บทที่5ตอนที่22
มังกรแห่งความตายที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นระหว่างการฝึกพิเศษ
เนื่องจากมีสัตว์อสูรปรากฏตัวขึ้นบริเวณพื้นที่ฝึกซ้อม การฝึกจึงถูกยกเลิกและต้องทำการตรวจสอบอย่างละเอียด
นักเรียนทั้งหมดต่างกลับไปที่อาร์คาซัมทันที ทุกคนมาถึงสถาบันได้อย่างปลอดภัย
เนื่องจากจิฮัดเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดงาน ไอริสดิน่าและคนอื่นๆรวมทั้งอาจารย์ก็มุ่งหน้าไปที่ห้อง 10
อย่างไรก็ตามที่นั่นไม่มีโนโซมุและมาร์อยู่ในห้องเรียน และเมื่อคุยกับพวกจินแล้วดูเหมือนทั้งคู่จะหายตัวไปหลังจากมาถึงสถาบันได้ไม่นาน
「ทุกคนมีใครเห็นพวกโนโซมุบ้างไหมคะ!?」
หลังจากสำรวจรอบๆสักพักไอริสและคนอื่นๆก็มารวมตัวกันที่หน้าประตูหลัก ทุกคนหอบหายใจอย่างรุนแรงเพราะสำรวจไปทั่ว
「แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก ไม่ได้อยู่ที่สนามฝึกด้วย …ฝั่งไอล่ะ?」
「ฝั่งนี้ก็ไม่เจอเลย ตามที่อาจารย์อันริบอก เขาอยู่ที่นั่นตอนที่มาถึงเมืองแต่ว่าเหล่านักเรียนก็บอกว่าไม่เห็นพวกเขาแล้ว……」
หลังจากไปหาที่ห้อง 10 แล้ว ไอริสก็ไปที่ห้องพักครูเพื่อตามหาทั้งสองคน พยายามถามหาโนโซมุกับอันริ แต่ว่าไม่ได้อยู่ที่นั่นเช่นกัน
หลังจากนั้นพอถามอันริที่อยู่ในอาคารเรียน เธอก็ตามหาโนโซมุและมาร์ที่หายตัวไป
「นั่นมีโอกาสสูงที่ทั้งสองคนจะไม่ได้อยู่ที่สถาบันแล้วสินะ……」
「ใช่แล้วล่ะ แล้วจะไปอยู่ที่ไหนกันล่ะ……」
ฟีโอพึมพำเช่นนั้นขณะมองไปนอกห้องสถาบัน และทอมเองก็เห็นด้วยกับความคิดนั้น
「ช่วยไม่ได้ต้องไปหาที่ๆคิดว่าทั้งสองคนน่าจะไปแล้วล่ะ?」
อย่างไรก็ตาม มิมุรุเสนอให้ออกไปตามหาในเมือง
ในขณะนั้นเองก็มีสาวน้อยคนหนึ่งมาจากทางสถาบันอีครอร์ส
「พี่ค่ะ!」
「โซเมีย!?」
เป็นโซเมียที่วิ่งมาหานั่นเอง เธอรีบวิ่งเข้าหาพี่สาวและกระโดดเข้าอ้อมอกของเธอ
「ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ……」
ไอริสสับสนกับการโผล่มาของโซเมียที่มาเกาะติดหนึบกับเธอ แม้จะสับสนแต่เธอก็กอดน้องสาวสุดที่รักด้วยความเป็นห่วง
「คือว่า…ได้ยินว่าพี่สาวได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับมังกรระหว่างการฝึก..ก็เลยเป็นห่วงค่ะ……」
โซเมียเป็นห่วงพี่สาวของเธอ แม้ว่าดวงตาของเธอจะเต็มไปด้วยคราบน้ำตาและน้ำมูกก็เถอะ
เธอกังวลอย่างมากที่ได้ยินว่าพี่สาวตัวเองได้รับบาดเจ็บกับการต่อสู้กับมังกร
พี่น้องที่สายสัมพันธ์แน่นแฟ้น เช่นเดียวกับไอริสที่เกือบจะเสียโซเมียไป เธอเองก็จมอยู่ในความสิ้นหวัง โซเมียเองก็คิดว่าจะเสียพี่สาวของเธอไป
「ไม่เป็นไรหรอกนะ พี่อยู่ตรงนี้แล้ว จะไม่ไปไหนหรอกนะ……」
「ฟุ เฮะ เฮะ!ฮืออ……」
โซเมียพยายามจะไม่ร้องไห้ แต่เมื่อเธอเห็นพี่สาวที่ปลอดภัย ความตึงเครียดก็หายไป น้ำตาที่เอ่อล้นออกมาจากดวงตาก็ค่อยๆจางหายไป
ไอริสลูบหลังเธอเพื่อเป็นการปลอบ โซเมียเองก็ค่อยๆสงบสติอารมณ์มาได้บ้างแล้ว
ขณะที่โซเมียร้องไห้จนเสร็จและค่อยๆคลายอ้อมกอด ซีน่าก็ถามไอริส
「นี่ ไอริสดิน่า อยากจะถามอะไรหน่อย ที่มาร์พูดหมายความว่ายังไง?」
「……หมายถึงอะไรเหรอคะ?」
ไอริสตอบคำถามของซีน่าด้วยความมึนงง
「มาร์พูดแบบนั้นไม่ใช่เหรอ “ถ้าแกเอาจริงกับอีแค่กิ้งก่ามีปีกนั่นก็จัดการได้ง่ายๆไม่ใช่เหรอไง” นั่นนะหมายความว่ายังไง? ฉันเองก็รู้หรอกนะว่าเขาแข็งแกร่ง แต่การจะเอาชนะมังกรได้ง่ายๆแบบนั้นนะมันจริงเหรอ…มีหลายๆอย่างที่พวกฉันไม่รู้เลยสินะ?」
「นั่นคือ……」
ไอริสนิ่งเฉยกับคำถามของซีน่า
ซีน่าและผองเพื่อนไม่รู้ว่าโนโซมุสามารถปลด “พันธนาการ” ได้และพวกเธอก็ไม่รู้เกี่ยวกับทักษะพิเศษที่โนโซมุใช้ได้ด้วย ท่าทีของโนโซมุเริ่มแปลกไปต่างจากเมื่อก่อน
(แต่….ก็เหมือนกับเรา..เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพลังที่เขามีเลยแม้แต่น้อย พลังสุดอัศจรรย์นั่น…แม้จะบอกว่าเป็นการ “ปลดพันธนาการ” แต่มันก็ดูเกินไปหน่อย……)
เขาอธิบายว่าพลังที่ใช้ต่อสู้กับรูกาโต้เป็นการปลด “พันธนาการ” เพียงแค่นั้น
อย่างไรก็ตามหากพลังนั้นถูกพันธนาการไว้จริงๆและปลดปล่อยออกมา เป็นเรื่องแปลกเกินไปที่โนโซมุจะควบคุมมันได้ดีเกินไป เขาดูดซับพลังมหาศาลนั่นเข้าสู่ร่างกาย วิธีการต่อสู้ของเขาไม่ใช่วิธีการต่อสู้ที่อาศัยพลังเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นวิธีการต่อสู้ที่ใช้การควบคุมพลังและทักษะดาบที่แสนยอดเยี่ยมอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้ผลสูงสุดโดยใช้พลังให้ต่ำที่สุด แต่ว่าตอนปลด “พันธนาการ”มันตรงกันข้ามกันเลย
「ไอริสดิน่าฉันสงสัยน่ะ…จะช่วยเล่าให้ฉันฟังได้ไหม?」
ซีน่าจ้องไปที่ไอริสด้วยแววตาคมกริบ ความตั้งใจนั้นแรงกล้าจนไอริสไม่กล้าปฏิเสธ
「……พี่คะ」
ไอริสเองก็ได้ยินเสียงเรียกของน้องสาว เพื่อนสนิทเองก็จ้องมองมาทางไอริสเช่นเดียวกับซีน่า
เมื่อไอริสสบตาทั้งสองมองขึ้นไปบนท้องฟ้าทางทิศตะวันตกที่ท้องฟ้าถูกย้อมเป็นสีแดงพร้อมกับดวงตะวันที่กำลังลับขอบฟ้า
โนโซมุและมาร์คงอยู่ที่ไหนสักแห่งในเมือง พวกเขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่นะ……?
เธอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันเกิดน้องสาวตัวเอง
แน่นอนมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะพูดข้อตกลงลับๆของครอบครัวออกไป
อย่างไรก็ตามทิวทัศน์ของเมืองที่ย้อมในยามพลบค่ำและกำลังนำพาความมืดมาสู่เมืองก็ทำให้ไอริสหมดความอดทน
ฉันพูดอะไรไม่ได้…ฉันต้องทำอะไรบางอย่าง…ไม่เช่นนั้นจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงทั้งโนโซมุและมาร์…รวมถึงพวกเราด้วย……。
ไอริสคิดทบทวนอีกครั้ง เธอพยักหน้าราวกับตัดสินใจแล้ว และเผชิญหน้ากับซีน่าอย่างตรงไปตรงมา
「พวกเราเองก็เพิ่งมารู้ตอนวันเกิดครบรอบอายุ 11 ปี ของโซเมีย……」
เมื่อมองตรงไปทางซีน่า ไอริสก็พูดถึงจุดเริ่มต้นที่ได้พบกับเขาในตอนนั้น
◇◆◇
ในป่าที่มีการฝึกพิเศษ
หลังจากยกเลิกการฝึกไปแล้ว จิฮัดกำลังสืบสวนหาสาเหตุการปรากฏตัวของมังกรอย่างกระทันหันพร้อมกับผู้พิทักษ์แห่งอาร์คาซัมและเหล่าคนที่มาตรวจสอบ
เมื่อพวกเขาสำรวจความลึกของรูที่มังกรอยู่ มันมีโพรงขนาดใหญ่ในความลึกนั่น มีกระดูกมังกรกระจัดกระจายไปทั่ว
「กล่าวอีกนัยหนึ่งมีรังมังกรอยู่ด้านล่างเหรอ ทอร์เกรน……」
เสียงอันแสนสงบนิ่งของจิฮัดดังกังวานไปทั่ว ข้างหน้าเขาคือหลุมที่มีมังกรแห่งความตายปรากฏตัวขึ้น ชายในเสื้อคลุมสีขาววัย 20 กลางๆ มารายงานกับจิฮัด
「ครับ ตรวจสอบแล้วพบซากศพของมังกรที่ด้านล่าง แต่ประมาณ 10 ปีที่แล้วจากสภาพของกระดูกมังกรที่กระจัดกระจายไปทั่ว ยิ่งไปกว่านั้นกระดูกของมังกรเหล่านี้ยังไม่ใช่ของตัวที่โตเต็มวัยด้วยครับ」
ชายหนุ่มชื่อทอร์เกรนตอบคำถามของจิฮัดด้วยความว่องไว
ดวงตาที่อ่อนโยนสามารถมองเห็นได้ผ่านแว่นตาของเขาเห็นได้ชัดเขาเป็นหัวกะทิที่วุ่นกับงานเอกสารมากกว่างานในสนามรบ
อันที่จริงเขาไม่ใช่นักสู้แต่เป็นนักวิจัยจากสถาบันโกลว์ ออรัมที่ประชุมกันเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้
สถาบันโกลว์ ออรัม(グローアウルム)เป็นสถานบันวิจัยที่ครอบคลุมซึ่งถูกสร้างขึ้นในเมืองอาร์คาซัม
การวิจัยและสิ่งอำนวยความสะดวกของสถาบันนี้สร้างขึ้นควบคู่ไปกับสถานบันโซลมินาติและนักวิจัยจากแต่ละประเทศก็กำลังดำเนินการวิจัยเรื่องต่างๆทั้งกลางวันและกลางคืน
ผลการวิจัยที่ได้จะถูกประกาศให้แก่ประเทศทราบปีละครั้งและเป็นประโยชน์ต่อหลายๆด้านเช่น การพัฒนาที่ดินเพื่อการเกษตร โครงสร้างผังเมือง มาตรการรับมือสัตว์อสูรและการเตรียมการสำหรับการรุกรานครั้งใหญ่ที่อาจจะเกิดขึ้น
นอกจากนี้นักวิจัยบางคนที่ โกลว์ กอรัมยังมาเป็นอาจารย์บรรยายคาบเรียนด้านพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในอนาคตอีกด้วย
「10ปีงั้นเหรอ…ก่อนที่เมืองอาร์คาซัมถูกสร้างขึ้นสินะ……」
「ครับ พื้นที่มันถูกปิดกั้นด้วยดินและทรายและอาจจะพังทลายลงมาด้วยเหตุผลบางประการทำให้มังกรที่ไม่สามารถหาอาหารได้และติดอยู่ในที่แห่งนี้ ต้องมากินเนื้อมนุษย์ จนสุดท้ายก็เหลือรอดเพียงตัวเดียว แม้ว่าพยายามอยู่เฉยๆจากการขาดสารอาหาร แต่ก็เหมือนตายทั้งเป็นแล้วล่ะครับ」
「และมันก็ยังรอดมาได้นะเนี่ย……」
อาร์คาซัมสร้างขึ้นเมื่อ 10ปีก่อนเป็นเมืองที่มีชั่วอายุสั้นๆ ไม่น่าแปลกใจว่าจะมีคนอาศัยอยู่ที่นี่ก่อนอาร์คาซัมจะถูกสร้างขึ้น
แน่นอนว่าบริเวรโดยรอบถูกตรวจสอบในขั้นตอนการก่อตั้งเมือง แต่เมื่อถึงเวลานั้นทางเข้าของมังกรมันถูกปิดกั้นทำให้ไม่สามารถโผล่ออกมาได้ ทำได้แต่อยู่เฉยๆไม่ก็รอวันตายไปวันๆ
「คุณทอร์เกรน เรื่อง มังกรแห่งความตายที่ทำร้ายนักเรียนของข้า?」
「ไม่มีอะไรเป็นพิเศษครับ ไม่มีใครตาย」
จิฮัดถอนหายใจออกมาราวกับโล่งอกกับคำพูดของทอร์เกรน
สมาชิกเองก็มองมาด้วยความสงสัย
จิฮัดมองไปบนฟ้าพร้อมกับเอามือลูบเคราของเขา เดิมทีป่าทึบแบบนี้อยู่นอกเหนือพื้นที่ตรวจสอบ บางทีเพราะวันนั้นอาจจะพลาดไป
「……เอาล่ะใกล้มืดแล้ว รีบตรวจสอบอย่างละเอียดและกลับเมืองอาร์คาซัมในวันนี้ เตรียมตัวกลับได้……」
「เข้าใจแล้วครับ」
「รับทราบครับ」
หลังจากสั่งทอร์เกรนและคนอื่นๆให้เตรียมพร้อมสำหรับการกลับเมือง จิฮัดก็จ้องมองลงไปในรูขนาดใหญ่อีกครั้ง ทันทีที่พ้นหลุมไป ความมืดที่มองไม่เห็นจักจ้องกลับมา
ในรายงานไม่พบสิ่งมีชีวิตภายในหลุมนั่น
เขาแค่จ้องมองหลุมที่ควรจะว่างเปล่า เฝ้าดูเหล่าทหารที่ไปสำรวจค่อยๆขึ้นมาทีละคนๆ
◇◆◇
ย่านการค้าในเมืองอาร์คาซัม เมื่อพระอาทิตย์กำลังตกดินและแสงดาวเริ่มเต็มไปทั่วทั้งท้องฟ้า ตามปกติแล้ว ไฟในเมืองจะไม่ดับแม้จะเป็นเวลากลางคืนและเสียงของผู้คนที่กำลังเดินไปตามถนนกำลังร่ำร้อง
ที่ “เรือนร่างของโค”เป็นโรงเตี้ยมและบาร์ในมุมหนึ่งของย่านการค้า มีชายหนุ่มกำลังดื่มหนัก
ชายหนุ่มที่ดื่มคือ มาร์・ ดิกเก้น มีขวดสาเกจำนวนมากเต็มโต๊ะและขวดเปล่าก็ค่อยๆเพิ่มมากขึ้น
บางทีเพราะค่อนข้างหงุดหงิดเป็นอย่างมาก บรรยากาศรอบตัวเลยมีออร่าแบบว่า อย่ามายุ่ง ราวลูกค้าทุกคนถูกไล่ออกจากร้านเหลือเขาเพียงคนเดียวภายในร้านนั้น
「งึก…งึก…แง่ม……」
มาร์เทสาเกลงในแก้วและกระดกรวดหมดในคราวเดียว
ด้วยความรู้สึกแสบร้อนในลำคอ สาเกร่วงหล่นไปที่ท้องและสมองเองก็เริ่มพล่ามัวและคลุมเครือ
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะดื่มหนักขนาดไหน เรื่องของโนโซมุมันก็ยังคงคาใจ
ตอนที่โผล่มาก่อนจบปี 2 ตัวหมอนั่นที่ไม่เคยแข็งแกร่งกลับแข็งแกร่งขึ้นมาจนน่าตกใจ ช่วงปี 3 เองก็เริ่มสนิทกันและมาที่ร้านบ่อยๆ เดินเล่นด้วยกันและฝึกซ้อมที่ด้านนอก ตัวหมอนั่นที่สามารถเอาชนะรูกาโต้ที่เป็นถึงแรงค์ S ได้
ตัวหมอนั่นช่างเจิดจรัส แต่ความโกรธที่อยู่ในร่างกายของเขาก็ไม่จางหายไป
(ไอ้หมอนั่น!ถ้าแกเอาจริงแกก็ทำได้ไม่ใช่เหรอไงวะ! ทั้งๆที่มันน่าจะเป็นเรื่องง่ายๆแท้ๆ!)
ยิ่งเขารู้สึกโกรธโนโซมุมากเท่าไร ตัวโนโซมุที่ไม่พยายามจนถึงที่สุดมันดูไม่เป็นตัวของหมอนั่นเลย
ราวกับหลอกตัวเองมาร์ยังคงดื่มสาเกต่อไป
ในเวลานั้นอิน่าที่มองเห็นสภาพพี่ชายที่ดูไม่ได้ก็มาบ่นด้วยความโกรธจัด
「เน่ พี่คะ มาดื่มแบบนี้เดี๋ยวลูกค้าก็ชิ่งกลับหมดก่อนหรอก!」
「หุบปากกกกกกกก……」
เขาไม่สนใจคำบ่นของอิน่าและพยายามเทสาเกลงไปในแก้วเปล่ามากขึ้นไปอีก แต่อิน่าเอื้อมมือไปด้านข้างและหยิบขวดออกมา
「……เอาคืนมา」
「ไม่ได้นะ วันนี้พี่นะทำตัวเกะกะที่ร้านมากเกินไปแล้วนะ」
อิน่าปฏิเสธมาร์ ฮันนะเองก็ไปที่เคาน์เตอร์พร้อมกับอิน่าด้วย
「ใช่แล้ว มาร์ไม่มีสาเกเหลือให้แกดื่มอีกต่อไปแล้ว! สาเกจะหมดร้านหมดแล้วเนี่ย……」
「ชิ……」
หลังจากเมามาร์เองก็จ้องอิน่าและฮันนะด้วยความขุ่นเคืองแต่แล้วเดลที่กำลังทำความสะอาดพื้นก็เรียกเขา
「……มาร์」
「……มีอะไรกันเล่า! คิดจะทำอะไร!」
ทันใดนั้นมาร์ก็โดนเดลคว้าตัวไป เขาพยายามขัดขืนแต่ว่าไม่สามารถขัดขืนเดลได้
「ไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้นกับแก แต่ถ้าแกยังหัวร้อนอยู่แบบนี้ละก็ออกไปรับลมกลางคืนข้างนอกให้เย็นก่อนแล้วค่อยกลับมา」
「เดี๋ยวก่อนดิ! โอววววววววววววว!」
เดลลากมาร์ที่พยายามขัดขืนไปทางเข้าร้านแล้วโยนออกไปกลางถนน
ขณะที่มาร์กำลังคร่ำครวญ เดลเองก็เปลี่ยนป้ายเข้าร้ายจาก “เปิด” เป็น “ปิด”แล้วประตูก็ถูกล็อค
「เฮ้อ พี่นี่สร้างปัญหาได้ตลอด……」
「นั่นสิ วันนี้ก็ไม่ได้ช่วยเปิดร้าน แถมลูกค้ายังหายไปหมดเลย……」
อิน่าและฮันนะถอนหายใจออกมา
ภายในร้านมีเสียงของมาร์ที่เคาะประตูจากด้านนอกอยู่ อย่างไรก็ตามหลังจากเคาะได้ไม่นานก็หยุดลง
「แต่…เกิดอะไรขึ้นกับพี่กันแน่ พี่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย……」
「นั่นสินะ ตั้งแต่ที่ได้พบกับโนโซมุนิสัยนั่นก็หายไป ไม่เคยอาละวาดหรือทำตัวน่ารำคาญเหมือนเมื่อก่อนเลยสักครั้ง……」
ด้วยเหตุนี้อิน่าและฮันนะนึกถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับมาร์
ตั้งแต่ที่ได้พบกับโนโซมุ มาร์ก็เลิกอาละวาด จริงอยู่ที่คนในย่านการค้ายังกลัวเขาและถึงแม้จะใช้เจ้านั่นช่วยจัดการพวกเมาหัวราน้ำ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ร้านอื่นๆเดือดร้อนเหมือนเมื่อก่อน
อย่างไรก็ตาม มาร์ที่กลับมาที่ร้านในวันนี้เหมือนตัวตนในวันวาน
สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ที่สถาบัน มือใหญ่ของเดลวางไว้บนไหล่ของอิน่า
「ไม่ต้องกังวล ตอนนี้ยังไม่ได้หรอก แต่เมื่อมันกลับมาเมื่อไรจะเทศน์ให้ยับเลย」
「คุณพ่อ……」
มืออันอบอุ่นที่อยู่บนไหล่อิน่า สีหน้าที่เศร้าหมองของเธอก็ค่อยๆฟื้นคืนกลับมา
「ใช่แล้ว มาทำให้อิน่าต้องอิน่าเศร้าแบบนี้ต้องจัดให้หนัก」
ฮันนะยิ้มและยืดอกเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเธอ
อิน่ายิ้มและพยักหน้าเล็กน้อย
ในเวลานั้นประตูทางเข้าก็ถูกกระแทกเล็กน้อย
「ค่าาา ไม่ทราบว่าเป็นใครคะ?」
มาร์นั้นจากไปแล้วก่อนหน้านี้ ดังนั้นอิน่าจึงสงสัยว่ามีแขกมาแล้วงั้นเหรอ และพอเปิดประตูก็พบกับหญิงสาวผมสีน้ำตาลกำลังหอบหายใจ
「คุณทิม่า……」
「แฮ่ก แฮ่ก … ขอโทษที่มาหายามดึกนะคะ! มาร์คุงกลับมารึยังคะ!?」
บางทีเธออาจจะร้อนรนอย่างมาก ผิวขาวนวลนั้นแดงแจ๋ มีควันออกมาจากปากของเธอ ในคืนฤดูใบไม้ผลิอากาศที่หนาวเย็น เธอหายใจออกทั้งๆที่จ้องมองไปที่อิน่า
「พอดีพี่ดื่มหนักมากก็เลยโดนไล่ออกจากร้านให้ไปสงบสติได้สักพักแล้วค่ะ……」
เมื่อทิม่าได้ยินก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่คลาดกัน
ตอนแรกอิน่าพยายามจะถามเกี่ยวกับมาร์ แต่เธอสัมผัสได้บรรยากาศแปลกๆจากทิม่าเลยถามออกไป
「เอ่อ…วันนี้พี่เขาเปลี่ยนไปตั้งแต่กลับมา จริงอยู่ว่าก่อนหน้านี้พี่เปลี่ยนไป แต่วันนี้เขาทำที่ร้านวุ่นไปหมดเลย..เกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ?」
「นั่นสินะ……」
「…………」
ทิม่าลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของอิน่า ทิม่าเองก็จ้องไปทางอิน่า
เมื่อทิม่าสบตากับอิน่าเธอก็พบกับฮันนะและเดลอยู่ด้วย
พวกเขาต่างจ้องมองมาทางทิม่าซึ่งเผยให้เห็นว่ากังวลเกี่ยวกับมาร์เป็นอย่างมาก
「อา คือ…จริงๆแล้ว……」
ทิม่าที่โดนจับจ้องก็เริ่มพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้
◇◆◇
「ฮะฮะ…ฮึบ!」
มาร์ที่ถูกไล่ออกจากร้าน เมาแล้วเดินไปตามถนนย่านการค้าด้วยท่าทีโซเซ
สถานที่แห่งนี้ต่างจากถนนสายหลักที่ได้รับการทำความสะอาดและมีแสงไฟส่องสว่าง สถานที่แห่งนี้มีแสงไฟสลัวและมีขยะเต็มไปทั่วทุกที่ ความสลัวนั่นทำให้มาร์อุ่นใจ อย่างน้อยก็ไม่อยากให้ใครมาเห็นสภาพน่ารังเกียจเช่นนี้
「เอ่ออ อาาาาาาาา~」
มาร์เอามือพิงผนังเพื่อยันร่างกายเอาไว้
เขานึกถึงเรื่องของโนโซมุด้วยใบหน้าที่โกรธจัด อย่างไรก็ตามเพราะสาเกทำให้หัวของเขาตึบๆ ความรู้สึกนั้นค่อนข้างเบาลงกว่าตอนที่อยู่ที่ร้านแล้ว
แน่นอนว่าโกรธมากที่โนโซมุมันไม่พยายามอย่างเต็มที่เหมือนอย่างเคย แม้จะเกิดวิกฤตกับสหายของตัวเองก็ตามที
อย่างไรก็ตามโนโซมุมันท่าทีแปลกไปเมื่อเร็วๆนี้
โนโซมุมักจะครุ่นคิดอะไรบางอย่าง และพยายามปิดบังทุกสิ่งเอาไว้
มือของข้าที่ทำร้ายโนโซมุลงไป มือข้างขวาข้างนี้
(ไอ้บ้าเอ้ย…….อะไรกันวะ……นี่ไม่เชื่อใจกันขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ……)
อย่างไรก็ตามเหตุผลที่กลับมาเล็กน้อยก็กลืนกินไปด้วยความโกรธ
โนโซมุที่ทำหน้าตากดขี่ตัวเอง เห็นแบบนั้นแล้วก็ยิ่งเดือดดาลกลับไปเป็นตัวตนเก่าๆอีกแล้ว
แต่ในขณะเดียวกันมาร์เองก็รู้สึกสมเพชตัวเอง
มาร์ค่อยๆเร่งความเคิดของเขา ทุกข์ทรมานจากความโกรธที่โนโซมุสร้างขึ้นและทำเขาผิดหวัง เขาไม่เข้าใจอะไรเกี่ยวกับหมอนั่นเลย ยังไงก็ตามมีเสียงเรียกจากด้านหลัง
「หยุดเถอะนะคะ!」
「ไม่เป็นไรหรอก ก็แค่อยากจะออกมาเดินเล่นยามดึกเองนะ?」
「มาเล่นกับพวกเราดีกว่านะ? จะทำให้สนุกยันหว่างเลย!」
ข้าได้ยินเสียงผู้หญิงกำลังร้องขอความช่วยเหลือและเสียงผู้ชายที่ดูหยาบกร้าน มาร์เดินตามไปด้วยท่าทางอันโซเซ ในไม่ช้าเขาก็เห็นชายหนุ่มที่อายุพอๆกันกับเขา
พวกเขาห้อมล้อมผู้หญิงคนนั้นและพยายามโต้เถียงกันอยู่
มันเป็นสถานที่ไร้คนสัญจร เป็นที่อโคจรไม่ควรจะมาเดินเล่นในที่แบบนี้ เห็นได้ชัดว่าฝ่ายหญิงไม่มีท่าทีจะเล่นกับฝ่ายชาย
ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้ามันเลวทรามทั้งพฤติกรรมและรูปลักษณ์มันเป็นคนที่เขารู้จักดี
「……พวกนายกำลังทำอะไร」
มาร์จ้องมองชายสองคนที่อยู่ใกล้กับผู้หญิงมากที่สุด ท่ามกลางพวกนั้นเคยเป็นพวกที่เคยติดตามมาร์
「หาาาา?……มีอะไรงั้นเหรอมาร์?」
「แค่เห็นก็น่าจะรู้แล้วนี่หว่า? ก็จะเล่นกับผู้หญิงคนนี้ไง」
「ปล่อยฉันนะ!」
ชายคนนั้นคว้าแขนของผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงคนนั้นพยายามสลัดแขนออก เธอเป็นนักเรียนของสถาบันโซลมินาติห้อง 10 เธอคนเดียวไม่รอดแน่ๆ
ตรงกันข้ามฝ่ายชายมันกำลังทำท่าทางตื่นเต้นกับการขัดขืนของเธอมันตบหน้าเธอคนนั้นและพยายามเอามือล้วงเข้าไปในหน้าอกและก้นของเธอ
「วู้ยยยยยยยยย~~。ร่างกายนี่มันยอดไปเลยไม่ใช่เหรอ! ชักเครื่องติดแล้วโว้ย」
「อาาาาาาา! ดูท่าจะได้มันส์ยันหว่างจริงๆวะอย่าปล่อยมันไปเชียวนะ」
「ไม่ ไม่ ไม่น้าาาาาาาาาา……」
เธอที่ทำท่าทางกลัวก็ล้มลงไปนั่งอยู่กับพื้น
「ไม่เป็นไรหรอกน่า …ครั้งแรกในเมืองก็ดีไม่ใช่เหรอไง? มาสร้างความทรงจำดีๆกันเถอะ……」
คำพูดนั่นออกความเห็นโดยไม่คำนึงถึงฝ่ายหญิงเลยแม้แต่น้อย ชายอีกคนที่อยู่ด้านข้างพยายามปลดเปลื้องเสื้อผ้าของผู้หญิง อย่างไรก็ตามอดีตคนติดตามก็โดนต่อยจนปลิวไป
「มาร์!แกกกกกกกกก!ทำบ้าอะไรของแกวะ!」
คือมาร์เองที่พุ่งเข้าไปซัดหน้าผู้ติดตามของเขา หมอนั่นล้มลงกระเด็นไปจนปลิวไปโดนคนที่เหลือ
「น่ารำคาญโว้ยพวกแกเนี่ย ตอนนี้ยิ่งเดือดๆอยู่ พอมาเห็นหน้าพวกแกแล้วแม่งยิ่งหงุดหงิดสุดๆไปเลยวะ……」
พวกมันต่างจ้องมาร์ที่มาร์แต่มาร์ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร
อดีตผู้ติดตามของมาร์รู้ดีว่าความสามารถของมาร์เป็นยังไง
「เหหหห…อยากจะสู้กับตรูยังงั้นเหรอ?」
「เฮ้ย!พูดอะไรของพวกแกนะหาาา แต่ก่อนทำได้แค่เลียแข้งเลียขาไปวันๆ เดี๋ยวนี้หัดหันเขี้ยวแว้งกัดงั้นเหรอวะ!」
มาร์เปิดปากพูดขึ้น อารมณ์ในตอนนี้คืออยากจะซัดหน้าพวกแม่งให้หมดเพื่อระบายความหงุดหงิดในตอนนี้
「…………」
「เหอะ กับอีคนแบบแกเนี่ยที่ไปอยู่กับไอ้เศษเดนนั่นอะนะ……」
พอหมอนั่นพูดถึงโนโซมุขึ้นมา มาร์ก็วิ่งเข้าไปซัดหน้าทันที
นั่นเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นทะเลาะวิวาท ชั่วขณะหนึ่ง เสียงกระทบกระทั่งกันก็ดังขึ้นภายในตรอกด้านหลัง
◇◆◇
「อัก! ไอหมอนั่น……」
มาร์ที่ทะเลาะกับอดีตผู้ติดตามตัวเอง ไม่ได้กลับไปที่ถนนสายหลัก แต่นั่งลงที่ตรอกด้านหลังโดนหันหลังพิงกำแพง
ใบหน้าที่โดนต่อยบวมตามที่ต่างๆและเมื่อสัมผัสก็จะรู้สึกเจ็บแปล๊บ
การทะเลาะวิวาทจบลงเพราะการหนีไปของหญิงสาวที่ไปเรียกทหารยามมา
บางทีอาจจะเป็นเพราะไม่พอใจที่จะต้องมาจับเหล่านักเรียน พวกนั้นก็เลยหนีไปอย่างรวดเร็ว
มาร์ที่ซัดกับพวกเกเรทั้ง 10 คน แต่ว่าเขาสู้ได้ไม่ดีนักเพราะเมาหนัก
ด้วยเหตุนี้จึงจบลงด้วยการโดนซัดซ้ำๆและจบลงด้วยบาดแผลเต็มหน้า ตัวข้ายังคงสั่นและเจ็บอยู่
(……นี่ตรูทำบ้าอะไรอยู่กันวะเนี่ย……)
มาร์หัวเราะเยาะเย้ยตัวเองที่จู่ๆก็ไปสู้กับอดีตผู้ติดตามของตัวเอง
หากมองจากด้านข้าง มาร์ก็เหมือนพระเอกขี่ม้าขาวไปช่วยหญิงสาวคนนั้น แต่เขาไม่ได้สนใจเธอเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่คิดว่าอยากซัดหน้าพวกนั้นให้หมอบลงเพื่อระบายความหงุดหงิด
(…………)
มาร์ที่ใจเย็นลงหลังจากได้ระบายอารมณ์แล้ว แต่ก็รู้สึกผิดขึ้นมาที่ไปต่อยโนโซมุเพราะความโกรธ
ถึงกระนั้นความโกรธที่ยังลุกโชนมันยังไม่หายไป
มาร์ที่เป็นตัวตนค่อนข้างแข็งแกร่ง กลับมีเรื่องหนักใจและพยายามไม่ก่อเรื่อง แต่ตอนนี้มันก็อดใจไม่ไหว
ตัวเขาเองรู้ว่าความโกรธที่เขาปลดปล่อยออกไปมันรุนแรงเกินเหตุ แต่ว่าก็ไม่สามารถคุมตัวเองได้จริงๆ
แม้กระทั่ง ความโกรธที่มีต่อโนโซมุเขายังควบคุมมันไม่ได้และซัดหน้าโนโซมุไป เขาเองก็รู้สึกผิดที่ทำเช่นนั้นได้แต่กัดฟันและกำหมัดแน่น
(ให้ตายสิ…มาลงอีหรอบนี้ทุกทีเลยวะ……)
“ความโกรธ” โกรธตัวเองที่ควบคุมมันไม่ได้ ความรู้สึกต่อทุกสิ่งทุกอย่างมันกลายเป็นความโกรธและกัดเซาะจิดใจของเขา
(เธอคงจะตกใจละสิ……。ตัวข้าเองก็ขับเคลื่อนด้วยเพราะสิ่งนี้……)
ใบหน้าของทิม่าเองยังคงอยู่ในใจเขา
เธอที่สอนเวทย์ให้ข้า เธอที่คอยเป็นห่วงข้า ตัวข้าที่เอาพลังของเธอมาใช้ด้วยความเห็นแก่ตัว
ตัวตนที่แข็งแกร่งก็มักจะมีจิตใจที่เข้มแข็ง แต่ตัวเขามันตรงกันข้ามเป็นคนใจร้อน
สุดท้ายแล้วก็ทำให้เธอผิดหวัง
ไม่สนใจคำแนะนำของเธอและพยายามใช้มันออกมา ทำให้เธอต้องลำบากใจและสร้างภาระให้เธอที่เป็นคู่หูของข้าเป็นอย่างมาก เหล่าเพื่อนๆเองก็ไม่อยากจะให้ข้าใช้มัน
ยังไงก็ตามความโกรธที่มีต่อหมอนั่นก็เป็นของจริง
(ขอโทษจริงๆนะ……)
เสียงหัวเราะแห้งๆเล็ดลอดออกจากปากของมาร์ ในขณะนั้นเองมาร์ก็รู้สึกได้ว่ามีคนกำลังวิ่งมา
「แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก เจอมาร์คุงแล้ว」
จู่ๆก็โดนเรียกและเมื่อแหงนมองก็เจอกับหญิงสาวที่ข้านึกถึง
เขาที่รู้ว่าทำให้ตัวเธอต้องโกรธ แต่ตัวเธอก็ยังคงยิ้มให้
ทิม่าเดินไปข้างๆข้าและนั่งลง
「…………」
「…………」
มาร์และทิม่าต่างเงียบมีเพียงเสียงของถนนสายหลักที่ดังครึกครื้น
ทั้งสองเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเป็นทิม่าที่ถามอะไรบางอย่างออกมา
「มาร์คุง ฉันได้ยินเรื่องราวทั้งหมดจากพ่อแม่ของเธอและอิน่าแล้วละคะ เรื่องพ่อแม่จริงๆของเธอน่ะ……」
「เอ๋!แล้วมีใครได้ยินเรื่องนั้นอีกบ้าง!!」
มาร์ขึ้นเสียงถามทิม่าโดยไม่ได้ตั้งใจ มีเพียงครอบครัวของเขาที่ทราบเรื่องนี้
「……หลังเลิกเรียน ฉันไปที่ร้านมาค่ะเพื่อตามหามาร์คุง ฮันนะและคนอื่นๆที่เห็นสถานการณ์เปลี่ยนไปก็เลยมาคุยกับฉันคะ……」
「……งั้นเหรอ!」
เมื่อฮันนะและคนในครอบครัวได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้น พวกเขาฟังเรื่องราวด้วยสีหน้าจริงจังและเมื่อพูดถึงอิน่าแล้ว พวกเขานั้นยึดติดกับฮันนะราวกับกลัวอะไรบางอย่าง
หลังจากสูดหายใจเฮือกใหญ่ เดลก็เริ่มพูดถึงอดีตของมาร์และอิน่าอย่างช้าๆ
ฮันนะและเดลไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริงของมาร์และอิน่า
แม่ของมาร์และอิน่าเสียชีวิตจากโรคระบาดตั้งแต่มาร์ยังเด็ก
หลังจากนั้นพ่อที่เสียภรรยาไปก็รู้สึกผิดหวังและเริ่มติดเหล้าจากนั้นก็ไปผัวพันกับหญิงสาวคนหนึ่งจนไม่ค่อยกลับบ้าน
พ่อที่สองสามวันกลับบ้านที พอกลับมาถึงบ้านก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง
มาร์และอิน่าที่เห็นพ่อตัวเองออกไปข้างนอกก็มองด้วยความสิ้นหวัง พ่อออกจากบ้านไปและพูดโดยไม่เหลือเยื่อใยดีๆต่อกันเลยแม้แต่น้อย
พ่อใช้ความรุนแรงกับมาร์และอิน่าอย่างไร้เหตุผล
อยู่มาวันหนึ่งเมื่อวันเหล่านั้นดำเนินต่อไปประมาณ 1 ปี ในที่สุดพ่อก็ไม่กลับบ้านมาอีก ได้ยินภายหลังปรากฏว่าหนีไปอีกเมืองแล้วและไปพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่งที่พบเจอในบาร์
หลังจากนั้นญาติๆก็คุยกันว่าจะทำยังไงกับทั้งสองที่เสียทั้งพ่อและแม่ไป แต่สิ่งที่พูดคุยนั้นเป็นแรงกดดันให้ทั้งสองที่โดนพ่อตัวเองทิ้งไป
ในขณะนั้นความวิตกกังวลต่างๆเนื่องจากผลกระทบจากการรุนรานครั้งใหญ่ทำให้ญาติทุกคนไม่สามารถปกป้องบ้านของตัวเองได้ พวกเขาไม่สนญาติพี่น้องที่เหลือต่างสาปแช่งกรนด่าพวกเขาด้วยความเกลียดชังว่าเป็นดั่งตัวหายนะ
มันเป็นช่วงเวลานั้นเองที่ มาร์เริ่มมีไฟแห่งความโกรธเผาไหม้อยู่ในจิตใจขณะที่อุ้มอิน่าตัวน้อย
อย่างไรก็ตามขณะนั้นจู่ๆก็มีผู้หญิงคนหนึ่งกรีดร้องขึ้นมาขัดจังหวะที่กำลังคุยกัน
เธอเป็นป้าในละแวกบ้านที่คุ้ยเคยตอนแม่ของมาร์ยังมีชีวิตอยู่ และทั้งคู่มักจะได้รับการดูแลจากพวกเขาเสมอ
เมื่อเธอคุยกับเหล่าญาติๆของมาร์ เธอมองมาร์ที่พวกเขาและบอกว่า “ฉันจะเอาสองคนนี้ไปเลี้ยงเอง”แล้วพาพวกเขากลับบ้าน
สามีของเธอเองก็ตกใจที่จู่ๆก็พาเด็กกลับมาบ้าน ทั้งสองพยายามจะมีลูกแต่ก็มีไม่ได้ สามีเธอก็พยักหน้ารับหน้าและบอกจะดูแลทั้งสองคน
ในเวลานั้นเองซึ่งก็คือฮันนะและเดลที่เป็นพามาร์และอิน่ามาเลี้ยงดู
◇◆◇
เมื่อได้ยินเรื่องราวทิม่าก็ตกใจอย่างมาก
เป็นความจริงที่อิน่าและฮันนะมักจะโกรธมาร์ เป็นไปได้ที่ทั้งสองครอบครัวจะเชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้ง และทิม่าก็รู้สึกว่าที่บ้านเองก็ไว้วางใจพวกเขาสองคนมาก อันที่จริงได้ยินด้วยว่ามาร์ไม่เคยยอมพาใครมาที่ร้านของตนเองเลยถ้าไม่เปิดใจจริงๆ
แม้ว่าจะเชื่อฟังแค่ไหนแต่มันไม่ใช่ความเชื่อใจ
หลังจากได้ยินเรื่องราว ทิม่าก็รู้เลยที่มาร์ทำลงไปเพราะความเป็นห่วง
บาดแผลของเขาที่ยังเยาว์วัย มันเป็นข้อเท็จจริงที่ว่าเขาพยายามปกป้องครอบครัวให้ออกห่างจากเหล่าคนชั่ว
「……ข้าน่ะอยากจะแข็งแกร่งขึ้น อยากจะแข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะความไร้เหตุผลเหล่านั้น ในใจข้าคิดว่าโนโซมุนั้นมีพลังเพียงพอเช่นเดียวกับทิม่า。」
นั่นอาจเป็นเหตุผลที่แท้จริงที่เขาแสวงหาพลังและเขาก็อิจฉาคนที่มีพลังเหล่านั้น
「ข้าคิดว่าถ้าเธอสอนเวทย์ให้และได้รับพลังนั้นมา แต่นั่นเป็นความเข้าใจผิด…ถึงอย่างงั้นก็ควบคุมความโกรธไม่ได้เลย」
「…………」
ทิม่าที่นั่งอยู่ข้างๆก็นั่งฟังเงียบๆ
「……มันเป็นเรื่องราวที่น่าสมเพชใช่ไหมละ ปล่อยให้ความโกรธครอบงำเหมือนกับไอเวรนั่น……」
「……มาร์คุง」
ความเสียใจและความผิดหวังของมาร์ วันที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้มันยังฝังแน่นอยู่ในใจ ความอิจฉาต่อเพื่อนๆที่มีพลังมากมาย ความผิดที่ข้าได้ทำลงไป ความคิดที่ครั้งหนึ่งเลยเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาระบายออกมาให้ใครคนหนึ่งได้ยิน
「โนโซมุวันนี้ก็เช่นกัน สาเหตุคือถ้าข้าแก้ไขเหตุการณ์นั่นได้ ข้าอุตสาห์ภูมิใจที่ใช้นั่นได้จริงๆ แต่ตอนนั้นหากปล่อยให้ซีน่าและคนอื่นๆจัดการเรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น……」
มาร์กัดฟันแน่น เลือดหยดลงในหมัดของเขา
ทิม่าค่อยๆวางมือของเธอไว้บนกำปั้นของมาร์
「…………」
「ทิม่า?」
มาร์เอียงคอด้วยความสงสัย
ทิม่าจับมือของมาร์และเปิดปากพูด จ้องมองเขาตรงๆ
「ใจจริงฉันรู้นะคะ? มาร์คุงเป็นคนที่ใจดี ทุกๆคนเองก็รู้ ทั้ง ไอ โนโซมุ โซเมีย ซีน่าซัง……」
ทิม่าค่อยๆพูดออกมา
「มาร์คุงน่ะ มือข้างนี้ใช่ไหมละคะที่ใช้ปกป้องฉันตอนที่สู้กับรูกาโต้…แถมยังช่วยเพื่อนของฉันเอาไว้」
มือของทิม่าที่ค่อนข้างเย็น อย่างไรก็ตามเขารู้สึกได้ว่ามันอบอุ่นขึ้น หัวใจที่แข็งกร้าวของมาร์ค่อยๆละลายลง
「มาร์คุงอาจจะทำผิดพลาดไปบ้างก็จริง แต่อย่างน้อยมันก็ออกมาดีไม่ใช่เหรอไงคะ เพราะงั้นพวกโนโซมุและเราถึงได้มาอยู่ตรงนี้?」
มาร์จ้องหน้าทิม่าด้วยความประหลาดใจ
ยามที่พ่อแม่ที่แท้จริงจากไปตัวเขาก็ไม่สามารถก้าวเดินต่อไปได้ มาร์ไม่เคยคิดจะลดละความโกรธที่มีในใจลงเลยแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม โนโซมุยังคงอยู่ เขาน่าจะยังอยู่ในเมืองนี้ มาร์อยากจะพบกับโนโซมุอีกสักครั้ง
「……ถ้าไปตอนนี้จะทันไหม?」
มาร์ถามทิม่าเพื่อให้แน่ใจ เธอตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
「น่าจะทันอยู่ค่ะ ใช่แล้วล่ะคะ ไปกันเถอะคราวนี้พวกเราไปเจอกับโนโซมุและไปบอกกับเขาด้วยตัวเองว่า “นายปิดบังอะไรไว้กันแน่”ค่ะ」
「เอะ….เลียนแบบข้ารึไงกัน?」
มาร์ที่จู่ๆก็โดนทิม่าเลียนแบบ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
มาร์หลับตาลงอีกครั้งและสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อจัดระบบความคิดอีกครั้ง
มาร์สูดหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ ราวกับจะขจัดความขุ่นมัวในใจ เขาลืมตาราวกับตัดสินใจได้แล้วและยืนขึ้นมา
「……นั่นสินะ ไปเจอหมอนั่นและต้องขอโทษ และก็ต้องบอกมันว่า “มีอะไรปิดบังไว้กันแน่หะ”」
รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความกล้าปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา มันเป็นรูปลักษณ์ที่เหมาะกับเขาจริงๆ
ทิม่าเองก็ยิ้มตาม ราวกับกำลังคิดในเรื่องเดียวกัน
“ไปเจอโนโซมุอีกครั้ง และขอโทษเขา แล้วก็ให้เขาบอกเรื่องที่ปิดบังทุกอย่างไว้”
「ยังไงก็ต้องไปตามหาไอ้หมอนั่นสินะ……」
「ใช่ ไอและคนอื่นๆเองก็ไปหารอบๆเมืองเลย ฉันเองก็ต้อง…อึก!」
ทั้งสองพยายามจะไปตามหาโนโซมุ อย่างไรก็ตาม ทิม่าก็มีท่าทีโซเซ
มาร์รีบเข้าไปพยุงร่างของเธอทันทีอย่างเร่งรีบและจ้องมองลงที่ข้อเท้าของเธอ ใบหน้าของทิม่าแดงก่ำ
「เธอ…ข้อเท้ามัน」
มาร์จ้องมองไปที่ข้อเท้าของทิม่าด้วยความตกตะลึง
ใบหน้าของเขาเริ่มแสดงความเจ็บปวดออกมาอีกครั้ง อาการบาดเจ็บที่เกิดจากการที่เขาผลักเธอในตอนนั้น
「เอ๋!? อาาา! แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกนะ เจ็บมาสักพักหนึ่งแล้ว หายปวดแล้วล่ะคะ……」
ทิม่าร้อนรนเมื่อสังเกตเห็นมาร์ที่จ้องมองขาของเธอ แต่มาร์เองก็ตะคอกใส่ทิม่า
「ยัยบ้า! นี่มันไม่ดีขึ้นเลยสักนิด! มันแย่ลงยิ่งกว่าเก่าอีกไม่ใช่เหรอไง!」
「เอ๋! เดี๋ยวสิ! มาร์คุงงงง!?」
มาร์วางมือบนไหล่และขาของเธอ กอดเธอไว้และเริ่มวิ่งอย่างรวดเร็วจุดหมายคือร้านของเขาเอง
ในหัวของเขาคิดเรื่องแต่วิธีรักษาข้อเท้าของเธอ ใบหน้าของทิม่าเปลี่ยนเป็นสีแดงสดเพราะตอนนี้อยู่ในท่าอุ้มเจ้าหญิง
「ยังไงก็ตาม! รีบกลับบ้านไปทำแผลให้เธอก่อน!」
「เอออออออออ๋! เดี๋ยวสิ เดี๋ยว! ……คิย๊าาาาาาาาาาา!」
มาร์วิ่งไปทั่วเมืองตอนกลางคืนขณะฟังเสียงกรีดร้องของทิม่า
อย่างไรก็ตามหลังจากมาถึงร้านแล้วและรักษาข้อเท้าทิม่า เขาก็ถูกฮันนะและอิน่าต่อว่า เขาถูกทั้งสองคนให้อุ้มท่าเจ้าหญิงเหมือนเดิมและใบหน้าก็แดงระเรื่อกันทั้งคู่