ตอนที่ 377 : หอวิหคเพลิง
หลังจากที่เห็นข่าวนั้น หวังเย่าก็เชิญทหารรับจ้างพวกนั้นมากินข้าวด้วยกัน
เมื่อเหล่าทหารกินอาหารที่หวังเย่าเลี้ยง พวกเขาก็กินแต่พออิ่มเท่านั้น เพราะว่าเกรงใจอีกฝ่าย
เมื่อพูดคุยจบ หลังจากนั้นเขาก็กลับไปที่โถงภารกิจต่อ
เมื่อเห็นภารกิจต่าง ๆ บนจอ หวังเย่าที่ไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินก็แค่กวาดตามองหาภารกิจที่น่าสนใจจริง ๆ แทน
เขาเดินไปรอบ ๆ เพื่อหาข้อมูลทุกอย่าง
2 ชั่วโมงต่อมา หวังเย่าก็ออกมาจากโถงภารกิจมา
“วันนี้กลับไปเรียบเรียงข้อมูลก่อน” เมื่อคิดได้แบบนั้นหวังเย่าก็ได้เดินทางกลับไปที่โรงแรมทันที
หวังเย่ากลับไปนั่งที่โซฟาและทำการเรียบเรียงข้อมูลที่ได้ยินมาในวันนี้
“การโจมตีของฝูงสัตว์อสูรเริ่มเมื่อเดือนก่อน พื้นที่แรกที่สัตว์อสูรโจมตีก็คือด้านที่ติดภูเขา มันเป็น 3 ที่ที่น่ากังวลที่สุด แต่ตอนนี้สัตว์อสูรได้ถอยกลับไปแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครบอกได้ว่าเพราะเหตุใดพวกมันถึงกลับไป มันต้องมีเหตุผลบางอย่างอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อย่างแน่นอน” เขานึกถึงคำพูดของเฉี่ยนเจินเฉียนก่อนหน้านี้ บางทีมันอาจจะเกี่ยวข้องกันก็เป็นได้
“ที่น่าแปลกใจก็คือพวกยอดฝีมือได้มารวมตัวกันที่นี่ บางทีมันอาจจะเป็นเพราะเหตุผลบางอย่าง”
ตอนนี้หวังเย่ารู้แล้วว่าทำไมฟางอี้ถึงได้มาที่นี่
นอกจากเธอแล้วก็ยังมียอดฝีมือระดับสูงของเมืองหัวเซี่ยอย่างลู่หานที่มายังเมืองตัดขวางด้วย มันยังมีอัจฉริยะจากเมืองอื่น ๆ มาที่นี่ด้วย โดยรวมแล้วพวกอัจฉริยะรุ่นเยาว์ต่างก็มารวมตัวกันที่นี่
นี่มันน่าสนใจกว่าการชุมนุมศิลปะการต่อสู้ซะอีก
แต่เมื่อคิดถึงการชุมนุมศิลปะการต่อสู้ หวังเย่าก็อดคิดถึงเหลิ่งเทียนไม่ได้
เพราะหลังจากที่ชนะการชุมนุมไป ก็ดูเหมือนเหลิ่งเทียนจะเงียบและไม่มีข่าวสารใด ๆ อีกเลยเกี่ยวกับเขา
เขาเก็บตัวเงียบราวกับว่าไม่มีตัวตนมาก่อนอย่างไรอย่างนั้น
หวังเย่าสงสัยเรื่องเหลิ่งเทียนมาโดยตลอด ไม่ใช่แค่ความแข็งแกร่งที่น่ากลัวเท่านั้น แต่ยังมีตัวตนที่ลึกลับอีกด้วย หวังเย่าได้ตรวจสอบในอินเตอร์เน็ตแต่ก็ไม่ได้มีข่าวสารใด ๆ เลย เหลิ่งเทียนลึกลับยิ่งกว่าศิษย์จากสำนักต่าง ๆ เสียอีก
“ฉันไม่รู้ว่าเขาจะมาที่เมืองตัดขวางรึเปล่า….แต่ฉันสังหรณ์ใจว่าอาจจะได้พบกับเขาที่นี่” หวังเย่าส่ายหน้าเพื่อสลัดความคิดนี้ทิ้ง ก่อนจะทำการวิเคราะห์ข้อมูลต่อ
หลังจากนั้นสักพักหวังเย่าก็ได้เป้าหมายที่ชัดเจนขึ้นมา
เขาวางแผนว่าจะไปดูรอบ ๆ เมืองในวันพรุ่งนี้ ก่อนอื่นเขาจะไปที่ด้านข้างของเมืองเพื่อดูกับตาตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
หลังจากที่ตัดสินใจแล้วหวังเย่าก็นอนเล่นบนโซฟา
“การฝึกฝนจิตเป็นเรื่องน่าปวดหัว ตอนนี้ฉันเข้าใจความรู้สึกของเมิ่งเอ๋อร์แล้ว กลับไป ฉันต้องให้รางวัลเธอซะแล้ว หึหึหึ…” สุดท้ายหวังเย่าก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
หากจ้าวเมิ่งซีและฟ่านฉิงเหมยเห็นสีหน้าเขาตอนนี้แล้ว พวกเธอคงไม่ลังเลที่จะทุบเขาอย่างแน่นอน
….
ในวันต่อมาหลังจากที่กินข้าวเช้าเสร็จ หวังเย่าก็ได้ตรงไปยังร้านค้า
เพราะเขาตั้งใจมาดูว่ามันจะมีแผนที่ภูเขาขายรึเปล่า เพื่อความสะดวกในการสำรวจ
เมื่อมาถึงเขตร้านค้าแล้ว หวังเย่าก็มาหยุดที่ร้านที่ชื่อว่าหอวิหคเพลิง
ร้านนี้ไม่ได้ใหญ่นัก แต่มันมีเกราะ, น้ำยาพลัง, น้ำยาวิวัฒนาการและของใช้ประจำวันอื่น ๆ ขายอยู่มากมาย
เมื่อมาถึงโต๊ะจ่ายเงินก็พบว่ามีสาวน้อยน่ารักคนหนึ่งนอนอยู่
“ตื่นได้แล้ว มีลูกค้าเข้าร้านแล้ว”
“หือ …” เมื่อได้ยินแบบนั้นสาวน้อยก็ลืมตาขึ้นมา จนกระทั่งเธอได้เห็นหวังเย่า เธอก็ถึงกับตกใจและรีบเช็ดน้ำลายที่เปื้อนปากออกทันที
“คุณต้องการอะไร ป้าบอกเลยว่าของในร้านนี้น่ะคุณภาพสูง แม้จะไม่กล้าบอกว่าเป็นอันดับหนึ่งในเมืองแต่ก็ไม่เป็นรองใคร” หญิงสาวจ้องหวังเย่าเขม็งราวกับไม่เคยเจอลูกค้ามานานแล้ว
“เอ่อ…” เมื่อได้ยินที่เธอพูด แม้ว่ามันจะฟังดูโอ้อวดไปหน่อย แต่หวังเย่ากลับกังวลถึงคำที่หญิงสาวคนนี้เรียกแทนตัวเองมากกว่า
ป้ากะผีอะไร เธอเหมือนอายุแค่ 23 ปีอยู่เลย เธอยังโตไม่เต็มที่เลยด้วยซ้ำ
รึว่าเธอชอบเรียกตัวเองแบบนี้ ? เพื่อให้ดูโตกว่าอายุจริง ๆ งั้นหรือ ?
หวังเย่าส่ายหน้าสลัดความคิดนี้ออกจากหัว ถึงเธอจะเป็นยังไงก็ไม่ใช่ธุระของเขา ยังไงซะเขาก็มาที่นี่เพื่อหาแผนที่
“เธอมีแผนที่ภูเขาขายรึเปล่า ? ” หวังเย่ามองไปที่หญิงสาวแล้วถามขึ้นมา
“มีอยู่ รอเดี๋ยวนะ ป้าจะไปหามาให้ ” เมื่อได้ยินที่หวังเย่าถาม หญิงสาวก็พยักหน้าและรีบวิ่งไปที่หลังร้านทันที
ไม่กี่วินาทีเธอก็กลับมาพร้อมกับแผนที่กองหนึ่ง
เธอรีบซะจนเหมือนกลัวว่าหวังเย่าจะหนีออกจากร้านไป
สิ่งนี้มันทำให้หวังเย่าพูดไม่ออก
นี่เธอไม่ได้เจอลูกค้ามานานแค่ไหนแล้วเนี่ย ?
“นี่คือแผนที่ทั้งหมด นายเลือกได้เลย” หญิงสาวมองไปที่หวังเย่าและพูดด้วยตาที่เป็นประกาย
“ฉันขอดูก่อนละกัน” หวังเย่าพูดขึ้นและหยิบเอาแผนที่ขึ้นมาดู
เขารู้สึกได้ว่าแผนที่ยิ่งละเอียดเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น มันจะช่วยในการสำรวจของเขาได้อย่างมาก
“ไม่ต้องรีบร้อน ดูให้ละเอียดและเลือกให้ดี ๆ นายอยากได้น้ำชารึเปล่า ? ” หญิงสาวรีบเดินเข้ามาถามหวังเย่า จนตัวเธอเกือบจะชิดกับตัวเขา
หวังเย่าสะดุ้งและรีบถอยกลับมา ก่อนจะปฏิเสธออกไปว่า “ไม่ต้องหรอก”
“งั้นนายก็เลือกตามสบายเลย ป้าไม่กวนแล้ว เวลามีเยอะ” จากนั้นเธอก็เดินกลับไปที่โต๊ะพร้อมกับมองมาที่หวังเย่าอย่างไม่ละสายตา
มันทำให้หวังเย่ารู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันทีเมื่อเป็นแบบนี้
เธอคงกลัวว่าหวังเย่าจะหนี
แต่ว่าการกระทำของเธอนี่แหละที่เป็นตัวไล่ลูกค้า
ต้องบอกว่ามันเป็นปาฏิหาริย์แล้วที่ร้านยังไม่เจ๊ง….