บทที่7ตอนที่9
เมืองอเนโมไมรอส(アネモミロス)สว่างไสวด้วยดวงอาทิตย์ที่ขึ้นจากท้องฟ้า เมืองนี้ได้รับการพัฒนาให้เป็นเมืองการค้าที่นำพาไปสู่อาร์คาซัม
เมืองนี้ซึ่งเดิมเป็นหมู่บ้านเกษตรกรรมขนาดเล็ก กลายเป็นจุดถ่ายทอดเสบียงสำหรับการก่อสร้างเมืองอาร์คาซัม
เมืองนี้ไม่ได้มีเพียงแค่มนุษย์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงกึ่งมนุษย์และเผ่าพันธุ์ต่างๆเข้าๆออกๆ เหมือนอาร์คาซัมเวอร์ชั่นย่อส่วน
กลุ่มรถม้าเข้าแถวและผ่านถนนสายกลางที่วิ่งผ่านเมือง
รถที่ดูหรูหราแถมยังมีสีขาวผุดผ่อง เมื่อมองไปที่ด้านหน้าและด้านหลังของรถม้าซึ่งถูกปกป้องโดยอัศวินที่สวมชุดเกราะบุคคลที่อยู่บนรถม้าจะต้องมีตำแหน่งที่ค่อนข้างสูง
รถม้าวิ่งต่อไปตามเส้นทางหลวงไปยังเมืองอาร์คาซัม ทำให้ดวงตาของผู้คนที่สัญจรลุกวาว
「ท่านอาจารย์ อีกไม่นานเราจะถึงอาร์คาซัมแล้ว」
เมดวัยกลางคนในชุดที่ดูหลวมๆ พูดเช่นนั้น
เจ้านายของเธอนั่งอยู่ที่เบาะหลังของรถม้า พยักหน้าให้กับคำพูดของสาวใช้และจ้องมองไปที่อัศวินที่คอยคุ้มกันนอกหน้าต่าง
เสื้อคลุมและอุปกรณ์ที่สวมใส่บอกได้ทันทีว่าเป็นขุนนางชั้นสูง
ใบหน้าที่สมส่วนราวกับถูกแกะสลักซึ่งบ่งบอกถึงความมีอายุ ผมและเคราสีทองที่เล็มมาอย่างประณีต
ชื่อของขุนนางนี่คื อ วิคเตอร์・บาเรน・ฟรานซิสヴィクトル・バーレンツ・フランシルト。
เขาเป็นหัวหน้าตระกูลฟรานซิสคนปัจจุบัน
「อืมใช้เวลาค่อนข้างนาน แต่ดูเหมือนว่าจะมาทันเวลานะ
เมื่อไปถึงเมืองอาร์คาซัมให้ใช้สิ่งนี้เพื่อให้นายท่านได้พักผ่อนอย่างเต็มที่」
ขณะพูดอย่างนั้น ขุนนางก็หยิบกระเป๋าใบเล็กๆออกจากกระเป๋าของเธอแล้วยื่นให้เมดที่อยู่ข้างหน้า
เมดคนนั้นได้รับเงินจำนวนหนึ่งจากเจ้านาย
รู้สึกได้ถึงน้ำหนักเล็กน้อยแต่ว่ามันน่าจะเป็นเหรียญทองคำ
「เป็นการบังคับที่ให้เปลี่ยนม้าอยู่หลายครั้ง ดังนั้น ให้พวกทหารมีความสุข เดิมทีน่าจะไปถึงเร็วกว่านี้ได้อีกสองสามวัน……」
สายตาของเมดหันไปทางรถม้าที่ตามมาด้านหลัง
ต่อหน้าต่อตาระหว่างทางที่ไปสถานที่นี้ อาจารย์ที่อยู่ข้างหน้าต้องทิ้งกองงานเป็นพะเนินและข้ามเขตแดนมา
ยิ่งไปกว่านั้นไม่ได้มีเพียงหนึ่งหรือสองคันที่บรรทุกสัมภาระได้ ตู้โดยสารขนาดใหญ่จำนวนหกตู้ที่ลากโดยม้าสองตัวนั้นบรรทุกจนเต็มหมด
ถึงกระนั้น ก็ยังคงให้ได้พัก
ตามจริงแล้วอาจารย์ของมีนาพยายามซื้อของจำนวนมากกว่าปกติาสองเท่าโดยซ่อนจากเธอ
เขาเป็นเจ้านายที่มีความยุติธรรมและทำทุกอย่างด้วยดี และมีนาเองก็ภูมิใจที่ได้รับใช้เขา
อันที่จริงประมาณปีละสองครั้ง ที่จะทำนิสัยแบบนี้จนเป็นเรื่องเอะอะใหญ่โต
โชคดีที่ไม่กี่ปีมานี้ สาเหตุไม่ได้อยู่เคียงข้างนายของเธอทำให้ไม่ได้เห็นนิสัยแย่ๆนั่น
「มีนา บ่นอะไรรึเปล่า?」
「เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ….อย่างไรก็ตามท่านจิฮัดก็ประสบปัญหาเช่นกัน……」
ขุนนางคนนั้นยังคงสงสัยกับเมดที่บ่นพึมพำเรื่องเก่าก่อน
อย่างไรก็ตาม เมดที่ชื่อมีนาก็หันไปหาเจ้านายของเธอทันทีและแสดงท่าทีไม่พอใจ
「ตามจดมหมายที่ท่านจิฮัดส่งมา มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับนักเรียน ซึ่งปัญหาใหญ่แน่นอน แต่ถึงขนาดที่กับนายท่านได้ไปร่วมงาน…」
「อย่างไรก็ตาม จดหมายปิดผนึกอย่างแน่นหนาส่งตรงถึงชั้น ก็ได้แต่สงสัยว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นหยั่งรากลึกหรือว่ามีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นงั้นเหรอ……」
เมดตรงหน้าไม่รู้เนื้อหาของจดหมายที่ได้รับ
นายท่านบอกว่าเป็นเรื่องของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสถาบัน แต่เนื้อหาที่เขียนจริงๆนั่นไม่ใช่สิ่งที่จะพูดออกมาได้
อันที่จริงด้วยเหตุผลนั้น ขุนนางผู้นี้ก็แอบทำงานหลายอย่าง แม้แต่กับเมดที่ไว้ใจ
ในขณะที่ลูบเคราของเขา วิคเตอร์มีรอยยิ้มที่ผ่อนคลายเพื่อไม่ให้มีนาฟุ่งซ้าน
「จู่ๆชายชราคนนั้นก็ปรากฏตัวต่อหน้านายท่าน และจู่ๆก็ยื่นจดหมายมาที่ฉัน ทัศนคตินั่นไม่เคารพนายท่านเลยแม้แต่น้อย」
「ตอนแรกก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อนักหรอก แต่ว่าตราประทับของท่านจิฮัดนั้นมีอย่างแน่นหนา และมีรอยนิ้วมือรวมถึงอื่นๆที่ถูกหลักตามกฏ
ไม่ว่ายังไง ก็ขอถือใช้โอกาสนี้แวะเวียนมาเยี่ยมลูกสาวด้วย」
เขานึกถึงชายชราผมขาวที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นในคฤหาสน์
ทันใดนั้น ชายชราก็โผล่เข้ามาในห้องทำงานของนายท่านและยื่นจดหมายที่หยิบออกมาจากกระเป๋าด้วยใบหน้าเหนื่อยหน่าย
จดหมายนั้นอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากนักเรียนในสถาบัน การที่อบิสหนีรอดไปได้และเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น
ด้วยเหตุนี้ขุนนางผู้นี้จึงรีบเตรียมการมาที่อาร์คาซัมโดยทันที
「ตั้งแต่สัญญาลับกับครอบครัวได้ถูกเปิดเผย นายท่านก็ไม่มีเวลาได้พักผ่อนเลย หวังว่าจะชอบมันนะคะ」
「อาา……」
เมื่อไม่กี่เดือนก่อนวิคเตอร์ตกใจมากเมื่ออ่านจดหมายที่ลูกสาวคนโตส่งมาให้ ราวกับโดนฟ้าผ่า
ประโยคนั้นเป็ฯนข้อตกลงลับที่ตระกูลฟรานซิสได้ทำไว้กับตระกูลวาร์เซียร์ต
พ่อบ้านรูกาโต้ของทางตระกูลนั้นได้โผล่มาในวันเกิดของลูกสาวคนที่สอง จากนั้นก็ได้ต่อสู้กับเหล่าลูกสาวกับเพื่อนๆของเธอ จนสามารถขับไล่รูกาโต้ไปได้
เมื่อรู้ความจริงนี้ วิคเตอร์ก็รีบตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องและพบว่าสัญญานั่นคือของจริง
วิคเตอร์ใช้ผู้ส่งสารไปหาตระกูลวาร์เซียร์ตทันทีและเจรจากัน
ยังคงเจรจากันต่อไปในขณะที่ปฏิบัติงานเป็นหัวหน้าตระกูล และยังคงทำงานทั้งวันทั้งคืนโดยไม่ได้พักผ่อนและผ่านมาอีกวันก็สรุปข้อตกลงกันได้
「อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนๆของเธอ แต่ก็ยังน่าแปลกใจที่ลูกสาวจะสามารถต่อกรกับแรงค์ S ได้」
「ตามคำบอกเล่าของไอริสดิน่า นักเรียนหลายๆคนก็ดูมีความสามารถทีเดียว ทุกคนสมควรที่จะได้รับแรงค์ A และมีบางคนที่มีทักษะไปถึงแรงค์ S เมื่อเห็นประโยคนี้ก็รู้สึกตกใจอย่างมากว่ามีเด็กที่เก่งกาจในชั้นปี 3 ด้วย」
ลูกสาวของวิคเตอร์นั้นถูกทรมานให้อยู่ในสังคมชนชั้นสูงมาตั้งแต่เด็ก
เขารู้สึกเสียใจกับเรื่องนั้น การสูญเสียแม่ของพวกเธอไป ทำให้ต้องได้รับความเจ็บปวดและความโดดเดี่ยว
อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นเหตุผลว่าลูกสาวของเขาน่าจะมีสายตาเฉียบแหลมเพราะมีเพื่อนที่มีอนาคตสดใส
「นายท่านเกี่ยวกับภรรยาของนายท่าน……」
「อย่าพูดเลย ชั้นไม่มีสิทธิ์จะพูดถึงด้วยซ้ำ….ลูกสาวของชั้นไม่มีความผิดที่ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ แค่ชั้นคนเดียวก็เพียงพอแล้ว」
อุปกรณ์เวทย์ที่ถูกส่งมอบให้ตระกูลฟรานซิสเมื่อทำข้อตกลงกับตระกูลวาร์เซียร์ต นั่นก็คือแม่ของเธอ ฟิลาน่า(フィラーナ) ฟรานซิส ที่เป็นผู้ปลูกฝัง “เตาหลอมวิญญาณ”ลงไว้ในร่างของโซเมีย ซึ่งนั่นเป็นหนึ่งในความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในครอบครัว
โซเมียเกิดมาพร้อมกับร่างกายที่บอบบาง เพื่อช่วยเธอฟิลาน่าได้เสียสละดวงจิตของเธอและหลอมรวมจิตวิญญาณนั่นเข้ากับเตาหลอมเพื่อมอบชีวิตให้แก่โซเมีย
เตาหลอมวิญญาณเป็นอุปกรณ์เวทย์ที่จะให้พลังมหาศาลเมื่อสังเวยวิญญาณให้
ฟิลาน่าใช้ดวงจิตของตัวเองเป็นเครื่องสังเวย ดึงพลังของเตาหลอมวิญญาณออกมาและหลอมรวมจิตวิญญาณของเธอเข้ากับโซเมียเพื่อช่วยชีวิตเธอ
เวทย์ที่เกี่ยวข้องกับเวทย์วิญญาณหรือภูติเป็นเวทย์ที่ยากมาก อัตราความสำเร็จนั้นเทียบเท่ากับเม็ดทราย
ถึงกระนั้น เวทย์นั่นก็ประสบความสำเร็จเพื่อแลกชีวิตของฟิลาน่า ราวกับว่าความปรารถนาอันแรงกล้าของฟิลาน่าที่ต้องการให้ลูกสาวเธอมีชีวิตอยู่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
ส่งผลให้สูกสาวคนที่สองเติบโตขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์พร้อม
ทั้งไอริสดิน่าและโซมิเลียน่า ไม่ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ นั่นเพราะว่าถ้าวิคเตอร์บอกพวกเธอไป อาจจะไปทำร้ายจิตใจของพวกเธอได้
「รู้สึกลำบากใจจริงๆที่บรรพบุรุษบังคับจัดการผิดพลาดเช่นนี้ และทำให้ลูกหลานของตัวเองต้องมาตาย แต่ตอนนี้ก็พูดเป็นเรื่องของคนอื่นไม่ได้……」
ชั้นเองก็ทำทุกอย่างเพื่อช่วยลูกสาว เป็นผลให้ลูกสาวต้องทุกข์ทรมานโดยไม่จำเป็น
ขุนนางคนนั้นไหล่ตกและถอนหายใจราวกับว่ามันช่วยไม่ได้
「……ถ้างั้นก็ระวังเรื่องจิตใจด้วยค่ะ」
「โชคดีที่การเจรจาเป็นไปได้ด้วยดี จริงอยู่ว่าเราเสียเปรียบเยอะ แต่เพื่อลูกสาวแล้ว ฟิลาน่าคงจะยกโทษให้ชั้น……」
「นายท่าน……」
ชายผู้นั้นมองออกนอกหน้าต่างรถม้าขณะนึกถึงรอยยิ้มของภรรยาผู้ล่วงลับ
ถนนที่มีชีวิตชีวาของอนีโมไมรอส เรียงรายไปด้วยแผงขายของหลากหลาย
นอกจากนี้อีกด้านหนึ่งของถนนที่ตัดผ่านป่าทึบ มีทิวทัศน์เมืองเล็กๆที่ส่องประกายระยิบระยับท่ามกลางแสงแดด จุดหมายปลายทางก็คือสถาบันที่อาร์คาซัม
「ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับเวลา……」
เสียงพึมพำเล็กๆจางหายไปในสายลมฤดูร้อน
ป่าไม้ที่ทอดยาวไปถึงขอบฟ้า นอกจากนั้นกำแพงชั้นนอกขนาดใหญ่ของเมืองอาร์คาซัมก็ปรากฏให้เห็น
◆◇◆
รัฐสภาของเมืองอาร์คาซัมประกอบด้วยสมาชิกที่ส่งมาจากประเทศต่างๆ และถึงแม้เจตนาของประเทศอื่นๆจะปะปนกันไป แต่โดยพื้นฐานแล้วไม่มีอุปสรรคต่องานดำเนินสภา
เทคโนโลยีใหม่ๆและทรัพยากรมนุษย์ที่สร้างขึ้นโดยสินค้าและทรัพยากรมนุษย์ที่นำเข้าแต่ประเทศนำเข้าผลกำไรให้กับประเทศโดยไม่ต้องสงสัย ด้วยเหตุผลดังกล่าวความซบเซาของการดำเนินงานของเมืองนี้มีแต่จะเสียเปรียบเท่านั้น
จำนวนพายที่สามารถแบ่งได้นั้นก็มีจำกัด ดังนั้นพวกนั้นก็เลยพยายามจะหาพายให้ได้มากที่สุด
ประธาน ไฮเบ๋า โฟก้า เป็นหัวหน้าของจิฮัดซึ่งเปรียบเสมือนเสือดาว
เมื่อเร็วๆนี้เนื่องจากผลกระทบของเหตุการณ์ทำให้ความตึงเครียดเบาบางลงบ้างแล้ว
คนที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นหัวหอกก็คือหญิงสาวสุดสวยที่กำลังกล่าวทุนทรพจน์บนเวทีนี้
「สวัสดีค่ะทุกคน ข้อบอกพร่องในระบบรักษาความปลอดภัยของเมืองอาร์คาซัม ที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้เป็นเรื่องที่ไม่สามารถมองข้ามได้เลยค่ะ」
เสียงอันแสนเย้ายวนดังขึ้นในรัฐสภา
「ใช่เลย การตอบสนองของทางสถาบันนั้นล่าช้าเกินไป」
「ตามที่คาดไว้สำหรับท่านวีรบุรุษแล้ว นั่นคือความขายหน้าที่ไม่อาจมองข้ามได้รึเปล่านะ? ถ้าเป็นกรณีนี้คงต้องทบทวนบทบาทหน้าที่ของท่านจิฮัดเสียแล้ว……」
หลังจากคำพูดของเม็กเลีย สมาชิกสภานิติบัญญัติที่เห็นด้วยกับเธอ ก็กล่าวโทษ
สมาชิกสภาที่ติตดามเม็กเลียด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์หวังจะได้รับความรับผิดชอบจากพวกจิฮัดอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม น้ำเสียงนั่นถูกขัดโดยสมาชิกสภาอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆเขา
「อย่างไรก็ตาม หากท่านจิฮัดโดนโค่นล้มเสียแต่ตอนนี้ ก็ยังมีช่องว่างของการรักษาการณ์สถาบันที่เขาได้ก่อตั้งขึ้นมา
นอกจากนี้ยังมีการตักเตือนและลงโทษกับผู้เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสมแล้ว รวมถึงท่านจิฮัดด้วย นี่ควรเป็นจุดสิ้นสุดของความรับผิดชอบที่ท่านจิฮัดได้รับ」
「ถูกต้อง ทำดีก็ต้องได้รางวัลทำผิดก็ต้องลงโทษนั่นคือสิ่งที่จำเป็นสำหรับองค์กร แต่ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะหมกหมุ่นกับเรื่องเหล่านั้นมากจนเกินไป」
「สาเหตุของความเีสยหายที่เพิ่มขึ้นในเหตุการณ์นี้คือคนวงในที่เข้าไปเป็นกลุ่มของแสงดาว อย่างที่ทราบ มีผู้คนมากมายจากทั่วทุกมุมโลกในเมืองนี้」
「แล้วคิดจะทำยังไงกับพวกเขาล่ะ?」
ฝ่ายนิติบัญญัติที่ไม่ได้ลงรอยกับเม็กเลีย ตักเตือนพวกที่พยายามให้จิฮัดรับผิดชอบ
「นอกจากนี้ ต้องทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับอบิสที่ถูกผนึกเอาไว้ที่อยู่ชั้นล่างสุดของสถาบันกลอวรัม」
「ปัจจุบัน สถาบันกลอวรัมได้ทำการค้นคว้าและวิจัยนักเรียนที่โดนปิดผนึกเพราะโดนอบิสสิงสู่……」
「สัตว์ประหลาดที่ปกคลุมไปด้วยความลึกลับจนถึงปัจจุบัน ความสำคัญในการรุกรานครั้งใหญ่เมื่อ 10 ปีก่อนมันโดดเด่นมาก สำหรับความรับผิดชอบของจิฮัด ขอให้มันจบลงตรงนี้」
ตามความเป็นจริงแล้ว ความสำคัญของเมืองนี้พุ่งสูงขึ้นตั้งแต่เก็บตัวอย่างจากอบิส
นอกจากนี้ ด้วยความที่ว่าอบิสใช้คนๆนั้นเป็นกาฝากและคอยปกป้องร่างนั้นไว้ เป็นลักษณะใหม่ที่ปรากฏให้เห็น ซึ่งแต่ละประเทศก็จะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ในการวิจัยมัน
「ไม่สิ ! ก่อนอื่นความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ก่อนหน้านี้มันต้องชัดเจนกว่านี้ ด้วยเหตุนั้นก่อนอื่นเลย……」
อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้เรียกร้องให้จิฮัดรับโทษก็มีแต่จะแข็งข้อ
พวกเขาต่างสบถและถุยน้ำลายใส่สมาชิกสภาที่พยายามปล่อยวางเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม มันถูกขัดจังหวะกระทันหัน
「ขออนุญาติ」
ประตูอาคารรัฐสภาเปิดออกอย่างกระทันหัน จิฮัดเองที่เข้ามาขัดจังหวะการพูดคุย
การปรากฏตัวของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ ทำให้บรรยากาศโดยรอบตึงเครียดกับชุดเกราะที่ดูหนักแน่น
สมาชิกสภาเงียบลงเนื่องจากความตึงเครียดนั่น
ในความเงียบเช่นนี้ ประธานไฮเบ๋า ก็ได้ถามจิฮัด
「ท่านจิฮัด ท่านเข้ามาที่ประชุมด้วยเหตุอันใด?」
「ขอโทษด้วยที่เข้ามาขัดการประชุมอย่างกระทันหัน อันที่จริงมีบางอย่างที่ต้องการอยากให้ทุกคนได้ยิน……」
เป็นเพราะเพิ่งคุยเรื่องอบิสงั้นเหรอ? สมาชิกรัฐสภาต่างเชื่อมโยงข่าวต่างๆที่ดำเนินต่อไปและการแสดงออกก็ดูเกรี้ยวกราด
「เป็นไปได้ไหมที่ว่าอบิสจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง?」
「ไม่ ไม่ คราวนี้เป็นข่าวดี อันที่จริงเมื่อวันก่อน เราได้ดำเนินการสืบสวนเกี่ยวกับผู้ที่ดำเนินกิจกรรมข่าวกรองในอาร์คาซัมและกังขังพวกนั้นไว้บางส่วนแล้ว」
สมาชิกของสภาต่างประหลาดใจกับคำพูดของจิฮัด ซึ่งสงบลงความตึงเครียดที่ได้รับการปลดปล่อยออกมาจนถึงขณะนี้และคลายการแสดงท่าทางของเขา
ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ สายลับแต่ละประเทศที่แทรกแซงอาร์คาซัมทำให้ปวดหัว
「โอ้ แล้วจับหนูได้กี่ตัว?」
「อย่าว่าแต่อาหารที่เหลือไว้เลย ไม่อยากให้พวกเจ้าของบ้านมาไล่กัด เป็นการดีด้วยที่จะต้องแจ้งให้ทราบกับความเสี่ยงพวกนี้」
สมาชิกสภาคงพยายามผลักความรับผิดชอบให้จิฮัด ตอนนี้จิฮัดก็พูดพร้อมกับยิ้ม
สมาชิกสภาบางคนขมวดคิ้วราวกับว่าสะดุ้งต่อสีหน้าของจิฮัด แม้ว่าจะพยายามทักท้วง
ในทางกลับกัน สมาชิกสภาที่เพ่งมองกำลังสูดลมหายใจเข้า
「ดังนั้นแล้ว ท่านจิฮัดจับได้กี่คน?」
「อืมก็ประมาณ 250 คน」
「หา!」
「หะ!?」
ครู่หนึ่งทุกคนต่างเบิกตากว้างและกลืนน้ำลายด้วยความประหลาดใจ
มีมากเกินไป
สมาชิกสภาต่างคิดว่าจิฮัดจับได้เพียงไม่กี่คน อย่างมากก็แค่ 12 คน ดังนั้นทุกคนจึงใช้เวลาสองสามวินาทีทำความเข้าใจ
「250 คนเหรอ?」
「ใช่และด้วยเหตุนี้กองกำลังภายนอกเกือบทั้งหมดที่ทำงานในเมืองนี้จึงถูกกำจัดออกไป
ในอนาคตกล่าวได้ว่าแทบไม่ต้องกังวลเรื่องการบิดเบือนจากเบื้องหลังเหมือนเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ แน่นอนว่าพวกเราจะคอยระวังอย่างดี……」
จิฮัดเริ่มรายงานรายละเอียดก่อนหน้านี้ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยปล่อยให้สมาชิกสภาที่ตกตะลึงด้านข้าง
หน่วยข่าวกรองจากประเทศอื่นทำการเคลื่อนไหวอย่างลับๆ ในเหตุการณ์ครั้งก่อน การทรยศภายในกลุ่มแสงดาว
มันไม่ใช่สิ่งที่มองข้ามได้เลยแม้แต่น้อย ดังนั้นจึงทบทวนตัวตนของทุกคนที่เกี่ยวข้องในสถาบันโซลมินาติ รวมถึงกลุ่มแสงดาว และในขณะเดียวกันก็วางแผนและดำเนินการกวาดล้างสำหรับหน่วยข่าวกรองที่เข้ามาในอาร์คาซัม
ผลที่ได้คือจำนวนที่จิฮัดกล่าวถึงก่อนหน้านี้
ตัวเลขนั้นใกล้เคียงกับจำนวนของหน่วยข่าวกรองที่สงสัยว่าจะซ่อนตัวอยู่ในอาร์คาซัม กล่าวอีกนัยหนึ่ง ในการปฏิบัติการครั้งเดียว จิฮัดและกลุ่มแสงดาวได้ขจัดความกังวลภายนอกส่วนใหญ่ที่แฝงตัวอยู่ในอาร์คาซัม
เม็กเลียยิ้มจางๆกับข้อเท็จจริงนั่นและมีแววตากระตุกเล็กน้อย
แม้ว่าฝ่ายนิติบัญญัติจะไม่ทราบแต่เบื้องหลังผลลัพธ์นี้คือข้อมูลโดยละเอียดของตัวแทนแต่ละประเทศที่ซอนเน่นำมาให้จิฮัด
ข้อมูลนี้เป็นหนึ่งในค่าตอบแทนที่จิฮัดร้องขอจากซอนเน่เพื่อร่วมมือกับโนโซมุ
「เข้าใจแล้ว ทำได้ดีมาก ท่านจิฮัด」
「อืม ขอขอบคุณ」
สมาชิกสภาที่พยายามกล่าวโทษจิฮัดก็ต่างเหงื่อตก
ในทางกลับกัน สมาชิกคนอื่นๆของสภารู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่งจนเกินความผิดหวัง และทำได้เพียงถอนหายใจ
จิฮัดที่ละสายตาจาความกลัวที่พุ่งมาที่เขาและโค้งคำนับ เหนือสิ่งอื่นใด ทุกคนในที่นี้เข้าใจดีว่ามันเป็นเพียงแค่พิธีการ
「ขอขอบคุณ อันที่จริงยังมีข้อกังวลอื่นๆ ด้วยเหตุนี้ จึงอยากขอให้บุคคลหนึ่งเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้」
ใครกัน? ขณะที่เพิกเฉยต่อสมาชิกสภาที่กำลังงงงวย ประธษนกล่าวอนุญาติและอนุญาติให้นำเข้าสู่รัญสภาในฐานะแขก
เมื่อได้รับคำสั่งจากจิฮัด ตำรวจทหารก็เปิด
「ขออนุญาติ」
「เฮ้ย แก……!」
โดยได้รับแจ้งจากจิฮัด คนที่ก้าวเข้ามาในอาคารรัฐสภาคือวิคเตอร์ หัวหน้าคนปัจจุบันของตระกูลฟรานซิส ซึ่งเป็นขุนนางผู้หล่อเหลา
สมาชิกสภาผู้แทนทุกคนต่างเบกตากว้าง
วิคเตอร์เหลือบมองคนที่นั่งในรัฐสภาและยิ้ม
10 ปีที่แล้วหนึ่งคนที่ใช้มาตราการตอบโต้ระหว่างการบุกรุกครั้งใหญ่และทำงานอย่างหนักในการส่งประเทศเพื่อกองทัพของเขาเอง
การตอบสนองอย่างรวดเร็วนั่นทำให้กลายเป็นผู้บุกเบิกในการหยุดการรุกรานของสัตว์อสูรและด้วยเหตุนี้อิทธิพลของฟอร์ซิน่าในทวีปจึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก
นอกจากนี้ยังเป็นผู้มีพระคุณต่อแต่ละประเทศและเช่นเดียวกับจิฮัด เป็นคนที่มีชื่อเสียง
ต่อหน้าขุนนางที่แท้จริง สมาชิกสภาต่างโดนครอบงำ
「โอ้ มันก็ผ่านมานานแล้วนะครับท่านทาร์โด ลูกสาวที่อยู่ในสถาบันเป็นอย่างไรบ้าง?」
「อ่า เอ่อ สบายดีนะ ฮาฮาฮา……」
สมาชิกสภาที่เคยประณามจิฮัดอย่างรุนแรงจนถึงตอนนี้เงียบกริบ
วิคเตอร์โค้งคำนับสมาชิกสภาที่อยู่รอบตัวเขา
「ท่านประธานและสมาชิกสภา ข้าพเจ้าได้รับข้อความจากเหนือหัวแล้ว
ถ้างั้นก็อยากจะพูดมันที่นี่เลย คงได้สินะครับ?」
คำพูดจากกษัตริย์แห่งฟอร์ซิน่า สมาชิกสภาทุกคนต่างกลั้นหายใจ
ประธานยังอนุญาติให้วิคเตอร์เข้าร่วมการประชุมอย่างสุภาพ
「ถ้างั้น ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักเกี่ยวกับอบิส
ข้าพเจ้าเสียใจอย่างยิ่งกับผู้ตกเป็นเหยื่อจากเหตุการณ์ในครั้งนี้
“อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถทิ้งทุกอย่างที่นี่ได้ และมันก็จบโดยความเศร้าโศก” เชื่อว่าท่านประธานและสมาชิกที่เกี่ยวข้องกับทางสถาบันรวมถึงท่านจิฮัด จะทำงานร่วมกันเพื่อเอาชนะสถานการณ์นี้」
หลังจากที่วิคเตอร์อ่านข้อความทั้งหมดจากกษัตริย์แล้ว เขาก็เดินไปที่ที่นั่งของประธานและยื่นจดหมายให้ จากนั้นหลังจากโค้งคำนับอีกครั้งแล้วก็กลับไปที่ด้านข้างของจิฮัด
ฉากนั้นเงียบ
「นี่คือจดหมายจากกษัตริย์ของเรา」
สมาชิกสภาที่ประณามเมื่อครู่ไม่มีคำพูดใๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สมาชิกสภาของประเทศที่ถูกโจมตีโดยอบิสต่างมองวิคเตอร์ด้วยความเคารพและไว้วางใจ
สำหรับพวกเขาวิคเตอร์ผู้ซึ่งส่งกองทัพไปอย่างรวดเร็วและกษัตริย์แห่งฟอร์ซิน่า เป็นผู้มีพระคุณที่ไม่สามารถถูกแทนที่ได้
ทั่วทั้งสภาต่างมีบรรยากาศที่อบอุ่น แน่นอนไม่มีใครกล้าประจานจิฮัด
แม้แต่เม็กเลียที่ยุยงคนอื่นๆก็พูดอะไรไม่ออก
เจ้านายของเม็กเลียยังเป็นข้าราชบริพารของกษัตริย์แห่งฟอร์ซิน่าด้วย แน่นอน ไม่มีทางที่จะขัดคำพูดของคนๆนั้นได้
เนื้อหาของจดหมายส่วนตัวไม่ได้ตั้งใจที่จะคุกคามความเป็นอิสระของอาร์คาซัม และมีความสุภาพอย่างเคร่งครัดและเขาก็พูดว่า “จากนี้ไปควรให้ความร่วมมือ”
ไม่ใช่คำสั่งหรือคำขอ ไม่มีแม้แต่คำขอ มันเป็นแค่คำทักทาย
อย่างไรก็ตาม หากคำพูดเหล่านั้นเป็นจากราชาของประเทศแม้แต่ในทวีปและหากบุคคลที่นำคำพูดเหล่านั้นมาเป็นหัวหน้าตระกูลฟรานซ
เม็กเลียยังตัดสินใจว่าเรื่องนี้คงปั่นกระแสต่อไปไม่ได้แล้ว และก้มหน้าลง
ฝ่ายประณามพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์
หลังจากนั้นก็ไม่มีการประท้วงอะไรในอาคารรัฐสภาและการดำเนินก็ดำเนินไปอย่างเงียบๆและเราก็สามารถถึงจุดสิ้นสุดได้
◆◇◆
หลังจากที่สมาชิกสภาออกไป จิฮัดเชิญไฮเป๋าและวิคเตอร์ไปที่สำนักงาน
「ท่านวิคเตอร์ ขอบคุณมากสำหรับเรื่องในครั้งนี้」
「ไม่หรอก ทั้งนี้อาจารย์ของชั้นและชั้นไม่ต้องการให้สถาบันนี้ไม่เสถียร ในกรณีนี้ ปัญหาต่างๆปรากฏขึ้นและมันอาจจะถูกประณาม แต่สมมติว่า ในแง่หนึ่ง พบว่ามีการปรับปรุงเพราะสิ่งสำคัญคือต่อจากนี้ไป」
ไฮเบ๋าพยักหน้าเล็กน้อยตามคำพูดของวิคเตอร์
อันที่จริงกษัตริย์ฟอร์ซิน่ายังกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ด้วย แม้ว่า อบิส จะปรากฏขึ้นแต่อาร์คาซัมที่ทำให้สับสนไม่ดีจะทำให้เกิดข้อเสียเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ กษัตริย์ฟอร์ซิน่าจึงเขียนจดหมายโดยใช้อำนาจของเขา
เพื่อขอบคุณวิคเตอร์และเจ้านายของเขา จิฮัดและไฮเป๋าโค้งคำนับอีกครั้ง
ที่สำคัญอย่าทิ้งปัญหาไว้อย่างที่เป็นอยู่
ฝ่ายสภาหลายคนยังคงประณามจิฮัด
10 ปีที่สถาบันโซลมินาติถูกสร้างขึ้นเพื่อศึกษาความน่ากลัวของอบิส จนป่านนี้ก็ได้เติบโตเพียงพอแล้ว แต่ต่อจากนี้ไปจะพบปัญหาต่างๆ
นั่นเป็นเหตุผลที่เราต้องการคนที่สามารถแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังและเปลี่ยนแปลงได้
ในแง่นั้นจิฮัดเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่ดี เขามีความตระหนักในตนเองในฐานะอัศวินและไม่เคยเมินเฉยต่อความผิดพลาดของเขาเอง อย่างน้อยก็ยังดีกว่าสมาชิกที่ตะโกนใส่รัฐสภาก่อนหน้านี้
เขาเอาจริงเอาจังกับการละเว้นแก่ทุกคน เขาฟื้นสภาพได้อย่างรวดเร็วและจับสายลับของแต่ละประเทศที่ซ่อนตัวในอาร์คาซัม
พวกเรายังคงคาดหวังในอนาคต แม้แต่วิคเตอร์ก็ไม่สามารถปล่อยให้พวกจิฮัดตกอับอยู่ที่นี่ได้
และวิคเตอร์ยังคงมีบางสิ่งที่จะยืนยัน
「ดังนั้นท่านจิฮัด เรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นก็ดี แต่จดหมายที่ได้รับบอกว่ามีคนอื่นที่อยากให้เห็น……」
อันที่จริงในจดหมายที่จิฮัดส่งถึงวิคเตอร์ผ่านซอนเน่มีเขียนไว้ว่ามีคนที่เขาต้องการพบด้วยตัวเอง
บุคคลนี้เป็นนักดาบที่เก่งกาจและเป็นนักเรียนที่มีแนวโน้มดี แต่ดูเหมือนจะติดสถานการณ์พิเศษบางอย่าง
และเหนือสิ่งอื่นใด ดูเหมือนว่าเขาเป็นนักเรียนชายที่รู้จักกับลูกสาวเขาดี
จดหมายไม่มีข้อมูลรายละเอียดอื่นใด วิคเตอร์จึงมาด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตาม เนื้อหาเดียวกันนี้เขียนขึ้นในจดหมายจากลูกสาวของเขาและในขณะเดียวกันเขาก็ได้รับความสนใจอย่างมาก
「ปรมาจารย์ด้านดาบหมายถึงนักเรียนที่เคยแลกดาบกับคุณที่ลานประลองงั้นเหรอ แน่นอนว่าประหลาดใจกับทักษะดาบที่ยอดเยี่ยมของเขา แต่คิดว่าคงมีอย่างอื่นอีกใช่ไหม?」
ไฮเป๋าแสดงความสนใจ เช่นเดียวกับวิคเตอร์
ราวกับว่าอ่านเจตนาของทั้งสอง จิฮัดพยักหน้าเล็กน้อยและมองไปรอบๆอย่างรวดเร็ว
หลังจากยืนยันว่าไม่มีใครอยู่รอบๆและไม่มีวี่แววของจิฮัด เขาจึงรีบเอาหน้าเข้าใกล้วิคเตอร์
「อืม ข้าคิดว่าน่าจะสามารถแสดงให้เห็นได้ในตอนเย็น ทั้งคู่ช่วยมาที่สำนักงานโดยไม่บอกเรื่องนี้กับใครได้ไหม?」
จิฮัดที่สร้างพยายามคุยกันแบบเงียบๆโดยไม่ให้ใครรู้
วิคเตอร์และไฮเบ๋าขมวดคิ้วด้วยความระแวดระวังที่น่ากลัวนั้น
「…เป็นเรื่องที่พูดไม่ได้งั้นเหรอ?」
จิฮัดเห็นด้วยกับคำพูดพึมพำของวิคเตอร์
เมื่อมาถึงจุดนี้ทั้งสองก็เชื่อว่าสถานการณ์เร่งด่วนกว่าที่คิดไว้
「ไม่เป็นไร เมื่อนั้นจะมาที่สำนักงาน」
วิคเตอร์และไฮเบ๋าลงมืออย่างรวดเร็วหลังจากถูกโน้มน้าวใจ
ทั้งสองตอบสั้นๆต่อจิฮัดและจากไปอย่างรวดเร็ว
ไม่ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น อย่างไรก็ตาม หากคุณดูสถานะของจิฮัด จินตนาการได้ว่ามันเป็นเรื่องราวที่ลับอย่างยิ่ง
คิดว่าอาจจำเป็นต้องปลอมตัว วิคเตอร์จึงมุ่งหน้าไปหามีนา ซึ่งรออยู่หน้าประตูหลักของสถาบัน
ปลายทางคือที่อยู่อาศัยของตระกูลฟรานซิสในอาร์คาซัม
มีหลายสิ่งที่ต้องทำ มีความจำเป็นต้องเตรียมการต่างๆจนกว่าจะถึงนัดหมาย
「อยากเห็นหน้าลูกสาวเร็วๆจัง……」
แม้ว่าจะมาจนถึงอาร์คาซัมแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นลูกสาวของเขาเลย
วิคเตอร์ถอนหายใจอย่างเสียใจในขณะที่ใบหน้าที่สง่างามของเขาบิดเบี้ยวด้วยความเสียใจ
◆◇◆
เม็กเลียที่กลับมาที่ห้องของเธอ มองไปข้างนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
รายงานที่เราได้รับจากจิฮัด เป็นความจริงที่ว่าไม่สามารถติดต่อกับสายลับภายใต้คำสั่งของเธอได้และคิดว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว
「แล้วสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?」
ชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นจากความมืดของห้องราวกับจะตอบคำถามของเม็กเลีย
เดิมทีชายคนนี้เป็นหนึ่งในสายลับที่เม็กเลียใช้สืบเรื่องราวในเมืองนี้และเป็นคนทำหน้าที่คอยบริการข้อมูล
เขาก้มศีรษะลงด้วยความอัปยศและพูดเกี่ยวกับสถานการณ์ในขณะที่พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
「ขอโทษด้วยนะครับ อยู่ดีๆที่ซ่อนของเราก็โดนทำลาย ไม่มีทางทำได้ง่ายๆเลยแท้ๆ……」
สายตาที่เฉียบคมของเม็กเลียจ้องไปที่ชายคนนั้นรายงาน
เสียงที่สั่นเครือของเขาจำความหวาดกลัวเมื่อรู้สึกทำงานล้มเหลวจนน่าอาย
ในทางกลับกันเม็กเลียมองไปทางเขาอย่างรวดเร็ว แต่ไม่นานก็หมดความสนใจและครุ่นคิด
「โดนซะแล้วสินะ ก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะทำลายกองกำลังนี้ได้อย่างรวดเร็ว ดูเหมือนจะประเมินต่ำไป……」
「……ถ้างั้นอยากจะได้แบบไหน?」
ลูกน้องคนนั้นพูดกับเม็กเลียด้วยท่าทีอับอาย
เม็กเลียยักไหล่ราวกับว่าช่วยไม่ได้และหายใจออกอย่างหนักเพื่อเปลี่ยนอารมณ์
「เดิมทีก็ไม่คิดว่าจะลดจำนวนของท่านจิฮัดลงได้อีกจากเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ปัจจุบัน แม้ว่าเราจะอยู่ต่อหน้าคู่ต่อสู้ เราก็ไร้ซึ่งทางต่อสู้ ดูเหมือนว่าจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเป็นต่อ」
เม็กเลียไม่คิดว่าเรื่องแค่นี้จะสามารถทำลายกลุ่มจิฮัดได้
มันคงจะดีกว่าถ้าเราสามารถรักษาพลังของเราไว้และลดพลังของคู่ต่อสู้ให้ได้มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ราคาที่เธอจ่ายไปในครั้งนี้ก็ถือว่ามากพอสมควร
พวกเขาสูญเสียเบี้ยของตัวเองเกือบทั้งหมดและกำลังต่อสู้ทั้งหมดที่ควรได้รับการดูแลก็ถูกบดขยี้
เห็นได้ชัดว่าเธอมีความเสียหายมากกว่า และตามจริงแล้วเธอไม่สามารถลงมือได้อย่างเต็มที่
ในทางกลับกันแม้ว่าพวกเขาจะพยายามเข้าไปแทรกแซงจากภายในเหมือนเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ค่ายจิฮัดได้เสริมความแข็งแกร่งกว่าเดิมอย่างสมบูรณ์ แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายจากภายใน
「แต่ว่าก็ไม่อยากอยู่เฉยๆเลยนะ」
เม็กเลียพูดคนเดียวและโยนเอกสารวางบนโต๊ะ
「นี่คือ……」
ลูกน้องหยิบเอกสารที่วางไว้บนโต๊ะ
“มันเป็นรายการที่ถูกคัดกรองมาแล้วใช่ไหม?” มันมีข้อมูลพื้นฐานเช่นเกรด ชื่อ และนักเรียนของสถาบันโซลมินาติ
「เป็นรายงานของนักเรียนที่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งก่อน ดูเหมือนว่าจะเป็นพวกน่าสนใจ」
「…………」
ลูกน้องจ้องมองเอกสารที่ส่งมาให้เขาอย่างเงียบๆ
ชื่อ ลักษณะ เกรด ที่มา และอีกมากมาย เขาต่างจดจ่อกับข้อมูลทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
「รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับนักเรียนคนนี้ นักเรียนทั้งสองที่มีอนาคตสดใส เอาทุกอย่างมาให้ฉัน」
「……ฮ่ะ」
หลังจากได้รับคำสั่งก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว
「……หมอนี่เองก็อาจจะใช้ได้ไม่นานควรจะมีตัวสำรองไว้ดีไหม」
เม็กเลียพูดคนเดียว
เธอมุ่งหน้าไปที่หน้าต่างห้องและยกมือขวาขึ้นเบาๆ
เธอกำมือแน่นแล้วเปิดออก
ในเวลาต่อมาขนนกสีดำก็กระพือปีกดังก้อง
นกสีดำตัวเล็กๆปรากฏขึ้นในมือของเธอ
ตรงกันข้ามกับรูปลักษณ์อันน่าเกลียด ดวงตาสีแดงเพลิงที่เหมือนแร่อนินทรีย์ของเธอทำให้รู้สึกประทับใจราวกับตุ๊กตา
เม็กเลียหยิบกระดาษแผ่นเล็กๆจากกระเป๋าแล้วม้วนไว้กับขาของนก
「“อีกาแห่งความตาย”รบกวนฝากสิ่งนี้ไปด้วย」
เมื่อบอกอีกาตัวเล็กที่เกาะอยู่บนมือของเธอ เม็กเลียเปิดหน้าต่างและปล่อยอีกาสีดำสู่ท้องฟ้า
อีกาสีดำตัวเล็กกระพือปีกเล็กๆของมันและหายไปในท้องฟ้าอันสดใส
「สิ่งมีชีวิตที่สามารถจัดการอบิสได้ ยังไงก็ต้องทำให้แน่ใจ……」
หลังจากเห็นอีกาบินไปแล้วเม็กเลียก็กลับไปที่ห้องของเธอที่มีแสงสลัว
รอยยิ้มอันน่าสยดสยองผุดขึ้นจากริมฝีปากของเธอ
กลับบ้านมาดึกแปลเสร็จก็ช้า ตอนก็ยาว