โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” – ตอนที่ 6

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

บทที่1ตอนที่6

ผ่านมาสามสัปดาห์แล้วตั้งแต่การต่อสู้กับเทพมังกรเทียแมท(มีคนแนะนำให้เรียกเทพ) ต้องขอบคุณอาจารย์ด้วยที่คอยสนับสนุนข้าจนสามารถใช้ชีวิตตามปกติได้

ยาของอาจารย์เป็นสูตรดั้งเดิมของเธอเองและดูเหมือนว่ายานั่นจะให้ผลค่อนข้างดีเป็นอย่าง และมันยังรักษาร่างกายได้เป็นอย่างดี

มันเป็นยาที่จะช่วยให้ผ่อนคลายแถมยังค่อยๆสมานแผลอย่างช้าๆ แม้จะขยับตัวแรงก็ไม่มีปัญหา

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถขยับตัวได้ประมาณสามสัปดาห์และข้าก็ขาดเขียนไปสามวันโดยไม่บอกกล่าว ตอนนั้นเองที่ข้าไปถึงที่โรงเรียนก็โดนอาจารย์อันริลากตัวไปทันที

 

อย่างไรก็ตามการที่ข้าขาดเรียนไปถึงสามวันและใช้เวลารักษาตัวประมาณสามสัปดาห์ก็ไม่มีใครสนใจมากนัก

หลังจากได้เห็นอาการบาดเจ็บของร่างกายโนโซมุแล้ว ตอนที่เขากลับเข้าเรียนครั้งแรกในรอบสามวันก็เจอกับมาร์

 

「นี่แกโง่หรือบ้ากันแน่วะเดินไปชนเข้ากับรถม้า โครตโง่เลยวะ」

 

เอ่อ แกก็เห็นข้าเป็นคนโง่ๆอยู่แล้วนี่ ดังนั้นข้าตอบโต้ไปก็เปล่าประโยชน์

ยังไงก็ตามข้าก็ไม่ได้ปฏิเสธสิ่งที่เขากล่าว

 

 

ยังไงก็ตามอาจารย์อันริไม่ได้โดนหลอกง่ายๆด้วยเรื่องพรรคนั้นก็เริ่มสอนคาบเรียนบรรยายตามปกติ

 

 

「โนโซมุกำลังซ่อนอะไรบางอย่างอยู่สิน้า~~~。ไม่ใช่เรื่องปกติเลยน้าที่บาดเจ็บหนักขนาดนั้นแล้วไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้าเนี่ยยย~~~」

 

「ไม่ครับ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย ข้าก็แค่ได้รับบาดเจ็บระหว่างทำงานเท่านั้นเอง……」

 

「โกหกชัดๆ โนโซมุคุงชอบเข้าไปในป่า~。ฉันเองก็ได้ยินข่าวลือเรื่องที่ว่ามังกรโผล่ออกมาด้วย แต่ถึงอย่างงั้นก็เถอะน้าสัตว์อสูรเก่งๆมันไม่ค่อยเข้าใกล้ถนนหลักใช่ม้าาาาา~」

 

 

 

 …………เอ่อ อยากจะพูดจริงๆ ข้าเจอกับมังกรตัวเป็นๆ แถมเป็นเทพมังกรเทียแมต และยิ่งไปกว่านั้นยังเอาชนะมันมาได้อีก ท้ายที่สุดแล้วข้าก็ยืนยันไปว่าประสบอุบัติเหตุระหว่างทำงาน

 

 

 

「แล้วทำไมถึงหยุดโดยไม่แจ้งให้ทราบละจ้ะ~โนโซมุก็อาศัยอยู่ในเขตหอพักยังไงก็น่าจะติดต่อสถาบันได้นี่หน่า~」

 

「พอดีข้าไข้ขึ้นและหลับไปเพราะอาการบาดเจ็บ แถมข้ายังไม่มีเพื่อนร่วมชั้นที่มาเฝ้าด้วย…………」

 

 

 

 …………เอ่อพูดเองก็เจ็บเองแหะ เป็นเรื่องจริงที่ข้าไม่มีเพื่อนและข้าก็บอกความจริงไม่ได้

ข้าพยายามจะหนีออกไปจากสถานการณ์ตรงนี้

 

 

 

「………………อะฮือ」

 

อาจารย์อันริเริ่มร้องไห้

ทันใดนั้นเองข้าก็สับสน

 

 

「เอ๋ อาจารย์เป็นอะไรครับเนี่ย」

 

「แงงงงงง~! โนโซมุไม่เชื่อใจฉันง่าาาาา~~~!! อะไรกันคิดจะปกปิดอะไรกับฉันงั้นเหรอ~~!!!」

 

「เอะ เอ๊ะ ไม่ใช่นะครับ แล้วทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนั้นไปได้ละครับ!!」

 

「ก็เพราะเธอไม่ยอมบอกความจริงนะซิ~~~!! บาดแผลแบบนั้นนะมันไม่ใช่มาจากการโดนรถม้าชนหรอกใช่ไหมล่ะและยาที่ใช้นั่นก็ไม่ใช่ยาที่หาได้ในเมืองนี้ด้วย~~!!」

 

 

 

 …………ท้ายที่สุดดูเหมือนว่าจะหลอกเธอไม่ได้เลย

 

 

แต่ยังไงข้าก็บอกความจริงไม่ได้ การต่อสู้ระหว่างข้าที่พยายามหลอกอาจารย์อันริและอันริที่พยายามร้องไห้เพื่อเค้นข้อมูลจากข้า……ยังไงก็ตามการที่อันริร้องไห้เหมือนกับเด็กแบบนี้มันก็

 

หญิงสาวแสนสวยร้องไห้ต่อหน้าผม ดวงตาอันอ่อนโยนนั่น ดูยังไงเธอก็เป็นห่วงผมจริงๆนั่นแหละ

ถ้ามองดูท่าทางของเธอแล้วดูยังไงก็อยากจะได้ยินคำตอบนั่นให้ได้

 

 ……เอ่อที่ข้าจะสื่อก็คือเธอเป็นคนที่ทำให้คนอื่นตกหลุมรักโดยไม่รู้ตัวนั่นละนะ

 

「โนโซมุคุง…………บอกมาเถอะน้าา?」

 

ก็-บอก-แล้ว-ไง ว่าทำแบบนี้มันขี้โกงกันนี่!!!!

 

 

 

เมื่อพูดถึงผลลัพธ์แล้วระฆังเข้าเรียนก็ดังขึ้นเธอหยุดร้องไห้ สิ้นสุดการเทศนาจากอันริสักที ได้เวลาที่ผมต้องออกไปแล้ว

แต่หลังจากนั้นก็เห็นท่าทางของอันริที่ดูไม่พอใจเป็นอย่างมากและโกรธตลอดเวลาในคาบเรียนตอนเช้านั่นเอง

 

 

 ………………ขอโทษจริงๆนะอันริ

 

 

「โนโซมุคุงงงงง! อย่าแก้ปัญหาด้วยตัวคนเดียวซิ~~~!」

 

และตอนนั้นเองระหว่างเลิกชั้นเรียนก็โดนเรียก

 

 …………อันริซังนี่คุณโตขนาดนี้แล้วนะครับอย่าทำตัวเป็นเด็กสิ…………。

 

◇◆◇

ชั้นเรียนศิลปะการต่อสู้ในช่วงบ่าย เป็นการจำลองการต่อสู้ในชั้นเรียนเช่นเดิม คู่ต่อสู้ของข้าก็คือ・・・

 

「เจอกันอีกแล้วนะไอ้เศษสวะ」

 

จะมีใครอื่นล่ะนอกจากมาร์

 

 

「แกนี่มันดวงกุดชะมัดเลยโว้ย ยังไงก็เหอะแกอย่าได้กังวลไปเลยเพราะไม่ว่าแกเจอใครแกก็ไม่ชนะหรอกวะ ฮะฮะฮะฮะฮะ!!」

 

 

 

ข้าเมินมาร์ที่ยังทำตัวกวนโอ๊ยเหมือนเดิม และเริ่มตั้งท่า

 

บาดแผลตอนนี้ค่อนข้างโอเคแล้ว ดีขึ้นมาหน่อย

 

ดาบเองก็ยังอยู่ในสภาพดี แม้ว่าจะเป็นดาบเลียนแบบ แต่มันก็รู้สึกเหมือนได้จับดาบของตัวเองจริงๆ

 

 

ส่วนตัว “พันธนาการ”…….ดูเหมือนว่าผมจะปลดปล่อยมันได้

 

แต่………….ข้าไม่คิดจะใช้มัน

เทียแมนที่ข้าฝันถึงข้ากังวลเกี่ยวกับมันเล็กน้อยและข้ามีความรู้สึกว่ามันจะมีอะไรเปลี่ยนไปหากข้าทำลาย “พันธนาการ” นั่นออกมา

 เป็นตัวข้าเองที่ลังเลที่จะปลดปล่อย “พันธนาการ” ด้วยตัวเอง

◇◆◇

「ถ้าอย่างงั้นละก็นะ เริ่มได้~~」

 

มาร์ลุดหน้าขึ้นมาพร้อมกับเสียงตะโกนของนอร์นนั่นเอง

 

บางทีเพราะตั้งใจจะบดขยี้ข้าตั้งแต่เริ่มต้นดูเหมือนว่าจะเปิดใช้คิตั้งแต่แรกเริ่ม

 

ข้าจับตามองดูมาร์และก็เริ่มปรับคิให้เข้ากับสภาพร่างกายปัจจุบัน

 

 

「แหลกไปซะเหอะมึงงงงงงงงงง!!!」

 

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่ลงมาจากด้านบนหลังจากนั้นก็ฟันในแนวนอน

 

ข้าหมุนตัวเพื่อสร้างแรงเหวี่ยงและเหวี่ยงดาบขึ้นเช่นเดียวกับดาบใหญ่ของมาร์ ดาบคาตานะของข้าหักเหวิถีทางดาบของมาร์จนข้าหลบการโจมตีพ้น

 

มาร์พยายามแก้วิถีดาบที่ถูกเบนออกและเหวี่ยงดาบลงมาบนด้ามดาบของข้า

 

ข้าหมุนข้อมือไปด้านหลังและถือดาบในแนวทแยงรับดาบของมาร์ ในขณะเดียวกันก็ผ่อนแรงที่ขาพร้อมกับรับแรงกระแทกของดาบ

 

การที่เป็น ดราก้อน สเลเยอร์ทำให้ความแข็งแกร่งทางกายภาพสูงขึ้นเล็กน้อย ทำให้ข้าสามารถกันการโจมตีได้โดยไม่ต้องสวนกลับ

 

 

ตามทิศทางดาบนั้นในชั่วพริบตาก็ฟันออกไป

 

มาร์ใช้ปลอกแขนกันเหมือนครั้งที่แล้ว แต่การกระทำนั่นข้าก็คิดไว้แล้ว

 

ในช่วงพริบตานั่นข้าผ่อนคลายทำใจให้สงบ ดาบนั่นกันได้ด้วยปลอกแขน แต่ด้วยการผ่อนคลายท่าทางกระทันหันทำให้เปลี่ยนท่าทางได้ทันที

 

การใช้แรงเหวี่ยงนั้นก้าวขึ้นไปอีกระดับหนึ่งมือจากการถือดาบสองมือ ข้าปล่อยมือหนึ่งออกจากดาบเพราะใช้แรงเหวี่ยงเป็นตัวช่วย จากนั้นจึงต่อยเข้าไปที่ท้องของมาร์

 

 

「หนอยยยย!」

 

ใบหน้าของมาร์บิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวด ร่างกายนั่นกระตุกราวกับกำลังเต้น

 

ข้าปล่อยดาบลงและจับหัวของมาร์จากนั้นใช้เข่ากระแทกหน้าหมอนั่น

 

 มาร์เดินเซพร้อมกับเลือดกำเดาที่ไหลออกมา

 

ข้าพยายามที่จะโจมตีเข้าไปอีก・・・

 

 

 

「ไอ้เศษสวะเอ้ย มึงตายยยยยยยยยยยยยยยยย!!!」

 

พลังงานจำนวนมากปะทุขึ้นพร้อมกับเสียงคำรามของมาร์

 

ด้วยความรู้สึกได้ถึงอันตรายข้าจึงถอยออกมา

 

มาร์จ้องมาทางนี้ราวกับโกรธแค้น

 

การโต้กลับที่ไม่คาดคิดของผู้ที่อ่อนแอที่สุด ทำให้หมอนั่นคลานอยู่ตรงหน้าข้า เป็นการโจมตีที่สมบูรณ์แบบ

 

 

 

 「ตาย! ไอ้เปรตเอ้ย!! จะต้องฆ่าให้ได้!!!!!」

 

 

มาร์ตั้งสติเข้าไปในดาบเล่มใหญ่นั่น จิตวิญญาณเริ่มรวมตัวกันจนอัดแน่นอยู่ที่คมดาบมันกลายเป็น คมดาบวายุที่รุนแรงจนเกาะติดอยู่กับดาบใหญ่นั่น

 

 คิ “คมดาบล่องนภา”

 

มันเป็นเทคนิคของการจะฟันสิ่งๆหนึ่งให้ขาดด้วยสายลมที่เกาะติดอยู่กับดาบนั่น

 

นอกจากนี้ลมรอบใบดาบเองก็ป้องกันการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรับการโจมตีและใช้แรงจำนวนมากเพื่อเบี่ยงวิถีดาบนั่นออกไป

 

 

มาร์เหวี่ยงดาบแห่งสายลมตรงมาที่ข้า

 

ข้าลังเลเพราะอ่านวิถีดาบแห่งสายลมของมาร์อยู่ แต่มาร์ก็รัวการโจมตีหลายครั้งเหมือนเดิม

 

หลบคมดาบนั่นต่อไปด้วยพละกำลังในตอนนี้ ถ้าข้าพยายามปัดป้องมันก็ต้องโดนสายลมนั่นพัดจนปลิวแน่ๆ

 

ไงก็เถอะนะ การโจมตีของมาร์ที่เต็มไปด้วยความโกรธ มันอ่านได้ง่ายกว่าตอนปกติเสียอีก ดังนั้นถึงจะสู้ต่อก็ไม่มีปัญหา

 

 

ด้วยการทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆพละกำลังกายของข้าก็คงจะเพิ่มขึ้นบ้าง

ภายใต้สถานการณ์ที่ถูก “พันธนาการ” ความสามารถของข้าก็ยังคงต่ำกว่านักเรียนทั่วไป

ถึงอย่างงั้นความสามารถมันก็ค่อยๆเพิ่มทีละน้อยทำให้การต่อสู้ของข้ามันทำได้หลากหลายมากขึ้น

 

จนถึงตอนนีข้าทำได้แค่ป้องกันการโจมตี ไม่สามารถสวนกลับได้แม้แต่น้อย ตอนนี้ข้าอ่านการโจมตีได้แล้วและเน้นไปที่การหลบแบบง่ายๆ

 

ข้าเองที่รู้สึกได้ถึงการเติบโตของตัวเอง ก็เตรียมตัวสำหรับก้าวถัดไป

 

 

◇◆◇

 「อะไรกันวะเนี่ย!」

 

 

มาร์แสดงท่าทีสับสนคนอื่นเองก็เช่นกัน

 

 

 「ทำไมข้าโจมตีมันไม่โดนเลยวะ!!!!」

 

 

จนถึงตอนนี้ข้าไม่เคยเห็นหมอนั่นเคลื่อนไหวแบบนั้นเลย

 

ตอนที่ข้ารับดาบนั่นเข้าไปก็มีทางเดียวคือต้องกลิ้นลงไปกับพื้น

 

วันนี้ดูท่าทางข้าจะเผลอไปหน่อย แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิมนั่นละ มันกลิ้งไปไกล

 

แต่ว่าตอนนี้ท่าทางของมันต่างออกไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด

 

การเคลื่อนไหวของมันเองช้ากว่าพวกเรามาก แต่มันก็หลบการโจมตีได้อย่างแม่นยำ ไม่ใช่เพียงแค่หลบดาบข้า แต่ยังหลบคมดาบวายุที่ข้าใส่ไว้กับดาบได้ด้วย

 

ตอนนั้นเองที่ข้าเห็นหน้าหมอนั่น ใบหน้าของมันไม่มีท่าทีร้อนรนแม้แต่น้อย มันมั่นใจว่าหลบดาบของข้าได้สบายๆ

 

 「เป็นไปได้・・・เป็นไปได้ยังไง!ถ้าแบบนั้นละก็!!!」

 

ตัวมันที่อยู่อย่างเศษสวะในชั้นปี 2 ของพวกเราในทางกลับกันตัวข้าที่เป็นถึงระดับสูงในห้องนี้

 

ข้ามั่นใจว่าความสามารถของข้าเทียบเท่า แรงค์ B

 

จู่ๆข้าก็นึกถึงความสามารถของมัน

 

“พันธนาการ”

 

ความสามารถที่ลดความสามารถของบุคคลให้ต่ำลงกว่าปกติ แน่นอนว่าตัวมันจะต้องถูกจำกัดพลังเวทย์ และคิแน่ๆ

 

หากว่ามันทำลายโซ่ตรวนที่ผูกมันมันได้มันจะน่ากลัวขนาดไหน นี่ขนาดมันถูกพันธนาการเอาไว้ มันต้องฝึกหนักระดับไหนถึงจะได้ถึงขนาดนี้

 

 

“…………ไม่เห็นจะจำได้เลย ว่าแกเป็นแบบนี้!”

 

 

อารมณ์ที่เดือดพล่านทำให้ข้าเริ่มตัดสินพลังที่ซ่อนอยู่ในตัวหมอนั่นอย่างใจเย็น

 

และตอนนั้นเอง ข้าก็ได้พ่ายแพ้ให้กับมัน

 

◇◆◇

มาร์ที่มั่นใจในพลังของตัวเองมาโดยตลอด เขาที่เกิดมาพร้อมกับพลังอันมากมายและร่างกายที่แข็งแกร่ง ในไม่ช้าเขาก็แกร่งมากขึ้นจนไม่มีใครเอาชนะเขาได้

 

แม้ว่าจะอยู่ห้อง 10 แต่เขาก็เป็นคนที่มีความสามารถ ความภาคภูมิใจ ดวงตาของเขาเริ่มขุ่นมัว

 

โนโซมุท่าทางเปลี่ยนเล็กน้อยหลังจากการฟันของมาร์ มาร์เหวี่ยงดาบลง แต่ว่านั่นเป็นกับดักของโนโซมุ

 

โนโซมุที่ทำท่าทางกลิ้งลงกับพื้นกลับลุกขึ้นมาทันทีและโดนไปทางด้านข้างดาบของมาร์ที่แทงทะลุพื้นไปและคมมีดวายุที่บขยี้พื้นดินนั่นทำให้ทัศน์วิสัยโดยรอบเริ่มมองไม่เห็น

 

 

 

 「ไอกร๊วกกกกกกเอ้ยยยยยย!!」

 

มาร์ที่ใจร้อนเปิดใช้งานคมดาบวายุในทิศทางที่เขาเชื่อว่าโนโซมุยืนอยู่

 

 คิ “ค้อนสะบั้นปฐพี”

 

ใบมีดของดาบวายุมวลขึ้นด้วยแรงของลมอย่างเร่งรีบกลายเป็นดั่งการทุบสนั่นทั่วพื้นที่

 

การตัดสินใจนั่นทำให้พื้นที่รอบๆฝุ่นกระจายหายไปทำให้มาร์กลับมามองเห็น แต่ว่าเขาคิดผิดแล้วที่ทำเช่นนี้

 

โนโซมุไม่ได้อยู่ ณ ตรงนั้น ดาบที่ฟาดสนั่นจนแยกพื้นดินจนเป็นร่อง เขาอยู่ข้างๆมาร์แล้ว

 

 

เมื่อควันเริ่มปกคลุมบริเวณโดยรอบเขาก็ขยับขาของตัวเองและเอาดาบไปจ่อรอบข้างมาร์

 

สายตาของทั้งสองเข้าปะทะกัน โนโซมุตะวัดดาบลง มาร์ที่เปิดช่องว่าง

 

มาร์ที่ไม่สามารถหลบการโจมตีได้ เขาพยายามใช้ปลอกแขนป้องกัน แต่ท่าทางตอบสนองที่ช้าทำให้ตัวของเขาทรุดลงไปกับพื้น

 

 

ช่วงเวลานั้นเองดาบของโนโซมุก็ถูกดึงออกมา

 

 

 

 ก้~~~อ~~~ง~~~งงงงง

 

 

「เอาล่ะ~~การดวลจบลงแล้ว วันนี้คาบเรียนหมดแล้ว ขอให้ทุกคนทบทวนบทเรียนโดยละเอียดด้วยนะ~~」

 

 

เสียงระฆังในตอนท้ายของคาบเรียนดังขึ้นและด้วยคำสั่งของอาจารย์อันริเองเพื่อนร่วมชั้นเองก็ผ่อนคลายลงเพราะความตึงเครียดของการดวลเมื่อครู่ กลายเป็นหัวข้อสนทนาไปแล้ว

 

โนโซมุหันหลังกลับจากนั้นเก็บดาบที่วางไว้เข้าฝัก

 

มาร์ไม่พูดอะไรและจ้องมองไปทางด้านหลังของโนโซมุขณะที่เขากำลังออกไปจากสนามฝึก

 

 

「นี่ มาร์ เป็นยังไงบ้างล่ะ สำหรับไอ้เศษสวะในวันนี้น่ะ」

 

「ดูเหมือนว่าจะรอดตัวไปนะ มาร์ ข้าคิดว่าไปจัดการมันดีกว่านะเพราะมันเริ่มเหิมเกริมละ!」

 

พวกนั้นสองคนพยายามพูดใส่มาร์แต่มาร์ไม่ได้ยินอะไรเลย

 

 

หมอนั่นมันแกร่งขึ้นแน่นอนไม่ผิดแน่ แต่เดิมมันก็แข็งแกร่งอยู่แล้วแต่ว่าข้าไม่ได้สังเกตเห็นมันเลย?

 

อย่างน้อยฝีมือดาบของมันในวันนี้ก็ดีกว่าข้าอย่างเห็นได้ชัด ผลการต่อสู้ในวันนี้มันแสดงให้เห็นเป็นประจักษ์

 

 

 

「…………ความรู้สึกนี่มันอะไรกันวะ…………」

 

 

รู้สึกไม่สบายใจ ความโกรธที่ปะทุขึ้นในอก แต่ว่าทำไม

 

ทำไมถึงต้องซ่อนความสามารถเอาไว้?

 

 

 

 …………ไม่ใช่ มันไม่ได้ซ่อนความสามารถ อย่างน้อยข้าก็ไม่โกรธเมื่อนึกถึงมันในตอนนี้

 

 

 

แล้วหมอนั่น…………………………ทำ…………เพื่อข้ายังงั้นเหรอ

 

 

 

 …………ข้าไม่เคยโกรธตัวเองขนาดนี้มาก่อน

 

 

 

 …………ข้าที่ภาคภูมิใจในตัวเองนักหนา อย่างน้อยข้าก็เกลียดคนที่มันอ่อนแอจนทำอะไรไม่ได้เลย แต่ว่าหมอนั่นกลับทำภายใต้เงามืด

 

และข้าก็เกลียดคนที่ไม่ยอมต่อต้าน แม้ว่าจะถูกเหยียบย่ำแค่ไหนก็ตาม

 

นั่นคือสิ่งที่ข้ารู้สึกับหมอนั่นจนถึงตอนนี้ แม้ว่าเขาจะโดนกดขี่จนถึงขีดสุด แต่เขาก็ยอมรับก้มหน้าโดยไม่สนใจอะไร มันเป็นคนที่ประเภทที่ข้าเกลียดที่สุด

 

 

 

แต่แท้จริงแล้วมันเป็นเช่นไรกันแน่

 

 

เขาอดทนยิ่งกว่าใครๆ ข้าไม่รู้ว่าทำไม แต่หมอนั่นพยายามที่จะแข็งแกร่งขึ้น

 

และความพยายามมันก็อยู่ในระดับที่ข้าคาดไม่ถึงด้วย

 

ข้าไม่เคยคิดว่ามนุษย์ผู้ที่โดน “พันธนาการ”จะสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดได้

 

นี่ข้าทำอะไรกับหมอนั่นลงไปกันแน่เนี่ย ทั้งๆที่หมอนั่นพยายามอย่างหนักมาโดยตลอด ข้าที่คอยเยาะเย้ยและล้อเลียนมัน

 

ข้ารู้สึกเริ่มไม่พอใจในตัวเองและเฝ้ามองหมอนั่นออกจากสนามฝึกไป

 

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

Status: Ongoing
สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท