โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” – ตอนที่ 111

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

บทที่6ตอนที่28

 

 

การปรากฏตัวของซอนเน่ที่ยืนอยู่ต่อหน้าโนโซมุและคนอื่นๆด้วยรอยยิ้มอันแสนอ่อนโยนทำให้พื้นที่นั้นเกิดความเงียบที่ไม่สามารถอธิบายได้

 

 

เบื้องหลังของชายชราคืออบีตที่สร้างรังไหมขึ้นมา ซอนเน่นั้นไม่ได้สนใจอะไรมากนักและแค่เดินไปหาโนโซมุ

 

「รอก่อนนะพ่อหมุ่น มันไม่ปลอดภัยที่จะบุกเข้าไปแบบสุ่มสี่สุมห้าเข้าบาเรียของมัน」

 

「ทำไมตาแก่ถึงมาอยู่ที่นี่ แล้วอะไรคือบาเรียของมัน?……」

 

「ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างเลยอะนะ อ้า แม่สาวตรงนั้นมาอยู่กับข้าเถอะ อืม ! โชคดีที่ยังไม่บาดเจ็บ」

 

ซอนเน่พยักหน้าอย่างมีความสุข โนโซมุรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น

 

 

ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้ลิซ่ากำลังตกอยู่ในอันตราย

 

 

มันไม่ใช่สถานการณ์ที่จะมาทำเรื่องแบบนี้ โนโซมุคิดแบบนั้น ! เมื่อเขาเหลือบมองไปที่รังไหมพร้อมกับพยายามผ่านซอนเน่ไป

 

 

 

「ถ้าคิดมาสาวๆไปเดินเล่นด้วยก็อย่ามาขวางสิฟะ! ตอนนี้มันฉุกเฉินนะเห้ย!」  

 

「ก็บอกว่าให้ใจเย็นๆไงพ่อหนุ่ม การแก้ปัญหามันไม่ได้ง่ายเพียงแค่กระโดดเข้าไปหาปัญหาหรอกนะ」

 

อย่างไรก็ตามซอนเน่ก็มาขวางโนโซมุ พร้อมกับเหตุผลลึกซึ้ง

 

「มั่นใจได้เลย อย่างน้อยผู้หญิงผมแดงคนนั้นจะไม่ถูกกินและไม่ตายในตอนนี้ สำหรับตอนนี้ สัตว์ร้ายตัวนั้นไม่ได้ต้องการผู้หญิงคนนั้น」

 

คำพูดและการจ้องมองอย่างมีนัยยะของซอนเน่ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทำให้โนโซมุที่กำลังหัวร้อนให้เย็นลง

 

 

โนโซมุถามซอนเน่ขณะที่อารมณ์เสีย

 

 

 

「……หมายความว่าไง?」

 

แน่นอน โนโซมุรู้สึกว่าขาดข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ตอนนี้

 

 

เกิดอะไรขึ้นกับเคน? เกิดอะไรขึ้นกับลิซ่าในตอนนี้?

 

 

สิ่งเดียวที่บอกได้คือสัตว์อสูรสีดำมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากในเรื่องนี้ และชายชราที่อยู่ตรงหน้ามีข้อมูลบางอย่างและมาด้วยจุดประสงค์แน่วแน่

แสงสว่างแห่งเหตุผลกลับมาที่ดวงตาของโนโซมุอีกครั้ง บางทีอาจจะเพราะพอใจกับสภาพโนโซมุในตอนนี้ ซอนเน่พยักหน้าเล็กน้อยและพูดขึ้น

 

 

 

「ชายผู้ที่ถูกสัตว์ร้ายนั่นกลืนกินนั้นหลงรักเพื่อนในวัยเด็กของเจ้าใช่ไหมล่ะ? ถึงขั้นขนาดที่ต้องหักหลังเพื่อนรัก……」

 

โนโซมุพยักหน้าให้กับคำถามของซอนเน่

 

 

ถึงจะน่าสงสัยที่ว่าทำไมตาแก่ถึงได้รู้จักมิตรภาพส่วนตัวของโนโซมุ แต่ตอนนี้โนโซมุก็ฟังเรื่องของซอนเน่ต่อ

 

 

 

「อย่างที่พ่อหนุ่มรู้ สัตว์อสูรตัวนั้นมีความสามารถพิเศษเท่าที่ร่างกายของผู้ที่สิงอยู่โดยใช้เป็นพื้นฐาน」

 

“พื้นฐานในการก่อร่างสร้างใหม่สำหรับผู้ถูกสิง”

 

นั่นทำให้โนโซมุและซีน่าได้เจอกับอบีตในป่า

 

 

ในเวลานั้นอบีตนั้นเป็นเหมือนสัตว์ร้ายสี่ขาและหางของมันคมเหมือนมีดกิโยติน

 

 

และอบีตที่ถูกพวกโนโซมุต้อนจนมุมก็เปลี่ยนคอของมันให้เป็นปากใหญ่ปากเดียว และเพิ่มจำนวนหางที่เหมือนดาบใหญ่ อย่างน้อยก็ไม่เคยเห็นสัตว์อสูรที่เปลี่ยนรูปลักษณ์ได้เลย

 

 

นอกจากนี้ร่างกายของเคนก่อนหน้านี้ยังมีของเหลวคลายโคลนตมโผล่ออกมาจากร่างของเขาตอนที่โดนคมดาบมายาของโนโซมุตัดขาด เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่ของเหลวสำหรับร่างกายของมนุษย์

 

 

 

「ในทางกลับกันตัวมันนั้นก็ไม่เสถียรสักเท่าไรเลยต้องหาร่างที่มั่นคงในการสิงสถิตย์」

 

ซอนเน่ยังคงพูดต่อไปขณะที่โนโซมุคิด

 

「สิ่งมีชีวิตพวกนั้นเป็นเหมือนจำพวกอิงอาศัยงั้นเหรอ?อย่างพวก หมัด เห็บ……」

 

「ไม่หรอก ถ้ามันเล็กเกินไป มันก็จะพังก่อนที่ร่างกายจะเสถียร ยังมีอีกหลายสิ่งที่เข้ากันได้ดี หากถูกรบกวนโดยร่างหลักที่พยายามขัดขืนมันก็จะทำให้เวลาในการสิงสู่ลดต่ำลงอย่างมาก เพราะมันต้องเลือกความเข้ากันได้ด้วย」

 

 

 

ขณะพูดเช่นนั้นซอนเน่ก็หันไปมองรอยที่จิฮัดทำไว้บนพื้น ไม่สิ สิ่งที่กำลังมองอยู่นั่นคือร่างของจิบิน

 

 

ร่างที่ถูกบดขยี้ไม่ได้อยู่ในร่างเดิมอีกต่อไป แต่เมื่อเห็นศพซอนเน่ก็มีสีหน้าเศร้าๆ

 

 

 

「……นอกจากนี้สัตว์อสูรตัวนั้นยังสร้างมลทินให้กับจิตวิญญาณของผู้สิงสู่ เข้าควบคุมมัน และจัดการตามความเหมาะสม แต่ในขณะนั้นมันก็เล่นกับช่องว่างของจิตใจเจ้าของร่าง มันจะพยายามทำตามสิ่งที่เจ้าของร่างต้องการ เพื่อให้เจ้าของร่างยอมรับการมีอยู่ของมัน เพื่อให้มันแข็งแกร่งขึ้นและควบคุมได้ง่ายขึ้น……」

 

การมีอยู่ของตัวเจ้าของร่าง ทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้นก็ตกใจอย่างมาก

 

 

ร่างของหญิงสาวที่เป็นรักแรกของโนโซมุเข้ามาในสายตา

 

 

เคนที่กลายเป็นเจ้าของร่างของอบีตนั้น มีเพียงคนเดียวที่เขาโหยหาและไม่ยอมหยุดนิ่ง

 

 

 

「ไม่มีทาง……」

 

「ใช่แล้ว ผู้หญิงที่ผู้ชายคนนั้นต้องการจะกลายเป็นแกนกลาง เมื่อรับตัวเธอเข้าไป สัตว์ร้ายนั่นก็เกิดใหม่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังมากขึ้น หญิงสาวที่เจ้าของร่างนั้นโหยหา ไม่แปลกใจเลยที่อบีตนั่นถึงได้จับตัวเธอเอาไว้」

 

ขณะยักไหล่ซอนเน่จ้องมองไปยังรังไหมที่ถูกสร้างขึ้นมา

 

 

มีรังไหมอยู่ที่นั่นเพื่อให้อบีตได้ฟักออกมา โดยมีเคนเป็นแกนกลางและลิซ่าเป็นตัวประกัน แท้จริงแล้วมันก็เหมือนดักแด้

 

 

 

「รังไหมแห่งแสงนั่นจะกลายเป็น “เขตนักล่า” เพื่อหลอมรวมสิ่งมีชีวิตที่ถูกจับเข้าไปในระดับวิญญาณ หากกระโดดเข้าไปในรังไหมนั้น ไม่เพียงแต่กระดูกของเจ้า แต่จิตวิญญาณของเจ้าก็จะถูกกลืนกิน และจะถูกใช้มาเป็นอาหารสำหรับเจ้าสัตว์อสูรนั่น」

 

 

 

「แล้า ถ้าทำลายบาเรียนั่น……」

 

「จริงอยู่ที่ว่าสัตว์อสูรนั่นอาจจะพ่ายแพ้ไป อย่างไรก็ตาม สัตว์อสูรนั่นก็น่าจะเริ่มครอบงำจิตใจของแม่สาวผมแดงแล้ว หากเราทำลายอย่างไม่ระวัง มันอาจจะทำลายวิญญาณของหญิงสาวได้」

 

「ถ้างั้น……」

 

ถ้าบาเรียถูกปล่อยไว้แบบนี้ ความตายของลิซ่าก็มาถึงแน่นอน อย่างไรก็ตามแม้จะทำลายก็ไม่ได้เช่นกัน ไม่ว่าทางไหนก็นำไปสู่ความสิ้นหวัง

ไอริสและคนอื่นๆต่างกัดริมฝีปากแน่น

 

 

ในขณะเดียวกันอินด้าที่ฟังเรื่องราวอยู่ด้านหลังก็สงสัย

 

 

 

「ตาแก่นี่เป็นใครกันคะ……」

 

「ข้าน่ะเหรอ? อย่างที่เห็นก็แค่ผู้กล้าที่ผ่านทางมา…!」

 

「ข้าเองก็กังวลมากเลย ตอนแรกก็ไม่รู้สึกตัวเลยว่าผ่านมาที่นี่ได้ยังไง อย่างน้อยก็อยากจะรู้ ขนาดคนในสถาบันที่เก่งๆยังไม่รู้สึกตัวเลยนะ」

 

จิฮัดก้าวไปอีกขั้นราวกับมีสีหน้าสงสัยชัดเจน

 

「นอกจากนี้ยังไม่เคยได้ยินเรื่องของอบีตแบบนั้นมาก่อนเลย แต่สถานการณ์ในตอนนี้ก็ฟังดูน่าเชื่อถือสุดๆ」

 

สำหรับอบีตที่มีรายละเอียดไม่ชัดเจนเนื่องจากมีพยานจำนวนน้อย และมีการพบเห็นไม่มาก

 

 

อย่างไรก็ตามตาแก่ตรงหน้าก็พูดเรื่องอบีตออกมาได้อย่างมั่นใจ

 

 

 

「ข้อมูลที่พวกเราไม่เคยรู้ แม้แต่ที่นี่ แหล่งรวมเทคโนโลยีสุดล้ำก็ยังมีอีกหลายสิ่งที่ไม่รู้เกี่ยวกับอบีตนั่น แล้วนายรู้ได้ยังไง มันอดไม่ได้ที่จะกังวล」

 

จิฮัดก้าวเข้าไปหาซอนเน่

 

 

ผู้คนทั้งหลายต่างจ้องมองไปที่ทั้งสองโดยไม่ละสายตา

 

 

 

「ดูเหมือนว่าเจ้าจะสงสัยข้านะ」

 

「อย่างน้อยก็ไม่มีอะไรที่ช่วยขจัดความสงสัยให้เลยนี่ ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ช่วยบอกข้อมูลทั้งหมดด้วย ถ้าทำได้ อย่างน้อยก็อยากให้บอกวิถี ช่วย ลิซ่า เฮาวด์ กับ เคน โนทิส ด้วยได้ไหม?」

 

 

 

โนโซมุเบิกตากว้างกับคำพูดของจิฮัด และซอนเน่ก็ผิวปากเล็กน้อย

 

「ทำไมถึงได้คิดแบบนั้นล่ะ?」

 

「ก็เป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอว่า “อย่าเข้าไปโดยสุ่มสี่สุ่มห้า” ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะมีวิธีอื่นในการเข้าไปใช่ไหมล่ะ?」

 

「คาดหวังไปเองรึเปล่า?」

 

「แต่ว่าก็ไม่ใช่เรื่องโกหกกันใช่ไหมล่ะ?」

 

ตาของจิฮัดหรี่ลงเล็กน้อยและปล่อยแรงกดดันออกมา

 

 

ในทางกลับกันคนปกติที่โดนต้องกลัวจนตัวสั่นแต่ซอนเน่ยังคงสบายๆ

 

 

 

「……ถ้าไม่ให้ความร่วมมือกันก็ช่วยไม่ได้พวกเราจะทำลายบาเรียนั่นด้วยพลังทั้งหมด」

 

「ว่าไงนะ!?」

 

ทั้งสองเผชิญหน้าอย่างเงียบๆและเป็นฝ่ายจิฮัดที่พูดขึ้น คำพูดนั้นทำให้พวกโนโซมุและเพื่อนต่างตกใจ

 

 

อย่างไรก็๖าม มันง่ายที่จะเข้าใจเพราะถ้าอบีตมันฟื้นขึ้นมาจริงๆเมืองคงไม่ปลอดภัย

 

 

อีกฝ่ายหนึ่งเป็นสัตว์อสูรที่ไม่รู้แม้แต่ชื่อและประเมินความสามารถของมันได้

 

 

แม้ว่าจะเอาชนะสัตว์อสรูได้โดยไร้ความเสียหาย แต่ว่าก็น่าจะโดนวิพากษ์วิจารณ์ว่าเหตุใดถึงไม่ยอมดำเนินการใดๆก่อนที่มันจะฟื้นชีพขึ้นมา

 

「สัตว์อสูรตัวนั้นเคยเห็นเมื่อ 10 ปีที่แล้วและคิดว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับการรุกรานครั้งใหญ่ ดูเหมือนว่าจะไร้ความปราณี แต่ว่าก็ปล่อยมันให้ฟื้นคืนชีพในเมืองไม่ได้……」

 

อินด้าพยักหน้ารับคำพูดของจิฮัด และทั้งสองก็กัดฟันแน่น เพราะรู้สึกเสียใจ

 

「ตามจริงก็ไม่อยากให้พวกเด็กๆต้องมาตาย แต่ว่ามันก็เหมือนข้ออ้าง พวกเราที่เป็นอาจารย์ก็มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขาเช่นกัน เพราะงั้นถ้าเป็นไปได้ก็ช่วยร่วมมือกันที」

 

จิฮัดพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและขอความร่วมมือจากซอนเน่ มันอาจจะดูเหมือนข้ออ้าง แต่ถ้าต้องให้คุกเข่าขอร้องกันเขาก็พร้อมที่จะทำ

หัวหน้าของสถาบันจะก้มหัวให้ใครมันเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก

 

 

โลกนี้เต็มไปด้วยพวกนอกคอกที่แสวงหาอำนาจ และการแสดงความอ่อนแอให้อีกฝ่ายเห็นจะเป็นการเปิดช่องว่างขนาดใหญ่ ซึ่งมันเป็นความเสียหายที่ไม่อาจประเมินได้

 

 

ในทางกลับกันก็กล่าวได้ว่าเขารักเมืองนี้และลูกศิษย์ของเขา แม้จะไม่ได้พูดมันออกมาตรงๆ

 

 

 

「อืม ก็ไม่รู้วิธีที่ชัดเจนสำหรับการช่วยเหลือมนุษย์ที่ถูกทำให้เป็นผู้สิงสู่ อย่างพ่อทหารหนุ่มคนนั้นที่โดนมันยึดไปทั้งร่างแล้ว……」

 

ซอนเน่เหลือบมองร่างของจิบินอีกครั้ง

 

 

อย่างไรก็ตาม เขาก็มองหน้าจิฮัดและถอนหายใจเฮือกใหญ่

 

「ข้าเองก็มีเหตุผลของข้าเหมือนกัน ดังนั้นเล่าได้ไม่หมดทุกอย่างหรอกนะ」

 

ซอนเน่ปฏิเสธที่จะเปิดเผยข้อมูลทั้งหมด พร้อมกับสีหน้าขอโทษ

 

 

จิฮัดเองก็รู้เช่นกัน พยักหน้าโดยไม่แปลกใจ อย่างไรก็ตาม

 

 

 

「แล้วถ้างั้น……」

 

จิฮัดจับดาบยักษ์ขึ้นมา

 

 

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือจะใช้กำลังในการรีดเข้นข้อมูลนั่นเอง

 

 

มันเป็นสิ่งที่เขาจะทำเพื่อเมืองนี้และนักเรียนที่รักของเขา

 

 

บางทีเพราะความมุ่งมั่นของจิฮัด ทหารที่อยู่รอบๆเองก็ฮึดสู้เช่นกัน

 

 

ซอนเน่ที่ถูกจ้องมองก็ถอนหายใจออกอย่างช่วยไม่ได้

 

 

 

「ท้ายที่สุดก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำเช่นนี้……」

 

ซอนเน่พึมพำด้วยน้ำเสียงเบาๆที่ไม่มีใครได้ยิน ยกไม้เท้าในมือขวาขึ้นสูงสุดแล้วเคาะพื้นเบาๆ

 

 

ในเวลาต่อมาวงเวทย์ที่ซับซ้อนก็ถูกวาดลงทั่วทั้งหมดหน้าห้องสมุด

 

 

 

「หะ!?」

 

วงเวทย์ที่มีลักษณะซับซ้อนมากมายปรากฏขึ้นมาราวกับเขาวงกต

 

 

เมื่อวงเวทย์ที่ปรากฏขึ้นมานั้นไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ขนาดสำหรับจิฮัดและอินด้านับประสาอะไรกับโนโซมุ มันส่องแสงอย่างทรงพลังทหารทั้งหมดที่อยู่ในนั้นและลันซ่าก็ได้รับการปกป้อง จากนั้นก็ล้มลงเหมือนตุ๊กตาที่ด้ายขาด

 

 

 

「ตอนนี้……」

 

โนโซมุและเพื่อนๆต่างประหลาดใจจนพูดอะไรไม่ออก โนโซมุและเพื่อนๆที่คิดว่าจะตายไปซะแล้ว แต่ถ้ามองดูจะเห็นว่าพวกทหารที่ล้มลงนั้นยังคงเคลื่อนไหวได้อยู่ แต่ว่าการหายใจนั้นแข็งกระด้าง

 

 

อย่างไรก็ตาม ตอนแรกก็ตัวแข็งเพราะความสามารถของซอนเน่ ที่ทำให้พวกทหารทั้งหมดต่างหมดสภาพในเวลาไม่ถึงวินาที

 

 

อย่างน้อยการกระตุ้นพลังเวทย์ จำเป็นต้องผ่านกระบวนการหลายอย่าง เช่นการสร้างวงเวทย์การใส่พลังเวทย์และการเปิดใช้งาน

 

 

ก็เลยสงสัยว่ามีความสามารถที่ช่วยเหลือในการใช้งานอย่างปรับใช้ทันทีอย่างของไอริสรึเปล่า แต่ถึงกระนั้นขนาดมันก็ต่างกันเกินไป เวทย์ขนาดใหญ่แบบนั้นไม่น่าจะถูกใช้ได้ในทันที

 

 

อย่างไรก็ตามโนโซมุและเพื่อนๆต่างต้องตกใจ ซอนเน่ลืมตาและอ้าปากค้างด้วยเหตุผลบางอย่าง

 

 

สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของซอนเน่คือจิฮัดและอินด้าที่ควรจะนอนราบลงไปกับพื้น พยายามยืนขึ้นขณะกัดฟันแน่น

 

 

 

「หนอย……」

 

「ฮึบ……」

 

จิฮัดที่ยกร่างกายส่วนบนขึ้นมาในขณะกัดริมฝีปากแน่นและยืนขึ้นด้วยตัวเอง อินด้านั้นยืนไม่ขึ้นแต่เธอก็ใช้เล็บที่อัดไปด้วยพลังเวทย์ที่หลังมือของเธอและพยายามลุกขึ้นจากพลังเวทย์ของซอนเน่

 

 

 

「อืม ท้ายที่สุดแล้วดูเหมือนพวกอาจารย์จะแตกต่างจากพวกทหารสินะเนี่ย ก็ถ้าเล่นแรงเกินไปเดี๋ยวตายกันเกลื่อนแน่นอนเลยล่ะ เพราะงั้นข้าก็เลยระงับพลังไว้ส่วนหนึ่ง แต่   ถึงกระนั้นก็ยังลุกขึ้นต่อต้านได้งั้นเหรอเนี่ย……」

 

「ฮ่าฮ่า ตาแก่นี่เป็นใครกันแน่เนี่ย……」

 

「ก็ไม่ได้เป็นศัตรูกับเจ้าหรอกนะ แต่ว่าข้าเองก็มีธุระอยู่ในเมืองนี้เช่นกัน……」

 

“หรือมากกว่านั้น จะต้องบอกว่ามีธุระกับพ่อหนุ่มตรงนั้น……”

 

ซอนเน่เหลือบมองโนโซมุ ขณะพึมพำ โนโซมุที่โดนจับตามองก็รู้สึกแปลกๆ

 

 

อย่างไรก็ตามรู้สึกแบบนั้นอยู่พักหนึ่ง วินาทีถัดมาจิตใจของโนโซมุก็ถูกกระตุ้นขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

 

“แก แก แกกกกกกกกก……!!”

 

เสียงของเทียแมตดังก้องอยู่ในหู มันกำลังตกใจราวกับเห็นบางสิ่งบางอย่างที่เป็นไปไม่ได้

 

 

 

 

วินาทีต่อมาโนโซมุก็ปวดหัวอย่างรุนแรงอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

 

 

 

「อะฮึก อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!」

 

「โนโซมุ!?」

 

「คุณโนโซมุเป็นอะไรไปคะ!?」

 

ไอริสและเพื่อนๆเบิกตากว้างกับโนโซมุที่จู่ๆก็เริ่มทุกข์ทรมานอีกครั้ง

 

 

อย่างไรก็ตามโนโซมุไม่สามารถตอบกลับพวกเธอได้เลย

 

 

รู้สึกเหมือนว่าสมองกำลังถูกไฟเผา โนโซมุคุกเข่าลงด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรง

 

 

 

「อึกกกกกกฮ่าาาาาาห์ อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!」

 

“ก๊าซซซซซซซซซซซซซซ กิก๊าซซซซซซซซซซ!!”

 

ปวดหัวจนทนแทบไม่ไหวยิ่งกว่าตอนที่สู้กับเคน ความเจ็บปวดอันแสนร้ายแรงแล่นเข้ามาที่หัวเขาอย่างไม่หยุดหย่อน

 

「หมอนี่ ! พอได้แล้วววววว อ๊ากกกกกก!」

 

โนโซมุพยายามต่อต้านต่อความเจ็บปวดและหลับตาลง เขาทำได้เพียงแต่อดทนต่ออาการปวดหัวอย่างรุนแรงที่ประสบอยู่

 

 

ณ พื้นที่สีขาวมีความเกลียดชังที่เดือดดาลราวกับภูเขาไฟปะทุอยู่

 

 

ขณะที่รู้ว่าเป็นความเกลียดชังของเทียแมต โนโซมุกัดฟันแน่นไม่ให้อัตตาของเขาถูกกลืนกิน

 

“ไม่นะ ! ปล่อยข้าออกไปーーーー!!”

 

มังกรยักษ์ยังคงอาละวาดอยู่ในตัวของโนโซมุ

 

 

ความเกลียดชังที่จุดประกายด้านลบอยู่ลึกในอกของโนโซมุ นั่นคือความไร้เหตุผลและความขุ่นเคืองต่อเคนและคนอื่นๆ และพยายามเติบเต็มจิตวิญญาณของเขาด้วยความเกลียดชัง

 

 

 

「หุบปากไปซะ……!..เงียบ……!」

 

ขณะที่พึมพำอยู่เบาๆราวกับบอกตัวเอง พยายามกักเก็บความโกรธที่ดูเหมือนจะย้อมทุกอย่างเป็นสีแดงได้ทุกเมื่อ ทันใดนั้นก็มีน้ำเสียงใสๆดังก้องอยู่ในหูของโนโซมุ

 

 

มันเป็นเสียงที่ได้ยินอยู่หลายครั้งในความฝัน

 

 

พร้อมกับเสียงใสๆที่ดังขึ้น ความเกลียดชังที่ผุดขึ้นก็สงบลงราวกับกระแสน้ำที่นิ่งสงบ

 

 

 

“ก๊ากกกกกกกกกกก ……!”  

 

เมื่อได้ยินเสียงเทียแมตหายไปอย่างสมบูรณ์โนโซมุก็กลับมานิ่งสงบอีกครั้ง

 

「แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก……」

 

「ตกใจเลยนะเนี่ย ไม่คิดเลยว่าจะระงับความบ้าคลั่งของเจ้านั่นได้……」

 

ดวงตาของซอนเน่เบิกกว้างเมื่อเห็นเช่นนั้น

 

 

อย่างไรก็ตามคำพูดและการกระทำของซอนเน่นั้นบ่งบอกว่าเขารู้ความลับของโนโซมุ

 

 

 

「แฮ่ก แฮ่ก ตาแก่รู้มากแค่ไหนกันเนี่ย……」

 

ตาแก่นี่รู้มากแค่ไหนกัน โนโซมุตกใจกับความน่าขนลุกของตาแก่ตรงหน้า

 

 

เหมือนกับพวกไอริสและคนอื่นๆ จิฮัดเองก็ไม่ได้รู้ความลับเรื่องนั้น แต่ไอริสและเพื่อนๆต่างหมดคำพูดเพราะพวกเขาเองก็รู้ดี

 

 

ในทางกลับกันซอนเน่เหลือบมองพวกโนโซมุอย่างภาคภูมิใจ และยังคงพูดต่อโนโซมุและคนอื่นๆที่ตกใจ

 

 

อย่างไรก็ตาม คำพูดนั้นทำให้โนโซมุและเพื่อนๆของเขาต้องสั่นสะท้าน

 

 

 

「ถ้างั้นมาพูดกันต่อดีกว่า ตอนนี้ยังไม่รู้ใครเป็นแกนหลักของเจ้าสัตว์ร้ายนั่น แต่สำหรับแม่สาวนั่นยังไม่สายเกินไป วิธีก็ค่อนข้างง่าย ตราบใดที่เราไม่สามารถทำลายบาเรียได้เราก็มีแต่ต้องเข้าไปในรังไหมนั่นโดยตรงและช่วยชีวิตแม่สาวคนนั้นออกมา」

 

 

 

「หะ!?」

 

「เฮ้ ตาแก่ ! เพิ่งพูดไปไม่ใช่เหรอว่าถ้าเข้าไปในรังไหมนั่นดวงวิญญาณจะถูกกลืนกิน?」

 

「ไม่มีกลยุทธ์เลยเน้อ~! ฟังดูไร้เหตุผลใช่มะ~!」

 

ไอริสและคนอื่นๆที่ได้ยินข้อเสนอของซอนเน่ต่างพากันขึ้นเสียง

 

 

เพื่อความชัดเจน มันตรงกันข้ามที่ห้ามเอาไว้นั่นแหละ ถ้าเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าก็ตายเปล่า

 

 

ขณะที่ทุกคนกำลังบ่นซอนเน่ก็พูดต่อ

 

 

 

「แน่นอนว่ามันยุ่งยากถ้าพูดตรงๆ หาทางอื่นไม่ได้แล้วจริงๆ ด้านในของรังไหม นั้นเป็นพื้นที่ๆต่างจากความเป็นจริงโดยสิ้นเชิง และวิญญาณที่เข้าไปในนั้นก็จะถูกบังคับ แม้แต่คนที่เก่งที่สุดในที่นี้น่าจะเป็นหัวหน้าตรงนั้น แต่ว่ามันก็ยากอยู่ดี การเข้าไปในอบีตก็หมายความว่าต้องเข้าเผชิญกับความขุ่นเคืองและความโกรธแค้นที่จะกลืนกิน」

 

 

 

ทุกคนที่ได้ยินก็เงียบขนาดจิฮัดยังยาก

 

 

จิฮัด รันเดล นั้นแข็งแกร่งที่สุดในทวีปนี้

 

 

ร่างกายที่มีความโดดเด่นทางกายภาพ และผ่านประสบการณ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหนือสิ่งอื่นใด จิตวิญญาณอันเป็นผู้ใหญ่และมีเกียรติหนึ่งในเสาหลักของเมือง

 

 

แม้แต่คนที่มีอำนาจเช่นนั้นก็ยังไม่ไหว คนอื่นๆก็คงไม่ต้องพูดถึงกันเลยทีเดียว

 

 

แต่ในเวลาเดียวกันทำไมถึงได้เสนอตัวโนโซมุให้เข้าไปในรังไหมนั่นทั้งๆที่มันอันตราย

 

 

จิฮัดและอินด้าต่างก็สงสัยและรอคำพูดจากปากซอนเน่

 

 

 

「แต่ถ้าเป็น พ่อหนุ่ม ตรงนี้อาจเป็นอีกเรื่องหนึ่ง บางทีอาจจะมีเหตุผลบางอย่าง……」

 

โนโซมุสงสัยว่าทำไมตัวเองถึงได้รับเลือก แต่ว่าคำพูดเป็นนัยเหล่านั้นก็น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเทียแมตด้วย

 

 

แน่นอนว่าพลังของมังกรยักษ์นั้นมีความแตกต่างกันอย่างมาก แก่นแท้ของพลังนั่นคือพลังวิญญาณที่คอยสนับสนุนโลกใบนี้ หากควบคุมมันได้เต็มที่ก็อาจจะช่วยลิซ่าออกมาได้

 

 

อย่างไรก็ตามโนโซมุนั้นก็ไม่สามารถควบคุมพลังได้อย่างเหมาะสมเลยจริงๆ…

 

 

 

「เอ่อนั่นสินะ ไม่ใช่เจ้านั่นแต่ต้องเป็นพ่อหนุ่มเท่านั้น เจ้าเท่านั้นที่จะช่วยเเพื่อนของตัวเองได้」

 

 

 

อย่างไรก็ตามซอนเน่ปฏิเสธคำพูดของโนโซมุ ไม่ใช่ “พลังของเทียแมต” แต่ด้วยพลังของตัวเองที่จะช่วยลิซ่าออกมาได้

 

 

 

「หมายความว่าไง……」

 

 

 

「บางทีเพราะนายอาจจะมีพลังที่ซ่อนเร้นอยู่ ไม่ใช่ “หมอนั่น” แต่เป็นพลังของเจ้าเอง ข้าเองก็ไม่รู้รายละเอียดอะไรมากว่ามันเป็นพลังแบบไหน……」

 

คำพูดนั้นคว้าใจโนโซมุเอาไว้

 

 

“หมอนั่น” กับ “พลังของโนโซมุเอง”

 

 

นอกเหนือจากนี้ยังมีความหมายแท้จริงซ่อนอยู่เบื้องหลังคำพูด ยังมีประโยคที่ที่โนโซมุคิดขึ้นเองได้ในเหตุการณ์ล่าสุดที่โลกฝ่ายวิญญาณของโนโซมุ

 

 

เทียแมตพยายามยึดร่างโนโซมุ

 

 

มังกรยักษ์ยังคงเหยียบย่ำโนโซมุผู้ต้อยต่ำ ราวกับแมลงที่คอยกวนจิตใจของเขา โดยปกติการมีอยู่ของโนโซมุ เบลาตี้ น่าจะหายไปจากโลกเมื่อถูกฆ่าตาย

 

 

อย่างไรก็ตาม โนโซมุกลับไม่ได้ตาย เพราะแบบนั้นนั่นเลยเป็นสาเหตุเหรอ?

 

 

 

「ถ้าจะให้พูดตามตรงนะ “เจ้านั่น” ที่เคยอยู่ในตัวนาย ข้าลองตรวจสอบ “เจ้านั่น” ไปแล้วล่ะ」

 

「พูดอะไรนะ!?」

 

โนโซมุตกใจกับคำพูดนั่น

 

 

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ไอริสและฟีโอที่ช่วยพวกเอลเดอร์และหลังจากทำคำขอสำเร็จก็ได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์กับลิซ่า และเมื่อตอนที่สัมผัสกับคริสตัลของตาแก่ ก็มีอาการชาแปลกๆในมือเขา

 

 

ถ้าหากใช้เวทย์บางอย่างในตอนนั้น

 

 

โนโซมุรู้สึกเวียนหัวกับเนื้อหาของซอนเน่

 

 

 

「อย่างไรก็ตาม ข้าไม่รู้หรอกนะเกี่ยวกับพลังของ “เจ้านั่น” อย่างไรก็ตามจะบอกได้ว่าพลังมันค่อยๆตื่นขึ้นก็ได้ บางทีอาจจะตื่นขึ้นแล้วก็ได้ นึกอะไรไม่ออกบ้างเหรอ?」

 

「…………」

 

ซอนเน่จ้องมองตรงไปที่โนโซมุ ราวกับว่ากำลังอ่านใจเขา โนโซมุไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนิ่ง

 

 

ความเงียบเกิดขึ้นชั่วครู่และเป็นอินด้าที่ทำลายความเงียบ

 

 

 

「อย่างไรก็ตาม การเดิมพันกับสิ่งที่ไม่แน่นอนนั้นมันก็ดูจะหนักหนาเกินไป แถมยังไม่รู้รายละเอียด……」

 

「นั่นสิ จากนั้นอีกสิ่งหนึ่งที่บอกได้ว่า : พวกเราต้องเชื่อมต่อกับพ่อหนุ่มหลังจากที่เข้าไปในรังไหมแล้ว ด้วยวิธีนี้เราก็จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นภายในรังไหมนั่นและสถานการณ์ของพ่อหนุ่มนี่ และเราอาจจะสามารถ ช่วยผู้หญิงคนนั้นออกมาได้?」

 

 

 

「นี่ ทำไมถึงได้รู้ล่ะ!?」

 

ทันใดนั้นโนโซมุก็พูดออกมา และซีน่านั้นตัวสั่นใหญ่เลย

 

「หืม? เรื่องการเชื่อมต่อน่ะเหรอ……」

 

「ไม่ต้องกังวล ไม่มีอะไรทั้งนั้น!」

 

「เอ๋?」

 

「…………」

 

โนโซมุเอียงคอขณะพยายามถามซีน่าเกี่ยวกับเรื่องพันธสัญญานั่น แต่ซีน่าบอกปัด

 

 

ไอริสที่เห็นบรรยากาศแปลกๆ ก็หรี่ตามอง

 

「ลองคิดูสิผู้หญิงผมดำคนนั้นก็เคยใช้เป็นตัวเชื่อมทางผ่านเข้าไปหาพ่อหนุ่มหรือเปล่า ข้าเองสัมผัสได้ถึงสิ่งนั้น……」

 

「รู้มากแค่ไหนกันเนี่ย ไม่สิ ก็คงจะดีกว่า」

 

คำพูดของซอนเน่ที่ดูจะเข้าใจทุกอย่าง ไอริสเองก็ต้องตกใจเพราะความลับที่เก็บมาถูกเปิดเผยออกจนหมด

 

 

อย่างไรก็ตามเมื่อตกลงที่จะทำการเชื่อมต่อผ่านซีน่าก็จ้องมองไปยังเธอ

 

 

 

「อืมมมมมมมม……」

 

「เอ่อ คือ……」

 

ซีน่าก้มหน้าลงอย่างเชื่อมช้าและโนโซมุก็รู้สึกอารมณ์เสียหน่อยๆไม่รู้ว่าเธอจะพูดอะไร

 

 

ในขณะนั้นสัญญาที่เคยทำกันในป่ามันไม่เคยลืมเลือน

 

 

ทำไมกันตอนที่ทุกข์เพราะพลังของเทียแมตเหมือนจะได้ยินเสียงเธอปนมาด้วย

 

 

เหตุการณ์ที่ยืนยันว่าพันธสัญญาจะฟื้นคืนเข้ามาในจิตใจของโนโซมุ ซีน่าไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเขา

 

 

อย่างไรก็ตามไม่มีได้มีความรู้สึกเชิงลบใดๆ เช่นการปฏิเสธ มีแต่ความเขินอายที่มากขึ้น

 

 

ในทางกลับกัน ซอนเน่และไอริสได้พูดคุยกับพวกจิฮัดและอินด้าก่อนที่จะรู้ตัว

 

 

ในขณะที่รู้สึกว่าแก้มของซีน่าถูกย้อมเป็นสีแดงเข้ม โนโซมุก็กลับมาที่การสนทนา

 

 

 

「แล้วจะเอายังไง? คิดว่ามันก็คุ้มนะที่จะลอง?」

 

「แน่นอนว่ามันอาจจะไม่ได้มีศักยภาพมากนัก แต่ว่าข้อดีในการให้สนับสนุนด้วยวงจรเวทย์ด้วยการทำสัญญานั้นค่อนข้างสำคัญเลยนะ……」

 

จิฮัดรีบคิดอย่างรวดเร็วกับสถานการณ์ตรงหน้านี้

 

 

วิธีที่ง่ายสุดคือเพิกเฉยต่อคำพูดของซอนเน่และทำลายรังไหมนั่น

 

 

วิธีนี้จะสร้างความเสียหายน้อยที่สุดและน่าเชื่อถือที่สุด ความปลอดภัยของคนในเมืองจะได้รับการยืนยันแต่ว่าต้องแลกกับชีวิตนักเรียนสองคน

จริงๆแล้วจิฮัดก็คิดว่ามันเป็นทางเลือกเดียวในการปกป้องเมือง

 

 

ฝ่ายตรงข้ามเป็นสัตว์อสูรที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อ หรือวงจรชีวิตของมันเลย นอกจากนี้ยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่อันตรายอย่างยิ่ง และไม่สามารถจินตนาการได้หากมันได้ทำการแพร่พันธุ์ออกไป หากรับมือไม่ดีแม้แต่ประเทศหนึ่งก็อาจถูกทำลายได้เลย

 

 

อย่างไรก็ตามตัวตนของซอนเน่ก็ทำให้มันเป็นไปไม่ได้ จากมุมมองของจิฮัด ตาแก่ตรงหน้านั้นแปลกเกินไป

 

 

ในชั่วพริบตา มนุษย์หลายสิบคนก็หลับไป และแม้แต่แรงค์ S อย่างเขายังต้องคุกเข่าให้กับพลังตรงหน้า และทำได้อย่างไม่ยากเย็น

 

 

พรสวรรค์และประสบการณ์ของจิฮัดยังส่งเสียงร้องเตือนดังก้องว่าอันตรายมาก อย่าได้ริอาจสู้กับตาแก่ตรงหน้า จิฮัดสูดลมหายใจเข้าด้วยอารมณ์ที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

 

 

บอกตามตรงว่าไม่รู้จุดประสงค์ของซอนเน่

 

 

อย่างไรก็ตามตาแก่ตรงหน้าก็เป็นห่วงโนโซมุ เบลาตี้มาก เป็นเรื่องง่ายที่จะจินตนาการจากคำพูดและการกระทำของซอนเน่ และดูเหมือนว่าจะไม่ได้ปกปิดอะไร

 

 

อย่างไรก็ตาม ก็มีข้อมูลบางอย่างที่เขาไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจน

 

 

คำถามต่างๆและการคาดเดามากมายที่ไม่ได้คำตอบ ผุดขึ้นมาในหัวของจิฮัดและใช้เหตุผลในการมีอยู่ของเมือง เพื่อควบคุมตัวเองขณะคิด

 

「……ภารกิจของข้าคือการปกป้องเมืองนี้」

 

ปกป้องเมืองนี้ นั่นคือภารกิจของเขาและเขาก็ตั้งมั่นเอาไว้

 

「แต่ในขณะเดียวกันก็หล่อเลี้ยงเด็กน้อยทั้งหลายให้เติบโตขึ้นจนสามารถเอาตัวรอดได้ หากสามารถช่วยชีวิตหนุ่มสาวเหล่านั้นได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ก็คุ้มค่าที่จะลอง」

 

อย่างไรก็ตาม อีกภารกิจของเขาก็คือการชุบเลี้ยงเหล่าเด็กๆที่จะเป็นตัวตนในอนาคตผู้ขึ้นมาคอยปกป้องเมือง

 

 

หากชีวิตที่สามารถช่วยได้กลับถูกถอดทิ้งไปมันก็ไม่ต่างไปกับพวกคนที่ขายวิญญาณให้กับปีศาจเพื่อตัวเอง

 

 

จิฮัดกล่าวเช่นนั้นขณะรับข้อเสนอของซอนเน่

 

「อย่างไรก็ตามต้องเชื่อมข้าเป็นทางผ่านด้วย นั่นคือเงื่อนไข」

 

อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถฝากทุกอย่างไว้กับนักเรียนได้ ด้วยเหตุนี้จิฮัดจึงเสนอตัวเขาให้เชื่อมต่อกับเวทย์พันธสัญญาด้วย

 

 

ในกรณีฉุกเฉินเขาจะได้เข้าไปที่รังไหมและช่วยโนโซมุออกมา

 

 

 

「……เข้าใจแล้ว อีกอย่าง ต้องการให้เชื่อมต่อกับพันธสัญญาทุกคนที่นี่ไหม เวทย์พันธสัญญาจะทำโดยแม่หนูเอลฟ์นั่น และความช่วยเหลือต่างๆข้าจะให้ความช่วยเหลือเอง」

 

ขณะพูดเช่นนั้น ซอนเน่ก็เอาไม้เท้าแตะพื้น

 

 

วงเวทย์อันสลับซับซ้อนปรากฏขึ้นกับตัวพวกโนโซมุอีกครั้ง

 

 

วงกลมเวทย์ที่กางออกห่อหุ้มด้วยสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ก่อตัวเป็นโดมที่ส่องแสงสว่างสีขาวหน้าห้องสมุด

 

 

 

「ด้วยเหตุนี้การลงมือในพื้นที่นี้สามารถใส่สุดแรงได้ตามใจชอบ มันจะไม่ส่งเสียงดังกระทบด้านนอก และมนุษย์ภายนอกจะไม่สามารถเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ได้และในขณะนั้นก็ให้พวกที่สลบไปนอนด้านนอกตัวสถานที่นี้จะดีกว่านะ」

 

การจะแยกตัวประกอบออกไปซอนเน่เหวี่ยงไม้เท้าไปสามครั้ง

 

 

ทหารและพวกที่หุ้มเกราะทั้งหลายก็ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีขาวและออกจากโดมแห่งนี้ไป

 

 

ซอนเน่พูดอีกครั้งเมื่อเห็นบารอซซ่าที่ออกไปจากโดมนี่

 

 

 

「อีกอย่างพวกเราควรเผื่อกรณีเลวร้ายที่สุดด้วย ถ้าความเสียหายที่เกิดขึ้นกระจายไปทั่วทั้งเมือง รังไหมนั่นจะต้องถูกทำลายโดยไม่มีข้อกังขาใดๆ ในกรณีนี้ไม่ใช่แค่ลิซ่าและเพื่อนๆของเธอเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงพวกโนโซมุกับเพื่อนสมัยเด็กของเขาทั้งหมดจะต้องตาย……」

 

จิฮัดกล่าวอย่างชัดเจนว่ากรณีเลวร้ายที่สุดทั้งสามคนจะต้องตาย

 

 

ใบหน้าของจิฮัดนั้นจริงจังมาก

 

 

เดิมทีโนโซมุเป็นสิ่งที่จิฮัดต้องปกป้อง แต่ว่าก็เสียใจที่ต้องฝากภาระไว้กับเขา

 

 

 

「ไม่เป็นไรให้ผมได้ทำมันด้วยเถอะครับ」

 

อย่างไรก็ตาม โนโซมุตอบกลับด้วยความรู้สึกชัดเจน ไม่มีความลังเลแม้เพียงนิด

 

 

 

「และถึงแม้จะหนีไม่พ้นจากรังไหมนั่นและรังไหมถูกทำลาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะตั้งใจจะตายใช่ไหม ตาแก่?」

 

「อืมก็ไม่ได้หมายความว่าจะตาย แต่จริงๆแล้ว นึกไม่ออกหรอกนะว่ามันไม่มีผลกับนาย?」

 

「ไม่เป็นไรแม้จะเป็นข้อเสนอที่บ้าดีเดือดแต่หากยังคงมีซึ่งความหวัง มันก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้」

 

โฯโซมุเองก็ไม่อยากจะถามหรอกว่ามีความเป็นไปได้ไหม แต่เดิมเข้าตั้งใจจะเข้าไปด้วยตัวเองตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว

 

「นอกจากนี้ขอสัญญาเลย……」

 

สัญญาว่าจะสนับสนุนลิซ่า เป็นคำสัญญาที่เหมือนกับมลายหายไป แม้ว่าทั้งสามจะต้องแยกจากกันก็ตาม

 

 

มีเพียงโนโซมุที่ไม่เลือกจะทิ้งลิซ่าและคนอื่นๆเอาไว้

 

 

อนาคตที่พวกเราสามารถหัวเราะด้วยกันแม้ว่าจะเป็นเรื่องยากลำบากแค่ไหน โนโซมุก็ตั้งใจไว้ว่าหากทำมันได้ก็จะทำมัน

 

“อยากจะก้าวเดินต่อไป ต่อให้เส้นทางข้างหน้าจะมีอะไรไม่คาดคิดรออยู่ก็ตาม”

 

นั่นคือเหตุผลที่โนโซมุยังคงอยู่ในสถาบันแห่งนี้

 

「ขอโทษด้วยนะ……」

 

จิฮัดบ่นราวกับขอโทษ แต่โนโซมุก็ส่ายหัว

 

「……เริ่มกันเลยเถอะครับ」

 

「อืม……」

 

เขากระตุ้นซอนเน่ด้วยเสียงที่หนักแน่นขณะจ้องมองซอนเน่

 

 

ซอนเน่ใช้วงเวทย์มากมายบนพื้นดิน และวงเวทย์ที่แพร่กระจายออกไปราวกับระลอกคลื่นห่อหุ้มตัวพวกโนโซมุด้วยพริบตาเดียว อาจเป็นตัวที่ใช้ทำเวทย์พันธสัญญา แต่ก็ยังมีความเร็วและขนาดที่ใหญ่เกินคาด

 

 

 

 

ซีน่าหลับตาและเชื่อมต่อเข้ากับตัวโนโซมุ

 

 

แสงพลังเวทย์สีน้ำเงินล้อมรอบกายเธอและในที่สุดก็กระจายออกมาหลังปรากฏขึ้น พลังเวทย์นั้นตกลงใส่ผู้คนที่อยู่ในโดมแห่งนี้

 

 

แสงพลังเวทย์ที่ทำให้ความรู้สึกอบอุ่นท่ามกลางแสงจันทร์

 

 

ในที่สุดพลังเวทย์ก็กระจัดกระจายหายไป อย่างไรก็ตาม โนโซมุรู้สึกว่าพลังเวทย์ได้ห่อหุ้มร่างกายของเขาเอาไว้

 

 

ทางผ่านน่าจะถูกเชื่อมต่อไว้อย่างแน่นหนารู้สึกผูกผันกับทุกคนที่อยู่ตรงนี้

 

 

โนโซมุยังคงเข้าใกล้รังไหมที่ดูเหมือนไอพิษแห่งความตายออกมา เขาจับดาบที่อยู่ตรงเอวขณะมองดูเพื่อนสมัยเด็กที่อยู่ในรังไหม

 

 

 

「โนโซมุระวังตัวไว้นะคะ……」

 

โนโซมุพยักหน้าเงียบๆให้กับไอริสที่ร้องเรียกจากด้านหลัง โนโซมุพุ่งเข้าไปในรังไหมที่กำลังกัดกินพลังวิญญาณ

 

 

สารภาพบาปทำไมวันนี้มาปล่อยช้าขนาดนี้

เมื่อคืนที่บ้านพี่ชายกับแฟนสาวของเขาทะเลาะกันหนักมากเสียงดังจนทำให้ผมที่นอนหลับยากอยู่แล้ว(ทุกวันนี้กินยานอนหลับตลอด) นอนไม่หลับเลยครับ กว่าจะได้นอนก็เกือบ 8 โมงเช้า ซึ่งปกติผมจะตื่นมาราวๆ 9 โมงเพื่อมาแปลนิยาย จากนั้นก็หลับยาวไปจนถึง 4 โมงเย็น ก็พึ่งจะได้หยิบนิยายขึ้นมาแปลนี่แหละครับ ไม่รู้ว่าจะได้อีกตอนไหมวันนี้ ถ้าไม่ได้ในวันนี้ก็อาจจะมีชดเชยในวันพรุ่งนี้ครับ

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

Status: Ongoing
สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท