ตอนที่ 287 : ความน่ากลัวของเจิ้นเหลิ่งเทียน
“ผู้ชนะได้แก่ลู่หาน”
เมื่อผลแพ้ชนะออกมาแล้ว ลู่หานก็ได้เก็บหอกของตัวเองก่อนจะเดินลงจากเวทีมา
เมื่อเห็นแบบนั้น พวกแฟนคลับก็พากันกรี๊ดออกมา
ผู้ชายคนอื่นได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ เท่านั้น ไม่รู้เลยว่าลู่หานมันหล่อตรงไหน ลัวจ้าวฮว่าเองก็คิดแบบนั้น
ต่อมาในคู่ที่ 3 เจิ้นเหลิ่งเทียน Vs เหยียนจือ
ทั้งสองคนเดินขึ้นไปบนเวที เจิ้นเหลิ่งเทียนยังคงแสดงท่าทีเฉยเมยดังเดิมราวกับไม่มีอะไรทำให้เขาสนใจได้
“นายออกมาจากที่นั่นจริง ๆ สินะ” เหยียนจือมองไปที่เจิ้นเหลิ่งเทียน ก่อนจะเปิดปากพูดขึ้นมา
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เจิ้นเหลิ่งเทียนก็มองไปที่เหยียนจือด้วยสีหน้าคาดไม่ถึง แต่เขาก็ไม่ได้ตอบกลับอะไร เขาแสดงสีหน้าแปลกใจได้ไม่นานก็กลับไปเยือกเย็นดังเดิม
“คงจะจริงสินะ..” เหยียนจือส่ายหน้า
“เริ่มสู้ได้ ! ” ชายแก่ประกาศเริ่มการต่อสู้ทันที
เจิ้นเหลิ่งเทียนยังยืนนิ่งก่อนจะค่อย ๆ ยกมือขึ้นมา
แกร๊ก !
เสียงน้ำแข็งก่อตัวดังขึ้นพร้อมกับร่างของเหยียนจือที่มีชั้นน้ำแข็งปกคลุมเพื่อแช่แข็งเขาเอาไว้
ตูมมม !
แต่มันไม่อาจจะใช้กับเหยียนจือได้ผล
ไม่รู้ว่าเขาใช้ทักษะอะไร แต่รู้สึกได้ว่ามีพลังระเบิดออกมาจากตัวเขา ทำให้ชั้นน้ำแข็งนั้นพังลงไปทันที
ชั้นน้ำแข็งบาง ๆ กระจายไปทั่วพร้อมกับเหยียนจือที่ถอยออกไปจากตำแหน่งเดิม แต่เขากลับตัวสั่น
ชัดแล้วว่าเพื่อจะทำลายการโจมตีของเจิ้นเหลิ่งเทียน เขาต้องพยายามอย่างมาก และนี่เป็นสิ่งเดียวที่เขาทำได้
คนในสนามต่างก็มองดูฉากนั้นด้วยความตะลึง
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นคนทำลายการโจมตีของเจิ้นเหลิ่งเทียนได้
ก่อนหน้านี้ไม่มีใครต้านทานการโจมตีนี้ได้เลย ทำให้เห็นได้ว่าเหยียนจือคนนี้ไม่ธรรมดา
“เขาแข็งแกร่งอย่างมาก ดูเหมือนว่าจะใช้ทักษะที่แปลกประหลาด” หวังเย่ามองไปที่เหยียนจือ ก่อนจะครุ่นคิด
ที่ด้านล่างเวทีนั้นลู่หานได้กลับมาจากห้องพักก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเหยียนจือด้วยความแปลกใจ
เจิ้นเหลิ่งเทียนที่อยู่บนเวทีก็ไม่คิดว่าการโจมตีของตัวเองจะใช้ไม่ได้ผล แต่เขาก็ยังคงแสดงสีหน้าเฉยเมยออกมาอยู่ดี
ยังไงซะนี่ก็เป็นแค่ทักษะเล็ก ๆ น้อย ๆ เมื่อเห็นว่าทักษะนี้ใช้ไม่ได้ผล งั้นเขาก็ต้องใช้ท่าที่ทรงพลังกว่านี้
เจิ้นเหลิ่งเทียนยกมือขวาขึ้น จากนั้นก็เหมือนมีบางอย่างก่อตัวขึ้นมาในอากาศ มันเหมือนกับเป็นกลุ่มภาพลวงตาที่เห็นได้ไม่ชัดเจนนัก
อาจจะมองเห็นได้ไม่ชัดเจน แต่ก็รับรู้ถึงความหนาวเย็นจากมันได้
ภายใต้สายตาของทุกคน เจิ้นเหลิ่งเทียนสะบัดมือลง
เหยียนจือที่อยู่ไกลออกไปก็เครียดขึ้นมาทันที เขารับรู้ได้ถึงอันตรายซึ่งทำให้เขาต้องรีบหลบออกไปข้าง ๆ โดยเร็วที่สุด
ปัง !
ตอนที่เขากระโดดหลบมานั้น มันก็เหมือนมีบางอย่างกระแทกไปที่เวทีอย่างแรง มันถึงกับทำให้เกิดรอยแตกที่น่าตกใจขึ้นมา
เห็นได้ว่าการโจมตีนี้รุนแรงอย่างมาก แม้ว่าเหยียนจือจะโดดหลบออกมาได้เร็ว แต่ก็ยังได้รับผลกระทบจากการโจมตีนี้อยู่
“บัดซบ” เหยียนจือกระอักเลือดออกมา เขาคุกเข่าลงกับพื้น ตอนที่เขาเพิ่งจะเงยหน้าขึ้นมานั้นก็พบว่าเจิ้นเหลิ่งเทียนได้มาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ตาคู่สีฟ้ามองมาที่เขาด้วยท่าทีเฉยเมย
มือข้างหนึ่งของเจิ้นเหลิ่งเทียนวางอยู่บนหน้าผากของเหยียนจือแล้ว
“ฉัน…ยอมแพ้ ! ”
เมื่อรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นถึงขั้วกระดูก เหยียนจือก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมแพ้
เขารู้ว่าหากสู้ต่อ เขาอาจจะหมดสภาพโดยไม่มีโอกาสชนะแม้แต่น้อย
ตอนนี้เขาบาดเจ็บหนักและต้องพักอีกนานกว่าจะฟื้นฟูตัวเองได้ สัญชาตญาณบอกเขาว่าเขาไม่อาจจะทำอะไรอีกฝ่ายได้
ยังไงซะเมื่อมาถึงรอบนี้ได้ก็ถือว่าดีสำหรับเขามากแล้ว เขายังเด็กอยู่ นี่ถือว่าเป็นผลลัพธ์ที่ดีแล้ว
การต่อสู้ของเจิ้นเหลิ่งเทียนก่อนหน้านี้ เจิ้นเหลิ่งเทียนไม่ได้เอาจริงเลยแม้แต่น้อย
ถ้าไม่ใช่เพราะนี่เป็นการชุมนุม งั้นผลลัพธ์มันอาจจะไม่จบลงแบบนี้
เจิ้นเหลิ่งเทียนดึงมือกลับไปพร้อมกับยืนนิ่งไม่คิดจะลงมือต่อ
“ผู้ชนะได้แก่ เจิ้นเหลิ่งเทียน”
ชายแก่ประกาศออกมา ตอนนี้ได้ผู้ชนะ 3 คนแล้วซึ่งคือเซี่ยงหยาง, ลู่หาน และ เจิ้นเหลิ่งเทียน
ทั้งสามคนต้องแข่งกันเพื่อหาว่าใครคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด
ทีมแพทย์ได้มารับตัวเหยียนจือทันที ส่วนเซี่ยงหยางและลู่หานพากันมองไปที่เจิ้นเหลิ่งเทียนที่อยู่บนเวที สายตาของพวกเขาเหมือนอยากจะสู้กับอีกฝ่าย
ชัดแล้วว่าในสายตาของทั้งสอง พวกเขาได้เห็นคู่ปรับที่เหมาะสมเข้าแล้ว
ทุกคนในสนามเห็นแบบนั้นก็พากันตื่นเต้น สุดท้ายแล้วพวกเขาก็จะได้เห็นว่าอัจฉริยะของเมืองหัวเซี่ยจะสามารถทำให้เจิ้นเหลิ่งเทียนเอาจริงได้รึไม่ และเอาชนะเจิ้นเหลิ่งเทียนได้รึไม่
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนนั้นคึก ชายแก่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ไม่รู้เลยว่ากฎของรอบต่อไปนั้นจะเป็นยังไงแต่ชัดแล้วว่าชายแก่นั้นสนใจการต่อสู้อย่างมากเมื่อดูจากตาที่เป็นประกายของเขา
ท่ามกลางพลังที่ลู่หานและเซี่ยงหยางแผ่ออกมาแล้ว เจิ้นเหลิ่งเทียนกลับนิ่งเฉย เขามองไปที่ทั้งสองคนก่อนจะพูดออกมา “พวกนายเข้ามาพร้อมกันเลยก็ได้”
เสียงนี้ดูไร้อารมณ์ แต่คำพูดนี้กลับทำให้ทุกคนในสนามต้องตะลึง
“อะไรนะ ? ฉันได้ยินไม่ผิดใช่ไหม ? ”
“ถึงจะแข็งแกร่ง แต่เขาคงไม่กล้าสู้กับสองคนพร้อมกันหรอก”
“เขาหยิ่งทะนงเกินไปรึเปล่า….”
“แต่วัดจากความแข็งแกร่งของเขาแล้ว บางทีมันอาจจะเป็นไปได้…”
ในตอนที่ทุกคนพูดคุยกันอยู่นั้น ลู่หานและเซี่ยงหยางก็สีหน้าบิดเบี้ยวไปเพราะความโกรธ นี่ไม่ต่างอะไรจากการดูถูกพวกเขาเลย !
“เราจะสู้กับนายแต่เราจะไม่ร่วมมือกัน เราเองก็มีศักดิ์ศรีของตัวเอง ! ” เซี่ยงหยางบอกกับเจิ้นเหลิ่งเทียน ก่อนจะเดินขึ้นเวที
“ฉันจะสู้กับนายก่อนเอง ! ”