โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” – ตอนที่ 126

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

บทที่7ตอนที่10

หลังจากฟื้นได้ไม่นาน โนโซมุก็ออกจากโรงพยาบาลโดยไม่มีปัญหาอะไร

เขาสามารถออกจากโรงพยาบาลได้เร็วกว่าที่คิด เพราะไม่พบความผิดปกติใดๆของร่างกาย และการตรวจอย่างละเอียดก็ไม่พบปัญหา

ทันทีที่ออกจากโรงพยาบาล เพื่อนร่วมชั้นก็ปฏิบัติกับเขาเป็นอย่างดี เนื่องจากข่าวลือที่ว่าโนโซมุมีบทบาทในเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ได้แพร่สะบัด

โนโซมุออกจากโรงพยาบาลพร้อมกับได้รับการต้อนรับจากเพื่อนร่วมชั้น พร้อมกับการแสดงความยินดี

ระหว่างช่วงพัก พวกน้องๆปี1และ2ก็ต่างมาแสดงความยินดี

ข่าวลือที่เคนเผยแพร่เกี่ยวกับโนโซมุถูกกำจัดไปอย่างสิ้นเชิงเนื่องจากการต่อสู้ที่กล้าหาญของเขากับจิฮัดและความสำเร็จของเหตุการณ์ก่อนหน้านี้

หลังจากนั้นโนโซมุที่ออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ได้ไปฝึกขั้นพื้นฐานเพื่อฟื้นฟูร่างกายที่อ่อนแอ และได้รับบทเรียนเสริมจากอันริ

ชีวิตอันแสนยุ่งเหยิงหลังออกจากโรงพยาบาลได้เริ่มต้นขึ้น

ตื่นแต่เช้าเพื่อฝึก ไปเรียนตามปกติ และหลังเลิกเรียนก็ต้องมาเรียนเสริมกับอาจารย์อันริจนดึกดื่น

ด้วยความกระตือรือร้นเกี่ยวกับการเรียนเสริมของโนโซมุ อันริเลยถือโอกาสนี้ไปสอนที่หอพักชายในห้องของเขาเพื่อเป็นแนวทางการศึกษาที่มั่นคง

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองก็ถูกนินทาราวกับว่าห่วงกันจนเกินเหตุ พวกผู้ชายที่เห็นอาจารย์อันริเข้าห้องโนโซมุต่างก็ชิงชังและเกลียดโนโซมุ เพราะพาสาวเข้าห้อง

นักเรียนชายต่างพูดว่า“ขอคัดค้านขึ้นครู!”ไม่ก็“บทเรียนเสริมส่วนตัวทุกคนควรจะได้รับอย่างเท่าเทียม!”“อาจารย์อันริ สอนพิเศษให้ผมด้วยครับ!”เป็นต้น

 ผู้จัดการหอได้ระงับข้อพิพาทถกเถียงขนาดใหญ่และทุกคนก็ถูกบังคับให้นั่งตรงหน้าประตูหอพักตลอดทั้งคืน โดยมีเจ้าจิ้งจอกเป็นคนบงการ……。

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ชีวิตประจำวันของโนโซมุได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

นอกจากนี้โนโซมุยังได้รับคำเชิญจากนักเรียนจำนวนมากให้มาจัดปาร์ตี้สังสรรค์

เอลเดอร์และรุ่นน้องคนอื่นๆก็ขอคำแนะนำจากเขาและบอกตามตรงว่าสภาพแวดล้อมของโนโซมุเปลี่ยนไปอย่างมาก

เขาไม่ได้รังเกียจที่จะจัดปาร์ตี้ อย่างไรก็ตาม มันมีคนจำนวนเยอะเกินไป และไอริสแนะนำว่านักเรียนบางคนอาจจะบ่นได้หากพวกเขาไม่ได้ร่วมปาร์ตี้ด้วย ดังนั้นจึงตัดสินใจเลื่อนออกไปจนกว่าการเรียนเสริมจะจบลง

อย่างไรก็ตามการสอนนั้นง่ายใช้เวลาไม่นาน ดังนั้นช่วงพักกลางวันมักจะเล่าเรื่องประสบการณ์ในป่าให้ฟัง

ในบรรดารุ่งน้องที่มารวมตัวกัน ยังมีรุ่นน้องและเพื่อนร่วมชั้นที่ขอให้เขาสอนวิชาดาบให้พวกเขาด้วย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเอลเดอร์ที่เคยได้รับความช่วยเหลือจากโนโซมุ  

เมื่อทานอาหารกลางวันเสร็จก็จะมายื่นดาบไม้พร้อมพูดว่า「ได้โปรดชี้แนะด้วยครับ!」

บอกตามตรง เขาเองก็สับสน เขาไม่คิดว่าตัวเองเก่งในเรื่องการสอนคนอื่นเพราะไม่เคยมีประสบการณ์

นอกจากนี้ทักษะการใช้ดาบของโนโซมุนั้นโดดเด่น แต่ทักษะการใช้หอกและยิงธนูไม่ต่างจากคนทั่วไป

การเคลื่อนไหวของเขานั้นเข้ากันได้ดีกับสไตล์ดาบมิคางุระ ดังนั้นในตอนแรก โนโซมุจึงคิดปฏิเสธคำขอเหล่านั้นอย่างนุ่มนวล

อย่างไรก็ตามเพราะโดนถามทักท้วงบ่อยเข้า และมาร์เองก็บอกว่า ไม่ลองจับดาบของรุ่นน้องและพูดออกมาตามความรู้สึกของตัวเองล่ะ ในท้ายที่สุดช่วงว่างตอนพักกลาง ก็กลายเป็นการสอนวิชาดาบให้พวกเขาอย่างเหมาะสม

 

「เอาล่ะ รุ่นพี่โนโซมุ รบกวนด้วย!」

 

「ไม่หรอก ไม่เป็นไร แต่เอลเดอร์ช่วงนี้ดูแปลกๆไปนะ?」

 

「แน่นอน ! ก็มันมีโอกาสไม่มากที่จะได้ฝึกรับรุ่นพี่โนโซมุนี่ เลยตื่นเต้นนิดหน่อย!」

 

「งะ งั้นเหรอ……」

 

การฝึกเริ่มในช่วงพักกลางวัน

เอลเดอร์ยกโล่ขึ้นที่มือซ้ายถือดาบไม้ในมือขวา และหันไปมองโนโซมุด้วยแววตาเป็นประกาย

บรรยากาศแบบสุภาพบุรุษที่เขาเคยมีได้หายไป และตอนนี้เขาดูเป็นชายหนุ่มที่ร่าเริง

ในทางกลับกัน โนโซมุมีเพียงแค่ยิ้มแหยๆให้กับเอลเดอร์ที่กำลังคึกคัก

ท่าทางที่มองโนโซมุนั้นเปลี่ยนไป แต่การประเมินตนเองก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเป็นพิเศษ

อย่างไรก็ตามท่าทีนั้นไม่มีทางเปิดเผยอย่างแน่นอน

โนโซมุกำด้ามดาบคาตานะไว้อ่อนๆ ราวกับว่ากำลังจับไหมขัดฟัน แต่ร่างกายที่ผ่อนคลายระดับปานกลางก็ปลดปล่อยแรงขมขู่ราวกับพวกเสือดาว

ด้วยสีหน้างงงวยของเอลเดอร์ที่ยกระดับคิขึ้นมา

เอลเดอร์เข้าโจมตีโนโซมุโดยขณะที่เปิดใช้งานคิไปด้วย แต่ดูเหมือนว่าจะใช้คิไปอย่างเปล่าประโยชน์ไม่รักษามันเลย

ความแข็งแกร่งของโนโซมุจะเข้าใจได้ก็ต่อเมื่อเผชิญหน้ากับเขาอย่างเต็มที่เท่านั้น

เอลเดอร์สัมผัสได้ถึงปลายผมที่ร่วงโรย การหายใจของเขาที่ตื้นเขินและเร็วขึ้น

 

「……ลุยล่ะนะ!」

 

เอลเดอร์พูดออกมาขณะกั้นหายใจและพุ่งเข้าชาร์จใส่โนโซมุ

เขาซ่อนดาบมือเดียวไว้ทางด้านหลังขณะที่เอาโล่ดันเข้าข้างหน้าปิดช่องว่างอันรวดเร็วด้วยย่างก้าวใหญ่ๆ

ในทางกลับกันโนโซมุนั้นยืนนิ่งไม่ขยับแม้แต่น้อยขณะที่ถือดาบไม้ตรงไปข้างหน้า

สีหน้างุนงงจนถึงตอนนี้หายไปหมดแล้วและเขาก็จ้องมาที่โล่ที่กำลังเข้าใกล้อย่างชัดเจน

ขณะที่อำพรางการมองเห็นของโนโซมุด้วยโล่เอลเดอร์ก็ฟาดดาบไม้ด้วยมือขวาไปที่ไหล่ของคู่ต่อสู้

จากนั้น แก๊งค์ ! เสียงดาบไม้เข้าปะทะกันดังก้องไปทั่ว

ดาบไม้ของเอลเดอร์ที่ฟาดไปทางไหล่นั้นถูกปัดออก และร่างก็ไหลไปทางด้านข้างของโนโซมุ

ใช้โมเมนตัมที่โนโซมุได้ปัดการโจมตี เขาหันร่างไปรอบๆและฟาดเอลเดอร์ด้วยการหมุนตัว

 

「อึก!」

 

เอลเดอร์ยังคงหมุนร่างกายขณะที่เอาโล่ในมือซ้ายเข้ารับการโจมตี อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวนั้นค่อนข้างติดขัดไม่เหมือนโนโซมุ

เสียงหนักแน่นดังก้องขึ้นอีกครั้ง

เอลเดอร์พยายามสกัดการโจมตีของโนโซมุ แต่เขาเองก็มีท่าทีจริงจัง

 

「หืม ป้องกันได้งั้นเหรอเนี่ย」

 

ในทางกลับกันโนโซมุไม่ได้ตกใจเป็นพิเศษกับการที่ดาบของตัวเองโดนป้องกันไว้ได้

การสังเกต วิเคราะห์และตันสินการเคลื่อนไหวของเเอลเดอร์นั้นใช้เวลาน้อยกว่า 1วินาที

โนโซมุเอียงคอเล็กน้อย ในเวลาต่อมา ดาบไม้ของเอลเดอร์ที่ถูกปัดผ่านเฉี่ยวหน้าโนโซมุไปเพียง 1มม.

นอกจากนี้เอลเดอร์ยังฟาดดาบไม้ลงมาที่ส่วนบน

เข้าใจแล้วการโจมตีครั้งเดียวเป็นการโจมตีด้วยดาบที่มีน้ำหนักมาก อย่างไรก็ตาม การเชื่อมต่อของกระบวนท่ายังคงงุ่มง่ามอยู่

ถึงกระนั้น เขาก็สามารถไล่ตามและฟื้นท่าทางและปลดปล่อยการโจมตีที่ทรงพลัง ซึ่งแสดงถึงพลังทางกายภาพที่สูงส่งได้

ขณะที่โนโซมุพลิกดาบไม้ที่โดนกดไปทางด้านล่างก็คิดว่าจะจบการแข่งนี่ได้ยังไง

 

「ฮึก! โอวววววววววว!」

 

เอลเดอร์เริ่มใส่พลังไปที่ดาบไม้อย่างเต็มแรง

โนโซมุเองก็ถูกดันกลับ

แต่ดาบไม้ของเอลเดอร์ไม่สามารถแตะต้องตัวโนโซมุได้ มันเหมือนกับลื่นน้ำแข็งจนปัดป้องได้ง่าย

เมื่อเอลเดอร์ก้าวไปข้างหน้าเพื่อเสริมกำลังการรุกของเขาโนโซมุก็ขยับ

ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามก้าวไปข้างหน้า เขาก็ก้าวไปข้างหน้าและเข้าหาช่องว่างขอบดาบ

 

「อึก!」

 

เหมือนดั่งเคย เอลเดอร์พยายามหา

เขาใช้กำลังที่สะโพนและผลักขาออกไป ใช้ด้ามดาบเข้าไปในวงโคจรโล่ของเอลเดอร์แล้วเกี่ยวมันไว้

การเคลื่อนไหวของทั้งคู่หยุดลงพร้อมเสียงกระแทกอันรุนแรง

 

「หะ!?」

 

สายตาของพวกเขาสบกัน

ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะแสดงให้เห็น โนโซมุใช้ทั้งร่างกายเพื่อต้านความแข็งแกร่งทางกายภาพของเอลเดอร์ที่พยายามดึงโล่กลับ

ในความพยายามที่จะขัดขืน เอลเดอร์พยายามผลักโนโซมุออกไปด้วยกำลังทันที

 

「เอ๊ะ!」

 

เอลเดอร์เพิ่มแรงกดดันทั้งหมดในคราวเดียว พยายามฝืนสะบัดดาบโนโซมุที่ด้อยความสามารถกว่า

อย่างไรก็ตาม โนโซมุก็ผ่อนแรงในอ้อมแขนทันที

 

「ฮึก!」

 

ความสมดุลของเอลเดอร์ที่สูญเสียการทรงตัวได้พังทลายในทันใด

ในเวลาเดียวกันโนโซมุก็ใช้แรงของเอลเดอร์ผลักเขาเข้าไปอีกครั้งและเดินไปด้านข้างเอลเดอร์

ยิ่งไปกว่านั้นโนโซมุลดสะโพกต่ำลงและจับศีรษะกับสะโพกของเอลเดอร์เอาไว้ จากนั้นก็ยกร่างนั้นขึ้นมาเพื่อเหวี่ยงลง

 

「เออออออออ๋!」

 

ร่างของเอลเดอร์ซึ่งยังคงอยู่ภายใต้แรงหมุนกระทันหันพลิกไปครึ่งทางในอากาศราวกับตีลังกาไปด้านหน้าและกระแทกกับพื้น

 

「อ่อก!?」

 

นอกจากนี้โนโซมุยังจ่อดาบไม้ของเขาและพุ่งเข้าใส่เอลเดอร์ที่ล้มลงบนพื้น

ดาบไม้ของโนโซมุจ่อไปที่หัวของเอลเดอร์และก็ฟาดมัน ดัง ปั่ก

 

「โอ้ย โอ้ย โอ้ย……」

 

「จบแล้วนะ」

 

โนโซมุประกาศชัยชนะอยู่ตรงลานอันเงียบสงบ

วินาทีถัดมาผู้ชมที่กำลังดูก็ส่งเสียงชื่นชม

 

「ให้ช่วยไหม?」

 

「อืม ขอบคุณครับ……」

 

โนโซมุจับเอลเดอร์ ที่สูดหายใจแรงๆและปัดฝุ่นรอบๆตัวออก

 

「ดาบของเอลเดอร์คุงมีน้ำหนักเพียงพอสำหรับโจมตีแต่ละครั้ง แต่ว่าความเร็วในการโจมตีมันยังคงช้าอยู่ เป็นการดีที่จะตั้งสมาธิมากขึ้นใช้การประสานร่างกายให้ดีกว่านี้ สงสัยว่าตรงนั้นจะฝึกฝนได้รึเปล่านะ……」

 

「คะครับ……」

 

「นอกจากนี้ อย่างที่นายทราบดีโล่เป็นสิ่งที่ใช้งานได้หลากหลาย สามารถใช้กดดันและโจมตีก็ได้ ก่อนหน้านี้เองเอลเดอร์คุงก็ใช้โล่บดบังมุมมองศัตรูใช่ไหมล่ะ และซ่อนอาวุธที่ใช้โจมตี มันดีมากเลยนะ แต่ว่าต้องฝึกให้มีประสิทธิภาพกว่านี้」

 

「เข้าใจแล้วครับ」

 

โนโซมุบอกความประทับใจและให้ความเห็นอย่างตรงไปตรงมา

ในขณะนั้นเองเสียงกริ่งก็ดังขึ้นบอกสิ้นสุดช่วงเวลาพัก

นักเรียนโดยรอบที่ผ่านมาชมก็กลับไปห้องเรียนพร้อมๆกัน

หลังจากเอลเดอร์โค้งคำนับโนโซมุ เขากลับไปที่ห้องเรียนของปี 1 กับเพื่อนๆของเขาและโนโซมุก็มุ่งหน้าไปที่อาคารเรียนของปี 3 กับไอริสและคนอื่นๆ

ประมาณ 10 วันแล้วที่โนโซมุออกจากโรงพยาบาล นี่คือกิจวัตรประจำวันของโนโซมุ

 

「ว่าแต่วันนี้ได้เข้าป่าแล้วรึยัง?……」

 

「อ๋อ เรื่องนั้น……」

 

ระหว่างทางไปห้องเรียนไอริสพูดคำนั้นออกมา

อันที่จริงเมื่อเช้านี้โนโซมุได้รับข้อความจากอาจารย์อันริ

มันเกี่ยวกับบทเรียนเสริมที่เขาทำทุกวันตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล

 

“วันนี้เลื่อนการสอนพิเศษนะ พอดีว่ามีเรื่องพิเศษที่ต้องไปทำ เพราะงั้นไปที่ป่าด้วยเน้อ~!”

 

สถานที่กำหนดคือซากปรักหักพังกระท่อมของชิโนะนั่นเอง ดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มต้นที่นั่นรวมถึงพลังของดราก้อนสเลเยอร์ด้วย

เราไม่สามารถปล่อยให้เขาใช้พลังของเขาในสถาบันได้ ดังนั้นก็เลยจะต้องให้เขาไปฝึกใช้ในสถานที่ๆไม่ค่อยมีคน อย่างกระท่อมของอาจารย์เขา

 

「ไม่คิดเลยนะว่า สักวันจะต้องกลับมาอีก」

 

พลังของโนโซมุ ควบคุมการฝึกให้ดำเนินควบคู่ไปพร้อมกับวิเคราะห์โดยละเอียด

จิฮัดกำจัดหน่วยข่าวกรองที่แทรกซึมในอาร์คาซัมเสร็จแล้ว และตอนนี้มุ่งมั่นไปที่การฝึกอย่างจริงจังได้แล้ว

ลองคิดดู กระท่อมที่พังไปเพราะการโจมตีของมังกรแห่งความตายครั้งก่อน ไม่ได้รับการดูแลเลยแม้แต่น้อย

แม้ว่ามันจะกลายเป็นซากปรักหักพักในป่า มันอาจจะดีกว่าถ้าเราทำความสะอาดมันอย่างถูกต้อง

จะว่าไปตอนนี้เขายังไม่มีเวลาได้พูดคุยกับลิซ่าเลย

 

「ไอริส ลิซ่าเป็นยังไงบ้าง?」

 

「……พูดตามตรง เธอไม่ค่อยมีกระจิตกระใจจะทำอะไร แต่ก็ไม่มีใครกล้ามาต่อว่าเธอ ท้ายที่สุดการที่นายไม่ได้ต่อว่าอะไรเธอเลยก็ส่งผลให้ภาพรวมไม่อยากกล่าวโทษลิซ่าเช่นกัน」

 

เพราะว่ายุ่งมาก โนโซมุเลยไม่มีเวลาให้ตัวเองตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้คุยกับลิซ่าเลย

อย่างไรก็ตาม ตอนที่เขาหลับ ก็ได้ยินจากไอริสว่าลิซ่าใช้ชีวิตยังไง

มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นตอนที่โนโซมุหลับ แต่ตอนนี้โนโซมุก็ไม่ได้กล่าวโทษอะไรลิซ่าเลย ตอนนี้เลยไม่มีใครกล้าวิจารณ์ลิซ่าอยู่ในความสงบ

เขาอยากจะหาโอกาสพูดคุยกันให้ได้ในเร็วๆนี้ ขณะคิดถึงเรื่องนั้นโนโซมุก็รีบไปที่ห้องเรียน

เด็กสาวสองคนมองดูแผ่นหลังของเขาด้วยรูปลักษณ์ที่ซับซ้อน

◆◇◆

หลังเลิกเรียนโนโซมุไปเยี่ยมกระท่อมของอาจารย์กับเพื่อนๆ

จิฮัด อินด้า และอันริยืนอยู่หน้ากระท่อมที่ถล่มลงมาและเท้าของพวกเขาก็พบเครื่องมือที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน

 

「โนโซมุคุงงงงงง~! ทางนี้ ทางนี้~!」

 

「อาจารย์อันริ กรุณาเงียบเสียงด้วยค่ะ อย่าทำอะไรที่มันดึงดูดผู้คน……」

 

เหมือนเช่นเคย เสียงของอันริยังคงสดใส อารมณ์ดีสุดๆ

กลับกันทางอินด้าดูเหมือนกังวลว่าจะมีคนแอบมอง

 

「ไม่เป็นไรหรอกน้า~ไม่มีใครเข้ามาในป่าลึกแบบนี้หรอก อีกอย่างก็ตั้งบาเรียกันเสียงไว้เรียบร้อยแล้วด้วย~」

 

「ถึงจะแบบนั้นก็เถอะ……」

 

「ไม่เป็นไร โนโซมุคุงและคนอื่นๆก็มาด้วย อย่างที่อาจารย์อันริกล่าว ไม่น่าจะมีปัญหาหากสร้างบาเรียนกันไว้แล้ว แถมยังมีเครื่องมือช่วยอีก」

 

จิฮัดแทรกแซงระหว่างอาจารย์ทั้งสองที่แย้งกัน แม้แต่อินด้าที่กังวลก็พยักหน้ารับ

หลังจากยืนยันสถานการณ์ได้แล้ว โนโซมุร้องเรียกพวกจิฮัด

 

「ขอโทษทีนะครับที่มาช้า」

 

「ไม่ ไม่เป็นไรหรอก เพราะพวกเราต้องเตรียมพร้อมด้วยนะ」

 

ขณะพูดนั้น จิฮัดเหลือบมองเครื่องมือต่างๆที่วางไว้ตรงเท้า

เมื่อมองแวบแรก โนโซมุก็ไม่เข้าใจ

จิฮัดค่อยๆหันหลังและนั่งยองๆ และเริ่มค้นหาผ่านกองเครื่องมือ

 

「ขอโทษนะ แต่ว่าพร้อมแล้ว งั้นก่อนอื่นโนโซมุคุงไปหาอาจารย์อินด้าเลย」

 

「ฮะ เข้าใจแล้วครับ」

 

โนโซมุและคนอื่นๆต่างไปหาอินด้าขณะจ้องมองจิฮัดที่เริ่มง่วนกับงาน

 

「พร้อมไหม?」

 

「โนโซมุคุง~! ฝากตัวด้วยน้าา~!」

 

「ฮะ ฝากตัวด้วยเช่นกันครับ」

 

ต่างจากตอนที่เธอสอนอยู่ที่สถาบันอินด้าสวมชุดนักผจญภัย

เมื่อมองแวบแรก ดูเหมือนจะเป็นเสื้อผ้าที่เบาและบาง แต่พื้นผิวนั้นกลับดูหนาแน่นแถมยังมีผลในการเสริมพลังเวทย์ นอกจากนี้อินด้ายังถือคัมภีร์เล่มหนาๆอยู่ในมือของเธอ

อันริที่อยู่ข้างๆก็แต่งตัวด้วยชุดนักผจญภัยเช่นกัน และมีแส้ที่เธอชอบคาดไว้ที่เอว

ทุกครั้งที่อันริกระโดดโลดเต้นไปมา หน้าอกอันอวบอิ่มของเธอก็เด้งออกมาเบาๆ

โนโซมุพยายามเบือนสายตาหนีจากหน้าอกอันอวบอิ่มของอันริ

 

「มาดูความสามารถด้านเวทย์มนตร์ของโนโซมุอีกครั้ง ไอริสและคนอื่นๆจะเข้าร่วมด้วยไหม?」

 

「ได้งั้นเหรอคะ?」

 

「ได้สิ ทักษะของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน แต่การเปิดใช้งานและการบำรุงรักษาเวทย์นั้นเป็นพื้นฐานของพื้นฐาน แม้ในแง่ของการทบทวนก็จะมีความหมายในสิ่งที่ทำ ดังนั้นสามารถเข้าร่วมได้ ถ้าสมัครใจ」

 

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น เหล่าเพื่อนๆก็เข้าร่วมด้วย

โซเมียและมาร์ที่หวังจะปรับปรุงเรื่องความแม่นยำในการใช้พลังเวทย์ก็ฝึกกับโนโซมุ

ไอริสสร้างและคงสภาพกระสุนเวทย์จำนวนมากเพื่อปรับปรุงความสามารถในการปรับใช้ทันที ซีน่าเองก็ปลดปล่อยพลังเวทย์และพูดคุยกับภูติ และทอมตรวจสอบต้นไม้และดินรอบๆซากปรักหักพังของกระท่อมหยิบหนังสือออกมาจากกระเป๋าและนั่งอ่าน

และในขณะที่แต่ละคนมุ่งมั่นฝึกฝน ฟีโอและมิมูรุตัดสินใจเป็นผู้สังเกตการณ์ ทำให้เกิดความขุ่นเคืองจากรอบข้าง

 

「ตามที่ได้ยินมา ไม่มีพลังเวทย์เพียงพอที่จะใช้เวทย์ขั้นพื้นฐาน แต่จะชดเชยการขาดพลังเวทย์ด้วยสิ่งนี้」

 

อินด้าหยิบหินก้อนเล็กๆขนาดเล็บมือของเธอออกจากอกอย่างนุ่มนวล

หินสะท้อนแสงแดดส่องผ่านใบไม้และส่องเป็นสีขาวมหม่น

 

「นี่คือหินเวทย์?」

 

「อืม มันไม่ใช่หินเวทย์ที่มีราคาอะไรนักหรอก และมันเป็นเศษหินที่ไม่สามารถใช้ในการทดลองได้ แต่มันมีพลังเวทย์มากพอที่จะใช้เวทย์ขั้นพื้นฐาน โนโซมุคุงควบคุมพลังเวทย์ได้ไหม?」

 

「อืม แต่ว่าผมควบคุมพลังเวทย์ได้แค่ในร่างกายเท่านั้น เพราะว่าใช้เวทย์ไม่ได้ก็เลยทำเป็นแต่แบบนี้」

 

「ไม่เป็นไร มาเริ่มกันเลย มีหินเวทย์อยู่」

 

อินด้าวางหินเวทย์ลงบนฝ่ามือโนโซมุ

 

「หลังจากดึงพลังเวทย์ออกมาแล้ว ให้เริ่มร่ายเวทย์ต่อไป และสร้างวงเวทย์ในขณะจินตนาการถึงลูกบอลแห่งแสง」

 

ตามที่อินด้าพูด โนโซมุมุ่งความสนใจไปที่หินวิเศษที่วางอยู่บนฝ่ามือของเขา

ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านค่อยๆแผ่ซ่านจากจุดหนึ่งบนฝ่ามือไปทั่วทั้งร่างกาย

สหายก็หยุดมือครู่หนึ่งและดูอาการของโนโซมุ

 

「แบบนั้นแหละ แบบนั้นเลย……」

 

โนโซมุร่ายเวทย์ขณะที่รู้สึกถึงพลังเวทย์ที่ออกมาจากหินเวทย์

ขณะที่ร่ายเวทย์ไปพร้อมกับนึกภาพ ความร้อนที่แผ่ลงบนฝ่ามือก็เริ่มสะสม

ไม่นาน โนโซมุก็ลืมตาขึ้น

ลูกบอลแสงสีขาวสว่างไสวลอยอยู่ตรงหน้าเขา

 

「ในตอนนี้ ก็สามารถสร้างกระสุนเวทย์ได้แล้ว……」

 

「ก็เหมือยเปลวเทียน เหมือนมันจะหายไปเมื่อลมพัดมา……」

 

อย่างไรก็ตาม กระสุนเวทย์ที่โนโซมุสร้างมันเล็กเกินไป ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเศษหิน แต่ก็เป็นหินเวทย์ แต่สิ่งที่สามารถสร้างได้คือบอลเวทย์ที่เล็กกว่าปลาวนิ้วของเขา

พูดตรงๆเรียกได้ว่ามันคือแสงของหิ่งห้อยซึ่งกล่าวกันว่าเป็นแสงเพียงชั่วครู่

 

「ดูเหมือนว่าพลังเวทย์ส่วนใหญ่ใช้ไปหมดแล้ว คราวหน้าก็ลองเวทย์น้ำแข็ง」

 

ในทำนองเดียวกันคราวนี้ก็ลองสร้างเวทย์น้ำแข็ง

เหมือนอย่างที่ผ่านมา

การก่อตัวของบอลน้ำแข็งเกิดขึ้นอย่างช้าๆยืนยันการร่าย ส่วนผลลัพธ์

 

「คราวนี้ก็เหมือนลูกเห็บเหรอ……」

 

แทนที่จะเป็นกระสุนน้ำแข็ง แต่มันคล้ายกับน้ำแข็งใส

 

「อืม ลองคิดดู เคยมีแผงขายขนมแบบนี้มาก่อนด้วยละเน้อ นั่นมัน “น้ำแข็งใสใช่ม้า” ขายพร้อมน้ำผลไม้คั้น แต่ช่วงนี้มันร้อนจะอร่อยไหมอะ~」

 

「…………」

 

ความประทับใจที่ตรงไปตรงมาของมิมูรุแทงทะลุหน้าอกของโนโซมุราวกับลูกศร

จริงอยู่ว่าถ้ามองจากภายนอกจะดูน่าอร่อยกับน้ำหวานหรือน้ำผึ้ง แต่บอกตามตรง ไม่มีความสุขเลย

ยิ่งกว่านั้นโซเมียที่กำลังฝึกอยู่ก็สามารถสร้างบอลน้ำแข็งที่ขนาดพอๆกับหัวคนได้อย่างง่ายดาย สำหรับเด็กในวัยนี้ มันเป็นพลังเวทย์ที่วิเศษมาก

เธอมีความสามารถและขยันเหมือนกับพี่สาวของเธอ จึงเข้าใจว่าเธอสามารถสร้างมันได้

อย่างไรก็ตาม โนโซมุอยากจะร้องไห้เพราะเด็ก 11 ขวบดันสร้างเวทย์ได้ดีกว่าเขาเสียอีก

หลังจากนั้น เขาก็ลองหลายๆอย่างแต่ทุกอย่างก็น่าผิดหวัง

กระสุนลมเป็นลมอ่อนๆ กระสุนเพลิงที่เป็นเปลวเทียน การก่อตัวของหินก็กลายเป็นทราย

 

「ผลที่ตามมา พูดตามตรง นักเรียนทั่วไปของอีคอร์สใช้เวทย์ได้ดีกว่า」

 

「อึก!」

 

อินด้าประเมินแบบนั้น

การประเมินแบบตรงไปตรงมา แม้ว่าจะค่อนข้างพูดเบาๆแต่มันก็แทงทะลุอกโนโซมุ

 

「ในกรณีของโนโซมุคุง ปัญหาน่าจะอยู่ที่การสร้างวงเวทย์มากกว่าการควบคุม ดูเหมือนว่าโนโซมุจะไม่มีทักษะในการร่าย อาจเป็นเพราะไม่สามารถฝึกเวทมนตร์ได้ หรือบางทีอาจจะไร้ความสามารถ……」

 

เป็นความจริงที่โนโซมุไม่สามารถฝึกเวทย์ได้เลยจนถึงตอนนี้ เขาผ่านการทดสอบเวทย์ด้วยการสอบข้อเขียนแทน

อย่างไรก็ตามอาจกล่าวได้ว่านี่เป็นเหตุผลที่เขาทุ่มเทกับวิชาดาบ

 

「ในทางกลับกัน หากเป็นรูปแบบจะไม่มีปัญหาในระดับหนึ่ง หากสามารถชดเชยการขาดพลังเวทย์ แม้แต่ในรูปแบบขึ้นอยู่กับการฝึกของนาย ดังนั้นก็ควรจะสามารถใข้เวทย์ระดับกลางได้」

 

การร่ายเวทย์ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม เป็นความเห็นของอินด้าว่าจะไม่มีปัญหาใดๆเกี่ยวกับการก่อตัว

อาจเป็นเพราะรูปแบบนั้นอาศัยรูปแบบเวทย์เพื่อควบคุมคำร่าย ในกรณีนี้ หากเราสามารถทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับการขาดพลังเวทย์ โนโซมุก็สามารถใช้เวทย์ได้ตามปกติ

 

「ชดเชยการขาดพลังเวทย์……」

 

「วิธีการทั่วไปก็คือใช้หินเวทย์แบบนี้」

 

เป็นความจริงที่หินเวทย์เพื่อชดเชยการขาดพลังเวทย์เป็นวิธีที่สามารถเห็นได้ที่นี่และที่นั่นทั่วทั้งทวีป

ที่กล่าวว่าหินเวทย์มีราคาแพงโดยพื้นฐานแล้ว ไม่ใช่ว่าไม่มีเงินซื้อเลย แต่เมื่อพูดถึงของแพง โนโซมุจะไม่มีจ่าย

 

「งั้นเวทย์พิธีกรรมพอจะได้ไหม?」

 

สิ่งแรกที่โนโซมุนึกถึงก็คือเวทย์พิธีกรรม

มันเป็นเทคนิคที่ใช้พลังเวทย์จากรอบๆ นี้จากการชดเชยพลังเวทย์

อย่างไรก็ตาม ความคิดเห็นของโฯโซมุก็โดนปฏิเสธ

 

「มันคงเป็นไปไม่ได้สำหรับโนโซมุคุงคนปัจจุบัน มันอาศัยการควบคุมร่างกายเพื่อควบคุมการร่าย แต่แม้ว่านายจะขัดจังหวะมันแต่ก็ยังมีผลเสริมความแข็งแกร่งยังคงอยู่ และนายต้องเปลี่ยนจิตสำนึกไปยังการร่ายอื่นและควบคุมมันอย่างรวดเร็ว ถ้าเทียบกันก็เหมือนกับกระโดดใส่รถม้าที่วิ่งเต็มแรงเกิด」

 

การใช้เวทย์ไปพร้อมๆกันมันเป็นเทคนิคขั้นสูง

สิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งคือการคิดแบบคู่ขนาน มันเป็นสิ่งที่โนโซมุไม่เก่ง

 

「ในการต่อสู้จำลองกับจิฮัด โนโซมุคุงใช้เวทย์พิธีกรรมเพื่อสู้กับ “เขี้ยวยักษ์” แต่ในขณะนั้นก็ไม่สามารถควบคุมพลังเวทย์ของนายและได้รับบาดเจ็บจากบาดแผลฉีกขาด นั่นเป็นเพราะมีพลังเวทย์ส่วนเกินนั่นแหละ

โนโซมุคุงมีความมั่นใจในการควบคุมคำร่ายอื่นพร้อมๆกันรึเปล่า?」

 

「……ไม่มีเลยครับ」

 

ด้วยทักษะเวทย์ของโนโซมุซึ่งไม่ดีเท่ากับนักเรียนของอีคอร์ส ไม่มีทางที่เขาจะใช้เวทย์หลายๆอย่างพร้อมกัน

โนโซมุก้มไหล่ด้วยความผิดหวังและเปล่งเสียงหดหู่

 

「นั่นก็ขึ้นอยู่กับการฝึกในอนาคต สำหรับตอนนี้ให้เน้นไปที่การควบคุมเทคนิต ฉันคิดว่านายควรจะขึ้นอยู่กับการฝึกแบบนี้」

 

「เข้าใจแล้วครับ……」

 

「ดูเหมือนว่าอาจารย์จิฮัดจะพร้อมแล้ว เรามาเริ่มของจริงกันดีกว่า……」

 

「……ครับ」

 

เมื่อเปลี่ยนใจพวกเราก็ไปหาจิฮัด

อุปกรณ์ขนาดใหญ่ที่สามารถใช้มือได้ วงกลมเวทย์ซับซ้อนที่ถูกวาดบนพื้นเรียบ และด้านบนของวงกลมเวทย์นั้นมีหินสีสันสดใสห้าก้อนวางอยู่ในวงกลมที่มีศูนย์กลาง

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นเครื่องมือเวทย์บางอย่าง อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร

 

「มาปลดปล่อยพันธนาการและให้นายมาต่อสู้กับพวกเรา ฝั่งของข้าก็คือข้า อันริ และอินด้า เพื่อจะได้ยืนยันพลังของดราก้อนสเลเยอร์」

 

「เอ๊ะ 3 ต่อ 1!?」

 

โนโซมุส่งเสียงตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น

จิฮัดเป็นหนึ่งในแรงค์ S ที่มีไม่กี่คนในทวีป และอันริเองก็เป็นแรงค์ A เข้าใกล้ S  

โนโซมุไม่รู้ความแข็งแกร่งของอินด้ามากนัก แต่เป็นมือขวาของจิฮัดคงจะไม่อ่อนไปกว่าอันริ

การจัดการกับพวกเขาทั้งสามก็เหมือนกับเข้าหาไซคลอปส์โดยไม่มีอาวุธ

 

「เมื่อพิจารณาถึงตัวตนที่แท้จริงของนาย มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่รู้ว่าจะรับมือไหวไหม」

 

เมื่อนึกถึงความรู้สึกที่แท้จริงของโนโซมุ จิฮัดยิ้มออกมา

เมื่อได้ยินแบบนั้น โนโซมุก็อดไม่ได้ที่จะ「เอ่อ มันมากเกินพอเลยครับ……」

 

「ตอนนี้ มาเริ่มกันเลย」

 

จิฮัดละทิ้งความตั้งใจแท้จริงของโนโซมุและยกอุปกรณ์ขึ้นมา

ในช่วงเวลาถัดไปแสงเวทย์ก็ส่องสว่างวิ่งผ่านวงเวทย์ที่วาดขึ้นบนอุปกรณ์

ในเวลาเดียวกันหินห้าก้อนบนโต๊ะ เรียกว่าหินเกล็ดห้าก้อน ที่จิฮัดได้รับจากซอนเน่ก็เริ่มส่องแสงและสนามพลังก็ถูกสร้างขึ้น

 

「เครื่องมือเวทย์ที่ได้รับจากการสร้างบาเรีบปกปิด」

 

「นอกจากนี้ พวกเราจะสร้างบาเรียมากขึ้นไปอีกน้า~」

 

อันริขยายบาเรียที่สร้างขึ้นโดยเครื่องมือเวทย์

หลังจากวางบาเรียแล้ว เขาก็ดึงดาบยักษ์ “เขี้ยวใหญ่”ออกมา

บรรยากาศเย็นยะเยือกค่อยๆเคลื่อนออกมาจากร่างกายที่เหมือนป้อมปราการ

พวกอินด้าที่ยืนอยู่ด้านหลังก็เตรียมพร้อม อันริหยิบแส้ที่เธอชอบใช้วางมือเหนือหนังสือเวทย์ที่อินด้าถืออยู่

โนโซมุก้มตัวต่ำลงและวางมือลงบนด้ามดาบที่เขาถืออยู่

 

「เอ๋?」

 

อย่างไรก็ตามโนโซมุรู้สึกแปลกๆมันเป็นความรู้สึกแปลกๆที่เขามองข้ามไป

 

「โนโซมุคุง เป็นอะไรไปเหรอจ้า~?」

 

「เอ่อ คือว่า มันรู้สึกเหมือนมีบางอย่างไม่เข้ากัน……」

 

อันริร้องเรียกโนโซมุที่กำลังงุนงง

 

「เป็นเพราะว่าสร้างบาเรียที่แข็งแกร่งในครั้งนี้ เธอก็เลยรู้สึกถึงมันได้ พร้อมไหม มาเริ่มกันเลยดีกว่า」

 

「อะครับ!」

 

ในตอนนี้โนโซมุปล่อยความรู้สึกเหล่านั้นไปและจดจ่อกับตรงหน้า

 

「ไปกันเถอะ」

 

และแล้วการต่อสู้จำลองก็เริ่มขึ้น

อินด้าที่อยู่ด้านหลังก็เริ่มร่ายเวทย์

ทันใดนั้นบอลเพลิงขนาดใหญ่เท่าร่างกายท่อนบนก็ถูกยิงใส่โนโซมุ

โนโซมุกระโดดไปด้านข้างด้วยความตื่นตระหนกและออกจากที่นั้น

ทันใดนั้นบอลเพลิงก็ตกลงสู่พื้นแผดเผาพื้นดินด้วยเสียงคำราม ประกายไฟกระจายและคลื่นกระแทกทั่วทิศทาง

เมื่อถูกกลืนกินด้วยคลื่นกระแทก โฯโซมุก็กลิ้งไปบนพื้นและลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม อินด้าก็เตรียมชุดต่อไปแล้ว

 

「ฮ่าห์!」

 

เวทย์ของอินด้ายิงมาอีกครั้ง และโนโซมุก็ถูกกลืนไปกับแรงกระทบของบอลเพลิง

นอกจากนี้อินด้ายังใช้เวทย์อีกมากมายเช่น ระบำหอกน้ำแข็ง ระบำหอกสายฟ้า กระสุนลม

ความเร็วในการปรับใช้นั้นเทียบกับของไอริสได้เลย

 

「ว๊ากกกกกก!」

 

เสียงกรีดร้องของโนโซมุที่ถูกกระแสน้ำวนกลืนกินดังก้องอยู่ในซากปรักหักพัก

ภาพแปลกตาในแวบแรก อย่างไรก็ตาม จนกระทั่งเมื่อไม่กี่เดือนก่อนมันเป็นฉากที่เห็นได้ทุกวัน

อินด้าหยุดโจมตีหลังจากร่ายเวทย์ไปในระดับหนึ่ง

พื้นที่รอบๆโนโซมุมีฝุ่นมากมาย

 

「แค่ก แค่ก! โอ้ยฝุ่นเต็มไปหมด……」

 

จากฝุ่นควัน โนโซมุปรากฏตัวขณะที่คายสิ่งสกปรกที่เข้าปาก

 

「นี่ฉันโจมตีแบบจริงจังแล้วนะ แต่ไม่ได้รับความเสียหายเลย?」

 

「ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยเหรอ! มีเพียงแค่รอยขีดข่วนเท่านั้นเอง!」

 

「นักเรียนปกติโดนไปสองนัดก็ร่วงแล้วนะ」

 

「……อย่างไรก็ตาม ฉันเริ่มรู้สึกว่าไม่ต้องเกรงใจที่จะจัดแบบต่อเนื่องแล้วนะ?」

 

「ก็พอเข้าใจว่าทักษะทำให้แตกต่างจากนักเรียนคนอื่นๆ แต่การฝึกนี้เป็นการฝึกโดยสมมติสถานการณ์ที่นายไม่มีทางเลือกนอกจากใช้พลังนั้นนะ?」

 

「นั่นสินะครับ……」

 

แน่นอนว่าเป็นการฝึกเพื่อ ควบคุม “พลังมังกร” ที่โนโซมุได้รับมา และด้วยเหตุนี้จึงเตรียมสถานที่และศัตรูที่แข็งแกร่ง

การโจมตีก่อนหน้านี้น่าจะสร้างสถานการณ์บีบบังคับให้โนโซมุต้องปลดปล่อยมัน

 

「อึก……」

 

โนโซมุหายใจออกช้าๆและร่างกายก็ผ่อนคลายลง โซ่ที่มองไม่เห็นปรากฏขึ้น

โนโซมุคว้าโว่ไว้แน่น

 

「โนโซมุ ! ช่วยทำแบบจริงจังด้วย!」

 

「มันเป็นเวลานาน ! มาต่อสู้ด้วยความรู้สึกที่ว่าทุกคนกำลังแย่!」

 

「เวทย์ของอาจารย์อินด้าได้เน้นย้ำถึงปัญหา หากรักษาระยะห่างไม่ดีได้โดนกลืนกินแน่!」

 

「คุณโนโซมุ ขอให้โชคดี~!」

 

เพื่อนๆต่างส่งเสียงเชียร์

ความร้อนระอุผุดขึ้นใจกลางอก ปากของโนโซมุยิ้มออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ

จิตวิญญาณการต่อสู้ที่ตื่นขึ้น ตาของจิฮัดหรี่มองลงเป็นคำตอบ

 

「เข้ามา……」

 

ด้วยเสียงที่แน่วแน่ โนโซมุกระชากโซ่ที่มองไม่เห็นออกมาสุดกำลัง

ในเวลาต่อมาพร้อมกับเสียงกระจกที่แตกกระจายร่างของโนโซมุก็ระเบิดพลังไปทุกทิศทาง

 

ไม่มีเงินจะซื้อมาม่าแบ้ว

 

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

Status: Ongoing
สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท