฉันแม่ลูกหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ยามนี้ไทเฮาต้องการคุกเข่าให้เขา หากเรื่องนี้ถูกแพร่งพรายออกไป เขาคงได้แต่เป็นฝ่ายถูกประณาม
ยังมีเรื่องที่อดีตฮ่องเต้เข้าฝันนั่นอีก ทุกคนล้วนเชื่ออย่างหมดใจ เขาเองไม่มีเหตุผลที่จะไม่ทำตาม อีกทั้งหลินเจาอี๋นั้นเป็นสนมของเขาอยู่แล้ว ใยจะเรียกตัวนางมาปรนนิบัติไม่ได้?
เซียวจิ่นปลอบใจตัวเอง นี่ล้วนเป็นเพราะถูกบีบบังคับ ทว่าท่ามกลางการถูกบีบบังคับกลับรู้สึกได้ถึงความสมเหตุสมผลอย่างชัดเจน ที่จริงในใจของเขากระจ่างแจ้งอย่างยิ่ง เขาไม่เชื่อเรื่องอดีตฮ่องเต้เข้าฝันอะไรนั่นแม้แต่น้อย เพียงแต่สิ่งที่ไทเฮาขอร้องประจวบเหมาะกับเป็นสิ่งที่เขาต้องการเท่านั้นเอง
เขาไม่อยากคิดว่าเมื่อหลินชิงเวยรู้เข้าจะรู้สึกอย่างไร ด้วยทุกครั้งที่คิดเช่นนี้ก็จะเกิดความหงุดหงิดไม่ได้ดั่งใจ เขาล่วงรู้ความในใจของหลินชิงเวย แต่ใครบ้างเล่าที่จะรู้ความในใจของเขา?
เขามีความอดทนอดกลั้นที่จะไม่แสดงท่าที แต่ยามนี้ต่อให้เขาอดทนอดกลั้นได้มากเท่าใด ทว่าไทเฮาก่อกวนจนถึงขั้นนี้เขาย่อมไม่อาจปฏิเสธได้ เขาไม่อาจเป็นฮ่องเต้ที่อกตัญญูได้
ดังนั้นจึงมีพระราชโองการไปถึงตำหนักฉางเหยี่ยน หลินเจาอี๋เป็นกุลสตรีผู้เพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรมและจริยธรรม ทำหน้าที่ดูแลตำหนักทั้งหก เป็นเยี่ยงอย่างที่ดี เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ อีกทั้งอดีตฮ่องเต้มาเข้าฝันด้วยความปีติ ดังนั้นจึงเรียกตัวหลินเจาอี๋ปรนนิบัติในคืนนี้
ซินหรูวิ่งกลับมาที่เรือนด้วยความร้อนรน ไม่รอให้หลินชิงเวยอนุญาตก็พุ่งเข้าไปในห้องทันที หลินชิงเวยกำลังแยกประเภทสมุนไพรอยู่ในห้องโอสถราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นางพูดขึ้นเรียบๆ ว่า “พระราชโองการมาแล้ว?”
ซินหรูตกตะลึง นางถามขึ้นว่า “เหตุใด…พี่สาวจึงรู้ว่าพระราชโองการมาแล้วเจ้าคะ?”
หลินชิงเวย “เจ้าวิ่งกลับมาบอกข้าเรื่องนี้ คิดดูแล้วคงไม่ต้องให้ข้าออกไปรับราชการโองการด้วยตัวเองกระมัง”
“แต่ว่าพี่สาว…” หลินชิงเวยยังคงมีท่าทีสงบนิ่ง กลับเป็นซินหรูที่ร้อนใจ
หลินชิงเวยช้อนตาขึ้นมองนางแวบหนึ่ง “ยังมีเรื่องอันใดอีก?”
ซินหรูส่ายหน้า
หลินชิงเวยจึงเอ่ยขึ้นว่า “ไม่มีอะไรแล้ว ควรทำอะไรก็ไปทำเสีย”
ทันทีที่มีพระราชโองการลงมาย่อมไม่เปิดโอกาสให้หลินชิงเวยปฏิเสธ ลำดับต่อมาคือสิ่งของต่างๆ ที่สมควรได้รับจึงถูกส่งมายังตำหนักฉางเหยี่ยนอย่างเอิกเกริกใหญ่โต ไม่นับว่านางเป็นคนใหม่ในวังหลวงอันใด ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องให้หมัวมัวอาวุโสเข้ามาช่วยนางเตรียมตัวอาบน้ำตั้งแต่ยามบ่าย ขั้นตอนต่างๆ เหล่านั้นจึงงดเว้นไปเสีย อย่างไรเซียวจิ่นย่อมรู้ดีว่านางไม่มีทางยินยอมปลดเปลื้องอาภรณ์ ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าห่มผืนเดียวแล้วถูกแบกเข้าไปถึงแท่นบรรทมมังกรของเขาเด็ดขาด
สิ่งของที่ถูกส่งมายังตำหนักฉางเหยี่ยนคือเสื้อคลุมหงส์ชุดหนึ่ง เป็นเสื้อคลุมงดงามวิจิตรตระการตา สีแดงสดนั้นดึงดูดสายตายิ่งนัก ราวกับค่ำคืนนี้เป็นค่ำคืนวันวิวาห์ระหว่างนางและเซียวจิ่น
ไม่ต้องกล่าวถึงว่าข้ารับใช้ภายในตำหนักฉางเหยี่ยนที่รู้สึกยินดีปรีดา ไม่ว่าผู้ใดในวังหลวงได้พบเห็นต่างได้แต่รู้สึกอิจฉา
วันนี้ภายในตำหนักฉางเหยี่ยนต้อนรับแขกไม่ขาดสาย เหนียงเหนียงทุกท่านในตำหนักในต่างมุ่งหน้ามาเพื่อแสดงความยินดี พวกนางไม่ได้พบแม้กระทั่งเงาร่างของหลินชิงเวย ทว่ากลับได้เห็นสิ่งของที่เต็มไปด้วยความหรูหราเหล่านั้นแทนจึงได้แต่ลอบทอดถอนใจ
คิดไม่ถึงว่าไทเฮาจะมาปรากฏกายในตำหนักฉางเหยี่ยนในเวลานี้ ข้ารับใช้ในตำหนักฉางเหยี่ยนต่างรู้สึกหวาดกลัวอย่างยิ่ง ไทเฮาไม่ได้สร้างความลำบากใจให้กับพวกเขา เพียงแต่สั่งการให้พวกเขาทำในสิ่งที่ควรทำต่อไป นางเพียงแต่มาดูว่าหลินเจาอี๋เตรียมตัวเรียบร้อยดีแล้วหรือไม่
หากวันนี้หลินชิงเวยไม่ไป นั่นก็คือการขัดราชโองการอย่างชัดเจน ไทเฮาต้องการมาดูให้แน่ใจว่าหลินชิงเวยจะขัดราชโองการหรือรับราชโองการ
ในอดีตเมื่อหลินชิงเวยเข้ามาในวังนั้นมีชื่อเสียงไม่ดีนัก มาบัดนี้เรื่องราวต่างๆ ได้ผ่านพ้นไปแล้ว ฮ่องเต้มีพระประสงค์ให้นางเข้าถวายตัวเห็นได้ชัดว่าไม่ใคร่ใส่ใจต่อเรื่องในอดีตนัก แน่นอนว่าไม่มีใครนำเรื่องนี้ขึ้นมาพูดโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ แต่หากวันนี้หลินชิงเวยขัดราชโองการ ไทเฮาย่อมถือโอกาสชำระหนี้ของนางไม่ว่าหนี้เก่าหรือหนี้ใหม่ในคราเดียว
วันนี้เซ่อเจิ้งอ๋องไม่อยู่ในเมืองหลวง ยังคาดหวังว่าจะมาช่วยนางได้หรือ? ไม่แน่นอน เซ่อเจิ้งอ๋องไม่เพียงช่วยนางไม่ได้ รอเมื่อเซ่อเจิ้งอ๋องกลับมายังพบว่านางกลายเป็นสตรีของฮ่องเต้โดยสมบูรณ์ไปแล้ว
แม้ไทเฮาจะชราภาพลงไปมาก แต่วันนี้ดูท่าทางแล้วเบิกบานแจ่มใส รอยยิ้มปรากฏให้เห็นบนริมฝีปากของนางส่งผลให้นางดูอ่อนเยาว์ลงหลายปี นางเป็นคนอาบน้ำร้อนมาก่อน ไฉนเลยจะมองไม่ออกว่าเซียวจิ่นชมชอบหลินชิงเวย แผนการครั้งนี้ของนางไม่เพียงแต่ไม่ล่วงเกินเขา แต่กลับช่วยเหลือเขาให้สมปรารถนา เขาจึงไม่มีเหตุผลอันใดที่จะต้องปฏิเสธ
ดังนั้นไทเฮาจึงไม่มีความกังวลในเรื่องนี้แม้แต่น้อย
หากหลินชิงเวยเป็นคนฉลาด นางย่อมต้องรับราชโองการแต่โดยดี ขัดราชโองการและรับราชโองการ ไม่ว่าเลือกทางใดล้วนไม่ส่งผลดีต่อนาง แต่ผลลัพธ์ของการขัดราชโองการย่อมร้ายแรงกว่ามาก ไทเฮาสร้างโอกาสครั้งนี้ขึ้นมาได้อย่างไม่ง่ายดาย ไฉนจะยอมปล่อยนางไปง่ายๆ
ไม่ว่าจะเป็นเซียวจิ่น หลินชิงเวย หรือไทเฮาทั้งสามต่างรู้ในจุดนี้ดี บัดนี้ราวกับหลินชิงเวยเองกระจ่างแจ้งแล้วเช่นกัน เมื่อก่อนนางประเมินตนเองสูงเกินไป เพียงแค่ติดอยู่ในวังวนนี้ ต่อให้มีสติมากกว่านี้ย่อมไม่อาจกล่าวว่าถอนตัวก็ถอนตัวได้อย่างสะอาดหมดจด ไม่ว่านางจะต้องการไปจากที่นี่เมื่อใด ไม่มีใครขวางทางของนางได้ ทว่าหากไม่ได้รับอนุญาตจากเซียวจิ่น นางย่อมเดินออกไปจากที่นี่ไม่ได้เช่นกัน
ภายใต้การควบคุมของไทเฮา หลินชิงเวยอาบน้ำ ประทินโฉมแล้วสวมเสื้อคลุมหงส์ สีหน้าเย็นชาเรียบเฉยของนางปรากฏโฉมบนกระจกสำริด กลับมีบุคลิกและบารมีน่าเกรงขามของประมุขตำหนักใน นางหวีผมหน้าม้าขึ้น ไข่มุกสีแดงราวกับเลือดของมงกุฎหงส์จรดลงบนหว่างคิ้วของนาง กลางหว่างคิ้วมีดอกโบตั๋นบานสะพรั่งดอกหนึ่ง
เมื่อนางเดินออกมาในรูปโฉมเช่นนี้ กระทั่งไทเฮาเห็นแล้วก็ยังอดไม่ได้ที่จะตะลึงพรึงเพริด ความเคียดแค้นชิงชังเอ่อท้นขึ้นมาในดวงตาของนาง ความเกลียดชังของนางเพิ่มพูนมากขึ้นตามวันเวลา สิ่งที่สตรีอิจฉาริษยาและเกลียดชังที่สุดก็คือความงดงามและความสาวของสตรีอื่น
หลินชิงเวยเปรียบเสมือนดอกโบตั๋น งดงามเป็นหนึ่งในใต้หล้า กำลังอยู่ในวัยเจริญเติบโตเต็มที่ ส่วนนางกลับกลายเป็นหญิงชราคนหนึ่งที่มีแต่จะชราภาพลง
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่หลินชิงเวยมอบให้นาง!
เมื่อหลินชิงเวยออกมา ไทเฮายิ้มเพียงปากถากด้วยตา “หลินเจาอี๋เป็นหญิงงามแต่กำเนิดจริงๆ เมื่อแต่งกายเช่นนี้แล้วงดงามยิ่ง เชื่อว่าหากฮ่องเต้เห็นแล้วจะต้องชมชอบเป็นแน่”
หลินชิงเวยเดินผ่านร่างของนางโดยไม่ใส่ใจ
ไทเฮา “หรือหลินเจาอี๋ไม่มีสิ่งใดต้องการพูดกับเปิ่นกง?”
เท้าของหลินชิงเวยหยุดชะงัก ทว่าไม่ได้หันกลับมา นางเพียงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “มีอะไรให้พูดหรือ?”
“เห็นเจ้ากำลังจะเป็นสตรีของฮ่องเต้ เปิ่นกงยินดีกับฮ่องเต้ด้วย” และดีใจกับตัวของนางเอง บุรุษที่นางไม่ได้มาครอบครัว คนอื่นก็อย่าได้คิดจะครอบครอง! รอให้เซียวเยี่ยนกลับมาเห็นเองเถิด เขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร หลังจากรู้ว่าหลินชิงเวยกลายเป็นสตรีของฮ่องเต้! ถึงเวลานั้นแค่คิดก็สนุกแล้ว
หลินชิงเวย “เช่นนั้นเชิญท่านยินดีปรีดาเถิด หากข้าทำให้ท่านสมปรารถนา วันนี้ถวายงานต่อฮ่องเต้ วันหน้าย่อมต้องเป็นประมุขของตำหนักใน เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะไม่ปล่อยให้ท่านมีโอกาสร่ำไห้”