โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” – ตอนที่ 120

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

บทที่7ตอนที่5

 

 

「แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก……」

 

 

 

ภายใต้ความมืดมีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังปล่อยหมัดอยู่ที่ลานด้านนอก

 

 

หมัดที่ถูกปล่อยออกไปอย่างรุนแรง และลูกเตะที่ตัดผ่านมวลอากาศ

 

 

ซึ่งนั่นก็คือเควิน ชายหนุ่มเผ่าหมาป่าสีเงินที่อยู่ ปี 3 ห้อง 1 ยังคงปลดปล่อยหมัดออกไปทั้งๆที่หอบหายใจถี่

 

 

แสงจันทร์ที่ส่องสว่างและไม่เคยหยุดนิ่ง เช่นเดียวกับเขาที่ยืนฝึกอยู่

 

 

เหวี่ยงหมัดตรงออกไปด้วยความระมัดระวัง ขยับเท้าขวาไปตามจังหวะ ซึ่งทำการโจมตีแบบเป็นคอมโบ ต่อด้วยศอกและลูกเตะ

 

 

เหนือกว่านั้นเขายังกระโดดเบาๆด้วยการแกว่งเท้าซ้าย ขณะที่สลับข้างก็ดึงส้นเท้าขวาออก

 

 

แรงกระแทกที่ลูกเตะหมุนเป็นวงกลมเข้ากระทบพื้นอย่างรุนแรง และดินที่อยู่ตรงนั้นก็ลอยขึ้นมาในอากาศ

 

 

ถ้าเป็นเกราะธรรมดา ก็คงแหลกละเอียด

 

 

อย่างไรก็ตาม การแสดงออกทางสีหน้าของเควินนั้นดูไม่พอใจแม้ว่าจะทำการโจมตีได้รุนแรงขนาดนี้ก็ตาม

 

 

 

「เปล่าประโยชน์ ถ้าแค่นี้ยังไงก็หลบได้……!」

 

เควินกำหมัดอีกครั้งขณะกัดฟันแน่น

 

 

ทุ่งหญ้าที่มีวัชพืชแผ่ออกไปตรงหน้าเขา อย่างไรก็ตาม เขาเห็นร่างของคนๆหนึ่งที่ถือดาบอยู่

 

 

ทันทีที่เห็นเงานั่น ความรู้สึกอันเร่าร้อนก็แผ่ซ่านไปในใจ

 

 

เขานึกถึงภาพที่มนุษย์ตัวกระจ้อยที่โดนดูแคลนอย่างหนัก กลับต่อสู้กับจิฮัดได้อย่างสูสี

 

 

เรียกได้ว่าควรจะเป็นเศษเดนขยะ แต่ทำไมถึงได้แข็งแกร่งได้ขนาดนั้น

 

 

ดาบและโล่ของจิฮัดแตกละเอียด โดยเด็กห้อง 10 ที่ไร้ซึ่งความสามารถ ซึ่งแม้แต่นักเรียนระดับสูงของพวกปี 3 ห้อง 1 ก็ยังทำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

 

 

วีรบุรุษที่สูญเสียอาวุธในการต่อสู้ไปก็ถึงกับต้องหยิบอาวุธคู่ใจขึ้นมาใช้และเผชิญหน้ากับโนโซมุ

 

 

ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาคู่ควรที่จะทำให้จิฮัดได้เอาจริงกับชายหนุ่มที่ชื่อว่า โนโซมุ เบลาตี้

 

 

ไม่มีใครในปี 3 ที่ทำให้จิฮัดถึงกับต้องดึงอาวุธคู่ใจออกมาใช้ได้เลย

 

 

 

 

แถมคนที่ต่อสู้กับดาบยักษ์ใหญ่นั่นก็ไม่ได้มีความหวั่นเกรงอะไร เพียงแค่มองตรงไปยังศัตรูที่แกร่งกว่าตัวเองตรงหน้า

 

「มันเป็นตัวบ้าอะไรวะเนี่ย……!」

 

สำหรับเควินที่ประเมินมุนษย์ด้วยความแข็งแกร่งเท่านั้น การที่โนโซมุสามารถต่อสู้กับจิฮัดได้อย่างสูสีทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก

 

 

ความโกรธและความละอายใจทำให้ร่างกายของเขาร้อนรุ่ม

 

 

แต่สิ่งที่ทำให้เขาหงุดหงิดมากที่สุดก็คือความจริงที่ว่ามีหลายๆคนต่างเชียร์หมอนั่น

 

 

ระหว่างการต่อสู้จำลอง คำพูดของเธอคนนั้นทิ่มแทงเข้าหัวใจของเควินราวกับหอก

 

 

ใบมีดที่เปล่งประกายแสงแพรวพราวพร้อมกับเธอที่ส่งเสียงเชียร์และมองดูหมอนั่นด้วยความตื่นเต้น

 

 

การต่อสู้จบลงด้วยชัยชนะของจิฮัด แต่ก็ไม่มีใครกล้าหัวเราะเยาะใส่โนโซมุ

 

 

แม้ว่าจะถูกต้อนจนมุม ทุกคนก็ได้แต่ทึ่งกับการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย ดิ้นรนจนเฮือกสุดท้าย

 

 

เธอคนนั้นรีบไปที่ลานประลองโดยไม่สนสายตาผู้คนโดยรอบแม้แต่น้อย

 

 

เควินรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดจากน้ำเสียงของเธอ ซึ่งเธอนั้นไปหาโนโซมุเร็วกว่าใครเพื่อนพร้อมกับจ้องมองหมอนั่นด้วยแววตาสั่นกลัว

 

 

 

「ปัดโถ่เว้ย……!」

 

เควินเดาะลิ้นและพยายามระบายอารมณ์ที่โกรธจัด

 

 

ราวกับว่าจะสลัดความรู้สึกไม่สบายที่ด้านหลังอกออกไป ศัตรูที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา ร่างเงาของโนโซมุ

 

 

อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่ตามหลังหมอนั่น

 

 

เขาใช้จินตนาการ นึกถึงการโจมตีของโนโซมุและฝึกต่อไป

 

 

ทั้งสองที่พุ่งเข้าหากัน จากนั้นตัวโนโซมุก็ปรากฏขึ้นมาอีกด้าน

 

 

เนื่องด้วยความสามารถของเขา ทำให้เปิดเผยช่องว่างมากกว่าปกติ

 

 

ดาบที่เงานั่นฟันลงมาเล็งไปที่ลำตัว แต่ความเร็วนั้นไม่ได้เร็วเลย

 

 

 

「ช้าชะมัดเลยโว้ย!」

 

เควินกระโดดถอยหลัง และหมุนตัวถอยหลังข้ามโนโซมุไป

 

 

ขณะพลิกตัวไปในอากาศ เควินยิงกระสุนเวทย์ไปที่เงานั่น พื้นดินและทรายต่างกระจัดกระจาย

 

 

หลังจากหลบมาอยู่ด้านหลังเงา อยู่ในระยะโจมตีที่จะปล่อยหมัดออกไป

 

 

 

「ย๊ากกกกกห์!」

 

เควินปล่อยหมัดออกไปที่เงานั่น

 

 

ความสามารถทางกายภาพที่ถูกเสริมพลังด้วยคิ หมัดนั้นรุนแรงพอที่จะบดขยี้ศัตรู

 

 

นอกจากนี้ เงานั่นยังคงติดกับกระสุนที่ปล่อยไปก่อนหน้านี้

 

 

 

“จับได้แล้ว!”

 

ตัวเขาที่มั่นใจ แต่ครู่ต่อมา ความเชื่อมั่นก็หายไปราวกับควัน

 

「หะ!?」

 

เงานั่นหลบการโจมตีของเควิน

 

 

ในเวลาเดียวกันเงานั่นก็เข้ามาและจ้องมองเควิน

 

 

เงานั่นพุ่งเข้ามาและเหวี่ยงดาบโต้กลับด้วยเพลงดาบ

 

 

การหลบเลี่ยงอันตรายที่เหนือกว่าจินตนาการไว้

 

 

ไม่ว่ากำปั้นของเควินจะโจมตีโดนเงานั่นหรือไม่ หยาดเหงื่อก็ไหลผ่านแก้มของเขา และม่านตาก็ขยายออก

 

 

จังหวะที่เข้าปะทะกันนั่นเองปลายกำปั้นของเควิน ร่างเงานั้นหายไปแล้ว

 

 

 

「หะ!?」

 

เหงื่อเย็นๆไหลออกมาจากกระดูกสันหลัง

 

 

เงาที่หลบเลี่ยงได้สำเร็จขณะนั้นก็ฟันแก้มของเควิน

 

 

เควินพยายามชักหมัดกลับและหลบ

 

 

อย่างไรก็ตามเควินที่อยู่ในระยะของดาบไม่สามารถหลบได้สนิท

 

 

 

「ชิ!」

 

ขณะเดาะลิ้นด้วยความไม่พอใจ เควินก็ปล่อยหมัดไปตรงวิถีของดาบ

 

 

ด้วยตำแหน่งที่ไม่มั่นคง เควินพยายามใช้สนับมือเรียบๆปัดการโจมตีของดาบ แต่ถึงยังงั้นใบมีดของเงานั่นก็ตัดผ่านเสื้อเกราะของเควิน

 

 

 

「อึก!」

 

เควินพยายามหนีออกมา แต่ในขณะนั้นเงานั่นก็ได้ปล่อย “คมดาบมายา-หวนคืน-”

 

 

มีบางอย่างกำลังเข้าใกล้ด้วยความเร็วสูง

 

 

วินาทีถัดมาเควินรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผ่านร่างเขาไป

 

 

 

「ฮะ……」

 

เสียงตะลึงหลุดออกมาจากปากเควิน

 

 

ตัวเขารู้สึกว่าล่องลอยแปลกๆ ความรู้สึกประหลาดเย็นๆที่ไหลผ่านคอ

 

 

ทิวทัศน์ที่หมุนไปแล้วฉากตรงหน้าก็พลิก

 

 

บ้าอะไรวะเนี่ย…….มุมมองเริ่มมืดลง มีร่างกายของเขาที่เลือดสาดอยู่

 

 

 

「อ๊าาาาาาา! แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก……」

 

เสียงตะโกนแทบไม่มีและหายใจไม่ออก

 

 

เมื่อสังเกตเห็น ภาพที่มืดมิดก็กลับสู่สภาพเดิม

 

 

แม้ว่าจะเอามือจับคอ แต่ว่าคอของเขาก็ยังอยู่ดี

 

 

 

「บ้าเอ้ย……!」

 

ในเวลาเดียวกันเอง ความโกรธและความอัปยศดูเหมือนจะจุดชนวนไปทั่วร่าง

 

 

ตั้งแต่ที่เห็นโนโซมุต่อสู้กับจิฮัดอย่างดุเดือด เควินก็มาฝึกลับๆที่ลานด้านนอก

 

 

หมัดที่ถูกปล่อยออกไปจนแทบยกไม่ขึ้นและทำซ้ำจนเกิดอาการกระตุก

 

 

เงาของโนโซมุที่สั่นไหวอยู่ในจิตใจของเควิน ซึ่งใช้ร่างกายมากเกินไป

 

 

เมื่อพยายามสลัดเงาในหัวออก ก็โบกมืออย่างสิ้นหวัง แต่นึกไม่ออกเลยภาพที่ตัวเองจะชนะมันได้

 

 

และเหนือสิ่งอื่นใด ใบหน้าเศร้าๆของผู้ที่เขาหลงรัก มันกวนใจเขา

 

 

ความจริงที่ว่าเธอไม่ได้มองดูตัวเขาเลย เขาสนใจแต่หมอนั่น ความกลัวที่จะสูญเสีย ทุกสิ่งทุกอย่างมันปะปนกันไปหมด

 

 

 

「ไอ้บ้าเอ้ย……」

 

ความอัปยศนั่นทำอะไรกับมันไม่ได้

 

 

ภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว เควินพยายามจะกรีดร้องออกมา กำหมัดแน่นจนกรงเล็บกัดเข้าที่ฝ่ามือ

 

 

◆◇◆

 

 

ในห้องใต้ดินของลานประลองที่สร้างขึ้นในสถาบันโซลมินาติ วงเวทย์จำนวนมากถูกวาดขึ้นบนพื้นอันกว้างใหญ่

 

 

ทางนี้คือทีมควบคุมบาเรียเวทย์ที่ติดตั้งในลานประลอง ซึ่งเป็นของที่ดีที่สุดในทวีปนี้แล้ว

 

 

จิฮัดกำลังรอการมาถึงของทีมช่างที่จะมาซ่อมมัน ในขณะที่นั่งสมาธิรอ

 

 

 

「เอ่อ ช้าเกินไปไหมเนี่ย?」

 

「ไม่หรอก ก็มาตรงเวลา」

 

ซอนเน่ที่จู่ๆก็โผล่ออกมาจากความมืดขณะจิ้มไม้เท้าเดินไปหาจิฮัดขณะลูบเครา

 

 

จิฮัดไม่ได้แปลกใจเป็นพิเศษ และมองย้อนกลับไปเผชิญหน้ากับตาแก่

 

 

 

「ถ้างั้นจะเริ่มการปักลิ่มเลยไหม มีเวลาไม่มากด้วย?」

 

「อ่า เอาเลยหลังจากนี้พวกเราจะไล่จับหนู……」

 

「งั้นเหรอ ถ้างั้นก็มาเริ่มกันเลยเถอะ……」

 

 

 

ซอนเน่เดินไปข้างหน้าขณะผ่านด้านข้างของจิฮัดที่เหลือบมองวงเวทย์ที่วาดอยู่บนพื้น

 

 

อย่างไรก็ตามจุดประสงค์ของซอนเน่ไม่ใช่วงเวทย์ที่อยู่ตรงหน้าเขา นี่เป็นสิ่งที่เอาไว้ใช้อำพรางเฉยๆ

 

 

ซอนเน่ค่อยๆเอื้อมมือออกไปที่กระเป๋าของเขาและหยิบกระดาษห่อหนึ่งออกมา

 

 

ตอนที่เห็นสิ่งที่วาดบนกระดาษ จิฮัดก็ขมวดคิ้ว

 

 

 

「ตาแก่นี่จริงจังปะเนี่ย?」

 

「สีหน้าแบบนั้นมันอะไรกันน่ะ ข้าจริงจังนะโว้ย!」

 

บนหน้าปกของกระดาษมัดหนาๆมีร่างเปลือยเปล่าของผู้หญิงที่โชว์หุ่นสุดแซ่บ ในฤดูใบไม้พลิ

 

 

ซอนเน่ที่โดนจ้องมองอย่างเย็นชา ก็กล่าวขอโทษ

 

 

 

「นี่มันเอาไว้ใช้อำพรางไงล่ะ! ถึงจะดูเหมือนหนังสือโป๊ก็เถอะ แต่สิ่งที่อยู่ข้างในเป็นงานศิลปะที่สร้างขึ้นด้วยเวทย์ที่ดีที่สุดของข้าเลยนะ!」

 

สายตาของจิฮัดยิ่งจ้องเขม็ง

 

 

เรื่องจริงงั้นเหรอ ? น่าสงสัยสุดๆ

 

 

 

「เอ้า ! ดูสิ!」

 

ซอนเน่โยนห่อกระดาษนั่นมาให้เขา

 

 

สาวสวยเปลือยเปล่าหลายคนโบยบินไปรอบๆ ตั้งแต่มนุษย์ไปถึงเผ่านางฟ้า มันเป็นงานศิลปะที่สร้างความบันเทิงอย่างหนึ่ง ซึ่งกล่าวได้ว่ามีตั้งแต่ยังไม่สุกงอมจนสุกงอมแล้ว

 

 

 

「ตาแก่เฮงซวยเอ้ย นี่มันก็แค่หนังสือโป๊!」

 

ภายใต้ภาพลามกเหล่านั้นจิฮัดทำได้เพียงแต่ตบมุขออกไป

 

 

ไม่มีอะไรเลยจริงๆ

 

 

ในสถานการณ์แบบนี้จิฮัดจ้องมองซอนเน่ด้วยความสงสัยถึงขีดสุด

 

 

 

「เฮ้อ……」

 

ทันใดนั้น หนังสือโป๊ที่ลอยอยู่ในอากาศที่เป็นพายุสีชมพูก็แปรเปลี่ยนเป็นแสงสีขาวที่ส่องประกาย

 

 

จากหนังสือโป๊ที่ส่องแสง อนุภาคของแสงเล็กๆเริ่มขยายออกจากนั้นภาพเปลือยเหล่านั้นก็เริ่มหายไป จนเห็นอะไรแปลกๆ

 

 

รูปแปลกๆที่ใช้เส้นโค้งและเส้นตรงและดูเหมือนจะถูกตัดไว้ที่ขอบกระดาษ เห็นได้ชัดว่าเป็นรูปแบบวงเวทย์ที่ต่างออกไปจากทวีปนี้

 

 

ตอนแรกจิฮัดคิดว่ามันเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้แทนกันในทวีปตะวันออก

 

 

 

「นี่มัน……!」

 

ขณะที่จิฮัดมองไป เขาก็เหวี่ยงแขนลงทันที

 

 

ในเวลาต่อมากระดาษแสงที่ลอยอยู่ก็พุ่งลงบนพื้นพร้อมกัน ทำให้เกิดแสงสว่างจ้า

 

 

หากมองดูดีๆแล้วกระดาษทั้งหมดนั้นเชื่อมต่อกับตัวเลขที่วาดบนกระดาษแผ่นอื่นๆโดยไม่มีผิดเพี้ยน

 

 

มันเป็นวงเวทย์ขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นโดยการใช้เครื่องหมายต่างๆ

 

 

ใหญ่กว่าที่ใช้บาเรียเวทย์ในลานประลองมากและมีความลึกลับซับซ้อน

 

 

แม้แต่เขาที่ผ่านสนามรบมามากมาย ก็ยังไม่เคยเห็ฯวงเวทย์ที่งดงามเช่นนี้

 

 

 

「เอาล่ะเตรียมสูตรเวท์ยไม่เรียบร้อย ที่เหลือก็แค่แตะมันลงไป」

 

ซอนเน่ยังคงทำงานต่อไปขณะที่เห็นจิฮัดทำหน้าเครียดๆ

 

 

ซอนเน่ยกไม้เท้าขึ้น ไม้เท้านั้นส่องแสงสว่างเขาไปยืนอยู่ตรงกลางวงเวทย์

 

 

ในเวลาเดียวกันก็มีแสงอันรุนแรงปลดปล่อยออกมาจากไม้เท้าและวงกลมเวทย์ที่ถูกย้อมด้วยสีขาว จากนั้นไม้เท้านั่นก็จมลงสู่พื้นดิน

 

 

เมื่อไม้เท้าหายไปแล้ว แสงของวงเวทย์ก็หายไปเช่นกัน

 

 

 

「เสร็จแล้ว」

 

ความมืดเข้าครอบงำห้องใต้ดินอีกครั้ง

 

 

ไม่มีเงาหรือวงเวทย์เหลืออยู่อีกต่อไป มีเพียงวงเวทย์ที่คุมบาเรียเอาไว้เท่านั้น

 

 

อย่างไรก็ตาม บางทีนี่อาจจะเป็นที่มาที่ซอนเน่เรียกมันว่า “ลิ่ม”

 

 

ซอนเน่กลับทันทีหลังจากทำเสร็จและจิฮัดก็ตามไป

 

 

ดวงจันทร์ที่ส่องแสงบนท้องฟ้ายามค่ำคืนส่องสว่างมาก ทั้งสองคนที่ออกมาจากห้องใต้ดินก็รับรู้ได้ว่ามันดึกมากแล้ว

 

 

 

「เออ พอดีมีของมาฝากด้วย」

 

ขณะที่จำได้ ซอนเน่ก็ปรบมือและหยิบก้อนหินแปลกๆออกมาจากอกเขา

 

 

เป็นหินห้าสี น้ำเงิน แดง เขียว เหลือง และดำ แต่เมื่อมองดูพื้นผิวแล้ว กลับเห็นลวดลายสลับซับซ้อนและแปลก

 

 

 

「ดูเหมือนอุปกรณ์เวทย์ ซอนเน่นี่คือ?」

 

「มันคืออุปกรณ์เวทย์ที่เรียกกันว่าหินเกล็ดห้า หลังจากที่พ่อหนุ่มนั่นตื่นขึ้นมา เขาจะต้องฝึกใช้มันด้วยเหตุผลบางอย่างใช่ไหม ก็นั่นแหละคือแหล่งพลังที่มาของพลังมังกร ถ้าเอาให้เป๊ะกว่านั้น มันคืออุปกรณ์เวทย์ที่ใช้สกัดกั้นพลังวิญญาณจากภายนอก นอกจากนี้มันยังช่วยใช้ปกปิดพลังได้อีกด้วย」

 

แน่นอนว่าจิฮัดยังคิดว่าจำเป็นต้องยืนยันและฝึกฝนพลังของดราก้อนสเลเยอร์ที่ได้รับมา อย่างไรก็ตามที่สถาบันมันเล็กเกินไปกว่าจะฝึกพลังของโนโซมุได้

 

 

แม้ว่าจะคิดเกี่ยวกับการฝึกในป่า แต่ก็เป็นไปได้ที่จะมีมือที่สามมาเห็น

 

 

อย่างไรก็ตาม หากมีบาเรียนี้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการจับจ้อง

 

 

 

「……สุดท้ายแล้วก็พวกที่ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้าน」

 

จิฮัดถอนหายใจขณะมองดูหินเกล็ดห้าที่ถืออยู่ภายใต้แสงจันทร์

 

 

โดยพื้นฐานแล้วมีเทคนิคเดียวที่จะสามารถแกะสลักลงไปในอุปกรณ์เวทย์ได้เพียงหนึ่งอัน หากใช้เทคนิคหลายๆอันในก้อนเดียวมันจะผสมกันไปหมด

 

 

การผลิตเครื่องมือเวทย์ที่มีความสามารถหลากหลายจำเป็นต้องใช้ทักษะสูงมาก และซื้อขายในราคาแพง

 

 

จิฮัดไม่มีทางเลือกนอกจากต้องประหลาดใจกับตาแก่ที่เอาของมีค่าให้ขนาดนี้

 

 

 

「ข้าน่ะไม่ต้องการของพวกนี้หรอกแต่เจ้าน่ะไม่ใช่?」

 

「อ่า ขอบคุณมาก จะเอาไปใช้อย่างดีเลย」

 

อย่างไรก็ตามจำเป็นต้องใช้ทุกสิ่งที่ใช้งานได้ ไม่สนใจเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของมันแล้วเพราะวิกฤติที่พึ่งจะผ่านมา

 

 

 

「แล้วยังมีงานอื่นอีกไหม?」

 

「อ่า งานนี้จริงจังยิ่งกว่าที่ผ่านมาอีก」

 

จิฮัดตอบคำถามของซอนเน่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

 

 

จิฮัดที่ได้รับการบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ “ลิ่ม” ที่ซอนเน่เล่ามาก่อนหน้านี้จึงจำเป็นต้องรวมมือกัน

 

 

ภูมิประเทศแถบนี้เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น จากจุดนี้จะมีการแก่งแย่งมากมาย

 

 

 

「อาจารย์จิฮัดเพร้อมแล้วงั้นเหรอคะ」

 

อินด้าปรากฏตัวจากทางด้านหลังอาคารเรียน

 

 

เธอถือหนังสือเวทย์เล่มหนาที่มีการตกแต่งอย่างประณีตพร้อมกับสวมเสื้อคลุมที่มีการต้านทานพลังเวทย์ราวกับออกศึก

 

 

 

「เข้าใจแล้ว ตาแก่ นี่……」

 

จิฮัดพยักหน้ารับรายงานง่ายๆของอินด้าและหันกลับมามองซอนเน่

 

 

อย่างไรก็ตาม ตาแก่ไม่อยู่แล้ว และเขากำลังหายตัวไปตามสายลมที่พัดกระหน่ำ

 

 

 

「อาจารย์จิฮัดมีอะไรเหรอคะ?」

 

「ไม่ ไม่มีอะไร」

 

จิฮัดถอนหายใจและรีบเปลี่ยนความคิดทันที

 

 

จิฮัดเดินมาถึงหน้าประตูหลัก มองไปรอบๆขณะที่เขาเดินไปข้างหน้าโดยไม่คำนึงถึงซอนเน่ที่หายตัวไปแล้ว

 

 

มีสายตามองดูจากทางต้นไม้และเงาที่อยู่ใกล้กับประตูหลัก

 

 

เป็นสมาชิกของเหล่า “แสงดาว”ที่จิฮัดสั่งเอาไว้

 

 

 

「อย่างที่ได้ทราบกันมา พวกเราจะกำจัดหนูที่มันกัดกร่อนเมืองนี้」

 

ก็ได้บอกทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการแล้ว ทั้งหมดที่จำเป็นก็คือคำสั่งเริ่มปฏิบัติการ

 

「ไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแผนการ คอยเก็บพวกมันและรักษาความปลอดภัยก็พอ」

 

ด้วยคำสั่งง่ายๆสายตารอบๆที่จับจ้องก็หายไปในทันที

 

「พวกเราเองก็จะไปด้วย」

 

「ค่ะ!」

 

อาวุธคู่ใจถูกสะพายไว้บนหลัง และจิฮัดก็หายตัวไปในค่ำคืนอันมืดมิด

 

 

ณ ยามค่ำคืน การต่อสู้ของผู้คนที่แฝงตัวอยู่ในเงามืดได้เริ่มต้นขึ้น

 

 

 

◆◇◆

 

 

โนโซมุถอนหายใจโดยไม่คิดว่าจะเจอสถานการณ์แปลกๆตรงหน้า

 

 

นี่คือตอนที่เขาได้สัมผัสกับประตูแปลกๆที่ตั้งอยู่บนทุ่งหญ้า

 

 

รอบๆนั้นเป็นฉากคล้ายกับพายุทรายที่ส่องประกายระยิบระยับ

 

 

โนโซมุขมวดคิ้วกับความรู้สึกไม่สบายใจที่ก่อตัวขึ้น

 

 

นี่ไม่ใช่สภาพแวดล้อมที่โนโซมุคุ้นเคย เขากำลังเดินไปเรื่อยๆ สถานการณ์ตรงหน้าเรียกได้ว่าผิดปกติสุดๆ

 

 

โนโซมุพยายามดิ้นรนอย่างยิ่งต่อสภาพแวดล้อมอันมืดมิดตรงหน้า

 

 

 

「บ้าเอ้ย ! เกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย!?」

 

ในสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด โนโซมุก้าวเดินต่อไปอย่างสิ้นหวังขณะบ่นออกมา

 

 

โนโซมุที่ไร้ซึ่งปีกที่จะโผบินในพื้นที่อันกว้างใหญ่

 

 

แม้ว่าพยายามจะกางแขนและขาฝ่าฟันพายุทะเลทราย แต่ก็มองไม่เห็นเลยว่าอยู่จุดไหน

 

 

เส้นแสงสีขาวนับไม่ถ้วนกำลังวิ่งตัดผ่านความมืดมิดที่ว่างเปล่า

 

 

 

「จะทำยังไงดีเนี่ย!?」

 

ก็ไม่รู้ว่ามาไกลแค่ไหน และเสียงของเขาก็สั่นเครือ

 

 

ขณะที่กำลังทำแบบนั้น จำนวนเส้นนับไม่ถ้วนก็เริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด

 

 

ในที่สุดทุกอย่างตรงหน้าก็หายไปและความมืดได้เข้าปกคลุม

 

 

ขณะนั้นเอง ความรู้สึกที่ราวกับว่าตกลงมาจากที่ห่างไกล ก็เป็นความรู้สึกที่ว่าเขากำลังลอยตัวอยู่

 

 

วินาทีถัดมา มุมมองภาพก็เปิดออกทันที

 

 

ทิวทัศน์เปลี่ยนไปเพียงชั่วพริบตา

 

 

 

「นี่มันอะไรกันวะเนี่ย……?」

 

โนโซมุตามสถานการณ์ไม่ทัน

 

 

แต่เมื่อเขาสังเกตเห็น ความรู้สึกที่ว่ากำลังล่องลอยก็ได้หายไป และเท้าของเขาก็เหยียบอยู่บนพื้น

 

 

โนโซมุสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ตะลึงกับภาพความงามตรงหน้า

 

 

เขายืนอยู่บนเนินเขาสูงเล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีพื้นที่เนินเขาที่อุดมสมบูรณ์ซึ่งทอดยาวออกไปสุดขอบฟ้า

 

 

นกกำลังผลัดขนอยู่บนต้นไม้ที่สูงตระหง่าน

 

 

ในทุ่งหญ้าเขียวชอุ่ม ที่ราบสูงที่เหล่าสัตว์ทั้งหลายต่างมุ่งหน้าไปยังขอบฟ้าได้ และยิ่งไปกว่านั้นยังมียอดแหลมสีขาวบริสุทธิ์ขนาดใหญ่ที่ผ่านเมฆไป

 

 

ยอดนั่นส่องแสงสว่างสีขาวเจิดจ้า

 

 

ลแะบนท้องฟ้ามีมังกร 6 ตัวกำลังโผบิน

 

 

 

「นั่นมัน……」

 

มังกรแต่ละประเภทล้วนมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

 

 

สีขาวบริสุทธิ์ที่ผสมผสานกับความแข็งแกร่งและความสมบูรณ์ สีสันสดใสมีชีวิตชีวา สีเขียวของสายลมที่โผบินได้อย่างอิสระ เปลวไฟสีแดงเข้มที่รวบรวมเปลวไฟแห่งชีวิต

 

 

สีฟ้าของมหาสมุทรที่กำลังกลืนกินทุกสิ่ง

 

 

มังกรทุกตัวต่างอ่อนเยาว์และเต็มไปด้วยพลัง และการที่มันกระพือปีกอันทรงพลังนั่นก็บอกได้ว่ามันเป็นจุดสูงสุดของทุกสรรพสิ่ง

 

 

อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากนั้น โนโซมุยังสังเกตเห็นเขา มังกรสีดำสนิทที่กลืนกินไปกับยามค่ำคืน

 

 

มังกรที่บินอยู่ด้านหลังฝูงพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะติดตามทั้งห้า ในขณะที่กำลังสั่นคลอน

 

 

 

 

「เทียแมตเหรอ?」

 

ร่างกายและจำนวนปีกนั้นต่างไปจากเดิม แต่เมื่อดวงตาของโนโซมุสบตากับเขา ก็เผลอหลุดชื่อออกมา

 

“ทุกคน~รอก่อนสิ~~!”

 

“โอ้พระเจ้า ดูสิยังบินได้ห่วยแตกเหมือนเคย~”

 

“เล็กแนทซ์(レグナント)อย่าพูดแบบนั้นกับเทตสิ เห็นไหมว่าพยายามอยู่น่ะ”

 

มังกรที่ถูกเรียกว่าเล็กแนทซ์มีเกล็ดสีเขียวส่องเปล่งประกายภายใต้แสงแดด กำลังถอนหายใจออกมา ขณะที่มังกรสีน้ำเงินซึ่งดูคล้ายกัวงูทะเลได้พูดแบบนั้น

 

“อย่างที่โอรุ(オル)พูดนั่นแหละ…..ดูเหมือนมังกรเขียวจะไม่มีปัญหาด้านการบินนะ”

 

“ใช่ ใช่ วูลสลัก(ウースラッグ) พูดนั่นแหละ!!”

 

มังกรสีเหลืองที่มีลำตัวเหมือนกับหินขนาดใหญ่ วูลสลักเข้าปกป้องเทียแมต แต่ว่ามังกรแดงก็ขัดจังหวะ

 

“แต่ที่แน่ๆ เทียแมตนี่บินไม่เก่งขนาดจนไม่คิดว่าเป็นมังกรได้เลยนะ!”

 

“ไอ้บ้า เวลส์ลิม(ウェリムス) ทำไมถึงทำลายบรรยากาศละเห้ย !”

 

เทียแมตมีสีหน้าไม่พอใจก็เริ่มกรีดร้องอีกครั้ง แต่มังกรเวลส์ลิมก็แสดงท่าทีประหลาดใจ

 

“แงงงงงงงงง~!”

 

“ดูสิ เทตร้องไห้แล้วนะ”

 

มังกรขาวตัวหนึ่งซุกตัวอยู่ข้างๆมังกรดำ ขณะที่ให้กำลังใจเทียแมต ผู้กรีดร้องออกมาด้วยความเสียใจ

ดวงตาของเทียแมตก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

 

“โอ้ ขอบคุณนะคะ มิคาเอล(ミカエル)!”

 

“เห้ยดูนั่นสิ ไมเคิลกำลังสวีตกับเทตล่ะ~~”

 

ตามคำกล่าวของเทียแมตมังกรขาวมีชื่อว่ามิคาเอลกำลังให้กำลังใจเธอด้วยการเอาคางลูบหัวเธอเบาๆ

 

 

เพื่อนมังกรต่างก็เฝ้ามองทั้งสองด้วยแววตาอันอ่อนโยน

 

 

โนโซมุนั้ไม่เคยเห็นเทียแมตเป็นแบบนั้นมาก่อน

 

 

 

「นี่คือ….ความทรงจำของเทียแมตงั้นเหรอ?……」

 

สำหรับโนโซมุแล้วเทียแมตนั้นเป็นตัวหายนะ

 

 

พลังนั้นทรงพลังมากเกินไปจนสามารถเป่าป่าให้หายได้ด้วยการโจมตีครั้งเดียว แรงกระตุ้นแห่งความเกลียดชังที่จะทำลายทุกสิ่ง

 

 

จนถึงตอนนี้ มังกรตัวนี้พยายามจะล่าเขามาหลายครั้งแล้ว ทั้งทางตรงและทางอ้อม

 

 

อย่างไรก็ตาม เทียแมตตรงหน้าเขาไม่มีความรู้สึกแบบนั้นอยู่เลย เป็นความรู้สึกที่เหมือนเด็กตัวน้อยๆและอ่อนแอ

 

 

ความทรงจำของเทียแมตที่โนโซมุได้เห็นเริ่มทำให้เกิดความสงสัยเกี่ยวกับเหล่ามังกร

 

 

อย่างไรก็ตามด้วยความสงสัยนั่นโนโซมุก็จ้องมองมังกรทั้งหกที่อยู่บนฟากฟ้า

 

 

ในที่สุดมังกรทั้งหกก็ลงมาพร้อมกัน อาจเป็นเพราะพบที่ราบอันเหมาะสม

 

 

การลงจอดของมังกรตัวใหญ่ทำให้เกิดเสียงสั่นสะเทือนไปรอบๆ  

 

 

“ทุกคนโอเคน้าาาาาา~! ขอโทษนะที่ทำให้ตกใจ~!”

 

เมื่อเทียแมตลงจอดและยืนยันท่าทีของเหล่าสัตว์ป่าพวกนั้นก็รีบหนีจากทั้งห้า

 

 

สัตว์ป่าต่างตื่นตระหนกและซ่อนตัวอยู่หลังหญ้าขณะที่มังกรดำส่งเสียงคำราม แต่ดูเหมือนว่าพวกมันจะไม่ได้หนีไป

 

 

 

“นี่ นี่ มาเล่นกันเถอะค่ะ~!”  

 

เทียแมตเดินเข้าไปหาสัตว์ที่อยู่หลังใบหญ้าและร้องออกมาอย่างร่าเริง

 

 

สัตว์ต่างๆที่เฝ้าดูอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็เริ่มเข้าหามังกรดำทีละตัว

 

 

ในไม่ช้ากวางตัวเมียที่เข้าไปก่อนก็เอาจมูกเข้ามาใกล้เธอ เธอดมและเทียเท้าเทียแมต

 

 

เทียแมตจ้องมองด้วยแววตาอันอ่อนโยน ซึ่งมันมีความอยากรู้อยากเห็นและความน่ากลัวซ่อนอยู่เล็กน้อย

 

 

บางทีอาจจะถูกกระตุ้นด้วยแววตาอันอ่อนโยน กวางตัวเมียที่ดมกลิ่นก็เริ่มเอาแก้มถูที่เท้าของเทียแมต

 

 

ในที่สุดฉากนั้นก็ทำให้ดูสบายตาอย่างมาก สัตว์ต่างๆเข้าหาเทียแมต

 

 

 

“อะฮะฮะฮะฮะ! จักจี้นะ! นี่~! อย่ากัดหางสิ~!”

 

เทียแมตที่ถูกเหล่าสัตว์ต่างๆลูบไล้ไม่ใช่แค่สัตว์กินพืชแต่ยังรวมถึงพวกหมาป่าและหมีที่มาล่าก็แอบเข้าหาเทียแมต

 

 

 

“เหมือนเคยเลยนะ เทตเนี่ยเป็นที่รักของเหล่าสัตว์”

 

“……ไม่ใช่แค่สัตว์นะ แต่ได้รับการเคารพบูชาจากพวกมนุษย์ด้วย”

 

ภาพอันอบอุ่นหัวใจที่ส่องสว่างด้วยแสงแดดอันอบอุ่น ไมเคิลที่มองไกลๆก็ยิ้มเล็กน้อย และวูลสลักก็อ้าปากเออ ออ

 

 

 

“อะไรเล่า?”

 

“เป็นมังกรดำจริงๆน่ะเหรอ? เนื่องจากเหล่ามนุษย์ต้องทุกข์ทรมานจากการที่ขาดอาหารทำให้พวกเขานั้นต้องแก่งแย่งดินแดนกัน~。เพราะด้วยความรีบร้อนก็เลยได้เปลี่ยนดินแดนที่แห้งแล้งให้กลายเป็นที่ๆอุดมสมบูรณ์~”

 

“นั่นสินะ เหมือนขาดอะไรบางสิ่งไป……”

 

เวลส์ลิม บ่นเกี่ยวกับเรื่องการเผยตัวของเล็กแนทซ์ และเพื่อนๆที่ได้ยินก็หัวเราะ

 

 

ในทางกลับกันเทียแมตยังคงเล่นกับฝูงสัตว์

 

 

หลังจากที่เล่นกับสัตว์ไปได้สักพัก โอริก็หันไปมองหน้าไมเคิล

 

 

 

“อย่างไรก็ตาม มิคาเอลคิดดีแล้วเหรอที่ให้ออกมาจากพิธีแบบนี้ เดี๋ยวก็โดนพ่อเขาโกรธเอาหรอก?”

 

“ไม่เป็นไรหรอก อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จำเป็นสำหรับพิธีก็คือพี่ชายกาเบรียล(ガブリエル)ที่ต้องการชั้นสำหรับทำพิธี….ชั้นแน่ใจว่าพ่อคงไม่รังเกียจที่ชั้นจากไปหรอกมั้ง……?”

 

มังกรสีน้ำเงินโอรุเอียงคอด้วยความสงสัย แต่มิคาเอลก็ส่ายหัวและตอบ

 

 

อย่างไรก็ตามน้ำเสียงราวกับจมปลักกับอะไรอยู่

 

 

 

“ฉันจะว่าไงดีล่ะ~แน่ใจว่าเขากำลังโกรธมิคาเอลที่จากไปแล้วแน่เลย~”

 

“มิคาเอลไม่เป็นไรใช่ไหม……?พ่อของมิคาเอลน่าจะโกรธน่าดูเลยนะ?”

 

เทียแมตมีรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของเธอ ลูบมิคาเอลด้วยความกังวล พร้อมกับเสียงคำรามของเล็กแนทซ์

 

 

เทียแมตคงรู้เรื่องพ่อของมิคาเอล

 

 

เทียแมตนั้นคอหดเหมือนกับเต่าอาจเป็นเพราะไม่ค่อยถนัดเรื่องแบบนี้

 

 

เทียแมตไม่อยากแยกจากกับมิคาเอล เทียแมตพูดกับมิคาเอลว่า “อย่าจากไปนะ”ด้วยแววตาอันเปียกชื้น

 

 

 

“ไม่เป็นไรหรอกเทต ตอนนี้ชั้นมีความสุขมากที่ได้อยู่กับทุกคน”

 

 

 

“ถึงกระนั้นพวกผู้ใหญ่ก็ไม่คิดว่าพวกเราจะมาเล่นด้วยกันอีก”

 

เขาค่อยๆลูบเทียแมตขณะที่มิคาเอลจ้องมองไปที่เธอ

 

 

ในทางกลับกันโอริที่เผลอหลุดพูดก็หันไปมองทางเทียแมต

 

“เทตล่ะไม่เป็นไรเหรอ? พื้นที่นี้อยู่นอกอาณาเขตของมังกรดำแล้วนะแถมยังเป็นพื้นที่ทับซ้อน เทตเองก็ยังไม่ได้รับอนุญาติให้ออกจากพื้นที่ควบคุมด้วยนะ……”

 

เมื่อได้ยินคำถามของโอรุ เทียแมตก็แสดงสีหน้าเศร้าๆ

 

 

ปากแหลมราวกับไม่พอใจ

 

 

 

“ฉันไม่อยากอยู่ที่นั่น ทุกคนงี่เง่าและคิดว่าฉันมันไร้ประโยชน์……”

 

ไร้ประโยชน์

 

 

โนโซมุสงสัยทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น เพราะเขารู้ถึงพลังของเธอดี

 

 

อย่างไรก็ตาม หากมองดูดีๆตอนนี้เทียแมตตัวเล็กกว่ามังกรตัวอื่นขนาดหนึ่ง

 

 

น่าจะยังเป็นมังกรสาว

 

 

มังกรตัวอื่นๆอาจอายุยังน้อย แต่โนโซมุคิดว่าอาจจะอายุน้อยกว่าที่คิดไว้มาก

 

 

อันที่จริงไม่รู้สึกถึงบรรยากาศแบบผู้ใหญ่เลยด้วยซ้ำ

 

 

มังกรดำส่ายหัวและตะโกนออกไปสำหรับคนที่กำลังแอบมอง

 

 

 

“อยู่ด้วยกันกับทุกคนดีกว่า ใช่ ฉันอยากอยู่กับทุกคนตลอดเวลา!”

 

“แต่มันเป็นไปไม่ได้น้า~ ทุกสิ่งนั้นผ่านไปราวกับสายลม~จะอยู่ด้วยกันตลอดไปก็ไม่ได้หรอก~”

 

เทียแมตร้องออกมา เพราะคำพูดของเล็กแนทซ์

 

 

มังกรตัวอื่นก็คิดแบบเดียวกัน แม้ว่าจะพยายามจะเถียงแต่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธ

 

 

 

“แต่ว่า….อย่างไรก็ตาม……”

 

เทียแมตพยายามหาคำพูดปฏิเสธพวกเขาอย่างสิ้นหวัง อาจเป็นเพราะยังไม่ยอมแพ้

 

 

อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดแล้วมีเพียงความเงียบที่ไหลผ่าน

 

 

 

“……พูดตามตรงเลย ตามที่พวกผู้ใหญ่เขาพูดกันห้ามมังกรอื่นบุกรุกเขตของคนอื่น”

 

“……ทำไมจะต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ ฉันอยากจะอยู่กับทุกคนนี่……”

 

เทียแมตพึมพำแหงนหน้ามองท้องฟ้าอย่างโดดเดี่ยว

 

 

ตรงกันข้ามกับมังกรดำที่หดหู่แสงอาทิตย์ยังคงส่องสว่างจ้า

 

 

 

「นี่มันอะไรกันเนี่ย?」

 

ภาพที่ไม่น่าเชื่อถูกแสดงให้เห็นทีละภาพ และในหัวของโนโซมุก็สับสนไปหมด

 

 

ยอดแหลมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และมังกรต่างสายพันธุ์กำลังคุยกัน

 

 

เหนือสิ่งอื่นใด รูปลักษณ์ของเทียแมตที่ต่างไปจากเดิม

 

 

ด้านที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงของมังกรแห่งความหายนะในตอนนี้มันทำให้โนโซมุสับสนไปหมด

 

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่รู้คำตอบได้ไม่นาน ความทรงจำของเทียแมตก็ระเบิดและจางหายไป และความมืดก็เข้าครอบคลุมพื้นที่อีกครั้ง

 

 

และอีกครั้งที่โนโซมุกำลังลอยอยู่

 

 

เมื่อสังเกตเห็นโนโซมุก็กลับมายืนบนทุ่งหญ้าสีดำสนิท

 

 

นอกจากนี้ยังมีประตูโค้งที่ส่องประกายตรงหน้า

 

 

อาจจะเป็นแค่จินตนาการของเขา แสงสีแดงเข้มที่มองเห็นไกลสุดขอบฟ้าเหมือนจะใกล้เข้ามา

 

 

ถ้าผ่านประตูนี้ไปก็จะพบเจอกับอดีตของเทียแมตอีกครั้ง

 

 

และสิ่งที่อยู่เหนือขอบฟ้าอันสว่างไสวคือสิ่งใด

 

 

โนโซมุเอื้อมมือไปที่ประตูข้างหน้าเขาอีกครั้ง ขจัดความวิตกกังวลและความเครียด

 

ช่วงนี้ได้งานพิเศษทำกะดึกครับ ทำให้มีเวลาแปลแค่ช่วงเช้าเท่านั้นเน้อ อย่างน้อยก็จะลงให้วันละตอน TwT

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

Status: Ongoing
สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท