บทที่7ตอนที่ 18
กำแพงขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบอาร์คาซัม
กำแพงหนาที่สูงกว่า 10 เมตร สร้างขึ้นจากหินธรรมชาติแทนอิฐ และติดตั้งบาเรียที่ป้องกันได้ทั้งกายภาพและเวทย์อย่างยอดเยี่ยม
กำแพงขนาดมหึมาซึ่งเกินกว่าปราสาทในราชวังถูกสร้างขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้วเพื่อป้องกันการรุกรานจากประเทศต่างๆ แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของอาร์คาซัม และในขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเมืองอย่างชัดเจน
แต่ในชีวิตประจำวันที่สงบสุข ที่นี่กลับกลายเป็นที่พักผ่อนของเหล่านก ผู้ส่งสารแห่งท้องฟ้าที่กำลังพักปีกที่กำแพงเมืองพร้อมเสียงร้องในลำคอ
เด็กผู้หญิงในชุดสีขาวยืนอยู่บนกำแพงปราสาทที่มีนกอยู่เต็มไปทั่ว
ผมสีขาวชวนให้นึกถึงน้ำแข็ง ถ้าให้เดาก็อยู่ในช่วงวัยรุ่นตอนกลาง ท่ามกลางสีเรียบๆริบบิ้นชมพูผ่อนที่ผูกปอยผมทำให้หญิงสาวดูอ่อนกว่าวัย
เด็กสาวคนนั้นมีนามว่าอาเซลค่อยๆลูบริบบิ้นขณะปล่อยให้ลมพัดผ่าน จากนั้นก็จ้องไปยังจุดหนึ่งในเมือง
ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและความโกรธ บางทีอาจเป็นเพราะความโกรธที่หลุดออกมาจากร่างจึงไม่มีนกตัวไหนเข้าใกล้
「อาเซล มาทำอะไรในที่แบบนี้……」
ชายชราตะโกนเรียกอาเซลจากด้านหลังขณะที่อาเซลกำลังจ้องไปที่เมืองอาร์คาซัม ด้วยเหตุผลบางอย่างนกจึงรวมกันรอบๆไหล่และศีรษะของชายชราคล้ายกับหมวกผ้าฝ้าย
ซอนเน่ยิ้มอย่างขมขื่นให้กับนกที่จิกกัดเขา ซอนเน่หยิบเศษขนมปังออกจากกระเป๋าและโปรยไปทั่ว
เหล่านกรีบไปหาเศษขนมปังและจิกกัดอย่างเมามัน
ซอนเน่มองดูนกด้วยความสุขใจ จากนั้นจึงหันไปมองอาเซลที่ยังคงจ้องมองอาร์คาซัม
「เคยเห็นเด็กคนนั้นไหม?」
อาเซลค่อยๆหันกลับมาโดยไม่ตอบ นกที่กำลังจะกินอาหารก็หยุดทันที
ปากของอาเซลปิดแน่น และดวงตาของเธอก็แสดงออกถึงความโกรธอย่างมาก
「จะต้องฆ่าเจ้านั่นให้ได้ใช่ไหมล่ะ? ถ้าทำแบบนั้นเทียแมตก็ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างแน่นอน หากเป็นแบบนั้นมันก็จะกลับเข้าลูปเดิม แถมในตอนนี้พวกเรายังไม่มีพลังพอที่จะขจัดมังกรดำตัวนั้น」
อาเซลขมวดคิ้วกับคำพูดของซอนเน่
