โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” – ตอนที่ 88

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

บทที่6ตอนที่ 5

หลังเลิกเรียน อันริกำลังเดินไปตามทางเดินพร้อมกับสิ่งของมากมายทำให้มองไม่เห็นทางเดินข้างหน้า

สิ่งพวกนี้คือของที่เธอยืมมาจากห้องสมุดและห้องอ้างอิงเพื่อใช้จัดระเบียบสื่อการสอนของเธอ แต่ถ้ายืมไปด้วยปริมาณขนาดนี้มันก็คงจะผิดสังเกตชาวบ้านง่ายๆเลย

อาจารย์อันริเดินไปตามทางเดินข้างหน้าพร้อมกับระวังอันตราย

กองวัสดุนั้นสูงเทียบเท่ากับส่วนบนของร่างกายของเธอเลย และส่วนบนก็แกว่งไปมาจนมันจะหล่นอยู่แล้ว

 

「อะ เออออออออออ๋ เอออออออออออออออออออ๋?」

 

แน่นอนว่าตัวยอดกองวัสดุนั้นสั่นคลอน

อันริรีบปรับสมดุลร่างกาย แต่เมื่อกองวัสดุที่ถูกปรับสมดุลมันเริ่มพังทลายลงมาและตกลงมาราวกับหิมะถล่ม

 

「อูยยยยยยยยยยยยยยยย~~」

 

เสียงแห่งความเจ็บปวดของอันริดังก้องไปทั่วทางเดินอันกว้างขวาง

กองวัสดุกระจัดกระจายไปทั่วพื้น ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ใช่คนเดียวที่ถือหนังสือจำนวนมาก

เมื่อมองไปที่พื้น ก็จะพบกับหนังสือเรียนเก่าๆและแผ่นหนังที่มีอะไรเขียนอยู่ มีก้อนแร่กระจัดกระจายและไม่สามารถทำความเข้าใจได้ และอะไรก็ไม่รู้

ไม่มีความเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใดเลยหากมองแวบแรกมันเหมือนกับขยะ แต่ทันใดนั้นอันริก็รีบเก็บทุกอย่างพร้อมกับน้ำตาคลอ

 

「อูยยยยยยยยยยย ดวงซวยชะมัดเลย~~」

 

ขณะนั้นเองที่อันริกำลังเก็บของอยู่ก็มีคนยื่นมือเข้ามาช่วย

 

「เอ๊ะ?」

 

เมื่ออันริหันไปมองเจ้าของมือก็พบกับชายวัยกลางคนสวมชุดเกราะสีเงิน

 

「สบายดีไหมครับ อาจารย์อันริ」

 

「อาจารย์จิฮัด ขอบคุณมากเลยนะคะ~」

 

จิฮัดที่เหมือนจะบังเอิญเดินผ่านมาเห็นท่าทางอันแสนงี่เง่าของอันริ อันริที่เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มเจื้อนๆ

เมื่อจิฮัดเก็บของทั้งหมดที่ตกลงมาเสร็จแล้ว เขาก็ถามอันริเกี่ยวกับของที่เธอหยิบมา

 

「แล้วจะเอาไปไว้ที่ไหนล่ะ?」

 

「เอ๋ ไม่เป็นไรเหรอคะ~?」

 

อันริเองก็เป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของโรงเรียนนี้และสงสัยว่าเป็นการดีหรือเปล่าที่จะให้ผอ.โรงเรียนมาช่วยขนของ แต่จิฮัดดูไม่สนใจ

 

「อา ไม่เป็นไรหรอก」

 

「ขอบคุณค่ะ~หนี้ครั้งนี้จะต้องชดใช้ให้ได้ค่ะ~」

 

ขณะกล่าวเช่นนั้น อันริที่แบกของลดลงครึ่งหนึ่งก็พยายามไม่ทำให้หล่นอีกครั้ง

ทั้งสองคนก็อายุพอๆกัน จากนั้นก็ไปยังห้องอ้างอิง

อันรินั้นเป็นคนสบายๆเดินไม่เร็ว จิฮัดจึงได้ปรับก้าวย่างให้เข้ากับเธอ

 

「อาจารย์อันริ พอดีผมมีเรื่องจะถามไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?」

 

「ค่าาา ได้เลยค่า~」

 

จิฮัดดูจะกังวลเกี่ยวกับบางอย่าง ดังนั้นเลยเรียกอันริ

อันที่จริงแล้ว จิฮัดมีเรื่องเกี่ยวกับการฝึกพิเศษครั้งก่อน แต่หลังจากจัดการปัญหาต่างๆเล็กน้อยๆก็ไม่ค่อยได้มีเวลาเลย

ตอนนั้นก็บังเอิญมาเจอกับเธอเข้าและได้คุยกัน

 

「อาจารย์อันริ คุณทราบผลการฝึกพิเศษครั้งล่าสุดรึเปล่า?」

 

「ค่า~ค่อนข้างตกใจมากเลยนะคะ~」

 

อันริพูดแบบนั้น เป็นคำที่ตรงไปตรงมาโดยไม่มีนัยอื่นแฝง เธอยินดีอย่างยิ่งที่นักเรียนเติบโตขึ้น

 

「ความจริงแล้วผลลัพธ์นั่นไม่คาดคิดเลยล่ะ นักเรียนห้อง 10 ดันแสดงความสามารถเทียบเท่ากับห้อง 1 เป็นประวัติศาสตร์อันเหลือเชื่อ แถมไม่น่าจะเคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาก่อนแน่นอน」

 

แม้ว่าประวัติของสถาบันโซลมินาติจะสั้น แต่ก็ผลิตบุคลากรจำนวนมากออกนอกประเทศ

สถาบันแห่งนี้ยึดมั่นในคุณธรรมอันดีงามและชีวิตสถาบันในฝัน

เดิมทีสถาบันโซลมินาติมีเป้าหมายเพื่อค้นหาบุคลากรที่มีความสามารถหลับไหลอยู่

ไม่ใช่ว่าจู่ๆจะมีนักเรียนมากความสามารถโผล่มาเองเฉยๆ แต่นักเรียนทุกคนจะต้องพัฒนาความสามารถจากความยากลำบากก้าวผ่านสถานการณ์ต่างๆจนกลายเป็นคนที่แข็งแกร่ง

ไม่เพียงแต่ช่วงชีวิตวัยเรียน แต่ยังรวมถึงจิฮัดและตัวเธอเองด้วย เธอเองก็พบกับบุคคลแบบนั้นบ่อยๆ

อย่างไรก็ตามมีหลายเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้น ทำให้จิฮัดกังวลเกี่ยวกับเด็กคนนั้น

 

「หมายถึงโนโซมุคุงเหรอคะ~?」

 

อันริที่สังเกตเห็นถึงท่าทางของจิฮัดก็ถามแบบนั้น

จิฮัดพยักหน้า

 

「สำหรับผลลัพธ์ในครั้งนี้ เขาเป็นแรกผลักดันให้กับพวกเรา พวกเขาได้ต่อสู้กับเธอและโดนกดขี่มากมาย และแม้ว่าจะมีเพื่อนของเขาคนหนึ่งต้องถูกตัดสิทธิ์ แต่พวกเขาก็เอาชนะเธอได้ ซึ่งเป็นเป้าหมายพิเศษ พูดตรงๆจะเมินเฉยมันก็ยังไงอยู่」

 

จิฮัดได้ยินชื่อโนโซมุเป็นครั้งแรกเนื่องจากกรณีของสัตว์อสูรสีดำ เขาเป็นคนถ่วงเวลาและให้เพื่อนหนีไปในช่วงเวลานั้น

ตอนแรก เขาก็ไม่คิดว่าเขาจะได้รับความช่วยเหลือจากโชค แต่จากผลของการฝึกนี่ จิฮัดเห็นได้ว่าเป็นสิ่งอย่างอื่นที่ไม่ได้มาจากโชคแล้ว

 

「ตอนนั้น~ก็เป็นคนน่ารักและจริงใจ~บางครั้งก็เป็นคนไร้เหตุผลเกินไปด้วยล่ะ~、ฉันเองก็คิดว่าคงจะดีว่าถ้าจะวัดความสามารถของเขาจากการต่อสู้จริง ! แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะทำงานเป็นทีมได้เก่งมากทำให้นักเรียนเหล่านั้นต่อสู้กับพวกชั้นอื่นๆได้~」

 

จิฮัดหรี่ตาลงกับคำพูดนั่น

เป็นที่เข้าใจว่าสถานการณ์นั้นมันดีมากอย่างแน่นอน และเป็นการยากมากการที่จะเอาชนะอันริที่เป็นนักผจญภัยที่มีความสามารถระดับท็อปของแรงค์ A  เพียงแค่กดดันให้พวกเขาได้ทำงานเป็นทีมอย่างเต็มที่อยู่นั่นอย่างเต็มที่และรับมือได้อย่างดี

ความจริงที่ว่าความสามารถของ โนโซมุ เบลาตี้นั้นถูกประเมินไว้สูงมาก

 

「……แล้วการที่เขาได้เกรดแบบนี้ที่โรงเรียนมันคืออะไร?」

 

「ด้วยคุณสมบัติของโนโซมุ เขาไม่สามารถแสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ในสถาบันได้ ในแง่นั้น คิดว่าการฝึกข้างนอกเป็นการที่ทำให้เขาได้แสดงความสามารถอย่างแท้จริงค่ะ~」

 

「อืม เพราะพันธนาการนั่นเหรอ……」

 

ความสามารถของเขา จิฮัดคิดว่ามันคือพันธนาการ

แน่นอนหากโดนลดความสามารถตามปกติให้ต่ำลง พลังเวทย์และความสามารถทางกายภาพ มันก็เป็นการยากที่จะเป็นเพราะเรียนสกิลส่วนตัวของเขา ด้วยเหตุนี้ จึงคิดว่าเพราะแบบนั้นก็ได้ใช้ความสามารถอื่นๆในการตัดสินใจสถานการณ์ กลยุทธ์รับมือและสกิลอื่นๆที่เขาสามารถแสดงให้เห็นด้านนอกได้

อันที่จริงความสามารถในการตัดสินใจของเขานั้นมาจากการฝึกฝนของชิโนะและกลวิธีต่างๆเป็นผลมาจากการเรียนในคาบอย่างหนัก

นอกจากนั้น ยังเป็นเรื่องใหญ่ที่โนโซมุนั้นต้องยับยั้งตัวเองจากการใช้แฟนท่อม

จิฮัดถามรายละเอียดถึงการต่อสู้ระหว่างอันริและพวกโนโซมุ

 

「อันที่จริงเป็นชัยชนะจากการที่ทำลายจี้สินะ? เพราะแบบนั้นพวกเขาเลยเอาชนะเธอได้」

 

「อืมมมมนั่นสินะคะ~」

 

เมื่อถูกถามเกี่ยวกับเนื้อหาเฉพาะ จิฮัดก็พยักหน้าเล็กน้อย

เงื่อนไขการตัดสิทธิ์เเป้าหมายคือการสร้างความเสียหายจำนวนหนึ่งแก่เป้าหมายหรือไม่ก็ทำให้จี้สร้อยคอที่เก็บไว้ถูกทำลาย โนโซมุและคนอื่นๆที่เจอคนที่มีความสามารถมากกว่าตัวเอง เลือกที่จะทำลายจี้นั่น และเป็นวิธีการที่สุดในการคว้าชัยชนะมาในครั้งเดียว

นอกจากนี้ยังสามารถทำให้ผลลัพธ์ไปได้ด้วยดี ปกติก็ไม่คิดหรอกใครจะใช้นักเวทย์มาเป็นโล่กำบังและลุยทะลุมุ่งเข้าหาและล็อคการเคลื่อนไหว

แม้ว่าจะค่อนข้างไร้เหตุผลและดูหยาบกระด้าง แต่ก็ทำให้เหนือการคาดการณ์ของอีกฝ่าย

มันเป็นการต่อสู้ที่ไม่คิดว่าจะเจอคู่ต่อสู้ที่ทำแบบนั้น และพวกเขาก็เพิ่งเอาชนะห้อง 4 มาได้ก่อนจะเจอกับอันริ

มันคงเพียงพอแล้วถ้าสามารถทำเช่นนั้นได้

 

「ฮึ่ม….แล้วข่าวลือนั่นหมายความว่ายังไง? เท่าที่ได้ยินจากข่าวลือ เขาไม่ใช่คนแบบนั้นเลยนะต……」

 

ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็เรื่องข่าวลือที่จิฮัดเป็นกังวล

เรื่องที่ทำให้เขาต้องอยู่อย่างเดียวดาย

 

「ข่าวลือก็แค่ข่าวลือ~มันเป็นเรื่องปรุงแต่งขึ้นมา~」

 

「เอ๊ะ……」

 

จิฮัดเงียบพร้อมกับครุ่นคิด

ความคิดต่างๆผุดขึ้นในใจเขาและหายไป อันริมองขึ้นไปที่จิฮัดรงหน้าพร้อมกับไตร่ตรอง

เมื่อเขามองขึ้นไป เขาก็เห็นป้ายห้องอ้างอิงและมาถึงห้องเป้าหมายแล้ว

เปิดประตูห้องอ้างอิง เข้าไปข้างในและวางวัสดุต่างๆบนโต๊ะตรงหน้า จากนั้นจิฮัดก็หันไปมองอันริ

 

「ขอบคุณนะ อาจารย์อันริ ได้ยินเรื่องดีๆมาด้วยล่ะ」

 

「ไม่หรอกค่ะ」

 

อันริวางเอกสารบนโต๊ะเหมือนจิฮัดและเริ่มจัดระเบียบขณะที่เธอจัดระเบียบ จิฮัดก็วางมือบนคางและครุ่นคิด

เมื่อเธอมองเขาก็คิดว่า อันริก็คิดได้ขึ้นมา

 

「นั่นสินะคะ คุณจิฮัด หากต้องการเห็นความสามารถเขาตรงๆดิฉันมีวิธีดีๆอยู่นะคะ~」

 

「วิธีดีๆงั้นเหรอ?」

 

「ใช่แล้วค่ะ ความสามารถของโนโซมุที่ไม่สามารถเข้าใจได้ในรายงานเท่านั้น มันเป็นวิธีการต่อสู้ดั้งเดิมของเขา ซึ่งไม่สามารถเห็นได้ง่ายๆในสถาบันนะคะ~」

 

จิฮัดขมวดคิ้วกับคำพูดของอันริ จากเรื่องก่อนหน้านี้เธอประทับใจที่เขายังเข้าใจในตัวโนโซมุ

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากคำพูดของเธอในตอนนี้ ก็ดูจะไม่เป็นเช่นนั้น

อีกอย่าง เขาเองก็ได้รับดาบเล่มนั้นมาแล้วด้วยเป็นการดีที่จะทดสอบ

หากเป็นผู้บัญชาการส่วนมากจะยืนอยู่ตำแหน่งหลังเลยไม่ค่อยเห็นความสามารถ โดยปกติพวกที่อยู่แนวหลังก็จะใช้พวกคันธนู

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขามีในตอนนี้คือดาบที่หาได้ยากอย่างยิ่งในทวีปนี้

เนื่องจากข่าวลือแพร่สะบัดในสถาบัน จึงไม่มีใครอยากเป็นเพื่อนกับเขา และคงจะแปลกถ้าเขาต้องต่อสู้ระยะประชิดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากนั้นก็ควรจะมีดาบยาวและมีดสั้นที่พกพาได้สะดวก หอกที่สามารถเข้าหาอีกฝ่าย และจะทำให้กังวลที่จะเลือกเทคนิคดาบที่จะต้องใช้เวลาและความพยายามในการเรียนรู้

ความขัดแย้งแปลกๆกับโนโซมุ เบลาตี้ บางที อันริเองก็รู้เรื่องนี้ พูดตามตรง จิฮัดรู้สึกเหมือนกำลังมีเหยื่ออยู่ตรงหน้า

 

「ไม่อยากรู้งั้นเหรอคะ~?」

 

อันริยิ้มกว้างให้จิฮัด จิฮัดพยายามอ่านสิ่งที่เธอคิดจากการแสดงออกและพฤติกรรมของเธอ

อันรินั้นเป็นคนที่ให้ความใส่ใจกับความรู้สึกของนักเรียนจนบางครั้งก็เกินเลยเกินไปละมั้ง บางทีข้อเสนอนี้ก็เพื่อตัวโนโซมุ เบลาตี้ด้วย หลังจากได้ยินเรื่องราว จิฮัดเองก็สนใจ

 

「ถ้างั้นบอกหน่อยสิ」

 

การตัดสินใจเป็นไปอย่างรวดเร็ว จิฮัดซึ่งมีคดีใหญ่ๆมากมายเหลือเวลาไม่มาก แต่เขาก็ยังมาฟัง

อันริค่อยๆเปิดปาก และยิ้มด้วยความพึงพอใจกับคำตอบของจิฮัด

 

◆◇◆

เมื่ออันริให้จิฮัดช่วยขนของให้ โนโซมุที่กำลังรอพวกไอริสดิน่าที่หน้ากิลด์ ณ ย่านการค้า เพื่อช่วยเธอทำตามคำขอของเธอในช่วงพักกลางวัน

ด้านหน้าโนโซมุมีอาคารสามชั้นที่สร้างขึ้นโดยการสร้างหิน และผู้คนที่มีรูปร่างหน้าตาหลากหลายเดินผ่านประตูกว้าง

นักรบที่มีผมเป็นมันเงาสำหรับสัตว์เดรัจฉานและนักเวทย์ที่สวมหมวกคลุม นักเรียนในชุดเครื่องแบบของโซลมินาติและผู้คนในเมืองที่อาจเคยมาเยี่ยมเยียนเพื่อผ่านประตูที่เปิดอยู่

นักเรียนในชุดเครื่องแบบของสถาบันโซลมินาติดูประหลาดใจที่เห็นโนโซมุมาอยู่ที่นี่ แล้วเริ่มพูดคุยกระซิบกัน

เนื่องจากหันหน้าไปทางถนนสายหลักของย่านการค้าผู้คนนั้นมากกว่ายิ่งกว่าที่กิลด์

เนื่องจากความเร่งรีบและคึกคัก โนโซมุนั้นไม่ได้ยินสิ่งที่ทุกคนกำลังคุยกันแต่ว่าน่าจะคุยถึงเรื่องผลการฝึกพิเศษที่ประกาศในวันนี้

วันนี้ ประสาทสัมผัสอันเฉียบแหลมของเขาทำงานแทบตลอดทั้งวัน เพราะโดนจ้องตลอด

แม้ว่าจะมีหลายสายตาจับจ้องมาจากทางหน้าประตูหลักบ้างและบางคนยังจ้องมาด้วยการดูถูกเหยียดหยามอีก

นอกจากเพื่อนร่วมชั้นคนเดียวของโนโซมุ นักเรียนคนอื่นๆนั้นต่างมองมาที่โนโซมุด้วยความสงสัย

ไม่ต้องสงสัยเลยพวกนั้นไม่เคยเห็นโนโซมุต่อสู้แบบเอาจริงและมีแค่พวกที่ได้ยินข่าวลือเท่านั้น

โนโซมุถอนหายใจขณะคิดว่าช่วยไม่ได้ ก็ยังดีที่แค่โดนสงสัยเฉยๆ

โนโซมุเองก็มีความอดทนอดกลั้นอยู่บ้าง แต่ว่าถึงจะอยู่นอกสถาบันก็มีจำนวนไม่น้อยที่จ้องมาที่เขา ถึงอย่างนั้นตอนที่อยู่สถาบันเขาเพลียมากเลยล่ะ

 

「เมื่อไรพวกไอริสและฟีโอจะมาเร็วๆนะ……」

 

ขณะพึมพำอยู่คนเดียว โนโซมุก็มองไปรอบๆขณะดูภาพอันวุ่นวายของเมือง

เสียงฝีเท้าของพ่อค้าที่ลืมสินค้าไว้เอย เสียงของนักผจญภัยที่ยืนยันคำขอที่ได้รับเอย พวกทหารที่เดินลาดตระเวนเมืองตามปกติ

สินค้ามากมายที่เรียงรายอยู่ริมถนน เช่น เครื่องปั้นดินเผาที่ทำขึ้นอย่างประณีตและผ้าหลากสีสันนั้นมีมากมาย และสินค้าที่หาได้จากทางตอนเหนือ ใต้ ตะวันออก และ ตะวันตก ราวกับเป็นจักรวาลที่แยกออกมาเลยล่ะ

ทุกความเร่งรีบในเมืองอันแสนคึกคักทำให้โนโซมุรู้สึกได้ถึงลมหายใจของเมืองนี้

เมืองที่สร้างขึ้นสำหรับสถาบันโซลมินาติ

อย่างไรก็ตามเมืองนี้มันเป็นเสมือนโลกกว้างสำหรับสถาบันโซลมินาติ มีสิ่งของมากมายเรียงรายเพื่อเข้าสู่โลกใบนี้

 

「ผมได้แต่สงสัยว่าลิซ่าเองจะได้เคยเห็นทิวทัศน์แบบนี้เช่นเดียวกับการไปเที่ยวกับพ่อของเธอรึเปล่านะ?」

 

โนโซมุที่มองดูบรรยากาศก็คิดเช่นนั้น

ตอนนี้เขาควรจะทำยังไงกับลิซ่าและเคน เขานั้นมีความโกรธเคืองต่อเคนและมีความรู้สึกที่คลุมเคลือสำหรับลิซ่า

อย่างไรก็ตาม โนโซมุเลิกยึดติดกับความโกรธนั่นพูดให้ถูกคือเก็บอารมณ์ได้แล้วล่ะ

เป็นเรื่องน่าขันในแง่ที่ว่าก็คือเคนปลอมตัวเป็นเขาและทำให้ภาพลักษณ์ของเขาเสียหาย และเหตุผลที่ว่าเขาคุมตัวเองไม่ได้จนสังหารพวกไซคลอปส์ไปมากมาย

โนโซมุที่ไม่เคยเป็นหนึ่งเดียวมาจนถึงตอนนี้

เขาควรจะทำยังไง

ในที่สุดเขาก็หันไปทางด้านหน้าทางเดินอีกครั้ง และถามตัวเองเกี่ยวกับความรู้สึกของตัวเองว่าจะทำอะไรต่อไป

มีเรื่องให้ครุ่นคิดมากมาย ความทรงจำและความคิดทั้งหลายเข้ามาในหัวของโนโซมุ

คำสัญญากับลิซ่าและคำสาบานกับเคนที่ไม่กลายเป็นจริง ความคิดเกี่ยวกับไอริสดิน่าที่ช่วยเขามาตลอด ปัญหาเรื่องอนาคตที่ตัวเองจะสูญเสียเป้าหมายและปัญหาของเทียแมต

ถ้าอยากเจอหน้าลิซ่า ก็ต้องเป็นผู้ฟังที่ดี แต่ตราบใดที่เธอเชื่อเรื่องราวของเคนอย่างสมบูรณ์มันก็เป็นเรื่องยากที่จะเปิดใจคุยกัน หากดูสภาพของเธอมาจวบจนตอนนี้ ดูเหมือนเธอไม่คิดจะฟังอะไรจากผมอีกต่อไปแล้วล่ะ

จากนั้นเขาก็คิดที่จะรวบรวมหลักฐานและทำอะไรสักอย่าง แต่ว่ามันมีหลักฐานหลงเหลือยู่แน่เหรอ?

ผมขอให้ไอริสดิน่าและคนอื่นๆช่วยกัน แต่เมื่อคิดถึงเรื่องนั้นเรื่องที่ต้องทำก็มากมายเป็นภูเขาเลย

โนโซมุส่ายหัวและหยุดคิด เหยียดหลังออกและหายใจเข้าลึกๆและปรับอารมณ์

 

「ก่อนอื่น ผมอยากจะเป็นอะไรกับลิซ่าและคนอื่นๆ……」

 

ผมไม่คิดว่าความสัมพันธ์ของพวกเราจะดีขึ้นมาได้ในเร็ววัน แต่ว่าผมต้องการความสัมพันธ์แบบไหนกับพวกเขากันแน่?

โนโซมุคิดเช่นนั้น เขาพยายามค้นหาคำตอบจากส่วนลึกของจิตใจมากจนไม่สนเสียงรบกวนของสิ่งรอบข้าง

มีความโกรธ ความเกลียดชัง ความเศร้า และความท้อแท้ และความรู้สึกของความรักที่มีต่อตัวเธอ

ลมหายใจออกนั้นถูกกับลมฤดูร้อนกลินหายไปท้องถนนยังเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม ความเร่งรีบโดยรอบก็ถูกรบกวนด้วยเสียงดังบางอย่าง

สายตาของผู้คนมุ่งไปยังจุดๆหนึ่ง

เมื่อโนโซมุจ้องมองไปยังตรงจุดนั้น ก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง

ผมสีดำยาวสวยงามเป็นประกายพลิ้วไหว และไม่กังวลกับสายตานับไม่ถ้วนที่จ้องมองตัวเธอ แถมหน้าอกอันโดดเด่นนั่น

สายตาของทุกคนนั้นจ้องมองราวกับได้รับการเชื้อเชิญจากเธอคนนั้น

เด็กสาวคนนั้นเดินมาอย่างรีบร้อนที่หน้ากิลด์และเริ่มมองไปรอบๆราวกับหาใครบางคน

เมื่อโนโซมุที่สังเกตเห็นเธอคนนั้น และเธอคนนั้นก็เห็นเขาก็เบิกตากว้างพร้อมกับรอยยิ้มและเดินเข้ามาหา

 

「โนโซมุ ขอโทษที่ทำให้รอนะคะ」

 

「อะ เอ่อ ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ……」

 

น้ำเสียงใสๆเรียกชื่อผมออกมาอย่างโจ้งแจ้ง

ในขณะเดียวกันดวงตาของผู้คนมากมายก็จับจ้องมาที่โนโซมุและเธอคนนั้น

 

「ฟีโอดูท่าจะยังไม่มาสินะครับ」

 

「อ่า ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นคะ……」

 

「ถ้างั้นมาลงทะเบียนปาร์ตี้กันก่อนดีไหมคะ」

 

เดิมทีโนโซมุไม่สามารถเข้ารับคำขอและเข้าไปในป่าได้ แต่ถ้ามีนักเรียนระดับสูงหรือคนจำนวนหนึ่งตั้งปาร์ตี้ก็สามารถเข้าร่วมได้

ตอนนี้ไอริสดิน่ากำลังจะไปทำขั้นตอนการจัดตั้งปาร์ตี้ขึ้นมานั่นเอง

ข้อมูลนี้จะถูกแชร์ไปที่สถาบันด้วย ซึ่งทำให้สามารถดำเนินการได้ทันทีหากมีนักเรียนสูญหายหรือเกิดสถานการณ์ไม่คาดฝัน

 

「งั้นก็ไปกันเถอะค่ะ」

 

「อืม……」

 

ด้วยน้ำเสียงสบายๆเช่นนั้น ไอริสดิน่าก็จับมือของโนโซมุและมุ่งหน้าเข้าสู่กิลด์

ขณะที่โดนจับมือกะทันหัน โนโซมุก็มีแต่ต้องตามเธอไปด้วยความตกใจพร้อมกับสัมผัสอันแสนอ่อนนุ่มของเธอ

 

◆◇◆

ความกระตือรือร้นนั้นโดนผู้คนในกิลด์บดบังเสียหมด

ไอริสดิน่าเดินไปพร้อมกับดึงมือของโนโซมุผ่านกลางฝูงชน

ไอริสดิน่านั้นเดินผ่านเข้าออกช่องว่างระหว่างแต่ละคนได้อย่างงดงามราวกับเต้นรำ

ในทางกลับกันโนโซมุชนคนไปทั่ว

โดยปกติแล้วโนโซมุก็หลบได้แหละ แต่ว่ามืออันแสนอ่อนนุ่มนั่นพรากอิสระภาพของโนโซมุไป

 

「นี่ ไอริส มือ…..ว้าาาา! อึก!」

 

แม้ว่าจะถูกดึงออกมาแบบนั้น แต่จู่ๆก็โดนปล่อยดื้อๆ

 

「เอ่อ แม้ว่าจะเป็นแบบนั้น……」

 

สิ่งที่อยู่ในใจของโนโซมุก็คือการได้เดินไปรอบๆเมืองกับเธอเป็นครั้งแรก

แม้แต่ตอนที่เดทกันกะทันหัน โนโซมุก็ยังเดินไปรอบๆทั้งๆที่โดนลากไปแบบนี้

 

「อ่า……」

 

ความอบอุ่นแบบเดียวกันเมื่อตอนนั้นมาถึงตัวเขาและโนโซมุก็ได้แต่บ่นพึมพำ

หัวใจที่เต้นอยู่นั้น ร่างกายตึงเครียดราวกับถูกมัดด้วยลวด และขาเองก็กำลังพันกัน ถึงกระนั้นโนโซมุก็พยายามขยับขาอย่างสิ้นหวังเพื่อไม่ให้ตัวเองล้มลง

 

「ถ้างั้นก็รีบหน่อยเถอะ」

 

ในที่สุดโนโซมุก็มาถึงแผนกต้อนรับสักที

โดยทั่วไปสามารถรับคำขอได้โดยการนำแบบฟอร์มที่กรอกไว้บนกระดานข่าวไปที่แผนกต้อนรับและทำตามขั้นตอน

อย่างไรก็ตามไอริสดิน่ารับคำขอมาแล้ว ดังนั้นตอนนี้พวกเรามาเพื่อลงทะเบียนปาร์ตี้

 

「ขอโทษนะคะ พอดีว่าต้องการลงทะเบียนปาร์ตี้ค่ะ」

 

เมื่อเธอปล่อยมือโนโซมุ ไอริสดิน่าก็เรียกชายหนุ่มตรงหน้าและเขาก็ยื่นแบบฟอร์มมาให้

ชายหนุ่มที่หน้าตาดูดีเห็นไอริสดิน่าก็ยังตะลึง

ในทางกลับกันไอริสดิน่าก็แค่จ้องมองไปที่โต๊ะ

 

「? ขอโทษนะคะ คือว่าต้องการลงทะเบียนปาร์ตี้……」

 

「ฮะ…ครับ ได้รับมาแล้วครับ!」

 

พนักงานต้อนรับรีบดำเนินการให้เสร็จสิ้นโดยทันที

จากนั้นเขาก็รับบัตรประจำตัวนักเรียนของไอริสดิน่าไปและบัตรประจำตัวของโนโซมุและดำเนินตามขั้นตอน

แก้มของชายหนุ่มคนนั้นมีสีแดงเล็กน้อย และเขาก็แอบมองไอริสดิน่า

สายตาของเขานั้นจ้องมองรูปลักษณ์ของไอริสดิน่าที่เหมือนกับแกะสลักออกมาได้อย่างงดงาม

และดูเหมือนจะจ้องมาที่ผมราวกับว่า“ทำไมหมอนี่?”

เนื่องจากโนโซมุรู้ดีถึงความแตกต่างของรูปลักษณ์ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยิ้มด้วยรอยยิ้มอันขมขื่นแม้ว่าจะโดนมองแบบนั้น

พนักงานต้อนรับที่หลงไหลกับรูปลักษณ์ของไอริสดิน่า ก็หายตัวไปหลังจากนั้นก็ทำขั้นตอนให้เสร็จสิ้น

ในขณะนั้นเองก็โดนเรียกจากด้านหลัง

 

「อะ นั่นรุ่นพี่ไอริสดิน่านี่!」

 

เมื่อไอริสดิน่าและโนโซมุหันไปมองทางต้นเสียง ก็เห็นชายหญิงสี่คน

แต่งกายด้วยเครื่องแบบสีขาวและใหม่เอี่ยม เช่นเดียวกับพวกโนโซมุ แต่ดูจากสีตราแล้วน่าจะเป็นเด็กปีหนึ่ง

นักเรียนคนนั้นก้าวออกมาข้างหน้า

ลักษณะใบหน้านั้นดูเรียบร้อย และผมสีน้ำตาลที่ดูยาวจรดไหล่ก็ได้รับการดูแลอย่างดี แต่ไม่ได้มัดไว้ด้านหลัง

มีดาบคู่อยู่ตรงเอว ตรงหน้าอกสวมเครื่องแบบเปิดหลวมๆและใส่เครื่องประดับมากมาย ดูเหมือนจะเป็นนักเรียนที่จริงจังน่าดู

ข้างหลังเป็นนักเรียนหญิงสองคนถือไม้เท้ากับธนูและนักเรียนชายคนหนึ่งถือหอก

 

「เธอคือ เอลเดอร์」

 

นักเรียนชายที่ชื่อ เอลเดอร์(エルドル) เดินเข้ามาหาไอริส

 

「รุ่นพี่มารับคำของั้นเหรอครับ?」

 

「อ่าใช่แล้วจ้ะ」

 

「ถ้างั้นไปกับพวกเราไหม พวกเราเองก็วางแผนว่าจะไปในป่าเหมือนกัน」

 

เอลเดอร์พยายามเชิญไอริสดิน่า แต่ไอริสดิน่าก็ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้น

 

「แต่พวกเธอยังเป็นนักเรียนปีหนึ่งมันยังเร็วเกินไป……」

 

「ไม่มีปัญหาหรอกครับ พวกเราทั้งหมดมีแรงค์ D กันทั้งนั้น」

 

เอลเดอร์พูดอย่างภาคภูมิใจ

เป็นเรื่องใหญ่เลยล่ะเพราะเด็กปีหนึ่งที่ได้แรงค์ D ก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความสามารถอย่างดี แต่ว่าทัศนคตินั่นก็แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในตัวเองมากเกินไป

เมื่อได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของไอริสก็แข็งไปครู่หนึ่ง

 

「อ่า รุ่นพี่ไอริสดิน่า หมอนั่นคือ?」

 

「เขาเหรอ โนโซมุ เบลาตี้ เป็นเพื่อนร่วมชั้นที่จะปาร์ตี้กับฉันเองล่ะ」

 

「เอ๋?」

 

ทันทีที่ได้ยินชื่อของเขา เอลเดอร์ก็เบิกตากว้าง จากนั้นก็ถามโนโซมุด้วยใบหน้าหยิ่งผยอง

 

「รุ่นพี่โนโซมุ คุณแรงค์อะไร?」

 

「D-น่ะ」

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาก็ยิ้มออกมาเพราะแรงค์ของโนโซมุต่ำกว่าเขานั่นเอง

 

「รุ่นพี่ไอริสดิน่าไปกับพวกเราเถอะครับ พวกเราแรงค์สูงกว่าหมอนั่นนะ?」

 

และนักเรียนที่ชื่อเอลเดอร์ก็เชิญชวนไอริสดิน่าอีกครั้ง เพราะคิดว่าตัวเองมีประโยชน์มากกว่า

 

「ขอโทษด้วยนะ แต่วันนี้ฉันมีนัดกับเขาน่ะ」

 

อย่างไรก็ตามไอริสดิน่าปฏิเสธคำเชิญของเอลเดอร์อย่างตรงไปตรงมา

 

「แต่ว่าหมอนี่ ข่าวลือ……」

 

「นอกจากนี้ ฉันไม่อยากร่วมทีมกับพวกเธอที่มีทัศนคติแบบนั้นหรอกนะคะ」

 

เอลเดอร์พยายามหยิบเรื่องข่าวลือมาพูด แต่เธอก็ตอกย้ำด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองและแสดงความรังเกียจออกมาอย่างชัดเจน

แม้ว่าโดยปกติจะแยกสีหน้าของไอริสไม่ออกแต่เพราะเธอปฏิเสธด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น ไม่เพียงแต่เอลเดอร์ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงรุ่นน้องที่อยู่ด้านหลังด้วย

ขณะนั้นเองพนักงานต้อนรับก็ยื่นแบบฟอร์มที่สำเร็จแล้วมาให้

 

「โนโซมุ ไปกันเถอะ」

 

「เฮ้」

 

เมื่อได้รับแบบฟอร์มมาจากพนักงานต้อนรับ ไอริสดิน่าก็ดึงตัวโนโซมุและออกไปจากที่นี่น

เอลเดอร์พยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เธอไม่สนใจแล้ว

 

「ไอริส แบบนั้นไม่เป็นไรเหรอ? เขาเป็นรุ่นน้องนะ?」

 

「อาา ไม่ต้องกังวลไปหรอกค่ะ ถึงแม้จะมีความสามารถแต่คนแบบนั้นดิฉันไม่อยากยุ่งด้วยหรอกค่ะ」

 

「เข้าใจแล้ว……」

 

 

「เอ่อคือ?」

 

「ก็เคยคุยกันไว้นี่น่าว่าอยากไปออกไปข้างนอกด้วยกันน่ะ」

 

โนโซมุแปลกใจกับคำพูดที่ถูกยกขึ้นมา แต่เขาก็มั่นใจทันที ไอริสนั้นเป็นคนที่จริงจังอย่างมาก

ดูเหมือนว่าจะมีพวกนักเรียนหญิงมาพูดกับเธอมากมาย แต่ว่าไอริสเองก็มีความแข็งแกร่งในฉบับของตัวเธอเอง

 

「แต่ว่าก็ตอบไม่ได้หรอกนะ ที่ว่าจะไม่รู้สึกอะไรกับเธอเลยน่ะ……」

 

ไอริสสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วเหลือบมองชายที่อยู่ข้างๆ

ก็เป็นชายที่เห็นได้ทั่วไปจากทั่วทุกมุมเมือง ซึ่งนั่นก็คือผม แต่ว่าพอโดนพูดแบบนั้นหัวใจของผมก็ร้อนผ่าว

 

「อึก!」

 

ความร้อนที่พวยพุ่งออกจากอกนั้นทำให้หัวใจเต้นแรง นิ้วมือที่กุมกันนั้นทำให้ทั้งสองเขินอายและหันหน้าหนีกัน

ต่อให้เบือนหน้าหนีแต่มือก็ยังกุมไว้อยู่ แม้ว่าจะพยายามปล่อยมือแต่ก็ไม่ได้

 

「??」

 

บรรยากาศอันชวนอึดอัดนี่มันอะไร แต่ว่าไอริสก็ไม่ถอย

ไอริสไม่ยอมปล่อยมือเขา

 

「นอกจากนี้……」

 

ไอริสพยายามตามความรู้สึกไปกับบรรยากาศตรงหน้า แต่ในขณะนั้นโนโซมุก็「อาา!」กรีดร้องออกมา

「โนโซมุ?」

 

ไอริสมองกลับไปที่โนโซมุที่อยู่ข้างๆ เขาไม่ได้กรีดร้องเพราะเธอแต่ว่าเป็นบางอย่างในวันวาน

เมื่อจ้องมองไปตามสายตาของเขา ก็เห็นชายหนุ่มหางจิ้งจอกสีทอง

 

「อาา~~。ไม่ต้องกังวลหรอกน้อเชิญดื่มดำกับบรรยากาศต่อได้เล้ย…ข้าน้อยก็เป็นแค่ก้อนกรวดข้างถนนเองน้อ~」

 

โนโซมุได้แต่ถามในใจว่าหมอนั่นมาตอนไหน ต้องขอบคุณไอริสด้วยที่ตัวตนของเธอทำให้ไม่สังเกตเห็นคนรอบข้างเลย

ฟีโอที่กำลังจ้องมองโนโซมุและไอริสกำลังยิ้ม

 

「ฟีโอ มาตั้งแต่ตอนไหน?」

 

「อ่าาา ข้าน้อยเหรอ? ข้าน้อยเห็นพวกเธอสองคนในกิลด์ ก็เลยเห็นช็อตดีๆมากมาย หลังจากคิดอยู่นั้นเอง……..……ถ้าอยากปลดปล่อยละก็โรงแรมตรงหน้ามีนะแถมยังมีบริการดีๆด้วย」

 

「โนโซมุไปกันเถอะค่ะ」

 

「เดี๋ยว ไอริส……」

 

เห็นได้ชัดว่าฟีโอเห็นทุกอย่างตั้งแต่เริ่ม

โนโซมุตกใจและถอนหายใจออกมา แต่ไอริสก็พยายามออกห่างจากฟีโอและเดินไปที่ป่า ทั้งๆที่กุมมือเขาไว้

 

「เดี๋ยวก่อนสิ~ก็แค่เล่นมุขเองน้า!」

 

「โนโซมุ วันนี้ฝากด้วยนะคะ」

 

ฟีโอรีบเข้ามาขอโทษอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตามไอริสนั้นเรียกแต่โนโซมุและไม่สนใจฟีโอ

 

「เมินกันเฉยเลยง่า~ สนใจกันหน่อนสิ~ฮิเมะซังงงงงงเดี๋ยวก่อน ! โนโซมุพูดอะไรสักอย่างสิ!」

 

ฟีโอพยายามเกาะติดไอริส อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้ผล เลยคราวนี้หวังพึ่งโนโซมุ แต่ว่าโนโซมุก็ช่วยอะไรไม่ได้เช่นกัน

โนโซมุถอนหายใจขณะออกนอกเมืองอาร์คมิล

วันนี้วุ่นวายเหลือเกิน ยิ่งกว่านั้นปัญหายังเพิ่มขึ้นอีก

ก็รู้สึกประหม่ากับการที่จับมือกับไอริส และในขณะปวดหัวกับจิ้งจอกเจ้าปัญหา โนโซมุก็ภาวนาแค่ว่าวันนี้ขอให้ผ่านไปได้อย่างปลอดภัยที

 

◆◇◆

สำหรับลิซ่า เฮานด์ เมื่อเธอนึกถึงโนโซมุ เบลาตี้ เธอก็ได้แต่รู้สึกเจ็บใจ

เธอมีความฝัน และเขาก็พยายามที่จะสนับสนุนฝันนั่น

เขาเคยบอกว่าจะอยู่กับเธอไปตลอด แต่สุดท้ายแล้วเธอก็โดนหักหลังและเธอก็จากรักมากกลายเป็นเกลียดมากที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้

เมื่อเธอเห็นโนโซมุ เธอก็นึกถึงแต่การทรยศ รูปลักษณ์ของเขาที่แนบชิดกับคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง และเธอก็นั่งคุกเข่าอยู่ในห้องที่ไม่เคยมีใครเข้ามา

 

「…………」

 

ลิซ่าเดินไปตามย่านการค้าอย่างเงียบๆ ถัดจากเธอคือเพื่อนสมัยเด็กและเพื่อนสนิทที่คอยสนับสนุนเธอ

 

「ลิซ่า เป็นอะไรไป?」

 

「ไม่เป็นไร แต่ว่าช่วงนี้รู้สึกเปล่าเปลี่ยวจริงๆ……」

 

คามิล่าที่เดินอยู่ข้างๆเธอก็ทำสีหน้าสงสัยและมอนหน้าลิซ่ากับเคน

 

「ไม่เป็นไรหรอก ก็แค่ช่วงนี้ไม่ได้นอนเลยน่ะ……」

 

「หากรู้สึกไม่สบายก็กลับหอไปนอนเถอะ?」

 

「ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องกังวล ก็แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย」

 

ลิซ่ายิ้มขณะโบกมือปัด เธอยังคงยิ้มออกมา แต่ในใจเธอนี่เหมือนกับคลื่นที่ถูกถาโถมใส่

เธอเริ่มรู้สึกแบบนี้ก็ตอนที่ว่าโนโซมุนั่นได้ต่อสู้กับมังกรแห่งความตายและได้รับบาดเจ็บสาหัสหลังจากการฝึกพิเศษ

ตั้งแต่นั้นมาเธอก็อดที่จะคิดถึงโนโซมุไม่ได้เลย

ตอนแรกลิซ่าก็คิดว่านี่คงเป็นความเกลียดชังที่มีต่อเขา อย่างไรก็ตามมันเป็นความรู้สึกราวกับว่าคิดถึงเขามากกว่า

อย่างไรก็ตามดูเหมือนเขาจะไม่เคยคิดหัวเราะสักครั้งเลยที่เธอทรยศต่อเขา

อยากรู้จักว่าความรู้สึกนี่มันคืออะไร…

ด้วยความคิดเช่นนั้นลิซ่าจึงมองเคนที่อยู่ข้างๆ

 

「เอ๋ มีอะไรงั้นเหรอ?」

 

ตามปกติ เคนยิ้มให้กับลิซ่า ยิ้มแบบเดียวกับตอนที่อยู่ที่หมู่บ้านออลี่

แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทุกครั้งที่เห็นรอยยิ้มนั่นคลื่นกระแทกภายในใจมันก็รุนแรงขึ้นราวกับไม่พอใจ

 

「เอ๋?」

 

ในเวลานั้นเองลิซ่าเห็นโนโซมุที่ถูกกไอริสดึงตัวไปที่กิลด์

เขาโดนผู้หญิงคนนั้นลากไปกับเธอ

วินาทีต่อมาลิซ่าก็รู้สึกเหมือนกับใจสลาย และภายในอกของเธอเองก็ราวกับกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

ภาพในอดีตนั้นย้อนกลับมา มันเป็นหลังของเขาที่ยืนต่อหน้ามังกรแห่งความตาย

 

「ลิซ่า……?」

 

เสียงของเพื่อนสนิทที่อยู่เคียงข้างฉันกลับอยู่ไกลแสนไกล

ลิซ่าทำได้เพียงแต่มองตัวเขาที่หายเข้าไปในกิลด์อย่างตะลึง

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

Status: Ongoing
สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท