ตอนที่ 744 ตำรับยาซื่ออู้ทัง(1)ของคุณหมอฟาง
เวลาประมาณ 06.30 น. ในที่สุดรถไฟก็มาถึงเมืองหลวง
ผู้โดยสารที่จะลงสถานีนี้ต่างหอบหิ้วสิ่งของของตัวเองลงรถไฟทีละคน
จูต้าหลิงและลูก ๆ ก็นั่งรถไฟมายังเมืองหลวงเช่นเดียวกัน เธอรีบลงรถไฟพร้อมกับลูก ๆ ราวกับกลัวว่าจะไม่มีโอกาสได้ลงรถไฟ
หลินม่ายบอกหล่อนว่าไม่ต้องกังวลและลงจากรถพร้อมกับหล่อน
ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน เจ้าหน้าที่สถานีรถไฟคนหนึ่งที่ช่วยเหลือหลินม่ายหอบหิ้วสิ่งของก็เข้ามาหาเธอ
พวกเขาวางสิ่งของของหลินม่ายลงมาจากรถไฟ
จูต้าหลิงก็รีบไปช่วยเธอหอบหิ้วสิ่งของนั้น
หลังได้รับสินค้าทั้งหมด หลินม่ายก็จ่ายค่าแรงพวกเขาคนละหนึ่งหยวน
แต่พวกเขาก็ไม่ยอมจากไป พวกเขาลากตัวหลินม่ายออกมาและพยายามขอข้อมูลติดต่อของเธอ
หลินม่ายตอบกลับเพียงประโยคเดียว “ฉันแต่งงานแล้ว”
เจ้าหน้าที่สถานีรถไฟเหล่านั้นรีบหนีไปด้วยความอับอายทันที
หลินม่ายเดินกลับไปหาจูต้าหลิงพร้อมขอให้หล่อนช่วยเฝ้าของไว้ ก่อนที่ตัวเองจะออกไปหากุลีสองคนจากนอกสถานีรถไฟมาช่วยขนของ
ทันใดนั้นเธอพลันได้ยินเสียงของฟางจั๋วหราน “ม่ายจื่อ!”
หลินม่ายหันศีรษะไปมองและเห็นฟางจั๋วหรานวิ่งไปหาเธอพร้อมกับกระติกน้ำร้อนในมือ
ทั้งสองแยกจากกันเพียงเจ็ดหรือแปดวัน แต่หลินม่ายกลับรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อเห็นเขา
ฟางจั๋วหรานรีบวิ่งไปหาหลินม่าย
สิ่งแรกที่เขาทำคือเปิดกระติกน้ำร้อนและให้เธอดื่มซุปยาที่เขาตุ๋นขณะที่ยังร้อนอยู่
หลินม่ายจิบซุปยาจากกระติกน้ำร้อนเล็กน้อย หวานและรสชาติดี
เธอตบปากเล็ก ๆ ของตัวเอง “ซุปยาอะไรหวานจัง?”
ฟางจั๋วหรานชำเลืองมองจูต้าหลิงและลูก ๆ ก่อนจะกระซิบข้างหูของเธอ “ตำรับยาซื่ออู้ทัง มีฤทธิ์บำรุงเลือด ดีต่อผู้หญิงที่เป็นประจำเดือน ผมขอให้แพทย์แผนจีนในโรงพยาบาลของผมสั่งมาให้คุณโดยเฉพาะ ผมเห็นคุณทรมานทุกครั้งที่มีประจำเดือน ดังนั้นจึงขอให้เขาช่วยต้มยานี้มาให้ ซึ่งใช้วิธีการต้มแบบพิเศษ”
“ไม่แปลกใจเลยที่รสชาติดีขนาดนี้” หลินม่ายดื่มจากกระติก
เธอรู้สึกประทับใจอย่างมากที่ฟางจั๋วหรานจำความทรมานทุกครั้งที่เธอมีประจำเดือนได้
ถ้าเขาไม่ได้รักเธออย่างสุดซึ้ง เขาจะใส่ใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ทำไม?
แม้เธอจะนั่งรถไฟด่วนพิเศษ แต่ก็ยังใช้เวลานับสิบชั่วโมง
ระหว่างนั่งรถสิบชั่วโมง หลินม่ายกินข้าวแต่ไม่ได้ดื่มน้ำเลยเพิ่งรู้สึกกระหาย
หากไม่ใช่เพราะซื่ออู้ทังร้อนเกินไป เธอคงดื่มจนหมดแล้ว
เมื่อเห็นเธอดื่มยาจีนโบราณอย่างต่อเนื่อง ฟางจั๋วหรานจึงถามว่าเธอเป็นหวัดหรือไม่? เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางหรือเปล่า?
หลังจากที่หลินม่ายตอบคำถามของเขาด้วยรอยยิ้มเสร็จแล้ว เขาก็ถามเธอเรื่องจูต้าหลิง
หลินม่ายคำแนะนำจูต้าหลิงและลูก ๆ ของเธอให้เขาได้รู้จัก โดยเน้นย้ำถึงสถานะของครอบครัวเธอ
ฟางจั๋วหรานถามจูต้าหลิงด้วยความกังวล “พี่จู มีที่พักในเมืองหลวงหรือไม่ครับ? หากไม่มีไปค้างที่บ้านเราได้นะครับ”
อันที่จริงหลินม่ายก็คิดเห็นเช่นนี้เหมือนกัน
จูต้าหลิงไม่มีเงินพอที่จะพักในโรงแรม และอาจจะค้างคืนในโถงผู้โดยสารของสถานีรถไฟกับลูก
แม้โถงผู้โดยสารของสถานีรถไฟจะอุ่นกว่านอนบนถนน แต่ก็ยังหนาวอยู่ดี
ในยุคนี้ เครื่องทำความร้อนไม่ได้มีอยู่ทั่วไปในเมืองหลวง และสถานีรถไฟก็ไม่มีเครื่องทำความร้อนเช่นกัน
เรือนสี่ประสานของหลินม่ายมีเรือนย่อยหลายหลัง และไม่ใช่ว่าครอบครัวของจูต้าหลิงจะไม่มีที่อยู่เมื่อไปที่บ้านของเธอ
แน่นอนว่าการนอนในห้องเดียวกันไม่ใช่ปัญหาสำหรับแม่และลูก
จูต้าหลิงลังเลอยู่นาน และยากที่จะปฏิเสธน้ำใจนี้ได้ อีกทั้งกลัวว่าลูก ๆ จะเป็นหวัดหากนอนในโถงผู้โดยสารสถานีรถไฟ ดังนั้นหล่อนจึงพยักหน้าตอบรับที่จะไปค้างคืนที่บ้านของพวกเขา
ฟางจั๋วหรานเรียกลูกหาบสองคนให้นำสิ่งของของหลินม่ายและเดินไปกับพวกเขา
เมื่อเห็นว่าท่าทางการเดินของหลินม่ายแปลกประหลาดไป เขาก็เดาว่าขาของเธอคงชาหลังจากไม่ได้ใช้งานมานับสิบชั่วโมงบนรถไฟ
เขารับรู้ได้ทันทีว่าสาเหตุทั้งหมดไม่ใช่เพราะหลินม่ายนั่งนานเกินไปและไม่ได้ขยับร่างกาย แต่เป็นเพราะการไหลเวียนโลหิตที่ขาของเธอทำงานได้ไม่ดี จึงทำให้ท่าทางการเดินของเธอดูแปลกประหลาดไป
อีกเหตุผลหนึ่งคือ เธอยืนตลอดเส้นทางที่เดินทางมายังเมืองหลวง
เพราะแม้เธอมีที่นั่ง เธอก็จะมอบที่นั่งให้กับลูกทั้งสองของจูต้าหลิง และนั่นทำให้เธอต้องทุกข์ทรมาน
หลินม่ายจะไม่บอกเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ให้เขาฟังอย่างแน่นอน
ฟางจั๋วหรานย่อตัวลงต่อหน้าหลินม่ายพร้อมกล่าว “ขึ้นมา”
หลินม่ายตกตะลึงอยู่สองสามวินาทีก่อนจะตระหนักว่า ฟางจั๋วหรานต้องการแบกเธอไว้บนหลังของเขา
ฟางจั๋วหรานทำงานหนักทุกวัน เธอไม่ต้องการให้เขาทำเช่นนี้
เธอตบหลังเขา “ไม่เป็นไร ฉันเดินได้ ถึงแม้จะรู้สึกขาชาไปหน่อยเพราะไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายนาน แต่หลังจากเดินไปสักพัก การไหลเวียนของโลหิตก็คงจะดีขึ้น และอาการนี้ก็น่าจะหายไป”
ทันทีที่เธอพูดจบ ฟางจั๋วหรานก็กล่าวอีกครั้ง “ขึ้นมา!”
หลินม่ายเห็นว่าผู้คนมากมายรอบตัวมองมา แต่ฟางจั๋วหรานปฏิเสธที่จะยอมแพ้จนกว่าเขาจะบรรลุเป้าหมาย ดังนั้นเธอจึงต้องขึ้นบนหลังเขา
ชุนหลิ่วปิดปากแล้วยิ้มพลางคิดในใจ ‘น้าม่ายจื่อเป็นคนตัวใหญ่ แต่กลับมีคนต้องการแบกเธอบนหลัง~’
เสี่ยวโก่วต้านมองไปยังฟางจั๋วหรานและภรรยาของเขาที่เดินไปข้างหน้าด้วยความประหลาดใจ
จูต้าหลิงตีชุนหลิ่วอย่างแผ่วเบา “อย่าหัวเราะน้าม่ายจื่อ~”
หล่อนกลัวว่าลูกสาวของตนจะไม่รู้ว่าการกระทำของตนคือการล้อเลียนหลินม่าย และนั่นอาจทำให้หลินม่ายอับอาย
ภายใต้สายตาประหลาดใจของผู้โดยสารหลายคน ฟางจั๋วหรานได้อุ้มหลินม่ายไปที่ด้านหน้าของรถเมอเซเดส-เบนซ์ที่จอดอยู่นอกสถานีรถไฟ
จากนั้นจึงวางเธอลง เปิดประตูที่นั่งผู้โดยสาร และให้เธอนั่ง
ลูกหาบสองคนแบกสัมภาระของจูต้าหลิงและลูก ๆ มาด้วย
ฟางจั๋วหรานขอให้ลูกหาบสองคนเอาของใส่ท้ายรถ แต่พวกเขาไม่กล้าวาง
พวกเขาต้องรวบรวมสิ่งที่ไม่สามารถใส่ลงหลังรถได้ไว้บนหลังคารถและยึดด้วยเชือก
พวกเขานำไก่และเป็ดที่ยังมีชีวิตไว้เบาะหลัง และขอให้จูต้าหลิงและลูก ๆ นั่งที่เบาะหลัง
จูต้าหลิงและลูก ๆ ไม่เคยขึ้นรถเพื่อเดินทางไกลเลยสักครั้ง
นี่เป็นครั้งแรกในการเดินทางด้วยรถไฟ นับประสาอะไรกับรถยนต์ที่แคบยิ่งกว่ารถไฟเสียอีก
จนกระทั่งฟางจั๋วหรานบอกว่าต้องรีบกลับ เพร่ะผู้สูงอายุที่บ้านยังคงรอให้พวกเขากลับไปรับประทานอาหารเย็น
เมื่อได้ยินดังนั้น แม่และลูกชายก็เข้าไปในรถอย่างระมัดระวัง
ครึ่งชั่วโมงต่อมา พวกเขาก็มาถึงเรือนสี่ประสานของหลินม่าย
จูต้าหลิงและลูก ๆ ของเธอตกตะลึงอย่างมากเมื่อเห็นว่าบ้านของหลินม่ายนั้นงดงามเพียงใด
เมื่อคุณปู่ฟางและคุณย่าฟางได้ยินหลินม่ายแนะนำจูต้าหลิงว่าสามีเป็นสมาชิกของกองทัพ และพ่อของเด็ก ๆ ทั้งสองกำลังปกป้องชายแดนในทิเบต สามีภรรยาวัยชราทั้งจึงกระตือรือร้นอย่างมากที่จะต้อนรับพวกเขา
บนโต๊ะอาหารเย็น ทั้งสองคอยตากอาหารให้แก่แม่และลูก ๆ เพื่อหวังให้พวกเขากินมากยิ่งขึ้น
โต้วโต้วเองก็เลียนแบบปู่และย่าของเธอโดยตักอาหารให้พวกเขาด้วยความใจดี
หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “กินเท่าไหร่ก็ได้ กินเยอะ ๆ เลยนะคะ ถ้าไม่พอ ฉันจะขอให้แม่ทำให้ใหม่”
ภายใต้การต้อนรับอันอบอุ่นของครอบครัวหลินม่าย จูจ้าหลิงและลูก ๆ ก็รู้สึกผ่อนคลายลง
แม้ว่าสามแม่ลูกจะกินเยอะขนาดไหน ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับครอบครัว
หลังมื้ออาหารโต้วโต้วก็นั่งดูทีวีกับโก่วต้านตัวน้อย
เสี่ยวโก่วต้านและพี่สาวอาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบทห่างไกล พวกเขายากจนมาก ทั้งหมู่บ้านไม่มีโทรทัศน์เลยสักเครื่อง
หากต้องการดูทีวีก็ต้องไปที่สหกรณ์ที่อยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร
ดังนั้นเมื่อมีทีวีให้ดู เด็กน้อยทั้งสองจึงตั้งใจดูอย่างมาก
ในทางกลับกัน จูต้าหลิงและคุณปู่ฟางกำลังพูดคุยกันถึงเรื่องราวของสามีหล่อน
หลินม่ายและฟางจั๋วหรานนั่งพูดคุยกันอยู่ที่มุมห้อง
ฟางจั๋วหรานถามหลินม่ายว่าเรื่องของบริษัทได้รับการจัดการเรียบร้อยแล้วหรือไม่
หลินม่ายพยักหน้าและกล่าวว่าทุกอย่างได้รับการจัดการแล้ว และไม่ได้พูดถึงเรื่องเลวร้ายในฮ่องกงและตลาดฝูตัวตัวในปักกิ่งให้เขาฟัง
กว่าจะรู้ตัวก็สี่ทุ่มกว่าแล้ว ถึงเวลาเข้านอนเสียที
หลินม่ายอาบน้ำและกลับไปที่ห้อง ก่อนจะเอ่ยถามฟางจั๋วหราน “คุณกินสตรอว์เบอร์รีที่ฉันขอให้ปู่ย่านำมาให้คุณแล้วหรือยัง?”
ฟางจั๋วหรานมองเธอด้วยความรักและดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขา
เขาจูบริมฝีปากสีชมพูของเธออย่างลึกซึ้ง “กินแล้ว”
หลินม่ายเปลี่ยนท่านั่ง โดยคร่อมตักและหันหน้าเข้าหาเขา
เธอโอบรอบคอของเขาและจูบกลับ “สตรอว์เบอร์รีหวานไหม? ฉันไปซื้อที่ตลาดฝูตัวตัวในตอนเช้า เพราะอยากให้คุณกินสตรอว์เบอร์รีที่สดใหม่ที่สุด”
ดวงตาของฟางจั๋วหรานกลายเป็นเร่าร้อน “หวาน แต่ไม่ว่าจะหวานแค่ไหน ก็ไม่หวานเท่าคุณหรอก”
หลังจากนั้นเขาก็กดหลินม่ายไว้ใต้ร่างของเขา
วันนี้ไม่มีพายุทราย ดวงจันทร์และดวงดาวต่างสุกสกาวสว่างไสว ทำให้ผู้คนจ้องมองและชื่นชมในความงดงามนั้น
เมื่อดวงจันทร์และดวงดาวเห็นหญิงสาวกับชายหนุ่มจูบกันตรงช่องว่างของหน้าต่าง พวกมันก็ดึงก้อนเมฆให้เคลื่อนมาบังตัวเองด้วยความเขินอาย
ทั้งสองแยกกันอยู่ราวสิบวัน แต่ฟางจั๋วหรานดูเหมือนหมาป่าที่หิวโหยนานโข เขาหิว กระหาย และต้องการหลินม่ายเป็นอย่างมาก
แต่วันนี้เธอมีประจำเดือน อีกทั้งยังอยู่บนรถไฟเป็นเวลานาน เขาทนไม่ได้ที่จะทรมานเธอ ดังนั้นจึงทำได้เพียงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อระงับความปรารถนาของเขา
หลังจากจูบกันเป็นเวลานาน เขาก็ปล่อยหลินม่ายและนวดขาให้กับเธอ
แม้ว่าการนวดจะสบายมาก แต่หลินม่ายก็ไม่อยากให้เขาทำงานหนัก เธอตบเตียงและบอกให้เขานอนพักผ่อน ไม่จำเป็นต้องนวดให้เธอ แต่เขากลับไม่ฟัง
ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงหลังการนวด ฟางจั๋วหรานก็หยุดและเข้าไปในผ้าห่ม
เขาโอบภรรยาด้วยมือข้างหนึ่ง และอีกมือวางที่ท้องของหลินม่าย
แม้หลินม่ายจะไม่ได้รู้สึกอึดอัดมากนักในช่วงที่มีประจำเดือน แต่เธอก็เป็นเหมือนหญิงสาวหลาย ๆ คนที่มักจะปวดท้องทุกครั้งที่มีประจำเดือน
การใช้ถุงน้ำร้อนประคบก็ทำให้เธอรู้สึกร้อนเกินไป แต่มือขนาดใหญ่อันอบอุ่นของฟางจั๋วหรานช่วยคลายความเจ็บปวดนี้ได้
คืนนั้นหลินม่ายนอนหลับสนิทมาก
……………………………………………………………………………………………………………………..
(1)四物汤 เป็นตำรับสมุนไพรบำรุงเลือดสี่ชนิดของจีนที่นิยมนำมาต้มซุป ได้แก่ ตังกุย (当归), สูตี้ (熟地), ไป๋สาว (白芍), ชวนทรวง (川芎) มีฤทธิ์บำรุงเลือด บำรุงกำลัง ลดอาการปวด สลายลิ่มเลือด
สารจากผู้แปล
พี่หมอใส่ใจสุดๆ วัสดุแฟนหนุ่มที่อยากได้ของใครหลายคนเลย
ไหหม่า(海馬)