ประการแรก โอกาสในการชนะสิ่งมีชีวิตที่หลุดโลกแม้แต่มังกรโบราณยังเอาชนะไม่ได้เลย มันก็เหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทร
「เข้าใจดีน่าปู่ ยังไงก็ตาม ทิ้งมันไว้แบบนั้นไม่ได้หรอก」
อย่างไรก็ตาม อาเซลไม่มีความคิดจะหยุดเรื่องการกำจัดเทียแมตทิ้ง
ซอนเน่ส่ายหัว
「ถ้าเป็นแบบนั้นก็ช่วยไม่ได้ นี่มันอยู่ในช่วงวิกฤติ จะปล่อยให้ไอ้เด็กเหลือขอแบบเจ้าไปยุ่งกับพ่อหนุ่มนั่นไม่ได้เด็ดขาด……」
เมื่อตระหนักได้ดังนั้น ซอนเน่จึงหยิบไม้เท้าออกมา ดูเหมือนว่าจะต้องมีการใช้กำลังเพื่อยับยั้ง
ความตึงเครียดเพิ่มขึ้นฉับพลัน นกที่เฝ้าดูสถานการณ์ต่างบินหนีไปหมดแล้ว
แสงสีขาวไหลออกจากร่างของชายชรา เป็นแสงที่ริบหรี่ราวกับหมอกควัน จังหวะเดียวกันเขาก็มองไปที่อาเซล
ความรู้สึกนั่นมันน่ากลัวมากจนแม้กระทั่งสัตว์ประหลาดผู้หิวโหยยังต้องกลั้นหายใจ อาเซลยื่นอกมั่น โดยแสดงความตั้งใจอัดเด็ดเดี่ยวว่าจะไม่ถอยกลับ
เมื่อเห็นอาเซลแบบนั้น ซอนเน่ก็หรี่ตาลง
「ไม่ว่ายังไงเจ้าก็เอาชนะคนเดียวไม่ได้หรอก」
「ใช่แล้ว ก็แค่ทำคนเดียวไม่ได้ใช่ไหมละ? แค่คนเดียว……」
อาเซลเน้นย้ำราวกับบอกว่ารู้อยู่แล้ว
ต่อหน้าซอนเน่ที่ทำท่าสงสัยอาเซลล้วงกระเป๋าหยิบบางอย่างออกมา
สิ่งที่เธอหยิบออกมาคือคริสตัลสีขาวที่บรรจุเครื่องประดับติดผมเปล่งประกาย ทันทีที่ซอนเน่เห็นก็หยุดนิ่ง
「อึก!? หยุดเดี๋ยวนี้นะ!」
ซอนเน่เบิกตากว้าง ในขณะที่คิดหาทางออก แต่อาเซลก็เปิดใช้วงเวทย์อย่างรวดเร็ว
คริสตัลเปล่งแสงและวงเวทย์ปรากฏขึ้นในอากาศ วงแหวนเวทย์นั้นใหญ่มากจนเทียบไม่ได้กับที่ซอนเน่เคยแสดงให้พวกโนโซมุดู
ทันทีที่วงกลมเวทย์ส่องแสง ซอนเน่เองพยายามร่ายเวทย์ขัดและโทษตัวเองที่สะเพร่า
แต่ว่า มันสายไปแล้ว
วงเวทย์ของอาเซลเข้าใกล้ซอนเน่ ก่อนที่ซอนเน่จะได้ใช้เวทย์และพลังเวทย์ของอาเซลก็เข้าใกล้ซอนเน่จนระเบิด
เกิดแสงสว่างวาบชั่วครู่หลังจากนั้นสิ่งที่เหลืออยู่คือหญ้าที่เติบโตระหว่างช่องว่างระหว่างก้อนอิฐ
ชายชราที่อยู่ตรงนั้นหายไปไม่เหลือแม้แต่ร่องรอย
「ไม่ว่าจะแก่ขนาดไหน ถ้าโดนเจ้านี่เข้าไปอย่างน้อยก็ซื้อเวลาได้บ้างแหละ ไอ้มังกรเวรฉันจะไปจัดการแก……」
คำพูดของอาเซลดังก้องไปทั่ว
เธอมองลงไปที่คริสตัลในมือและกัดริมฝีปากแน่น
ความอึดอัดใจเล็กๆปรากฏขึ้น ความรู้สึกที่ดูเหมือนไร้อารมณ์แต่แท้จริงแล้วกำลังรู้สึกผิดต่อครอบครัว
ในขณะนั้นเองอาเซลก็เห็นผมของตัวเองที่ปลิวไปตามสายลม
สีชมพูอ่อนที่ผสมผสานเข้ากับสีขาวทึบ
เธอค่อยๆลูบริบบิ้นและกอดคริสตัลในมือเอาไว้แน่น
「พระองค์ ได้โปรดเป็นกำลังให้แก่ข้าพเจ้าเพื่อเติมเต็มความปรารถนาอันแรงกล้าของพระองค์……」
อาเซลหลับตาราวกับสวดภาวนาและหายใจเข้าลึกๆ
ในที่สุดเธอก็ลืมตาขึ้นวางคริสตัลใส่กระเป๋าและจ้องมองไปยังจุดหนึ่งของอาร์คาซัม
「วันนี้เป็นวันที่แกจะต้องสิ้นสภาพเทียแมต」
วงเวทย์เปิดออกอีกครั้ง ด้วยเสียงที่ดังขึ้น เธอก็หายไปจากยอดกำแพง
บนกำแพงที่ว่างเปล่ามีขนนกที่ปลิวไปตามสายลม
————————————————-
โนโซมุและลิซ่ากำลังเดินไปที่ย่านการค้า การหยุดเป็นครั้งคราวยังคงความเงียบอันหนักหน่วงระหว่างสองคน
ทั้งโนโซมุและลิซ่าดูเหมือนจะกังวลกับคนข้างๆขณะที่พวกเขากำลังขยับตัวแบบฝืนๆและเอาแต่ไม่มองกัน
「ลิซ่า เป้าหมายของเธอต้องไปส่งที่ไหนเหรอครับ……」
ช่วยไม่ได้ถ้าเป็นแบบนี้ โนโซมุเลยรวมความกล้าถามเธอออกไปตรงๆ
จริงๆแล้วแม้จะได้ยินว่าต้องการความช่วยเหลือเรื่องการขนสัมภาระ แต่ก็ไม่ได้รู้เลยว่าส่งไปที่ไหน
คำตอบของลิซ่ามันช่างสั้นเสียเหลือเกิน
「ต่อจากนี้ไปอีกหน่อย ค่อนข้างไกลจากถนนสายหลักเล็กน้อย แ่ต่มันก็พอเข้าไปได้เนื่องจากเป็นร้านขนาดใหญ่……」
「อะ อืม……」
「…………」
ลิซ่าก้าวไปข้างหน้าโนโซมุและเริ่มนำทาง
โนโซมุอ้าปากกว้างราวกับจะพูดอะไรบางอย่างแต่พูดไม่ออก
โนโซมุทำอะไรไม่ได้นอกจากจ้องแผ่นหลังของลิซ่าที่เดินไปเงียบๆ
ทั้งสองคนที่อยู่ใกล้แสนใกล้แต่ระยะห่างระหว่างพวกเขากลับไกลแสนไกล
ยิ่งไปกว่านั้นความบาดหมางที่ยาวนานมากว่าสองปี
โนโซมุหลับตาลงถามตัวเองอีกครั้ง
ผมดิ้นรนมามากมายขนาดนี้ก็เพื่อทำลายความสัมพันธ์อันบิดเบี้ยวของเคนและลิซ่า แต่นอกเหนือจากนั้นก็ไม่เคยคิดถึงอนาคตตัวเองมาก่อนเลย
จริงๆแล้วไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น ยังไงก็ตาม ต้องตัดสินใจเพราะชีวิตจะต้องก้าวเดินต่อไป
ตอนนี้อาจจะกำลังปฏิเสธตัวเองอยู่ก็ได้นั่นก็เพราะตัวเขาหนีอดีตมาตลอด
อย่างไรก็ตามปัจจุบันโนโซมุหาได้เป็นเช่นนั้น ตอนนี้เขายอมรับบาปที่ตัวเองก่อพร้อมจะชดใช้บาปและก้าวไปข้างหน้า และเริ่มคิดถึงความสัมพันธ์ที่ต้องเริ่มขึ้นใหม่ระหว่างลิซ่า
ฐานะคนรัก? เพื่อน? เพื่อนสมัยเด็ก? หรือในฐานะคนแปลกหน้า?
ความคิดที่เข้ามาในหัวมันสับสนจนอธิบายอะไรไม่ได้
เป็นอีกครั้งที่โนโซมุมองดูแผ่นหลังของลิซ่าขณะที่เดินต่อไป แผ่นหลังของผู้หญิงที่ดูละเอียดอ่อน ผมเคยคิดว่าควรจะปกป้องเอาไว้ในสักครั้งหนึ่ง
เมื่อเห็นเธอปลอดภัยดี อารมณ์ที่ปั่นป่วนในใจก็เริ่มสงบลงบ้าง
ยังมีความรู้สึกที่บรรยายไม่ได้อีกลึกๆในใจ แต่ถ้าเธอโอเคกับแบบนี้ บางทีคำสัญญาที่ผมเคยเสียมันไปก็คงจะสมหวังในระดับหนึ่ง
เมื่อคิดแบบนั้นก็โล่งใจเล็กน้อย
(ผมเองก็เริ่มเปลี่ยนไปเหมือนกันสินะ?)
ผมจับด้ามดาบที่ถือไว้แน่น ความผูกผันที่มีกับอาจารย์ที่ตระหนักให้รู้ถึงข้อผิดพลาด และยังคงสนับสนุนเขาแม้ตัวเธอจะจากไปแล้วก็ตาม
นั่นคือก้าวแรกที่เขาทำพร้อมกับสร้างเพื่อนๆคนสำคัญสำหรับตัวเอง
ถ้าผมทำตามความฝันลิซ่า ผมคงไม่ได้ใกล้ชิดกับพวกไอริสเลย
แผ่นหลังของผู้หญิงที่ผมอยากปกป้อง ตอนนี้ผมจะทำแบบนั้นได้อีกรึเปล่า ในขณะเดียวกันผมเองก็มีความสุขที่มีเพื่อนๆคอยแบ่งเบาภาระ
แม้ว่าจะหยุด หนี และดิ้นรน แต่ก็เปลี่ยนไปก่อนจะรู้ตัว
อนาคตของตัวเอง เป้าหมายของตัวเอง ยังมองมันไม่เห็น แต่ว่า……。
「……เอ่อ?」
ในขณะนั้นโนโซมุที่มีความคิดลึกซึ้งก็รู้สึกได้ว่าตัวเองได้เบี่ยงเบนออกจากถนนสายหลักและเดินไปตามถนนร้าง
เมื่อมองไปรอบๆก็พบว่าแถวนี้มีคนน้อยนิดและมีแผงลอยเล็กๆน้อยๆที่อยู่ตรงนั้น
ก่อนที่เธอจะรู้ตัว ลิซ่าก็ก้าวเข้ามาในพื้นที่นอกย่านการค้าผ่านบ้านเรือนต่างๆ
「นี่ ลิซ่า พวกเรามาถูกทางแล้วงั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าแถวๆโรงเรียนจะไม่มีร้านแบบแถวนี้นะ……」
ลิซ่ารีบเดินไปข้างหน้าโดยไม่สนคำพูดของโนโซมุ โนโซมุเลยต้องตามไป
เข้าไปในถนนด้านข้างของแผงลอยและเดินต่อไปจนกระทั่งเจอทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ นอกเหนือจากดอกไม้อันเขียวชอุ่มแล้ว กำแพงเมืองขนาดใหญ่ก็ตั้งตระหง่านท่ามกลางแสงแดด
「ที่นี่มันขอบด้านนอก ทำไมถึงมาที่นี่กันล่ะ……」
พวกเรามาถึงขอบด้านนอกของเมืองอาร์คาซัม พื้นที่อันกว้างใหญ่แผ่กระจายให้เห็น
โนโซมุยังคงสงสัยในขณะนั้นลิซ่าก็หันกลับมา
เมื่อเห็นสีหน้าแบบนั้นโนโซมุก็อ้าปากค้าง
ดวงตาของเธอเหมือนจะครุ่นคิดอะไรบางอย่างและปากก็เม้มราวกับอดทนบางสิ่ง ลิซ่ามองตรงไปยังโนโซมุด้วยสีหน้าเจ็บปวดราวกับว่าร่างกายเธอจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ
「……จริงๆแล้วเรื่องที่ขอให้ช่วยน่ะโกหก」
「เอ๊ะ?ถ้างั้นทำไม……」
โนโซมุไม่เข้าใจสถานการณ์อย่างท่องแท้ จึงเปล่งเสียงออกมาด้วยความโกรธ ลิซ่ามองดูพร้อมกับขอโทษ
「อาจารย์นอร์นเป็นคนวางแผนน่ะ……」
「ว่าไงนะ?」
「อืม เป็นข้ออ้างที่เธอวางขึ้นเพื่อจะทำให้ฉันได้คุยกับโนโซมุเพียงลำพัง……」
โนโซมุเบิกตากว้างเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ก็รู้ว่ามีโอกาสจะต้องได้พูดคุย อย่างไรก็ตาม โนโซมุไม่คิดเลยว่าลิซ่าเองก็หาโอกาสคุยอยู่เหมือนกัน
ความรู้สึกของโนโซมุที่มีต่อลิซ่าและลิซ่าที่มีต่อโนโซมุซับซ้อนราวกับด้ายที่พันกันและไม่สามารถแสดงออกเป็นคำพูดได้
อย่างไรก็ตาม ความเจ็บปวดที่กัดกร่อนในใจเธอเข้าใจเป็นอย่างดี
มันเป็นความเสียใจที่เธอไม่ไว้ใจโนโซมุ และความสำนึกผิดที่ทำให้เขาต้องทุกข์ทรมานตลอดสองปี
เมื่อเผชิญหน้ากับโนโซมุที่จิตใจคงที่แล้วบางสิ่งที่เหมือนกับบางอย่างหลุดออกก็ถูกปลดปล่อยจากตัวเธอ
「ฉัน แกล้งทำเป็นไม่เห็นอยู่ตลอดเวลา ทำร้ายโนโซมุมามากมายโดยไม่รู้ตัว……」
การสารภาพบาปและคำขอโทษมันเจ็บปวดเหมือนกรีดอกตัวเอง แต่ยิ่งไปกว่านั้นยังมีความร้อนที่ลุกโชนแผดเผาในอกของเธอ
ความเจ็บปวดเพิ่มมากขึ้นในทุกๆคำพูด เพียงแค่ปลดโซ่ตรวนออก ความรู้สึกที่เร่าร้อนมันก็ถูกปลดปล่อย
「ตอนแรกฉันก็คิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่โนโซมุต้องโดนแบบนั้น แต่ว่ามันเป็นความผิดของฉันเอง……」
ลิซ่ายังคงพูดต่อไปในขณะที่จิตใจของเธอกำลังเผาไหม้
เธอไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว
「การถูกเกลียดเป็นเรื่องปกติ การจะถูกชิงชังเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าหากต้องโดนโนโซมุเกลียด……」
ฉันไม่สามารถขอให้เขาอภัยให้ฉันได้ ฉันไม่มีคุณสมบัตินั้นอีกต่อไป
อย่างไรก็ตามโนโซมุกัดฟันระงับความโกรธ เขาไม่ได้คิดจะต่อว่าลิซ่า แต่เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอ
ด้วยขาที่สั่นเทาและปากที่กำลังจะปิดลง ลิซ่าเริ่มสร้างคำพูดอีกครั้ง
「ฉันก็เลยคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่ต้องคุยกันให้ถูกต้อง….แต่ตอนนี้ฉัน……」
ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว เพื่อนสมัยเด็กคนนั้นได้ไปในที่ไกลออกไป แถมตอนนี้ยังมีคนที่เหมาะสมอยู่เคียงข้าง
ถึงกระนั้นลิซ่าก็ยังไม่อยากจะถอดใจ
ในสายตาของลิซ่ามีผู้หญิงสองคนที่รายล้อมโนโซมุ
คนหนึ่งเป็นหญิงสาวผมสีดำสง่าแม้ว่าจิตใจจะแตกสลายยามเห็นคนรักไม่ยอมฟื้นกลับมา แต่ก็ยังคอยดูแลโนโซมุไม่มีห่าง
ผู้หญิงที่ดูเข้มแข็งพยายามระงับความโกรธของตัวเองที่โนโซมุพยายามช่วยเธอออกมาจากอันตรายโดยแลกกับชีวิตของตัวเอง
อีกคนหนึ่งเป็นเอลฟ์ที่เข้าใจความรู้สึกของโนโซมุเป็นอย่างดีและพยายามสงบสติอารมณ์ลิซ่าเอาไว้
ฉันมั่นใจว่าพวกเธอสองคนจะคอยสนับสนุนโนโซมุตลอดทาง
แม้ว่าความคิดแบบนั้นจะเกิดขึ้นกับฉันด้วยก็ตาม แต่ฉันก็ยังอิจฉาสาวๆที่อยู่ข้างๆและความรู้สึกของฉันที่มีต่อโนโซมุไม่เคยหายไป
ดังนั้นไม่ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหนก็ต้องพูดให้ถูก ถ้าไม่ทำแบบนั้น ก็ไม่มีสิทธิ์จะมองหน้าเขาอีกต่อไป
แค่ว่า……。
「ขอร้องล่ะฉันไม่อยาก……」
「เอ๊ะ!?」
“ขอโทษนะ”
ตอนที่ลิซ่าจะพูดคำนั้น โนโซมุดูท่าทางเครียดด้วยเหตุผลบางอย่าง
ราวกับว่าถูกอาฆาตมาดร้าย เขากระโดดเข้าหาลิซ่าคว้าร่างของเธอและออกจากจุดนั้น
「เอออออ๊ะ……?」
ลิซ่าตกใจที่เห็นโนโซมุอุ้มเธอในท่าเจ้าหญิง
อย่างไรก็ตามวินาทีต่อมาก็เกิดแสงประกายสีขาวขึ้นอย่างรุนแรงพร้อมกับสายตาที่พร่ามัว
「คิย๊าาาาาาาาาาาาาา!」
「อ๊าาาาาาาาาาาาห!」
ร่างทั้งสองลอยขึ้นไปในอากาศกระแทกลงสู่พื้น
อะไรกัน? ต่อหน้าลิซ่าที่สับสน โนโซมุลุกและชักดาบออกมา
การกระทำของเขาเข้าสู่โหมดต่อสู้โดยธรรมชาติ
ด้วยความสับสนและไม่เข้าใจสถานการณ์ ลิซ่ารีบลุกขึ้นพร้อมกับมองรอบๆอย่างระมัดระวัง
ใครโจมตีเข้ามากัน
มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจ้องมองโนโซมุ ไม่สิมีเพียงโนโซมุที่อยู่ห่างออกไป 20 เมตร เท่านั้นและฝั่งตรงข้ามมีแต่เจตนาฆ่าอันรุนแรงปล่อยออกมา
โนโซมุอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างกับความเกลียดชังที่พุ่งใส่เขา
「เอ่อ จะเอาจริงๆเหรออาเซลจัง?」
ในทางกลับกันลิซ่าจำผู้หญิงตรงหน้าเธอได้ วันก่อนเธอเป็นผู้หญิงที่ทะเลาะกับชายชราเจ้าของร้านดูดวงซอนเน่
โนโซมุถามลิซ่าซึ่งอดไม่ได้ที่ะพูดถึงชื่อของเธอคนนั้น
「ลิซ่า รู้จักเธองั้นเหรอ?」
「เอ่อ ไม่หรอกเป็นเด็กผู้หญิงที่เห็นอยู่ที่ร้านซอนเน่……」
「……เหะ?」
เมื่อโนโซมุได้ยินแบบนั้นก็คิ้วขมวด
หลังจากเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นไม่มีใครรู้เลยว่าซอนเน่หายไปไหน
ทำไมลิซ่ารู้จักซอนเน่
เท่าที่โนโซมุรู้ไม่เคยจำได้เลยว่าลิซ่ากับซอนเน่เคยคุยกัน
หากเป็นแบบนี้ก็เดาได้อย่างเดียวคงจะมีการพูดคุยเกิดขึ้น แต่อะไรคือเหตุผลให้ตาแก่นั่นติดต่อกับลิซ่า
โนโซมุรู้อยู่แล้วว่าซอนเน่มีพลังแฝง ว่ากันว่าเขามีแผนบางอย่างและพยายามทำให้โนโซมุมีส่วนร่วม
จากนั้นลิซ่าก็บอกว่าหญิงสาวตรงหน้าเกี่ยวข้องกับซอนเน่ ถ้าเป็นแบบนั้นก็น่าจะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด
「แล้ว “ยัยนี่” เกี่ยวอะไรด้วยล่ะ ถ้าแค่ตาแก่บ้ากามนั่น ไม่ได้จงเกลียดจงชังผมขนาดนี้ซะหน่อย……」
ชายชราที่ดูเหมือนจะมีสิ่งรอบตัวมากมายเกิดขึ้นยังไม่ได้ทำอะไรที่ดูเป็นศัตรที่ชัดเจนจนถึงตอนนี้
การโจมตีครั้งนี้คือการตัดสินใจเอาเองของหญิงสาวหรือตาแก่
「ให้ตายเหอะ ไม่เข้าใจจริงๆ……」
โนโซมุสับสนกับท่าทีเปลี่ยนไปมา แต่ตอนนี้เกิดคำถามมากมาย
ความเกลียดชังที่มุ่งมาหาเขามันรุนแรงขึ้นราวกับแทงทะลุร่างของโนโซมุ โนโซมุหยิบดาบขึ้นมา
ลิซ่าก็เฝ้าสังเกตอาเซลอย่างระวังแต่ในใจก็กังวล
ลิซ่าเองก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอ สิ่งเดียวที่รู้คือเธอพยายามจะฆ่าโนโซมุ และเหตุผลที่เธอโกรธน่าจะเป็นเพราะความลับที่โนโซมุกุมเอาไว้
ลิซ่าเหลือบมองโนโซมุจากด้านข้าง เขากำลังเข้าไปผัวพันอะไรอยู่
เนื่องจากสถานการณ์นี้ ลิซ่าอดไม่ได้ที่จะสงสัยเกี่ยวกับความลับของเขา
「ลิซ่า ! จะมาแล้ว!」
「อา!」
จู่ๆลิซ่าก็ปล่อยวางความคิดไร้สาระออกไปและกลับมาตั้งหลัก
ก่อนที่จะรู้ตัววงเวทย์จำนวนมากล้อมรอบอาเซล
「นั่นมันอะไรกันเนี่ย!?」
「บ้าเอ้ย เอาจริงดิ!?」
วงกลมเวทย์ถูกวาดขึ้นมาด้วยความเร็วขั้นสุดยอด ลิซ่าอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องกับเทคนิคชั้นสูงตรงหน้า
โนโซมุก้าวไปข้างหน้า รู้สึกหนาวสั่นไปตามกระดูกสันหลัง แต่วงเวทย์ของอาเซลรวดเร็วเกินไปและเห็นได้ชัดว่าเขารับมือไม่ทัน
พรึ่บบบบบบบบบ ! มีเสียงแหลมสูงดังขึ้นพร้อมกับระเบิดแสง
เมื่อแสงดับลงก็ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นอีกต่อไป