บทที่ 2 ตอนที่4
「อ่ะ พี่สาวคะ!」
โซเมียรีบวิ่งไปหาไอริสทันทีและเธอก็อุ้มโซลเมียด้วยความอบอุ่น ไอริสยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับน้องสาวแสนรักของเธอ เป็นรอยยิ้มที่เห็นแล้วชวนดึงดูดไม่ต่างตามปกติเลย
โซเมียคุยกับไอริสอย่างสนุกสนาน ไอริสที่ฟังน้องสาวพูดถึงเรื่องราวต่างๆก็พยักหน้าให้อย่างมีความสุข
(ไอริสดิน่า เป็นพี่สาวของโซเมียจังงั้นเหรอเนี่ย?)
แน่นอนทั้งสองคล้ายกันมาก ทั้งสีผม สีตา และท่าทางของพวกเธอบรรยากาศออร่าก็มีความคล้ายคลึงกัน
(บางทีสำหรับไอริสแล้วสิ่งนั้นคงจะ “ใหญ่” ตั้งแต่โซเมียยังเด็กเลยสินะ)
◇◆◇
โนโซมุอาจจะคิดว่าเป็นการรบกวนโซเมียจังเปล่าๆเพราะไหนๆ เขาก็คอยยืนอยู่เป็นเพื่อนโซเมียจังจนกระทั่งพี่สาวเธอมาแล้ว ดังนั้นเขาเลยพยายามจะกลับบ้าน แต่ว่าไอริสและโซเมียจังกลับดึงเขาไว้และพาไปด้วยกัน
「นี่ไงคะ พี่สาวคนที่คอยดูแลหนูมาโดยตอลด」
「เอะ อะอืม…………」
ไอริสมองมาทางนี้พร้อมกับรอยยิ้ม
โนโซมุตกใจมากที่ตัวเองไม่โดนทำท่าทางรังเกียจใส่ ปกติเขาจะโดนแบบนั้นอยู่เสมอ
เหนือสิ่งอื่นใดรอยยิ้มของเธอนั้นงดงามมาก ทำให้โนโซมุเผลอยิ้มตอบกลับไป หุ่นของเธอที่เหมือนกับรูปปั้น…………。
ไม่ใช่รอยยิ้มแสนสำคัญที่ลิซ่าเคยมอบให้กับข้า แต่โนโซมุก็ไม่สามารถตอบกลับรอยยิ้มอันแสนงดงามได้อย่างเต็มใจนัก
「……?เป็นอะไรไปงั้นเหรอคะ?」
「อะ ไม่หรอกครับ!ไม่มีอะไร!」
ไอริสที่พูดกับโนโซมุ โนโซมุบอกปัดไปด้วยท่าทางเกร็งๆ
「ฮันแน่ คุณโนโซมุตะลึงกับรอยยิ้มของท่านพี่แน่ๆเลยคะ」
(เอะ เดี๋ยว โซเมียจังเธอทำอะไรเนี่ย!!)
โนโซมุร้อนรนกับคำพูดของโซเมียจัง
(ก็เป็นเรื่องจริงหรอกที่ข้าหลงใหลรอยยิ้มนั่น แต่ไม่จำเป็นต้องบอกเจ้าตัวตรงๆก็ได้นี่หน่า ทำแบบนี้ก็อายเป็นเหมือนกันนะ!)
「ฟุฟุ งั้นเหรอคะ ถ้าอย่างงั้นก็เป็นเกียรติอย่างยิ่งค่ะ」
โนโซมุที่ตื่นตระหนกเพราะโซเฟียพูดอะไรแปลกๆออกมา แต่ไอริสกลับตอบด้วยท่าทีสงบนิ่ง
เห็นได้ชัดว่าบรรยากาศของทั้งสองคนนั้นช่างอึดอัด แต่โซเมียจังที่เป็นตัวต้นเหตุก็ดันแลบลิ้นและแสดงท่าทางแสนเจ้าเล่ห์ ไอริสเองก็เอามือปิดปากหัวเราะกับท่าทางของข้า เอาเถอะเห็นพวกนั้นสนุกข้าก็ดีใจ
(……เอาเถอะ อย่างน้อยก็ได้เห็นรอยยิ้มอันแสนสวยงามของสองคนนี้…………)
◇◆◇
「วันนั้นคุณเองก็อยู่ที่โรงพยาบาลตอนพักกลางวันด้วยนี่คะ ขอบคุณนะคะที่ช่วยในตอนนั้น」
ไอริสคิดว่าโนโซมุเป็นมิตรกว่าที่เธอคิด เธอจึงขอบคุณเขาสำหรับเรื่องนี้ตอนนั้น
「เอะ ไม่หรอกครับข้าก็แค่เผลออยู่ในห้องนั้นก็เท่านั้นเอง…และก็เป็นอาจารย์นอร์นที่คอยดูอาการและรักษาให้นะครับ」
「ถึงอย่างงั้นคุณเองก็เอายามาพร้อมกับช่วยสนับสนุนการรักษาของอาจารย์นอร์นนี่คะ」
「เอ่อจะว่ายังไงดีละครับการที่เห็นคนเจ็บอยู่ตรงหน้าเนี่ยถ้าเราไม่ทำอะไรเลย……ข้าเองก็รู้สึกแย่เหมือนกัน แต่ว่าการที่ไอริสสามารถพาคนเจ็บมาที่ห้องพยาบาลได้นั่นน่าทึ่งกว่านะครับ」
「เป็นเรื่องที่ดีค่ะ การที่คุณเห็นคนอื่นกำลังเดือดร้อนและเข้าไปช่วยเหลือ ถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนแต่ว่านั่นเป็นสิ่งที่ดีมากๆค่ะ」
ท้ายที่สุดแล้วเธอก็เป็นคนที่นิสัยดีอย่างมาก มีจิตใจชอบช่วยเหลือผู้อื่นแม้ว่าจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันก็ตาม นั่นดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งที่เธอเป็น
“จงช่วยเหลือคนที่กำลังเดือดร้อน”เธอรู้สึกเช่นนั้นและทำไปตามความรู้สึกของตัวเธอเอง
เธอคนนี้ช่างดูเปล่งประกายอันแสนสดใสต่อจิตใจของโนโซมุเป็นอย่างมาก
◇◆◇
ตอนนี้ฉันกำลังคุยกับชายคนหนึ่งอยู่ค่ะ แต่ฉันไม่คิดว่าเขาเป็นคนที่มีนิสัยแบบนั้นตามข่าวลือที่ได้ยินมาเลย
ฉันได้ยินข่าวมาว่ามีคนที่คอยช่วยเหลือน้องสาวฉันในสวนสาธารณะอยู่บ่อยๆ แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเขาคนนี้
ชายคนนั้นที่เป็นคนในข่าวลือ กำลังคุยกับน้องสาวฉันด้วยท่าทางสนุกสนานเช่นนั้น มันช่างห่างไกลจากเรื่องแบบนั้นนัก
โนโซมุ・เบลาตี้
อย่างน้อยก็ไม่เคยได้ยินชื่อเสียงด้านดีๆของเขาเลยแม้แต่น้อย เป็นอดีตคนรักของ ลิซ่า เฮาวน์ ซึ่งอยู่ชั้นปี 3 เหมือนกัน และเป็นคนที่นอกใจเธอ เมื่อฉันไปถามเพื่อนๆร่วมชั้นก็ต่างได้ยินข่าวคราวแบบนี้อยู่บ่อยๆ เพื่อนๆในห้องต่างโกรธเขามาก
ลิซ่า・เฮาวน์ เธอเป็นคนที่มีเส้นผมสีแดงดั่งเปลวเพลิงและมีรอยยิ้มอันสดใส ทั้งยังเป็นคนหนึ่งที่มีพรสวรรค์สูงสุดในโรงเรียนนี้ อย่างไรก็ตามเธอเป็นผู้หญิงที่งดงามและเป็นที่ดึงดูดผู้คนรอบกาย การที่ชายคนนั้นจะนอกใจสาวสวยมากความสามารถมันจะเป็นแบบนั้นได้จริงๆน่ะเหรอ
ในช่วงฤดูร้อนของปี 1 เธอโดนชายหนุ่มที่เป็นคนรักทิ้งเธอไป
ในตอนนั้นข่าวลือต่างแพร่สะบัด มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นหลายคนต่างกังวลที่เธอถูกทอดทิ้ง
ทุกคนต่างโกรธชายหนุ่มคนนั้นและเริ่มมีการรุมประชาทัณฑ์เกิดขึ้น
ในฐานะที่ฉันเองก็เป็นผู้หญิงเหมือนกันฉันก็ไม่พอใจอยากมาก แต่เรื่องราวนั้นมันดูเวอร์เกินไปหน่อยไหม
เมื่อฉันจ้องมองชายหนุ่มในข่าวลือตรงหน้านี้แล้วนั้น เขาก็แค่ชายหนุ่มธรรมดาทั่วไปที่เห็นได้ทั่วทุกที่ หากอยู่ในฝูงชนอาจจะแยกไม่ออกเลยด้วยซ้ำ
ฉันเองก็แปลกใจอยู่หน่อยๆกับการที่เขาสามารถเล่นเป็นเพื่อนกับน้องสาวของฉันได้ และดูเหมือนว่าน้องสาวฉันเองก็ดูมีความสุขมากๆและพูดถึงเขาอยู่บ่อยๆ
ฉันเองก็ไม่อยากพูดเรื่องทางบ้านมากนัก แต่ก็บอกได้แค่ว่าเป็นที่ๆหรูหรา และเป็นตระกูลที่อยู่รับใช้ประเทศมาเป็นเวลานาน
นอกจากนั้นก็ยังมีพลังอันยิ่งใหญ่ที่ยังส่งผลต่ออิทธิพลในสถาบันโซลมินาติ
แมลงวันหลายตัวต่างตรอมตมกับพลังอำนาจที่แสนหอมหวานและหวังจะหุบสมบัตินั่นไป
แน่นอนว่ามีพวกโรคจิตที่พุ่งเป้ามาที่น้องสาวของฉันด้วยเช่นกัน ดังนั้นพวกเราจึงต้องคอยดูแลกันและกันอยู่เสมอ
ดังนั้นฉันที่เคยโดนแบบนั้นตั้งแต่ยังเด็กเหมือนกับน้องสาว ผู้ใหญ่ที่หลงใหลในอำนาจทำให้ตัวฉันเองก็มีสวิตซ์เตือนภัยที่เป็นตัวบ่งบอกว่าคนไหนประสงค์ดีหรือประสงค์ร้ายกับพวกเรา หากเป็นคนที่ประสงค์ร้ายฉันก็พยายามจะกีดกันพวกนั้นออกไปให้ห่างๆจากน้องสาว
ทั้งฉันและน้องสาวของฉันเองก็ต่างมีสัมผัสเฉกเช่นเดียวกัน แต่ตอนที่มองเขาเล่นกับน้องสาวของฉันแล้วสวิตซ์ที่เป็นตัวคอยเตือนภัยกลับไม่ทำงาน แถมตัวน้องสาวเองก็ดูค่อนข้างยอมรับในตัวเขามากกว่าใครมากๆเลยล่ะ แม้ว่าจะคุยกันต่อหน้าต่อตาขนาดนี้แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมสวิตซ์เตือนภัยกลับไม่ทำงานเลยแม้แต่น้อย
ฉันเองก็คิดว่าตัวเองไม่อยู่ในตำแหน่งที่สามารถจะพูดออกมาได้เต็มปาก แต่ฉันน่ะเป็นคนที่มีรูปลักษณ์งดงามและหุ่นดี ผู้ชายในวัยเดียวกันก็ชอบมองหน้าอกและก้นของฉันอยู่บ่อยๆมันทำให้ฉันรู้สึกแย่มากๆ
แต่ตอนที่อยู่กับเขาคนนี้ เขาไม่มีท่าทางเป็นคนแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย ฉันเองก็เห็นน้องสาวฉันหยอกล้อเล่นกับเขาด้วยความขบขัน แซวเขาแบบนั้น แต่เขาก็กลับไม่มีท่าทีแบบชายคนอื่นจริงๆนะ
ชายหนุ่มคนนี้ช่างแปลกประหลาดนัก นั่นคือความรู้สึกแรกที่ฉันมีต่อเขา
◇◆◇
จากนั้นเองพระอาทิตย์ก็เริ่มที่จะตกดินแล้ว โนโซมุจึงบอกลากับทั้งสองและกลับหอพัก
ระหว่างทางกลับบ้านโนโซมุรู้สึกมีความสุขที่ได้พูดคุยกับไอริส
เป็นเวลานานมากแล้วที่เขาไม่ได้คุยกับคนที่มีอายุพอๆกัน อย่างเป็นธรรมชาติ
(ไม่คิดเลยว่าจะมีโอกาสได้คุยกับเธอคนนั้น หวังว่าจะมีโอกาสได้พูดคุยกันอีกนะ)
ทันทีที่กลับถึงหอพักแล้วก็เตรียมตัวออกจากหอพักทันที ข้ากำลังมุ่งหน้าไปยังกระท่อมของชิโนะเนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันหยุด โนโซมุเลยตัดสินใจที่จะฝึกซ้อมกลางดึกและพักอาศัยอยู่ที่กระท่อมของชิโนะอยู่ในป่านั่น แม้ว่าจะปลด “พันธนาการ” ก็คงไม่มีใครได้มาเห็นหรอก ยามใดที่เขาอยากจะปลด “พันธนาการ” เพื่อฝึกควบคุมก็มักไปที่นั่นบ่อยๆ
「…………?」
หลังจากออกจากหอพักได้ไม่นานโนโซมุก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนมีคนแอบสะกดรอยตามตั้งแต่ออกจากหอพัก
เขาคิดว่าน่าจะเป็นคนที่คิดจะจ้องทำร้ายเขา แต่ว่ากลับไม่ใช่สายตาที่ส่งมาทางนี้ไม่มีจิตสังหารเลยแม้แต่น้อย
แม้จะออกจากนอกเมืองไปแล้วแต่ข้าก็ยังโดนสะกดรอยตามอยู่ ดูเหมือนว่าจะมีคนเดียวที่ตามข้ามา
「สงสัยจะได้วิ่งเข้าป่าแหะ」
ยังไงก็ตามหากออกนอกเส้นทางมันจะลำบากในภายหลัง ดังนั้นโนโซมุเลยตัดสินใจมุ่งหน้าไปที่กระท่อมของชิโนะทันที
ข้าเดินอยู่ในป่าได้สักพัก แต่เมื่อยืนยันได้ว่าไม่มีสายตาคอยจับจ้องจึงหยุด
「อืม ดูเหมือนจะหายไปแล้ว แต่ว่าใครกันนะ」
โนโซมุนึกถึงสายตาที่คอยจับตามองเขา แต่ว่าก็ไม่ได้คำตอบอะไรแม้ว่าจะไม่รู้ว่าทำไมถึงโดนสะกดรอยตามก็เถอะ แต่ว่าเดาไปก็เสียเวลาเปล่า
(บางทีเป็นเพราะว่าเรื่องที่ข้าจัดการมังกรได้จะความแตกแล้ว?)
แย่แน่หากมีคนรู้เรื่องนี้เข้าสำหรับโนโซมุ หากเป็นเช่นนั้นไม่รู้ว่าทางการจะทำอะไรกันแน่
(แต่ก็ไม่ได้ตามมาจุดถึงที่สุดนี่? ข้าคิดว่าคงไม่หยุดแค่การตามมาที่ป่าหรอกนะ)
ข้าเดาไปต่างๆนาๆแต่ก็ไม่สามารถค้นหาคำตอบได้ ดังนั้นเขาจึงมุ่งหน้าไปยังกระท่อมของชิโนะ
◇◆◇
「อย่างที่คิด ไปที่ป่ายังงั้นเหรอเนี่ย」
เป็นมาร์เองที่คอยไล่ตามโนโซมุ เขามั่นใจว่าโนโซมุเข้าไปในป่าจากนั้นก็ต้องปลีกตัวออกมา
อย่างไรก็ตามอีกฝ่ายเข้าไปในป่ามันอันตรายดังนั้นเลยต้องออกมาจากป่า
「ข้าก็เคยเข้าป่าอยู่หรอก แต่ไม่เป็นไร พรุ่งนี้วันหยุดพอดีไว้ถามเอาก็ได้」
แต่เดิมก็ไม่ได้ตั้งใจจะเข้าป่าไปคนเดียวเพื่อจะให้สัตว์อสูรมันฆ่าเล่นหรอก
แค่ยืนยันว่าโนโซมุมันเข้าป่าไปจริงๆแล้ว ก็เป็นความจริงแล้วล่ะดังนั้นก็เลยหาวิถีทางจะถามเจ้าหมอนั่น…………。
หลังจากมาถึงกระท่อมของชิโนะแล้วเขาก็เข้าไปในกระท่อมและเริ่มทำความสะอาด
ขณะที่กำลังทำความสะอาดอยู่ก็เห็นดาบที่ชิโนะเคยใช้ตั้งวางไว้
หลังจากที่ชิโนะเสียชีวิตแล้วโนโซมุก็ทำหลุมฝังศพและที่สำหรับเคารพศพเอาไว้ ในกระท่อมยังมีจดหมายลาตายของเธอยู่ด้วย
มันเขียนไว้ว่า「ข้าขอมอบดาบเล่มนี้ให้กับเจ้า。」
ตั้งแต่แรกข้าไม่คิดจะเปิดอ่านเลยแม้แต่น้อย การมาเขียนจดหมายลาตายแบบนี้ไม่ยุติธรรมเลย
การที่เธอทำเช่นนี้ก็เป็นสิ่งที่ทำอย่างเถรตรง
แต่โนโซมุก็ยังไม่คิดจะหยิบดาบนั่นมาใช้ มีดาบอีกเล่มอยู่ที่เอวของเขาอยู่แล้วซึ่งเป็นดาบสำรองที่ชิโนะเก็บไว้
โนโซมุที่คิดว่าตัวเองที่ยังหนีความจริงอยู่ยังไม่เหมาะกับการถือดาบของอาจารย์
ยังไงก็ตาม……。
(อาจารย์ครับ……จนถึงตอนนี้แม้ว่าข้าจะยังไม่สามารถหยิบมันมาใช้ได้ก็เถอะ แต่ว่าสักวันหนึ่งวันที่ข้าก้าวไปข้างหน้าได้ข้าจะหยิบมันมาใช้นะครับ………………)
หลังจากทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยโนโซมุก็เริ่มฝึกดาบทันที ดึงดาบออกมาด้วยท่าทางอันนิ่งเงียบและฟันผ่านอากาศด้วยท่วงท่าอันรุนแรง และก็เก็บดาบทำแบบนี้ซ้ำเรื่อยไป
ฟันซ้ายบน ย้อนกลับ เข้าด้านข้าง………。
ด้วยแรงที่ใส่ลงไปในขาและลำตัวนั้นมันเป็นไปอย่างต่อเนื่องเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่เสียเปล่าเลยแม้แต่น้อย
โนโซมุยังคงฝึกโจมตีอยู่เรื่อยไป
เสียงรอบข้างถูกตัดขาดเขากวัดแกว่งดาบอย่างสมบูรณ์แบบท่ามกลางดวงจันทร์
เขาปลดปล่อยพลังออกมาและใช้คิเสริมพลังไปยังดาบยังบรรจง และฟันออกไป ทันทีที่ฟันเกิดเป็น “คลื่นกระแทก”อันรุนแรงออกไป
การโจมตีด้วยหมัด เข่า ศอก และ เตะ นั้นก็ถูกฝึกไปในพร้อมๆกัน
การโจมตีของวิชาดาบผสานกับศิลปะการต่อสู้ได้อย่างสมบูรณ์ราวกับเขากำลังเต้นรำอยู่
สุดท้ายจบด้วยการฟันดาบ โนโซมุนิ่งเงียบไม่เคลื่อนไหว ผมของเขาสะบัดเล็กน้อยท่ามกลางแสงจันทร์
โนโซมุปรับท่าทางและเก็บดาบเข้าฝัก จากนี้ไปหากไร้ซึ่งสมาธิแม้แต่วิเดียวเขาจะตายได้
โนโซมุนึกถึงโซ่ที่คอย “พันธนาการ” ร่างกายของเขาไว้ มันเป็นโซ่ที่ฉุดรั้งพลังกายและความสามารถของเขาจนตกต่ำลง จากนี้ไปเขาจะปลดปล่อยมันออกมาและเริ่มใช้พลังของดราก้อนสเลเยอร์
「…………ฟู่……」
กลั้นหายใจและเอามือคล้องโซ่เหล่านั้น
หากการควบคุมล้มเหลวราชันย์มังกรเทียแมทก็จะยึดร่างของเขาทันที
ถ้าข้าฝึกจนใช้พลังนี้ได้ไม่คล่องละก็ ทุกๆอย่างจะไม่สามารถแก้ไขได้ และจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต เมื่อย้อนนึกถึงผู้คนเหล่านั้น อาจารย์อันริ,นอร์น,ไอริส และ โซเมีย !!
โนโซมุตัดสินใจพัง “พันธนาการ” ที่ผูกมัดเขาเอาไว้
ในขณะนั้นเองพลังที่ถูกปลดปล่อยก็ไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายของโนโซมุจนไม่สามารถที่จะควบคุมได้
「อะอึกอ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก!」
โนโซมุกัดฟันแน่นและพยายามอดทนเอาไว้ พลังที่รุนแรงมากๆจนแทบจะซัดวิญญาณของเขาหลุดออกจากร่าง เหงื่อเริ่มไหลไปทั่วร่างกาย
พลังที่มากเกินไปสำหรับมนุษย์ตัวเล็กๆเช่นเขาแล้วมันอาจจะทำลายจิตใจของเขาได้อย่างง่ายดาย แต่ว่าสำหรับโนโซมุที่ก้าวผ่านเรื่องต่างๆมามากมายมันไม่เท่าไรนัก
ด้วยการที่เขากลายเป็นตัวตนในตำนานอย่างดราก้อนสเลเยอร์และได้รับพลังบางส่วนของเทียแมทมาสถิตย์ในกาย ทำให้โนโซมุมีพลังพอที่จะต่อต้านสิ่งเหล่านั้น
อย่างไรก็ตามมันยังคงมีขีดจำกัด โนโซมุพยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่สุดท้ายก็ทนไม่ได้จนโซ่ที่เป็น “พันธนาการ”มันกลับมาพันรอบตัวเขาอีกครั้ง
「อั่ก! แฮ่กแฮ่กแฮ่กแฮ่ก…………」
เมื่อ “พันธนาการ” เข้ามาพันร่างกายของเขาเพื่อปิดผนึกพลังของเทียแมท โนโซมุก็ล้มฟุบไป
ร่างกายสั่นสะท้านไปทั่ว เหงื่อที่ไหลท่วมทั่วทั้งตัวและแรงที่ปลดปล่อยไปนั้นทำให้เขาไม่สามารถลุกได้ในทันที
「เฮ้อ ท้ายที่สุดแล้วพลังที่ข้าสามารถใช้ได้ก็แค่ 2นาที…………!」
โนโซมุยังคงนอนหงายอยู่ตรงที่แห่งนั้น
ผลลัพธ์ออกมาไม่ได้อย่างที่หวัง ท้ายที่สุดแล้วขีดจำกัดก็คือ 2 นาทีและไม่มีวี่แววว่าจะควบคุมมันได้นานกว่านั้น
ผลลัพธ์ในตอนนี้แสดงให้เห็นว่าตัวเขาไม่เติบโตขึ้นเลย แม้พยายามฝึกควบคุมมันแค่ไหนก็ตาม
ท้ายที่สุดแล้วผลลัพธ์วันนี้ก็เหมือนกับทุกที โนโซมุก็กลับไปที่หอพักในวันรุ่งขึ้น
เมื่อโนโซมุมาถึงหน้าห้องพักก็พบกับคนๆหนึ่งยืนรออยู่หน้าห้องของเขา
「อืม มาสายนะ」
เป็นมาร์เองที่ยืนพิงประตูห้องของโนโซมุ
「……มีอะไรยังงั้นเหรอ?」
「โฮ่ย อย่าทำหน้าตาแบบนั้นสิ」
มาร์บอกกับโนโซมุให้ใจเย็น
「เกิดบ้าอะไรขึ้นกันเนี่ย ข้าเหนื่อยมากแล้วจากการทำงานอยากจะเข้าไปนอน」
ข้าไม่สามารถบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ป่านั่น เกี่ยวกับที่ข้าฝึกพลังของดราก้อนสเลเยอร์
「หืมมม ทำงานงั้นเหรอ ทำงานที่ป่านะเหรอ? งานแบบไหนกันที่ทำให้เจ้าต้องเข้าไปในป่า เพราะแรงค์เจ้าก็ไม่พอแน่ๆในการเข้าไปในป่า เจ้าเข้าไปทำอะไรกัน?」
คำพูดของมาร์ทำให้โนโซมุเงียบไปชั่วครู่
(ไปรู้มาจากไหน? บางทีอาจจะเป็นเพราะเมื่อวานนั่นเหรอ…………)
「หรือว่านายจะแอบตามข้ามา…………」
「ใช่ ข้าเองแหละ…แต่เจ้ารู้ตัวแต่แรกอยู่แล้วงั้นเหรอเนี่ย? ถ้างั้นข้ามีอะไรอยากจะถามเจ้า ตามข้ามาหน่อยสิ」
มาร์หันหลังกลับและเริ่มเดินออกไป โนโซมุไม่มีทางเลือกนอกจากตามเขาไป