โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” – ตอนที่ 100

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

บทที่6ตอนที่17

 

 

กองกระดาษขนาดใหญ่ราวกับทิวเขาบนโต๊ะทำงานที่มีความแวววาวสีดำมันเงา

 

 

ชายร่างใหญ่เอนหลังพิงเก้าอี้และรีบเซ็นต์เอกสารอย่างสิ้นหวังเพื่อที่จะลดกองภูเขาดังกล่าว

 

 

ในห้องทำงานของเขา จิฮัดที่โดนกดดันจนต้องเอาจริงในการต่อสู้จำลองครั้งก่อน ถอนหายใจกับเอกสารที่กองอยู่ตรงหน้าเขา และพึมพำกับผู้หญิงข้างๆเขา

 

 

 

 

 

 

「อาจารย์อินด้านึกว่าจะจบแล้วนะเนี่ย……」

 

 

 

 

 

 

「ไม่จบหรอกค่ะ หลังจากนั้นจะขอให้ยืนยันแผนงานซ่อมแซมและใบเสนอราคาและทันทีหลังจากชำระเงินเสร็จสิ้น งานซ่อมแซมจะเริ่มดำเนินการทันที หลังจากนั้น เพื่อคอยดูการดำเนินการงานว่าเป็นไปด้วยดีไหมท่านจิฮัดจะต้องไปคุมการก่อสร้างใหม่ด้วยค่ะ」

 

 

 

 

 

 

คำพูดอันแสนเยือกเย็นนั้นไม่มีความเยื่อใยเลยแม้แต่น้อย

 

 

แม้ว่าปกติเธอจะพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นเล็กน้อย แต่ตอนนี้น้ำเสียงนี่เย็นเฉียบราวกับหิมะตก

 

 

 

 

 

 

「……เอ่อไม่ใช่ว่างานของข้ามันเพิ่มเยอะเกินไปเหรอเนี่ย? ปกติแค่ยืนยันแบบแปลนและใบเสนอราคา แต่นี่ยังรวมไปถึงการคุมงานฝ่ายก่อสร้างอีก……」

 

 

 

 

 

 

จิฮัดพยายามประท้วงกับการที่เขาต้องทำงานหนักเกินไปขณะจ้องมองไปยังอินด้า แต่เธอก็พูดด้วยคำพูดที่เยือกเย็นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ต่อไป

 

 

 

 

 

 

「ครั้งนี้เป็นแค่การต่อสู้จำลองแต่ท่านจิฮัดก็รับผิดชอบคาบเรียนในครั้งนี้และท่านเป็นคนสร้างความเสียหายขนาดใหญ่ด้วย อันที่จริงลานฝึกนั้นยังให้พวกปี 4 ที่ต้องใช้ฝึกต่อกลับทำให้ชั้นเรียนต้องหยุดชะงักเพียงเพราะท่านเผลอเอาจริงกับนักเรียนตัวน้อยๆเพียงคนเดียว เพราะงั้นท่านก็ต้องรีบสะสางงานให้เสร็จโดยเร็วที่สุดเพื่อจะให้เหล่าเด็กๆกลับมาเรียนได้ตามปกติ」

 

 

 

 

 

 

เห็นได้ชัดว่าอินด้านั้นคอยดูแลแผนงานตามปกติ

 

 

ภาพลักษณ์ของจิฮัดที่เหมือนกับ….คุมนั้นกำลังนั่งเกาหัวบนกองเอกสารอย่างสิ้นหวัง ถ้ามีคนมาเห็นนี่ขำกันตาย

 

 

ในแง่หนึ่งการลงโทษของอินด้านั้นหนักมากเหมือนกับโทษประหารชีวิตเลยล่ะถ้าทำให้นางโกรธ เพราะงั้นมีแต่ต้องก้มหน้ายอมรับชะตากรรม

 

 

ก่อนหน้านี้เองก็เหมือนกันทำอะไรไร้ความปราณีกับนักเรียนตัวเองจริงๆ

 

 

 

 

 

 

「สรุปใครเป็นนายใครกันแน่เนี่ย……」

 

 

 

 

 

 

「ท่านจิฮัดยังไม่จบอีกเหรอคะ?」

 

 

 

 

 

 

จิฮัดได้แต่ไหล่และโดนอินด้าสั่ง “ทำงาน ทำงาน ทำงาน”

 

 

จิฮัดหันไปหาอินด้าพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่

 

 

ใบหน้าของอินด้านั้นนิ่งเฉย แต่ดวงตาอันแสนคมกริบที่เห็นได้หลังแว่นตากรอบเงินนั้นส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดเลยทีเดียว ! เธอกำลังจ้องมาด้วยสายตาดุดัน ท้ายที่สุดแล้วเธอยังคงโกรธกับผลการต่อสู้จำลองรอบที่แล้วอยู่

 

 

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่จิฮัดทำสีหน้าเคร่งเครียด เขาก็ยิ้มออกมา

 

 

 

 

 

 

「อย่าโกรธไปเลยน่า หน้าตาสวยๆแบบนี้เสียของแย่กันพอดี?」

 

 

 

 

 

 

「ดิฉันไม่ต้องการความสวยงามค่ะ เพราะงั้นไม่เป็นไร ทำงานต่อไปเถอะค่ะ!」

 

 

 

 

 

 

อินด้าตะโกนใส่จิฮัดด้วยความโกรธ

 

 

ขณะที่เห็นเธอแสดงปฏิกิริยาแบบนั้นจิฮัดก็หัวเราะออกมา

 

 

มันคือความกล้าหรือเรียกว่าบ้าบิ่นดีล่ะ เพราะเหตุการณ์เมื่อสองวันก่อนไม่ได้มีความยับยั้งชั่งใจเลยใส่กันสุดทั้งอาจารย์และนักเรียน

 

 

อย่างไรก็ตามจิฮัดก็กลับมาโหมดจริงจัง

 

 

อินด้าเบิกตากว้างชั่วครู่หนึ่งเพราะบรรยากาศที่เปลี่ยนไป

 

 

 

 

 

 

「นอกจากนี้ วันนี้ข้ามีธุระกระทันหัน เพราะงั้นขอเวลาสักพัก」

 

 

 

 

 

 

「ธุระ? ธุระอะไรคะ……」

 

 

 

 

 

 

เธอไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนั้น…เมื่ออินด้าพยายามจะถามประตูห้องก็ถูกเปิดออก

 

 

ต่างจากอินด้าที่มีสีหน้าสับสน จิฮัดเรียกเธอคนนั้นให้เข้ามานั่งรอข้างใน

 

 

บุคคลที่เข้ามาในห้อง เมื่ออินด้าเห็นเธอก็มีแววตาจริงจังทันที

 

 

 

 

 

 

「ขอบคุณค่า~ขอโทษที่ทำให้รอนะคะ~」

 

 

 

 

 

 

คนที่เข้ามาคือคนที่มีน้ำเสียงสบายๆเหมือนกับพระอาทิตย์อันแสนสดใส อันริ วาร์

 

 

และข้างหลังเธอยังมีโนโซมุ เบลาตี้ ที่เข้ามาในห้องทำงานอย่างไม่เกรงกลัว ซึ่งเป็นประเด็นไปทั่วทั้งสถาบันในตอนนี้

 

 

◆◇◆

 

 

หลังจากเลิกเรียน โนโซมุที่กำลังไปสมทบกับพวกไอริสและเพื่อนๆของเขา ซึ่งเขากำลังตื่นเต้นมากๆนั่นเอง

 

 

ตามที่มาร์บอกเขาจะเลี้ยงข้าวที่บ้านเขาเองเพื่อฉลองที่โนโซมุออกจากโรงพยาบาล

 

 

อาหารเช้ามันเป็นเพียงซุปเท่านั้น และยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่ผ่านมาสองวันนี้

 

 

อาหารที่ร้านของมาร์นั้นอร่อยมากและมันดีสำหรับโนโซมุที่ซึ่งตอนนี้กำลังเจริญอาหารสุดๆ

 

 

อย่างไรก็ตามตอนที่เขากำลังจะออกจากห้องเรียน โนโซมุและเพื่อนๆก็โดนอาจารย์อันริหยุดไว้

 

 

เธอบอกว่าจิฮัดต้องการพบโนโซมุและเรียกตัวโนโซมุไปคนเดียว

 

 

โนโซมุสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าเขาก็ขอโทษมาร์และให้พวกเขาไปรอที่หน้าประตูหลัก

 

 

 

「ขอโทษนะที่จู่ๆก็เรียกมาแบบนี้……」

 

「เอ่อ ไม่เป็นไรหรอกครับ….」

 

โนโซมุกับจิฮัดนั่งเผชิญหน้ากันอีกครั้ง

 

 

เมื่อเอนตัวลงไปที่โซฟาก็สัมผัสได้ถึงความนุ่มสบาย

 

 

ขณะที่รู้สึกว่ามันต้องเป็นของราคาแพงแน่ๆ แต่โนโซมุก็รีบเปลี่ยนท่าทางและฟังเรื่องของจิฮัด

 

 

 

「เอ่อ…ถ้างั้นอาจารย์จิฮัดมีอะไรจะเล่าให้ผมฟังเหรอครับ?」

 

「อ่าาา พอดีสงสัยน่ะว่านายเรียนวิชาดาบมาจากใคร……」

 

ปกติแล้วที่สถาบันโซลมินาติไม่มีใครสอนวิชาดาบเลย เพราะไม่มีการแลกเปลี่ยนนักเรียนระหว่างประเทศ

 

 

นี่เองก็ไม่ใช่เหตุผลทางการเมือง ทะเลระหว่างประเทศตะวันออกกับทวีปนี้มันอันตรายมากเลยเดินทางมาได้ยาก

 

 

ทุกๆหกเดือน ทะเลจะสงบเพียงแค่เดือนเดียวและในช่วงเวลานั้นก็จะมีการทำความสัมพันธ์ทางการฑูตเล็กๆ

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น แม้จะเพียงแค่หนึ่งเดือน แต่สภาพอากาศและทะเลก็อบอุ่นกว่าทุกฤดูกาลอื่นๆ  

 

 

ตราบใดที่ความสัมพันธ์ทางการฑูตในวงกว้างเป็นเรื่องยากก็มีคนสอนวิชาดาบได้ไม่มาก

 

 

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ มีคนไม่กี่คนที่สามารถสอนให้โนโซมุเป็นนักดาบที่เก่งกาจได้ขนาดนี้? มันก็ไม่แปลกที่จิฮัดจะสนใจ

 

 

โนโซมุก็คิดว่ามันไม่ใช่ความลับอะไรที่ต้องปกปิด ดังนั้นเขาจึงตอบคำถามของจิฮัดด้วยท่าทีสบายๆ

 

 

อย่างไรก็ตาม มีเหตุผลอื่นที่จิฮัดยังกังวล

 

「เป็นหญิงชราชื่อชิโนะ เธออาศัยอยู่ในป่าชานเมืองจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ เธอพึ่งเสียชีวิตไป……」

 

「หืม….ชิโนะ?……」

 

ทันทีที่ได้ยินชื่อชิโนะจิฮัดก็ขมวดคิ้ว

 

 

ขณะที่โนโซมุสงสัยและกังวลเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นหรือไม่ เขาเองก็รอฟังคำตอบของจิฮัด

 

 

 

「อาจารย์ของนาย เกี่ยวกับผู้หญิงที่ชื่อชิโนะ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอมาจากประเทศตะวันออกใช่ไหม?」

 

「ครับ อาจารย์บอกว่าเธอถูกขับไล่ออกจากตระกูล เนื่องจากความวุ่นวายที่เกิดขึ้นและเธอได้หนีมายังทวีปนี้ เธอในตอนนี้ก็อายุประมาณ 80 ปี แต่ว่าเธอมาที่ทวีปนี้ตั้งแต่เมื่อ 60 ปีที่แล้วและอาศัยอยู่ตัวคนเดียวเป็นเวลานาน」

 

โนโซมุไม่เคยได้ยินรายละเอียดเกี่ยวกับอายุของชิโนะเลย

 

 

อย่างไรก็ตามหากพิจารณาจากการหมั้นของหญิงสาวแล้วอายุก็ต้องราวๆนั้น

 

 

จิฮัดที่ได้ฟังเรื่องราวจากโนโซมุ ก็พยักหน้าและลูบเครา

 

「อืม ถ้างั้นดาบของนายก็ได้รับสืบทอดมาจากอาจารย์สินะ?」

 

「ครับ เมื่อไม่นานมานี้ อาจารย์เสียชีวิตด้วยเนื่องจากโรคนอนไม่หลับ และผมได้รับสืบทอดมันมา」

 

เมื่อได้ยินว่าเธอเสียชีวิตแล้ว อินด้าและจิฮัดที่ฟังอยู่ก็เบิกตากว้าง โนโซมุไม่รู้ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่ แต่ดูเหมือนจะเกิดความสับสนขึ้น

 

 

ในอีกด้านหนึ่ง จิฮัดก็ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเรื่องการตายของชิโนะ แต่ตาของเขาก็จับจ้องไปยังดาบของโนโซมุ

 

「…ขอข้าดูหน่อยได้ไหม?」

 

「ครับ เชิญเลย……」

 

แม้ว่าจะสับสนเล็กน้อย แต่โนโซมุก็ยื่นดาบให้กับจิฮัด

 

 

เมื่อจิฮัดรับดาบมาเขาก็มองเข้าไปที่ใบมีดของมัน

 

 

ใบมีดส่องแสงเป็นประกายเบาๆเพราะแสงที่ตกกระทบ เมื่อจิฮัดดึงดาบออกมามันก็มีเสียงดังก้องไปทั่ว

 

 

เมื่อมองแวบแรกใบมีดนั้นดูแตกต่างจากดาบทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด

 

 

อินด้าสูดลมหายใจเข้า จิฮัดเองก็จ้องมองดาบอย่างสนใจมากๆ

 

「……เข้าใจแล้วล่ะ โนโซมุนายรู้จักชื่อดาบเล่มนี้รึเปล่า?」

 

จิฮัดเก็บดาบลงในฝักอย่างเงียบๆ แล้วส่งคืนให้โนโซมุ

 

 

โนโซมุส่ายหัวช้าๆ ขณะที่เก็บดาบเข้ากับเอว

 

 

 

「ไม่เลยครับ อาจารย์ไม่เคยพูดถึงชื่อดาบเล่มนี้เลยแม้แต่น้อย และก็ไม่ได้สลักชื่อไว้ด้วย」

 

「งั้นเหรอ……」

 

จิฮัดบ่นออกมาพร้อมกับคิดอยู่สักพัก

 

 

เขาจ้องมองที่ด้านข้างของดาบและพยายามคิดเกี่ยวกับอะไรสักอย่าง

 

 

 

「เอ่อ อาจารย์จิฮัดรู้เรื่องเกี่ยวกับดาบเล่มนี้หรือครับ?」

 

ดาบของอาจารย์ที่มากความสามารถ

 

 

โนโซมุนั้นเข้าใจดีว่าดาบนี้มันเหนือกว่าดาบไหนๆที่เขาเคยใช้มาทั้งสิ้น

 

 

นั่นเป็นเหตุผลที่เขาสงสัยว่าทำไมดาบเล่มนี้ถึงไม่มีชื่อ แต่สำหรับเขาความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในนั้นมันสำคัญกว่าตัวดาบเองเสียอีก

ดังนั้นเรื่องชื่อของดาบจึงเป็นรองลงมา แต่เมื่อพิจารณาจากสีหน้าของอาจารย์จิฮัดดูเหมือนจะพอทราบข้อมูลอยู่บ้าง

 

 

 

「พอดีข้าเองก็ไม่ค่อยคุ้นเคยกับคาตานะหรอก ก็เลยพูดไม่ถูก แต่ถ้าไม่มีชื่อที่ดาบแบบนี้ ก็นึกได้ถึงดาบเล่มเดียว บางทีเจ้าของดาบอาจจะจารึกมันไว้ว่า “ไร้นาม”」

 

「ไร้นาม? งั้นเหรอครับ……」

 

โนโซมุพึมพำ ราวกับสงสัย

 

 

“ไร้นาม” เป็นดาบที่ผู้สร้างไม่ได้แกะสลักชื่อเอาไว้ ส่วนใหญ่มันเป็นดาบที่ตีขึ้นมาได้ห่วยเลยไม่มีการลงสลักชื่อเอาไว้ แต่ดาบตัวนี้มันไม่ใช่เลยแม้แต่น้อย

 

 

อย่างไรก็ตามคุณภาพของตัวดาบแล้ว ยิ่งพูดถึงรูปลักษณ์มันห่างไกลเกินจะเรียกว่า “ไร้นาม” ดาบนั้นใช้งานมากเท่าไรก็ไม่มีการแตกหัก มันถูกตีขึ้นมาอย่างประณีตมาก

 

 

 

「แน่นอนว่าดาบ “ไร้นาม” ส่วนมากจะไม่ค่อยดีมากนัก แต่ว่าชื่อนี้เองก็มีความหมายอื่นสำหรับประเทศอื่นเช่นกัน」

 

จิฮัดจ้องมองไปที่ดาบอีกครั้งและค่อยๆพูดออกมาอย่างหนักแน่น

 

「มันมีความหมายอีกอย่างว่าเป็นดาบของวงศ์ตระกูลเก่าแก่ที่ถูกสร้างขึ้นโดยช่างตีดาบบางคน」

 

ตามคำกล่าวของจิฮัด มันเรียกได้ว่าเป็นดาบที่ดีที่สุดในทวีปเลยทีเดียว

 

 

ในความคิดของเขานั้น เขานึกถึงคำพูดของอาจารย์

 

 

“โลกนั้นไม่เที่ยงแท้เสมอไป ไม่มีอะไรที่อยู่กับที่ ทั้งเงิน ความรัก และ มิตรภาพล้วนกลายเป็นผงธุลีไปตามกาลเวลา ดังนั้น ดาบที่เปลี่ยนรูปและคุณภาพไม่จำเป็นต้องมีชื่อ!”

 

 

ดังนั้นมันเป็นดาบที่สร้างขึ้นและจะสึกกร่อนไปตามกาลเวลาและไม่ได้ตั้งชื่อให้กับมันเพราะไม่นานเดี๋ยวมันก็หายไปจากโลกใบนี้

 

「ดูเหมือนว่าดาบที่สร้างขึ้นจะเอาความคิดที่ว่า “ความไม่เที่ยงตรง” เป็นตัวกำหนด ว่ากันว่าธรรมชาติของดาบจะเปลี่ยนแปลงไปตามประวัติศาสตร์ที่ถูกวาดเอาไว้」

 

 

 

ซึ่งมันก็บอกได้ว่าคุณภาพของดาบจะดีหรือแย่ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ที่เปลี่ยนผ่านไปตามกาลเวลา

 

 

เมื่อมันไปอยู่ในการครอบครองของนักดาบผู้ใช้เปลวเพลิง ก็จะกลายเป็นดาบลาวาที่ร้อนระอุที่แผดเผาทุกสิ่ง เมื่อไปอยู่ในมือของผู้ที่เย็นชาดุจน้ำแข็ง ดาบนั่นก็จะสร้างความสั่นสะท้านให้กับศัตรู

 

 

 

「แต่ถึงแม้จะไม่มีมัน คุณภาพของดาบก็ถือว่าดีที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา และนักดาบหลายคนต่างแสวงหาดาบเล่มนี้จนต้องหลั่งเลือดกันอย่างมากมาย และทุกครั้งที่ดาบเล่มนี้ดูดเลือดของเหยื่อมันจะยิ่งทำให้ผู้คนคลั่งมากขึ้นไปอีก」

 

 

 

“การเปลี่ยนผ่านตามธรรมชาติ”ทำให้เกิดวงจรอุบาทว์นี่ขึ้น

 

 

ด้วยเหตุผลดังกล่าว มันเป็นดาบที่คร่าชีวิตผู้คนมามากดังนั้นจึงไม่มีการ “ลงนาม” ซึ่งมันเป็นดาบที่อันตรายอย่างยิ่งสำหรับประเทศตะวันออก

 

 

บอกตามตรง โนโซมุไม่คิดเลยว่าสเกลดาบที่เขาใช้มันจะไร้สาระถึงเพียงนี้

 

 

มันดูเหมือนกับนักต้มตุ๋นมากกว่า

 

 

 

「ซึ่งชิโนะ・มิคางุระ เชี่ยวชาญดาบดั่งกล่าว และเป็นปรมาจารย์สำนักดาบมิคางุระและเป็นลูกของนักดาบที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะตั้งแต่ก่อตั้งมา ดูเหมือนว่าเธอจะ รวบรวมผู้คนลงไปใน “ไร้นาม”นี่จำนวนมากเลยทีเดียว」

 

 

 

「มิคางุระ……」

 

「ใช่ นี่นายไม่ทราบสำนักดาบตัวเองงั้นเหรอ?」

 

「ครับ ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้จากอาจารย์เลยแม้แต่น้อย และก็ไม่ได้สนใจด้วย……」

 

ในเวลานั้นโนโซมุต้องการจะหนีความจริงและตามหาความแข็งแกร่งเขาไม่ได้สนใจสิ่งอื่น

 

 

ด้วยเหตุผลนั้นเขาจึงหมกมุ่นฝึกฝนวิชาดาบของชิโนะ เขาได้แต่คิดว่าต้องฝึกฝนต่อไปให้เก่งขึ้นโดยไม่ได้สนชื่อสำนักดาบเลยแม้แต่น้อย

 

 

ตัวชิโนะเองก็ไม่ได้กังวลเรื่องของโนโซมุมากนักในตอนนั้น และอาจจะมีความรู้สึกลังเลอยู่บ้างที่เอาสำนักดาบจากบ้านเกิดมาใช้สอนลูกศิษย์

 

 

นอกเหนือจากนั้น โนโซมุที่ไม่รู้จักชื่อสำนักดาบของตัวเอง ดูเหมือนว่าครอบครัวมิคางุระจะเป็นเจ้าของ “ไร้นาม”ที่ชิโนะได้ครอบครองมันไว้ตามที่จิฮัดกล่าว

 

 

แต่เมื่อชิโนะออกจากบ้านเกิดไปเธอก็ได้สูญเสียแทบจะทุกสิ่ง

 

 

 

(บางทีดาบที่ผมเคยใช้มาจนถึงตอนนี้ก็……)

 

แม้ว่าคำสาปจะได้รับการคลี่คลายแล้ว โนโซมุรู้สึกว่ากระดูกสันหลังของเขานั้นจะสั่นกลัวเพราะมันเป็นดาบที่หลั่งเลือดเพื่อผลิกแผ่นดินหากันในประเทศตะวันออก

 

 

จิฮัดยังคงพูดต่อไปโดยไม่รู้ว่าโนโซมุคิดอะไร

 

 

 

「ไม่รู้จักกันโดยตรงแต่รู้จักชื่อ เจ้าหญิงแห่งดาบผู้ที่อาศัยอยู่ทางทิศตะวันออก ไม่เพียงแต่เป็นผู้ครอบครองวิชาดาบอันแสนเป็นเลิศ แต่เนื่องจากรูปลักษณ์อันงดงาม ทำให้เธอเปรียบเสมือนไข่มุกสีดำ」

 

 

 

「ไข่มุกสีดำ….?ผู้หญิงคนนั้นเนี่ยนะ……….อาจารย์ของผมเนี่ยนะครับ?」

 

โนโซมุสงสัยเกี่ยวกับคำว่าไข่มุกสีดำ

 

 

สิ่งที่เข้ามาในหัวของเขาคือหญิงชราที่ยิ้มออกมาเหมือนกับเด็กและชอบกินเซมเบ้กับชาเป็นอย่างมาก เป็นร่างของยักษาที่ฟาดดาบพร้อมกับรอยยิ้มอันแสนเยือกเย็นนั่น

 

 

ไข่มุกดำที่กล่าวว่ามีพลังแห่งความบริสุทธิ์ ความไร้เดียงสา และการหลบเลี่ยงภัยพิบัติ

 

 

ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ไม่เห็นจะเหมาะกับรูปลักษณ์ของยายแก่ที่ชอบกินเซมเบ้และชอบฝึกโหดให้กับเขาแบบไร้เหตุผลเลยสักนิด

 

 

อย่างไรก็ตาม ไข่มุกสีดำนั้นแข็งแกร่งในแง่ของความพิเศษมันสามารถกลืนกินสีได้ทุกสี เรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างมาก

 

 

ถ้าคิดว่ามัน “บริสุทธิ์” มันก็อาจจะดูเด็กๆแล้วพูดได้เลยว่าเป็นคำที่ดูดีเกินไปสำหรับอาจารย์คนนั้นแต่ว่าสำหรับลูกศิษย์บางคนจะคิดว่าเป็น “เด็ดเดี่ยว”มากกว่า

 

 

อย่างไรก็ตามความทรงจำในการฝึกของโนโซมุนั้นคลุมเครือจนไม่สามารถพยักหน้าตอบรับได้

 

「เอ่อ แม้กระทั่งอาจารย์ตัวเองก็ไม่รู้จัก?」

 

「ครับ ก็อาจารย์ไม่ค่อยได้พูดถึงตัวเองเท่าไรเลย」

 

โนโซมุที่ได้ฟังเรื่องราวของชิโนะฉบับคุยกันเอง แม้ว่าจะได้รับการสอนสั่งอย่างเข้มงวดจากเธอ แต่ว่าเธอก็ไม่เคยพูดเรื่องบ้านเกิดแบบจริงๆจังๆ

 

 

ชิโนะไม่ได้อยากพูดและโนโซมุเองก็ไม่อยากขัดความต้องการของเธอ

 

 

ชิโนะเองก็เช่นกัน

 

 

ในที่สุดความคิดของพวกเราก็ลงรอยกันสักที แต่ว่าพวกเราไม่มีเวลามากจนมาพูดคุยทั้งชีวิตของกันและกันหรอก

 

 

 

「จริงๆ….นั่นคือทั้งหมดที่อยากถาม ขอโทษด้วยนะ ใช้เวลามากไปหน่อย」

 

「เอ่อ ไม่หรอกครับผมเองก็ดีใจที่ได้ยินเรื่องของอาจารย์」

 

จิฮัดลุกขึ้นจากโซฟา บางทีนี่อาจจะเป็นจุดสิ้นสุดของบทสนทนาแล้วโนโซมุก็ลุกตาม

 

「งั้นขอตัวนะครับ」

 

โนโซมุขอบคุณพวกจิฮัดและออกไปข้างนอก อันริเองก็ออกจากห้องไปด้วย

 

 

หลังจากที่ได้เห็นทั้งสองคน จิฮัดก็ถอนหายใจออก

 

 

ขณะมองขึ้นไปบนเพดาน เอนหลังพิงโซฟาแล้วผ่อนคลาย

 

 

 

「เข้าใจแล้ว เป็นลูกศิษย์โดยตรงของเจ้าหญิงนักดาบคนนั้น…นอกจากนี้ความจริงที่ว่าเขาได้สืบทอดดาบของอาจารย์ของตัวเองมา ซึ่งมันหมายความว่าตอนนี้เขาได้กลายเป็นนักดาบเต็มตัวแล้วนั่นเอง」

 

「เอ่อ….ภายในระยะเวลาเพียงสองปีเนี่ยนะคะ……」

 

จิฮัดกอดอกและเชื่อมั่นเช่นนั้น แต่อินด้ายังคงประหลาดใจ

 

 

แม้แต่สำหรับเธอ เธอไม่เคยคิดว่าโนโซมุ เบลาตี้ที่เกือบจะถูกไล่ออกอยู่แล้ว เป็นลูกศิษย์โดยตรงของนักดาบที่มีชื่อก้องโลกจากทวีปอันไกลโพ้น

 

 

 

「แต่ด้วยฝีมือดาบอันสุดแสนประณีตของเขา ข้าถึงได้มั่นใจ แม้ว่าจะมีความแตกต่างระหว่างดาบและคาตานะ แต่ทักษะเราไม่ได้ต่างกันมากมาย ค่อนข้างจะมีประสิทธิภาพเหนือกว่าข้าอีกในด้านการควบคุมพลัง คิ ของเขา」

 

「……ขนาดนั้นเลยเหรอคะ? แต่ว่า “ไร้นาม” นั้นจะคู่ควรกับเขาจริงๆงั้นเหรอคะ」

 

ดาบของเขานั้นคือ “ไร้นาม” และเรียกได้ว่าเป็นของสำนักดาบมิคางุระ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ควรจะอยู่ในเมืองอาร์คาซัมแห่งนี้

 

 

นอกจากนี้การสืบทอดดาบของอาจารย์มา แสดงว่า ชิโนะ มิคางุระ ยอมรับเขาเป็นลูกศิษย์อย่างถูกต้อง

 

 

ถ้างั้นปฏิกิริยาทั้งในและนอกสถาบันละ? พูดตามตรงความเห็นของอินด้าก็บอกอะไรไม่ได้

 

 

 

「นอกจากนี้ยังมีกรณีของไซคลอปส์ก่อนหน้า ตอนนี้ฝ่ายค้านเองก็พยายามประท้วงเรื่องอบีต……」

 

อินด้ายังคงพูดออกมาด้วยสีหน้ากังวล

 

 

อย่างไรก็ตาม ตรงกันข้ามกับการแสดงออกอันขมขื่นของเธอ การแสดงออกของจิฮัดกลับสงบ ราวกับว่าแสดงออกถึงความโศกเศร้า

 

 

 

「ไม่แน่ใจเรื่องรายละเอียดมากนัก แต่ว่าฝีมือที่สังหารไซคลอปส์ นั้น ไม่ใช่ ชิโนะ มิคางุระ ก็เป็นโนโซมุ เบลาตี้เอง」

 

จิฮัดที่ได้ยืนยันศพในที่เกิดเหตุกับตาก็ตอบอย่างมั่นใจ

 

 

พลังในการสังหารนั้นเป็นเพลงดาบมิคางุระแน่นอน เช่นเดียวกับตอนการประลอง

 

 

เป็นที่เข้าใจดีว่าไซคลอปส์ได้รับความเสียหายถึงตายในดาบเดียว หากเป็นเทคนิคนั่นที่โนโซมุใช้ในการทำลายโล่และดาบของเขา

 

 

 

「เนื่องจากเขามี “พันธนาการ” จึงมีแนวโน้มว่าจะเป็น ชิโนะ มิคางุระ มากกว่า แต่ในกรณีใดๆเราก็ยังไม่มีหลักฐานยืนยันที่แน่ชัด ดังนั้นต้องหาบางสิ่งเพื่อยืนยันแต่ว่ามันก็ไม่มีเหตุผลสำหรับทั้งคู่ที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในเมืองนี้」

 

นอกจากโนโซมุที่โดน “พันธนาการ” ชิโนะ มิคางุระ ก็สามารถสังหารพวกมันได้อย่างไม่ยากเย็น จิฮัดคิดแบบนั้น

 

 

จริงๆแล้ว ชิโนะ มิคางุระไม่มีใครรู้จักเลย และเธอไม่เคยปรากฏตัวออกมาให้ใครเห็นตั้งแต่ออกมาจากบ้านเกิด บางทีเรื่องราวที่ว่าเธออาศัยอยู่ในป่าอาจเป็นเรื่องจริง

 

 

แต่ว่ามันก็นานเกินไปที่ซ่อนตัวอยู่ในนั้น และถึงกระนั้น เวลาที่เธอมาถีงที่ทวีปนี้และเวลาที่สร้างอาร์คาซัมมันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

 

 

อย่างที่อินด้าบอก คนที่แบกรับตำแหน่งและความรับผิดชอบไม่สามารถมองข้ามเรื่องนี้ได้

 

 

อย่างไรก็ตาม กรณีของไซคลอปส์ มีบางส่วนที่ต้องควบคุมข้อมูล เพราะมีการเอาชนะโอเกอร์อยู่ด้วย

 

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อทราบถึงตัวตนของอีกฝ่ายแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องระวังให้มากนัก สิ่งที่ต้องทำก็คือทุ่มเทความพยายามไปในสิ่งที่ต้องการ

 

 

ในแง่นั้นเรียกได้ว่าความกังวลของจิฮัดได้รับการบรรเทาลง

 

「นอกจากนี้ การต่อสู้ในการต่อสู้จำลองของเขาก็ยังเป็นการต่อสู้อันแสนยอดเยี่ยมและจะกระตุ้นผู้คนได้มาก」

 

การมีอยู่ของโนโซมุ เบลาตี้ ไม่ใช่ตัวตนธรรมดาอีกต่อไป แต่เป็นตัวตนอันแสนยิ่งใหญ่ที่สามารถสู้กับจิฮัดได้อย่างสูสี

 

「มันจะช่วยส่งเสริมทรัพยากรมนุษย์ที่พวกเราหล่อเลี้ยง ซึ่งคิดว่าเมฆดำที่ปกคลุมสถาบันเรามาอย่างยาวนานน่าจะได้หายไปบ้างแล้ว」

 

สถาบันโซลมินาติพยายามชุบเลี้ยงคนที่มีความสามารถเข้ามาในสถาบันเพื่อค้นหาผู้คนที่จะช่วยเหลือจากสถานการณ์อันแสนสิ้นหวังจากการรุกรานเมื่อสิบปีก่อน ดังนั้นทำให้พวกเขาต้องค้นหาทรัพยากรมนุษย์เพื่อต่อต้านอำนาจต่างๆ

 

 

จิฮัดนั้นจัดตั้งที่นี่ขึ้นมาก็เพื่อจุดประสงค์นั้นและเตรียมรับมือกับการรุกรานครั้งใหญ่ที่อาจจะเกิดขึ้นอีกครั้ง

 

 

อย่างไรก็ตาม คุณภาพของนักเรียนที่นี่นั้นเริ่มออกห่างจากเป้าหมายที่พวกเขาตั้งเป้าเอาไว้อย่างมาก

 

 

 

「อย่างที่อาจารย์อินด้าสังเกตเห็น สถาบันนี้ยังยึดติดกับแนวคิด “ชนชั้น”อยู่」

 

สถาบันนั้นใช้วิธีกรองความสามารถของนักเรียนตามเกรด

 

 

อย่างไรก็ตามเกือบ 10 ปี ผ่านมาแล้วสถาบันเองก็ยังยึดติดแบบเดิมอยู่อย่างนั้น

 

 

ผลที่ได้คือการหล่อเลี้ยงบุคลากรที่มีความสามารถแค่บางส่วนเท่านั้นเอง

 

 

ในแง่กองกำลังมาตราฐานทางการทหารอาจจะมีประโยชน์และกระจายคนได้ง่ายแต่มันไม่เหมาะกับการ “ฝึกบุคลากรเพื่อรับมือกับการรุกรานครั้งใหญ่”

 

 

อย่างไรก็ตามนักเรียนในสถาบันนั้นก็ยึดติดอยู่กับแนวคิดของห้องและพยายามรักษาไว้ซึ่งเกรดเท่านั้น

 

 

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตอนนี้ก็คือการใช้บุคคลที่อยู่ในห้องที่อยู่ลำดับล่างสุดมาจัดแสดงโชว์อันสุดแสนอัศจรรย์และมากความสามารถทำให้ทลายแนวคิดที่ว่า “อย่ายึดติดกับห้อง”ได้สำเร็จแล้วนั่นเอง

 

 

 

「อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ของโนโซมุ เบลาตี้ ได้ปัดเป่าข่าวลือด้วยใช่ไหม?」

 

จิฮัดพยักหน้าเงียบๆ

 

 

ในแง่นั้นการต่อสู้อันแสนหนักหน่วงของโนโซมุ เบลาตี้นั้นถือเป็นโชคที่คาดไม่ถึงสำหรับทั้งสองฝ่าย

 

 

นักเรียนห้อง 10 ที่ถูก “พันธนาการ” สามารถเข้าหาวีรบุรุษระดับทวีปและต่อสู้ได้อย่างดุเดือด ผลกระทบมันก็ได้ทำลายแนวคิดตรรกะป่วยๆทั้งหลายออกไป

 

 

อันที่จริง ผลมันก็เริ่มทำให้เห็นแล้วในเหล่านักเรียนปี 1

 

 

เมื่อพิจารณาถึงผลนั่น มันก็แค่เรื่องเล็กน้อยที่ว่าลานฝึกไม่สามารถใช้ได้เพียงแค่หนึ่งสัปดาห์

 

「……เข้าใจแล้ว ถ้างั้นจะทำตามความต้องการของท่านจิฮัด」

 

อินด้าครุ่นคิดอย่างหนัก แต่ในตอนท้ายเธอก็พยักหน้า ใบหน้าของจิฮัดในตอนนั้นมันยังอยู่ในตาของเธอ

 

「หลังจากนั้น ดาบเล่มนั้นมันกวนใจอยู่หน่อยๆ ที่บอกว่าดาบจะเปลี่ยนแปลงไปตามความสามารถของผู้ใช้งาน」

 

อินด้ายืนกรานราวกับเห็นด้วยกับคำพูดของจิฮัด

 

 

อย่างไรก็ตามทันทีที่ได้ยินคำต่อไปนี้ เหงื่อเย็นๆก็ไหลออกมาจากใบหน้า

 

「ถ้างั้นจะให้มันดีก็ให้โนโซมุได้ต่อสู้กับข้าบ่อยๆในการต่อสู้จำลองให้เป็นเรื่องธรรมดาสามัญ จากนั้นก็จะสามารถสำรวจตัวเขาและดาบได้ในเวลาเดียวกัน」

 

「……เอ่อ แน่ใจแล้วเหรอคะ?」

 

แม้ว่าจะเงียบไปชั่วครู่หนึ่ง แต่อินด้าก็ยังพูดต่อ

 

 

เป็นเพราะปวดหัวรึเปล่า

 

「ไม่เป็นไรหรอก ข้าจะไม่เล่นหนักเหมือนคราวที่แล้วจนต้องหามส่งเข้าโรงบาลหรอกนะ」

 

「ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ ! ไม่สิ มันก็จริง….หากจะทำก็ช่วยไปสู้กันที่เขตชายเมืองด้วยค่ะ !ฉันขอโทษนะคะดิฉันทนรับเสียงระเบิดตู้มต้ามทุกวันไม่ไหวหรอกนะคะ แถมยังมีคนตกเป็นเหยื่อมากมายขึ้นเรื่อยๆแบบนี้แย่แน่ๆค่ะ ! ถ้าครั้งหน้ายังสร้างความเสียหายใหญ่ๆอีกดิฉันจะลงมติโหวตไล่คุณออกจากสถาบันแน่ๆ!」

 

「…………」

 

ดูเหมือนว่าอินด้าจะอดทนไม่ไหวแล้ว

 

 

จิฮัดพูดอะไรไม่ออกเมื่อเห็นเธอบ่นแบบนั้น

 

 

เพราะเธอโกรธเอกสารเลยมากกว่าเดิมอีก ! กองเอกสารนี่มันสูงเท่าภูเขาเลากาเลยทีเดียวเชียวนะ

 

 

ในที่สุดจิฮัดก็ขดตัวและล้มตัวลงบนโต๊ะ บางทีอาจเพราะไม่สามารถอดทนต่อกองเอกสารที่ถูกตีบวกขึ้นมาได้เรื่อยๆนั่นเองรึเปล่า

 

 

◆◇◆

 

 

ในทางกลับกัน โนโซมุและอันริที่แยกกันโดยไม่ได้สังเกตเห็นโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับจิฮัด

 

「 “ไร้นาม”งั้นเหรอ….ดูเหมือนว่าจะตกระกำลำบากมามากเลยสินะ แกเองก็คงจะผ่านเรื่องราวมากมายมาเช่นกัน」

 

ขณะที่เดินอยู่บนทางเดินโนโซมุแตะดาบของเขาและพูดอยู่คนเดียว

 

 

เขารู้สึกว่ามันเป็นดาบที่มีเสน่ห์ลึกลับ แต่ดูเหมือนว่าที่มาของมันก็ลำบากเช่นกัน

 

 

อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง โนโซมุคิดว่าคงไม่มีบางอย่างเกิดขึ้นในตอนนี้ เมื่อพิจารณาถึงอาจารย์แล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่มีการจารึกลงไปจริงๆ

 

 

เหนือสิ่งอื่นใดโนโซมุไม่อยากยกดาบเล่มนี้ให้ใคร

 

 

ไม่มีดาบอื่นใดที่จะมาแทนที่ได้อีกแล้ว มันเป็นดาบที่เต็มไปด้วยความรู้สึกของอาจารย์แม้ว่าจะมีทองคำกองสูงอยู่เท่าฟ้าก็ตาม เขาก็ไม่ยอมยกมันให้กับใคร

 

 

 

「ก็ไม่สนใจอะไรแล้วล่ะ แล้วไม่คิดจะปล่อยแกไปไหนอีกแล้ว……」

 

เมื่อจับด้ามดาบเบาๆ เขาก็รู้สึกได้ว่าเย็นสบาย

 

 

สัมผัสนั้นผ่อนคลายอย่างมาก

 

 

ดูเหมือนว่าจะเป็นคำตอบของ “ไร้นาม” ที่ตอบกลับโนโซมุ

 

 

 

「ถึงอย่างงั้น ก็เป็นสำนักดาบมิคางุระงั้นเหรอ……」

 

จริงๆแล้วโนโซมุไม่เคยสงสัยว่าสำนักดาบของเขาคืออะไร

 

 

จนถึงตอนนี้ มันเป็นสิ่งที่ใช้หลบหนีตัวเองมาตลอด

 

 

อย่างไรก็ตาม หากได้ยินชื่อนี้ขึ้นมาก็ไม่แปลกที่จะสงสัย

 

 

ชิโนะนั้นเคยอยู่ในตระกูลอันเก่าแก่และมีชื่อเสียงในประเทศตะวันออก

 

 

แล้วความหมายของวิชาดาบสำหรับประเทศนั้นคืออะไร?

 

 

คำถามดังกล่าวเกิดขึ้นในใจ

 

 

 

「……มาหาคำตอบกันดีกว่าไหม?」

 

คราวหน้าเขาคิดว่าจะค้นหาข้อมูลในห้องสมุด โนโซมุค่อยๆเดินไปที่ประตูหลักเพื่อหาเพื่อนสนิทของเขา

 

 

โนโซมุพยายามมองหา อย่างไรก็ตามที่มุมหนึ่ง นั้นมีผมสีแดงเข้มปรากฏเข้ามาในสายตาของเขา

 

 

 

「……เอ๋?」

 

โนโซมุตกใจอย่างมาก

 

 

คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นคนที่ไม่คาดคิด

 

 

เธอหันหลังให้กับโนโซมุที่ยืนตัวแข็งด้วยความตกใจและยืนอยู่ตรงนั้นขณะก้มหน้าลง

 

 

โนโซมุเองก็ตกใจและหยุดคิดทุกอย่าง

 

 

ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่? ที่นี่คืออาคารของเหล่าอาจารย์ และเป็นส่วนที่นักเรียนจะไม่เข้ามาเว้นแต่จะมีความจำเป็นบางอย่าง

บนชั้นนี้เองก็มีห้องของจิฮัด ห้อง ผอ.

 

 

ถึงอย่างนั้นเขาก็พบกับลิซ่าที่ยืนอยู่ตรงหน้านั้น

 

「ออกจากโรงพยาบาลแล้วเหรอ……」

 

น้ำเสียงที่อ่อนโยนทำให้นึกถึงสมัยก่อนดังก้องอยู่ในหูของโนโซมุ

 

 

โนโซมุตอบออกไป แม้ว่าจะดูตกใจนิดหน่อย

 

 

 

「อ่า อาการบาดเจ็บค่อนข้างแย่และร่างกายก็เกือบไปไม่รอดแล้ว แต่ไอริสก็ช่วยรักษาผมไว้น่ะ」

 

โนโซมุเกาหัวขณะมองดูผ้าพันแผลที่พันรอบตัวเขา

 

 

ลิซ่าหันไปทางอื่น จ้องไปที่โนโซมุโดยไม่แสดงอารมณ์ออกมา

 

 

สายตาของเธอนั้นจดจ้องไปทั่วทั้งร่างของโนโซมุ ราวกับตรวจร่างกายของเขา

 

 

 

「งั้นเหรอ……」

 

อย่างไรก็ตามคำพูดที่ออกมาจากปากก็ไม่ได้เป็นมิตรเลย

 

 

ลิซ่านั้นไม่มีความรู้สึกใดๆกับเขาเลยแม้แต่น้อย แต่โนโซมุก็ไม่ได้นึกเสียใจ พวกเขาจ้องมองกันอย่างเงียบๆและมีเพียงเวลาที่ผ่านไป

 

「…………」

 

「…………」

 

ลิซ่าจ้องมองเขาและโนโซมุก็จ้องมองไปที่เธอ

 

 

โนโซมุเปิดปากพูดขึ้นมาก่อนเพราะคิดว่าบรรยากาศมันไม่ใช่

 

 

 

「เอ่อ ลิซ่า แล้วเธอมาที่นี่ทำไม……」

 

「ก็แค่บังเอิญผ่านทางมา」

 

ก่อนที่โนโซมุจะพูดเสร็จ ลิซ่าก็พูดออกมา

 

 

ลิซ่าอารมณ์เสียมากตอนที่พูดออกมา แต่ว่าตอนนี้ก็ยังคงน้ำเสียงเอาไว้

 

 

โนโซมุไม่รู้หรอกว่าตอนนี้ลิซ่ารู้สึกยังไง

 

 

อย่างไรก็ตามสำหรับโนโซมุ นัยน์ตาของลิซ่าที่จ้องมองมาอย่างเย็นชาดูจะสั่นเล็กน้อย

 

 

 

「……งั้นเหรอ」

 

โนโซมุพูดแค่นั้นแล้วยิ้มออกไป

 

 

ด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม เขายินดีที่ลิซ่ายังคงตอบกลับเขาบ้าง

 

 

ลิซ่าที่เห็นโนโซมุยิ้มออกมาก็ก้มหน้าลงและมีใบหน้าบิดเบี้ยวและจ้องมองมาที่เขาด้วยความกดดัน

 

 

อารมณ์เธอเปลี่ยนแปลงง่ายมาก

 

 

ราวกับเป็นระลอกคลื่น และเมื่อมันพังทลายลงหัวใจที่เต้นขึ้นสูง โนโซมุก็ไม่รู้ได้เลยว่าความรู้สึกของเธอในตอนนี้ สื่อถึง ความเหงา ความโกรธ หรือความน่าสมเพชกันแน่

 

 

สำหรับโนโซมุมันทำให้เขารู้สึกได้ถึงระยะห่างของทั้งสอง

 

 

ตอนที่พวกเขาคบกัน เขาสามารถบอกได้เลยว่าลิซ่าคิดอะไรอยู่เพียงแค่มองตา และเธอก็ส่งรอยยิ้มที่ทำให้ใจเขาเต้นรัวในตอนนั้นและเขาเองก็ยิ้มตอบกลับเธอ

 

 

แต่ปัจจุบันนี้เขาไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกของลิซ่าได้อีกต่อไปแล้ว แม้ว่าเขาจะหลงใหลในแววตาของเธอ แต่เขาก็อ่านความรู้สึกเหล่านั้นไม่ออกและรู้สึกห่างไกลกันมากขึ้นเรื่อยๆ

 

 

อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดจะเงียบอีกต่อไป

 

 

โนโซมุพูดออกมาทั้งๆที่มีความรู้สึกเจ็บปวดอยู่ในอก

 

 

ความสันพันธ์ที่แตกสลาย อย่างที่เทียแมตเคยพูดเอาไว้ ผมกับลิซ่านั้นล้วนแตกสลายทั้งสองฝ่าย แต่อย่างน้อยผมก็มีเรื่องที่อยากจะยืนยัน

 

「นี่ ลิซ่า เธอยังคงไล่ตามความฝันของเธออยู่รึเปล่า?」

 

โนโซมุถามออกไปแบบนั้นเพราะเขายังคงกังวลไม่ตก

 

“ถ้าลิซ่าไล่ตามความฝันของเธอได้”

 

นั่นคือเหตุผลที่โนโซมุมาที่นี่ ความรู้สึกที่ปฏิเสธเท่าไรก็ไม่สามารถปฏิเสธมันได้เลย

 

 

เขาก็แค่อยากจะทำให้แน่ใจว่าเธอยังคงทำตามฝันและไล่ตามฝันอยู่

 

 

โนโซมุกลืนความรู้สึกเหล่านั้นลงไปในอกและรอคำตอบของลิซ่า

 

「……ช่างมันเหอะ」

 

ลิซ่ามองออกไปราวกับหลบตาโนโซมุและพยายามจากไปทั้งๆแบบนั้น

 

「ลิซ่า รอก่อนสิ」

 

โนโซมุพยายามเอื้อมมือออกไปเพื่อหาลิซ่า แต่ว่ามือก็ต้องหยุดลงด้วยเสียงเรียกกะทันหัน

 

「โนโซมุ คุยกับอาจารย์จิฮัดเสร็จแล้วเหรอ?」

 

โนโซมุที่แปลกใจที่จู่ๆก็ถูกเรียก และหันไปมองก็พบกับเหล่าเพื่อนๆของเขาที่น่าจะรออยู่ที่ประตูหลัก

 

 

ลิซ่าที่เห็นไอริสปรากฏตัวมาก็เดินหนีไปอย่างเงียบๆ

 

 

เมื่อโนโซมุจ้องมองไปที่ไอริส ลิซ่าก็ได้หายตัวไปแล้ว และเขาพลาดโอกาสที่จะได้ตามเธอไป

 

 

 

「โนโซมุ เป็นอะไรไป?」

 

โนโซมุมองไม่เห็นลิซ่าอีกแล้ว ไอริสก็พยายาเรียกโนโซมุที่ตัวแข็งไป

 

「……เอ่อพอดีเมื่อกี้ลิซ่าอยู่ตรงนั้น」

 

「งั้นเหรอ….แล้วได้คุยกันไหม?」

 

「ไม่เลย ไม่ได้คุยเป็นเรื่องเป็นราวสักที」

 

เสียงของโนโซมุนั้นแสดงความเคอะเขินออกมา เขาพลาดโอกาสมาหลายครั้งแล้ว

 

「……ขอโทษนะแต่ว่าขอเวลาอีกสักหน่อยได้ไหม」

 

เสียงของไอริสอ่อนลงเล็กน้อย อาจเป็นเพราะเธอมาขัดจังหวะ

 

 

โนโซมุส่ายหัว

 

「ไม่หรอก ไม่ใช่เพราะไอริส ผมไม่คิดอยู่แล้วว่าผมกับลิซ่าจะพูดกันได้มากมายนัก」

 

ครั้งนี้ มันเป็นครั้งแรกที่ลิซ่าเข้าหาเขาก่อนในรอบหลายปี

 

 

อย่างไรก็ตาม สายตาแม้จะมีความหลงใหลเหลืออยู่แต่ว่าโนโซมุก็เป็นคนที่ทรยศเธออยู่ดี

 

 

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเธอจะไม่ได้โกรธโนโซมุเท่านั้นแต่ยังมีอารมณ์อื่นๆปะปนอยู่ในแววตาคู่นั้น

 

 

แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือปฏิกิริยาคำพูดสุดท้ายที่เธอตอบกลับมาหาเขา

 

「นอกจากนี้ผมได้รู้ความรู้สึกจริงๆของลิซ่าแล้ว」

 

ท่าทางของเธอและคำพูดที่เลี่ยงจะไม่ตอบคำถามของโนโซมุที่ถามถึงสองรอบนั้นมันชัดเจน

 

 

นั่นคือคำที่คามิลล่าเคยพูดเอาไว้

 

 

 

“……ลิซ่าเองก็ก้าวไปข้างหน้าไม่ได้เลยตั้งแต่นั้นมา”

 

คำพูดนั้นผุดขึ้นมาในใจของโนโซมุ

 

 

ถ้ามันใช่ ก็คือตอนนี้ลิซ่า….

 

 

 

「โนโซมุคุง?」

 

「อาา ไม่มีอะไร」

 

ซีน่าจ้องมองมาที่ใบหน้าของโนโซมุ

 

 

โนโซมุตกใจที่จู่ๆซีน่าก็ปรากฏตัวต่อหน้าเขา แต่ว่าก็ไม่เห็นลิซ่าอีกต่อไปแล้ว  

 

 

แม้ว่าเขาจะไล่ตามไปในตอนนี้ก็อาจจะไม่ทันแล้วก็ได้

 

「อืม….โอเค!」

 

ขณะที่ถอนหายใจ โนโซมุก็แต่แก้มตัวเองเบาๆ

 

 

พวกเพื่อนๆจะฉลองให้ผมที่ออกจากโรงพยาบาลจะมาทำหน้าเศร้าไม่ได้

 

 

 

「เอาล่ะไปกันเถอะ ตั้งแต่เมื่อวานได้กินแต่ของจืดๆ เลยอยากจะกินอะไรที่มันเผ็ดร้อนแล้ว」

 

「ไม่ต้องห่วง ! วันนี้มาร์คุงเลี้ยง?」

 

ฟีโอนั้นทำท่าทางมีความสุขและวางมือลงบนไหล่ของมาร์

 

 

จะเห็นได้ชัดว่า มีเจตนามืดมนอย่างชัดเจนเลยหมอนี่

 

 

 

「ไม่ นอกจากโนโซมุแล้ว พวกที่เหลือแยกบิลต่างหาก โดยเฉพาะแกต้องจ่าย 20% ของทุกคน」

 

อย่างไรก็ตามมาร์ตอกกลับทันทีเพราะรู้ใจจริงของฟีโอ

 

「ทำไมกัน ! ไม่เห็นเป็นธรรมเลย!?」

 

「ค่าซ่อมร้านที่ครั้งที่แล้วแกอาละวาดยังจ่ายไม่หมด ยังมีหน้ามาบ่นอีกเหรอ?」

 

อืมโดนจังๆ

 

 

ฟีโอหันหน้าหนีกลอกตาไปมาราวกับไม่รู้ไม่ชี้

 

 

 

「……เอ่อ พอดีจำได้ว่ามีงานขึ้นมาน่ะ」

 

ฟีโอพูดแบบนั้นและพยายามจะจากไป

 

 

อย่างไรก็ตาม ไม่รอดแน่ๆเพราะอยู่กับนักทวงหนี้ของเมืองนี้ยังไงล่ะ

 

 

จากนั้นก็โดนลากคอกลับมาทันที

 

 

โดนล็อคคอแบบสมบูรณ์แบบ

 

 

 

「เอาล่ะไปกันเถอะ ดูเหมือนว่าฟีโอจะเลี้ยงนะวันนี้」

 

ราวกับตอบแทนที่พยายามจะหนีก่อนหน้านี้ มาร์ประกาศอย่างแจ่มแจ้ง

 

「ดีล่ะถ้าอย่างงั้นก็ไม่เกรงใจละน้า!」

 

「ไม่เกรงใจละนะคะ!」

 

มิมูรุและโซเมียพูดออกมา

 

 

ขณะที่โนโซมุคิดว่าโซเมียอย่าได้ไปเลียนแบบนิสัยแปลกๆของมิมูรุ ซีน่าและทอมก็ตบไหล่ฟีโอและบอก “อาริกาโตะ” พร้อมกับตามพวกมิมูรุไป

 

「เดี๋ยว ! ข้าน้อยยังไม่ได้พูดเลยน้าาาาาาา!」

 

ฟีโอกรีดร้องอย่างสิ้นหวัง แต่ทุกคนไม่สนใจ

 

 

นอกจากนั้นใบหน้าของฟีโอเริ่มซีด เพราะหมดตัวเมื่อเร็วๆนี้นั่นเอง แต่เห็นได้ชัดว่าฟีโอมันเจ้าเล่ห์สองสามวันเดี๋ยวก็ได้เงินคืนแล้ว

 

 

ฟีโอที่โดนต้อนจนมุม ก็จ้องมาที่โนโซมุราวกับความหวังสุดท้าย คิโบวววววว

 

 

 

「โนโซมุ ! เข้าข้างข้าน้อยใช่ไหม………」

 

「ของผมขอสเต็กกระต่ายรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นครับ」

 

อย่างไรก็ตามตรงกันข้ามกับคำขอของเขา โนโซมุพูดสั่งอาหารชุดแพงสุด

 

 

เนื่องจากเพื่อนคนสุดท้ายยังเป็นศัตรู ฟีโอที่หมดความหวังได้แต่อาละวาด แต่ว่าก็สู้แรงมาร์ไม่ได้

 

 

เจ้าจิ้งจอกหนุ่มถูกลากไปราวกับคนบาปที่ทำผิด

 

 

ในตอนเริ่ม เขาพยายามต่อต้านสุดแรง แต่ว่าน้ำเสียงก็ค่อยๆแหบแห้ง สุดท้ายก็ขอร้องทั้งน้ำตา

 

 

รูปลักษณ์ตอนแรกที่เป็นจิ้งจอกหนุ่มเจ้าเล่ห์ตอนนี้กลายเป็นลูกแมวน้อยที่ต้องจ่ายเงินค่าอาหารแทนเพื่อนๆ

 

 

อย่างไรก็ตามความน่ารักของฟีโอฉบับลูกแมวมันก็ไม่เลวเลยทีเดียวนะ

 

 

◆◇◆

 

 

เมื่อโนโซมุและพรรคพวกออกจากสถาบัน ลิซ่าก็เดินไปตามทางเดินของสถาบันเพียงลำพัง

 

 

แสงแดดสลัวส่องผ่านหน้าต่างและด้านหลังที่สว่างไสวกำลังแสงสีหน้าเศร้าใจอยู่

 

 

นักเรียนต่างออกจากสถาบันกันหมดแล้วจึงไม่มีผู้คนเดินอยู่

 

 

เมื่อเลิกเรียนเธอที่กำลังจะกลับบ้านกับเคนและคนอื่นๆ เธอก็พบเจอกับโนโซมุ

 

 

ระหว่างที่โดนอาจารย์อันริจับตัวไป เขาที่โผล่มาหลังจากหายไปสองสามวันทำให้ลิซ่าขับเคลื่อนไปด้วยแรงปรารถนาและความหลงใหลที่สุดพรรณนา

 

 

ความรู้สึกที่หน้าอกที่อัดแน่นทำให้ตัวเธอสั่นสะท้านไปทั้งตัว

 

 

อย่างไรก็ตาม ขณะที่ตัวสั่นกับความหนาวเย็นนั่น ลิซ่าก็ไล่ตามโนโซมุเลยบอกพวกเคนว่ามีบางอย่างต้องทำ

 

 

สิ่งที่ฟื้นขึ้นมาในจิตใจของลิซ่าคือเรื่องที่ว่าเขาบอกว่าตัวเองไม่ได้ทรยศเธอเลย เรื่องข่าวลือเมื่อสองปีที่แล้ว

 

 

อยากจะยืนยันหรือปฏิเสธเรื่องนี้เธอไม่แน่ใจ

 

 

เธอเดินตามเขาไปโดยไม่รู้ว่าอยากจะทำอะไร เสียเวลาโดยไม่พูดอะไรเลยแม้จะเจอหน้ากัน และสุดท้ายก็หนีออกมา

 

 

 

「ลิซ่า」

 

เมื่อลิซ่าหันกลับไปอย่างช้าๆ ก็เจอร่างของคามิลล่าที่ควรจะกลับไปแล้ว

 

 

บางทีเธอออาจจะตามลิซ่าที่จู่ๆก็ขอตัวไปกะทันหัน

 

 

 

「ได้คุยกับโนโซมุหรือเปล่า?」

 

โดยปกติแล้ว มันไม่ใช่น้ำเสียงตามปกติของเธอ เธอถามออกมาด้วยความจริงจัง

 

 

เธอเป็นหนึ่งคนที่ได้ยินเรื่องราวทุกอย่างในคืนนั้น และเป็นหนึ่งเดียวที่เข้าใจความไม่พอใจของลิซ่ายิ่งกว่าใครๆ

 

 

อาจเป็นเพราะเธอ ลิซ่ายังคงนิ่งอยู่ย้าง

 

 

 

「ก็แค่บังเอิญเจอกันเฉยๆ……」

 

ลิซ่าปฏิเสธคำพูดของคามิลล่า โดยไม่ทันตระหนักถึงจิตใจที่ว้าวุ่น

 

 

อย่างไรก็ตาม คำตอบนั้นชัดเจนเหนือสิ่งอื่นใด

 

 

คามิลล่ารู้สึกได้ถึงความไม่พอใจของลิซ่า

 

 

โดยเฉพาะวันนี้ที่ได้ยินว่า “เขา” ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ลิซ่าก็ใจลอยอยู่ตลอดเวลา

 

 

แม้ว่าจะมีเพื่อนและรุ่นน้องมาคุย แต่ว่าก็ยังดูเบื่อหน่าย และในที่สุดเคนกับคามิลล่าที่สังเกตเห็นก็พูดคุยกัน

 

 

ดังนั้นคามิลล่าเลยสงสัยว่าธุระเร่งรีบของเธอคืออะไร

 

「……เฮ้อ」

 

คามิลล่าบ่นพึมพำและเดินเคียงข้างลิซ่า

 

 

เธอยังไม่สามารถบอกเรื่องของโนโซมุได้

 

 

จนถึงขณะนี้เธอยังไม่พร้อมที่จะรับรู้ความจริง และโนโซมุเองก็เป็นตัวต้นเรื่องด้วย

 

 

 

“เธอยังคงไล่ตามความฝันอยู่รึเปล่า?”

 

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ที่โนโซมุได้พูดคุยกับเธอและคุยกับไอริส มันทำให้ความสงสัยแพร่กระจายไปยังจิตใจของพวกเธอ

 

「……อะไรเหรอ?」

 

「เปล่า ไม่มีอะไร」

 

คามิลล่าโกรธเคน ที่จู่ๆเขาก็เปลี่ยนท่าทีต่อโนโซมุ และก็รู้สึกได้ว่าท่าทางของเขาแปลกไปกว่าเดิมตอนที่มีการเรียนร่วม

 

 

ขณะที่เขายิ้มให้ลิซ่าตามปกติ มันมีเงาสลัวผสมอยู่กับรอยยิ้มนั่น

 

 

ทั่วทั้งสถาบันกำลังพูดคุยเรื่องการต่อสู้ของโนโซมุอย่างตื่นเต้น แต่เมื่อเขาได้ยินแบบนั้น เคนก็จ้องมองรุ่นน้องด้วยความไม่พอใจ

 

 

ลิซ่าเองก็อ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของเคนเช่นกัน และไม่นานมานี้ก็มีช่วงที่เธอปฏิเสธเคนอย่างเห็นได้ชัด

 

 

คามิลล่ามองหน้าเพื่อนสนิทที่เดินอยู่เคียงข้าง

 

 

 

「นี่ คามิลล่า……」

 

「……หืม มีอะไรงั้นเหรอ?」

 

ลิซ่าเรียกเธอและก้าวออกไปข้างหน้า

 

 

คามิลล่าคิดอยู่ในใจและรอฟังคำพูดของลิซ่า

 

 

เธอพูดอะไรบางอย่างออกมา

 

 

 

「……อืม ไม่มีอะไร」

 

อย่างไรก็ตามลิซ่าก็เงียบและไม่สามารถพูดออกมาได้

 

 

คามิลล่าเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรและหลังจากนั้นทั้งสองก็เดินต่อไปอย่างเงียบๆ

 

 

อาคารเรียนเริ่มสว่างไสวเพราะเริ่มพลบค่ำ

 

 

ปลายทางเดินตอนกลางคืนนั้นชวนน่าขนลุกอย่างบอกไม่ถูก

 

 

◆◇◆

 

 

ที่ปลายสุดของทางเดินซึ่งถูกความมืดกลืนกิน เขากำลังจ้องมองเงาของผู้หญิงสองคนที่เดินจากไป

 

 

เขากัดฟันแน่น

 

「อึก ! ไอ้เชี้ยโนโซมุ……」

 

เสียงที่หายใจออกแสดงเจตนาฆ่าอย่างชัดเจน มันเป็นความมืดอันแสนมืดมน

 

 

จริงๆแล้วการพัฒนาการเช่นนี้มันเป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้เลยสำหรับเคน

 

 

คนที่คิดว่าเคยบดขยี้จนหมดหวัง คนที่คิดว่าจะหายไปจากสถาบันนี่ ยังคงอยู่ที่นี่ด้วยเหตุผลบางอย่าง

 

 

ไม่เพียงเท่านั้น ทั้ง ไอริส และแม่สาวเอลฟ์ ก็ต่างให้ความสนใจในตัวหมอนั่น

 

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เขาไม่พอใจมากที่สุดก็คือ จิฮัด รันเดลที่เรียกหมอนั่นไปสู้ด้วยกรณีพิเศษ

 

 

เหตุผลเดิมที่เคนพยายามไล่โนโซมุออกไป เพราะโนโซมุ “ไม่สามารถปกป้องลิซ่าได้”

 

 

ความหงุดหงิดและความโกรธไม่สามารถซ่อนได้เลย

 

 

สำหรับเคนแล้วการมีอยู่ของโนโซมุ เบลาตี้มันไม่ควรมีอยู่อีกต่อไป

 

 

ต้องกำจัดมันทิ้งซะ

 

 

เงาที่นำพาไปสู่ความมืดมิดเช่นนั้น เขาคิดอยู่นานว่าจะกำจัดยังไงดี

 

 

อย่างไรก็ตามมันยากอยู่แล้วที่จะล่าโนโซมุด้วยตัวเองและบังคับที่จะให้หมอนั่นลาออกด้วยตนเอง

 

 

ความจริงที่ว่าหมอนั่นสนิทสนมกับเหล่าผู้มีอิทธิพลในชั้นปี 3 เช่นไอริสและเหล่ารุ่นน้องทั้งหลายนั่น

 

 

แม้ว่าจะสงสัยในตัวของพวกปี 3 และปี 4 แต่ลิซ่าเองก็เริ่มกลับหันมามองโนโซมุอีกครั้ง

 

 

 

「ไอ้กร๊วกเอ้ย……」

 

ในทางเดินที่ย้อมไปด้วยความมืดมิด มีเพียงเงาเดียวที่คร่ำครวญพร้อมกับความแค้นที่เต็มอยู่บนใบหน้า

 

 

ในขณะนั้นเปลวเพลิงแห่งความหึงหวงที่อยู่ในอกตั้งแต่ที่ลิซ่าเลือกมันตอนนี้มันได้กลายเป็นเพลิงทมิฬที่กลืนกินจิตใจเขาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

 

เขาไม่ทันได้สังเกตเลย ตอนนี้วัตถุประสงค์และวิธีการปกป้องคนสำคัญของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

 

 

เขาไม่สังเกต เห็นเลยว่าตัวเขาที่ไม่ได้ขัดเกลาวิชาดาบและความสามารถทางเวทย์อีกต่อไป รากเหง้าแห่งตัณหาและความรู้สึกบิดเบี้ยวที่ต้องห่างไกลจากคนที่เป็นที่รักยิ่งมันทำให้ประกายไฟสีดำโชติช่วงชัชวาลอีกครั้ง

 

 

และในโลกอันแสนดำมืดนี้ เขานั้นคิดหาวิธีกำจัดตัวตนที่เป็นอุปสรรคความรักเขาอยู่ตลอดเวลาวันแล้ววันเล่า

 

 

ในขณะนี้เองที่ใบหน้าอันแสนน่ากลัวและบิดเบี้ยวของเคน โนทิส ค่อยมลายหายไปในความมืด

 

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

Status: Ongoing
สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท