โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” – ตอนที่ 96

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

บทที่6ตอนที่13

 

 

จิฮัดและอินด้าต่างกำลังอยู่กับการทำงานในสำนักงานในขณะที่เหล่าผู้คนโรงเรียนกำลังเพลิดเพลินกับความสงบสุขของวัน

 

「ดังนั้นอบีตเมื่อวันก่อนก็เลยตายแล้วเหรอ?」

 

「อ่าค่ะ ตามรายงานของทอร์เกรน ศพของมันตายแล้วจริงๆไม่มีปฏิกิริยาทางชีวภาพเลยแม้แต่น้อย ไม่มีพลังของสัตว์อสูรและคิหลงเหลืออยู่เลย ร่างกายของมันทรุดลงไปเหมือนเถ้าถ่าน เพราะพลังจากทุกส่วนถูกใช้ไปหมดแล้ว」

 

จิฮัดฟังรายงานของอินด้าขณะกำลังยกเอกสารที่อยู่ในเมือง

 

 

กำลังอ่านรายงานการทดลองที่ทำการแทรกแซงกับสัตว์อสูรที่ทำเมื่อวานนี้

 

 

เนื่องจากสัตว์อสูรตัวนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับการรุกรานเมื่อสิบปีก่อน ไม่เพียงแต่เหล่านักวิจัยเท่านั้น  แต่ยังรวมถึงบุคคลสำคัญมากมายให้ความสำคัญกับการทดลองครั้งนี้

 

 

อบีตฟื้นขึ้นมาทันทีระหว่างการทดลอง จนถึงจุดที่เข้าขั้นวิกฤต แต่เนื่องจากการต่อสู้อันดุเดือดของจิฮัดและเหล่าทหารทำให้คลี่คลายสถานการณ์ได้แทบจะทันที

 

 

 

「……แล้วทหารที่ได้รับบาดเจ็บล่ะ?」

 

ในการต่อสู้มีทหารคนหนึ่งเอาชีวิตตัวเองเข้าไปเสี่ยงเพื่อกันไม่ให้อบีตหนีไปได้

 

 

จิฮัดกังวลเรื่องนั้นมาก

 

 

การแสดงออกของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปแต่ว่าเขาก็ละสายตาจากกองเอกสารและรอฟังคำพูดของอินด้าซึ่งเขาเป็นห่วงลูกน้องมาก

 

「ทหารที่ได้รับบาดเจ็บได้รับการรักษาอย่างดีจนแผลหายหมดแล้วค่ะ ดังนั้นก็ไม่มีอะไรผิดปกติแล้ว หลังช่วงเที่ยงไปก็คงกลับมาทำงานได้ตามปกติค่ะ」

 

อินด้าตอบคำถามพร้อมกับรอยยิ้มบนมุมปากของเธอ

 

 

เธอซึ่งมักจะเย็นชาอยู่เสมอแต่เมื่อได้ยินว่าไม่มีใครบาดเจ็บล้มตายก็มีรอยยิ้มโผล่ขึ้นมาบนใบหน้า

 

「จริงๆเลย…..ก็อุตสาห์บอกแล้วนะว่าอย่าฝืนตัวเอง นอกจากนี้หากหมอนั่นรู้สึกไม่ดีขึ้นมา ให้รีบพาไปตรวจสุขภาพโดยด่วนเลย」

 

「เข้าใจแล้ว」

 

จิฮัดเปล่งเสียงออกมาด้วยความโล่งใจ

 

 

อย่างไรก็ตามใบหน้าของเขากลับมาตึงเครียดอีกครั้ง

 

 

อินด้าที่สัมผัสได้ถึงบรรยากาศก็ขยับปากและเปลี่ยนท่าที

 

 

 

「แล้วคนของแต่ละประเทศล่ะ?」

 

「มีบางคนหกล้มและได้รับบาดเจ็บขณะอพยพ แต่ทุกคนก็ได้รับบาดเจ็บแค่เล็กน้อยจึงไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ทางเราจะแจ้งให้แต่ละประเทศได้ทราบอย่างแน่นอนค่ะ」

 

สมาชิกที่ได้รับเลือกมาจากแต่ละประเทศนั้นมีบทบาททางด้านการฑูตด้วย ดังที่อินด้ากล่าว เรื่องการทดลองก่อนหน้านี้จะถูกส่งต่อข้อมูลไปยังแต่ละประเทศ

 

「ไม่เป็นไรหรอกที่จะส่งข้อมูลของอบีตตัวก่อนหน้า ด้วยเหตุผลนั้น แต่อย่างน้อยก็อยากให้ สมาชิกของสภาแต่ละประเทศเข้าร่วมการประชุม ปัญหาก็คือ……」

 

「สัตว์อสูรที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมา และทำให้เกิดเรื่องวุ่นวาย ทำให้ผู้ที่ไม่ชอบในเมืองนี้ต่างก็วิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนาๆ……。」

 

ดังที่จิฮัดกล่าวไว้ ไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบเมืองอาร์คาซัม

 

 

บางประเทศสูญเสียบ้านเกิดจากการรุกรานครั้งใหญ่และบางประเทศก็มีพรมแดนติดกับเหล่าสัตว์อสูรกล่าวได้ว่าพวกเขาต้องสร้างกองกำลังขึ้นตั้งรับพวกมัน จัดการพวกมัน และยึดดินแดนคืนมา

 

 

นอกจากนี้ความคิดเห็นดังกล่าวก็มาจากประเทศที่ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการรุกรานครั้งใหญ่

 

 

มันคือปัญหาเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ เศรษฐกิจ และ อื่นๆ

 

 

การดำรงอยู่ของเมืองนี้ ซึ่งมีการศึกษาวิจัยต่างๆนาๆซึ่งได้รับงบลงทุนของแต่ละประเทศทำให้แม้แต่ประเทศที่มีศักยภาพต่ำก็สามารถพัฒนาเทคโนโลยีโดยที่ไม่กระทบกับเงินทุนของชาติได้ แต่สำหรับประเทศขนาดใหญ่แล้วเทคโนโลยีที่ถูกถ่ายทอดให้กับประเทศอื่น ทำให้เขากังวลเกี่ยวกับความมั่นคง

 

 

หากมีโอกาสก็มีคนจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยกับความสำคัญในการดำรงอยู่ของเมืองนี้และวางแผนจะขุดรากถอนโคลน

 

 

แน่นอนว่าก็มีบางคนที่มีความสุขของการดำรงอยู่ของเมืองนี้ เนื่องด้วยการมีคนแบบนั้นเมืองนี้ก็เลยยังคงอยู่ได้

 

 

เมืองที่อยู่ท่ามกลางแผ่นน้ำแข็งบางๆที่ความคิดของแต่ละประเทศผันพันกันกอย่างประณีตนั่นคือความเป็นจริงของอาร์คาซัม

 

「แต่นั่นไม่น่าจะเป็นไปได้ ถ้าสามารถกำจัดปัญหาทุกอย่างโดยให้ได้รับความเสียหายโดยน้อยที่สุด และเหนือสิ่งอื่นใด ยังสามารถได้รับข้อมูลอันมีค่าของพวกอบีต มีอะไรให้ไม่พอใจอีก」

 

 

 

อย่างไรก็ตามไม่มีปัญหาในเรื่องการฟื้นคืนชีพอบีตหรอก เป็นไปได้ที่จะจบปัญหานี้ด้วยความเสียหายครั้งนี้ด้วยเรื่องเล็กน้อย

 

 

เท่านั้น มีผู้ได้รับบาดเจ็บเพียงหนึ่งราย แถมข้อมูลเกี่ยวกับอบีตก็ยังคงเป็นปริศนา แต่ก็จะประกาศให้ทุกประเทศทราบโดยทั่วกัน

บางคนก็หัวหมอ แต่ตราบใดที่ได้รับข้อมูลไปแล้วพวกนั้นก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อสถานการณ์นี้ได้

 

 

 

「เป็นเรื่องที่ค่อนข้างคุ้มค่าที่จะมีสมาชิกสภามาแสดงและเปิดเผยข้อมูลทั้งหมด อาจมีบางคนที่กำลังดำเนินการ แต่เราต้องปล่อยให้ไฮเบ๋าเป็นคนดำเนินการ เราจะทำเท่าที่ทำได้ต่อไป」

 

พอสรุปเช่นนั้น จิฮัดก็นั่งลงเอนกายไปที่เก้าอี้สำนักงาน

 

 

เมื่อได้ข้อสรุปจิฮัดก็เริ่มเก็บเอกสารที่ถือไว้ในมือ

 

 

เมื่อทำความสะอาดโต๊ะเรียบร้อย เขาก็หันไปมองอีกด้านของหน้าต่างที่มีแดดส่องเข้ามา

 

 

ยิ่งไปกว่านั้นยังเห็นอาคารเรียนของสถาบันโซลมินาติสีขาวที่ส่องประกายและทิวทัศน์ของเมืองอาร์คาซัมอันแสนคึกคัก

 

 

นอกจากนี้ยังเห็นพวกนักเรียนที่เดินอยู่ที่ทางเดินและสนามหญ้าและผู้คนที่ขึ้นไปบนดาดฟ้าเพื่อทานอาหารกลางวัน

 

 

รอยยิ้มผุดขึ้นมาบนปากของเขา

 

 

ขณะที่ดูฉากอันแสนเป็นธรรมชาติเช่นนี้จิฮัดรู้สึกว่าจิตใจของเขากำลังได้รับการเติมเต็ม

 

 

อาจเป็นเพราะเขารู้ว่าฉากตรงหน้ามีความสำคัญเพียงใด

 

 

 

「ตอนนี้เป็นการเรียนรวมของปี 1 ปี2 ปี 3 ตั้งแต่ช่วงบ่าย และจะมีพวกนักเรียนรุ่นน้องจากสถาบันอีคอร์สมาด้วย ในฐานะที่ปรีกษาทางวิชาการแล้ว จะต้องแสดงภาพลักษณ์อันดูดีให้ได้」

 

 

 

「หากเป็นท่านจิฮัดก็ไม่อยากให้เอาจริงกับพวกนักเรียนมากนะคะ ยังมีอีกหลายอย่างที่ท่านต้องทำ แม้ว่าท่านจะบอกว่าอยากเข้าร่วมแต่พวกเราก็ให้เข้าร่วมไม่ได้หรอกนะคะ?」

 

 

 

อินด้าเองก็มีรอยยิ้มจางๆอยู่บนใบหน้าของเธอ

 

 

 

「นั่นหมายความว่าเส้นทางการเกษียณตัวเองของข้ายังอีกยาวไกลยังงั้นเหรอเนี่ย…. อืมนี่ข้าก็เข้าสู่ช่วงอายุที่อะไรหลายๆอย่างก็เริ่มลำบากขึ้นสำหรับข้าแล้วนะ……」

 

「ยังมีหน้าจะมาพูดอีกเหรอคะทั้งๆที่เอาชนะอบีตได้ด้วยตัวคนเดียวแท้ๆ? นอกจากนี้ ไม่มีที่ว่างให้พวกที่มีความสามารถเป็นผู้นำ แต่ขาดประสบการณ์เข้ามาบริหารที่นี่หรอกนะคะ」

 

แม้ว่าคำพูดจะดูแสนธรรมดา แต่ก็มีความห่วงใย

 

 

และความเงียบก็เข้ามาปกคลุม

 

 

ช่วงเวลาสั้นๆเพียงแค่นี้ แต่เป็นช่วงเวลาที่ทั้งสองสามารถยิ้มออกมาได้

 

 

 

「เอ่อ….ท่านจิฮัด ถ้าไม่ว่าอะไรดิฉันมีคำถามอยากจะถามคุณค่ะ?」

 

「คำถาม? อยากจะรู้เรื่องอะไรล่ะ?」

 

เป็นน้ำเสียงชวนสับสนของอินด้าที่ทำลายความเงียบ

 

「เกี่ยวกับคาบเรียนช่วงบ่าย ทำไมพวกรุ่นน้องและเด็กๆในสถาบันอีคอร์สถึงได้มาเข้าร่วมคาบเรียนของพวก ห้อง 1 และห้อง 2 ด้วยล่ะคะ?」

 

พวกเขา จิฮัดเข้าทันทีว่าเธอหมายถึงใคร

 

「เห็นผลการฝึกพิเศษแล้วใช่ไหมล่ะ? พอดีอยากจะเห็นผลลัพธ์นั่นกับตาน่ะ」

 

「เอ่อ ก็เข้าใจอยู่หรอกนะคะ แต่ทำไมมาเพิ่มเรื่องเอาป่านนี้ละคะ?」

 

อินด้าเองก็ได้วิเคราะห์ผลการฝึกพิเศษเช่นกัน

 

 

วัตถุประสงค์ของการเรียนร่วมกันจัดขึ้นตั้งแต่ชั้นปี 3 ขึ้นไป คือการฝึกให้สมจริงมากที่สุดและเพื่อฝึกทักษะต่างๆเพื่อครอบคลุมทุกสถานการณ์

 

 

มันก็ใช่อยู่ แต่ว่าสำหรับพวกห้อง 10 ที่จะมาเข้าร่วมมันเป็นผลลัพธ์ที่ต่างกันมากเพราะความสามารถเหล่านั้น แถมยังให้มาร่วมเข้าคาบเรียนนี้ด้วย

 

 

อย่างไรก็ตามมีกำหนดจะทำในภายหลังอยู่แล้ว ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการทำความคุ้นเคยของพวกนักเรียนและพยายามไม่ให้คนมีความสามารถต่างกันมากมาเปิดประเด็นเหล่านี้

 

 

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของอินด้าก็คือการรวมชั้นเรียนเมื่อวันก่อน มันเป็นบทเรียนที่ห่างไกลจากจุดประสงค์ของการฝึกร่วม

 

 

 

「แต่ว่านี่มันไม่ประมาทและสิ้นเปลืองเกินไปงั้นเหรอคะ และมันไม่เหมาะกับวัตถุประสงค์การเรียนร่วมกันเลยนะ แล้วทำไมถึงได้พาพวกเขามาด้วย ถ้าจะทดสอบความสามารถก็มีวิธีอื่นๆที่ได้ประสิทธิภาพมากกว่านี้ไม่ใช่เหรอคะ?」

 

「……ตามคำให้การของอาจารย์อันริกล่าว มันไม่ใช่สำหรับนักเรียนพวกนั้นเท่านั้น แต่มันสำหรับคนอื่นๆโดยเฉพาะพวกที่กำลังจะเข้ามาก็ต้องการเห็นเช่นกัน」

 

「……หมายความว่ายังไงคะ?」

 

อินด้าที่ได้ยินชื่อของอันริก็มีสีหน้าหนักใจมากขึ้น

 

 

ความสามารถของอันริ วาร์ นั้นไม่ต้องสงสัยเลย แต่ก็กังวลอยากมากเพราะเธอเอาใจใส่นักเรียนมากเกินไป เพราะบุคลิกที่มีความใจดีและน่ารักนั่น

 

 

 

「ข้าเองก็ไม่ได้รู้อะไรมากนัก แต่ตอนที่ได้พบซากของอบีตครั้งแรกในเมืองนี้ก็อยากรู้เกี่ยวกับนักเรียนคนนั้นด้วยตัวของข้าเอง นี่เป็นโอกาสให้ข้าได้เรียนรู้ ข้าเองก็อยากจะหาคำตอบ」

 

จิฮัดตัดสินใจเรื่องนี้โดยไม่สนใจอินด้าซึ่งมีใบหน้าสงสัยอย่างเห็นได้ชัด

 

 

อินด้าเงียบไปครู่หนึ่ง แต่เธอก็เข้าใจว่าจิฮัดคงไม่ถอดใจแน่

 

 

คำถามยังคงอยู่ในใจ แต่มันช่วยไม่ได้

 

 

ด้วยความรู้สึกเช่นนั้นในหัวใจ เธอก็รีบทำงานให้เสร็จตามกำหนดการ

 

 

◆◇◆

 

 

หลังจากคาบพักหมดลงและคาบเรียนบ่ายกำลังจะเริ่มต้นขึ้น

 

 

ตอนนี้โนโซมุและมาร์กำลังยืนอยู่ในสนามฝึกที่เรียกว่า “ศูนย์ฝึกศิลปะการต่อสู้”ของสถาบัน

 

 

พื้นที่ขนาดใหญ่พอสำหรับที่จะรวมหลายๆชั้นเรียนเข้าด้วยกัน พื้นที่นี้เองก็ไม่ต่างจากสนามฝึกที่โนโซมุและเพื่อนๆใช้กัน

 

 

อย่างไรก็ตามที่นั่งชมในรูปแบบบันไดถูกสร้างขึ้นรอบสนามฝึกซ้อม ซึ่งมันดูเหมือนกับสนามกีฬา

 

 

อันที่จริง “ศูนย์ฝึกศิลปะการต่อสู้”นี้ยังใช้เชื้อเชิญคนนอกสถาบันและแสดงการต่อสู้ของเหล่านักเรียนให้เห็นด้วย (TN: เอาจริงๆมันก็คือลานประลองอะแหละ แบบ โคลอสเซียม)

 

 

เป็นสิ่งที่คล้ายกับงานเทศกาลและยังเป็นสถานที่ที่คนสำคัญต่างมาสอดแนมหาทรัพยากรบุคคลจากแต่ละประเทศด้วย เพื่อหานักเรียนมากความสามารถไปร่วมงานในอนาคต เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่เรียกว่า “หน้าตา” ของสถาบันแห่งนี้

 

 

 

「นี่มัน……」

 

「น่าทึ่งมาก……」

 

โนโซมุและมาร์ต่างส่งเสียงชื่นชม

 

 

นักเรียนห้อง 1 และ ห้อง 2 รวมตัวกันที่กลางสนามฝึก ซึ่งเป็นเวทีและแต่ละคนต่างก็เตรียมการอย่างเงียบๆ

 

 

อย่างไรก็ตามสิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับโนโซมุคือการปรากฏตัวของเหล่ารุ่นน้องและที่นั่งของเหล่าผู้ชมก็เต็มไปด้วยเหล่านักเรียนจากสถาบันอีคอร์ส

 

 

ลานประลองซึ่งปกติจะเงียบสงบปัจจุบันมีผู้คนพลุกพล่านราวกับจัดงานเทศกาล

 

 

 

「แล้วทำไมพวกเราถึงได้มาอยู่ที่นี่เนี่ย?」

 

「หากคิดตามเรื่องของอาจารย์อันริแล้ว เพราะเป็นผลของการฝึกพิเศษครั้งก่อน? นอกจากนี้ยังมีพวกจินด้วย……」

 

มาร์ตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาให้โนโซมุ

 

 

ถัดจากทั้งสองคนที่มาถึงเวทีนี้ก็ยังมีพวกจินและเพื่อนๆที่รวมตันกันช่วงฝึกพิเศษ

 

「อ่าาา….พวกเราเองก็ไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมถึงมีส่วนร่วมแถมมีพวกรุ่นน้องจับตามองด้วย」

 

อย่างที่โนโซมุบอก ก็เพิ่งมาได้ยินเรื่องเอาในวันนี้

 

 

เป็นพวกรุ่นน้องปี 1 ปี 2 และนักเรียนของอีคอร์สเข้ามาชมการฝึก แน่นอนว่าหากรุ่นพี่แสดงการต่อสู้อันดุเดือดมันก็จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับเหล่ารุ่นน้องทั้งหลายและจะได้นำเทคนิคของเหล่ารุ่นพี่ไปขัดเกลาและใช้งานได้จริงด้วย โนโซมุและเพื่อนๆเองก็เคยเห็นการต่อสู้ของพวกรุ่นพี่หลายครั้งแล้ว

 

 

อย่างไรก็ตามเขาไม่ทราบเลยว่าทำไมห้องที่มีเกรดห่วยแบบพวกเขาถึงได้เข้าร่วมได้

 

 

ความแตกต่างของความสามารถนั้นสูงเกินกว่าที่จะเรียกว่าการต่อสู้ได้ ถ้าคิดตามปกติก็เอาพวกเรามาฆ่านั่นแหละ

 

 

ก็รู้สึกว่านี่ไม่ใช่การเลือกตัวเลือกที่เหมาะสมเลยนะ หากจะสร้างแรงจูงใจให้พวกนักเรียน

 

 

ไม่ใช่ว่าไม่คิดหรอกว่าพยายามเพิ่มแรงจูงใจในการเรียนรู้ในแง่ตรงกันข้ามที่มันการแบ่งแยกความสามารถของฟ้ากับเหวเลยนะ

 

 

ท้ายที่สุดแล้วพวกโนโซมุก็เหมือนกับกระสอบทรายที่โดนบอกว่า “ถ้าไม่อยากตายก็จงลุกขึ้นสู้แล้วเอาชนะอีกฝ่ายให้ได้ซะ”

 

 

ยังไงก็ตาม ถ้าไม่เก่งจริงก็เอาชนะความไร้เหตุผลพวกนี้ไม่ได้หรอกนะ ไม่ว่าจะสร้างแรงจูงใจหรืออะไรก็ตาม มันก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลว่าจะรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าได้ดีแค่ไหน

 

 

โนโซมุหันไปที่อีกด้านหนึ่งของเวที ที่นั่น มี จิฮัด อินด้า และ อันริ ซึ่งรับผิดชอบในคาบเรียนนี้ และกำลังคุยปรึกษากัน

 

 

อย่างไรก็ตามอาจารย์อันริก็คุยกับอาจารย์จิฮัดได้โดยสบายๆเลย

 

 

 

「ถ้าดูจากท่าทางของอาจารย์อันริแล้วดูจะไม่ใช่ตัวต้นเหตุนะ……」

 

「แต่ว่าน่าจะเป็นเรื่องใหญ่น่าดูเลยล่ะ」

 

ใกล้กับจิฮัดที่กำลังคุยกัน มีอาจารย์นอร์นซึ่งปกติจะอยู่แต่ห้องพยาบาล ในมือของเธอมีกระเป๋าใบใหญ่และมีอุปกรณ์การแพทย์อยู่

อาจจะมีการร้องขอให้มาช่วยในคาบเรียนนี้

 

 

อาจารย์อันริที่สังเกตเห็นพวกโนโซมุที่จ้องมองก็โบกมือมา

 

 

แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่ยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา แต่รอยยิ้มของโนโซมุเองก็ผุดขึ้นมาบนใบหน้าเช่นกัน

 

 

โนโซมุกล่าวขอบคุณเล็กน้อยต่อท่าทางของอาจารย์อันริ

 

 

อย่างไรก็ตาม อันริดูท่าจะไม่ชอบใจกับท่าทางของโนโซมุ และพยายามโบกมือให้กว้างขึ้นพร้อมกระโดดเด้งดึ๋งๆ

 

 

ท่าทางเหมือนกับเด็ก โดยธรรมชาติแล้วรูปลักษณ์ของเธอจะเห็นได้อย่างชัดเจนไม่เฉพาะแค่พวกปี 1 และปี 2 รอบตัวเธอ แต่ยังมองเห็นนักเรียนด้านล่างที่อยู่ในที่นั่งผู้ชมด้วย

 

 

ดวงตาที่มองเห็นไม่ใช่แค่มองที่อันริ แต่ยังจ้องมาที่พวกโนโซมุและคนอื่นๆที่เธอโบกมือให้ด้วย

 

 

 

「ฝะฝากตัวด้วย……」

 

โนโซมุยิ้มอย่างขมขื่นให้กับดวงตาที่จับจ้องมา อันริยังคงพยายามเรียกร้องความสนใจของโนโซมุอยู่

 

 

เมื่อกระโปรงยาวๆของเธอพัดขึ้นมันก็กางออกอย่างนุ่มนวล

 

 

ในตอนแรก เธอที่กระโดดเบาๆกระโปรงมันก็ไม่พลิกกลับหรอกแต่ว่านะ

 

 

อย่างไรก็ตามท่าทางอันแสนไร้เดียงสาของอันริและรูปลักษณ์ที่งดงามของเธอดึงดูดพวกผู้ชายอย่างมากและเห็นถุงน่องสีขาวเนียนจัดๆ และกางเกงในลายวัว

 

 

เริ่มมี “ความหื่น” ปรากฏอยู่ในสายตาของพวกเด็กที่จับจ้อง

 

 

หากเธอไม่ได้รับคำตอบที่ทำให้พอใจ เธอก็อาจจะรุนแรงยิ่งกว่านี้ก็ได้ โดยไม่สนเลยว่าตัวเธอจะทำอะไรกับคนรอบข้างแค่ไหน

 

 

โนโซมุคิดว่ามันแย่จริงๆถ้าอาจารย์มันคงมากกว่านี้มีหวังได้เห็นเจ้านั่นแน่

 

 

จากนั้นเองโนโซมุก็จำใจโบกมือชุดใหญ่ใส่อันริ และอันริเองก็ดูท่าจะพอใจและเลิกโดดสักที

 

 

เธอนั้นแสดงรอยยิ้มอันแสนเจิดจ้าออกมาและกลับไปพูดคุยกับพวกจิฮัด

 

 

โนโซมุนี่ถึงกับไหล่แข็งเลยทีเดียว

 

 

อย่างไรก็ตาม แม้จะในช่วงเวลาแบบนี้ เขาเองก็รู้สึกผิดหวังกับอันริที่ไร้เดียงสาเกินไปหน่อย

 

 

 

「ฮะฮะฮะฮะฮะ……」

 

มาร์พูดกับโนโซมุที่หมดแรง

 

「แน่ใจว่าเหตุผลที่ถูกเรียกก็เพราะเรื่องนั้นแน่ๆ แต่ตอนนี้ก็ช่วยไม่ได้แล้ว ไม่รู้หรอกว่าคิดยังไง แต่ตอนนี้พวกเราทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ」

 

「อืม นั่นสินะ มาร์ ขอบคุณนะ」

 

มาร์ยักไหล่และบอก “ไม่ต้องห่วง ลงเรือลำเดียวกันแล้ว”

 

 

สิ่งต่อไปที่เขาหันไปมองก็คือพวกจินที่อยู่ถัดจากพวกเขา

 

 

 

「แล้วจะว่ายังไงดี สบายดีกันไหม?」

 

「อะ อืม ไม่เป็นไรหรอก……」

 

จินและเพื่อนๆเองก็ประหม่าเล็กน้อยและเปล่งน้ำเสียงคลุมเครือ

 

「เป็นอะไรไปล่ะ?」

 

「เปล่า ก็ปกติพวกเราไม่ค่อยได้ใช้ที่แบบนี้นี่?」

 

「เราเองก็ไม่เคยโผล่หน้ามาต่อหน้าคนจำนวนมากขนาดนี้ก็เลยกตกใจนิดหน่อย……」

 

ไม่เพียงแต่แฮมเรีย ที่มีบุคลิกเงียบขรึม แต่ยังรวมถึงเดรก ผู้ใช้หอก ทอมมี่ ที่ใช้ดาบ และ คามิที่ช่วยโนโซมุในการเข้าชาร์จตอนฝึกพิเศษ

 

「เอ่อ นั่นสินะ……」

 

โนโซมุที่มองไปรอบๆก็พูดแบบนั้น

 

 

แน่นอนตามที่จินและเพื่อนๆพูด พวกเราเด็กห้อง 10 ไม่มีโอกาสได้โผล่หน้ามาเจอผู้คนจำนวนมากเช่นนี้ นอกจากพวกห้องสูงๆอย่างไอริสและทิม่า มันก็ไม่แปลกที่พวกเขาจะโดนแรงกดดัน

 

 

 

「โนโซมุ」

 

「มาด้วยเหรอเนี่ย」

 

ในขณะนั้นก็ได้ยินเสียงที่ดังก้องอยู่ในหูเป็นเด็กสาวผมดำและเอลฟ์

 

 

ถัดจากพวกเธอคือ ทิม่าและมิมูรุ

 

 

 

「ยังไงก็ต้องเข้าร่วมนี่น่า……」

 

ฟีโอเองก็เข้าไปโอบไหล่โนโซมุ

 

「ใช่ม้า ข้าน้อยเองก็มีความสุขมากเลยล่ะ พวกเราสู้ศึกระยะประชิดไม่ได้เพราะมีพวกของเควินเข้ามาแทรกตลอดช่วยฝึกพิเศา」

 

โนโซมุยิ้มอย่างขมขื่นให้กับฟีโอที่ยิ้มอย่างมีความสุข

 

「เอ่อไม่เอาน่า ถ้าเป็นนายละก็รับมือลำบากเหมือนกันนะ……」

 

「พูดอะไรกัน……」

 

ฟีโอพูดแบบนั้นพร้อมท่าทางไม่พอใจกับคำตอบของโนโซมุ

 

 

ไอริสยังจ้องมองมาที่พวกเขาพร้อมกับรอยยิ้ม

 

 

 

「ฮิฮิ….อันที่จริงฉันเองก็ตั้งตารอนะคะ อันที่จริงก็ร่วมมือกับโนโซมุมาหลายครั้งแล้ว แต่ว่านี่เป็นครั้งแรกเลยที่จะได้สู้ต่อหน้าผู้คนจำนวนมากเช่นนี้ โซเมียเองก็มาหาฉันด้วย และบอกว่าอย่าแสดงท่าทีน่าสมเพชออกไปในฐานะลูกสาวของตระกูลฟรานซิส ดังนั้นก็เลยคิดว่าคาบเรียนนี้ทำให้ฉันรู้สึกดีเป็นพิเศษค่ะ」

 

 

 

 

 

「หวาาา แต่ฉันไม่เก่งกับเรื่องแบบนี้เลยนะ……」

 

เมื่อพูดไปอย่างนั้น ไอริสก็เหลือบมองไปยังที่นั่งผู้ชม และโนโซมุก็มองตามไป และก็เจอเด็กผู้ชายและเด็กหญิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกับโซเมีย บางทีอาจจะเป็นพวกเด็กๆที่มาจากอีคอร์ส

 

 

ถัดจากนั้น นักเรียนในเครื่องแบบเดียวกับโนโซมุและคนอื่นๆกำลังนั่งอยู่ในที่นั่งของผู้ชม พูดคุยและชี้มาที่เราเป็นครั้งคราว พวกเขาเป็นรุ่นน้องปีหนึ่งและสองสินะ

 

 

ทุกคนต่างทำดวงตาเปล่งประกาย และดวงตาก็จ้องมองเหล่ารุ่นพี่ที่อยู่ในสนามฝึก

 

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายตาที่จดจ่อมายังพวก ไอริส ทิม่า ลิซ่า ซึ่งเป็นแรงค์ A ของนักเรียนปี 3 และก็จิฮัด รันเดลนักดาบผู้มากความสามารถและมีพลังมากกว่าพวกเขาเป็นผู้ทรงพลังที่สุดในทวีปนี้

 

 

ไอริสเองก็ไม่ได้สูญเสียท่าทางตามปกติของเธอ แม้ว่าจะถูกมองมากแค่ไหนก็ตาม

 

 

ในทางกลับกันทิม่าดูค่อนข้างกังวลเป็นอย่างมาก

 

 

เธอเองก็เป็นหนึ่งในระดับท็อปของชั้นปี 3 ก็เลยถูกจับตามองเป็นพิเศษและเธอก็กระวนกระวาย

 

 

 

「ไม่ต้องกังวลเรื่องคนรอบข้างหรอกน่า? เพราะงั้นไม่เป็นไรหรอกนะ?」

 

「ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะค่ะ……」

 

มาร์พูดกับเธอ แต่ท่าทางของเธอก็ยังไม่ดี

 

 

แม้ว่าจะมีปัญหาเรื่องการควบคุมพลังเวทย์ แต่พลังเวทย์ของเธอนั้นอยู่ในจุดสูงสุดของสถาบันแห่งนี้ หากต้องการแสดงให้พวกรุ่นน้องให้เห็น ไม่จำเป็นต้องเป็นพลังเวทย์ที่ทรงพลังมาก แค่ควบคุมมันให้ได้อย่างโดดเด่นก็พอแล้ว

 

 

มาร์เองก็ไม่ต้องกังวลอะไรเป็นพิเศษ แต่ว่าทิม่าเองก็ยังกลัวจนตัวหดเพราะสายตาที่จับจ้องมา

 

 

 

「นี่ ทิม่า……」

 

「เอ๋ คะ?」

 

มาร์แตะดาบใหญ่บนหลังเขาอย่างเงียบๆและเข้ามาใกล้ๆทิม่า

 

「ไม่เป็นไรหรอก? มั่นใจได้เลย ข้าเองก็โดนสอนมาตั้งเยอะจากคนที่จำอะไรยากๆมากมาย เพราะงั้นทำใจร่มๆ」

 

มาร์พึมพำให้ทิม่าได้ยินคนเดียว เขากำลังพูดถึงคาบเรียนบรรยายเวทย์ตัวต่อตัวกับเธอ

 

 

แน่นอนว่าตั้งแต่ที่เธอได้สอนเวทย์ให้กับมาร์ เขาเองก็เริ่มเรียนรู้อะไรใหม่ๆ

 

 

ทิม่าเองก็มีความสามารถอย่างมากจนขนาดที่ว่าสอนคนหัวไม่ดีอย่างมาร์ให้เข้าใจได้

 

 

ด้วยกำลังใจจากมาร์เธอค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา

 

 

ในขณะที่เธอกลัวสายตาโดยรอบ มีเพียงมาร์ที่ยิ้มออกมาให้เธอเห็น

 

 

จากนั้นแววตาก็เหลือบมองไปรอบๆและบอกว่า“ดูนั่นสิ”

 

 

ทิม่าที่ไม่ได้มีท่าทางเย่อหยิ่งเหมือนกับมาร์ ก็แสดงออกมาด้วยท่าทางที่ไม่พอใจเล็กน้อยในคำพูดของเขา

 

 

 

「……พูดมันก็ง่ายนี่คะ」

 

「อันที่จริงมันก็ง่ายๆไม่ใช่เหรอไงล่ะ?」

 

มาร์ยังไหล่ขณะที่ทิม่ายังคงบ่นพึมพำ

 

「เอ่อ……」

 

ทิม่าก้มหน้าลงราวกับว่ากำลังประหลาดใจกับมาร์ที่ไม่เปลี่ยนท่าทีไปเลยแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามไหล่ของเธอก็ผ่อนคลายลง

และบรรดาเหล่าผู้ที่มองมาร์และทิม่าต่างก็มองมาด้วยรอยยิ้ม

 

 

 

「อะไรกันละเนี่ย……」

 

มาร์ที่เห็นการจ้องมองแบบนั้นก็ทำสีหน้ามึนงง

 

 

มาร์นั้นในตอนนี้อยู่ในแววตาของสัตว์ร้ายที่ชอบเรื่องรักๆใคร่ๆ

 

 

พวกเขาต่างจ้องมองลงมาราวกับว่าพบของเล่นน่าสนุก

 

 

มันเหมือนกับสัตว์กินเนื้อที่พยายามจะกระโดดเข้าหาเหยื่อได้ทุกเมื่อ

 

 

 

「เฮ้อ~พวกเธอเนี่ยนะ……」

 

และในที่สุดสัตว์ร้ายผู้หิวโหยก็พยายามกระโดดเข้าหาเหยื่อ

 

 

อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา ก็มีเงาหนึ่งพุ่งเข้าหาฟีโอและมิมูรุอย่างรวดเร็ว

 

 

มาร์ประหลาดใจกับเงาที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาในทันใด แต่ก่อนที่จะรู้ตัวเอลฟ์สาวก็ยืนหันหลังให้กับพวกมาร์เรียบร้อยแล้ว

ทางฝั่งมาร์นั้นไม่เห็นอะไร

 

 

อย่างไรก็ตาม ก็มีสิ่งมีชีวิตสองตัวที่ถูกจับเอาไว้และยกขึ้นมาด้วยมือทั้งสอง

 

 

เป็นมนุษย์สัตว์สองคนที่จ้องมองมาที่ทั้งสองก่อนหน้านี้นั่นเอง

 

 

ราวกับว่ากำลังทำบ้าอะไรเนี่ย ซีน่าเอามือจับหน้าทั้งสองไว้ขณะกุมขมับ

 

 

 

「หยุดทำอะไรที่มันเปล่าประโยชน์ได้แล้วสองคนนี้นี่……」

 

เป็นเพราะสองคนนั้นสร้างปัญหาหรือยังไงซีน่าก็ปลดปล่อยพลังของเธอออกมาโดยไม่ลังเล

 

 

มิมูรุและฟีโอต่างเงียบไม่ปริปากสักคำ ทั้งสองต่างนั่งนิ่งสำนึกผิดและพูดอะไรไม่ออก

 

 

พลังดังกล่าวเอามาจากไหนนั่นทั้งๆที่ร่างกายผอมบางขนาดนั้น

 

 

มาร์ที่จู่ๆก็โดนโกรธแบบแปลกๆ เพราะรังสีความร้อนที่ถูกปล่อยออกมาจากด้านหลัง

 

 

 

「เอ๋?」

 

ในขณะนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงฝีเท้ามากมายเข้ามาหาพวกโนโซมุ และก็เห็นเด็กสาวผมดำที่คุ้นเคย

 

 

 

「คุณโนโซมุ สวัสดีค่ะ ! เอ่อ เกิดอะไรขึ้นกันเหรอคะ…!?」

 

โซเมียที่เข้ามาก็เห็นภาพของมนุษย์สัตว์ทั้งสองที่โดนทำโทษอยู่ใต้เท้าของซีน่า

 

「โถ่วเว้ย เพราะหยุดพวกเราไว้ตรงนี้……」

 

「ตราบใดที่ยังมีเรื่องราวอันแสนอร่อย สุดท้ายข้าน้อยก็จะฟื้นกลับมา……」

 

「…………」

 

ซีน่าไม่แม้แต่จะตอบกลับพวกมิมูรุและฟีโอและเอามือกดหน้าผากทั้งคู่อีกครั้ง

 

 

และจากนั้นเองก็ได้ยินเสียงครางของทั้งสองคนที่ไม่ดีต่อเด็กๆ

 

 

โนโซมุพยายามเปลี่ยนเรื่องโดยขัดจังหวะซีน่าและโซเมีย แต่เสียงกลับดังขึ้นอีก

 

 

 

「ทำไมโซเมียจังถึงมาอยู่ที่นี่ละ….เอ่อพวกเด็กของอีคอร์สก็ด้วย」

 

โซเมียพยักหน้าอย่างร่าเริงพร้อมกับบอกว่า「ใช่ค่า!」และโนโซมุพยายามเปลี่ยนเรื่องในขณะเกิดฉากสยดสยองอยู่ด้านหลัง

อย่างไรก็ตามปล่อยมันไปเถอะ

 

「แต่ว่าโซเมียจังที่นั่งของนักเรียนอีคอร์สอยู่ตรงนั้นนะ……?」

 

「ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูจำที่นั่งได้น่ะ แล้วก็รู้ว่าพี่สาวจะโผล่มาด้วย ก็เห็นพวกคุณโนโซมุและคนอื่นๆก็เลยกะว่าจะมาทักทายสักหน่อยค่ะ」

 

แน่นอนว่านักเรียนจากสถาบันอีคอร์สมาพร้อมกับอาจารย์ เมื่อมองไปยังที่ๆนั่งก็เผอิญไม่เจออาจารย์ แสดงว่าแอบมาสินะเนี่ย

 

「เสียใจด้วยนะแม่สาวทอมบอย…」

 

「เอออออออออออออออ๋……」

 

โซเมียยิ้มอย่างซุกซนและแลบลิ้นออกมาขณะหันหน้าไปทางโนโซมุที่ถอนหายใจ ไอริสยังคงเอามือก่ายหน้าผากและมองขึ้นไปบนฟ้า

 

 

ไอริสตกใจกับท่าทางของน้องสาวของเธอ แต่ระหว่างที่ได้สติกลับมาก็หันกลับไปหาโซเมีย

 

「เธอเนี่ยนะ….ก็รู้อยู่หรอกว่าเป็นห่วงน่ะ แต่ว่ารีบกลับไปหาเพื่อนร่วมชั้นได้แล้วนะ」

 

「ค่าาา~ ! แล้วก็คุณโนโซมุด้วย คุณรู้จักพวกเขาเหล่านี้รึเปล่าคะ? พอดีว่าพบกันระหว่างทางมาที่นี่ แต่ดูเหมือนว่าเขากำลังมองหาคุณโนโซมุอยู่ค่ะ……」

 

「เอ๋?」

 

ตามคำพูดของโซเมีย มีเด็กชายและเด็กหญิงสี่คนในชุดเครื่องแบบเช่นเดียวกับพวกโนโซมุ

 

「พวกนาย……」

 

โนโซมุและไอริสต่างคุ้นเคยเพราะเป็นเหล่านักเรียนที่ถูกออร์คโจมตีที่ป่าเมื่อวานนี้

 

 

หนึ่งในนั้นคือเด็กชายที่กล้าก้าวไปข้างหน้า

 

 

โนโซมุจำใบหน้าของเขาได้ ผมเป็นระเบียนและมีสีน้ำตาลเป็นหัวหน้าปาร์ตี้ เอลเดอร์

 

 

 

「เอลเดอร์?」

 

โนโซมุพึมพำออกไปแบบนั้น และเอลเดอร์ก็ตอบคำถาม

 

「ครับ ! ผมเอง」

 

เหตุผลที่โนโซมุไม่สามารถพูดได้เพราะรูปร่างหน้าตานั้นต่างจากเมื่อวานมากเลย

 

「ทรงผม ไปทำอะไรมาน่ะ?」

 

ผมนั้นถูกตัดออกและผมสีน้ำตาลสั้นก็ยังคงเหลืออยู่บ้าง เรียกได้ว่าโกนหัวเลย

 

 

นอกจากนี้เครื่องประดับยังถูกถอดออกทั้งหมด และสวมเครื่องแบบไว้อย่างหนาแน่น

 

 

 

「เอ่อ พอดีว่าอยากเปลี่ยนตัวเอง จากนี้ไปผมก็จะใช้รูปร่างนี้เป็นมาตรฐาน……」

 

บรรยากาศของเอลเดอร์เปลี่ยนไปมาก ทำให้โนโซมุสับสน

 

 

ในทางกลับกัน เอลเดอร์นั้นดูประหม่าเล็กน้อย

 

「โนโซมุ พวกนี้คือ……?」

 

「ก็พบตอนที่ไปทำคำขอเมื่อวานแล้วเกิดอะไรหลายๆอย่าง」

 

มาร์และคนอื่นๆไม่รู้จักพวกเอลเดอร์ และโนโซมุก็พูดสั้นๆกับเหตุการณ์เมื่อวานเนื่องจากไม่มีเวลา

 

「เมื่อวานต้องขอโทษด้วยจริงๆนะครับ……」

 

บางทีอาจจะอายและนึกถึงเรื่องเมื่อวานนี้ได้ เขาจึงกล่าวขอโทษออกมา

 

「เอ่อ คือว่ารุ่นพี่โนโซมุก็เข้าร่วมคาบเรียนนี้ด้วยเหรอครับ?」

 

「อา จู่ๆก็โดนลากมากะทันหันเลยน่ะ」

 

「งั้นเหรอครับ ! แต่ว่ามันก็ปกติดีนี่ครับ อย่างที่ได้ยินมาก่อนหน้านี้ ถ้าบอกว่าได้อยู่ใน 10 อันดับแรกของการฝึกพิเศษเลยนี่ครับ!」

 

เอลเดอร์รีบวิ่งเข้าหาโนโซมุด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย โนโซมุก็รับเขาไว้

 

「อ่า นั่นสินะ……?」

 

「ถูกแล้วล่ะ ! ไม่น่าแปลกใจหรอกครับที่จะได้รับความสนใจเป็นอย่างสูงเพราะสามารถเอาตัวรอดท่ามกลางพวกระดับสูงมากมายและแข่งขันกับพวกห้องอื่นๆ!?」

 

ขณะที่เอลเดอร์กำลังพูด ก็ได้ยินเสียงระฆังดังขึ้น

 

 

นักเรียนคนอื่นๆต่างก็มารวมตัวกันที่กลางสนาม

 

 

 

「อ่าขอโทษด้วยนะเอลเดอร์ พอดีว่าถึงเวลาแล้วน่ะ……」

 

「โอเคครับ ถ้างั้นจะกลับไปที่นั่งแล้ว ถ้าอย่างนั้นรุ่นพี่โนโซมุและทุกคน ขอโทษที่รบกวนนะคะ」

 

พวกเอลเดอร์ก้มหัวลงและกลับไปยังที่นั่งผู้ชม

 

 

หลังจากที่พวกเขาออกไปแล้ว โนโซมุก็รีบไปยังกลางสนาม

 

 

สายตาของนักเรียนปี 1 และ ปี 2 ต่างจับจ้องมาที่โนโซมุ

 

 

 

“ทำไมพวกนั้นถึงได้มาอยู่ที่นี่?”

 

ทุกคนที่อยู่ที่นั่นต่างโกรธกันใหญ่และคิดว่าเขาไม่เหมาะกับสถานที่แห่งนี้

 

「ทำไมพวกชั้นล่างถึงได้มาอยู่ที่นี่? นอกจากนี้ก็ยังมีพวกลิ่วล้ออีก?」

 

เป็นปาร์ตี้ของเควิน อาร์ดินัลนั่นเอง ชายหนุ่มจากเผ่าหมาป่าเงิน ซึ่งต้อนรับโนโซมุที่เข้ามาถึงกลางสนามเป็นคนแรกด้วยคำพูดแบบนั้น

 

 

เควินเยาะเย้ยโนโซมุและดูถูกเขาและยังพูดจาหยาบคายใส่พวกเขาอีกด้วย

 

 

จากนั้นก็เริ่มมีการแบ่งพรรคแบ่งพวกกัน

 

 

มาร์เองก็ดูท่าจะโกรธจัด อย่างไรก็ตามโนโซมุไม่ได้สนใจและให้ค่าเควินมากนัก

 

 

เขาแค่หันไปมองเควินที่กำลังกอดอกและยิ้มอยู่นั่น และก็หันกลับมาด้วยความไม่สนใจ

 

 

โนโซมุนั้นคุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้อยู่เป็นประจำอยู่แล้ว  

 

 

สายตาแห่งความอยากรู้และความสงสัยรวมทั้งเสียงกระซิบรอบๆที่จ้องมองมาที่โนโซมุ

 

 

จากนั้นก็เขาก็เจอสาวผมแดง

 

 

ดวงตาของโนโซมุและลิซ่าสบกันและวินาทีต่อมาแววตาของเธอก็สั่นไหวอย่างมาก

 

 

 

「โนโซมุ……」

 

ไอริสที่เฝ้าดูจากด้านหลังก็บ่นพึมพำ

 

 

มือของเธอนั้นแนบที่หน้าอกและกำแน่นมากก่อนที่จะรู้ตัว

 

 

 

「ชิ….! ไอ้หมอนี่ฟังอยู่ป่าววะ ?? ที่นี่ไม่ใช่ที่มาเล่นสำหรับพวกแกนะโว้ย……」

 

เควินที่เห็นไอริสเดินเข้ามาและวิ่งเข้าโนโซมุก็หงุดหงิดจัดๆ

 

 

เควินคว้าคอเสื้อโนโซมุและพยายามไล่เขาออกไป

 

 

แต่ในขณะนั้นก็มีน้ำเสียงที่เย็นเชียบสาดเข้าใส่ไฟที่ยังร้อนรุ่ม

 

 

 

「พอแค่นั้นแหละ เควิน อาร์ดินัล พวกนาย ชั้นเรียนกำลังจะเริ่มแล้ว เข้าแถว」

 

อาจารย์อินด้า พูดแบบนั้น

 

 

นักเรียนทุกคนก็ต่างมาเข้าแถวกัน

 

 

อย่างไรก็ตาม เควินที่กำลังหงุดหงิดก็เข้าหาอาจารย์อินด้า

 

 

 

「รอก่อนสิครับ มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ? ทำไมพวกขยะแบบมันถึงได้มาอยู่……」

 

「ข้าเป็นคนอนุญาตเองแหละ มีปัญหารึ」

 

เสียงนั้นดังก้องไปทั่วสนามฝึก เสียงซึ่งทุ้มและหนักแน่นดังก้อง ตอกย้ำคำพูดด้วยการพูดเพียงครั้งเดียว

 

 

จิฮัด รันเดลพูดแบบนั้นและมองไปรอบๆ

 

「พวกเขาได้ผลลัพธ์อันยอดเยี่ยมในการฝึกพิเศษก่อนหน้านี้ ตามรายงาน พวกเขาต้องทนรับมือการต่อสู้กับพวกนาย รวมถึง ฟรานซิส และ เฮาวน์ ด้วย 」

 

「อึก……!」

 

เควินนั้นโกรธอย่างมาก แต่ยังไงก็ตามเขาก็รับฟังแต่ผู้แข็งแกร่งเท่านั้น ซึ่งจิฮัดนั้นแข็งแกร่งกว่าเขามาก

 

 

และสิ่งที่จิฮัดกล่าวนั้นถูกต้อง ผลของพวกที่โนโซมุได้อันดับที่ 6 ไม่สามารถเพิกเฉยได้

 

 

และนี่ก็เป็นสถาบันที่ประเมินตามความสามารถ

 

 

เควินไม่พอใจได้แตะเดาะลิ้น

 

 

โนโซมุที่โดนปลดปล่อยจากสายตาของคนรอบข้าง ก็ถอนหายใจออกราวกับว่าโล่งใจ แม้ว่าจะเคยชินกับการดูถูกเหยียดหยาม และไม่มีอะไรให้กังวลก็ตาม

 

 

ในขณะนั้นโนโซมุก็เห็นว่าอาจารย์อินด้ากำลังจ้องมองเขาอยู่

 

 

โนโซมุเองก็ไม่ค่อยคุ้นเคยกับอาจารย์คนนี้เท่าไร แต่เขาเข้าใจดีว่าเธอไม่ชอบพวกไร้ความสามารถ ตรงกันข้ามกับอาจารย์อันริที่ดูแลพวกเขาอยู่เสมอ

 

 

อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลบางอย่าง ดูเหมือนว่าแววตานั่นที่คอยดูถูกเขามันจะค่อยๆลดลง โนโซมุได้แต่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น

 

「อืม….มีอะไรรึเปล่านะ?」

 

「ไม่ ไม่มีอะไรแล้ว เข้าแถวเร็วเข้า ระฆังเองก็ดังแล้ว」

 

อินด้ากลับไปที่ด้านข้างของจิฮัดและยืนตรงนั้น

 

 

ขณะที่มองดูแผ่นหลังของเธอ โนโซมุก็เข้าแถว

 

 

◆◇◆

 

 

แม้ว่าจะมีปัญหาหลายอย่างก่อนจะเริ่ม แต่ชั้นเรียนก็เริ่มขึ้นโดยไม่รอช้า

 

 

หลายฝ่ายถูกสร้างขึ้นเหนือขอบเขตของชั้นเรียนและแข่งกันเพื่อฝึกฝนสกิล

 

 

โดยเฉพาะการต่อสู้ของพวกแรงค์ A อย่าไอริสนั้นยอดเยี่ยมมาก

 

 

ไอริสที่เชี่ยวชาญด้านเวทย์ที่หลากหลายก็เผชิญหน้ากับศัตรูหลายคนได้ไม่ยากเย็น

 

 

ทิม่าเองก็บดขยี้ศัตรูด้วยพลังเวทย์ด้วยการโจมตีแบบครั้งเดียว

 

 

เควินเองก็แสดงศิลปะการต่อสู้อันเยี่ยมยอดออกมาและมีความว่องไวประจำเผ่าของเขา และเอาชนะศัตรูในชั่วพริบตา

 

 

เคนที่ถนัดเวทย์ธาตุน้ำ ซึ่งเขาเองก็เก่ง และตอบสนองคู่ต่อสู้ได้แบบยืดหยุ่น และลิซ่าที่ทำลายแนวป้องกันของศัตรูด้วยเวทย์ไฟอันรุนแรง

 

 

รุ่นน้องที่อยู่ในที่นั่งผู้ชมต่างก็ประทับใจในความสามารถของเหล่ารุ่นพี่

 

 

แน่นอนว่าคนอื่นๆก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน แสดงให้เห็นถึงความสามารถของรุ่นพี่ปี 3 ให้ได้ประจักษ์แจ่มแจ้ง

 

 

ในขระเดียวกันสมาชิกห้อง 10 เองก็โดดเด่นไม่น้อยหน้า

 

 

มาร์เองที่แข็งแกร่งเป็นทุนเดิมก็ใช้เวทย์ได้มากขึ้น ใช้เวทย์สร้างบาเรียและพยายามรักษาพลังคิไว้ให้มากที่สุด และใช้พลังคิในการบดขยี้ศัตรูในครั้งเดียว

 

 

เขาไม่ได้ใช้เทคนิคผสาน และใช้เวทย์สลับกับคิ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ใช้มันได้ดีในระดับหนึ่งเลย

 

 

จินและคนอื่นๆก็แสดงการต่อสู้ที่หักล้างความผิดหวังของคนอื่นๆได้

 

 

แม้ว่าจะไม่สามารถใช้เวทย์และพลังคิอันทรงพลังได้ แต่ด้วยการทำงานเป็นทีมอันแสนโดดเด่น พวกเขาก็สามารถกดดันพวกนักเรียนห้องสูงๆได้เช่นกัน

 

 

จินและเพื่อนๆพยายามโจมตีใส่ศัตรูอย่างรุนแรงในขณะใช้เวทย์เริ่มต้นหยุดการเคลื่อนไหวของศัตรู

 

 

แม้ว่าการปล่อยเพียงครั้งเดียวจะไม่ค่อยได้ผลเพราะความต่างกันของความสามารถ แต่ก็เป็นไปได้ที่จะระงับการเคลื่อนไหวของศัตรูด้วยการระดมยิงใส่

 

 

เนื่องจากความแข็งแกร่งต่างกันมาก มันก็เป็นไปได้ยากที่จะเอาชนะ แต่ว่าพวกเขาเองก็ทำหน้าที่ตอดเหมือนกับปลิงที่กัดไม่ปล่อย

 

 

จนถึงขณะนี้ นักเรียนห้อง 10 ไม่เคยแสดงการต่อสู้อันดุเดือดให้ใครได้เห็นมาก่อน

 

 

นักเรียนรุ่นน้องที่เฝ้าดูการต่อสู้ของพวกรุ่นพี่ โดยเฉพาะห้อง 10 ต่างประหลาดใจกับการโจมตีและทำงานเป็นทีมของพวกเขา

นักเรียนห้อง 10 ได้โชว์ผลงานอันโดดเด่นในขณะเดียวกันโนโซมุก็โดนอาจารย์อันริจับอยู่นอกสนาม

 

 

 

「เอ่อ อาจารย์อันริ ทำไมผมต้องมารอด้วยล่ะครับ มาร์และจินต่างก็เข้าร่วมการต่อสู้ไปแล้ว……」

 

「ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของอาจารย์เองน้า~!」

 

โนโซมุนั้นนั่งอยู่มุมหนึ่งของเวที เขายังคงมีใบหน้าสงสัยขณะที่อันริยังคงยิ้มอย่างภาคภูมิใจ

 

 

กำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย ถ้าเขาไม่มีส่วนร่วมแต่แรกการเอาเขามาก็ไร้เหตุผลน่ะสิ

 

 

โนโซมุถอนหายใจและนั่งลง

 

 

 

「โนโซมุ ถ้าไม่อยากเรียนทำไมถึงไม่กลับบ้านไปล่ะว้า?」

 

เมื่อโนโซมุเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงของเพื่อนสมัยเด็กที่จ้องมองเขา

 

「เคน……」

 

「…………」

 

เคนจ้องมองไปที่โนโซมุด้วยแววตาสาปแช่ง และปากก็บิดเบี้ยวอย่างเห็นได้ชัด

 

 

สายตาของทั้งคู่จ้องกันโดยไม่พูดอะไร

 

 

ในที่สุดเคนก็เปิดปากพูดก่อน แต่ไม่ว่าจะพูดอะไรโนโซมุก็ไม่ใส่ใจ

 

 

เขาต้องการยุติความสัมพันธ์อันแสนบิดเบี้ยวนี้และมุ่งหน้าสู่อนาคต

 

 

เพราะเขาตัดสินใจแบบนั้น

 

 

อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมา เสียงทื่อๆที่ไม่เหมาะกับบรรยากาศอันแสนกดดันในตอนนี้ก็ดังก้องไปทั่ว

 

 

 

「เอาล่ะ โนโซมุคุงงงงงงงงง~ ได้เวลาเตรียมตัวแล้วนะจ้ะ~」

 

โนโซมุที่ได้ยินแบบนั้นก็ไหล่ตก ซึ่งได้ยินแบบนั้นก็ช่วยไม่ได้

 

 

เพราะตอนแรกก็เต็มไปด้วยความตึงเครียด ดังนั้นก็เลยแบบตกใจนิดหน่อย

 

 

โนโซมุจ้องมองไปที่อาจารย์อันริ โดยคิดว่าอย่างน้อยก็ช่วยคลายสถานการณ์ตรงหน้า

 

 

 

「เอ๋~? จ้องอาจารย์ขนาดนี้เชียวเหรอโนโซมุคุงง ลามก~~?」

 

「……อะเอ่อ เปล่าซะหน่อยนะครับ」

 

อย่างไรก็ตามมันดูไม่สมเหตุสมผลยังไงก็ไม่รู้

 

 

นอกจากนี้ ท่าทางของเธอยังช่วยลดความตึงเครียดให้กับรอบข้างได้

 

“อย่างน้อยก็อ่านบรรยากาศหน่อย”

 

โนโซมุที่โดนบังคับให้เปลี่ยนเรื่องก็ไม่ทันได้พูด

 

「เอ่อ อาจารย์อันริ ที่ว่าเตรียมตัวนี่คือ……」

 

「นั่นก็คือการต่อสู้จำลองยังไงเล่า ! ทุกคนออกจากสนามได้แล้ว!」

 

เมื่อโนโซมุตั้งสติได้และถามอาจารย์อันริ เสียงของอาจารย์อินด้าก็ดังก้องไปทั่ว

 

 

นักเรียนที่ได้ยินต่างก็ออกจากสนาม

 

 

หลังจากยืนยันว่าทุกคนออกไปแล้ว อาจารย์อินด้าก็เปิดปากพูด

 

「ตอนนี้ คาบเรียนก็มาถึงบทสุดท้ายแล้ว เนื้อหาเป็นการจำลองการต่อสู้กับอาจารย์จิฮัด ที่เป็นนักดาบแรงค์ S ที่ภาคภูมิใจของสถาบันนี้」

 

จิฮัดค่อยๆเดินไปกลางสนามเพื่อตอบรับคำพูดของอินด้า

 

 

การปรากฏตัวของพ่อหนุ่มดาบยักษ์ “เขี้ยวใหญ่” ที่แบกไว้อยู่ที่ด้านหลังพร้อมกับชุดเกราะสีขาวที่ทำจากเงินและมิลธิลเรียกได้ว่าเป็นระดับวีรบุรุษ

 

 

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ดึงดูดสายตาในเวลาเดียวกันก็คือดาบขนาดใหญ่และ โล่ขนาดหอคอยซึ่งต่างจากเขี้ยวใหญ่เล็กน้อย

 

 

เมื่อเขาก้าวขึ้นสู่กลางสนาม เขาก็เอา “เขี้ยวใหญ่” วางไว้กับพื้น

 

 

เสียงฮือฮาดังไปทั่วลานฝึก

 

 

ว่ากันว่าในทวีปนี้ไม่มีใครไม่รู้จักเขา เป็นวีรบุรุษเพียงหนึ่งเดียวในเมืองอาร์คาซัมแห่งนี้

 

 

ไม่ค่อยมีโอกาสได้พบเห็นเขาได้บ่อยๆ

 

 

เขายุ่งมากเพราะตำแหน่งของเขา และมีโอกาสไม่มากที่จะลงมาสอนด้วยตัวเอง

 

 

นี่เป็นโอกาสในการทดสอบความสามารถของตนเองและในแง่การแสดงความสามารถต่อเขาคนนั้น

 

 

 

「ฮิฮิ…..ไม่เป็นไรใช่ไหม」

 

เควินกำหมัดแน่นด้วยรอยยิ้มอย่างไม่เกรงกลัว

 

 

ไม่ต้องสงสัยว่าเขาจะเข้าไปสู้แน่นอน เขาจ้องไปที่จิฮัดด้วยจิตใจนักสู้เต็มเปี่ยมและพร้อมกระโดดเข้าใส่จิฮัดได้ทุกเมื่อ

 

 

อย่างไรก็ตามไม่ใช่แค่เควินคนเดียว

 

 

นักเรียนปี 3 ต่างจะใช้โอกาสอันแสนหายากนี้เข้าสู้กับจิฮัดเพื่อทดสอบความสามารถและแสดงความสามารถให้เห็น

 

 

 

「คนแรกก็คือ…..เอ่อนั่นสินะ……」

 

อินด้าพยายามมองหาฝ่ายตรงข้าม อย่างไรก็ตามเธอที่พูดติดขัดขึ้นมาก็เขินอายอย่างมากและก็จ้องมองหานักเรียนคนหนึ่ง

 

 

จิฮัดยืนอยู่กลางเวทีเข้ามาแทนอินด้าที่อ้ำอึ้งแต่คำพูดต่อมาก็ทำให้ทุกคนตกใจ

 

 

 

「โนโซมุ เบลาตี้ นายนั่นแหละ มาดวลกับข้าหน่อยสิ」

 

「เอ๋?」

 

「เหหหหหหหหหห!?」

 

นักเรียนปี 3 ต่างตกใจ หากพูดถึงโนโซมุแล้ว เรียกได้ว่าเป็นตัวปัญหาของชั้นปี และกากที่สุดในชั้นทุกคนรู้กันแค่นั้น

 

「เอ้า โนโซมุคุง ตาเธอแล้วน้าาาาาาาาาา~~」

 

อย่างไรก็ตามอาจารย์อันริผลักโนโซมุไปข้างหน้าและผลักไปยังกลางเวที

 

「เอ๋ เดี๋ยวก่อนสิครับ อาจารย์อันริ!?」

 

「โนโซมุคุงเพราะเธอไม่ยอมเข้าร่วมการต่อสู้จำลองเลย~ดังนั้นน่าจะมีพลังเหลือเฟือฟิตปึ๋งปั๋งสุดๆกว่าใครเพื่อนแล้วล่า~เพราะอีกคนเป็นถึงท่านจิฮัดเลยน้าาา~เพราะงั้นเล่นเต็มข้อล่อเต็มแข้งได้เลย~」

 

 

 

「เอ่อคือ……」

 

อาจจะวางแผนไว้แต่แรก……。

 

 

คำพูดของโนโซมุที่พยายามจะพูดออกมาราวกับบอกว่า “ว่าแล้วเชียว”

 

 

เมื่อโนโซมุที่โดนผลักไปกลางเวทีก็เผชิญหน้ากับจิฮัดที่ถือดาบใหญ่และโล่ใหญ่

 

 

 

「พยายามเข้าน้าาาาา อาจารย์จะเป็นกำลังใจให้~~!」

 

อันริยิ้มออกมาและก็รีบกลับไปที่เดิม

 

 

วินาทีถัดมาก็เกิดกำแพงแห่งแสงปรากฏขึ้นล้อมรอบจิฮัดและโนโซมุ

 

「นี่มัน……」

 

「มันเป็นบาเรียเวทย์ที่สร้างขึ้นสำหรับเวทีในครั้งนี้ มันถูกติดตั้งเพื่อป้องกันผู้ชมได้รับผลกระทบจากการต่อสู้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายกำแพงนี่ด้วยพลังครึ่งๆกลางๆหรอกนะ」

 

แม้แต่ในสนามฝึกทั่วไปก็ไม่ได้มีกำแพงที่ใหญ่ขนาดนี้นะ

 

 

อย่างไรก็ตาม กำแพงนี่ต่างไปจากสนามฝึกอื่นๆอย่างลิบลับ

 

 

พลังเวทย์ที่ปกคลุมนั้นไม่ได้จำกัดอยู่แค่ชั้นเดียว แต่ที่นั่งของผู้ชมก็มีบาเรียเวทย์หลายชั้นจนกว่าจะถึงตัวลานประลอง

 

 

มีการใช้เทคนิคเหล่านี้ในการเสริมสร้างปรับแต่งอาคารต่างๆในงานสถาปัตย์

 

 

ดูเหมือนว่าจะมีการใช้เงินทุนจำนวนมากเพื่อสร้างบาเรียเวทย์นี่ขึ้นมา

 

 

กล่าวอีกนัยหนึ่ง เพราะต้องการให้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ได้โดยไม่ต้องเกรงใจหรือออมมือ

 

 

สถานที่ๆมีแต่เหล่านักเรียนหัวกะทิเท่านั้นที่ใช้ได้ เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่เรียกได้ว่าเป็นผลึกของเทคโนโลยีล่าสุดในทวีปนี้

 

「เอาล่ะ มาเริ่มกันเลยพ่อหนุ่ม」

 

จากนั้นเด็กหนุ่มก็ได้เผชิญหน้ากับชายวัยกลางคน

 

 

สายตาของจิฮัดนั้นเฉียบแหลมมันบ่งบอกถึงประสบการณ์ที่เขาได้สั่งสมมาตลอดทั้งชีวิต โนโซมุที่เห็นเขาเช่นนั้นก็ราวกับโดนมองทะลุอย่างปรุโปร่ง

 

 

ความรู้สึกตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น การเต้นของหัวใจที่รุนแรงขึ้นบ่งบอกว่าการต่อสู้ได้เริ่มขึ้นแล้ว

 

 

อย่างไรก็ตามในขณะเดียวกัน เขาก็จำความรู้สึกแปลกๆที่แตกต่างจากการต่อสู้ปกติ เป็นเรื่องที่ชวนให้คิดถึง

 

 

อย่างไรก็ตาม อินด้าก็ส่งเสียงระฆังออกมาดังลั่น

 

 

และแล้วการต่อสู้ของนักดาบผู้แข็งแกร่งที่สุดในอาร์คาซัมกับพ่อหนุ่มตกอับผู้อ่อนแอที่สุดแห่งสถาบันโซลมินาติก็ได้เริ่มต้นขึ้น

 

 

ค้างสิครับ รออัลไล แต่ละตอนนี่ยาวขั้นต่ำ 30 หน้าบวกเลยรึไงฟะ

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

Status: Ongoing
สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท