โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” – ตอนที่ 134

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

บทที่7ตอนที่ 18

 

กำแพงขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบอาร์คาซัม

 

กำแพงหนาที่สูงกว่า 10 เมตร สร้างขึ้นจากหินธรรมชาติแทนอิฐ และติดตั้งบาเรียที่ป้องกันได้ทั้งกายภาพและเวทย์อย่างยอดเยี่ยม

 

กำแพงขนาดมหึมาซึ่งเกินกว่าปราสาทในราชวังถูกสร้างขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้วเพื่อป้องกันการรุกรานจากประเทศต่างๆ แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของอาร์คาซัม และในขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเมืองอย่างชัดเจน

 

แต่ในชีวิตประจำวันที่สงบสุข ที่นี่กลับกลายเป็นที่พักผ่อนของเหล่านก ผู้ส่งสารแห่งท้องฟ้าที่กำลังพักปีกที่กำแพงเมืองพร้อมเสียงร้องในลำคอ

 

เด็กผู้หญิงในชุดสีขาวยืนอยู่บนกำแพงปราสาทที่มีนกอยู่เต็มไปทั่ว

 

ผมสีขาวชวนให้นึกถึงน้ำแข็ง ถ้าให้เดาก็อยู่ในช่วงวัยรุ่นตอนกลาง ท่ามกลางสีเรียบๆริบบิ้นชมพูผ่อนที่ผูกปอยผมทำให้หญิงสาวดูอ่อนกว่าวัย

 

เด็กสาวคนนั้นมีนามว่าอาเซลค่อยๆลูบริบบิ้นขณะปล่อยให้ลมพัดผ่าน จากนั้นก็จ้องไปยังจุดหนึ่งในเมือง

 

ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและความโกรธ บางทีอาจเป็นเพราะความโกรธที่หลุดออกมาจากร่างจึงไม่มีนกตัวไหนเข้าใกล้

 

 

 

「อาเซล มาทำอะไรในที่แบบนี้……」

 

 

 

ชายชราตะโกนเรียกอาเซลจากด้านหลังขณะที่อาเซลกำลังจ้องไปที่เมืองอาร์คาซัม ด้วยเหตุผลบางอย่างนกจึงรวมกันรอบๆไหล่และศีรษะของชายชราคล้ายกับหมวกผ้าฝ้าย

 

ซอนเน่ยิ้มอย่างขมขื่นให้กับนกที่จิกกัดเขา ซอนเน่หยิบเศษขนมปังออกจากกระเป๋าและโปรยไปทั่ว

 

เหล่านกรีบไปหาเศษขนมปังและจิกกัดอย่างเมามัน

 

ซอนเน่มองดูนกด้วยความสุขใจ จากนั้นจึงหันไปมองอาเซลที่ยังคงจ้องมองอาร์คาซัม

 

 

 

「เคยเห็นเด็กคนนั้นไหม?」

 

 

 

อาเซลค่อยๆหันกลับมาโดยไม่ตอบ นกที่กำลังจะกินอาหารก็หยุดทันที

 

ปากของอาเซลปิดแน่น และดวงตาของเธอก็แสดงออกถึงความโกรธอย่างมาก

 

 

 

「จะต้องฆ่าเจ้านั่นให้ได้ใช่ไหมล่ะ? ถ้าทำแบบนั้นเทียแมตก็ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างแน่นอน หากเป็นแบบนั้นมันก็จะกลับเข้าลูปเดิม แถมในตอนนี้พวกเรายังไม่มีพลังพอที่จะขจัดมังกรดำตัวนั้น」

 

 

 

อาเซลขมวดคิ้วกับคำพูดของซอนเน่

 

ประการแรก โอกาสในการชนะสิ่งมีชีวิตที่หลุดโลกแม้แต่มังกรโบราณยังเอาชนะไม่ได้เลย มันก็เหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทร

 

 

 

「เข้าใจดีน่าปู่ ยังไงก็ตาม ทิ้งมันไว้แบบนั้นไม่ได้หรอก」

 

 

 

อย่างไรก็ตาม อาเซลไม่มีความคิดจะหยุดเรื่องการกำจัดเทียแมตทิ้ง

 

ซอนเน่ส่ายหัว

 

 

 

「ถ้าเป็นแบบนั้นก็ช่วยไม่ได้ นี่มันอยู่ในช่วงวิกฤติ จะปล่อยให้ไอ้เด็กเหลือขอแบบเจ้าไปยุ่งกับพ่อหนุ่มนั่นไม่ได้เด็ดขาด……」

 

 

 

เมื่อตระหนักได้ดังนั้น ซอนเน่จึงหยิบไม้เท้าออกมา ดูเหมือนว่าจะต้องมีการใช้กำลังเพื่อยับยั้ง

 

ความตึงเครียดเพิ่มขึ้นฉับพลัน นกที่เฝ้าดูสถานการณ์ต่างบินหนีไปหมดแล้ว

 

แสงสีขาวไหลออกจากร่างของชายชรา เป็นแสงที่ริบหรี่ราวกับหมอกควัน จังหวะเดียวกันเขาก็มองไปที่อาเซล

 

ความรู้สึกนั่นมันน่ากลัวมากจนแม้กระทั่งสัตว์ประหลาดผู้หิวโหยยังต้องกลั้นหายใจ อาเซลยื่นอกมั่น โดยแสดงความตั้งใจอัดเด็ดเดี่ยวว่าจะไม่ถอยกลับ

 

เมื่อเห็นอาเซลแบบนั้น ซอนเน่ก็หรี่ตาลง

 

 

 

「ไม่ว่ายังไงเจ้าก็เอาชนะคนเดียวไม่ได้หรอก」

 

 

 

「ใช่แล้ว ก็แค่ทำคนเดียวไม่ได้ใช่ไหมละ? แค่คนเดียว……」

 

 

 

อาเซลเน้นย้ำราวกับบอกว่ารู้อยู่แล้ว

 

ต่อหน้าซอนเน่ที่ทำท่าสงสัยอาเซลล้วงกระเป๋าหยิบบางอย่างออกมา

 

สิ่งที่เธอหยิบออกมาคือคริสตัลสีขาวที่บรรจุเครื่องประดับติดผมเปล่งประกาย ทันทีที่ซอนเน่เห็นก็หยุดนิ่ง

 

 

 

「อึก!? หยุดเดี๋ยวนี้นะ!」

 

 

 

ซอนเน่เบิกตากว้าง ในขณะที่คิดหาทางออก แต่อาเซลก็เปิดใช้วงเวทย์อย่างรวดเร็ว

 

คริสตัลเปล่งแสงและวงเวทย์ปรากฏขึ้นในอากาศ วงแหวนเวทย์นั้นใหญ่มากจนเทียบไม่ได้กับที่ซอนเน่เคยแสดงให้พวกโนโซมุดู

 

ทันทีที่วงกลมเวทย์ส่องแสง ซอนเน่เองพยายามร่ายเวทย์ขัดและโทษตัวเองที่สะเพร่า

 

แต่ว่า มันสายไปแล้ว

 

วงเวทย์ของอาเซลเข้าใกล้ซอนเน่ ก่อนที่ซอนเน่จะได้ใช้เวทย์และพลังเวทย์ของอาเซลก็เข้าใกล้ซอนเน่จนระเบิด

 

เกิดแสงสว่างวาบชั่วครู่หลังจากนั้นสิ่งที่เหลืออยู่คือหญ้าที่เติบโตระหว่างช่องว่างระหว่างก้อนอิฐ

 

ชายชราที่อยู่ตรงนั้นหายไปไม่เหลือแม้แต่ร่องรอย

 

 

 

「ไม่ว่าจะแก่ขนาดไหน ถ้าโดนเจ้านี่เข้าไปอย่างน้อยก็ซื้อเวลาได้บ้างแหละ ไอ้มังกรเวรฉันจะไปจัดการแก……」

 

 

 

คำพูดของอาเซลดังก้องไปทั่ว

 

เธอมองลงไปที่คริสตัลในมือและกัดริมฝีปากแน่น

 

ความอึดอัดใจเล็กๆปรากฏขึ้น ความรู้สึกที่ดูเหมือนไร้อารมณ์แต่แท้จริงแล้วกำลังรู้สึกผิดต่อครอบครัว

 

ในขณะนั้นเองอาเซลก็เห็นผมของตัวเองที่ปลิวไปตามสายลม

 

สีชมพูอ่อนที่ผสมผสานเข้ากับสีขาวทึบ

 

เธอค่อยๆลูบริบบิ้นและกอดคริสตัลในมือเอาไว้แน่น

 

 

 

「พระองค์ ได้โปรดเป็นกำลังให้แก่ข้าพเจ้าเพื่อเติมเต็มความปรารถนาอันแรงกล้าของพระองค์……」

 

 

 

อาเซลหลับตาราวกับสวดภาวนาและหายใจเข้าลึกๆ

 

ในที่สุดเธอก็ลืมตาขึ้นวางคริสตัลใส่กระเป๋าและจ้องมองไปยังจุดหนึ่งของอาร์คาซัม

 

 

 

「วันนี้เป็นวันที่แกจะต้องสิ้นสภาพเทียแมต」

 

 

 

วงเวทย์เปิดออกอีกครั้ง ด้วยเสียงที่ดังขึ้น เธอก็หายไปจากยอดกำแพง

 

บนกำแพงที่ว่างเปล่ามีขนนกที่ปลิวไปตามสายลม

 

————————————————-

 

โนโซมุและลิซ่ากำลังเดินไปที่ย่านการค้า การหยุดเป็นครั้งคราวยังคงความเงียบอันหนักหน่วงระหว่างสองคน

 

ทั้งโนโซมุและลิซ่าดูเหมือนจะกังวลกับคนข้างๆขณะที่พวกเขากำลังขยับตัวแบบฝืนๆและเอาแต่ไม่มองกัน

 

 

 

「ลิซ่า เป้าหมายของเธอต้องไปส่งที่ไหนเหรอครับ……」

 

 

 

ช่วยไม่ได้ถ้าเป็นแบบนี้ โนโซมุเลยรวมความกล้าถามเธอออกไปตรงๆ

 

จริงๆแล้วแม้จะได้ยินว่าต้องการความช่วยเหลือเรื่องการขนสัมภาระ แต่ก็ไม่ได้รู้เลยว่าส่งไปที่ไหน

 

คำตอบของลิซ่ามันช่างสั้นเสียเหลือเกิน

 

 

 

「ต่อจากนี้ไปอีกหน่อย ค่อนข้างไกลจากถนนสายหลักเล็กน้อย แ่ต่มันก็พอเข้าไปได้เนื่องจากเป็นร้านขนาดใหญ่……」

 

 

 

「อะ อืม……」

 

 

 

「…………」

 

 

 

ลิซ่าก้าวไปข้างหน้าโนโซมุและเริ่มนำทาง

 

โนโซมุอ้าปากกว้างราวกับจะพูดอะไรบางอย่างแต่พูดไม่ออก

 

โนโซมุทำอะไรไม่ได้นอกจากจ้องแผ่นหลังของลิซ่าที่เดินไปเงียบๆ

 

ทั้งสองคนที่อยู่ใกล้แสนใกล้แต่ระยะห่างระหว่างพวกเขากลับไกลแสนไกล

 

ยิ่งไปกว่านั้นความบาดหมางที่ยาวนานมากว่าสองปี

 

โนโซมุหลับตาลงถามตัวเองอีกครั้ง

 

ผมดิ้นรนมามากมายขนาดนี้ก็เพื่อทำลายความสัมพันธ์อันบิดเบี้ยวของเคนและลิซ่า แต่นอกเหนือจากนั้นก็ไม่เคยคิดถึงอนาคตตัวเองมาก่อนเลย

 

จริงๆแล้วไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น ยังไงก็ตาม ต้องตัดสินใจเพราะชีวิตจะต้องก้าวเดินต่อไป

 

ตอนนี้อาจจะกำลังปฏิเสธตัวเองอยู่ก็ได้นั่นก็เพราะตัวเขาหนีอดีตมาตลอด

 

อย่างไรก็ตามปัจจุบันโนโซมุหาได้เป็นเช่นนั้น ตอนนี้เขายอมรับบาปที่ตัวเองก่อพร้อมจะชดใช้บาปและก้าวไปข้างหน้า และเริ่มคิดถึงความสัมพันธ์ที่ต้องเริ่มขึ้นใหม่ระหว่างลิซ่า

 

ฐานะคนรัก? เพื่อน? เพื่อนสมัยเด็ก? หรือในฐานะคนแปลกหน้า?

 

ความคิดที่เข้ามาในหัวมันสับสนจนอธิบายอะไรไม่ได้

 

เป็นอีกครั้งที่โนโซมุมองดูแผ่นหลังของลิซ่าขณะที่เดินต่อไป แผ่นหลังของผู้หญิงที่ดูละเอียดอ่อน ผมเคยคิดว่าควรจะปกป้องเอาไว้ในสักครั้งหนึ่ง

 

เมื่อเห็นเธอปลอดภัยดี อารมณ์ที่ปั่นป่วนในใจก็เริ่มสงบลงบ้าง

 

ยังมีความรู้สึกที่บรรยายไม่ได้อีกลึกๆในใจ แต่ถ้าเธอโอเคกับแบบนี้ บางทีคำสัญญาที่ผมเคยเสียมันไปก็คงจะสมหวังในระดับหนึ่ง

 

เมื่อคิดแบบนั้นก็โล่งใจเล็กน้อย

 

 

 

(ผมเองก็เริ่มเปลี่ยนไปเหมือนกันสินะ?)

 

 

 

ผมจับด้ามดาบที่ถือไว้แน่น ความผูกผันที่มีกับอาจารย์ที่ตระหนักให้รู้ถึงข้อผิดพลาด และยังคงสนับสนุนเขาแม้ตัวเธอจะจากไปแล้วก็ตาม

 

นั่นคือก้าวแรกที่เขาทำพร้อมกับสร้างเพื่อนๆคนสำคัญสำหรับตัวเอง

 

ถ้าผมทำตามความฝันลิซ่า ผมคงไม่ได้ใกล้ชิดกับพวกไอริสเลย

 

แผ่นหลังของผู้หญิงที่ผมอยากปกป้อง ตอนนี้ผมจะทำแบบนั้นได้อีกรึเปล่า ในขณะเดียวกันผมเองก็มีความสุขที่มีเพื่อนๆคอยแบ่งเบาภาระ

 

แม้ว่าจะหยุด หนี และดิ้นรน แต่ก็เปลี่ยนไปก่อนจะรู้ตัว

 

อนาคตของตัวเอง เป้าหมายของตัวเอง ยังมองมันไม่เห็น แต่ว่า……。

 

 

 

「……เอ่อ?」

 

 

 

ในขณะนั้นโนโซมุที่มีความคิดลึกซึ้งก็รู้สึกได้ว่าตัวเองได้เบี่ยงเบนออกจากถนนสายหลักและเดินไปตามถนนร้าง

 

เมื่อมองไปรอบๆก็พบว่าแถวนี้มีคนน้อยนิดและมีแผงลอยเล็กๆน้อยๆที่อยู่ตรงนั้น

 

ก่อนที่เธอจะรู้ตัว ลิซ่าก็ก้าวเข้ามาในพื้นที่นอกย่านการค้าผ่านบ้านเรือนต่างๆ

 

 

 

「นี่ ลิซ่า พวกเรามาถูกทางแล้วงั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าแถวๆโรงเรียนจะไม่มีร้านแบบแถวนี้นะ……」

 

 

 

ลิซ่ารีบเดินไปข้างหน้าโดยไม่สนคำพูดของโนโซมุ โนโซมุเลยต้องตามไป

 

เข้าไปในถนนด้านข้างของแผงลอยและเดินต่อไปจนกระทั่งเจอทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ นอกเหนือจากดอกไม้อันเขียวชอุ่มแล้ว กำแพงเมืองขนาดใหญ่ก็ตั้งตระหง่านท่ามกลางแสงแดด

 

 

 

「ที่นี่มันขอบด้านนอก ทำไมถึงมาที่นี่กันล่ะ……」

 

 

 

พวกเรามาถึงขอบด้านนอกของเมืองอาร์คาซัม พื้นที่อันกว้างใหญ่แผ่กระจายให้เห็น

 

โนโซมุยังคงสงสัยในขณะนั้นลิซ่าก็หันกลับมา

 

เมื่อเห็นสีหน้าแบบนั้นโนโซมุก็อ้าปากค้าง

 

ดวงตาของเธอเหมือนจะครุ่นคิดอะไรบางอย่างและปากก็เม้มราวกับอดทนบางสิ่ง ลิซ่ามองตรงไปยังโนโซมุด้วยสีหน้าเจ็บปวดราวกับว่าร่างกายเธอจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ

 

 

 

「……จริงๆแล้วเรื่องที่ขอให้ช่วยน่ะโกหก」

 

 

 

「เอ๊ะ?ถ้างั้นทำไม……」

 

 

 

โนโซมุไม่เข้าใจสถานการณ์อย่างท่องแท้ จึงเปล่งเสียงออกมาด้วยความโกรธ ลิซ่ามองดูพร้อมกับขอโทษ

 

 

 

「อาจารย์นอร์นเป็นคนวางแผนน่ะ……」

 

 

 

「ว่าไงนะ?」

 

 

 

「อืม เป็นข้ออ้างที่เธอวางขึ้นเพื่อจะทำให้ฉันได้คุยกับโนโซมุเพียงลำพัง……」

 

 

 

โนโซมุเบิกตากว้างเมื่อได้ยินเช่นนั้น

 

ก็รู้ว่ามีโอกาสจะต้องได้พูดคุย อย่างไรก็ตาม โนโซมุไม่คิดเลยว่าลิซ่าเองก็หาโอกาสคุยอยู่เหมือนกัน

 

ความรู้สึกของโนโซมุที่มีต่อลิซ่าและลิซ่าที่มีต่อโนโซมุซับซ้อนราวกับด้ายที่พันกันและไม่สามารถแสดงออกเป็นคำพูดได้

 

อย่างไรก็ตาม ความเจ็บปวดที่กัดกร่อนในใจเธอเข้าใจเป็นอย่างดี

 

มันเป็นความเสียใจที่เธอไม่ไว้ใจโนโซมุ และความสำนึกผิดที่ทำให้เขาต้องทุกข์ทรมานตลอดสองปี

 

เมื่อเผชิญหน้ากับโนโซมุที่จิตใจคงที่แล้วบางสิ่งที่เหมือนกับบางอย่างหลุดออกก็ถูกปลดปล่อยจากตัวเธอ

 

 

 

「ฉัน แกล้งทำเป็นไม่เห็นอยู่ตลอดเวลา ทำร้ายโนโซมุมามากมายโดยไม่รู้ตัว……」

 

 

 

การสารภาพบาปและคำขอโทษมันเจ็บปวดเหมือนกรีดอกตัวเอง แต่ยิ่งไปกว่านั้นยังมีความร้อนที่ลุกโชนแผดเผาในอกของเธอ

 

ความเจ็บปวดเพิ่มมากขึ้นในทุกๆคำพูด เพียงแค่ปลดโซ่ตรวนออก ความรู้สึกที่เร่าร้อนมันก็ถูกปลดปล่อย

 

 

 

「ตอนแรกฉันก็คิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่โนโซมุต้องโดนแบบนั้น แต่ว่ามันเป็นความผิดของฉันเอง……」

 

 

 

ลิซ่ายังคงพูดต่อไปในขณะที่จิตใจของเธอกำลังเผาไหม้

 

เธอไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว

 

 

 

「การถูกเกลียดเป็นเรื่องปกติ การจะถูกชิงชังเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าหากต้องโดนโนโซมุเกลียด……」

 

 

 

ฉันไม่สามารถขอให้เขาอภัยให้ฉันได้ ฉันไม่มีคุณสมบัตินั้นอีกต่อไป

 

อย่างไรก็ตามโนโซมุกัดฟันระงับความโกรธ เขาไม่ได้คิดจะต่อว่าลิซ่า แต่เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอ

 

ด้วยขาที่สั่นเทาและปากที่กำลังจะปิดลง ลิซ่าเริ่มสร้างคำพูดอีกครั้ง

 

 

 

「ฉันก็เลยคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่ต้องคุยกันให้ถูกต้อง….แต่ตอนนี้ฉัน……」

 

 

 

ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว เพื่อนสมัยเด็กคนนั้นได้ไปในที่ไกลออกไป แถมตอนนี้ยังมีคนที่เหมาะสมอยู่เคียงข้าง

 

ถึงกระนั้นลิซ่าก็ยังไม่อยากจะถอดใจ

 

ในสายตาของลิซ่ามีผู้หญิงสองคนที่รายล้อมโนโซมุ

 

คนหนึ่งเป็นหญิงสาวผมสีดำสง่าแม้ว่าจิตใจจะแตกสลายยามเห็นคนรักไม่ยอมฟื้นกลับมา แต่ก็ยังคอยดูแลโนโซมุไม่มีห่าง

 

ผู้หญิงที่ดูเข้มแข็งพยายามระงับความโกรธของตัวเองที่โนโซมุพยายามช่วยเธอออกมาจากอันตรายโดยแลกกับชีวิตของตัวเอง

 

อีกคนหนึ่งเป็นเอลฟ์ที่เข้าใจความรู้สึกของโนโซมุเป็นอย่างดีและพยายามสงบสติอารมณ์ลิซ่าเอาไว้

 

ฉันมั่นใจว่าพวกเธอสองคนจะคอยสนับสนุนโนโซมุตลอดทาง

 

แม้ว่าความคิดแบบนั้นจะเกิดขึ้นกับฉันด้วยก็ตาม แต่ฉันก็ยังอิจฉาสาวๆที่อยู่ข้างๆและความรู้สึกของฉันที่มีต่อโนโซมุไม่เคยหายไป

 

ดังนั้นไม่ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหนก็ต้องพูดให้ถูก ถ้าไม่ทำแบบนั้น ก็ไม่มีสิทธิ์จะมองหน้าเขาอีกต่อไป

 

 แค่ว่า……。

 

 

 

「ขอร้องล่ะฉันไม่อยาก……」

 

 

 

「เอ๊ะ!?」

 

 

 

“ขอโทษนะ”

 

 

 

ตอนที่ลิซ่าจะพูดคำนั้น โนโซมุดูท่าทางเครียดด้วยเหตุผลบางอย่าง

 

ราวกับว่าถูกอาฆาตมาดร้าย เขากระโดดเข้าหาลิซ่าคว้าร่างของเธอและออกจากจุดนั้น

 

 

 

「เอออออ๊ะ……?」

 

 

 

ลิซ่าตกใจที่เห็นโนโซมุอุ้มเธอในท่าเจ้าหญิง

 

อย่างไรก็ตามวินาทีต่อมาก็เกิดแสงประกายสีขาวขึ้นอย่างรุนแรงพร้อมกับสายตาที่พร่ามัว

 

 

 

「คิย๊าาาาาาาาาาาาาา!」

 

 

 

「อ๊าาาาาาาาาาาาห!」

 

 

 

ร่างทั้งสองลอยขึ้นไปในอากาศกระแทกลงสู่พื้น

 

อะไรกัน? ต่อหน้าลิซ่าที่สับสน โนโซมุลุกและชักดาบออกมา

 

การกระทำของเขาเข้าสู่โหมดต่อสู้โดยธรรมชาติ

 

ด้วยความสับสนและไม่เข้าใจสถานการณ์ ลิซ่ารีบลุกขึ้นพร้อมกับมองรอบๆอย่างระมัดระวัง

 

ใครโจมตีเข้ามากัน

 

มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจ้องมองโนโซมุ ไม่สิมีเพียงโนโซมุที่อยู่ห่างออกไป 20 เมตร เท่านั้นและฝั่งตรงข้ามมีแต่เจตนาฆ่าอันรุนแรงปล่อยออกมา

 

โนโซมุอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างกับความเกลียดชังที่พุ่งใส่เขา

 

 

 

「เอ่อ จะเอาจริงๆเหรออาเซลจัง?」

 

 

 

ในทางกลับกันลิซ่าจำผู้หญิงตรงหน้าเธอได้ วันก่อนเธอเป็นผู้หญิงที่ทะเลาะกับชายชราเจ้าของร้านดูดวงซอนเน่

 

โนโซมุถามลิซ่าซึ่งอดไม่ได้ที่ะพูดถึงชื่อของเธอคนนั้น

 

 

 

「ลิซ่า รู้จักเธองั้นเหรอ?」

 

 

 

「เอ่อ ไม่หรอกเป็นเด็กผู้หญิงที่เห็นอยู่ที่ร้านซอนเน่……」

 

 

 

「……เหะ?」

 

 

 

เมื่อโนโซมุได้ยินแบบนั้นก็คิ้วขมวด

 

หลังจากเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นไม่มีใครรู้เลยว่าซอนเน่หายไปไหน

 

ทำไมลิซ่ารู้จักซอนเน่

 

เท่าที่โนโซมุรู้ไม่เคยจำได้เลยว่าลิซ่ากับซอนเน่เคยคุยกัน

 

หากเป็นแบบนี้ก็เดาได้อย่างเดียวคงจะมีการพูดคุยเกิดขึ้น แต่อะไรคือเหตุผลให้ตาแก่นั่นติดต่อกับลิซ่า

 

โนโซมุรู้อยู่แล้วว่าซอนเน่มีพลังแฝง ว่ากันว่าเขามีแผนบางอย่างและพยายามทำให้โนโซมุมีส่วนร่วม

 

จากนั้นลิซ่าก็บอกว่าหญิงสาวตรงหน้าเกี่ยวข้องกับซอนเน่ ถ้าเป็นแบบนั้นก็น่าจะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด

 

 

 

「แล้ว “ยัยนี่” เกี่ยวอะไรด้วยล่ะ ถ้าแค่ตาแก่บ้ากามนั่น ไม่ได้จงเกลียดจงชังผมขนาดนี้ซะหน่อย……」

 

 

 

ชายชราที่ดูเหมือนจะมีสิ่งรอบตัวมากมายเกิดขึ้นยังไม่ได้ทำอะไรที่ดูเป็นศัตรที่ชัดเจนจนถึงตอนนี้

 

การโจมตีครั้งนี้คือการตัดสินใจเอาเองของหญิงสาวหรือตาแก่

 

 

 

「ให้ตายเหอะ ไม่เข้าใจจริงๆ……」

 

 

 

โนโซมุสับสนกับท่าทีเปลี่ยนไปมา แต่ตอนนี้เกิดคำถามมากมาย

 

ความเกลียดชังที่มุ่งมาหาเขามันรุนแรงขึ้นราวกับแทงทะลุร่างของโนโซมุ โนโซมุหยิบดาบขึ้นมา

 

ลิซ่าก็เฝ้าสังเกตอาเซลอย่างระวังแต่ในใจก็กังวล

 

ลิซ่าเองก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอ สิ่งเดียวที่รู้คือเธอพยายามจะฆ่าโนโซมุ และเหตุผลที่เธอโกรธน่าจะเป็นเพราะความลับที่โนโซมุกุมเอาไว้

 

ลิซ่าเหลือบมองโนโซมุจากด้านข้าง เขากำลังเข้าไปผัวพันอะไรอยู่

 

เนื่องจากสถานการณ์นี้ ลิซ่าอดไม่ได้ที่จะสงสัยเกี่ยวกับความลับของเขา

 

 

 

「ลิซ่า ! จะมาแล้ว!」

 

 

 

「อา!」

 

 

 

จู่ๆลิซ่าก็ปล่อยวางความคิดไร้สาระออกไปและกลับมาตั้งหลัก

 

ก่อนที่จะรู้ตัววงเวทย์จำนวนมากล้อมรอบอาเซล

 

 

 

「นั่นมันอะไรกันเนี่ย!?」

 

 

 

「บ้าเอ้ย เอาจริงดิ!?」

 

 

 

วงกลมเวทย์ถูกวาดขึ้นมาด้วยความเร็วขั้นสุดยอด ลิซ่าอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องกับเทคนิคชั้นสูงตรงหน้า

 

โนโซมุก้าวไปข้างหน้า รู้สึกหนาวสั่นไปตามกระดูกสันหลัง แต่วงเวทย์ของอาเซลรวดเร็วเกินไปและเห็นได้ชัดว่าเขารับมือไม่ทัน

 

พรึ่บบบบบบบบบ ! มีเสียงแหลมสูงดังขึ้นพร้อมกับระเบิดแสง

 

เมื่อแสงดับลงก็ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นอีกต่อไป

 

 

 

 

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

Status: Ongoing
สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท