โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” – ตอนที่ 106

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

บทที่6ตอนที่23

 

 

ในห้องของสถาบันซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานที่สอบสวน มีสมาชิกหลักที่รับผิดชอบการดำเนินการทำหน้าที่ในการกลั่นกรองข้อมูลต่างๆ

 

 

วงกลมเวทย์ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางหลายเมตรตั้งอยู่ตรงกลางห้อง และฉายแสงจางๆออกมาที่ละน้อย

 

 

ณ ใจกลางวงเวทย์มีการวางหินรับสารเอาไว้ และมีการส่งรายงานเป็นครั้งคราวจากที่ต่างๆ

 

 

ทิม่าจับมือของเธอเอาไว้ที่หินรับสารและปล่อยพลังเวทย์ไปรอบๆและซีน่าเองก็ใช้พลังภูติที่รวบรวมมาปล่อยใส่พลังเวทย์ตรงหน้า

 

 

วงเวทย์ที่วาดอยู่ที่พื้นทำให้หินรับสารนั้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทอมและอินด้าก็พยายามอยากหนักเพื่อคงวงเวทย์ไว้ และจิฮัดกับเมาส์ที่อยู่ใกล้ๆก็กำลังกางแผนที่ดูบนโต๊ะ

 

 

ชิ้นส่วนของสีต่างๆถูกวางไว้บนแผนที่ และตำแหน่งของชิ้นส่วนจะเปลี่ยนไปในช่วงเวลาหนึ่งตามผลรายงาน

 

 

 

「ท่านจิฮัดเกี่ยวกับเธอคนนั้นที่เป็นคนร่วมแผนการ……」

 

「ก็ไม่มีใครเหมาะจะทำงานนี้เท่ากับเธออีกแล้ว และทักษะของเธอก็เพียงพอที่จะป้องกันตนเองได้ในระดับหนึ่ง น่าจะไม่มีปัญหาอะไร……」

 

จิฮัดอธิบายอย่างเช่นเจนต่อเมาส์

 

 

จิฮัดถอดคามิลล่าออกจากแผนการไล่ล่าชั่วคราวและได้มอบหมายให้ผู้ติดตามคนหนึ่งไล่ตามเคนไปส่วนอีกคนคอยคุ้มกันคามิลล่า

 

 

 

「จากศูนย์กลางสู่ “หน่วยแสงดาว” ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?」

 

เมื่อจิฮัดส่งเสียงไป ก็มีเสียงบางๆตอบกลับมาที่หินรับสาร

 

“เป้าหมายแยกกับคนสนิทแล้วและเข้าไปในซอยหลังเขต ที่ไม่มีคน”

 

จิฮัดพยักหน้าอย่างพึงพอใจต่อคำตอบของผู้ติดตาม

 

 

จากข้อมูลที่ถูกส่งมาอย่างต่อเนื่องชิ้นส่วนต่างๆค่อยๆประติดประต่อกันมากขึ้นเรื่อยๆ และเขาก็ดูแผนที่ๆกางไว้

 

「คามิลล่าคุงเธอไม่มีปัญหาใช่ไหม?」

 

“ ฮ่ะ คู่หูของเราได้อยู่เคียงข้างเธอแล้วในกรณีฉุกเฉิน”

 

「ถ้างั้นก็ไล่ตามเป้าหมายไปเรื่อยๆนะ」

 

“รับทราบ”

 

หลังจากตอบกลับมาเช่นนั้น แสงของหินรับสารก็จางหายไปพร้อมกับเสียงที่ถูกตัดขาด บางทีอาจจะรีบมุ่งหน้าไปหาเคน

 

「อินด้าและคนอื่นๆล่ะ?」

 

「รออยู่ที่ใกล้เขตปกครองกับเขตการค้า ทีม A และ B กำลังรอเป้าหมายอยู่ในเขตปกครอง ส่วนทีม C และ D คอยตามหลังอยู่ค่ะ」

 

อินด้าตอบคำถามของจิฮัดอย่างกระชับหนักแน่น แต่ไม่มีการเปลี่ยนของพลังเวทย์ที่เธอยังคงส่งออกไปอย่างต่อเนื่อง

 

 

ในทางกลับกันใบหน้าของทอมที่ควบคุมพลังเวทย์นั้นดูจริงจังและท่าทางก็ดูเกร็งๆเพราะอาจจะยุ่งกับการควบคุมวงเวทย์

 

 

 

「พยายามได้ดีเลยนะ อาจารย์อินด้า」

 

พวกนักเรียนคนอื่นๆเองก็เป็นกุญแจสำคัญในการปฏิบัติการครั้งนี้และยังคอยสนับสนุนจิฮัดด้วย ไม่เพียงแต่ต้องชื่นชมทอมเท่านั้นแต่ยังรวมถึงเมาส์ด้วย

 

 

อย่างไรก็ตามแม้ว่าสภาพแวดล้อมจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน แต่จิฮัดและอินด้าก็เฝ้าดูสถานการณ์อย่างสงบและเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์อย่างแม่นยำ

 

 

ระยะห่างระหว่าง สีแดง ที่หมายถึงตัวเคน กับสีน้ำเงินที่เป็นพวกเหล่าทหารกำลังแคบลงเรื่อยๆ และชิ้นส่วนสีน้ำเงินที่รออยู่ด้านหลังก็พร้อมจะบดขยี้เคนในเวลาเดียวกัน

 

 

ข้างหน้าก็มีการล้อมจับอย่างหนักแน่น จิฮัดฟังรายงานที่มาจากหินรับสาร

 

“ตรวจพบปฏิกิริยาเวทมนตร์จากศูนย์กลาง และเป้าหมายกำลังถูกปกคลุมด้วยน้ำจะเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ในไม่ช้า”

 

ผู้ติดตามที่กำลังดูเคนอยู่ก็ส่งเสียงดังออกมา

 

 

ในขณะเดียวกันก็รู้สึกตึงเครียด เมื่อพิจารณาจากคำว่า “ปฏิกิริยาพลังเวทย์” และ “น้ำ” ซึ่งมันก็เกือบจะแน่ใจแทบจะร้อยเปอร์แล้วว่าเคนเป็นคนใช้ “หน้าการน้ำสะท้อนใจ”

 

 

 

「เอาล่ะ ตอนนี้ได้เวลาปฏิบัติงานแล้ว ให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับปฏิกิริยาของหินเวทย์ ติดต่อและตรวจสอบเป้าหมายต่อไป」

 

“ทีม A รับทราบ”

 

“ทีม B รับทราบ”

 

“ทีม C และ D รับทราบ”

 

การตอบสนองดังมาจากทั่วทุกที่

 

 

การเปลี่ยนแปลงกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ตราบใดที่แปลงเป็นบุคคลอื่นแล้วก็ต้องพึ่งความสามารถของหินเวทย์

 

 

คอยติดตามหาทางหนีทีไล่ของเป้าหมายและจับกุมในคราวเดียว และพยายามจับดูว่าเป้าหมายจะลงมือทำอะไร

 

 

เมื่อทีม 2 ใน 4 อยู่ในเขตการปกครองจะไปหาผู้ต้องสงสัยและอีกสองทีมที่เหลือจะดักทางหนี

 

 

นอกจากนี้ครึ่งหนึ่งของบุคลากรที่ประจำทิศเหนือและใต้ นั้นอยู่ใกล้กับเขตการปกครอง ในกรณีฉุกเฉิน พวกเขาจะย้ายเข้าไปหาเคนและปิดกั้นเส้นทางหลบหนี

 

 

 

「ถึงกระนั้น ถ้าทำได้ก็ให้จับกุมโดยเร็วที่สุด กรณีนั้นให้ ทีม A และ ทีม B เข้าชาร์จเป้าหมายก่อน และทีม C และ D คอยปิดล้อมจากด้านหลัง หลังจากพบเป้าหมาย……」

 

ถ้าเคนทำตัวน่าสงสัย ก็ลงมือกระทำการเข้าจับกุมในทันที มิฉะนั้นก็ไม่สามารถล้อมเขาได้แน่

 

 

ทันทีที่พยายามถ่ายทอดคำสั่งไปยังส่วนต่างๆ ผ่าน หินรับสาร แสงของหินรับสารที่ส่องจางๆก็เริ่มกระพริบเพราะวงเวทย์ไม่เสถียร

 

 

 

「หะ !? นี่มัน!」

 

ต่อจากนั้นทิม่าและเพื่อนๆก็มองไปที่หินรับสารที่เริ่มเปล่งเสียงแตกร้าว

 

「หินเวทย์มัน? ทำไมล่ะ!?」

 

อินด้าที่สังเกตการเปลี่ยนแปลงกะทันหันก็รีบบอกสถานการณ์อย่างรวดเร็ว และพยายามควบคุมพลังเวทย์ แต่ว่าพลังเวทย์มันเอ่อล้นออกมาจากหินเวทย์ไม่ลดลงเลย

 

「เกิดอะไรขึ้น!」

 

「ไม่เข้าใจเหมือนกัน ! พลังเวทย์มันเอ่อล้นออกมา……」

 

จิฮัดส่งเสียงดัง แต่พลังเวทย์นั้นก็ควบแน่นดุเดือดมากราวกับเปลวไฟที่ลุกไหม้

 

「ท่าไม่ดีแล้ว ! ทุกคนก้มลง!」

 

วินาทีถัดมาก็มีแสงสว่างกระจายไปทั่วทั้งห้อง และเสียงคำรามและคลื่นกระแทกก็ทะลุผ่านห้องสำนักงาน

 

 

◆◇◆

 

 

ณ มุมหนึ่งของเขตการปกครองที่ไม่ค่อยมีคน ส่วนหนึ่งของเงาของบ้านที่ส่องสว่างด้วยแสงอาทิตย์ยามอัสดงกำลังพลิ้วไหว เมื่อเหล่ตาไปมอง ก็เห็นประชาชนธรรมดากำลังพูดกัน

 

「ถึงศูนย์กลาง ผู้ต้องสงสัยเปลี่ยนเป็นชายวัยกลางคนอายุราว 40 ปีเพศชายกำลังเคลื่อนตัวไปทางเหนือ」

 

เป็นหนึ่งในผู้ติดตามที่ติดตามเคนซึ่งพยายามสื่อสารกับศูนย์กลาง

 

 

เขาทิ้งคามิลล่าไว้กับเพื่อนของเขา และเขาก็ไล่ตามผู้ต้องสงสัยมา

 

 

 

「ศูนย์กลาง กรุณาตอบกลับด้วย?」

 

ผู้ติดตามพยายามรายงานสถานการณ์ของเคน ผู้ต้องสงสัยกำลังเปลี่ยนโฉม อย่างไรก็ตามไม่มีการตอบรับหลังจากรายงานไปแล้ว แต่ก็พยายามสื่อสารอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่มีการตอบกลับ และหินเวทย์ก็ยังทำงานปกติ

 

 

หากมองไปยังที่ๆส่องแสงสีแดงก็ยังคงทำงานอยู่

 

 

มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น

 

 

คำถามวิตกกังวลครอบงำจิตใจ ผู้ติดตามตัดสินใจอย่างใจเย็น จ้องไปที่หินเวทย์ที่ไร้ประโยชน์

 

 

เคนซึ่งกลายเป็นชายวัยกลางคนกำลังเดินอยู่ตรงหน้าและพยายามจะเปลี่ยนรูปลักษณ์หลายๆรอบเพื่อบังตาพยานพบเห็น

 

 

 

「ละสายตาไม่ได้เลย……」

 

ผู้ติดตามไม่ได้ดูถูกความสามารถของอีกฝ่ายแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นนักเรียน

 

 

ผู้ต้องสงสัยที่อยู่ตรงหน้าเป็นคนที่มีความสามารถแรงค์ A ได้เพราะความสามารถส่วนตัว และแม้ว่าเขาจะไม่มีประสบการณ์ แต่ก็ยังไม่มีประสบการณ์ในการถูกไล่ล่าแบบนี้ หากเป้าหมายมองเห็นและวิ่งหนี การดำเนินการทั้งหมดก็จะสูญเปล่าแน่ๆ แถมยังเป็นตัวปัญหาของการรักษาความปลอดภัยของเมืองในอนาคต

 

「โชคดีที่การปิดล้อมใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว ใบบางกรณีอาจจะบรรลุเป้าหมายด้วยการลงมือตัดสิน……」

 

ผู้ติดตามพยายามทำภารกิจให้เสร็จสิ้น แม้จะสื่อสารกับศูนย์กลางไม่ได้แล้วก็ตาม ขณะที่เขาเดินออกจากเงาอาคารไปอย่างเงียบๆ เขาพยายามตามผู้ต้องสงสัยโดยห่างจากเป้าหมาย 20 เมตร และไล่ตามต่อโดยไม่มีใครสังเกตเห็น

 

 

ในที่สุดเคนก็เปลี่ยนเส้นทางและหายตัวไปในในเงามืดของบ้าน

 

 

ผู้ติดตามพยายามตามไปอย่างรวดเร็วขณะตรวจสอบสภาพโดยรอบ

 

 

และเมื่อได้รับการยืนยันแล้วว่าไม่มีร่องรอยของมนุษย์นอกจากผู้ต้องสงสัย เคนก็อยู่ติดที่มุมบ้านที่เขาหายไป และพยายามมองหาเป้าหมาย

 

 

อย่างไรก็ตามก็ต้องตกใจเพราะมีบางอย่างมาจิ้มคอ

 

「อะไร……」

 

พร้อมกับการมองเห็นที่พร่ามัว พลังก็ถูกปลดปล่อยไปที่ขา

 

 

เขาไม่เข้าใจเหตุผล ไม่มีอะไรนอกจากสัญญาณของผู้ต้องสงสัย และผู้ต้องสงสัยก็ยังห่างจากตัวเขา

 

 

ร่างของเขาทรุดลงกับพื้นราวกับตุ๊กตาที่ด้ายขาด

 

 

จิตสำนึกของเขาค่อยๆถอยห่างออกไป ใน พระอาทิตย์ที่กำลังตกลง และภาพเบลอก็สะท้อนเงาเหนือเขา

 

 

เงาคลุมทั้งตัวด้วยเสื้อคลุม และไม่สามารถระบุใบหน้าและแม้แต่เพศได้ ทั้งหมดที่เห็นก็คือเงาเท่านั้น

 

 

เมื่อร่างนั้นเหลือบมองผู้ติดตามที่ไม่สามารถเคลื่อนไหว ได้ เขาก็หยิบถุงที่ส่องประกายออกมาจากอกของเขา และกระจายมันไปในอากาศ

 

 

สิ่งที่อยู่ในกระเป๋าคือผงเวทย์ที่เปล่งประกายในค่ำคืน ระยะการมองเห็นของผู้ติดตามก็ปิดลงอย่างสมบูรณ์

 

 

◆◇◆

 

 

ทหารที่อยู่ในเขตปกครองและสร้างเครือข่ายปิดล้อมเคนก็รู้สึกตกใจกับเครือข่ายการสื่อสารที่หยุดชะงักกะทันหัน แต่ว่าก็ยังพอสงบสติอารมณ์ได้

 

 

ทหารต่างมองหน้ากันขณะซ่อนตัวอยู่หลังบ้านเนื่องจากปฏิบัติการลับ ชุดของพวกเขาจึงกลายเป็นหนึ่งเดียวกับเหล่าพวกนักผจญภัย และใบหน้าของเขาก็เปื้อนสิ่งสกปรกและฝุ่นละอองในระดับหนึ่ง

 

 

 

「ติดต่อกับศูนย์กลางได้ไหม?」

 

「ไม่เลย ติดต่อไม่ได้……」

 

ไม่ว่าพยายามสื่อสารมากแค่ไหน ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับจากหินเวทย์สีแดงที่เรืองแสง หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หัวหน้ากลุ่ม A ซึ่งรวบรวมกองกำลังทหารอยู่ในเขตปกครอง เงยหน้าขึ้นราวกับตัดสินใจบางอย่าง

 

「……ช่วยไม่ได้ ในกรณีเลวร้ายที่สุดก็ต้องจับผู้ต้องสงสัยด้วยตัวเราเอง」

 

คำพูดของหัวหน้าทำให้เพื่อนๆที่อยู่ที่นั่นพยักหน้าเล็กน้อย

 

 

เป็นไปไม่ได้ที่จะเคลื่อนไหวอย่างเป็นระบบในวงกว้าง แต่ถ้าสมาชิกอยู่ในเขตปกครองก็อาจร่วมมือกันได้

 

 

 

「โชคดีที่เราอยู่รายล้อมผู้ต้องสงสัย ทีม C และ D ควรรักษาเครือข่ายการปิดล้อมตามที่เป็นอยู่ ทีม A และ B รีบเข้าปิดล้อม เข้าหาเป้าหมายขณะที่ให้ความสนใจที่หินเวทย์ ส่วนทางนี้จะไปปกป้องผู้ร่วมแผนการ」

 

「เข้าใจแล้ว จะส่งผู้ส่งสารไปยังกลุ่ม B C และD」

 

ผู้ส่งสารเริ่มเคลื่อนไหวทันทีและวิ่งไปยังตำแหน่งของกลุ่มอื่นที่ทราบก่อนการสื่อสารจะถูกขัดจังหวะ

 

「ไปกันเถอะ」

 

บอกแบบนั้นและก็หยิบหินขึ้นมา หินเวทย์ที่ถูกถึงออกมาปล่อยแสงสีแดงจางๆ เหมือนกับคนอื่นๆว่ามีตัวตนที่มีพลังเวทย์ใกล้เคียงอยู่แถวๆนี้

 

「ทุกคนเป้าหมายอยู่ใกล้ๆ รีบออกค้นหาขณะมองดูหินด้วย!」

 

ตามคำสั่งของหัวหน้าสมาชิกก็กระจายไปรอบๆราวกับว่าเริ่มดำเนินการ และค้นหาเคนด้วยหินเวทย์ในมือ

 

 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า สมาชิกจะอยู่ห่างกันแล้วแต่หินเวทย์ยังคงส่องแสงสีแดง

 

 

 

「หมายความว่าไง?」

 

「มีปฏิกิริยาที่นี่เช่นกัน แบบนี้ก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน!」

 

เสียงของสมาชิกสับสนดังก้องไปทั่ว

 

「ใจเย็นๆ บางทีมันอาจจะเกิดขึ้นที่นั่นก็ได้ ถ้างั้นรีบไปที่ๆผู้ต้องสงสัยอยู่ ก่อนที่การสื่อสารจะถูกตัด  เมื่อถึงตอนนี้ความผิดปกติอาจจะกลับมาก็ได้」

 

 

 

สมาชิกไม่พอใจกับการตัดสินใจอย่างรวดเร็วของหัวหน้าก็กลับมาสงบได้ในทันที

 

 

อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมาถึงสถานที่นั้น ผู้ต้องสงสัยเคนก็ไม่ได้อยู่ที่นี่และที่นั่น และหินเวทย์ยังส่องแสงอยู่

 

 

และหินเวทย์ยังคงส่องประกายไปทั่วทุกทิศ ทำให้หาตัวผู้ต้องสงสัยไม่เจอ

 

 

 

◆◇◆

 

 

ไม่ใช่แค่ทีมในเขตปกครองเท่านั้น ที่สับสน กับผลกระทบของเครือข่ายสื่อสาร เช่นเดียวกับกลุ่มต่างๆในเขตปกครอง เช่นเดียวกับกลุ่มต่างๆ ในเขตปกครองและเขตการค้า

 

 

มีพวกมาร์และมิมูรุอยู่ในกลุ่มหนึ่งที่ตั้งอยู่ในพื้นที่การค้าและพวกเขามองดูหินสีน้ำเงินที่อยู่ในมือด้วยใบหน้าที่ยากลำบากซึ่งกันและกัน

 

 

 

「แล้วจะทำยังไง หินนี่ไม่มีประโยชน์แล้ว?」

 

มิมูรุหยิบหินในมือขึ้นมาเขย่า

 

「……ถ้าทุบมันจะหายรึเปล่า?」

 

「ถ้าใช้พลังโง่ๆเฉยๆก็ทำอะไรไม่ได้หรอกนะ มาร์คุงเองก็เป็นพวกสมองกล้ามถ้ามันระเบิดขึ้นมาเดี๋ยวก็แย่กันหมดหรอก?」

 

「หมายความว่าไง」

 

มาร์จ้องมองไปที่มิมูรุ ด้วยตาของเขาราวกับกำลังหงุดหงิด แต่ มิมูรุ เองก็มองไปที่หินเวทย์เวทย์และบ่น “ อะ อะ “ ขณะพยายามแกล้งมาร์

 

「ไม่ เอ่อมันไม่ตอบ ดูเหมือนจะทำงานกับพลังเวทย์เท่านั้น……」

 

นอกจากมาร์ที่ถอนหายใจ เมื่อมิมูรุใส่พลังเวทย์ลงหิน หินก็ส่องแสงสีแดงจางๆ

 

 

ดูเหมือนว่าจะไม่มีปัญหากับสิ่งนี้ แต่ก็การสื่อสารก็ไม่ได้เชื่อมต่อไปทุกที่

 

 

มาร์และมิมูรุที่ไม่มีความรู้แบบนี้ไม่สามารถทำอะไรกับมันได้ พวกเขาจึงซบไหล่กัน

 

「ดูเหมือนว่าไม่ใช่แค่คนเดียวนะ……」

 

 

 

มิมูรุเหลือบมองไปด้านข้างและมองไปเพื่อนรอบข้างและทหารก็พยายามติดต่อกับศูน์ยกลาง

 

 

อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะใส่พลังเวทย์เข้าไปมากแค่ไหน หินเวทย์ก็แค่เรืองแสงและทำอะไรไม่ได้

 

 

ในที่สุด เหล่าพวกทหารก็คิดว่าติดต่อไม่ได้แล้ว

 

「แล้วจะเอายังไง?」

 

「ตราบใดที่การสื่อสารใช้การไม่ได้ ก็ต้องรอผู้ส่งสารเท่านั้น โชคดีที่เรารู้ว่าผู้ต้องสงสัยอยู่ในเมืองจนกระทั่งการสื่อสารถูกตัดขาด」

 

เห็นได้ชัดว่าทหารจะคงอยู่ในสถานที่เป็นอยู่ซึ่งในขณะหนึ่งมีความปลอดภัยระหว่างพื้นที่ทั้งสอง

 

「แล้วไอริสและฟีโอล่ะ?」

 

「ก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจสถานการณ์เลย ถ้าการสื่อสารกับศูนย์กลางยังทำงานได้ ก็คงจะได้ทำตามคำสั่ง และหากไม่มีคำสั่งก็คิดว่าน่าจะอยู่ที่นี่……」

 

อันที่จริงเขตปกครองที่ไอริสและคนอื่นๆเข้าร่วมและกลุ่มของเขตย่านการค้าในทางฝั่งตะวันออก ยังคงอยู่ในสภาพที่เป็นอยู่ในขณะนี้และรอคำแนะนำ

 

 

อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่เครือข่ายการสื่อสารไม่ทำงานและข้อมูลจะไม่มาในทันที ดังนั้นมาร์จึงรอผู้ส่งสารมา

 

 

ปล่อยแผ่นหลังอยู่ในบ้านที่เรียงรางอยู่รอบตัวและผ่อนคลายร่างกาย หากมองสุดถนนจะเห็นผู้คนเดินผ่านไปมาบนถนนสายหลัก

 

 

ย่านการค้าเปลี่ยนไปจากตอนที่เห็นตอนกลางวันเป็นเมืองยามค่ำคืน ความเร่งรีบและคึกคักดังเข้ามาในหู

 

 

 

「เร็วเข้า เร็วเข้า เร่เข้ามา!」

 

「เอ่อ~ วันนี้จะรับอะไรดี~」

 

「พี่ชาย ทำไมวันนี้ไม่มาสนุกด้วยกันล่ะ?」

 

พ่อค้าที่วิ่งไปรอบเมืองในเวลาพระอาทิตย์ตกดินและอุทิศตนเพื่อทำธุรกิจของตน คนงานที่ทำงานเสร็จแล้ว และพยายามไปผักผ่อนเพื่อทำงานในวันพรุ่งนี้ และเหล่าผู้หญิงที่เต็มใจจะดึงดูดลูกค้าอย่างเชื้อเชิญ

 

 

คนที่สามารถมองเห็นซ่อนตัวระหว่างบ้าน เสื้อผ้าแตกต่างกันไป เป็นฉากที่ให้เห็นย่านการค้าอันแสนวุ่นวาย

 

 

 

「อ๊ะ มาทำอะไรในที่แบบนี้?」

 

「เอ๋?」

 

ทันใดนั้นมาร์ก็ได้ยินเสียงของคนคุ้นเคย และเจอชายชราในชุดคลุม

 

 

มาร์ที่เห็นตาแก่ซอนเน่ก็จำความหน้าสะพรึงกลัวของเขาได้

 

 

 

「ทำไมตาแก่หื่นกามมาอยู่ที่นี่ ซ่องอยู่ตรงนั้นนะ」

 

「แหม ทักกันซะข้าดูเป็นคนเลวเชียว วันนี้ไม่เหมือนกันหรอกนะ สเตล่าจัง…! ทักทายกันหยาบคายเกินไปหน่อยมั้ย……」

 

 

 

แม้ว่าเขาจะโกรธแต่ก็รีบวิ่งออกไปเช่นเคย

 

 

มาร์ประหลาดใจเล็กน้อยที่ซอนเน่ ปรากฏขึ้นในทันใด แต่ตามปกติก็ต้องลำบากใจที่อยู่ต่อหน้าหมอนี่

 

 

 

「ทำไมปู่มาอยู่ที่นี่?」

 

「เอ่อ? ก็เพราะบ้านข้าอยู่แถวนี้ไงล่ะ? ยิ่งไปกว่านั้นช่างเป็นลูกแมวที่น่ารักน่าชังเสียจริง ผิวเต็มไปด้วยความสดใสของชีวิตแถมขนหางก็น่าน้วย」

 

 

 

และตามปกติซอนเน่เริ่มจีบมิมูรุซึ่งเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มนี้

 

 

มิมูรุที่ได้รับการชมว่ามีต้นขาและหางที่สวยงาม

 

 

ทหารที่อยู่รอบๆต่างตกใจกับคำพูดนั่น

 

 

เป็นความจริงที่ว่าแขนขาของมิมูรุนั้นดูสวยงามและคล่องแคล่ว มีความสดใสและมีชีวิตชีวาสำหรับครึ่งสัตว์และในขณะเดียวกันก็ทำให้รู้สึกถึงความสวยงามในฐานะหญิงสาว

 

 

โดยปกติแล้ว ถูกซ่อนไว้และไม่มีใครได้สังเกต แต่เธอก็มีความสวยพอๆกับซีน่า

 

 

 

「แม่หนู จากนี้ภายใต้แสงจันทร์ ให้ข้าได้ขับขานบทกลอนแด้เจ้าได้ไหม!?」

 

ซอนเน่สารภาพรักกับมิมูรุราวกับเป็นนักแสดงในโรงละคร โดยเอามือแตะอกซึ่งดูน่าหมั่นไส้มาก อย่างไรก็ตามมาร์และพวกทหารรักษาการณ์ก็ไม่รอช้า

 

 

 

「ขอโทษนะ พอดีไม่ชอบ」

 

「อะเฮือก!」

 

 

 

และแน่นอนมิมูรุปฏิเสธคำสารภาพของซอนเน่

 

 

มันเป็นการปฏิเสธที่ดูทำร้ายจิตใจอย่างมาก

 

 

 

「ส่วนใหญ่ฉันเองก็มีทอมเป็นคนรักอยู่แล้ว ทอมนั้นร้อนแรงกว่าตาลุงเยอะ และยังเรียนเก่งด้วยแถมเป็นผู้ช่วยของอาจารย์ทอร์เกรน……」

 

ก่อนที่ซอนเน่จะ “ปฏิเสธ” มิมูรุก็บอกว่าเธอมีแฟนแล้ว สิ่งที่ตามมาคือพายุแห่งการสรรเสริญคนรักของเธอ

 

「เขาห่วงใยฉันเสมอมาและสังเกตเห็นแม้กระทั่งอาการบาดเจ็บเล็กน้อยระหว่างฝึกด้วยกัน……」

 

ขณะที่แก้มแดงระเรื่อ มิมูรุยังคงกล่าวต่อไปด้วยสีหน้าแวววาว

 

 

ลักษณะของการมองไปบนท้องฟ้าที่แวววาวราวกับทำท่าทีนึกถึงคนรักของเธอ โว้ยเหม็นความรัก

 

「……สวิทซ์แปลกๆติดขึ้นมาและนั่น」

 

ความรู้สึกของมิมูรุที่มีต่อทอมไม่เคยหยุดนิ่งและไม่โดนใครขัดได้ และรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

 

 

มีใครบ้างไหมที่จะอาสาหยุดยัยนี่ที่เพ้อถึง “ทอมที่รัก” เสียที

 

 

 

「ซีน่าเองก็ไม่ยอมกินอะไรเลย ยิ่งตอนอยู่ในป่านั่นแล้ว แต่เธอก็กินอาหารของฉัน อาหารทำมือพร้อมกับรอยยิ้ม……」

 

「โดนบังคับยัดห่าไม่ใช่เหรอไง……」

 

ความเข้าใจผิดค่อยๆส่งเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีใครอยากกินอาหารรสจัดที่ทำให้ถึงตายหรอกหากดวงซวย ด้วยบุคลิกของทอม ไม่คิดว่าเขาจะพูดตรงๆได้

 

「นะนะนะนนะนะรักแท้ของข้า……」

 

「ไม่ ตาแก่นี่แกจริงจังแค่ไหนเนี่ย……」

 

ขณะที่ทหารอยู่รอบๆกำลังเฝ้าดูเหตุการณ์แปลกๆ ซอนเน่ก็ส่งเสียงแห่งความเศร้าโศก

 

 

อย่างไรก็ตาม ตามที่คาดเอาไว้ก็เริ่มพรรณา “ถึงตัวเอง”

 

 

และซอนเน่ก็เงยหน้าขึ้นราวกับร่ำไห้และเห่าขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยแววตาที่หลั่งเลือด

 

 

 

「ท้ายที่สุด ที่รัก (คิดเอาเอง) เป็นเพียงแม่หนูผมดำเท่านั้นสินะ ! เฮ้แก ! บอกมาสิว่าแม่สาวผมดำอยู่ที่ไหน!」

 

ผมดำงั้นเหรอ มาร์คิดว่าน่าจะเป็นไอริส

 

「……ไม่รู้หรอกแต่ไอริสไม่สนใจแกหรอกนะ เท่าที่ได้ยินก็โดนปฏิเสธไปแล้วนี่」

 

คำตอบของมาร์ต่อซอนเน่ที่ส่งเสียงขู่แหง่ๆ

 

 

ความตึงเครียดของชายชราที่ถึงจุดสูงสุดและสาวแมวก็เริ่มวิ่งหนี บางทีอาจจะผิดหวังกับสถานการณ์นี้และปัดคำตอบของมาร์ทิ้งไป

 

 

อย่างไรก็ตามไอริสนั้นไม่ชอบใจซอนเน่อยู่แล้ว ที่พยายามลวนลามเธอและน้องสาวเธอด้วย พูดตามตรงไม่มีใครสน

 

 

ซอนเน่ที่กำลังหายใจอยู่ก็นิ่งเงียบ บางทีอาจเป็นเพราะจำได้ว่าโดนปฏิบัติแบบรุนแรง

 

 

 

「…………」

 

「…………」

 

มาร์และซอนเน่จ้องมองกันเงียบๆ มันดูราวกับเป็นการสู้กันของลูกผู้ชาย

 

 

ความเงียบเกิดขึ้นระหว่างทั้งสอง แต่วินาทีต่อมาซอนเน่ก็บ่นออกมาโดยจับหัวของเขา

 

 

 

「……บ้าเอ้ย ไอเวร  ไอ้เด็กคนนั้นอีกแล้วเหรอฟะ!」

 

「เอ่อ ก็น่าจะรู้ดีนี่หว่า……」

 

ซอนเน่คิดว่าไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคนที่ไอริสห่วงมากที่สุด

 

 

มาร์เองก็หัวเราะออกมา

 

 

 

「เอ่อ หัวใจของตาแก่น้อยๆคนนี้มันเหงาและเปล่าเปลี่ยวเสียเหลือเกิน มีใครจะรักษาแผลใจได้บ้างนะ……」

 

มาร์และโนโซมุเองก็น่าจะคิดแบบเดียวกันปล่อยตาแก่ไปเถอะ ในทางกลับกันซอนเน่กำลังผิดหวังอย่างหนักและเห็นแต่ความว่างเปล่า

 

 

 

「อาาาา ถ้าเป็นแม่สาวน้อยผมดำคนนั้น……」

 

สิ่งที่ได้ยินทำให้เขารู้สึกไม่พอใจอย่างมาก

 

 

แม่สาวน้อยผมดำ มาร์รู้จักแค่คนเดียว

 

「……คุณทหาร มีผู้ต้องสงสัยครับบบบ」

 

「เอ๋?」

 

มาร์เอามือคล้องคอซอนเน่เงียบๆและคุมตัวไว้ ซอนเน่ก็งง

 

「พูดอะไรน่ะ ทำไมข้าถึงเป็นคนน่าสงสัย!」

 

「ผู้ชายที่พยายามจะลวนลามเด็กอายุ 11 ปี มันจะคิดอย่างอื่นได้เหรอวะเฮ้ย ! ตาแก่ลามกนี่!」

 

คอโดนรัดแน่นเพราะมาร์ที่โกรธจัด

 

 

ขณะที่ฟังเสียงครวญครางเหมือนกับกบมาร์ก็พยายามรัดคอขณะนึกถึงความวุ่นวายที่ร้านของเขา

 

 

โศกนาฏกรรมนั้นเกิดจากการยั่วยุของชายชราตรงหน้า ร้านที่ปกติก็เสียงดังกันอยู่แล้ว แต่ตอนนั้นทำให้ลูกค้าต้องง๋อยกันหมด

 

 

เป็นผลให้ทุกคนที่อยู่ที่นั่นโดนเอ็มม่าลงโทษ แต่มาร์ก็ยังโกรธซอนเน่อยู่

 

 

 

「ข้าทำอะไรผิดไปงั้นเหรอ! ความรักของตาแก่ตัวน้อยที่มีต่อแม่สาวน้อยผมดำคนนั้น ! ข้าก็แค่อยากจะเห็นรอยยิ้มอันแสนร่าเริงของแม่หนู!」

 

「ชิ……」

 

อาจเป็นคำพูดที่ฟังดูเจ็บปวด แต่เสียงนั้นก็ดังก้องอยู่ในหัวของมาร์

 

 

มาร์อดไม่ได้ที่ยิ้มให้โซเมีย รอยยิ้มที่บริสุทธิ์และใสซื่อมันกินใจทุกคน

 

 

มาร์เองก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของซอนเน่ แขนนั้นเลยค่อยๆผ่อนแรง

 

 

อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้นมาร์ก็สังเกตได้ถึงนักดาบที่ปรากฏตัวขึ้นก็มีพวกทหารที่มองมาทางนี้

 

 

 

「……เดี๋ยวจะจับไว้เอง」

 

ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา พวกทหารรั้งตัวตาแก่ไป

 

「เหตุผลที่เป็นแบบนั้น ก็เพราะแกนั่นแหละ!」

 

ทหารที่แต่งกายด้วยชุดธรรมดาและไม่สวมเกราะ พยายามแต่งตัวให้เหมือนกับนักผจญภัย

 

 

อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวนั้นฉับไวสมกับเป็นทหารรักษาความปลอดภัย เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเมินเฉยคำพูดของตาแก่

 

 

 

「พวกเราคือทหารรักษาความปลอดภัย ท่านพวกเราพบตัวผู้ต้องสงสัย」

 

「โอเค ถ้างั้นก็พาไปที่สถานี แต่ทันทีที่เอาไปขังเสร็จรีบกลับมาทำงานด้วยล่ะเพราะงานนี้สำคัญมาก」

 

ตาแก่มากตัณหากำลังถูกคุมตัวไปโดยพวกทหารที่ใส่ชุดธรรมดา อย่างไรก็ตามซอนเน่ยังคงต่อต้าน

 

「ฟังเรื่องก่อนสิ ! ข้าน่ะเป็นพลเมืองดี!」

 

「……มาร์ หมอนั่นเป็นคนรู้จักงั้นเหรอ ไหวไหมเนี่ย?」

 

「อ่าาา….นั่นสินะ……」

 

หัวหน้ากลุ่มถามมาร์ขณะที่จ้องซอนเน่ด้วยสายตาสงสัย

 

 

มาร์พยายามค้นหาคำตอบ เป็นความจริงที่ว่าอาจจะเป็นตัวปัญหาและก่อปัญหาร้ายแรง แต่ว่าหมอนั่นก็ไม่ใช้กำลังเข้ากดขี่ผู้หยิง ดังนั้นมาร์จึงคิดว่าไม่ต้องคุมตัวก็ได้

 

 

พอบอกไปว่าไม่มีปัญหา พร้อมกับส่ายหัว

 

 

อย่างไรก็ตาม ความลังเลนี้จะเป็นตัวกำหนดชะตากรรมของตาแก่

 

 

 

「……พามันไปเถอะ」

 

「……อาาาาาาาาาาา」

 

เมื่อเห็นมาร์พูดแบบนั้นหัวหน้าจึงสั่งให้ลูกน้องพาตัวไป

 

 

ไม่นานหลังจากมาร์พูดออกไปแบบนั้น พวกทหารก็โค้งคำนับพร้อมกับไปทำภารกิจรองและเริ่มไปที่สถานีพร้อมกับพาตัวซอนเน่ไป

 

 

 

「นี่ ปล่อยเหอะ ! ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย~~~!」

 

เสียงร้องของตาแก่ดังก้องอยู่ในหูของมาร์ แต่มาร์ก็ก้มหน้าลงราวกับเหนื่อย

 

 

หลังจากนั้น ตามคำสั่งของจิฮัดก็ให้คอยคุมพื้นที่และออกหาตัวเคน

 

 

คำแนะนำของจิฮัดยังถูกส่งไปยังที่อื่นๆและเน้นไปตรวจสอบเขตที่เป้าหมายมุ่งเป็นพิเศษ

 

 

อย่างไรก็ตาม เป็นการยากที่จะหา เคน โนทิส ซึ่งเป็นใจกลางของคดีนี้ และในเขตปกครองก็หาตัวผู้ต้องสงสัยไม่พบ ดังนั้นเลยขยายขอบเขตการค้นหาออกไป

 

 

◆◇◆

 

 

ในสวนสาธารณะกลางซึ่งกำลังจมอยู่ในความมืดมิด คามิลล่าที่เป็นผู้ให้ความร่วมมือในการจับกุมมาร์ครั้งนี้กำลังนั่งอยู่บนม้านั่ง

 

 

ณ จุดนี้ การสื่อสารได้พังไปแล้ว แต่คามิลล่าไม่รู้ตัว

 

 

เคนสั่งเธอให้รอที่นี่

 

 

ความกระวนกระวายใจผุดขึ้นมาในใจคามิลล่า

 

 

เคนจะมาจริงๆน่ะเหรอ บางทีเคนอาจจะรู้ตัวแล้วก็ได้

 

 

คามิลล่าเป็นคนเดียวที่นั่งอยู่แล้วกำลังหมกมุ่นอยู่กับความคิดที่ยังไม่ได้รับคำตอบ บางทีเพื่อขจัดความวิตกกังวลเรื่องนี้ เธอจึงค้าหินเวทย์

 

 

 

「คามิลล่า ขอโทษที่ให้รอ……」

 

จู่ๆก็มีเสียงเรียกจากด้านหลัง

 

 

คามิลล่าหันหลังกลับไปมอง

 

「……เอ๊ะ โนโซมุ?」

 

ท่าทางของคามิลล่านั้นตกใจมากเพราะเมื่อมองย้อนกลับไปก็เห็นว่าโนโซมุ เบลาตี้อยู่ตรงนั้น

 

 

สีหน้าของคามิลล่าแข็งขึ้นชั่วขณะ แต่เธอรู้สึกไม่สบายใจกับโนโซมุที่ยืนตรงหน้า

 

 

โนโซมุที่โดนคุมตัวอยู่ อย่างไรก็ตามพวกทหารจะไม่เห็นตัวเลยก็คงไม่ใช่และโนโซมุไม่น่าจะหนีมาแน่ๆแล้วคนตรงหน้าก็คือ

 

 

 

「ไม่มีทาง……」

 

「นั่นสินะ」

 

ราวกับว่ากำลังอ่านใจคามิลล่า โนโซมุที่อยู่ข้างหน้าเธอเบ้ปากและพยักหน้า รอยยิ้มนั้นเหมือนกับเคน

 

 

ไม่ต้องสงสัยว่าโนโซมุ เบลาตี้ ตรงหน้า คือ เคน โนทิสที่ปลอมตัวด้วยความสามารถของเขา

 

 

คามิลล่านั้นตัวแข็งเพราะความตกใจ ดวงตาของเธอมองซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

 

คามิลล่าเองก็ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง

 

 

 

「คามิลล่า เป็นอะไรไปและนั่นอะไรน่ะ?」

 

สายตาของเคนจับจ้องไปที่หินเวทย์ที่อยู่ในมือคามิลล่า

 

 

คามิลล่ารีบซ่อนหินเวทย์ในมือของเธอ เหงื่อเย็นๆไหลผ่านกระดูกเธอครู่หนึ่ง

 

 

 

「……เอ่อ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก อย่าใส่ใจ ลิซ่าช่วงนี้เองก็อาการไม่ดี ก็เลยวางแผนจะเอาเจ้านี่ให้เป็นของขวัญน่ะ」

 

「……งั้นเหรอ」

 

คามิลล่าพยายามโกหก

 

 

จริงอยู่ที่ว่ามันเป็นเหมือนกับเครื่องประดับในแวบแรกแต่เคนยังคงสงสัย

 

 

คามิลล่าที่โดนสงสัยก็ทำสีหน้าเศร้าๆ

 

 

 

「ไม่เป็นไรใช่ไหม ฉันเองก็อยู่ข้างๆลิซ่าต่อไปไม่ได้แล้ว แต่อย่างน้อยก็อยากให้เธอหายดี……」

 

เธอกลั้นหัวใจที่เต้นระรัวและความตึงเครียดก็เริ่มทำให้เธออ่อนล้า คามิลล่าเองก็ไม่คิดว่าตัวเธอเหมาะกับการเป็นนักแสดง แต่สีหน้าของเธอที่กำลังกัดฟันพูดราวกับไม่ดูเสแสร้ง

 

 

นั่นก็คงเพราะแบบนั้น เพราะคำพูดนั้นคือความตั้งใจจริงของเธอ

 

 

 

「ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้นหรอก เมื่อสิ่งนี้จบลง ลิซ่าก็จะกลับมาเป็นปกติ」

 

ตรงกันข้ามกับคามิลล่าที่กังวล เคนทำสีหน้านิ่งเฉย

 

 

ขณะที่พยายามเก็บความโกรธที่เดือดพล่านอยู่ในอก คามิลล่ายังคงนิ่ง

 

 

 

「งั้น ก็รีบไปกันเถอะ ยังไงก็จะต้องให้คามิลล่าช่วย……」

 

เคนจ้องคามิลล่าอยู่พักหนึ่ง แต่เมื่อเขายังไหล่เล็กน้อย เขาก็เริ่มเดินเข้ามาหาคามิลล่า

 

「แล้วจะไปไหนน่ะ……」

 

คามิลล่าทำสีหน้าสงสัยขณะเดินตามเคนไปที่ไม่บอกจุดหมาย

 

 

อย่างไรก็ตามเคนไม่หันกลับมา

 

 

 

「นี่ฟังอยู่รึเปล่าเนี่ย?」

 

คามิลล่าถามเคนซ้ำๆ และเคนหันกลับมาราวกับเบื่อท่าทางของเธอ

 

 

และเคนก็พึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

 

 

 

「สถาบันอีคอร์ส……」

 

คามิลล่าพูดอะไรไม่ออก

 

 

◆◇◆

 

 

ณ เมืองที่กำลังเต็มไปด้วยม่านสีแดงของพระอาทิตย์

 

 

ในสวนสาธารณะกลางซึ่งครอบคลุมพื้นที่รอบสถาบันโซลมินาติอย่างสมบูรณ์ลิซ่านั่งอยู่คนเดียวบนม้านั่ง

 

 

 

「เคนและคนอื่นๆ ไปไหนกันหมดเนี่ย……」

 

ลิซ่าพยายามไล่ตามเคนและเพื่อนๆ แต่เมื่อออกจากอาคารเรียนก็ไม่เจอแล้ว

 

 

นักเรียนที่ออกจากสถาบันก็ยิ้มอย่างไร้เดียงสาขณะเดินกลับบ้าน

 

 

รอยยิ้มสดใสไร้กังวล

 

 

เมื่อมองดูท่าทางอันแสนสุขของพวกเขา ความรู้สึกแปลกๆก็ทำให้ลิซ่าเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ

 

 

แม้ว่าจะพยายามค้นหาเพื่อนของเธอมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังหาไม่เจอ

 

 

ลิซ่าแหงนมองท้องฟ้าที่เริ่มมีดาวส่องแสง ใบหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยความเศร้าโศก

 

 

โนโซมุที่โดนจับข้อหาทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานและถูกจำคุก ได้รับการปล่อยตัวเมื่อเช้าเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ

 

 

โนโซมุกลายเป็นจุดสนใจอีกครั้งในการต่อสู้จำลองกับจิฮัด

 

 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัวเขาได้เปลี่ยนทั่วทั้งสถาบัน และตอนที่เขาโดนปล่อยตัวก็มีการพูดถึงเรื่องต่างๆนาๆว่าร้ายมากมาย

 

 

คนที่คิดลบต่อโนโซมุก็คิดว่าเขาทำ และฝั่งตรงข้ามก็คิดว่าเป็นตัวปลอม

 

 

เธอยังไม่ทราบความจริงกับโนโซมุที่กลับมาที่สถาบันและคนใกล้ชิดของพวกเขา และบางเรื่องก็เกี่ยวกับการปลอมตัว ทั้งหมดกลายเป็นเรื่องไร้สาระทั้งนั้น จนไม่มีมูลให้เชื่อ

 

 

ระหว่างนั้นลิซ่าไม่มีใครมาคุยด้วยเลย ก็เป็นการยากสำหรับเธอที่จะรับรู้ข่าวสาร และเธอยังอยู่ท่ามกลางข่าวลือแปลกๆในช่วงไม่นานมานี้

 

 

เธอที่ถูกจับจ้องราวกับตัวประหลาดและโดนนินทาจากรอบข้าง หากจ้องมองพวกนั้นก็จะทำเป็นหนีหายไป

 

 

บรรยากาศของสถาบันกำลังไล่รื้อเรื่องราวของลิซ่าขุดกลับมาอีกครั้ง

 

 

เมื่อนึกถึงห้องเรียน ลิซ่าเองก็นั่งอยู่คนเดียวขณะหน้ามืด

 

 

ในขณะนั้นก็มีนักเรียนหญิงที่สวมชุดของสถาบันโซลมินาติ เป็นพวกปี 3 เช่นเดียวกับเธอ

 

 

 

「นี่ คิดยังไงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในย่านการค้าเมื่อวันก่อนเหรอ?」

 

「ยังไงก็ตาม ต่างคนก็ต่างพูด โนโซมุทำหรือไม่ก็ตัวปลอม นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวของด็อปเพลแก๊งเกอร์ด้วยนะ……」

 

นักเรียนหญิงสองคนที่กำลังออกจากสถาบันกำลังพูดถึงข่าวลือของโนโซมุ

 

「ไม่รู้หรอก แต่ว่าเวลามันประจวบเหมาะเกินไปไหม เพราะโนโซมุเองก็เพิ่งสู้กับอาจารย์จิฮัดก่อนหน้านี้……」

 

ยิ่งกว่านั้นยังมีความสงสัยเกี่ยวกับการกระทำเหล่านั้น

 

「แล้วเรื่องที่โนโซมุทรยศคิดว่าไงล่ะ คิดว่ามันจริงเหรอ?」

 

「ไม่หรอกมั้ง? อย่างไรก็ตาม มันฟังดูน่าแปลกกว่าอีกที่เจ้าหญิงผมแดงจะเป็นฝ่ายทิ้งโนโซมุเองมากกว่านะ」

 

แน่นอนว่าเรื่องของลิซ่าก็ด้วย

 

 

ผู้หญิงที่ละทิ้งเพื่อนสมัยเด็กของตัวเองที่ถูกตราหน้าว่าไร้ประโยชน์จากคนรอบข้าง ทำให้ตัวเธอต้องตกต่ำ หลายๆคนเริ่มเชื่อกันแบบนั้น คำพูดนั้นเสียดแทงอกของลิซ่า

 

 

ในหัวนั้นร้อนผ่าว และความโกรธที่พุ่งออกมาจากอกมันกำลังพุ่งออกไปที่ลำคอ

 

 

 

「……อึก!」

 

ความเร่าร้อนที่พุ่งมาที่อกพร้อมกับความเจ็บปวดรวดร้าว

 

 

ลุกขึ้นจากม้านั่งและจ้องมองเพื่อนร่วมชั้นที่อยู่ตรงหน้า

 

 

อย่างไรก็ตามเสียงโกรธที่เหมือนจะหลุดออกไปมันก็ติดอยู่ในลำคอลิซ่าด้วยเหตุผลบางอย่าง

 

 

ภาพของโนโซมุผุดขึ้นมาในหัวเธอ ท่าทางขอโทษของเขาก่อนหน้านี้ไม่ใช่เมื่อสองปีก่อน

 

“ฟังดูโง่ใช่ไหมล่ะ ผมหนีความจริงไปและไม่กล้าเผชิญหน้ากับลิซ่า ผมไม่ยอมให้ลิซ่าได้เห็นตัวของผมเองเลยแม้แต่น้อย……”

 

เสียงของโนโซมุก้องอยู่ในใจ

 

 

ความโกรธของลิซ่าสงบลงราวกับกระแสน้ำที่ดึงคำพูดของเธอกลับมาด้วยคำพูดของอีกคนที่ทรยศความรู้สึกของเธอและแม้จะเกลียดขี้หน้าจนไม่อยากจะเห็นหน้ามากแค่ไหนก็ตาม

 

「เฮ้อ……」

 

จู่ๆความโกรธที่เหมือนกับภูเขาไฟปะทุก็สงบลง เธอไม่เข้าใจตัวเองด้วยซ้ำ และลิซ่าทำได้เพียงแต่ยืนนิ่งๆ

 

 

จากนั้นเพื่อนร่วมชั้นสองคนที่เห็นลิซ่ายืนก็จ้องมองมา

 

「อึก……!」

 

「เป็นอะไรไป?」

 

นักเรียนที่เห็นลิซ่าก็หัวเราะแห้งๆแล้วรีบบอกเราไปกันเถอะ

 

 

อย่าไรก็ตามลิซ่านั้นไม่ได้สังเกตเห็น และถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

 

 

“โนโซมุทรยศต่อฉัน เพราะงั้นฉันจึงลืมความรู้สึกไปหมดแล้ว”

 

นั่นคือข้อเท็จจริงที่ลิซ่ารู้ในช่วงสองปีที่ผ่านมา

 

 

อย่างไรก็ตามยิ่งคิดยิ่งปวดหัว ยิ่งเห็นภาพเขามากขึ้น ซึ่งกำลังคิดเกี่ยวกับตัวเองเมื่อสองปีก่อน

 

 

ฉากที่โดนเขาทรยศและรอยยิ้มของโนโซมุที่ไม่เปลี่ยนไปเลย

 

 

ลิซ่าปฏิเสธคำพูดของโนโซมุไม่ได้ แม้ว่าทั้งสองจะเผชิญหน้ากันและต่างฝ่ายก็ต่างโกรธที่โดนทรยศต่อกัน

 

 

ยังคงทุกข์ทรมานด้วยความรู้สึกแบบนั้น

 

 

ลิซ่าไม่รู้ว่าจะเชื่อใจใครอีกต่อไปแล้ว

 

 

สวนสาธารณะที่ไม่ค่อยมีคนผ่านแล้ว เพราะพระอาทิตย์ตกดิน และความมืดค่อยๆปกคลุมเมืองอาร์คาซัม ลิซ่าเองก็ก้มตัวต่ำลงราวกับกลัวความมืดยามราตรี อย่างไรก็ตาม ความเจ็บปวดนั้นไม่ได้หายไป

 

 

ซักพักเธอนั่งอยู่บนพื้นหญ้าและคุกเข่าลง แต่เธอก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้น

 

 

ในขณะนั้นก็พบชายหญิงสองคนเดินเคียงข้างกันปรากฏในสายตาเธอ

 

 

 

「……นั่นมัน」

 

คนหนึ่งเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทของเธอตั้งแต่มาที่เมืองนี้ ส่วนอีกคนก็เป็นคนที่ทำให้จิตใจของเธอปั่นป่วนมาตลอด

 

「……คามิลล่ากับโนโซมุ?」

 

อาการเจ็บหน้าอกมันร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้งเพราะภาพบาดตาที่เห็นคามิลล่าเดินข้างโนโซมุ

 

 

ความรู้สึกสั่นเทาและแสบทรวงมันทะลุเข้ามาในอกแปรเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวดสุดพรรณนา ใบหน้าของเธอนั้นแข็งขึ้น

 

 

 

「ทำไมสองคนนั้นถึงได้……」

 

ลิซ่าไม่มีทางเลือกนอกจากมองดูทั้งสองที่หายเข้าไปในเมืองโดยไม่เข้าใจเหตุผล

 

 

เมื่อเธอสังเกตเห็น เธอก็ตามทั้งสองไป

 

 

ทำไมเธอรู้สึกเจ็บปวดมากขนาดนี้? เธอยังหาเหตุผลไม่เจอ แต่ตอนนี้เธอแค่อยากหนีความเจ็บปวดที่ทำร้ายจิตใจของเธอมาเป็นเวลานาน

 

 

ตอนนี้คงสะใจใครหลายๆคนน่าดูเลยนะครับ ภาพซ้ำบาดตาบาดใจ 

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

Status: Ongoing
สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท