บทที่ 7 ตอนที่14
เมื่อทานอาหารเสร็จแล้ว วิคเตอร์และโนโซมุก็ย้ายไปที่ห้องเสริมสวยพื่อพูดคุยเรื่องต่างๆ
อนึ่งมิมูรุที่โดนซีน่าและโนโซมุทำสลบก็ถูกไปพักที่อีกห้อง
อย่างไรก็ตาม เธอเองก็โกรธมากเพราะไม่ได้ทานอาหารหรูเหมือนคนอื่นๆ เลยเอาขนมส่วนที่เหลือของทุกคนไปกินจนหมด
เหนือสิ่งอื่นใด ในตอนนั้น สายตาของซีน่าที่จ้องไปทานน้ำแข็งใส แต่ก็ต้องยกมือยอมแพ้เพราะสิ่งที่ตัวเองทำ
อนึ่งอาหารจำพวกเนื้อนั้นไม่เหลือเลยแม้แต่น้อย
โนโซมุกำลังมองดูสภาพของเพื่อนๆขณะที่นั่งดื่มชา
ไอริสดิน่าและโซเมียยังคงพูดคุยกับวิคเตอร์ต่อเพราะไม่ได้ติดต่อกันมาหลายปีแล้ว เลยมีเรื่องอยากพูดเป็นภูเขา
มาร์เองก็เริ่มคุยกับทิม่า ทอมและซีน่าก็เตรียมตัวสำหรับเวทมนตร์
จากเนื้อหาของการสนทนากันแล้ว ดูเหมือนจะเกี่ยวกับเรื่องการควบคุมพลังเวทย์ บางทีอาจจะคุยเรื่องวิธีที่ทำให้มาร์คุมพลังเวทย์แบบผสานของเขาได้
มาร์และทอมเคยคุยกันครั้งคราวเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ด้านเวทมนตร์ แต่โนโซมุรู้สึกว่าพวกเขาเริ่มสนิทกันมากขึ้น
ฟีโอที่นั่งอยู่ข้างในจ้องมองท้องฟ้าพร้อมกับพุงกาง กำลังทำสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุข
เพียงแต่บางครั้งก็พูดว่า “ไม่มีอะไรให้ทำอีกแล้วชีวิตนี้” และทำท่าเหมือนวิญญาณจะหลุดออกจากร่างได้ทุกเมื่อ
ช่วงเวลาที่เงียบสงบผ่านไปได้ไม่นาน
เมื่อรู้ตัวอีกทีชาในถ้วยก็หมดลงเสียแล้ว
「โนโซมุ」
เมื่อวางถ้วยชาเปล่าๆลง ไอริสดิน่าก็เดินเข้ามาคุยกับเขา
「อา ไอริสได้คุยกับคุณวิคเตอร์บ้างรึยังครับ?」
「อืม ได้พูดคุยกันพอควรแล้วค่ะ ท่านพ่อเองก็บอกว่าจะมาพักที่เมืองนี้ระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้นพวกเราในตอนนี้น่าจะมีเวลาได้คุยกันอีกเยอะเลยค่ะ」
หากสังเกตดีๆจะพบว่าวิคเตอร์ไม่ได้อยู่ในห้องเสริมสวยอีกต่อไปแล้ว น่าจะกลับไปที่ห้องนั่งเล่น(TN:หรือควรจะใช้ซาลอนดี?)
บางทีเขาอาจจะไม่สนใจเรื่องแบบนี้เลยกลับไปที่ห้องรับแขกอีกครั้ง
แม้ว่าจะไม่กว้างเท่าห้องรับประทานอาหาร แต่ห้องรับแขกนั้นมีขนาดประมาณ 20 เมตรซึ่งก็สวยงามมาก
ภาพที่ตกแต่งผนังและโต๊ะที่ดูหรูหรา
มีการแกะสลักที่ดูสวยงามบนพนักผิงอีกด้วย
งานทุกชิ้นเป็นงานฝีมือชั้นนำจึงสามารถเข้าใจได้โดยง่ายแม้จะไม่รู้ก็ตาม
「ถึงแบบนั้นก็เถอะ ยังคงใหญ่จนน่าตกใจเลยนะครับคฤหาสน์นี้ เป็นเรื่องแปลกมากเลยนะครับที่ไอริสสร้างคฤหาสน์ขนาดนี้เพื่อไปสถาบันโซลมินาติ……」
「ดิฉันเองก็ได้ยินมาว่าการใช้ชีวิตในหอพักเองก็ไม่เลว แต่ฉันต้องตอบรับความคาดหวังของท่านพ่อและเรียนพิเศษอยู่เสมอๆ นอกจากนี้หลังจากโซเมียเรียนจบแล้วพวกเราก็จะบริจาคบ้านหลังนี้ให้เป็นสถานบันเรียนพิเศษค่ะ」
โนโซมุเบิกตากว้างทันทีที่เธอบอกว่าจะบริจาคบ้านหลังนี้
นอกจากนี้ ไอริส ยังบริจาคคฤหาสน์ด้วยความรู้สึกที่ว่าปล่อยของที่ไม่ใช้แล้วให้คนยากไร้ ชีวิตของเธอช่างแตกต่างจากพวกเราจริงๆ
「จะบริจาคง่ายๆแบบนั้นเลยเหรอครับ?」
「ทั้งฉันและท่านพ่อไม่มีเหตุผลจำเป็นต้องยึดติดกับมันค่ะ นอกจากนี้หากมีสถาบันสอนพิเศษเพิ่มมากขึ้น สถานศึกษาของเรานั้นเริ่มมีพื้นที่ไม่เพียงพอ แถมบ้านของดิฉันเองก็กว้างมาก จะช่วยอำนวยความสะดวกได้หลายๆอย่าง แถมจะดึงดูดคนจากอาณาจักรเพื่อนบ้านได้」
เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสำหรับไอริส
แน่นอนว่าการเก็บคฤหาสน์หรูโดยไม่ใช้ มันย่อมมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก
เพราะแบบนั้นการบริจาคจึงถือเป็นทางออกที่ดีที่สุด มากกว่าจะรักษาอิทธิพลของตระกูลฟรานซิสและรัฐฟอร์ซิน่า และการโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้แต่ละอาณาจักรก็ได้รับการปรึกษาจากทางสถาบันแล้ว
「หากบริจาคให้กับทางสถาบัน บ้านพักอาจจะถูกทำลายเพื่อสร้างใหม่ ตอนช่วงนั้นฉันเองก็ต้องไปอาศัยอยู่ที่หอพักเป็นการชั่วคราว พอคิดแบบนั้นก็จใจหายนิดหน่อยค่ะ……」
โนโซมุคิดว่า “ไม่ คฤหาสน์นี่มันไม่ใช่บ้านพักชั่วคราว แต่มันคือบ้านจริงๆ” แต่ว่าเขาก็อุบเอาไว้
หากคิดว่าบ้านนี่เป็นแค่บ้านพักชั่วคราว บ้านจริงๆของตระกูลฟรานซิสจะใหญ่เพียงใด
ในสมองของโนโซมุมีปราสาทสีขาวล้อมรอบด้วยกำแพง แต่มันก็คงไม่ผิดจากนั้นแน่ๆ
「ไอริส เธอบอกว่าเสียดายคฤหาสน์หลังนี้ แต่แล้วทำไมถึงบริจาคล่ะ?」
「อืมมมมม นั่นสินะคะ……」
โนโซมุเองก็ได้แต่งุนงงกับท่าทางของไอริส
ในขณะที่ไอริสมองโนโซมุแอบมองเขาด้วยปลายสายตา เธอก็ทำหน้าอายๆออกมา
「อืม แล้วโนโซมุล่ะ ถ้าเรียนจบแล้วคิดจะทำอะไรงั้นเหรอคะ?」
「……อืม ถ้าให้ผมพูดตามตรง มันเป็นความจริงรึเปล่าที่ไอริสจะตัดสินใจเข้าร่วมกลุ่มอัศวินน่ะ?」
「อาา ฉันอยากจะเข้าหน่วยอัศวินเพื่อช่วยเหลือผู้คนให้มากที่สุด นอกจากนี้……」
ไอริสเหลือบไปมองอีกครั้งพร้อมกับทำหน้าตางงๆ
โดยปกติแล้วเธอจะแสดงท่าทีสงบโนโซมุที่เห็นเช่นนั้นก็เข้าใจได้
「โซเมียจังสินะ?」
「อืม อืม ใช่แล้วล่ะต่อหน้าน้องสาวของฉัน ฉันเองก็อยากเป็นพี่สาวที่เป็นตัวอย่างที่ดีให้เธอ」
ไอริสเอ่อชื่อโซเมียอย่างลังเลเล็กน้อย
โดยปกติแล้วท่าทางของเธอจะสงบ แต่พอเป็นเรื่องของน้องสาวเธอก็ทำตัวว้าวุ่นบอกไม่ถูก
「โนโซมุไม่มีพี่น้องงั้นเหรอคะ?」
「อืม ผมเป็นลูกคนเดียวน่ะ」
「แถมทางครอบครัวก็คัดค้านหัวชนฝาเรื่องมาเรียนที่สถาบันโซลมินาติบ่อยๆด้วยสินะคะ」
「ครับ ก็ตามนั้นเลยโดยเฉพาะพ่อนี่ค้านหัวชนฝาถ้ายังอยู่ต่อสักวันได้ซัดกันแน่ๆล่ะ」
โนโซมุนึกถึงพ่อเขาขณะที่ยิ้มอย่างขมขื่น
พ่อหัวรั้นที่พยายามจะเลี้ยงดูเขาด้วยการทำนาเพียงอย่างเดียว
แม้ว่าผมจะพยายามขอมาเข้าเรียนที่นี่ แต่ก็ทำหน้าเหมือนกลืนแมลงเข้าปากไป 100 ตัว
「พ่อของไอริสดูจะเป็นคนดีมากเลยนะครับ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากันตรงๆแล้ว พูดตามตรงผมเองก็ประหม่า……」
「เพราะรูปลักษณ์ภายนอกของท่านพ่อที่ชอบทำหน้าบึ้งตึงนั่นแหละค่ะ แต่ภายในแล้วค่อนข้างเป็นคนตรงไปตรงมาและร่าเริง ต่อให้เผชิญกับปัญหา……」
「เอ๋..งั้นเหรอครับ」
ถึงจะบอกว่าตรงไปตรงมา แต่โนโซมุก็คิดว่าดูไม่เข้ากับบุคลิกเจ้าตัวเลย
แม้จะดูไม่ได้เข้มงวดขนาดนั้น แต่ก็มีความสง่างามจนจะบอกว่าเป็นคนจริงใจ
เป็นตัวตนที่สร้างขึ้นมาราวกับจะต้องให้ทุกคนคุกเข่ายอมรับ
โนโซมุยังคงเชื่อมั่นในความรู้สึกของตัวเอง
เช่นเดียวกับเรื่องที่เรียกว่าที่นี่ว่า “ที่พักชั่วคราว” เพราะสภาพแวดล้อมเราต่างกันเกินไป
「……โนโซมุ อย่าบอกนะคะว่ากำลังคิดเรื่องเสียมารยาทอยู่น่ะ?」
「……ไม่ ไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะครับ?」
เหมือนกับอ่านความคิดของโนโซมุได้ ไอริสเดินเข้ามาจ้องหน้าด้วยความสงสัย
「โนโซมุเองก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยนะคะกับเรื่องแบบนี้……」
「เอ๊ะ?」
ไอริสนั้นรู้ดีว่าสภาพแวดล้อมของเธอต่างกับเขา แต่เธอก็รู้สึกว่าเขานั้นเหนือกว่าในด้านวิชาดาบและทักษะเอาตัวรอด
วิชาดาบที่สามารถเผชิญหน้ากับจิฮัดได้ตรงๆ
ในฐานะที่ไอริสเฝ้าดูอยู่ตลอด เธอคิดว่าคงไม่สามารถเอาชนะเขาได้
แม้ว่าจะสามารถใช้เวทย์โจมตีจากระยะไกล แต่ก็ต้องโดนการโจมตีระยะไกลของเขาแน่นอน
เมื่อโนโซมุเริ่มตระหนักถึงตัวเองที่เติบโตขึ้น เขาก็ดึงพลังทุกอย่างออกมาใช้
ยามที่เขาได้เข้าใกล้ผู้ใด คนๆนั้นจะได้เห็นนรกของจริง
การโจมตีของเขาบอกตามตรงว่าเป็นการสังหารในดาบเดียวเลยด้วยซ้ำ
หากจะตอบโต้กับ “แฟนท่อม” ของโนโซมุในการต่อสู้มีแต่จะต้องใช้ “คืนจันทราคราส” ในการตอบโต้เขา
อย่างไรก็ตาม เธอเองก็ไม่สามารถสร้างคมดาบชั่วพริบตาได้แบบโนโซมุ และเมื่อเธอใช้ “คืนจันทราคราส” ก็จะไม่มีเวลาให้ร่ายเวทย์อื่น
แถมคมดาบที่โนโซมุสร้างยังเป็นคมดาบบริสุทธิ์ที่ตัดทุกสิ่งได้ หากเขาเข้าถึงตัวเธอได้เธอก็แพ้
「จริงๆแล้วอาจารย์ของโนโซมุสอนมายังไงเหรอคะ……」
「……อย่าให้ผมนึกถึงเธอสิ」
ไอริสถอนหายใจเล็กน้อยก่อนที่จะเห็นหน้าของโนโซมุถอดสีขึ้นมา
ท้ายที่สุดแล้ว ความแข็งแกร่งนั่นก็เกิดขึ้นจากความพยายามของตัวเอง ไอริสจ้องมองเขาที่ยืนกุมหัวทั้งๆแบบนั้น
「แต่ว่ารู้ไหมคะ รอบๆตัวโนโซมุน่ะเปลี่ยนไปมากอย่างสิ้นเชิง แต่โนโซมุน่ะไม่เปลี่ยนไปเลย……」
「สำหรับเรื่องอาจารย์นะครับ ผมจะเล่าให้ฟังว่าถ้าผมเผลอนิดเดียวเธอก็เอาศอกแรงๆกระแทกเข้าท้องผมทันที แถมยังโกรธเป็นฝืนเป็นไฟหากผมแย่งปลาเธอกินอีก แถมยังให้ผมเผชิญหน้ากับศัตรูร้อยตัวด้วยตัวคนเดียว บอกมาว่าถ้าทำไม่ได้ก็นอนตายให้พวกมันกินนั่นแหละ……」
ไอริสคิดอยู่สักพักขณะที่โนโซมุยังจมปลักกับความทรงจำอันเลวร้าย
ข่าวลือของโนโซมุที่ถูกเคน โนติสปลอมตัวได้หายไปจากทั่วทั้งสถาบัน นอกจากนี้ยังต้องสู้กับจิฮัดในทุกๆวัน แถมพลังของโนโซมุยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเขาในตอนนี้เป็นรุ่นพี่ที่ได้รับความนิยมจากรุ่นน้องอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม โนโซมุไม่ค่อยได้ใส่ใจกับความคิดเห็นของคนรอบข้างและไม่ถือตนข่มเจ้า ใช้ชีวิตประจำตามปกติ
สิ่งที่เขาสนใจก็มีเพียงแค่เพื่อนๆกับเหล่ารุ่นน้องที่มาขอคำปรึกษาในการต่อสู้
แน่นอนว่าโนโซมุในตอนนี้ไม่สนเรื่องชื่อเสียงเกียรติยศ
แม้ว่าเขาจะตระหนักได้ว่าตัวเองจะได้รับตำแหน่งที่เตรียมไว้ล่วงหน้า เขาก็ไม่มีท่าทีเปลี่ยนไป
แถมดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยเต็มใจที่จะรับมันเอาไว้ด้วย
ไอริสที่มีความสามารถในการสังเกตผู้คน นั้นเข้าใจได้ดีถึงตัวโนโซมุที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
เพราะตัวเขาที่เป็นแบบนั้นทำให้เธอหลงรักเขาอย่างช่วยไม่ได้
ความคิดที่อยากจะครอบครองเขารุนแรงขึ้นทุกวัน
อย่างไรก็ตาม สภาพของโนโซมุที่ต้องเจ็บปวดนั้น แค่เธอเห็นเธอก็รู้สึกเจ็บปวดตามไปด้วย
「โนโซมุ เคยคิดถึง……」
นี่ฉันพูดบ้าอะไรออกไป
ไอริสรีบกลืนคำพูดไปทันทีก่อนจะพูดออกไปจนหมด
เมื่อเหลือบมองสภาพโนโซมุที่กำลังกลัวตัวสั่น โนโซมุหายใจเข้าอย่างรุนแรงพร้อมกับแสดงท่าทีกระวนกระวาย ในที่สุดเขาก็เริ่มฟื้นตัวได้
「แฮ่ก แฮ่ก ไอริส เมื่อกี้ว่ายังไงเหรอครับ?」
คำพูดของเธอที่หลุดปากไป ดูเหมือนว่าโนโซมุจะไม่ได้ยิน
แต่ในขณะเดียวกันเธอก็ตระหนักถึงคำพูดที่ตัวเองเกือบหลุดออกไป ทันใดนั้นใบหน้าเธอก็แดงขึ้นมาทันที
พยายามกดแก้มที่เต่งตึงเพราะความอายอย่างเอาเป็นเอาตาย และแสร้งทำตัวปกติ
「……อา่โนโซมุแล้วเรื่องวิชาดาบใหม่ล่ะ」
「นี่ยังจะทำให้ผมทรมานยิ่งกว่าเดิมอีกงั้นเหรอครับ!?」
จิตใจที่คับแค้นที่ถูกปิดลงไปแล้ว ถูกไอริสที่เผลอหลุดปากพูดออกไปทำให้ชอกช้ำอีกครั้ง
โนโซมุที่กำลังเศร้ายังคงประท้วงต่อไอริส แต่ก็ยังทำตัวเหมือนเดิม
ไอริสที่กำลังอายเพราะความร้อนจากร่างกายที่พุ่งขึ้นสูงจากการทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในที่สุดทั้งสองก็ยิ้มให้กันและหัวเราะเบาๆ
「เอ่อ คืนนี้อากาศดีจังเนอะ……」
「ถ้าไอริสไม่ได้ตอกย้ำอดีตของผมมันก็คงจะดีจริงๆนั่นแหละครับ」
「อึก……」
ในขณะที่มองไปยังพระจันทร์ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า ทั้งสองก็ยืนอยู่อย่างมีความสุขกันชั่วขณะ
ในที่สุด ไอริสก็เริ่มจะทนไม่ไหวโอบกอดโนโซมุอย่างรวดเร็วและเข้าไปกอดแขนเขาอย่างเงียบๆ
ความรู้สึกอันนุ่มนิ่มแพร่กระจายไปทั่วทั้งแขนของโนโซมุ
「อะ ไอริส!?」
「เอาเถอะค่ะ ตอนนี้บรรยากาศกำลังดี……」
โนโซมุที่งุนงงที่จู่ๆไอริสก็เข้าจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว
อย่างไรก็ตามไอริสก้มหน้าลงและนึกถึงบางอย่างออก
「โนโซมุจำคำพูดตอนนั้นได้ไหมคะ」
「เอ๊ะ?」
「เอ๋ อย่าบอกนะคะว่า……」
คำพูดที่แสดงความจริงใจเพื่อห้ามตัวเขาที่กำลังร้อนรนในตอนนั้น
อยากจะสลักมันไว้ในใจเขาให้เขาจำได้ ไอริสไม่รู้จะทำยังไงจึงได้แต่แนบกายของเธอกับโนโซมุมากขึ้น
มากกว่านี้ มากกว่านี้ อยากจะใกล้ชิดเขา….
「ขอโทษนะทั้งสองคน」
「หวาาาาาาาาาาาาา!」
อย่างไรก็ตาม มีคนเข้ามาขัดจังหวะของเธอ
ไอริสละสายตาจากโนโซมุและหันไปมองเจ้าของเสียงที่เข้ามาขัดจังหวะ
「มะมะมะมะแม่นมมีธุระอะไร?」
คนที่อยู่ตรงนั้นคือแม่นม เธอกำลังมองมาทางไอริสด้วยสีหน้างงๆ ก่อนที่เธอจะเริ่มพูดธุระอย่างไม่ใส่ใจ
「ได้รับคำสั่งจากนายท่านให้เรียกโนโซมุไปเข้าพบค่ะ?」
「ท่านพ่อน่ะเหรอ?」
「ค่ะ ต้องขอบคุณเหตุการณ์หลายๆอย่างเกี่ยวกับตระกูลวาจาร์ต……」
(จำไม่ได้ว่าแปลไว้ว่าอะไรลืมใครนึกออกช่วยบอกทีตระกูลที่เข้ามาเพื่อเอาเตาหลอมวิญญาณของโซเมีย)
ค่อนข้างสมเหตุสมผล แต่มีคำพูดบางอย่างที่ติดใจไอริสอยู่
รายงานการโจมตีของตระกูลวาจาร์ตที่ไอริสส่งไปให้วิคเตอร์ ไม่ได้ระบุใจความที่จะสาวไปถึงความลับของโนโซมุ
ในเวลานั้น ไอริสเองก็ไม่รู้ถึงตัวตนของเทียแมต แต่เธอก็ไม่เต็มใจที่จะให้ใครรู้เรื่องนี้มากนัก
มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่ไอริสรายงานไปว่าจู่ๆเขาก็แข็งแกร่งขึ้น
ดังนั้นไม่ได้รายงานเรื่อง “ปลดพันธนาการ” ออกไปและได้แต่บอกว่าคอยเฝ้าดูฝีมือด้านวิชาดาบของเขาเท่านั้น
มันอาจจะกลายเป็นเรื่องเขียนที่เกินจริงไปสักหน่อยที่ไม่บอกถึงความสามารถแต่เขาเอาชนะด้วยวิชาดาบเพียวๆ แถมยังบอกอีกว่าทักษะของเขาเหนือกว่าไอริส ตอนนั้นเธอก็เน้นย้ำเนื้อความในจดหมายเป็นอย่างดีแล้ว
อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นวิคเตอร์คงจะเก่งในการสืบค้นข้อมูล กะอีแค่คำโกหกของลูกตัวเองเขาก็คงดูออกได้
การต่อสู้กับศัตรูแรงค์ S เดิมนั้นค่อนข้างจะยากอยู่แล้ว แต่ว่าการสู้พร้อมกับขับไล่ไปโดยไม่มีใครเสียชีวิตเลยต่างหากที่แปลก
ถ้าแบบนั้นวิคเตอร์อยากจะรู้ความลับของโนโซมุงั้นเหรอ
ไม่ มีความเป็นไปได้อื่นๆนอกจากนั้น
ประเด็นของโนโซมุไม่ได้ขาดตกบกพร่องแต่อย่างใด เช่น ข่าวลือที่แพร่กระจายในตอนนี้ ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นจาก เคน โนติส ที่ถูก อบิส กริฟ ใช้งาน และการสู้จำลองกับจิฮัด
สมองอันชาญฉลาดของเธอตั้งสมาธิได้ในไม่กี่วิ
อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุผลต่างๆนาๆไม่จำเป็นต้องไปคุยตัวต่อตัว
ไอริสคิดว่าโนโซมุเป็นคนเดียวที่ถูกเรียกเพราะงั้นต้องยืนยัน
「ถ้างั้นฉันจะไปด้วย ถ้าจะขอบคุณในเรื่องนั้นก็ต้องเรียกทุกๆคนไปด้วย」
「เกี่ยวกับท่านเหล่านั้นด้วย แน่นอนว่า นายท่านจะกล่าวขอบคุณด้วยตัวเอง วางใจได้ค่ะ」
ไอริสดิน่าคิดจะบอกว่ามีคนอื่นๆที่ช่วยในการต่อสู้
แต่ดูเหมือนว่าคำขอของไอริสจะถูกปฏิเสธ ไอริสเองก็ไม่มีเหตุผลต้องเถียงถ้าท่านพ่อจะแสดงความขอบคุณด้วยตัวเอง
ไอริสเงียบไปชั่วครู่ แต่โนโซมุก็เข้ามาขัด
「ทราบแล้วครับ ถ้างั้นคุณเมน่านำทางไปเลยครับ」
「โนโซมุ……」
「ขอโทษด้วยนะที่ยังคุยกันไม่เสร็จเดี๋ยวกลับมา」
โนโซมุเดินตามเมน่าไปและออกจากห้อง
ไอริสมองแผ่นหลังของเขาด้วยดวงตาที่สั่นไหว
ทันใดนั้นโนโซมุก็กลับมายิ้มให้ไอริสเหมือนนึกขึ้นได้
「……และก็ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง」
โนโซมุกล่าวเช่นนั้นพร้อมกับยิ้มให้เธอ
「ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ดูเหมือนว่าไอริสดินาจะไม่ออกตัวแรง เพราะเป็นการสัมภาษณ์แบบสามฝ่าย」
เนื่องจากรู้ความคิดแล้ว จึงกล้าพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ
ไม่รู้หรอกนะว่าวิคเตอร์ต้องการอะไร โนโซมุเองก็ไม่ได้กังวล
และโนโซมุก็ออกจากห้องเสริมสวยไปพร้อมกับเมน่า
ไอริสที่อยู่จ้องมองปลายทางเดินที่เขาจากไปอย่างรวดเร็ว
「โนโซมุ ความรู้สึกของนายน่ะ……」
คำพูดที่เกือบจะพูดออกไปได้หลุดปากมาอีกครั้ง
สิ่งที่ผุดเข้ามาในหัวของไอริสคือภาพของลิซ่าที่เข้ามาเป็นห่วงโนโซมุเพราะความรู้สึกผิด
เมื่อโนโซมุยังอยู่ในอาการโคม่า ไอริสก็กระวนกระวายกับสภาพของโนโซมุที่นอนเป็นผัก ขณะที่ลิซ่าได้แต่บอกความในใจของเธออย่างไม่ลดละ
อย่างไรก็ตาม คำพูดนั้นมันควรจะออกมาจากปากของโนโซมุเองเสียมากกว่า ไม่ใช่คำพูดอันไร้เหตุผลที่เธอทำตัวต่อเขาแบบนั้น
คำพูดของลิซ่าไม่มีน้ำหนักพอที่จะให้โนโซมุรับฟัง เธอยังคงละอายใจต่อพฤติกรรมอันโง่เขลาของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ ฉันเองก็ยังไม่กล้าสารภาพต่อโนโซมุและฉันเองก็ไม่ให้อภัยลิซ่า
ความรู้สึกอายที่ไม่กล้าพูดออกไปและความรู้สึกหึงหวงเขาจากการที่ลิซ่าเริ่มกลับมารุกเข้าหาเขา
ไอริสกอดแขนของตัวเองอย่างเจ็บปวดด้วยความรักที่เธอมีต่อโนโซมุ ลิซ่าที่กลับมาหาโนโซมุ และสิ่งที่ลิซ่าทำลงไป
ความร้อนของโนโซมุที่ยังอยู่ในแขนของเธอ เป็นความอบอุ่นเดียวที่คลายความกังวลใจของเธอได้