บทที่3ตอนจบ
ย่านการค้ายามค่ำคืน จากเดิมที่คึกคักมีความเงียบเข้าครอบงำ แต่ในย่านการค้าช่วงกลางดึกก็ยังมีคนจำนวนมากไหลเวียนจับจ่ายส่วนมากผู้คนที่จะพบเห็นในตอนกลางคืนก็เป็นพวกนักผจญภัย ไม่ก็สาวๆที่ใส่ชุดล่อตาล่อใจ
เพื่อตอบสนองความต้องการของตัวพวกเขาเองจึงได้ออกมาโลดแล่นยามค่ำคืน
ที่ “เรือนร่างของโค”ก็มีชายหญิงมากมายเข้ามาทานอาหารและดิ่มเหล้ากันอย่างคึกคัก
「ว่าไง! ขอซุบเนื้อแกะและเครื่องเคียงด้วยนะ!」
ฮันนะวางซุปร้อนๆลงบนเคาน์เตอร์และพนักงานเสิร์ฟอิน่าเองก็นำไปเสิร์ฟตามปกติ
ผู้หญิงตัวน้อยๆถือจานนั่นอย่างมั่นคงและนำมันไปเสิร์ฟ
「ขอโทษที่ทำให้รอนะคะ! ซุบเนื้อแกะได้แล้วค่ะ!!」
อิน่าวางของที่สั่งไว้ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น กลิ่นหอมของอาหารลอยอบอวลไปทั่วกระตุ้นความยากอาหารให้กับเหล่าแขกที่เข้ามาเยี่ยมเยือนสถานที่แห่งนี้จนต้องกลืนน้ำลายกันเลยทีเดียว
「โอ้ววว! กำลังรออยู่เลย!」「หิวแล้วล่ะนะ~。」「น่ากินมากๆเลยล่ะ!」
บางทีลูกค้าคงหิวมากๆรีบตักอาหารใส่เข้าปากทันที ในขณะเดียวกันก็มีลูกค้าคนหนึ่งเข้ามาคุยกับอิน่า
「อิน่าจังดูเหมือนวันนี้จะอารมณ์ดีนะ วันนี้เกิดเรื่องอะไรดีๆขึ้นเหรอ?」
「เอ๊ะ ดูเป็นแบบนั้นงั้นเหรอคะ?」
「อืม ใช่แล้วล่ะ ปกติแล้วอิน่ามักจะหน้าตาตึงเครียดอยู่เสมอ แต่วันนี้ดูผ่อนคลายดีนะ。」
「อืม ที่จริงแล้ว「หนอยแน่! ลองพูดอีกครั้งสิ!!」อ้าว เอาอีกแล้วเหรอคะเนี่ย…………」
ขณะที่อิน่ากำลังคุยกับลูกค้าคนหนึ่งก็พบเจอลูกค้าอีกสองคนกำลังทะเลาะกันหน้าเคาน์เตอร์ ตัวฉันเองก็เริ่มโกรธแล้วที่มาขัดจังหวะกันแบบนี้
「เอ่อ จะดื่มก็ไม่ว่าหรอกนะคะ แต่ว่าช่วยอย่าทะเลาะกันด้วยค่ะ……」
「ยาเร่ยาเร่ดาเซ่ การสู้กันในร้านแบบนี้เดี๋ยวจะทำให้แดกข้าวไม่ได้อีกเลยโว้ย」
อย่างไรก็ตามทั้งสองคนนั้นดูเหมือนว่าจะไม่สนใจอะไรแล้ว ดูเหมือนลูกค้าคนอื่นๆก็เริ่มส่งเสียงเชียร์
「พูดหลายรอบแล้วนะ!! ว่าให้เอาของที่ขโมยมาเอามาคืนได้แล้วน่ะ!!」
「หาาาา? เพราะแกมัวชักช้าเลยส่งของไม่ทันเวลาไม่ใช่เหรอไง!!」
ไม่รู้หรอกว่าทั้งสองคนคุยอะไรกันแต่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องโดนขโมยของที่ถูกขนส่ง ยังไงก็ตามการมาส่งเสียงดังและใช้ความรุนแรงแบบนี้ไม่ชอบเลย
ถ้าเป็นร้านทั่วไปคงไม่ให้ทำเช่นนี้ ฉันเองก็รู้ดี ยิ่งทำเช่นนั้นก็ยิ่งหยุดไม่ได้
อิน่าพยายามไกล่เกลี่ยให้ทั้งสองหยุดทะเลาะกันระหว่างนั้นเองก็มีเสียงอันแสนคุ้นเคยแทรกเข้ามา
「เฮ้ย อย่าทำเป็นกร่างดิ」
เป็นมาร์เองที่เข้ามาหยุดทั้งสองที่กำลังทะเลาะกันอยู่ เสียงของเขาทุ้มต่ำลงและเตรียมเวทย์พร้อมไว้แล้ว ทั้งสองที่เห็นเช่นนั้นก็แข็งเป็นรูปปั้นเลย
「ก็รู้หรอกนะว่าเหล้ามันทำให้เมาจนเกิดการทะเลาะกันได้ แต่ว่ามีกฏอยู่ว่าห้ามมาสู้กันในร้าน ถ้าทำมากกว่านี้ละก็ข้าจะเอาเงินของพวกแกและร่างกายของพวกแกมาเป็นค่าทดแทนที่ทำให้ร้านของข้าเสียหายดีกว่ามั้ง?」
มาร์ขู่เช่นนั้นด้วยคำพูดและทั้งสองที่ทำตัวน่ารำคาญก็รีบยื่นเงินจ่ายค่าอาหารทันทีและรีบออกจากร้านไป เอ่อเงินที่ได้มามันเยอะกว่าที่คิดนะ
「ฮะฮะฮะ! ไอ้พวกใจเซาะเอ๋ย โชคดีแล้วนะที่พวกแกไม่เข้ามาหาเรื่องข้าเนี่ย ถ้าเข้ามามีหวังจบไม่สวยแน่ๆ มีหวังได้รีดไถได้มากกว่านี้อีก ถ้ารักชีวิตอย่าคิดมากร่างในร้านข้าสิโว้ย……」
ในความเป็นจริงแล้วมาร์เป็นคนที่คอยจัดการเหล่านักผจญภัยที่มาทะเลาะในร้านอยู่ตลอด ความวุ่นวายเหล่านั้นมาร์ที่ได้เงินเหล่านั้นมาก็เอามาแบ่งกันเลี้ยงคนในร้านด้วย
คู่ต่อสู้ของมาร์ในตอนนั้นเป็นนักผจญภัยแรงค์ D 5 คน แต่มาร์จัดการพวกนั้นจนเหลือ 3 คน ส่วนที่เหลือก็โดนจัดการซะจนขาหักแขนหักบ้าง แต่ว่าก็จำหน้าได้หมดแล้ว
ดังนั้นการมาทะเลาะวิวาทในร้านก็จะโดนจัดการโดยมาร์และเขาก็จะเอาเงินที่ได้จากพวกนั้นมาเลี้ยงคนในร้าน
อย่างที่มาร์กล่าวไปใครที่สร้างความรำคาญและสร้างเรื่องวุ่นวายภายในร้านจะต้องโดนเก็บค่าทำขวัญร้านและถูกโยนออกจากร้านไป
◇◆◇
「นั่นสินะคะ(แต่สำหรับฉันไม่คิดว่าเป็นความโชคดีเลยสักนิด……)」
อิน่าจำได้ว่าพี่ชายของเธอออกไปเที่ยวกับทุกคนในวันนี้ ตอนที่เห็นทิม่าและมาร์อยู่กันตามลำพังก็กังวลว่าพี่ชายจะทำตัวหยาบคายกับคุณทิม่า แม้ว่าโซเมียจะบอกว่า “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” อิน่าก็ได้แต่เฝ้ามองการกระทำของพี่ชายต่อไป
อย่างไรก็ตามพี่ชายดันกลายเป็นคนที่พูดจาตรงไปตรงมาและมีท่าทีเหนียมอาย อิน่าแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยที่พี่ชายของเธอเปลี่ยนไป
(ท้ายที่สุดแล้วเกิดอะไรขึ้นระหว่างพี่ชายกับคุณทิม่ากันนะ?)
อิน่ามองไปทางพี่ชายของเธอ มาร์เองก็กำลังขับไล่ลูกค้าที่ทะเลาะกันออกจากร้านและกำลังจัดกระเป๋าอยู่ที่เคาน์เตอร์ท่าทางของเขาดูใจเย็นกว่าปกติ
พูดตามตรงอิน่าอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพี่ชายกับคุณทิม่า เธอสามารถเปลี่ยนแปลงพี่ชายของฉันได้ในเวลาครึ่งวัน ฮันนะและเดลที่ใช้เวลาหลายปีเขาก็ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง อิน่าที่พยายามพูดกับพี่ชายของเธอ (จนบางครั้งก็เกิดแผลทางใจ) เธอต้องการให้พี่ชายเป็นเหมือนคนปกติทั่วไป เธอดีใจอย่างมากที่พี่ชายของเธอเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว แต่ก็มีแอบผิดหวังหน่อยๆ
「……จริงๆเลยพี่ชายบ้านี่…………」
เธอพึมพำเช่นนั้นไม่มีใครได้ยินเสียงของเธอโดนเสียงของมาร์และคนอื่นๆกลบไป
◇◆◇
เขตทางตะวันออกของเมืองอัลคาซัม เรียกว่าย่านที่อยู่อาศัยของประชาชน มีบ้านหลังหนึ่ง มีไข่ใบหนึ่ง บ้านที่จะกลายเป็นประวัติศาสตร์ของจอมเวทย์ในอนาคต เป็นบ้านที่อยู่อาศัยหลังหนึ่งเหมือนกับบ้านธรรมดาทั่วๆไป
◇◆◇
「นี่ พี่ทิม่า วันนี้มีอะไรดีๆเกิดขึ้นงั้นเหรอครับ?」
「เอ๊ะ ทำไมคิดแบบนั้นละจ้ะ?」
「ก็แบบว่า วันนี้พี่ทิม่าดูสนุกสนานกว่าปกติเลยนะสิครับ เพราะปกติแล้วพี่ทิม่าน่ะไม่ค่อยหัวเราะเท่าไรเลยนะ?」
「เอ๊ะ นั่นสินะ……………」
ด้วยคำพูดของน้องชายทำให้ฉันนึกถึงชายคนนั้นขึ้นมา ในตอนแรกเขาคนนั้นดูน่ากลัวและเป็นคนหัวรุนแรง แต่ว่าหลังเหตการณ์นั่นฉันก็ไม่ค่อยถูกกับผู้ชายเสียเท่าไร
ฉันถูกเด็กผู้ชายคนหนึ่งในละแวกใกล้บ้านรังแกตั้งแต่ยังเด็กและฉันเองก็ไม่มีเพื่อนผู้หญิงเลยแม้แต่น้อย ฉันไม่สามารถพูดคุยกับใครได้จนกระทั่งฉันได้พบกับไอจัง
วันนี้ฉันตื่นเต้นมากๆที่ได้พูดคุยกับเขา แต่ก่อนนั้นฉันมักจะกลัวเวลาที่อยู่กับผู้ชายอยู่เสมอ
「เกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่นะ…………」
ภายในใจของฉันมีความอบอุ่นอยู่ภายใน ความรู้สึกมันต่างจากตอนที่อยู่กับไอและโซเมีย ความร้อนนั่นมันยังคงระอุอยู่ภายในอกคู่นี้ ฉันรู้สึกเช่นนั้นตั้งแต่ตอนที่ได้เดินกับมาร์ในเมืองแล้ว
◇◆◇
ทางตอนเหนือของเมืองอาร์คาซัม ศูนย์กลางทางการเมือง ณ ห้องในคฤหาสน์ของตระกูลฟรานซิส ซึ่งเป็นคฤหาสน์ในย่านนั้น หญิงสาวคนหนึ่งกำลังแผ่ตัวลงนอนอยู่บนเตียงสุดหรู
หญิงสาวที่อยู่ในชุดนอนซีทรูสีม่วง แสนจันทร์ที่ส่องผ่านหน้าต่าง ทำให้ผมสีดำยาวสลวยของเธอเปล่งประกายราวหิมะอันแสนสดใสยามค่ำคืนอันมืดมิด
ในตอนดึกและวันที่กำลังจะผ่านไปเธอคนนั้นกำลังคิดอยู่ตลอดเวลา
ฉันทิ้งตัวลงบนเตียงและนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้
เพื่อที่จะปล่อยให้ทิม่าและมาร์อยู่ด้วยกันตามลำพัง อิน่าถูกฉันและโซเมียแยกออกมา มันเป็นวิธีการบังคับที่ดูชั่วร้ายหน่อยๆ แต่ผลก็ดูเหมือนว่าเราสองคนจะทำออกมาได้อย่างดี ดังนั้นมันก็ดีสำหรับฉันแล้วล่ะ บางทียังคงมีอะไรบางอย่างที่อยากจะพูดหลังจากมาร์และโนโซมุไม่อยู่ด้วยก็ได้ แต่ถ้าเริ่มดูจากเหตุการณ์ในวันนี้ละก็ทุกๆอย่างดูเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี แต่….
「……กังวลเกี่ยวกับโนโซมุเหรอ…………」
การที่ได้พบเจอกับเขายังคงตราตรึงอยู่ในใจของฉัน
ผู้มีพระคุณผู้ช่วยชีวิตน้องสาวของฉัน ในเวลานั้นที่ฉันต้องเผชิญหน้ากับการสูญเสียน้องสาวแสนรักตัวฉันที่พยายามจะขอร้องอ้อนวอนสุดชีวิต ตัวฉันที่ว่าตัวเองแกร่งแล้วแต่ทำอะไรไม่ได้เลย
ตั้งแต่ตอนที่ฉันยังเป็นเด็กฉันมุ่งเป้าไว้ว่าฉันจะปกป้องน้องสาวของฉันด้วยตัวคนเดียวเสมอมาและฉันได้ศึกษาทุกอย่างไม่ใช่แค่วิชาดาบและเวทย์มนต์ ฉันคิดว่าการฝึกหนักก็เป็นส่วนหนึ่งเช่นกัน หลังจากนั้นฉันก็ได้รับการประเมินให้อยู่ในระดับสูงมากจากสถาบันโซลมินาติ
อย่างไรก็ตามทุกอย่างที่ฝึกมาสู้รูกาโต้ไม่ได้เลยสักนิด ฉันไม่แม้แต่จะต่อกรกับเขาได้เลยแม้แต่น้อย ตัวรูกาโต้ที่พยายามพรากน้องสาวไปจากฉัน ฉันทำได้แค่ดิ้นรนอย่างไร้ความหมาย
โซเมียและฉันที่กำลังอยู่ในสภาพสิ้นหวังเมื่อเราต้องเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย แต่ตอนนั้นก็มีเขาคนนั้นที่เข้ามาช่วยพวกเราไว้
ดาบที่กวัดแกว่งไปมาซึ่งตัดผ่านห้วงนรกแห่งความสิ้นหวังและยื่นมือมาทางฉันที่ขอความช่วยเหลือ ตั้งแต่นั้นมาฉันก็เริ่มคิดถึงแต่เขามาโดยตลอด
เมื่อมองไปที่มือแล้ว มือข้างนี้ที่จูงมือเขาเดินไปทั่วทั้งเมือง
มือของเขาที่ใหญ่กว่าที่คิดและมือที่ผ่านการฝึกดาบมาอย่างหนักทำให้มือของเขาค่อนข้างแข็งและหยาบกร้าน
ตัวเขาที่โกรธชายแก่ที่เข้ามาจับมือฉันเขาแสดงอารมณ์ออกมาด้วยความโกรธ แม้ว่าเขาจะบอกว่าชายแก่คนนั้นจะเหมือนคนที่เขารู้จัก แต่ฉันก็รู้สึกดีใจที่เขาเป็นห่วงฉันคนนี้
「ฉันสงสัยว่า……」
ฝ่ามือของฉันที่เขาจับมือมานั้น รู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย มันทำให้ฉันนึกย้อนกลับไปตอนที่ได้จับมือกับเขา
ฉันจำได้ดีเลยล่ะ ใบหน้าของเขาตอนที่พยายามทำขนมอย่างเต็มที่ ใบหน้าจริงจังตอนที่ทะเลาะกับตาแก่ลามกนั่นและใบหน้าของเขาที่มองมาที่ฉันยามมีปัญหา
ฉันนึกถึงใบหน้าของเขาและเอามือที่เคยจับมือของเขามาทาบอก ทุกอย่างเหมือนเชื่อมต่อกัน ฉันคิดว่าไม่ควรจะปล่อยสิ่งมีค่าเช่นนี้ให้หลุดมือไป
「ฟุฟุ! อย่าเพิ่งตื่นเต้นไปสิ…………」
◇◆◇
โนโซมุและไอริสต่างแยกกันที่”เรือนร่างของโค” และโนโซมุเองก็กลับหอพัก ท้องฟ้าระหว่างทางต่างมืดแล้ว
อาจเป็นเพราะวันนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น โนโซมุมีสีหน้าเหนื่อยหน่ายเล็กน้อย
(เกิดอะไรขึ้นหลายอย่างเลยนะวันนี้。)
โนโซมุที่กำลังขึ้นบันไดไปที่ห้องของเขาจำได้ว่าจู่ๆไอริสก็โผล่มาที่ห้องเรียนและชวนเขาไปทานอาหารกลางวันและความโกลาหลภายในห้องเรียน
「ก็นะ ถ้าทั้งสองคนมาแบบนั้นก็ต้องตกใจอยู่แล้วล่ะ…………」
ไอริสและทิม่าที่เป็นคนดังของสถาบันและเป็นที่หมายตาของหลายๆคน
ความวุ่นวายเกิดขึ้นไปทั่วทั้งโรงเรียนจากการกระทำของทั้งสองคน เพื่อนร่วมชั้นต่างไม่พอใจที่พบรู้จักกับไอริสและพยายามมารุบกระทืบ
โนโซมุเองก็ต่อต้านก็ความอยุติธรรมนั่นแต่ว่าจำนวนคนมันต่างกันเกินไป แถมพวกนั้นเองก็เริ่มใช้เวทย์ทั้งๆที่ไม่ใช่สนามฝึกเลยแท้ๆ ในตอนนั้นโนโซมุที่ได้รับบาดเจ็บก็ได้รับการช่วยเหลือจากซีน่า
ซีน่าไล่พวกนั้นออกไปโนโซมุจ้องมองและขอบคุณเธอ แต่กลับโดนเธอดูถูก และเธอก็ตอบกลับมาว่า “ไม่ใช่ธุระอะไรของฉัน”และก็หันหลังกลับไป บางทีเธอคงจะไม่ชอบโนโซมุ จากท่าทีของเธอเองก็แสดงออกมันอย่างชัดเจนแล้วล่ะ
(โอ้ เวรล่ะ ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้…………อย่างน้อยผมก็ควรจะแก้ไขความเข้าใจผิด……)
ผู้คนในโรงเรียนส่วนใหญ่ก็รู้สึกเช่นเดียวกับซีน่า
ไอ้เศษสวะไม่ได้เรื่องที่ไม่เหมาะกับสถาบัน ไอ้คนที่เล่นกับจิตใจของผู้หญิง นั่นเป็นสิ่งที่คนรอบข้างคิดกับเขา
โนโซมุไม่สงสัยเลยที่เขาจะโดนเช่นนั้น
แน่นอนตอนนี้เขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปและในขณะนั้นตัวเขาที่เจ็บปวดไปเรื่อยๆก็ได้แต่ยอมรับว่านั่นคือความจริงไปโดยไม่รู้ตัว
◇◆◇
ต้อบขอบคุณชิโนะที่ทำให้ผมรู้ตัวว่าตัวเองหนีความจริงมาตลอด
อย่างไรก็ตามตอนนี้เขารู้ตัวแล้วว่าตอนนี้เขาไม่ได้ตัวคนเดียว แม้ชิโนะจะจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ตอนนี้ผมก็มีเพื่อนบ้างแล้ว
ยามใดที่เจ็บปวดเขาก็จะนึกใบหน้าของคนรอบข้างที่เข้าหาเขาเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดเหล่านั้น
“ตึบ”
「อะ!!」
ทันใดนั้นโนโซมุก็ได้ยินเสียงหัวใจเต้นของตัวเองภายในหูของตัวเขาจากทางหน้าอกของเขาเอง การเต้นของหัวใจเริ่มค่อยๆที่จะสงบลงแล้วหลังจากผ่านไปสักพัก
(บางทีตอนนี้…………)
การเต้นของหัวใจของโนโซมุนั้นปกติแต่การเต้นของหัวใจเมื่อกี่มันคือของ “เทียแมท”ที่มีปฏิกิริยากับบางสิ่ง
(เกิดอะไรขึ้นกันแน่………)
โนโซมุไม่รู้หรอกเทียแมทที่อยู่ในตัวเขาเป็นยังไงในตอนนี้ อย่างไรก็ตามการเต้นของหัวใจนั่นเป็นเหมือนการเตือนอะไรบางอย่าง มันทำให้โนโซมุนึกถึงฝันร้ายที่เพลิงสีแดงเผาผลาญทุกสิ่งก่อนที่จะปลดปล่อย “พันธนาการ”
ในที่สุดโนโซมุก็เริ่มก้าวเดินแล้วแต่เส้นทางก็ยังคงเต็มไปด้วยความมืดมิด
「………………………」
มีเงาของคนๆหนึ่งกำลังจ้องมองโนโซมุที่อยู่ในห้อง แสงไฟของบ้านรอบๆดับลงแล้วและเมีเพียงแสงดาวเท่านั้นที่สะท้อนร่างนั้นให้เห็น
อารมณ์มากมายต่างผสมปนเปกันไปอยู่ในดวงตาคู่นั้น ความโกรธ เกลียดชังและความเสียใจ แต่ถึงแม้จะอ่านอารมณ์ได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าอะไรคือต้นตอที่ทำให้เกิดอารมณ์เช่นนั้น เงานั่นไม่ได้ทำอะไรเอาแต่คอยจับจ้องโนโซมุที่อยู่ในหอพัก