โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” – ตอนที่ 131

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

 

บทที่7ตอนที่15

เมน่านำทางโนโซมุไปยังห้องที่ดูหรูหราเป็นพิเศษ

 

ตามคำบอกเล่าของเหล่าเมดวัยกลางคนที่พาพวกเราดูรอบๆ ดูเหมือนนี่จะเป็นห้องรับแขกที่ถูกเก็บไว้

 

โนโซมุเองก็เคยอยู่ในคฤหาสน์นี้ครั้งหนึ่ง แต่ประตูตรงหน้าเขามันแข็งแรงมั่นคงมาก

 

 

 

「นายท่านดิฉันพาเขามาแล้วค่ะ」

 

 

 

เมน่าที่นำทางโนโซมุมาตลอดทางนี้ จู่ๆก็เคาะประตู

 

 

 

「อืม เชิญเข้ามาได้」

 

 

 

เพื่อตอบสนองต่อนายท่านของเธอจึงเปิดประตูห้องอย่างช้าๆ

 

เมื่อโนโซมุเดินผ่านสิ่งที่ดูดึงดูดสายตาคือห้องขนาดใหญ่ที่เหมาะกับประตู

 

อย่างไรก็ตามเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งด้วยสีโทนอ่อนเช่นสีขาว ให้ความรู้สึกโมเดิร์น

 

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ดึงดูดโนโซมุมากที่สุดก็ไม่พ้นวิคเตอร์กำลังชงชาอยู่ที่มุมห้อง

 

 

 

「อะ เอ่อ..คือว่า?」

 

 

 

「โนโซมุคุง ต้องขอโทษด้วยแต่ว่าช่วยรอสักนิดชาใกล้จะพร้อมแล้วล่ะ」

 

 

 

「ถ้างั้นเชิญนั่งพักที่โซฟาทางด้านนี้ด้วยค่ะ」

 

 

 

โนโซมุนั่งลงบนโซฟาที่โดนเมน่าบอกให้เขานั่งลง

 

หลังจากที่เมน่านำทางโนโซมุเสร็จแล้ว เธอก็หายตัวไปทางด้านหลังห้อง และดูเหมือนว่าวิคเตอร์จะไม่สนใจท่าทางลำบากลำบนใจของโนโซมุเลย  

 

เทน้ำร้อนลงในกาน้ำชาและถ้วย

 

จากนั้นก็ใส่ใบชาลงในกาน้ำชาแล้วเทน้ำร้อนจากตำแหน่งที่สูงขึ้นเล็กน้อย

 

วิคเตอร์ดูพอใจเมื่อใบชาที่แหวกว่ายอยู่ในกาน้ำชา

 

ในที่สุดวิคเตอร์ก็เริ่มเทชาลงในถ้วยชา

 

โนโซมุไม่รู้รายละเอียดด้านการชงชา แต่การเคลื่อนไหวเขาดูซับซ้อนมาก

 

เมื่อวิคเตอร์ชงชาเสร็จแล้ว เมน่าก็ปรากฏตัวขึ้นจากด้านหลังพร้อมกับถือถาดกลม ถาดนั้นเต็มไปด้วยคุกกี้และขนมหวานอื่นๆ

 

 

 

「ขอโทษด้วยนะที่เรียกเจ้ามาในเวลาแบบนี้ พอดีอยากจะคุยกันแบบตัวต่อตัวน่ะ」

 

 

 

「ด้วยความยินดีครับ……」

 

 

 

「ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องทางการนักก็ได้ ตอนนี้ช่วยคุยกันเหมือนเพื่อนปกติเถอะ」

 

 

 

วิคเตอร์วางถ้วยชาไว้ข้างหน้าโนโซมุและตัวเขาเอง จากนั้นเมน่าก็เอาขนมมาวางตรงหน้าพวกเขา

 

ตามการกระตุ้นของวิคเตอร์ โนโซมุก็จิบชา

 

กลิ่นหอมเข้นข้นกระจายไปทั่วปาก พูดตามตรง โนโซมุรู้สึกว่ารสชาติดีกว่าชาที่เขาดื่มเมื่อก่อน

 

 

 

「มันเป็นความสุขเล็กๆน้อยๆที่ข้าทำขึ้นมา ภูมิใจที่มีฝีมือดีถึงแม้หน้าตาจะดูโหดๆก็เถอะนะ……」

 

 

 

「ศักดิ์ศรีของนายท่านควรจะปล่อยให้เหล่าเมดได้ทำหน้าที่นะคะ……」

 

 

 

「อ้าว แหมพูดแบบนี้ตอนข้าคั่วเมล็ดกาแฟข้าก็ทำได้ดีกว่าไม่ใช่รึ」

 

 

 

คำพูดของวิคเตอร์ทำให้เมน่าทำหน้าตาน่ากลัว ขณะที่เขามองเธออย่างสนุกสนาน

 

 

 

「……อย่างไรก็ตามเรื่องที่คุยก็ไม่พ้นเรื่องที่ช่วยลูกสาวของนายท่านเอาไว้」

 

 

 

「ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรทั้งนั้นแหละ นอกจากนี้โนโซมุยังเป็นแขกคนพิเศษของข้า ข้าจะชงชาต้อนรับแขกหน่อยไม่ได้เหรอไง?」

 

 

 

การที่เขาล้อเลียนคนอื่นด้วยรอยยิ้มแบบนี้ทำให้นึกถึงไอริสเลย

 

เข้าใจแล้วว่าทำไมไอริสถึงบอกว่าท่านพ่อมีนิสัยขี้เล่น

 

 

 

「แกล้งเมน่าก็สนุกดีอยู่หรอก แต่หากหนักกว่านี้ข้าได้โดนดีแน่ ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ เป็นเรื่องข้อตกลงลับๆระหว่างตระกูลฟรานซิสกับตระกูลวาจารต์」

 

 

 

ตามที่คาดไว้ โนโซมุปรับท่าทางให้ตรงและจดจ่อกับคำพูดของวิคเตอร์

 

 

 

「ไม่แปลกใจเลยเมื่อทราบสถานการณ์ในจดหมายจากลูกสาวของข้า ตัวข้าเองก็ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องราวนี้เช่นกัน แต่หลังจากค้นคว้าประวัติหัวหน้าตระกูลของข้าแล้วก็พบว่ามีข้อตกลงแบบนั้นจริงๆ」

 

 

 

ตามที่วิคเตอร์กล่าวไว้ ข้อตกลงนั้นถูกส่งต่อกันต่อหัวหน้าตระกูลฟรานซิส

 

อย่างไรก็ตาม ปู่ของวิคเตอร์เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ ก่อนที่จะได้ส่งต่อความลับของตระกูลให้กับรุ่นของเขา ดังนั้นก็เลยไม่ทราบเรื่องราว จนสุดท้ายก็เป็นตระกูลวาจาร์ตเลยมาทวงข้อตกลง

 

ในท้ายที่สุด สนธิสัญญานั่นก็ไม่ได้ถูกส่งต่อเพราะปู่ที่ตายด้วยอุบัติเหตุ และดูเหมือนว่าจะไปเจอสนธิสัญญามาจากข้าวของส่วนตัวของปู่เขา

 

 

 

「เธอคนนั้นคือสมบัติชิ้นสุดท้ายของภรรยาข้า เมื่อพวกเขารู้ข้อตกลงลับนี้ พวกข้าก็โกรธมากที่บรรพบุรุษเลี้ยงดูลูกหลานเพื่อส่งต่อเจ้านั่น……」

 

 

 

สีหน้าของวิคเตอร์ที่ยิ้มอย่างเป็นมิตรมาจนถึงตอนนี้ กลับกลายเป็นความโกรธ

 

อย่างไรก็ตาม สีหน้าของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความลึกลับ และเขาก็มองตรงเข้าไปในตาของโนโซมุ

 

 

 

「ในจดหมายจากไอริสดิน่า มีบางอย่างเกี่ยวกับพวกนาย ชีวิตของลูกสาวได้ถูกช่วยเอาไว้ตอนที่วิญญาณจะถูกเอาออกจากร่าง

 

 ข้าเองก็รู้สึกขอบคุณไม่เพียงในฐานะหัวหน้าตระกูลฟรานซิสเท่านั้น แต่ยังรู้สึกขอบคุณในฐานะคนเป็นพ่อด้วย……」

 

 

 

วิคเตอร์โค้งคำนับให้กับโนโซมุอย่างสุดซึ้งด้วยความขอบคุณ

 

ขุนนางผู้มากอำนาจกำลังโค้งคำนับและมอบคำขอบคุณให้กับ โนโซมุที่กำลังงุนงงกับสถานการณ์ในตอนนี้ ซึ่งจะไม่มีวันเกิดขึ้นแน่หากเป็นสถานการณ์ตามปกติ

 

 

 

「ไม่ ไม่เลยผมเองก็ได้ความช่วยเหลือจากไอริสมากมาย……」

 

 

 

「ถึงกระนั้น หากไม่มีเจ้า ก็คงจะมีการเสียสละเกิดขึ้นและการเสียสละนั่นอาจจะเป็นลูกสาวข้าก็ได้

 

ถ้าอย่างนั้นจะเป็นเรื่องธรรมดาที่พ่อที่น่าสงสารเช่นข้าจะก้มหัวให้กับผู้มีพระคุณเช่นนี้」

 

 

 

วิคเตอร์ยังไม่เงยหน้าขึ้นขณะที่ก้มหน้าลงลึกๆ เพื่อตอบสนองต่อท่าทางของโนโซมุที่กำลังงงงวย

 

โนโซมุที่เป็นพลเมืองธรรมดาไม่สามารถทนกับสถานการณ์ตรงหน้าได้ และยอมรับคำขอบคุณแบบตรงไปตรงมา

 

 

 

「เอ่อ โอเคครับ ! ผมได้รับความขอบคุณเกินพอแล้วครับ!」

 

 

 

ดังนั้นก่อนที่โนโซมุจะกล่าวว่า “กรุณาเงยหน้าขึ้นเถอะครับ”วิคเตอร์ก็เงบหน้าขึนและยิ้ม

 

 

 

「อ่า โล่งอกไปทีเพื่อเป็นการขอบคุณข้าได้ส่งสิ่งของจำเป็นไปที่ห้องพักของเจ้าด้วย……」

 

 

 

「หยุดเถอะครับ!」

 

 

 

ถ้าทำแบบนั้นตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ผมจะไปที่สถาบันด้วยหน้าตาแบบไหนดี

 

ในสมองของโนโซมุ หน้าห้องตัวเองเต็มไปด้วยทรัพย์สินเงินทองมากมาย มีภาพตัวเองลอยไปมาขณะที่ทางผู้ดูแลหอพักชี้นิ้วไปข้างหลัง

 

ในตอนแรกโนโซมุก็ไม่รู้จะใช้เงินจำนวนมากยังไง

 

ในทางกลับกันวิคเตอร์กลับหัวเราะที่มุมปากในขณะที่ยิ้ม

 

โนโซมุรู้สึกว่าตัวเองถูกแกล้งเหมือนกับเมน่า ก็ได้แต่ทำสีหน้าขมขื่น แต่วิคเตอร์ยังคงยิ้มกว้างและพูดต่อไป

 

 

 

「ในเรื่องของไอริสดิน่า ดูเหมือนเจ้าจะเป็นนักดาบผู้เก่งกาจ ว่ากันว่าไม่เพียงแค่ผลงานดีในการฝึกพิเศษเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเหตุการณ์โจมตีที่สถาบันด้วย……」

 

 

 

เหตุการณ์ที่วิคเตอร์เล่าต่อไปนี้ คือเหตุการณ์ต่อสู้จำลองกับจิฮัด

 

กำแพงเวทมนตร์ที่ถูกสร้างขึ้นแตกร้าวขึ้นในการต่อสู้ระหว่างโนโซมุและจิฮัดซึ่งใช้เวลาซ่อมแซมหลายสัปดาห์และใช้จำนวนเงินมหาศาล

 

สำหรับโนโซมุที่เป็นต้นเหตุในเหตุการณ์นั้นก็สีหน้าซีดเผือก

 

อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมนั้น หากได้มาเป็นเงินของโนโซมุก็มีเงินพอจะใช้ทั้งชีวิตเลย

 

 

 

「เอ่อ คือว่านั่นผมไม่ได้ทำนะครับแต่ว่าอาจารย์จิฮัดเป็นคนทำ……」

 

 

 

「อืม จะว่าไปแล้ว ได้ยินมาว่าไม่ใช่แค่จิฮัดเท่านั้นแต่เจ้าเองก็สู้ใจขาดดิ้นเหมือนกันนี่?」

 

 

 

「เอ่อ……」

 

 

 

แม้ว่าพยายามบิดเบือนความจริง แต่วิคเตอร์ก็จับเขาได้ในทันที

 

ปฏิเสธไม่ได้เลยแหะ

 

นั่นเป็นความจริงที่ว่าโนโซมุนั้นได้ฝึกการต่อสู้และได้ฝึกวิชาดาบมากขึ้นกว่าแต่ก่อน

 

แน่นอนว่าสำหรับโนโซมุ การแสดง “ความจริงใจ” เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับโนโซมุที่หนีจากอดีตมาตลอด

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามเกี่ยวกับอนาคตของโนโซมุเขายังคงนึกอะไรไม่ออก

 

 

 

「หุหุ งั้นจบเรื่องนี้ไว้เท่านี้ก่อนละกัน ถ้าแกล้งเจ้ามากเกินไป เดี๋ยวโดนเมน่าบ่นอีก」

 

 

 

เมื่อโนโซมุหันไปมองหลังวิคเตอร์ก็พบกับเมน่าที่จ้องตาเขม็ง

 

 

 

「ท่านวิคเตอร์ การมาแกล้งแขกผู้มีพระคุณเช่นนี้มันอะไรกันคะ?」

 

 

 

「เอ่ออออออออออออ ! โดนดุแล้วอ่า……」

 

 

 

ผมตกใจเล็กน้อยกับท่าทางของขุนนางผู้องอาจกลับกลัวเมดสาว

 

วิคเตอร์เกือบจะหงายหลังจากนั้นเมน่าก็เริ่มพูดคุยเล่นๆเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศภายในห้อง

 

 

 

「……สไตล์ดาบมิคางุระสินะ ไม่คิดเลยว่าจะพบเจอคนที่เชี่ยวชาญวิชาดาบของทางตะวันออกอันโด่งดังในทวีปแห่งนี้ ไม่ใช่ดาบธรรมดา แต่เป็นวิชาดาบมิคางุระ 」

 

 

 

「รู้ด้วยเหรอครับ?」

 

 

 

「อา แม้ว่าจะดูเล่นๆแบบนี้ แต่ข้าเองก็มีทักษะด้านดาบพอควร อย่างไรก็ตามข้าไม่ค่อยรู้จักวิชาดาบมิคางุรเลย……」

 

 

 

เมื่อได้ยินว่าวิคเตอร์เองก็ชอบดาบ โนโซมุจ้องมองร่างอันใหญ่โตตรงนั้น

 

ผมเห็นว่าร่างกายของเขาดูสมเหตุสมผลและสามารถเห็นผิวหนังที่ก่อตัวบนมือมันมาจากการฝึกดาบ

 

แต่ว่า มันก็ไม่ได้ดูฝึกหนักขนาดนั้น

 

เมื่อมองดูท่านั่งของเขา หลังของเขายืดตรง แต่การทรงตัวเอียงไปทางขวาเล็กน้อย อาจเป็นเรื่องจริงที่ว่าแค่ฝึกดาบเอาสนุก

 

อย่างไรก็ตาม โนโซมุไม่เพียงแต่แปลกใจที่วิคเตอร์ชอบดาบ แต่ยังรู้จักวิชาดาบมิคางุระด้วย

 

 

 

「อย่างไรก็ตาม ข้าน่ะตระหนักถึงชื่อเสียงของ ชิโนะ มิคางุระ ดีเพราะท่านพ่อของข้าชอบเล่าให้ฟัง เธอคนนั้นเป็นนักดาบผู้แสนงดงาม บริสุทธิ์ 」

 

 

 

「บริสุทธิ์? งดงาม? ใครกันแน่นะคนๆนั้น……」

 

 

 

ไม่น่าแปลกใจที่วิคเตอร์รู้เรื่องชิโนะ เพราะเธอก็เคยเล่าเรื่องวิคเตอร์เหมือนกัน

 

อย่างไรก็ตามโนโซมุที่ได้ยินข่าวลือแปลกๆนั่นเกี่ยวกับอาจารย์ของเขา เขาก็รู้สึกไม่สบายใจแปลกๆ

 

สำหรับเขาแล้ว อาจารย์ก็เป็นแค่ยัยแก่ที่เห็นแก่ตัวและไม่ยอมผ่อนปรนเลย แถมชอบรังแกลูกศิษย์ตัวเอง

 

ถึงแม้จะสงสัย แต่วิคเตอร์ยังคงยิงคำถามต่อมา

 

 

 

「โนโซมุเจ้าได้พบเจอกับอาจารย์ของเจ้าเมื่อไร?」

 

 

 

「ดังที่ได้เล่าให้กับอาจารย์จิฮัดว่า ได้พบกับอาจารย์เมื่อตอนอยู่ปี 1 ดังนั้นก็ประมาณ 2 ปีที่แล้ว」

 

 

 

「หืมมม……」

 

 

 

วิคเตอร์เริ่มคิดหลังจากฟังเรื่องราวของอาจารย์ของเขา

 

เกิดความเงียบชั่วขณะ มีเพียงเสียงลมที่พัดผ่านหน้าต่าง

 

 

 

「เอ่อ แล้วทำไมถึงมาถามผมโดยตรงล่ะครับ?」

 

 

 

วิคเตอร์ยังคงเงียบ โนโซมุจึงถามว่าทำไมเขาถึงถูกเรียกมาที่นี่

 

วิคเตอร์หลับตา ยักไหล่ และจิบชาที่ชงด้วยตัวเอง

 

 

 

「อย่างที่ได้บอกไปก่อนหน้านี้ ไอริสได้กล่าวถึงเจ้าในรายงานให้ข้า รายละเอียดของเวลานั้นถูกจดบันทึกไว้อย่างดี และลูกสาวฉันก็ขอบคุณเป็นอย่างมาก」

 

 

 

สิ่งที่ผมได้ยินก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม โนโซมุเกิดความสงสัยว่านั่นคือทั้งหมดจริงๆงั้นเหรอ

 

ก่อนที่เขาจะรู้ตัว รอยยิ้มหยอกล้อก่อนหน้านี้หายไปจากปากของวิคเตอร์ และเขาก็หันไปมองโนโซมุอย่างจริงจัง

 

 

 

「นอกจากนี้ข้ายังรู้สึกขอบคุณที่ได้เรียนรู้กับตัวเจ้าเอง แม้ว่าความสามารถของเจ้าจะถูกพันธนาการเอาไว้ แต่ก็ยังเอาชนะแวมไพร์แรงค์ S ได้ พลิกความสามารถที่แตกต่างกันเกินพิกัด และยังเอาชนะอบิส กริฟ ได้ถึงสองครั้ง สมกับเป็น”ดราก้อนสเลเยอร์”……」

 

 

 

「เอ๊ะ!?」

 

 

 

“ดราก้อนสเลเยอร์”

 

 

 

ทันทีที่คำพูดนั้นหลุดมาจากปากของวิคเตอร์โนโซมุก็ตัวแข็งทื่อ

 

เกิดความเงียบระหว่างทั้งสอง

 

อย่างไรก็ตาม ไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ ตอนนี้มีแต่บรรยากาศตึงเครียดเต็มห้อง

 

ความกดดันอันหนักหน่วงที่กดดันไปทั่วร่างกายตอนนี้เหมือนกับหยุดอยู่ในสนามรบ

 

ในหัวของโนโซมุ สภาพของเขาเปลี่ยนไปทันที หัวใจเขาเต้นรัวขึ้น และร่างกายก็เตรียมพร้อมจะต่อสู้

 

 

 

「……อาจารย์จิฮัดเป็นคนเล่าให้คุณฟังใช่ไหมครับ?」

 

 

 

ท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียด จู่ๆ โนโซมุก็ทำลายความเงียบและถามคำถามกับวิคเตอร์

 

สมมติว่าไอริสและคนอื่นๆไม่ได้บอกอะไรเรื่อง “ดราก้อนสเลเยอร์” มีเพียงคนเดียวที่รู้ก็คือจิฮัด

 

วิคเตอร์ตอบรับคำถามของโนโซมุโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า

 

 

 

「ก็ไม่ได้ยินเรื่องนี้โดยตรง แต่สามารถดูได้จากการต่อสู้จำลองกับท่านจิฮัด ก่อนหน้านี้ได้ใช้เวทย์ระยะไกลของข้าส่องดู และก็ได้รับแจ้งจากข้อมูลที่เป็นลายลักษณ์อักษร」

 

 

 

ดูเหมือนว่าวิคเตอร์จะไม่แก้ตัว และเพียงบอกว่าจิฮัดได้บอกความลับให้ทราบ

 

เหตุใดจิฮัดถึงได้เปิดเผยเรื่องนี้

 

โนโซมุผลักคำถามที่อยู่ในใจของเขา ในขณะนั้นและกระชับมือที่ท้องของเขาแน่นขึ้น

 

 

 

「เข้าใจแล้ว การจ้องมองที่รู้สึกได้ในตอนนั้นเป็นคุณเองสินะครับ……」

 

 

 

โนโซมุรับรู้ถึงแววตานั้นได้แต่ไม่รู้ว่าเป็นของใคร วิคเตอร์ที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าด้วยความมั่นใจ

 

 

 

「เหห สังเกตเห็นด้วยงั้นเหรอ?」

 

 

 

「ก็ไม่ค่อยมั่นใจนักหรอกครับ แต่มันแค่รู้สึกไม่บายใจตอนที่รู้สึกซ้อมต่อสู้เหมือนกับมีอะไรจ้องมอง……」

 

 

 

ในทางตรงกันข้ามวิคเตอร์ทำหน้าตกตะลึงและหายใจออกจากนั้นก็ปล่อยตัวเอนพนักพิง

 

 

 

「นี่มันยิ่งกว่าที่ข้าจินตนาการไว้อีก ด้วยพลังมหาศาลขนาดนั้น จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ไล่พ่อบ้านของตระกูลวาจาร์ตได้」

 

 

 

「ไม่ใช่ว่าผมทำอะไรยิ่งใหญ่แบบนั้นหรอกครับ หากไม่ได้การช่วยเหลือจาก ไอริส ทิม่า มาร์ และคนอื่นๆทำงานอย่างหนักเพื่อซื้อเวลาให้กับผม ดังนั้นก็เลยช่วยโซเมียจังได้ครับ」

 

 

 

วิคเตอร์ตัดเข้าเรื่อง โนโซมุเองก็รีบตัดจบ

 

ความจริงถ้าไม่ใช่เพราะเพื่อนๆ โนโซมุก็คงไปช่วยไม่ทันเวลา

 

นอกจากนี้ ในเวลานั้น โนโซมุยังลังเลที่จะใช้พลังนั่นต่อหน้าทุกคน

 

หากไม่ใช่เพราะความกล้าของมาร์และทิม่าและเสียงร้องไห้ของไอริส ผมเองก็คงหลงทางไปจนถึงจุดจบ

 

 

 

「แน่นอนข้าเข้าใจเรื่องนั้นดี แต่ถ้าไม่ใช่ดราก้อนสเลเยอร์ก็อาจจะเป็นเหยือไปอีกคน ในแง่นั้น คำพูดของไอริสนั้นคือความจริงแน่นอน」

 

 

 

ท่ามกลางความตึงเครียดโนโซมุกลืนน้ำลาย

 

เสียงน้ำลายที่กลืนเข้าไปดังก้องอยู่ในหัวของเขา

 

 

 

「จริงๆแล้วตอนที่ไอริสส่งจดหมายมาบอกว่าการต่อสู้กับพ่อบ้านตระกูลวาจาร์ต ก็ได้แต่สงสัยว่าเจ้าคงมีความสามารถอะไรบางอย่าง อย่างไรก็ตามการต่อรองกับตระกูลวาจาร์ตเป็นเรื่องที่สำคัญกว่าเรื่องนั้น」

 

 

 

วิคเตอร์ยกร่างขึ้นจากพนักพิงและโน้มตัวเข้าไปข้างหน้าเพื่อมองเข้าไปในใบหน้าของโนโซมุ

 

 

 

「ขณะเดียวกัน ข้าก็เริ่มสนใจเพื่อนที่ลูกสาวอยากจะเก็บเอาไว้ด้วยสิ」

 

 

 

วิคเตอร์บอกว่าเขาสนใจ แต่โนโซมุสงสัยว่ามันคงมีอะไรมากกว่านั้น

 

อย่างไรก็ตาม โนโซมุไม่เข้าใจว่าเขาคิดอะไรอยู่

 

แม้ว่าจะมีรอยยิ้มแบบเดิมบนใบหน้าเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็รู้สึกเหมือนว่าเขากำลังมองไปยังก้นบ่อแห่งความมืด

 

 

 

「……แล้วคิดจะทำอะไรกับผมกันแน่หากรู้ความจริงที่ว่าผมเป็นดราก้อนสเลเยอร์แล้ว?」

 

 

 

「ถ้าบอกให้เปิดเผยต่อสาธารณะล่ะ?」

 

 

 

ในขณะนั้น ความตึงเครียดที่ลอยออกมาจากร่างของโนโซมุก็มาถึงจุดวิกฤติทันที

 

การมีอยู่ของดราก้อนสเลเยอร์ที่ไม่ได้รับการยืนยันมากว่าหลายร้อยปี นอกจากนี้ ดราก้อนสเลเยอร์ยังอยู่ในอาร์คาซัมซึ่งผลประโยชน์ของอาณาจักรต่างๆเกี่ยวพันกัน

 

จริงๆแล้วไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเลยหากเปิดเผยต่อสาธารณะ

 

เขาจะกลายเป็นผู้กอบกู้และถูกส่งไปยังแนวหน้าหรือเขาจะถูกควบคุมตัวและปฏิบัติเหมือนเป็นการทดลอง?

 

อย่างน้อยที่สุดก็ไม่สามารถอยู่กับเพื่อนๆได้เลย

 

ก่อนที่เขาจะรู้ตัวโนโซมุก็ลืมเรื่องตำแหน่งของเขากับวิคเตอร์ไปแล้ว และจ้องมองเขม็งใส่

 

 

 

「……ล้อเล่นน่า ไม่สามารถทำแบบนั้นได้หรอก หากเปิดเผยต่อสาธารณะ มีความเสี่ยงมากที่ข้อตกลงของข้ากับตระกูลวาจาร์ตจะถูกยกเลิก。

 

 ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นเลย ข้าเองก็ไม่มีความคิดจะทำแบบนั้นหรอก ตระกูลวาจาร์ตเองก็สัญญาว่าจะวางหอกลงจากเรื่องนี้」

 

 

 

วิคเตอร์หยุดยิ้มและประกาศด้วยสีหน้าที่ว่าเขาจะไม่พูดเรื่องนี้กับคนอื่น

 

แต่พอเกิดความสงสัยแล้ว มันก็ไม่มีทางจะหายไปง่ายๆ

 

 

 

「ยิ่งไปกว่านั้นหากเปิดเผยเรื่องนี้ต่อสาธารณะ คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เมืองจะตกอยู่ในความวุ่นวาย

 

 ในขณะที่ความโกลาหลที่เกิดจากการปรากฏตัวของอบิส กริฟ กำลังจะจบลงในที่สุด การเปิดเผยเรื่องตัวเจ้าจะเป็นการสร้างปัญหาให้ท่านจิฮัดมากขึ้นไปอีก

 หากเกิกเหตุการณ์แบบนั้นทางสถาบันคงต้องหยุดการสอน นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการ」

 

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น โนโซมุก็จำได้ว่านี่เป็นหนึ่งในคนที่ผลักดันในการก่อตั้งสถาบันโซลมินาติขึ้น และยังให้การสนับสนุนเป็นอย่างมาก

 

ตามที่ไอริสได้กล่าวไว้ คฤหาสน์นี้เองก็กำลังจะถูกบริจาคให้ทางสถาบันหลังจบการศึกษาของไอริส

 

ไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่ให้การสนับสนุนเยอะขนาดนี้ต่อสถาบันจะทรยศหรอกนะ

 

นอกจากนี้เมื่อพิจารณาถึงบรรยากาศตอนทานข้าวเย็นด้วยกัน เขารักลูกสาวมากๆ

 

อย่างน้อยเขาก็ไม่กล้าทรยศลูกสาวตัวเอง

 

 

 

「เฮ้อ……」

 

 

 

โนโซมุสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามทำใจให้สงบ

 

เลือดที่ไหลผ่านไปทั่วร่างกำลังช้าลง และบรรยากาศตึงเครียดก็ลดตาม

 

 

 

「……เกิดอะไรขึ้นกับตระกูลวาจาร์ต?」

 

 

 

「เพื่อประโยชน์ของฝ่ายเราทั้งคู่ ข้าไม่สามารถลงรายละเอียดได้ แต่ตอนนี้ก็อยู่ในจุดที่พอใจแล้ว」

 

 

 

วิคเตอร์บอกว่าปัญหาได้ถูกแก้ไขแล้ว แต่เขาไม่อยากเล่าถึงรายละเอียด

 

โนโซมุรู้สึกว่าเหมือนมีกำแพงขนาดใหญ่ตั้งอยู่ระหว่างทั้งสอง

 

 

 

「คราวนี้ขอถามหน่อย เจ้าจะใช้พลังนั้นเพื่ออะไร?」

 

 

 

「……หมายความว่าไงครับ?」

 

 

 

「ที่เจ้ามาที่เมืองนี้เจ้าคงจะมีจุดประสงค์อะไรสักอย่าง อย่างน้อยก็ต้องมีบ้างล่ะ?」

 

 

 

วัตถุประสงค์โนโซมุที่ได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มคิดถึงพลังที่เขาได้รับมา

 

พลังนี้มันยิ่งใหญ่เหลือคณานับ มันใช้งานและควบคุมได้ยาก แต่เมื่อพูดถึง “พลังทำลายล้าง” ไม่มีอะไรจะเทียบได้อีกแล้ว

 

ผมเองก็ได้พลังนี้ช่วยไว้หลายรอบ ถึงกระนั้น โนโซมุเองก็ได้รับความเมตตาจากเทียแมตอยู่หลายครั้ง แต่มีครั้งหนึ่งที่เขาคุ้มคลั่ง ก็เรียกได้ว่าเป็นหายนะอันยิ่งใหญ่ที่ยังคงฝังใจ

 

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม โนโซมุไม่มีความคิดเรื่องพลังที่ใช้เพื่ออะไร

 

 

 

「……ตอนนี้ยังไม่มีครับ」

 

 

 

วิคเตอร์มองโนโซมุที่ตอบกลับด้วยความคลุมเครือ

 

โนโซมุดวงตาคู่นั้นราวกับพยายามค้นหาความจริงจากตัวเขา

 

 

 

「ดราก้อนสเลเยอร์หายตัวไปเป็นเวลากว่าหลายร้อยปี ไม่เพียงแต่มีพลังอันเรียบง่าย แต่แค่ชื่อก็เป็นที่กล่าวขานแล้ว ขึ้นอยู่กับวิธีใช้งานของเจ้า แต่ว่า……」

 

 

 

วิคเตอร์หยุดชั่วคราวและจ้องไปที่โนโซมุ

 

เขาดูน่ากลัวมากจนไม่นึกเลยว่าจะมาชงชาได้อย่างใจเย็น

 

 

 

「ในขระเดียวกัน การดำรงอยู่ของเจ้าก็เป็นหายนะอย่างยิ่ง พลังของมังกรที่ดึงดูดเข้ามาทั้งควบคุมไม่ได้และไม่เสถียร ดูเหมือนว่าจะเคยคุ้มคลั่งมาครั้งหนึ่งใช่ไหม?」

 

 

 

「……รู้เยอะจริงๆเลยนะครับ ท้ายที่สุดแล้วไม่เพียงแค่เห็นการต่อสู้ในครั้งนั้น แต่ยังได้ยินประวัติของผมจากใครบางคนด้วยสินะ」

 

 

 

「คราวนี้ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง เจ้าจะใช้พลังนั่นเพื่อสิ่งใด?」

 

 

 

โดยไม่สนคำพูดของโนโซมุ วิคเตอร์ถามอีกครั้ง ด้วยแววตาที่ไม่ยอมให้เขาโกหกแต่อย่างใด

 

มีแรงกดดันเงียบๆจากการจ้องมองที่มุ่งตรงต่อโนโซมุว่าไม่ยอมให้โกหกเด็ดขาด โนโซมุที่เห็นเช่นนั้นก็ตาเบิกกว้างไปด้วยความกลัว

 

 

 

「ผม……」

 

 

 

จะใช้พลังนั่นเพื่ออะไร? โนโซมุไม่รู้ว่าจะตอบมันออกไปยังไง

 

จุดประสงค์ที่เขามาที่นี่คือสนับสนุนความฝันของลิซ่า ซึ่งมันพังทลายไปหมดแล้ว อย่างไรก็ตามเขายังคงไม่อยากให้เธอละทิ้งความฝันนั่น

 

แต่เมื่อถูกถามว่าจะทำตามความฝันนั่นอีกต่อไปไหม มันก็มีแรงผลักดันในใจ

 

ก่อนอื่นตอนนี้ผมต้องการอะไรกันแน่?

 

ต้องการยุติความสัมพันธ์กับลิซ่า? แทนที่จะรื้อทิ้ง แต่กลับต้องสร้างใหม่ ด้วยเหตุนี้เขาจึงตัดสินใจจะเผชิญหน้ากับอดีต

 

 

 

「อา……」

 

 

 

หลังจากคิดมากขนาดนั้น โนโซมุก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้และทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าเลือดในตัวมันเดือดพล่าน

 

 

 

「ไม่มีเหตุผลให้ผมอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว ผมแค่อยากจะชำระล้างเรื่องราวในอดีต แต่ผมไม่ก็ไม่ได้มีความคิดอะไรเกี่ยวกับอนาคตของตัวเองเลย」

 

 

 

ใช่แล้ว ทุกสิ่งที่โนโซมุทำมาตลอดคือ “จมปลักอยู่กับอดีต”

 

ลิซ่าและเคน เขาพยายามดิ้นรนเพื่อยุติความสัมพันธ์ของทั้งสองที่มันบิดเบี้ยว

 

ไม่ใช่ว่าโนโซมุมีอนาคตอันแสนชัดเจนอยู่ในใจ

 

 

 

「ตอนนี้เห็นเพียงแค่อดีตกับปัจจุบัน ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า “อนาคต” รอเจ้าอยู่ เหมือนเรือที่ลอยไปตามทะเล ดูเหมือนว่าปัญหาเรื่องเพื่อนสมัยเด็กของเจ้าจะจบลงด้วยเหตุการณ์ที่ไม่น่าพอใจนัก……」

 

 

 

「…………」

 

 

 

ผมปฏิเสธไม่ได้เลย

 

โนโซมุคิดอยู่ในใจว่าเมื่ออดีตคลี่คลายแล้วเขาอาจจะเดินหน้าต่อไปได้

 

แม้ตอนนี้จะจินตนาการถึงอนาคตแต่มันก็ไม่ชัดเจน

 

ดังนั้นโนโซมุได้แต่ยอมรับคำพูดอันรุนแรงของวิคเตอร์ต่อไป

 

 

 

「ขอโทษด้วยนะคะ แต่ว่าเวลา……」

 

 

 

ในบรรยากาศอันตึงเครียด เมน่าเข้ามาขัดจังหวะ

 

 

 

「อ๊ะ ถึงเวลานั้นแล้วเหรอ? โนโซมุคุง ขอโทษที่ชวนคุยหลายเรื่องนะ พอดีข้ามีเรื่องต้องทำ ขอโทษด้วยจริงๆ แต่ไว้คงต้องหาเวลาคุยกันในวันอื่นแล้วล่ะ」

 

 

 

「……เข้าใจแล้ว ถ้างั้นผมจะกลับหอพักละครับ」

 

 

 

「เอาล่ะ วันนี้ก็คุยกันหอมปากหอมคอ ตอนนี้ก็รู้เรื่องของเจ้ามานิดหน่อยแล้ว」

 

 

 

「ครับ เป็นประสบการณ์อันมีค่าสำหรับผม ผมคงหวังว่าไม่ต้องสวมเสื้อผ้าราคาแพงแบบนี้อีกต่อไปแล้ว」

 

 

 

「มันขึ้นอยู่กับเจ้าแล้วจากนี้ไป ตอนนี้เจ้ายังเด็ก ตอนเจ้าเติบใหญ่ยังมีอะไรให้เจ้าได้ทำอีกเยอะ」

 

 

 

「…………」

 

 

 

นี่คิดจะแซวหรือยั่วกันแน่

 

โนโซมุออกจากห้องของวิคเตอร์อย่างเงียบๆโดยไม่สนใจคำพูดเสียดสี

 

 

 

「นี่ โนโซมุ มีอะไรงั้นเหรอ หน้าตาดูเครียดเชียว?」

 

 

 

「……มาร์เหรอ? ทำไมมาอยู่นี่ล่ะ?」

 

 

 

ขณะที่ออกมาจากห้องของวิคเตอร์ ก็เจอมาร์ที่มาพร้อมกับเมด

 

 

 

「เอ่อพอดีเมดเรียกตัวข้าก็เลยต้องมาเข้าพบเห็นบอกว่าจะขอบคุณเรื่องที่ช่วยสู้กับแวมไพร์?」

 

 

 

「อ้อ งั้นก็ดี」

 

 

 

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ก็นึกขึ้นได้ว่าเขาอยากจะขอบคุณคนที่ช่วยโซเมียจากการลอบโจมตีของลูกาโต้

 

 

 

「อ่าาาาาาาาาาาาาห์」

 

 

 

มาร์มองเข้าไปที่หน้าของโนโซมุขณะที่ครุ่นคิด และมองราวกับคิดอะไรออก

 

โนโซมุมองเขาราวกับสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มาร์ยักไหล่ราวกับช่วยไม่ได้

 

 

 

「ก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่หรอกนะ แต่อย่าคิดมากเกินไป ในกรณีของแก แม้ว่าจะคิดว่าแปลกก็เถอะ แต่ก็แค่ทำตัวตามเดิม ทำทุกอย่างให้เหมือนปกติ เหมือนกับหนูที่วิ่งไล่ตามหางของตัวเองก็พอแล้ว」

 

 

 

「เฮ้อ….พูดจาแบบนี้อีกแล้วนะ」

 

 

 

「อิเต้! ทำบ้าอะไร?」

 

 

 

「ท่านมาร์ ได้เวลาแล้วค่ะ……」

 

 

 

「อา เข้าใจแล้ว แต่ว่าเล่นกันแรงแบบนี้ก็ไม่ค่อยชอบเท่าไรแหะ」

 

 

 

โนโซมุสูดหายใจเข้าลึกๆขณะที่มองมาร์ที่บ่นกำลังเข้าห้องวิคเตอร์ไป

 

เดาว่าคงจะปลอบใจว่าอย่าคิดมาก

 

 

 

「เป้าหมาย ไม่ใช่ ความฝันงั้นเหรอ?……」

 

 

 

ขณะที่คิดถึงสิ่งเหล่านั้น โนโซมุก็หันหลังกลับไปหาเพื่อนๆ

 

บางทีต้องขอบคุณคำพูดของมาร์ ทำให้อารมณ์หดหู่คลายลง

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ถูกปักเข้ามาในใจมันยังคงไม่จางหายในเร็ววัน และท้ายที่สุดแล้วโนโซมุก็ไม่สามารถจะให้คำตอบกับคำถามของวิคเตอร์ได้จนจบงานเลี้ยง

 

——————————————–

 

 

หลังจากโนโซมุและเพื่อนๆกลับบ้าน วิคเตอร์กำลังนั่งบนโซฟาในห้องของเขา ดื่มไวน์ที่นำมาด้วย และคิดเกี่ยวกับชายหนุ่มที่พบในวันนี้

 

 

ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ทั่วทั้งเมืองกำลังหลับใหล

 

 

จากมุมมองของเขา ชายหนุ่มคนนั้นยังไม่บรรลุนิติภาวะ ไม่ใช่ด้านร่างกาย แต่เป็นจิตใจ

 

 

ที่เลวร้ายกว่านั้นคือสถานการณ์ซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากมาย

 

 

แม้ว่าจะกล่าวได้ว่าตอนนี้เจ้านั่นสงบลงแล้ว แต่ก็มีหลุมพรางจำนวนมากที่ไม่สามารถจะหยั่งรู้ได้

 

 

ตัวเขาเองมีพลังทำลายล้างมหึมาเหมือนกับภูเขาไฟ พูดตามตรงก็กังวลเกินเหตุ

 

 

ในสถานการณ์แบบนี้ ควรจะรับมือยังไงในฐานะหัวหน้าตระกูลฟรานซิส ในห้องที่เต็มไปด้วยความเงียบยามค่ำคืน วิคเตอร์ยังคงครุ่นคิด

 

 

จุดประสงค์ที่เชิญเขามาในครั้งนี้ก็เพื่อเข้าใจบุคลิกของตัวเขา

 

 

แม้ว่าจะพูดคุยกันเป็นเวลาสั้นๆ แต่วิคเตอร์ก็ได้ประสบการณ์มากมายที่เคยพูดคุยกับสังคมชั้นสูง แม้จะคุยกันได้เล็กน้อย แต่เขาก็พอจะรู้จักตัวตนของโนโซมุ เบลาตี้ แล้ว

 

 

เขาเองก็ไม่ใช่คนไม่ดี แต่เขาก็ไม่ใช่ประเภทที่จะเรียกตัวเองว่าเป็นคนดีเช่นกัน

 

 

เขาไม่ได้เรียกร้องค่าชดเชยจากการช่วยลูกสาวจากลูกาโต้ แม้ว่าเขาจะมีความสามารถถึงระดับโน้มน้าววิคเตอร์ได้ แต่ก็ไม่ทำแบบนั้น

 

 

ในทางตรงกันข้ามเขายังยกย่องลูกสาวและเพื่อนๆสำหรับความสำเร็จของพวกเขา ณ จุดนี้แทนที่จะเป็นคนดีกลับดีเกินไปจนน่าเสียดายด้วยซ้ำ

 

 

เขาเป็นคนที่น่าเอ็นดูมากกว่าพวกขุนนางไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า

 

 

ถึงกระนั้น จากมุมมองของวิคเตอร์ เขาไม่สามารถยอมรับโนโซมุ เบลาตี้ จากเรื่องนั้นได้

 

 

แม้ว่าบุคลิกและความสามารถของเขาจะไม่ได้แย่ แต่ก็เป็นความจริงทีว่านโซมุไม่สามารถยอมรับสถานะตัวเองในปัจจุบันได้

 

 

 

 

 

 

「นายท่านเองก็เป็นคนไม่ดีนะคะที่เล่นทดสอบเขารุนแรงซะขนาดนั้น……」

 

 

 

 

 

 

「เมน่า……」

 

 

 

 

 

 

เมดที่เป็นคนสนิทของเขาปรากฏตัวขึ้นทางด้านหลัง

 

 

เมดที่กำลังมองดูเจ้านายของเธอด้วยท่าทางประหลาดใจเล็กน้อย

 

 

 

 

 

 

「เป็นเรื่องจริงที่ว่าท่านโนโซมุไม่มีจุดประสงค์ที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม คำว่า “เรือที่ลอยไปตามทะเล” ที่นายท่านได้ใช้นั้นเป็นคำที่ค่อนข้างหยาบตาย และยากที่จะบอกว่าจะสำเร็จเป้าหมายอย่างแน่นอน」

 

 

 

 

 

 

แม้ว่าวิคเตอร์จะแสดงความเห็นเกี่ยวกับความคิดของโนโซมุที่เหมือน “เรือที่ลอยในทะเล” แต่ก็ไม่ได้ชี้ให้เห็นถึงเป้าหมายปลายทาง

 

 

 หางเสือที่ไม่สามารถคุมเรือได้จนไม่รู้ว่าเรือจะล่องไปทางไหน เรือที่สูญเสียใบเรือ ความเร็วจะลดลง อุปกรณ์นำทาง หรือ แม้แต่ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรจะบอกได้……。

 

 

 

 

 

 

「คิดอย่างงั้นหรือเปล่าล่ะ?」

 

 

 

 

 

 

「ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนั้น ก็คงไม่ยึดติดกับอดีตมากเกินไปด้วยซ้ำ อาจจะใช้เวลาทั้งวันในการหนีความจริงและหลงทางไปกับชีวิตประจำวันอันแสนวุ่นวาย

 

 

 แต่ท่านโนโซมุนั้นต่างออกไปเลือกที่จะเผชิญปัญหาในอดีต เขามีหลักการที่ชัดเจนในการจัดการปัญหาของเขา แต่ทิศทางนั้นก็กลับวนไปสู่อดีต นายท่านเองก็คงจะสังเกตเห็นสินะคะ?」

 

 

 

 

 

 

หากคิดแบบนั้น โนโซมุก็เหมือนเรือที่ “สูญเสียปลายทาง”

 

 

ไม่ใช่ว่าหางเสือหัก และไม่ใช่ว่าข้ามคลื่นลมทะเลแรงไม่ได้

 

 

 

 

 

 

「…………」

 

 

 

 

 

 

วิคเตอร์ไม่ตอบสนองกับคำพูดนั่นจากนั้นก็ดื่มชาที่มีรสหวานอมเปรี้ยวลงไปในคอ

 

 

แต่ความเงียบนั้นก็เป็นคำตอบได้มากมาย

 

 

เพื่อจะเข้าใจตัวตนของโนโซมุ เบลาตี้ วิคเตอร์จึงจี้จุดอ่อนของเขา

 

 

ผลก็คือความไม่มั่นคงที่ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน

 

 

นั่นคือสิ่งที่วิคเตอร์คาดหวังเอาไว้ในระดับหนึ่ง เมื่อพิจารณาจากเพื่อนๆที่คอยสนับสนุนตัวเขาและความบาดหมางกับเพื่อนสมัยเด็ก เป็นเรื่องที่คาดเดาได้ง่ายๆ

 

 

ขาดความรู้สึกถึงจุดมุ่งหมายระยะยาวของตัวเอง และสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในก็คือ “ความสงสัย” ที่ว่าตัวเองจะทำอะไรต่อไป

 

 

แม้ว่าจะถูกเพื่อนหลอกใช้จากความหวังดีแต่ความลังเลนั่นก็ทำให้เขาก้าวหน้าได้ช้าลง

 

 

ความจริงที่เขาไม่สามารถตอบคำถามนั่นได้คือเครื่องพิสูจน์

 

 

 

 

 

 

「อย่างไรก็ตามหากถามว่าท่านโนโซมุเป็วพวกใจอ่อนหรือไม่ ฉันก็คงตอบได้แค่ว่าไม่ค่ะ」

 

 

 

 

 

 

ใช่ถ้าถามว่าวิญญาณของโนโซมุนั้นเปราะบางไหม ต้องบอกว่าไม่ใช่

 

 

แม้ว่าเขากำลังจะต้องเผชิญกับความจริงที่เบือนหน้าหนีมาตลอด แต่เขาก็จ้องมองวิคเตอร์อย่างไม่ลดล่ะ

 

 

นั่นคือข้อพิสูจน์ว่าเขายอมรับความผิดพลาดในอดีตและพร้อมจะก้าวไปข้างหน้า ซึ่งเรื่องแบบนี้แม้แต่เมน่าก็รู้ว่าไม่ใช่ว่าใครก็ทำได้

 

 

จริงๆแล้วการพูดเกินจริงอย่าง “เรือที่ลอยอยู่กลางทะเล” ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ก็ไม่ถูกต้องเช่นกัน เป็นวิธีที่ใช้ปลุกใจของเขาและมองดูตัวตนอันแท้จริง

 

 

 

 

 

 

「จุดสำคัญของเขา ก็คือมีคนแบบเขาน้อยมากที่จะยอมรับจุดอ่อนของตัวเองเช่นนี้……」

 

 

 

 

 

 

แม้ว่าเขาจะไม่แน่ใจและโดนเอาเรื่องจุดอ่อนขึ้นมาอ้าง แต่โนโซมุก็ไม่ได้กังวลกับมันเลยแม้แต่น้อย นั่นไม่ใช่อะไรนอกจากการยอมรับความอ่อนแอของตนเอง

 

 

วิคเตอร์ดื่มไวน์ในแก้วในคราวเดียวแล้วเทเครื่องดื่มใหม่ลงในแก้วเปล่า

 

 

 

 

 

 

「ด้วยเหตุนี้จึงต้องทำให้ท่านโนโซมุประหลาดใจด้วยการลงมือชงชาด้วยตัวเองงั้นเหรอคะ?」

 

 

 

 

 

 

「……ไม่หรอก นั่นเป็นสิ่งที่ข้าอยากทำจริงๆ」

 

 

 

 

 

 

ในขณะที่เขย่าแก้วอย่างเพลินใจกับกลิ่นหอมของไวน์ วิคเตอร์ก็เอียงคอด้วยท่าทีห่างเหิน

 

 

เมื่อเมน่าเห็นสภาพของเจ้านายที่เป็นแบบนั้น เธอก็ถอนหายใจอย่างฉุนเฉียว

 

 

เมื่อพบเจอกับคนที่ไม่รู้จักเป็นครั้งแรก ยังจะสร้างอุปสรรคขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าพวกเขาจะตั้งใจขึ้นมาหรือไม่ก็ตาม

 

 

เมื่อเมน่าพาเขามาที่ห้อง เขาสาธิตวิธีการชงชาด้วยตัวเอง แต่จริงๆแล้วก็แค่พยายามจะทำให้โนโซมุประหลาดใจเท่านั้นเอง

 

 

ในเวลาเดียวกัน หากเป็นอุปสรรคที่มองข้ามไม่ได้ มันก็จะละลายจิตสำนึกของเป้าหมาย ผลของการใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนของเป้าหมายนั้นมีประโยชน์กว่าหลายเท่า

 

 

เมน่ามองไปที่เจ้านายของเธออีกครั้ง

 

 

เหมือนเช่นเคย เจ้านายยังคงเพลิดเพลินกับกลิ่นหอมของไวน์ที่นำมาด้วยอย่างมีความสุข

 

 

จริงๆแล้วงานอดิเรกคือการชงชา เขาทำสิ่งนี้เพื่องานอดิเรกและความพึงพอใจส่วนตัว

 

 

 

 

 

「จริงๆแล้วคนอย่างคุณนี่มันน่าจะโดนระแวงมากที่สุดแล้วค่ะ

 

 

 แล้วจะตอบสนองต่อท่านจิฮัดอย่างไรเกี่ยวกับความช่วยเหลือของท่านโนโซมุ ในเรื่องนี้ดูเหมือนว่าจะมีการขอคนคุ้มกันด้วย……」

 

 

 

 

 

 

ความช่วยเหลือที่จิฮัดต้องการคือการหาผู้พิทักษ์ให้กับโนโซมุ

 

 

เมื่อมองแวบแรกก็ดูเป็นเงื่อนไขที่ดีสำหรับเขา แต่หากพิจารณาจากสภาพปัจจุบันของโนโซมุ ไม่มีทางที่เขาจะยอมรับได้

 

 

 

 

 

 

「อืม ข้าเดาว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะรับเขามาอยู่ใต้การคุ้มครองในสถานการณ์แบบนี้  การละทิ้งความสัมพันธ์กับเขาก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีงั้นควรจะทำยังไงบ้างล่ะ」

 

 

 

 

 

 

「ยึดติดมากเกินไปรึเปล่าคะ?」

 

 

 

 

 

 

「ก็คงจะใช่」

 

 

 

 

 

 

วิคเตอร์ดื่มไวน์และพยักหน้าด้วยความพอใจ

 

 

ดูเหมือนจะชอบมันมากๆ

 

 

 

 

 

 

「แล้วเธอคิดยังไงล่ะ?」

 

 

 

 

 

 

「ฉันเห็นด้วยค่ะว่าเขาเป็นคนดี ฉันเข้าใจได้ว่าทำไมบรรดาผู้หญิงถึงได้ติดเขาแจขนาดนั้น」

 

 

 

 

 

 

เมน่าตอบคำถามของวิคเตอร์อย่างไม่แยแส

 

 

 

 

 

 

「เป็นเรื่องจริงที่ว่าท่านโนโซมุไม่มีเป้าหมายระยะยาว แต่เรายังเข้าใจได้ว่าเขามีความพิเศษในตัวเองและมีจิตใจที่ไม่มีวันแตกสลาย มีความสำเร็จมากมายได้พิสูจน์ให้เห็น……」

 

 

 

 

 

 

เขากลายเป็นดราก้อนสเลเยอร์ เพียงอายุเท่านี้ เขาได้ต่อสู้กับจิฮัด เขาต่อสู้กับแวมไพร์แรงค์ S ด้วยพลังของตัวเอง แถมยังจัดการกับ อบิส กริฟ

 

 

นอกจากนี้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้พลังมังกรที่รับเข้าไป เขาก็ยังพัฒนาวิชาดาบที่ได้ร่ำเรียนจนสูสีกับจิฮัด

 

 

แม้แต่ในการฝึกพิเศษ พวกเขาก็ยังมีความสามารถในการรับมือศัตรูที่มีระดับสูงกว่าโดยใช้กับดักและการประสานงานเป็นทีม และสามารถฟันฝ่าไปถึงจุดสูงสุด

 

 

ทั้งหมดนี้ไม่สามารถทำสำเร็จได้เพียงเพราะพลังของดราก้อนสเลเยอร์ ต้นตอของสิ่งนี้คือการเติบโตของโนโซมุเอง และเหนือสิ่งอื่นใด เขาสามารถทำมันได้โดยที่ไม่ยอมแพ้เลยแม้แต่นิดเดียว

 

 

 

 

 

 

「หากเป็นเพียงแค่คนมีความสามารถ ก็จะสามารถค้นหามันจนเจอได้ อย่างไรก็ตาม ตัวเขามีคนที่เชื่อใจได้ไม่มาก แต่เขาก็พยายามอย่างหนักเพื่อก้าวไปข้างหน้า ในแง่นั้น ท่านโนโซมุกล่าวได้ว่าเป็นตัวตนที่พิเศษค่ะ」

 

 

 

 

 

 

「อืม……」

 

 

 

 

 

 

เมน่าถอนหายใจขณะที่เธอสูดจมูกเข้าด้วยความไม่พอใจ

 

 

ในฐานะหัวหน้าตระกูลฟรานซิส เขาไม่สามารถไปเป็นผู้ปกครองของโนโซมุได้ เพราะเขายังต้องรักษาตำแหน่งทางสังคมเอาไว้ด้วย

 

 

เหตุผลที่จิฮัดบอกเหตุผลเกี่ยวกับตัวจริงของโนโซมุก็เพื่อปกป้องวิคเตอร์ที่ไร้ผู้สนับสนุน อย่างน้อยที่สุดก็ไม่สามารถปฏิเสธความช่วยเหลือของโนโซมุได้

 

 

เรื่องนี้เป็นเรื่องของการสุมหัวกันเท่านั้น สาเหตุที่มันกลายเป็นปัญหาใหญ่ก็คือลูกสาวเขาดันสนิทสนมกับโนโซมุอย่างน่าประหลาด

 

 

 

 

 

 

「แม้ว่าจะให้ดิฉันประเมิน แต่ว่าจากคะแนนเต็มร้อย คงให้ประมาณ 80 คะแนน?」

 

 

 

 

 

 

พูดตามตรงมีขุนนางไม่กี่คนหรอกที่สามารถทนแรงกดดันของวิคเตอร์ได้

 

 

เมน่าเริ่มสนใจในตัวโนโซมุ ซึ่งเขากำลังจ้องวิคเตอร์แบบตรงไปตรงมาไม่มีความลังเล

 

 

อย่างไรก็ตาม เจ้านายของเธอก็ดูจะมีความคิดที่ซับซ้อน

 

 

 

 

 

 

「……แต่ว่าข้าไม่ได้ให้คะแนนไว้สูงขนาดนั้น」

 

 

 

 

 

 

วิคเตอร์ปฏิเสธและดื่มไวน์อีกสามจิบ

 

 

เมื่อมองดูเจ้านายของเธอ เมน่าก็ถอนหายใจราวกับช่วยไม่ได้

 

 

 

 

 

 

「อย่าบอกนะคะว่าหึงหวงที่ลูกสาวไปสนิทสนมกับท่านโนโซมุ?」

 

 

 

 

 

 

「…………」

 

 

 

 

 

 

วิคเตอร์ดื่มไวน์ต่อไปอย่างเงียบๆ อย่างไรก็ตามเขาดูทำท่าไม่พอใจ

 

 

เขาทำหน้าบูดบึ้งไม่ใช่ในฐานะขุนนางแต่ในฐานะพ่อคนนึง

 

 

 

 

 

 

「นั่น…ไม่สิ..ก็ดูสิแบบว่า เขาทำให้ลูกสาวข้าต้องเศร้าขนาดนั้นเลยนี่……」

 

 

 

 

 

 

「นายท่าน ท้ายที่สุดแล้ว ก็แอบไปสอดแนมท่านไอริสที่ซาลอนงั้นเหรอคะ」

 

 

 

 

 

 

สีหน้าเศร้าของไอริสที่ดูเธอมองตัวโนโซมุอันห่างไกลออกไป

 

 

เมน่าจ้องวิคเตอร์ที่กำลังแอบมองสีหน้าของลูกสาวตัวเอง โดยไม่สังเกตเห็นถึงการจ้องแบบอาฆาตของเมน่าผู้นี้

 

 

นอกจากนี้ วิคเตอร์เริ่มบ่นเกี่ยวกับโนโซมุว่าไม่สามารถไว้วางใจกับผู้ชายใจร้ายที่ทำให้ลูกสาวเขาต้องเศร้าแบบนี้ได้หรอก แม้ว่าจะไม่ทันระวัง แต่ตอนนี้เขาเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้

 

 

ในตอนนี้ ขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ได้หายไป เหลือเพียงแต่วิคเตอร์ในฐานะพ่อคนที่ห่วงลูกสาวของตัวเองมากเกินไป

 

 

เมน่าที่เห็นแบบนั้นก็ทำได้แต่หัวเราะกำลังเฝ้าดูเจ้านายที่ร้องไห้ฟูมฟาย

 

 

จริงๆแล้วไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาแสดงท่าทีสมเพชเช่นนี้

 

 

นับตั้งแต่สูญเสียภรรยาอันเป็นที่รักไป วิคเตอร์ได้ประคมประหงมลูกสาวแสนรักเป็นอย่างดี

 

 

บางทีเพราะความรักอันมากล้น ทำให้เขาคุมตัวเองไม่อยู่

 

 

แม้ว่ายามปกติจะดูเป็นหัวหน้าครอบครัวผู้เด็ดเดี่ยว แต่ก็พยายามรวบรวมช่างฝีมือจากทั้งอาณาจักรมาทำเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับลูกสาวในงานสังคมมากที่สุด และเมื่อโซเมียหนีออกจากบ้านเป็นต้นมา เขาถึงพยายามเรียกตัว กลุ่มอัศวินเพื่อออกตามหาลูกสาว

 

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนโซเมียหนีออกจากบ้าน แม้แต่ไอริสก็วิ่งออกจากคฤหาสน์เพื่อตามหาโซเมีย ดังนั้นวิคเตอร์จึงพยายามส่งหน่วยอัศวินไปค้นหาและบุกเข้าไปในปราสาทเพื่อให้ช่วยค้นหาลูกสาว

 

 

ในเวลานั้นพวกอัศวินที่พยายามจะห้ามปลิวว่อนเหมือนดั่งใบไม้

 

 

วิคเตอร์ที่เงียบขรึมซึ่งปกติจะไม่ทำอะไรแบบนี้ แต่นี่เป็นเหตุการณ์ของลูกสาวของเขาก็ต้องดึงศักยภาพและใช้อำนาจในทางที่ผิดเหมือนกับคนโง่

 

 

บางทีนี่อาจเป็นเพราะโนโซมุมีความไวต่อสัญชาตญาณต่างๆ จึงไม่สังเกตเห็นการที่วิคเตอร์จ้องมอง

 

 

อย่างไรก็ตาม ตอนที่มาที่อาร์คาซัมก็ยังรวบรวมรถม้าหลายคันมูลค่าพิเศษเพื่อเป็นของขวัญแด่ลูกสาวในงานครบรอบวันเกิด และก่อนงานปาร์ตี้โดยที่โนโซมุและคนอื่นๆ ไม่รู้ พวกผู้หญิงก็ได้กองของขวัญไว้ในห้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

 

 

 

 

「ถ้าหากเขาทำให้ลูกสาวท่านยิ้มได้ล่ะคะ?」

 

 

 

 

 

 

「±100แต้ม !」

 

 

 

 

 

 

พูดตามตรง เขาไม่ค่อยสนใจเรื่องฐานะของโนโซมุตราบใดที่เป็นคนที่ทำให้ลูกสาวเขาพอใจได้ เขาก็ยินดีที่จะยกลูกสาวให้

 

 

วิคเตอร์นั้นอ่านเจตนาของผู้อื่นได้ดีและเฉียบขาดยิ่งกว่าไอริส ดังนั้นเขามองแวบแรกก็รู้แล้วว่าลูกสาวเขาหลงรักโนโซมุ

 

 

 

 

 

 

「ไม่สิต้องให้ดับเบิ้ลสกอร์เลยด้วยซ้ำสินะคะ ? แม้จะมีความสุขแต่ก็กลับแอบอิจฉาริษยาอย่างบ้าคลั่ง อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้แม้แต่คุณหนูโซเมียก็ยังติดเขาแจ แม้แต่ท่านไอริสก็ยังแอบหลงรัก……」

 

 

 

 

 

 

「หนอยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย……」

 

 

 

 

 

 

ลูกสาวคนรองยังเด็กอยู่ ดังนั้นตอนนี้เธอคิดว่าโนโซมุเป็นเพียงพี่ชายเท่านั้น แต่ลูกสาวคนโตกลับพัฒนาความสัมพันธ์เข้าสู่โซนอันตรายแล้ว

 

 

แม้ว่าจะรู้ว่าเขาเป็นคนดี แต่ก็เป็นสิ่งที่วิคเตอร์ไม่ยอมรับ

 

 

การที่เขาอิจฉาเพราะใส่ใจครอบครัว ก็เหมือนกับไอริสดิน่าทุกประการแต่ว่าอีกฝ่ายเป็นชายวัยกลางคนที่ดูแข็งแกร่ง ก็ไม่มีอะไรดูน่ารักเลย และดูน่ารำคาญมากกว่าอีกที่ทำตัวเป็นหมาหวงก้าง

 

 

 

 

 

 

「……นายท่านคะฉันคิดว่าถึงเวลาที่นายหญิงต่องออกเรือนแล้วนะคะ?」

 

 

 

 

 

 

「นั่นนะเหรอที่จะพูด ! คนเป็นพ่อก็ต้องปกป้องภัยอันตรายที่จะเข้าใกล้ลูกสาวสิ!」

 

 

 

 

 

 

ไร้สาระชะมัด

 

 

ประการแรกคำพูดไม่ได้สร้างร่างกายขึ้นมา

 

 

ในฐานะพ่อก็ควรจะปล่อยให้ลูกสาวได้มีความสุขกับคนที่ชอบไม่ใช่เหรอ

 

 

อันที่จริงเมื่อเมน่าชี้ให้เห็นว่าในกรณีของเจ้านายเอง เหตุผลเดียวก็คือ “หึง” ใช่ไหม วิคเตอร์ก็ทำได้แต่กัดฟันกรอดดดด

 

 

เมื่อตระหนักได้ว่าโต้เถียงไปก็เปล่าประโยชน์ วิคเตอร์จึงเปลี่ยนเรื่อง

 

 

 

 

 

 

「ลองคิดดูถ้าต้องออกเรือนมาจริงๆ จะมีคนมาสู่ขอมากแค่ไหนกัน!?」

 

 

 

 

 

 

ถูกต้องแล้ว เมน่าได้ถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้ให้ไอริสและโซเมียทราบ

 

 

เรียกได้ว่านี่เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จะส่งผลในอนาคต

 

 

อย่างไรก็ตามเมน่ายังคงพูดด้วยท่าทีสงบ

 

 

 

 

 

 

「แน่นอนว่าดิฉันเองก็คิดถึงนายหญิงและคุณหนู วิธีเดียวที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีก็คือรุกตั้งแต่เนิ่นๆค่ะ และมันก็ขึ้นอยู่กับเจ้าตัวว่าจะตัดสินใจยังไง ในแง่นั้นดูเหมือนนายหญิงเองก็เริ่มจะมีใจให้ใครสักคนเป็นพิเศษอยู่แล้วนะคะ」

 

 

 

 

 

 

เมน่ากล่าวว่าการแต่งงานก็เพียงแค่เชื่อมสัมพันธ์ทางฐานะสังคม จะทำอย่างไรกับความสันพันธ์นั้นก็ขึ้นกับไอริส

 

 

ในความเป็นจริงเมน่าเองก็เป็นหนึ่งในข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของวิคเตอร์ วิคเตอร์รู้ดีถึงความเฉียบแหลมของเธอ

 

 

โนโซมุ เบลาตี้ มีสาวคนเดียวในใจมาตลอด ต้องเรียกว่าดั้นด้นพยายาม รักเดียวใจเดียว

 

 

สิ่งนี้สามารถเห็นได้เพราะว่าความจริงเขาไม่เคยโทษเพื่อนสมัยเด็กเลย

 

 

นั่นเป็นสาเหตุที่ว่าไม่มีอะไรให้โต้แย้งเมน่าได้

 

 

 

 

 

 

「อย่างไรก็ตาม นายหญิงก็สังเกตเห็นถึงอารมณ์และความเปลี่ยนแปลงของท่านโนโซมุเป็นอย่างดี และนับตั้งแต่ที่เขากลับไปที่หอพักชายนายหญิงก็ดูเป็นกังวลมากด้วยสิคะ……」

 

 

 

 

 

 

「นี่ ข้าต้องยอมรับงั้นเหรอออออออออออออออออออออーーーーーー!」

 

 

 

 

 

 

เสียงกรีดร้องอันไร้หัวใจของคนเป็นพ่อดังก้องไปทั่วห้องในคฤหาสน์อันกว้างใหญ่

 

 

 

 

 

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

Status: Ongoing
สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท