ตอนที่ 375 : ความตั้งใจ
เมืองตัดขวางนี้มีประชากรหลายล้านคน ชานเมืองนั้นก็มีสัตว์อสูรปรากฏตัวขึ้นมาแทบตลอดเวลา
นอกจากนี้แล้วเพราะต้องเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรตลอดจึงทำให้ทุกคนในเมืองนี้พอมีฝีมืออยู่บ้าง ความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่ได้น้อยเลย
กลุ่มทหารรับจ้างกลุ่มใหญ่ ๆ ต่างก็มาตั้งสาขาของตัวเองที่เมืองแห่งนี้
เพราะจำนวนสัตว์อสูรจึงทำให้ที่นี่กลายเป็นที่สร้างกำไรก้อนโตได้อย่างมากให้กับพวกเขา
กล่าวได้ว่าเมืองนี้คือแหล่งชุมนุมของคนระดับสูงทั่วทั้งหัวเซี่ยก็ว่าได้ อย่างเช่นกองทัพต่าง ๆ
เพราะถึงอย่างไรเมืองนี้ก็คือเมืองหน้าด่านที่สำคัญ
หากเมืองนี้ถูกสัตว์อสูรพังลง งั้นประเทศก็อาจจะต้องเจอกับปัญหาใหญ่
มันเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่าเมืองตัดขวางนั้นมีความสำคัญต่อประเทศมากแค่ไหน
สุดท้ายเครื่องบินก็ลงจอดที่สนามบิน
ตอนที่จะลงจากเครื่องนั้น ฟางอี้ก็ได้ส่งกระดาษให้กับหวังเย่าแผ่นหนึ่ง
“นี่อะไร ? ” เมื่อเห็นกระดาษที่เธอยื่นมา หวังเย่าก็ถามขึ้น
“ข้อมูลการติดต่อฉัน” ฟางอี้มองไปที่หวังเย่าด้วยสีหน้าเฉยเมย
“อะไรนะ…” หวังเย่าคิดจะปฏิเสธแต่เมื่อเห็นสายตาข่มขู่ของฟางอี้ เขาก็ต้องกลืนคำพูดกลับลงคอ
หลังจากที่รับกระดาษนั้นมาหวังเย่าก็มองดูตัวเลขบนกระดาษ
“นายจำมันไว้ด้วยละกัน ฉันจะไม่เขียนให้นายอีก” หลังจากที่พูดจบฟางอี้ก็เดินออกไปทันที
“ก็แค่เบอร์ มันจะเป็นเรื่องใหญ่โตตรงไหน” หวังเย่าเก็บกระดาษนั้นลงไปในกระเป๋ามิติก่อนจะลงจากเครื่อง
เมื่อออกมานอกสนามบินและมองไปรอบ ๆ หวังเย่าก็ถอนหายใจออกมา เขาคงต้องอยู่ที่นี่สักพัก
“หาที่พักก่อน” เมื่อพูดจบ หวังเย่าก็เดินออกไปทันที
โรงแรมตัดขวางเป็นโรงแรมที่หรูหราที่สุดในเมือง หวังเย่าได้เปิดห้องพิเศษที่นั่น เพราะเวลาไม่แน่นอนดังนั้นเขาจึงเช่าห้องนี้ไว้ครึ่งเดือน
แม้ว่าราคาจะแพงไปนิดและสูงถึงหลักล้านแต่ดูจากเงินที่หวังเย่ามีแล้ว เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก
ก่อนที่จะมาที่นี่ หวังเย่าได้มอบเงิน 50,000 ล้านให้จ้าวเมิ่งซีเพื่อดูแลบริษัทและกลุ่มทหารรับจ้างด้วย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังมีเงินอีก 50,000 ล้านอยู่กับตัว เงินแค่หลักล้านนั้นเป็นแค่เงินจำนวนน้อยนิดหากเทียบกับเงินที่หวังเย่ามี
เมื่อเป็นคนรวยแล้วเขาก็ไม่ได้สนใจเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้
เมื่อเข้ามาในห้อง หวังเย่าก็ได้เดินไปนั่งที่โซฟาก่อนจะส่งข้อความหาจ้าวเมิ่งซีกับฟ่านฉิงเหมยว่าเขาเดินทางมาถึงที่หมายแล้ว เพื่อไม่ให้พวกเธอเป็นห่วง
จากนั้นเขาก็เอากระดาษที่ฟางอี้ให้เขามาก่อนที่จะกดเบอร์แล้วบันทึกลงไปในโทรศัพท์
“ฉันบันทึกเบอร์ไว้แล้ว” จากนั้นเขาก็กดส่งข้อความออกไป
ไม่นาน ฟางอี้ก็ตอบกลับมา
“ฉันก็เหมือนกัน”
ในข้อความนี้มีรูปอีโมติค่อนแสดงท่าทีไม่สนใจด้วย
“ยัยนี่…” หวังเย่าส่ายหน้า เขาเก็บโทรศัพท์ลงไปและคิดเรื่องที่เขาตั้งใจจะตั้งสาขากลุ่มทหารรับจ้างที่นี่เพื่อหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์
กริ๊ง !
ตอนนั้นเองโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
หวังเย่าเอาโทรศัพท์ขึ้นมาและพบว่ามันเป็นข้อความจากฟางอี้
“พรุ่งนี้นายว่างรึเปล่า ? ”
เมื่อเห็นข้อความนั้นหวังเย่าก็คิดในใจ “เธอต้องการอะไรกันแน่ ? ”
แต่เมื่อสาวสวยถามมาแบบนี้ จึงเป็นธรรมดาที่หวังเย่าจะ…
“ขอโทษด้วย ฉันไม่ว่าง”
หวังเย่าส่งข้อความกลับไป เพราะตอนนี้เขามีแผนการของตัวเอง เขาไม่มีเวลาที่จะไปเดินเล่นกับฟางอี้หรอก แม้แต่กับแฟนของเขาก็ยังแทบไม่มีเวลาให้พวกเธอเลย
คนอื่นอาจจะรีบตกลง แต่หวังเย่าต่างจากพวกนั้น เขามีแฟนอยู่แล้ว ถ้าเขามีแฟนเพิ่มอีกคน เขาก็ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เขาไม่อยากเอาตัวเองเดินเข้าไปหาปัญหา
ดังนั้นหวังเย่าจึงปฏิเสธฟางอี้ไป แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตามแต่มันคงไม่ดีแน่
จากนั้นหวังเย่าก็ทบทวนแผนการที่จะทำ
กริ๊ง !
โทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง
เมื่ออ่านข้อความจบ หวังเย่าก็ไม่ได้ตอบกลับอะไร เขาวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อไปยังองค์กรทหารรับจ้างของเมือง
ที่อีกด้านของเมือง ฟางอี้ยังจับโทรศัพท์ตัวเองไว้แน่นด้วยสีหน้าหงุดหงิด
ข้อความสุดท้ายที่เธอส่งไปคืออีโมติค่อนหงุดหงิด มันไม่แปลกเลยที่หวังเย่าจะไม่สนใจเธอ
“นี่มันอะไร ? ใครกล้าทำให้คุณหนูของเราโกรธกัน ? ” ตอนนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
จากนั้นก็มีผู้หญิงที่ดูเซ็กซี่คนหนึ่งเดินเข้ามา เธอหน้าตาดูคล้ายกับฟางอี้แต่แค่ดูมีเสน่ห์กว่า แต่ก็ดูเย่อหยิ่งไม่ต่างกัน
เธอดูโดดเด่นและยากที่คนจะไม่มองมาที่เธอ
หากฟางอี้เย็นชาเหมือนกับบัวหิมะ งั้นผู้หญิงคนนี้คงมีเสน่ห์เหมือนจิ้งจอกเก้าหางที่ล่อลวงวิญญาณคน
ฟางอี้กำโทรศัพท์ไว้แน่นโดยไม่ตอบอะไรกลับมา มันจึงทำให้ผู้หญิงคนนั้นแปลกใจและอดไม่ได้ที่จะคิดถึงบางอย่าง
“เอ๊ะ หรือว่าคุณหนูฟางอี้ทะเลาะกับแฟนอยู่ ? ” สุดท้ายเธอก็ยิ้มให้กับฟางอี้
เมื่อฟางอี้ได้ยินแบบนั้นก็หน้าแดงขึ้นมาทันที
“ขะ….เขาไม่ใช่แฟนหนู เขาแค่คนลามก” ฟางอี้หน้าแดงก่ำ ก่อนจะตอบออกมา
“ไม่ใช่แฟน แต่ดูท่าทางของเธอสิยิ่งกว่าแฟนเสียอีก” ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะออกมา
“เขาไม่ใช่แฟนหนูสักหน่อย คุณน้า ! ”