Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย – ตอนที่ 731 สั่งฆ่า!

ตอนที่ 731 สั่งฆ่า!

ชูฮันยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนประหลาดใจกับการปรากฏตัวของทีมบังคับใช้กฏหมาย แต่การพาคนมามากมายแบบนี้คือคิดจะทำอะไรงั้นเหรอ?
หลูปิงเซ่อไม่คิดว่าพ่อของเสี่ยวเย่อย่างเสี่ยวรุ่ยจะพาทหารมาด้วยมากขนาดนี้หลูปิงเซ่อสำรวจทีมกฏหมายที่มีทหารสองร้อยนายอย่างระมัดระวัง เพียงมองแค่แวบแรกเขาก็รู้ได้เลยว่าทหารทุกคนเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ทั้งหมด แถมไม่แน่อาจจะอยู่ในระดับกลางกันหมดด้วยซ้ำ
หลูปิงเซ่อกลืนน้ำลายอึกกับตัวเองหันไปมองฟานเจี้ยน แม้ว่าฟานเจี้ยนจะแข็งแกร่งมากและเป็นวิวัฒนาการระยะสูง แต่ถ้าต้องสู้กับมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ระยะกลางจำนวนมากขนาดนี้ เขาจะรอดได้เหรอ?
ฟานเจี้ยนเองก็เลียริมฝีปากตัวเองอย่างใช้ความคิดเขาจ้องตากับหลูปิงเซ่อ “นายวิ่งหนีไปซะ ฉันจะถ่วงเวลาให้ก่อน”
สำหรับฟานเจี้ยนแล้วการต่อสู้นี้มันสำหรับคนที่มีพละกำลังแข็งแรง ซึ่งมันจะดีกว่าถ้าหลูปิงเซ่อหนีไปเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ
หลูปิงเซ่อที่ได้ยินก็มีสีหน้าตกใจ”วิ่ง? ฉันเป็นกัปตันทีม นายจะให้ฉันวิ่งหนี? ไม่ ฉันไม่วิ่ง!”
เสียงของหลูปิงเซ่อไม่ได้ดังลั่นแต่หลายคนก็สามารถได้ยิน ซึ่งมันทำให้คนที่ได้ยินทั้งประหลาดใจและมึนงง กัปตันทีม ทีมอะไรกัน?
ฮวงชูเจิ้นที่อยู่ถัดไปจากเสี่ยวเย่และเสี่ยวรุ่ยก็ตกใจทันทีที่ได้ยิน เป็นทีมจริงๆด้วย!
ทันใดนั้นฮวงชูเจิ้นก็รีบเข้าไปห้ามเสี่ยวรุ่ย”เราฆ่าทั้งสองคนนี้ไม่ได้ครับท่าน ตัวตนของพวกเขาพิเศษ!”
”พิเศษ?”เสี่ยวรุ่ยขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจที่ฮวงชูเจิ้นพูด
สาเหตุที่เสี่ยวรุ่ยกลายมาเป็นพลโทแห่งค่ายหนานตู้ได้ไม่ใช่เพราะว่าในยุคศิวิไลซ์เขามีตำแหน่งทางทหารอยู่แล้วแต่เป็นเพราะความสำเร็จจากการช่วยผู้คนให้รอดพ้นหลังจากการปะทุของโลกาวินาศได้ ความเย่อหยิ่งอวดดีของเสี่ยวรุ่ยจึงเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากนั้น ส่วนทีมลึกลับอะไรนั่นเสี่ยวรุ่ยไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ เนื่องจากจีนมักมีทีมปฏิบัติการพิเศษแล้ว ซึ่งจะมีเพียงแค่ทหารระดับสูงเฉพาะเจาะจงไม่กี่คนที่จะรู้ถึงข้อมูลนี่ได้ ดังนั้นเสี่ยวรุ่ยจึงไม่รู้เรื่องนี้.ไอรีนโนเวล.
เมื่อเสี่ยวเย่ได้ยินคำพูดของฮวงชูเจิ้นเขาก็พูดต่อทันที “ฉันเล่นแกยับแน่ไอ้เวรฮวงชูเจิ้น แกวอนตายซะแล้ว พ่อ! ไอ้ฮวงชูเจิ้นมันคอยขัดแข้งขัดขาผมตลอด มันต้องการจะให้ผมตาย ไม่ว่าผมจะทำอะไรมันก็ตามขัดผมไปทุกที่ พ่อต้องจัดการมันให้ผม!”
เมื่อได้ยินที่ลูกชายตัวเองบอกเสี่ยวรุ่ยก็โมโหทันทีและออกคำสั่งเสียงดัง “เอาตัวฮวงชูเจิ้นมาให้ฉัน ส่วนไอ้สองคนนั่นจับมันตามมาซะ!”
”ครับ!”ทหารสองร้อยนายของทีมกฏหมายตอบรับทันที ทหารสามคนเข้าล้อมและจับฮวงชูเจิ้นมัดเอาไว้ ส่วนที่เหลือก็พุ่งเข้าหาฟานเจี้ยนและหลูปิงเซ่อทันทีโดยไม่ต้องปรึกษาใดๆกันก่อนเลย
ฝูงชนโดยรอบตะลึงทันทีกับการเคลื่อนไหวรวดเร็วของทีมกฏหมายฝูงชนที่พอได้สติก็เกิดอาการแตกตื่นวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น ส่วนคนที่อยู่ด้านหลังที่มองไม่เห็นเหตุการณ์ก็พยายามเบียดอัดเข้ามาด้วยความอยากรู้อยากเห็น คนด้านหน้าถูกคนด้านหลังเบียดไปชิดกับประตูค่ายจนแน่น เกิดความวุ่นวายเละเทะไปหมด
การจลาจลที่เกิดขึ้นยิ่งสุมไฟอารมณ์โกรธของเสี่ยวรุ่ยให้หนักไปกว่าเดิม เขาคำรามออกคำสั่งเสียงดังสนั่น “ไอ้พวกชั้นต่ำสกปรก กล้าก่อความวุ่นวายขณะทีมกฏหมายกำลังปฏิบัติหน้าที่ ฆ่าพวกมันได้ทันที!”
ทันทีที่เสี่ยวรุ่ยออกคำสั่งทีมกฏหมายก็จัดการฝูงชนที่วิ่งไปมาอย่างวุ่นวายตรงหน้าทันที คนที่ไม่มีเวลาวิ่งหนีหรือวิ่งไม่ทันถูกหักคอหรือตัดหัวทิ้งทันที ทุกอย่างมันยิ่งเละเทะจนหลุดการควบคุม
”ทีมกฎหมายฆ่าให้หมด!”
”หนีเร็วเสี่ยวรุ่ยเป็นบ้า เขาบ้าไปแล้ว!”
”ทีมกฎหมายฆ่าผู้รอดชีวิตทุกคนรีบหนีเร็ว!”
เสี่ยวรุ่ยเองก็ตกใจกับการฆ่าอย่างโหดเหี้ยมของทีมกฏหมายจู่ๆมันก็เกิดความตระหนกขึ้นในใจ หากตอนนี้มันก็สายไปเสียแล้ว การจลาจลที่ตรงประตูค่ายนั้นยิ่งทวีคูณความรุนแรงขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ทุกคนแหกปากร้องตะโกนสนั่น หัวหลายคนหลุดออกจากบ่าปลิวว่อนในอากาศ
”ฉันบอกให้นายหนีไปแต่นายไม่ไปตอนนี้มันหนีไม่ได้แล้วนะ จะเอายังไงต่อ?” ฟานเจี้ยนปวดหัวตึบ แน่นอนว่าเขาสามารถจัดการกับทีมกฏหมายได้ คนพวกนี้ไม่คณามือเขาหรอก แต่สำหรับหลูปิงเซ่อนั้น…มันยากที่จะพูด
”นายจะจัดการยังไง?”หลูปิงเซ่อเอ่ยถามฟานเจี้ยนกลับทันที “หรือนายกลัวอะไร รีบจัดการซะ! ทำอะไรก็ได้เพื่อให้พวกเราเข้าไปในค่ายได้ท่ามกลางความวุ่นวาย?”
ฟานเจี้ยนคว้าตัวผู้รอดชีวิตคนหนึ่งที่กำลังจะโดนทหารทีมกฏหมายตัดหัวทิ้งจากนั้นก็ผลักคนคนนั้นออกไปที่ที่ปลอดภัยห่างออกไป
ผู้รอดชีวิตคนที่ถูกฟานเจี้ยนช่วยชีวิตเอาไว้ยังคงยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายและสติที่หลุดร่องลอยจนกระทั่งฟานเจี้ยนตบเรียกสติที่ไหล่เบาๆ “เฮ้! นายเป็นอะไรมั้ย? ฉันเห็นนายเกือบจะโดนฆ่า นายไม่โดนอะไรใช่มั้ย?”
ชายที่ได้รับการช่วยชีวิตอึกอักจากนั้นหลูปิงเซ่อที่สบโอกาสก็รีบตะโกนขึ้นทันที “ทีมกฏหมายไล่ฆ่าผู้คน! เปิดประตูค่ายให้พวกเราเข้าไป! ทุกคนตะโกนเป็นเสียงเดียวกันเพื่อให้ผู้นำของค่ายได้ยินข้อความของเรา!”
ทันใดนั้นเองฝูงชนจำนวนมากก็เริ่มตะโกนเป็นเสียงเดียวกัน เสียงมันดังสนั่นกระหึ่มจนหูแทบหนวก
ท่ามกลางความวุ่นวายที่กำลังเกิดขึ้นซึ่งเรียกได้ว่าการจลาจล ชูฮันและทีมกุ้งเสือดำยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน มองดูเหล่าผู้รอดชีวิตที่ค่อยๆหนีออกจากใจกลางถนนไปที่วงล้อมรอบนอกและเริ่มตะโกนเป็นเสียงเดียวกันเข้าไปในด้านในค่าย
และมันเป็นเพราะการถอยหนีของฝูงชนจึงทำให้ทีมกฏหมาย หลูปิงเซ่อและฟานเจี้ยนก็ตกเป็นเป้าสายตาทันที พวกเขายืนเด่นอยู่ใจกลางถนน ยิ่งหลูปิงเซ่อและฟานเจี้ยนที่แตกต่างจากทีมกฏหมายอย่างสิ้นเชิงเพราะภาพลักษณ์และเสื้อผ้าที่สวมใส่ ขณะที่รอบข้างเต็มไปด้วยเสียงตะโกนดังสนั่นหูของฝูงชน ซึ่งสถานการณ์ในเช่นนี้เป็นการบีบบังคับให้ทั้งคู่ต้องรับมือกับทหารทีมกฏหมายสองร้อยนายและไม่มีแม้แต่โอกาสจะหลบหนีได้อีก!
”พวกแกมีสิทธิอะไร!หุบปาก! ฆ่าพวกมันให้หมด!” เสี่ยวรุ่ยที่ตกใจกับเสียงดังสนั่นของเหล่าผู้รอดชีวิต รีบแหกปากใส่ฝูงชนทันทีอย่างโมโหและกลัวความผิดของตัวเอง
อย่างไรก็ตามทุกคนรู้ดีว่าพวกเขามาถูกทางแล้วจึงไม่หยุดและยิ่งตะโกนกันต่อไป เสี่ยวเย่สีหน้าตึงเครียด อารมณ์ในใจยิ่งทวีคูณความรุนแรงขึ้น
”หยุดเดี๋ยวนี้หุบปาก! ไอ้พวกขยะชั้นต่ำ!” เสี่ยวเย่เต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง น้ำเสียงเด็ดขาดและเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม “พวกผู้ลี้ภัยก็ทำตัวให้เป็นผู้ลี้ภัย คิดว่านี้เป็นยุคศิวิไลซ์เหรอไง? จะบอกให้ว่าผู้ลี้ภัยไม่มีการเรียกร้องสิทธิมนุษยชนอะไรทั้งนั้น! เปล่าประโยชน์ที่จะมาสร้างปัญหาที่นี้ ระวังตัวให้ดีเพราะฉันจะฆ่าพวกแกให้หมด!”
เมื่อได้ยินที่เสี่ยวเย่พูดเสี่ยวรุ่ยก็หรี่ตามองลูกชายตัวเองอย่างไม่พอใจ จากนั้นก็มองไปที่จำนวนผู้คนภายในค่ายที่มารวมตัวดูสถานการณ์กันที่ประตูค่าย ซึ่งภายในค่ายมีคนอาศัยอยู่เป็นหมื่นๆคน ถ้าเรื่องมันแพร่ไปกลาย ใครกันจะโชคร้ายกับปัญหาในครั้งนี้?
เสี่ยวเย่โกรธแค้นต่อกลุ่มผู้ลี้ภัยพวกนี้อย่างมากโดยเฉพาะหลูปิงเซ่อที่ทำให้เขาต้องขอโทษฝูงกวางเมื่อครั้งก่อน
หลูปิงเซ่อที่ยืนหลบอยู่หลังฟานเจี้ยนเองก็ไม่ยอมเขาตะโกนออกมาดังลั่นเพื่อปลุกระดม “พี่น้องทุกคน ไอ้นี้มันดูถูกพวกเรา บอกพวกเราเป็นผู้ลี้ภัยไม่มีสิทธิมนุษย์ ทุกคนตะโกนตามคำพูดฉัน ฉันนับ 1 2 3 พูดว่าทีมบังคับใช้กฏหมายไล่ฆ่าผู้คน!”
”ได้!”
”สั่งฆ่าพวกเราได้ยังไง!”
”@#$%^&*[email protected]#$%^&*([email protected]#$%^&!”
ฝูงชนรอบๆตะโกนบ่นด่าอย่างไม่พอใจหากทุกคนพร้อมร่วมมือกัน ท้ายที่สุดแล้วฟานเจี้ยนเป็นคนช่วยชีวิตผู้คนและทุกคนก็เห็นมันเองกับตา
”หนึ่งสอง สาม!”
”ทีมบังคับใช้กฏหมายสั่งฆ่าผู้คน!”
เสียงตะโกนของฝูงชนจำนวนมากที่พร้อมใจกันนั้นดังสนั่นทะลุฟ้า!

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

Status: Ongoing

มันเป็นโลกที่ซอมบี้และมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยความสิ้นหวัง

สนามแม่เหล็กของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงและทุกอย่างได้ย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้น

วันหนึ่ง วีรบุรุษของพวกเรา…ชูฮัน ได้เดินทางย้อนเวลากลับมาสิบปีก่อนโดยไม่รู้ตัว เขาได้ย้อนกลับมาก่อนจุดจบของโลกจะเริ่มต้นขึ้น (โลกาวินาศ) เขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงดังในหอพักในมหาวิทยาลัยหมิงชิว ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ชูฮันต่อสู้กับเหล่าซอมบี้นับสิบๆตัวก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถเพื่อขโมยรถยนต์เมอร์ซิเดซ-เบนซ์G55ออกมา เขาตัดสินใจที่จะตามหาพ่อแม่และพี่น้องของเขาด้วยG55คันนี้ ซึ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาเสียใจที่ไม่ได้ทำในชาติที่แล้ว

ระหว่างทางชูฮันได้พบปะกับคนกลุ่มหนึ่งที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนที่ติดอันดับ 20 ของโลกาวินาศรวมอยู่ด้วย…เฉินช่าวเย่ พวกเขาพบกับซอมบี้จำนวนมากระหว่างทางบนทางหลวง ซึ่งชูฮันได้ใช้รถ G55 พุ่งชนเหล่าซอมบี้จนเละ

และในตอนนั้นเอง ชูฮันถึงตระหนักได้ว่าทั้งหมดนี้คือระบบล่มสลาย และเขาสามารถได้คะแนนจากการฆ่าซอมบี้ทั้งหลาย ซึ่งเขาสามารถเอาคะแนนพวกนี้ไปแลกเปลี่ยนเป็นความสามารถพิเศษอะไรก็ได้

และในตอนนั้นเอง การเดินทางของชูฮันก็ได้เริ่มต้นขึ้นไปพร้อมๆกับระบบล่มสลาย

นี่เป็นเรื่องราวของระบบล่มสลาย โดยมีเขา…ชูฮัน เป็นคนดำเนินเรื่องราว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท