โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” – ตอนที่ 104

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

บทที่6ตอนที่21

 

 

「……ดังนั้นจะบอกว่าเคน โนทิส คือผู้ถือครองความสามารถ “หน้ากากน้ำสะท้อนใจ” และไม่เคยรายงานให้ทางสถาบันทราบมาก่อนงั้นเหรอ?」

 

「ค่ะ และฉันคิดว่าเขาใช้ความสามารถนั่นเพื่อปลอมตัวเป็นโนโซมุ」

 

เหล่าเจ้าหน้าที่ในสถาบันและพวกไอริส รวมถึงจิฮัดกำลังเผชิญหน้าในกันในห้องอาจารย์

 

 

เมื่อสองปีที่แล้ว จิฮัดได้ยินความจริงเกี่ยวกับข่าวลือที่แพร่หลายไปในสถาบันนั่นคือ โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งโดนใส่ร้ายมาตลอดสองปีเต็ม

 

 

“หน้ากากน้ำสะท้อนใจ”มีความหมายในตัวมันเอง เป็นความสามารถที่ค่อนข้างหายาก เนื่องจากความหายากและความสามารถของมัน แทบจะไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้เลย และพวกจิฮัดก็โดนกรอบความคิดเหล่านั้นกั้นเอาไว้โดยไม่รู้ตัว

 

 

ความจริงแล้ว วิธีการตรวจสอบความสามารถส่วนบุคคลยังไม่ได้ถูกจัดตั้งขึ้นที่สถาบัน

 

 

อย่างของทิม่าที่เป็น “การสั่นพ้องของธาตุทั้งสี่” ที่ทำให้เธอถนัดธาตุทั้งสี่ และความสามารถ “ปรับใช้ทันที” ของไอริส จะเห็นได้เมื่อใช้งานมันเท่านั้น

 

 

กระทั่งเมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่ละประเทศนั้นทำการวิจัยความสามารถได้อย่างอิสระ แต่ก็มีข้อจำกัดสำหรับเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่ามนุษย์ทุกคนจะดึงความสามารถออกมาได้ และระดับการวิจัยก็เป็นที่รู้จักกันแต่ในละประเทศเท่านั้น

 

 

อาร์คาซัมที่สร้างเสร็จเมื่อ 10 ปี ที่แล้ว และในที่สุดก็ได้เข้าร่วมการวิจัยกับประเทศอื่นๆ และมันเป็นไปได้ที่จะขอแบ่งปันข้อมูล แต่จำนวนคนที่มีความสามารถก็ไม่ได้ปรากฏขึ้นมากนัก

 

 

นอกจากนี้เป็นการยากที่จะรวมความตั้งใจของแต่ละประเทศเข้าด้วยกัน และไม่อาจกล่าวได้ว่าจะได้ผลลัพธ์อันพึงพอใจ

 

「อาจารย์อินด้า เคยมีรายงานเข้ามาบ้างไหมเกี่ยวกับความสามารถของคนในปัจจุบัน?」

 

「ไม่มีเลยค่ะ」

 

「ถ้าอย่างนั้น ได้ยืนยันปฏิกิริยาเวทมนตร์ที่น่าสงสัยแถวๆรอบสถาบันรึเปล่า?」

 

「กรุณารอสักครู่นะคะ จะทำการยืนยัน」

 

ขณะที่เห็นอินด้าออกจากห้องไป จิฮัดก็คิดถึง “หน้ากากน้ำสะท้อนใจ”ที่เขาได้ยินมา

 

 

ความสามารถของหน้ากากน้ำสะท้อนใจนั้นเป็นความสามารถที่มีประโยชน์ในด้านการทหารมากเพราะสามารถปลอมเป็นบุคคลอื่น และบุกรุกเข้าไปหาข้อมูลได้

 

 

ถ้าใช้ความสามารถจริงก็จะระบุตัวได้ยาก ถ้าไม่ได้ใช้ก็ไม่ต่างจากคนทั่วไปเลย

 

 

 

「เกี่ยวกับการยืนยัน…..มีบันทึกอะไรแบบนั้นรึเปล่า?」

 

「ตามปกติแล้ว มีคนเข้าออกเมืองมากมายและบางคนก็คิดแต่เรื่องผิดกฏหมาย ที่สถาบันก็มีความเข้มงวดในการไล่จับผู้บุกรุก และมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อย่างไรก็ตาม แต่ว่าก็ไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณชนเลยแม้แต่น้อย」

 

 

 

นักผจญภัย พ่อค้า นักเดินทาง และเจ้าหน้าที่ของรัฐล้วนมาจากแต่ละประเทศในทุกๆวัน

 

 

จำนวนมากจนยากที่จะระบุแต่ละคนที่เข้าออกเมือง

 

 

และเนื่องจากความสามารถนั้นไม่สามารถตรวจจับได้โดยตรง จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้มาตราการคัดกรองเพื่อตรวจสอบสภาพแวดล้อมเพื่อยืนยันการใช้งานความสามารถ

 

 

ดังนั้นทางสถาบันได้เสริมการป้องกันบริเวณสถาบันกับความสามารถที่เหมาะแก่การปลอมแปลงตัวตนอย่าง “หน้ากากน้ำสะท้อนใจ” อย่างเข้มงวด

 

 

ระดับนั้นมันแทบจะเป็นสิ่งมีอยู่ที่ร้ายแรงอย่างมาก และมันก็ระบุได้ยากว่าคนที่เข้ามาคือตัวจริงหรือตัวปลอม แม้จะมีระบบรักษาความปลอดภัยเหมือนป้อมปราการแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แถมภายนอกก็ไม่มีการตรวจแบบดังกล่าว

 

 

อาจารย์บางคนได้รับมอบหมายให้ไปหาข่าวกรอง และในสถาบันเองก็มีการแจกจ่ายอุปกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับการสืบค้นข้อมูลที่ได้วิจัยมาจากสถาบันกลอวรัม

 

 

ยิ่งกว่านั้นพวกเราแอบทำเพื่อไม่ให้นักเรียนทราบข้อเท็จจริงเหล่านั้น ทั้งนี้เพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหล่จากนักเรียนที่ไร้ซึ่งประสบการณ์

 

 

 

「หรือว่าเป็นสิ่งที่พูดไม่ได้กัน」

 

「เป็นที่ทราบกันดีว่าหลายประเทศมีเงื่อนไขในการรักษาความปลอดภัยและยังใช้การเก็บข้อมูลแบบระบบข่าวกรอง เมื่อเทียบกับปัญหาในเมืองที่รู้ๆกันอยู่ อธิบายรายละเอียดตรงๆไม่ได้…ไม่อยากจะพูดถึงน่ะ」

 

จิฮัดหลับตาและก้มมองมาร์

 

 

เหงื่อเย็นๆไหลออกมาจากกระดูกสันหลังและมาร์เองก็สูดลมหายใจ

 

「ในเวลากลางวันพวกเราจะมีการแจ้งเตือนอยู่เสมอแต่เวลากลางคืนหากมีคนบุกรุกทั้งสถาบันจะสามารถรู้ได้ทันทีและทหารจะรีบไปที่เกิดเหตุรวมทั้งข้าและอาจารย์อินด้าด้วย」

 

ไม่มีใครยอมปล่อยตัวไปแน่หากรู้ว่ามีบุคคลแบบนี้อยู่

 

 

และไม่เพียงแต่จิฮัดเท่านั้น รวมถึงบุคลากรทีมีความสามารถสูงๆ เช่นแรงค์ A  

 

 

ณ ศูนย์กลางของอาร์คาซัม รวมถึงสถาบันโซลมินาตินี้กลายเป็นป้อมปราการที่ยิ่งใหญ่สุดในทวีป เนื่องจากเหล่าชนชั้นสูงได้รวมตัวกันในพื้นที่จำกัดของบริเวณสถาบันและต่างดำเนินการเวทย์รุ่นใหม่

 

 

อย่างไรก็ตามเนื่องจากการป้องกันภายในนั้นแข็งแกร่งในทางกลับกันความปลอดภัยที่ทำได้ในเมืองนั้นมีข้อจำกัดอย่างมาก

 

 

 

「บางที เคน โนทิส อาจจะซ่อนความสามารถของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบและใช้มันก็ต่อเมื่ออยู่ต่อหน้าโนโซมุ เบลาตี้ ที่สถาบันนั้นเข้มงวดมากในภายใน แต่ด้านนอกมันกว้างขวางเกินไป」

 

ในทวีปที่เวทย์และพลังคิเป็นดั่งกระดูกสันหลังของสังคม มีข้อจำกัดในสิ่งที่ทำได้โดยที่ไม่ต้องใช้พลังเวทย์และคิเช่นกันนั่นคือความสามารถ

 

 

ปัญหาคือว่าถ้าใช้ “หน้ากากน้ำสะท้อนใจ” จะไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ถือครอง

 

 

ความสามารถของเกราะน้ำที่มีพลังเวทย์ปกคลุมร่างกายและแปรเปลี่ยนตัวตนเองเป็นบุคคลอื่น แต่ว่าหากไม่ได้ใช้ก็สังเกตไม่ออกหรอก

 

 

ถ้าใช้มันในสถาบัน ก็อาจจะสังเกตเห็นได้บ้าง แต่เนื่องจากถูกใช้นอกสถาบัน การรักษาความปลอดภัยไม่ได้เข้มงวดขนาดนั้น จิฮัดจึงไม่รู้ว่าเคนเป็นผู้ถือครอง “หน้ากากน้ำสะท้อนใจ”

 

 

แม้ว่าจะไม่แน่ใจว่าเคนรู้เรื่องความปลอดภัยของสถาบันมากแค่ไหน

 

 

ระหว่างพูดคุยกัน อินด้าก็เอากระดาษห่อหนึ่งกลับเข้ามาที่สำนักงาน และบางทีอาจจะเป็นรายงานที่เพิ่งได้รับเมื่อเร็วๆนี้

 

 

 

「ขอโทษที่ทำให้รอนะคะ มีรายงานว่าพบปฏิกิริยาเวทย์ที่อ่อนแอมากๆในหอพักชายในเวลาเที่ยงคืนของวันที่เกิดอาชญากรรมค่ะ อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการหอพักยืนยันว่าไม่มีเงาของผู้ต้องสงสัย……」

 

「ความจริงที่ว่าไม่มีร่องรอยของบุคคลต้องสงสัย หมายความว่าเป็นปฏิกิริยาเวทย์ของคนในหอพักและเป็นไปได้สูงว่าจะมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้」

 

「ซึ่งโนโซมุคุงไม่สามารถใช้เวทย์ได้~และมีโอกาสได้ยากมากที่เขาจะกระทำความผิดเน้อ~」

 

แม้จะยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าโนโซมุไม่ใช่อาชญากร แต่อย่างน้อยหากพบว่ามีอาชญากรตัวจริงอยู่ ก็ยังจำเป็นที่ต้องสืบสวนต่อไป

 

「อืม ถ้างั้นรีบติดต่อไปที่เมาส์กันก่อนและพูดคุยเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่มีอาชญากรรายอื่นอยู่」

 

อย่างไรก็ตามต้องพูดคุยกับเมาส์ที่เป็นหัวหน้าทหารรักษาความปลอดภัยและแจ้งข้อเท็จจริงให้ทราบ

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของจิฮัด พวกไอริสก็โล่งใจ

 

 

คดียังไม่คลี่คลายอย่างสมบูรณ์ แต่ถ้าการสอบสวนยังคงดำเนินต่อไป อาจเป็นไปได้ที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของโนโซมุ

 

 

จิฮัดลุกขึ้นยืนและโนโซมุที่โดนจับ อยู่ เขาไปที่คุกใต้ดินที่ซึ่งโนโซมุถูกจับไว้

 

 

ในขณะนั้นเองประตูสำนักงานก็ถูกเปิดออกและมีหญิงคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น

 

 

 

「ขอโทษนะ」

 

ทุกคนต่างเบิกตากว้างให้กับหญิงสาวแสนสวยที่ปรากฏตัวขึ้น

 

 

หญิงสาวแสนสวยที่สวมชุดสีดำที่ชวนให้นึกถึงชุดไว้ทุกข์ได้เข้ามาในห้องทำงานด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้า

 

 

 

「เม็กเลียซัง ไม่ต้องกังวลไป แต่ไม่ได้นัดล่วงหน้าไว้ ก็เลยไม่ได้เตรียมการต้อนรับไว้เลย?」

 

「ขอโทษที่เข้ามากะทันหันนะคะ พอดีว่ามีธุระด่วนค่ะ」

 

ใบหน้ายิ้มแย้ม และแววตาที่หรี่ลงและทั้งห้องก็ตึงเครียดขึ้นมา

 

「ดิฉันต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมของนักเรียนที่ก่อความรุนแรงค่ะ ดังนั้นช่วยพาฉันไปที่นั่นด้วยได้ไหมคะ และก็อธิบายเหตุการณ์ให้ฟังด้วย?」

 

「เอ่อยังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนอยู่นะ」

 

“งั้นหรอกเหรอ”จิฮัดกัดฟันแน่น และตอบคำถามของเม็กเลีย

 

 

แต่บางทีอาจจะรู้ดีในระดับหนึ่งแล้ว เม็กเลียยิ้มที่มุมปาก

 

 

 

「แปลกจัง ทั้งๆที่ได้ยินว่าคนร้ายถูกจับตัวแล้วแท้ๆนะคะ?」

 

「นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่นักเรียนที่ถูกจับจะไม่ใช่ผูักระทำความผิด ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปคดี ไว้จะรายงานผลการสอบสวนให้ทีหลัง」

 

จิฮัดพยายามผ่านเม็กเลียไป แต่เธอก็เอนตัวไปทางจิฮัดเพื่อขัดจังหวะ

 

「แหม แหม ไม่เห็นต้องรีบขนาดนั้นเลยนี่คะ ดิฉันละเลยเรื่องนี้ไม่ได้หรอกค่ะ หากนักเรียนของสถาบันโซลมินาติอันทรงเกียรติของทวีปอาร์คมีลสร้างเรื่องอื้อฉาวขนาดนี้ ดิฉันก็อัดอั้นตันใจที่จะไม่ตรวจสอบไม่ได้หรอกนะคะ?」

 

ขณะที่วางมือบนศอกและหวีผมอย่างสง่างามด้วยนิ้ว เม็กเลียก็เข้าหาจิฮัด

 

 

น้ำเสียงขับเคลื่อนด้วยความอยากรู้อยากเห็น ไม่คิดจะปล่อยผ่านไปง่ายๆ

 

 

หากเห็นช่องว่างก็พร้อมจะขย้ำทันที เป็นแม่เสือสาวโดยแท้จริง

 

 

 

「แล้วได้อ่านหนังสือจากนายท่านของดิฉันรึยังคะ? ได้โปรดให้คำตอบที่ชี้ชัดด้วยนะคะ」

 

「ตามที่ได้อธิบายไปก่อนหน้านี้ เรายังคงดำเนินการตรวจสอบอยู่ ดังนั้นรายละเอียดยังชี้แจงไม่ได้ แม้แต่นักเรียนที่คิดว่าเป็นอาชญากรก็อาจจะไม่ใช่」

 

อย่างไรก็ตามจิฮัดยังพูดแบบเดิม

 

 

รับแรงกดดันโดยไม่สนเม็กเลียที่กำลังเข้าใกล้

 

 

ระยะของทั้งสองคนจ้องตากันไม่ห่าง

 

 

ความรู้สึกกดดันอันเร่งรีบกำลังครอบงำพื้นที่และเกิดความเงียบขึ้น

 

 

 

「พวกเรามไม่มีความจำเปนต้องอธิบายให้ฟังที่นี่คือ “อาร์คาซัม “ไม่ใช่ประเทศฟอเกีย ดิฉันแน่ใจว่าคุณคงเข้าใจคำพูดดีนะคะ?」

 

อาร์คาซัมเป็นสถานที่ขนาดกลางไม่ได้เป็นของประเทศใดประเทศหนึ่ง ไม่ว่าจะมีอำนาจใหญ่โตแค่ไหน ก็ไม่สามารถมาอวดเบ่งได้

 

 

เป็นสนธิสัญญาลงนามเมื่อเมืองนี้ถูกสร้างขึ้นและเป็นคำสัญญาที่ไม่ยอมให้ละเมิด

 

 

 

「……ไม่จริงน่าาา ถ้างั้นจะรอผลการสอบสวนจากทางสถาบันนะคะ」

 

เม็กเลียเข้าใจดีราวกับเธอถอนหายใจออกราวกับบอกว่าช่วยไม่ได้แล้วหันหลังกลับไป

 

「หวังว่าจะรีบแก้ไขปัญหาโดยเร็วที่สุดนะคะ」

 

เม็กเลียโค้งคำนับก่อนออกไป และแรงกดดันก็หายไป

 

 

ในเวลาเดียวกันที่ประตูปิดลง อากาศที่หนักอึ้งก็หายไป

 

「ว่าแต่จะไปที่คุกหรือเปล่า? พอดีว่ามีเรื่องอยากจะคุยกับเมาส์น่ะ」

 

「พวกเราไปด้วยได้ไหมคะ」

 

「ท่านจิฮัดแน่ใจเหรอคะ?」

 

ไอริสและคนอื่นๆเข้าไปใกล้ขณะบอกให้จิฮัดพาไปด้วย

 

 

เธอเป็นห่วงโนโซมุมาก จิฮัดตัดสินใจว่าให้พวกเธอไปด้วยก็ดี  

 

「แบบนั้นก็ได้ ถ้างั้นอาจารย์อันริ ช่วยนำทางที」

 

「โอเครรรรร~!ถ้าอย่างนั้นทุกคน~、เลทโกกกกกกกกว~」

 

อาจารย์อันริที่กระตือรือร้นพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย ออกจากสำนักงานพร้อมกับพวกไอริส

 

 

เมื่อออกจากห้องไปแล้ว จิฮัดก็ได้ยินเสียงกระซิบของอินด้า

 

 

 

「อินด้า เธอก็รู้ว่า เม็กเลียรู้เรื่องนี้ แต่ไม่รู้หรอกนะว่าเธอรู้เบื้องหลังอะไรรึเปล่า」

 

「ดิฉันเห็นด้วยค่ะ เธอมีข้อมูลรายละเอียดชัดเจน หรือเธอพยายามล้วงหาข้อมูลกันแน่คะ……」

 

ไม่ว่าจะเป็นยังไงตราบใดที่เม็กเลียรู้ว่านักเรียนของสถาบันโซลมินาติก่อเรื่องอื้อฉาว พวกนั้นก็จะหาวิธีด่าทอต่างๆ

 

 

ไม่รู้ว่าเม็กเลียจะทำอะไร แต่อย่างน้อยสำหรับสถาบันนี้ ก็หลีกเลี่ยงสถานการณ์ปวดหัวไปให้ได้

 

 

 

「ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้มากแค่ไหน แต่คอยจับตาดูเม็กเลียไว้ มีเพียงไม่กี่อย่างที่สามารถทำได้นอกสถาบัน แต่อย่างน้อยก็อยากรู้สถานที่ๆเธอคนนั้นพัก」

 

「ดิฉันเข้าใจแล้วค่ะ ถ้างั้นจะส่งคนไปอย่างน้อยสองสามคนเพื่อสืบเรื่องนะคะ」

 

จิฮัดพยักหน้ารับคำตอบของอินด้า จากนั้นก็เก็บกองเอกสาร ดึงกระดาษมัดหนึ่งออกจากชั้นวางและให้อินด้า

 

「เตรียมสิ่งนี้ไว้ บางทีเธออาจจะต้องใช้มัน」

 

「……เข้าใจแล้วค่ะ」

 

อินด้าอ่านห่อกระดาษอย่างรวดเร็วและพยักหน้า ออกจากสำนักงานอย่างรวดเร็ว

 

 

เมื่อจิฮัดเห็นอินด้าออกไป เขาก็ล็อคห้องทำงานและออกจากสถาบันไปค้นหาความจริงเพื่อปกป้องสถาบันแห่งนี้

 

 

◆◇◆

 

 

เมื่อพวกจิฮัดคุยกันเสร็จ โนโซมุก็มองไปที่คามิลล่าที่โผล่มา

 

「ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่……」

 

เธอมาที่นี่ทำไมและทำไมทำสีหน้าเศร้าๆแบบนั้นล่ะ?

 

 

คำถามต่างๆหลุดลอยอยู่ในหัวโนโซมุราวกับฟองสบู่

 

 

คามิลล่าเปิดปากออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ปฏิเสธตัวเธอเอง อาจเพราะเห็นโนโซมุที่ตกตะลึง

 

 

 

「พอฉันถามที่กรมทหารเกี่ยวกับนาย ก็ตกใจมากเลย เพราะถ้าฉันไม่พูดแบบนั้นไป ก็คงเข้ามาพบนายไม่ได้น่ะ……」

 

เห็นได้ชัดว่าเธอเข้ามาพร้อมกับร้องไห้แสร้งทำเป็นคนรักของโนโซมุ

 

 

อย่างไรก็ตามน้ำตาที่ไหลอาบแก้มและดวงตาที่บวบแดงนั่นคือของจริง

 

 

คามิลล่าพูดด้วยสีหน้าเศร้าๆต่อโนโซมุ

 

 

 

「ไม่เป็นไรใช่ไหม? เกิดอะไรขึ้น……」

 

「เอ่อ ก็ไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกายหรอกนะพวกเขาก็แค่เอาผมไปสอบสวนเฉยๆ และผมเองก็ไม่มีพยานแวดล้อมด้วย ก็เลยเหมือนแก้ตัวน้ำขุ่นๆ แต่ตอนที่ออกจากห้องสืบสวนผมก็ได้เกริ่นๆ เรื่อง “หน้ากากน้ำสะท้อนใจ” ไว้นิดหน่อย……」

 

「งั้นเหรอ……」

 

ร่างกายของโนโซมุไม่มีร่องรอยของการถูกทำร้าย คำตอบของคำถามก็ชัดเจน

 

 

คามิลล่ายังคงร้องไห้ แต่เมื่อยืนยันว่าโนโซมุปลอดภัยเธอก็โล่งอก

 

 

คามิลล่ายิ้มให้กับโนโซมุที่ปลอดภัยดี อย่างไรก็ตามในไม่ช้ารอยยิ้มก็มีท่าทางเศร้าปรากฏให้เห็น และอากาศอันแสนหนักหน่วงก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

 

 

 

「เอ่อ มีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอครับ?」

 

โนโซมุถามคามิลล่าว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยความสับสน

 

 

ทันใดนั้นคามิลล่าก็โค้งคำนับโนโซมุ

 

「เอ๊ะ คามิลล่า?」

 

โนโซมุไม่เข้าใจเหตุผล

 

 

แก้มของคามิลล่าที่เขาเห็นตอนนี้มันไม่มีรอยยิ้มอยู่เลยและน้ำตาเองก็ร่วงหล่น ท่าทางของเธอดูรู้สึกผิดมากๆจนโนโซมุไม่กล้าพูดอะไร

 

 

ไม่มีใครในคุกใต้ดินนอกจากโนโซมุ และคามิลล่าก็ก้มหน้าโดยไม่พูดอะไร

 

 

มีเพียงเวลาที่เดินผ่านไปอย่างช้าๆระหว่างทั้งสอง

 

 

เมื่อเวลาผ่านไปคามิลล่าก็ค่อยๆพูด

 

 

 

「…………、ทุกอย่างที่ผ่านมา…」

 

「เอ๊ะ……?」

 

แค่คำเดียวคำพูดของคามิลล่าแล่นเข้ามาในหัวของเขา เธอพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง คำพูดที่ถูกบีบคั้นมันเล็กเกินกว่าที่โนโซมุจะได้ยิน

 

 

อย่างไรก็ตาม เธอพูดว่า “ฉันขอโทษ”

 

 

ไหล่ที่สั่นสะท้าน ริมฝีปากที่บีบแน่น และร่องรอยของการร้องไห้และตาที่บวมนั้นบ่งบอกได้ออกมาอย่างชัดเจน

 

 

โนโซมุคิดไม่ออกเพราะมันกะทันหันเกินไป แต่เขาก็พยายามจะพูดอะไรสักอย่าง

 

 

อย่างไรก็ตาม คำพูดของเขาก็ถูกขัดโดยคามิลล่า

 

 

 

「รอก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะอธิบายกับพวกทหารเองเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น อย่างน้อยก็จะพยายามพานายออกจากคุกให้ได้นะ」

 

คามิลล่าเช็ดน้ำตาของเธอ และประกาศว่าจะช่วยโนโซมุออกไปด้วยสีหน้าแน่วแน่

 

「เดี๋ยวก่อนสิ……」

 

「ไม่เป็นไรหรอก ตอนที่ฉันมาที่นี่ก็ได้รับอนุญาตจากหัวหน้ายามแล้ว และดูเขาพยายามค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่อง “หน้ากากน้ำสะท้อนใจ” ด้วยสีหน้าลำบากใจ มีความเป็นไปได้ที่เขายังจะเชื่อในคำพูดของนายอยู่

 

 

 ถ้าเราบอกว่าเคนเป็นเจ้าของความสามารถ “หน้ากากน้ำสะท้อนใจ” และพยายามดักจับให้ได้ล่ะก็ ความเป็นไปได้ก็จะมีมากขึ้น แม้จะไขข้อสงสัยไม่ได้ แต่ก็ยังพอมีหวังนะ!」

 

เธอพูดออกมารัวๆโดยไม่ฟังคำพูดของโนโซมุ และพยายามวิ่งกลับไปราวกับว่ารีบ

 

「ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรอก」

 

อย่างไรก็ตามขาของคามิลล่าที่พยายามออกไปก็ถูกหยุดด้วยน้ำเสียงที่ดังก้อง

 

 

หัวหน้าเมาส์ที่เป็นทหารรักษาความปลอดภัย ยืนด้วยใบหน้าลึกลับขณะเดินลงบันไดมา

 

 

เมาส์เข้าใกล้คุกที่โนโซมุโดนขังอยู่ด้วยท่าทางเคร่งขรึม

 

 

ขณะที่โนโซมุและคามิลล่าจ้องไปที่ยังหน้าของเขา เขาก็หยิบกุญแจออกมาและปลดล็อคประตูห้องให้และใช้กุญแจปลดปล็อคกุญมือของโนโซมุ

 

 

 

「ออกมาได้แล้ว」

 

เมาส์กระตุ้นให้โนโซมุออกจากคุกด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

 

「เอ่อ หมายความว่าไงครับ?」

 

「……อย่างที่ผู้หญิงคนนั้นพูด อาจจะเป็นผู้ต้องสงสัยรายอื่น」

 

โนโซมุไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่อย่างน้อยก็มีบางอย่างคืบหน้าและก็ออกจากคุก

 

 

เมื่อเดินผ่านคุกไปก็มีความรู้สึกเปิดกว้างเข้าโอบล้อมเขา

 

 

โนโซมุเหยียดหลังตรงเพื่อผ่อนคลายร่างกายหลังจากที่ได้ออกมา

 

「นอกจากนี้ยังมีบางอย่างที่ต้องพูดด้วย ดังนั้นจะให้นอนเฝ้าคุกตลอดไปก็คงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ยังไงพวกเราก็จะติดตามนายไปเพราะเป็นผู้ต้องสงสัยเข้าใจไหม……」

 

เมาส์เกาแก้มขณะพูดแบบนั้น

 

 

ตอนแรกก็เกรงว่าจะมีแค่โนโซมุคนเดียว

 

 

อย่างไรก็ตาม ข้อสงสัยยังหายไปไม่หมด เขาเลยไม่สามารถข้อโทษอย่างจริงจังได้

 

 

 

「……ยังไงก็ขอให้ตั้งหน้าตั้งตาไขคดีล่ะกัน」

 

เมาส์ไม่คิดว่าโนโซมุตกอยู่ในตำแหน่งผู้ต้องสงสัยอย่างสมบูรณ์เลยปล่อยออกมาก่อน

 

「แล้วจะทำอะไรต่อไปครับ?」

 

「ไว้ไปถึงค่อยพูดกัน」

 

「อาจารย์จิฮัดและก็ทุกคน……」

 

โนโซมุมองไปที่ข้างบนก็เห็นชายมาดเข้มในชุดเกราะสีเงิน

 

 

ข้างหลังก็เห็นเพื่อนๆของเขา

 

「ขอโทษทีนะคะมาสายไปหน่อย พอดีใช้เวลานานในการพูดคุยกับอาจารย์จิฮัดและขอความร่วมมือ」

 

ไอริสและซีน่ารีบเข้าหาโนโซมุทันทีด้วยใบหน้ากังวล มาร์เองก็ยักไหล่ ฟีโอก็ยิ้มออกมา

 

「โถ่ว ทำให้กังวลอยู่เรื่อยเลย」

 

「เอิ่ม แต่ถ้าเทียบกับป่าแล้วไม่มีอันตรายถึงชีวิตหรอกนะ?」

 

「พูดอะไรกันนะสองคนนี้……」

 

「แหม แหม~」

 

และหลังจากยืนยันความปลอดภัยของโนโซมุ ทิม่าและมิมูรุก็บ่นกับมาร์และฟีโอก็ดูโกรธหน่อยๆ

 

 

ข้างหลังพวกเขามีทอมที่มีรอยยิ้มเจื้อนๆและอาจารย์อันริที่แสดงความยินดีพร้อมกับกระโดด

 

 

ปฏิกิริยาของแต่ละคนแตกต่างกันไป แต่ทุกคนก็โล่งใจเหมือนกันหมด เมื่อเห็นแบบนั้น โนโซมุก็กลับมายิ้ม

 

 

 

「ซีน่าบอกหน่อยสิว่าเกิดอะไรขึ้น……」

 

「เอ่อก็บอกอาจารย์จิฮัด อาจารย์อินด้า และคุณเมาส์ไป เกี่ยวกับเรื่องของนายกับเคนและลิซ่า แน่นอนซึ่งเกี่ยวกับ “หน้ากากน้ำสะท้อนใจ” ด้วย」

 

ตามที่ไอริสกล่าวจิฮัดรู้สถานการณ์ก็รีบมาและอธิบายทันที

 

 

จากการตรวจสอบและแบ่งปันข้อมูลให้กับเมาส์ ก็ตระหนักได้ว่าอาจจะมีผู้กระทำผิดคนอื่นและจัดตั้งระบบความร่วมมือขึ้นเพื่อเปิดเผยความจริงของคดีนี้

 

 

 

「ก็ประมาณนั้นแหละ อย่างที่คาดกลายเป็นเรื่องใหญ่ซะแล้ว」

 

「ทางสถาบันจะให้ความร่วมมือทุกด้าน เพราเป็นสถานการณ์ที่เพิกเฉยไม่ได้」

 

ผู้ใช้ “หน้ากากน้ำสะท้อนใจ” มีอยู่ในสถาบันและยังจับตัวไม่ได้

 

 

ความสามารถที่หาได้ยาก และยังไม่มีวิธีการตรวจจับ แต่ก็เป็นเรื่องเลวร้ายที่จะปล่อยให้ก่อกวนแบบนี้ต่อไป ไม่นานมานี้ก็ยังมีพวกน่ารังเกียจมาบ่นอยู่ได้

 

 

 

「แต่คำถามคือจะระบุความสามารถนั้นยังไงและระบุว่าเขาเป็นคนทำผิดจริง……」

 

เมาส์คิดขณะลูบคราง

 

「หน้ากากน้ำสะท้อนใจ ไม่เพียงแค่เปลี่ยนเป็นใบหน้าของบุคคลอื่น แต่ยังเปลี่ยนทั้งร่าง เป็นการยากที่จะบอกว่าตัวปลอมเพียงแค่มองดูเฉยๆ」

 

อินด้าก้าวไปข้างหน้าขณะพลิกเอกสารที่มีอยู่ในมือ

 

「แต่ถ้ารู้ว่าเป็นตัวปลอมก็ไม่ยากที่จะมองเห็นการเปลี่ยนแปลง นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าต้องพกนี่ติดตัวไว้ด้วย」

 

ขณะพูดเช่นนั้น อาจารย์อินด้าก็เอาหินสีน้ำเงินที่ขนาดพอดีกับฝ่ามือ

 

 

สีน้ำเงินเข้มชวนให้นึกถึงทะเลสาปใส โนโซมุรู้สึกเหมือนเคยเห็นเจ้านี่มาก่อน

 

 

 

「มันคือ?」

 

「“หินแฝดแห่งความเศร้าโศก”เป็นสิ่งที่พัฒนาขึ้นมาจาก “หินเวทย์” แม้ว่าจะดูไม่ต่างกันเท่าไร แต่เมื่อใส่พลังเวทย์ลงไปก็จะเกิดเสียงที่ส่งไปยังระยะไกลได้」

 

ขณะพูดแบบนั้นอาจารย์อินด้าก็โบกมือ และทหารก็เอาหินก้อนใหญ่มาวางบนแท่นไม้

 

 

หินถูกย้อมด้วสีน้ำเงินเข้มเมหือนกับอันก่อนหน้า

 

 

 

「หินก้อนนี้เราจะเรียกกันว่า “หินรับสาร” เป็นก้อนของหินที่ใช้ทำตัวหินแฝดแห่งความเศร้าโศก และขอบหินนี่จะมีการเชื่อมต่อพลังเวทย์โดยใช้กับหินขนาดใหญ่นี่และเป็นไปได้ที่จะแลกเปลี่ยนสื่อสารกัน」

 

ตามคำบอกของอินด้า หินนี้อยู่ในขั้นทดลอง และถึงแม้ผลลัพธ์จะต่ำ แต่ถ้ามีพวกจอมเวทย์ให้การพลังมัน ก็เป็นไปได้ที่จะส่งเสียไปยังทั่วทุกทิศของเมือง

 

 

「นอกจากนี้หินจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อใช้พลังเวทย์ แต่มันจะผ่านไปไวมาก หากมีคนที่ใช้พลังเวทย์ หรือใช้ “หน้ากากน้ำสะท้อนใจ” อยู่ใกล้ๆสีของหินจะเปลี่ยนไปตามพลังเวทย์ที่ใช้」

 

「ด้วยวิธีนี้ก็จะเช็คว่าเป็นตัวปลอมรึเปล่า?」

 

「อืม ใช่แล้ว~」

 

เมาส์และฟีโอประทับใจในความคิดของอาจารย์อินด้า พยักหน้าซ้ำๆราวกับว่าประทับใจมาก นอกจากนี้ เธอยังพูดต่อ

 

「และเมื่อปล่อยโนโซมุ เบลาตี้แล้ว เพราะหลักฐานยังไม่เพียงพอ หากผู้กระทำผิดคือ เคน โนทิสจริง เราจะใช้เขาเป็นนกต่อ และดำเนินการจับกุม」

 

「แต่ว่ามันอันตรายเกินไปไหม? ฝ่ายตรงข้ามแรงค์ A เลยนะและเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้ เป็นการยากมากที่จะตามตัว แม้ว่าจะพยายามสร้างเรื่องก็เถอะ……」

 

เมาส์บ่นข้อเสนอของอาจารย์อินด้า

 

 

แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นนักเรียน แต่ก็เป็นแรงค์ A  

 

 

ตราบใดที่พยายามเล่นละครตีเนียนไม่ให้ถูกจับได้ก็ต้องลงมืออย่างรวดเร็ว และจุดประสงค์ของหินนี่ก็มีไว้เพื่อการนั้น แต่ไม่มีใครจะรับมือกับความเร็วของเคนได้เลยนี่

 

 

พวกทหารเองก็เดินไปรอบๆไม่ได้นานนัก สถาบันเองก็จะดูผิดปกติหากคอยจับตาดูนักเรียนเพียงคนเดียว

 

 

 

「ฉันจะทำมัน」

 

เป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ส่งเสียงและยกมือขึ้น ซึ่งไม่ได้พูดอะไรเลยตั้งแต่จิฮัดมา

 

 

ทุกคนนั้นต่างตกใจกับข้อเสนอนั่น

 

 

นักเรียนชุดขาวเช่นเดียวกับไอริส และอยู่ปี 3 ห้อง 1

 

 

เป็นความจริงที่ว่าเธอสนิทกับเคน โนทิส ดังนั้นจึงเหมาะกับบทนี้ที่สุด แต่อินด้าและเมาส์คิดว่าจะไว้ใจเธอได้แน่เหรอ

 

 

จิฮัดจ้องมองขณะพยายามค้นหาความจริงจากคามิลล่า และคามิลล่าก็จ้องจิฮัด

 

 

 

「ไม่สิ ฉันจะต้องทำอะไรสักอย่าง ให้ดิฉันได้ทำหน้าที่นี้ด้วยเถอะค่ะ ได้โปรด ให้ฉันมีส่วนร่วมด้วยนะคะ!」

 

อย่างไรก็ตาม คามิลล่าพูดอย่างหนักแน่น และโค้งคำนับ

 

◆◇◆

 

 

โนโซมุถูกพาออกจากคุก และเมื่อเรื่องราวคลี่คลาย จิฮัดก็ให้นักเรียนกลับหอพัก  

 

 

โนโซมุและเพื่อนๆกลับหอเร็วเล็กน้อย แต่เมื่อเขาหยุดเดิน เธอก็พาเขาไปที่ชานเมืองด้านนอก

 

 

อินด้าและเมาส์คิดว่าไม่น่าไว้ใจเพราะเธอเป็นคนสนิทกับเคน แต่ก็ตัดสินใจปล่อยไปและจิฮัดบอกว่า “จะจับตาดูให้เอง”

 

 

ไอริสและคนอื่นๆต่างก็อยากร่วมมือในการสืบสวน แต่อาจารย์อินด้าก็ต่อต้าน

 

 

ไม่น่าแปลกใจ แน่นอนว่ามีคำขอที่กิลด์ให้รวบรวมนักสืบ แต่ว่าต้องได้รับความไว้วางใจอย่างมาก แต่เคสของคามิลล่านี่พิเศษกว่าใคร

 

 

อย่างไรก็ตาม พวกเขายังคงไม่ยอมแพ้และใช้ความรู้ต่างๆเพื่อโน้มน้าวอินด้า

 

 

ไอริสพูดถึงความสามารถของเธอ และซีน่าก็พูดถึงประโยชน์ของเวทย์ภูติ

 

 

ทิม่าเองก็แสดงพลังเวทย์มหาศาล มาร์เองก็เด่นด้านย่านการค้า มิมูรุมีความว่องไว ฟีโอก็มีสกิลหลากหลาย ทอมและทอร์เกรนก็เก่งเรื่องเล่นแร่แปรธาุต

 

 

อินด้าและเมาส์ ต่างพูดอะไรไม่ออกกับพวกเด็กๆที่กระตือรือร้น

 

 

ในท้ายที่สุดจิฮัดก็อนุญาต แต่ว่าในแค่ด้านลอจิสติกส์เท่านั้น  

 

 

แน่นอนว่ามีการกำหนดข้อจำกัดต่างๆ เช่น การรักษาความลับ และมีการลงนามให้คำมั่นสัญญา

 

 

โนโซมุหัวเราะอย่างขมขื่นที่ต้องลากพวกเพื่อนๆมาเกี่ยวข้องกับครั้งนี้

 

 

คามิลล่าแทบจะอ้าปากค้างที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นคนสืบเรื่อง

 

 

หอพักชายและหญิงอยู่ใกล้กัน ทางกลับก็เกือบจะเหมือนเดิม แต่ดูเหมือนว่ายังมีเงาดำบนตัวเธอที่เดินห่างจากโนโซมุ

 

 

ไอริสและคนอื่นๆก็เห็นบรรยากาศแต่ไม่ได้พูดอะไร

 

 

 

「ทำไมถึงให้ความร่วมมือล่ะ?」

 

เมื่อมาถึงขอบด้านนอก โนโซมุก็ถามคามิลล่า

 

 

สายลมอันอบอุ่นพัดผ่านลูบไล้แก้ม และดวงอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า

 

 

คำพูดของโนโซมุน่าจะเป็นที่ได้ยิน แต่คามิลล่ายังคงนิ่งเฉย

 

 

โนโซมุเกาหัว

 

「นี่ จำไม่ได้เหรอ ตอนที่เธอคิดว่าผมเป็นคนทรยศ ยังโกรธกันขนาดนั้นเลยนี่?」

 

 

 

「มันคงจะเป็นการโกหกหากจะบอกว่าฉันไม่ได้รู้สึกแบบนั้น ฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ร่างกายของฉันมันอ่อนแรงและไม่รู้จะทำอะไรต่อไปได้ มีความโกรธและแค้นเคืองปกคลุมไปทั่วร่าง……」

 

เมื่อกล่าวแบบนั้นโนโซมุก็สังเกตเห็น

 

「คามิลล่า อย่าบอกนะที่ผมพูด……」

 

เธอค่อยๆส่ายหัวขณะที่โดนโนโซมุถาม

 

 

คำว่า “พวกเราทรยศ” นั่นคือความจริงที่พวกเธอทำกับโนโซมุเมื่อสองปีก่อน

 

 

ในกรณีนี้ก็เข้าใจได้แล้วว่าทำไมเธอถึงมีท่าทีผิดปกติที่คุก และพูดขอโทษออกมา

 

 

เธอส่ายไหล่และก้มศีรษะลงขณะที่ร้องไห้ออกมา

 

 

อดีตเพื่อน เหตุผลที่เธอมาหาโนโซมุ ตอนนี้เธอรู้ความจริงแล้วและอยากจะขอโทษเขาที่เข้าใจผิดมาตลอด

 

 

อย่างไรก็ตามโนโซมุไม่ได้คิดแค้นอะไร

 

 

เป็นธรรมดาที่จะโกรธเพราะเพื่อนคนสำคัญโดนหักหลัง และสูญเสียความเป็นตัวเองไป

 

「……โนโซมุ นายพูดเองใช่ไหมว่า “นายกำลังหนีความจริง “ แล้วทำไมถึงไม่ได้ออกจากอาร์คาซัมไป? ถ้าเป็นฉันๆคงจะหนีออกจากเมืองไปแล้ว……」

 

「เพียงเพราะว่าหนีความจริงไม่ได้หมายความว่าผมต้องออกจากเมืองนี้นะ ผมยังมีเรื่องที่ต้องรับผิดชอบเพราะถ้าผมพยายามสักวันผมคิดว่าต้องทำได้แน่」

 

ไม่เหมือนกับคามิลล่าที่จริงจัง โนโซมุพูดถึงอดีตอย่างภูมิใจ

 

「นอกจากนี้ผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ยังมีคนที่ยอมรับในตัวผมแม้จะหนีไปอยู่」

 

ความแข็งแกร่งของคนที่เคยล้มและลุกขึ้นมาใหม่เป็นเหมือนกับต้นไม้ยืนต้น และเติบโตขึ้นสู่สรวงสวรรค์

 

「โนโซมุ นายอยากจะให้ลิซ่าทำอะไรงั้นเหรอ?」

 

คามิลล่าจ้องมองไปที่ดวงตาของโนโซมุราวกับว่าอยากจะรู้ใจจริง

 

 

สีหน้าก็ดูไม่ค่อยดี แต่ถึงยังงั้นคามิลล่าก็ยังคงจับจ้องมาที่เขา

 

 

โนโซมุเอ่ยคำพูดออกมาช้าๆราวกับเป็นคำถาม

 

 

 

「……ผมก็แค่อยากให้ลิซ่ากลับมาใช้ชีวิตตามปกติ」

 

หลังจากเงียบไปไม่กี่วินาทีเขาก็พูดออกมาราวกับหลงทางเล็กน้อย

 

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาพูดออกไป มันออกมาจากใจจริง

 

 

ขณะที่เห็นลิซ่าหวาดกลัวและต้องมาเป็นโรคกลัวความรัก เขารู้สึกว่ามันเจ็บปวดที่เห็นเธอต้องเป็นแบบนั้นและอยากให้ลิซ่ากลับมาเป็นปกติแม้เร็ววันก็ยังดี แม้ความสัมพันธ์จะไม่เหมือนเมื่อก่อนก็ไม่เป็นไร

 

 

 

「……นั่นสินะ เข้าใจแล้วล่ะ」

 

「คามิลล่า?」

 

โนโซมุงงกับท่าทางของคามิลล่า

 

 

อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้ตอบอะไรยืนขึ้นและหันหลังกลับ

 

 

 

「ฉันจะกลับแล้วล่ะ ถ้าอย่างนั้นนายก็ไม่ควรจะคุยกับฉันจนกว่าเรื่องนี้จะจบลง ถ้านายแสดงไม่เนียน ทุกคนจับได้แน่」

 

 

 

คามิลล่าหายตัวไปในเมืองยามพลบค่ำ ขณะที่แผ่นหลังของเธอเจิดจ้าด้วยสีแดงเข้ม

 

 

ใบหน้าของเธอนั้นหนักแน่นราวกับตัดสินใจได้แล้ว และดวงตาของเธอก็มุ่งมั่นอย่างมาก

 

 

เอ้าได้อีกตอน ไปนอนแล้ว

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

Status: Ongoing
สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท