ความเดินตอนที่แล้ว
หลังจากฝันร้ายจากเทียแมตได้เริ่มกลับมาอีกครั้ง โนโซมุได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ แต่อาเซลไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น ลากโนโซมุออกมาเพื่อเคลียร์ปัญหาเรื่องเทียแมต จบลงด้วยการที่โนโซมุเสียท่า ตาแก่ซอนเน่เลยขอความช่วยเหลือจากเหล่าผองเพื่อนโนโซมุเนื่องจากตนเองไม่สามารถยื่นมือมาสอดได้เพราะเกินกำลังตัวเองเลยทำให้เขาต้องให้อุปกรณ์ในการผนึกอาเซลที่พยายามผนึกโนโซมุโดยใช้มิคาเอลทีเป็นพ่อตัวเองซึ่งยังหลงเหลือวิญญาณอยู่ในโลกใบนี้ทำการผนึกเทียแมตและจะจองจำจนกว่าโนโซมุจนแก่ตายและผนึกเทียแมตอีกรอบ แต่ด้วยความช่วยเหลือของซอนเน่ทำให้ผองเพื่อนถูกส่งไปยังมิติที่โนโซมุอยู่อีกฝากของเขตแดนได้ความช่วยเหลือจากผองเพื่อน
บทที่7 ตอนที่ 22
โซเมียพึมพำด้วยน้ำเสียงกังวลขณะมองดูซอนเน่และทอมที่ยังคงรักษาลิซ่าต่อไป
「……คุณมาร์ จะสบายดีไหมคะ?」
「กังวลเหรอ?」
「ค่ะ….ตามคำพูดของชายชรา อาเซลซังเป็นมังกรเช่นกัน และดูเหมือนว่าพยายามจะผนึกคุณโนโซมุไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม……」
เธอพึมพำด้วยเสียงอันอึมครึม สายตาของเธอจับจ้องไปยังส่วนลึกของป่า
ทอมอดไม่ได้ที่จะยิ้มในขณะที่เฝ้าดูความปลอดภัยของมิมูรุ ซึ่งอาจจะกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง
「ถึงกระนั้นก็ต้องทำอะไรบางอย่าง」
「คุณทอม?」
มันแตกต่างจากการละทิ้งไว้เพียงลำพังและแตกต่างจากโซเมียที่เอาแต่กังวล โซเมียจ้องมองดูทอมที่ค่อนข้างกังวล
ปกติเขาจะไม่พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น อย่างไรก็ตามคำพูดเหล่านั้นเป็นน้ำเสียงที่ตีความได้ในแง่ดี
บางทีซอนเน่เองก็รู้สึกแบบเดียวกันขณะที่ยังช่วยลิซ่าขณะมองมาทางนี้
「เมื่อได้พบกับเขาและใช้เวลากับเขาสักพัก ก็มีความคิดมากมายเกี่ยวกับเขาเพราะยังไงพวกเราก็เหมือนกัน」
「นี่หมายความว่าทอมและเพื่อนๆมีแผนจะทำอะไรใช่ไหมคะ?」
「เดี๋ยวโนโซมุก็หลับไปสักพัก แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยเมื่อเทียบกับปู่ที่มอบให้ไอริสดิน่า……」
「หืมมม……」
ทอมยิ้มอย่างขมขื่นขณะมองไปที่โซเมียที่เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
ซอนเน่เงยหน้ามองต้นไม้สีเทาด้วยความโศกเศร้า ในขณะนั้นลิซ่าก็เริ่มได้สติเล็กน้อย
「อะ อืออ……」
ริมฝีปากของเธอขยับด้วยความเจ็บปวดสักครู่หนึ่ง จากนั้นดวงตาของเธอก็เบิกกว้าง
————————————————
กระสุนเวทย์และคิตกลงบนหลังของอาเซล แต่อาเซลผู้มีเกล็ดอันแข็งแกร่งไม่ได้แสดงความเจ็บปวดออกมาเลยแม้แต่น้อย และหันมาหาไอริสกับคนอื่นๆด้วยความตกใจ
「……พวก “มนุษย์”อีกแล้วงั้นเหรอ? ถอยไปซะ นี่ไม่ใช่เรื่องที่พวกเจ้าควรมายุ่ง」
「สำหรับหลานสาวของตาแก่คนนั้น ถึงจะดูเหมือนมังกร แต่คำพูดก็ชอบทำให้โมโหอยู่เรื่อยนะ」
แม้แต่คำพูดอันเงียบงัน ก็ยังสัมผัสในน้ำเสียงของเธอได้ ฟีโออดทนไม่ได้ที่เห็นโนโซมุถูกเรียกว่า “เจ้านี่”
ขณะที่ไม่สนใจคำพูดของฟีโอ อาเซลก็เหลือบมองไอริสและคนอื่นๆที่พุ่งเข้ามา
เช่นเดียวกับน้ำเสียงอันเย็นชา การจ้องมองที่ไร้ซึ่งอารมณ์ แต่เมื่อสายตาจับจ้องไปที่ใครคนหนึ่ง สายตานั้นต่างมีความประหลาดใจอยู่เล็กน้อย
「พวกภูติงั้นเหรอ? ทำไมถึงไปอยู่กับเหล่ามนุษย์……」
ในสายตาของอาเซล เห็นซีน่าซึ่งถือคันศรอยู่ในมือ
เธอต้องแปลกใจเพราะสิ่งมีชีวิตที่อยู่อาศัยร่วมกับระหว่างภูติและมังกรกลับเลือกที่จะเข้าข้างฝั่งมนุษย์และหันคมดาบเข้าหาเธอ
「เพราะสายสัมพันธ์ทางจิตวิญญาณ เชื้อวิญญาณแห่งราชวงศ์」
ในทางกลับกันเซน่าโค้งคำนับอาเซลด้วยความสุภาพอ่อนโยน อย่างไรก็ตาม ในแววตานั้นมีความโกรธแฝงอยู่
มีความรู้สึกอันมากมายทั้งเคารพในตัวมังกรผู้สูงศักดิ์และในฐานะศัตรูของเพื่อนสนิท
「เหล่าภูติเอ๋ย หากเป็นเจ้าที่เป็นถึงวิญญาณแห่งราชวงศ์กลับเดินทางเส้นเดียวเอลฟ์สาวคนนั้นเจ้ารู้ไหมว่าต้องเกิดสิ่งใด……」
อาเซลพูดเตือนไปยังซีน่าและเหล่าภูติ ซึ่งแม้ว่าเธอจะเคารพวิญญาณราชวงศ์แค่ไหนก็ตาม
แม้ว่าน้ำเสียงอันเฉยเมยของอาเซลจะพูดออกมา แต่ก็ไม่มีผลกระทบอะไรต่อพวกไอริสแม้แต่น้อย
พวกเขาต่างสัมผัสได้ว่าเหล่าภูติที่เติมเต็มโลกใบนี้กำลังใช้พลังงานที่อยู่ร่วมกันเพื่อก่อกำเนิดพลังใหม่ซึ่งนำทางเหล่ามนุษย์
「แน่นอนว่าภูติเหล่านี้เป็นเพื่อนที่ประเมินค่าไม่ได้และไม่สามารถแยกเราออกจากกันได้ เราได้เห็นกับตาตัวเองแล้วว่าเจ้ามังกรดำตนนี้มีอิทธิฤทธิ์มากมายเพียงใด หากเราไม่โค่นมันจะนำภัยพิบัติมาสู่โลก」
พลังอันอลหม่านของเทียแมต ที่ฉันเคยเห็นมาก่อนหน้านี้ ความเกลียดชังที่มีต่อทุกอย่าง เพียงเล็ดลอดออกมาเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เหล่าภูติตัวกระจ้อยต้องล้มตายมานักตานัก
ในฐานะคนที่เกิดมาพร้อมกับพลังแห่งภูติ เธอสัมผัสได้ถึงอันตรายมากกว่าใครในหมู่เพื่อนๆของเธอ
เมื่อเผชิญหน้ากับวิญญาณราชวงศ์อย่างมังกรที่เป็นจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร
แต่ถึงอย่างงั้นซีน่าก็ไม่ได้คิดที่จะเปลี่ยนใจ
「ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ฉันก็เป็นหนี้ชีวิตเขามากกว่าที่ฉันจะตอบแทนไหว ถ้าท่านเอ่ยปากว่าจะปิดผนึกตัวเขานั้น งั้นฉันก็เลือกที่จะยืนเคียงข้างเขาผู้โดดเดี่ยวคนนี้ ต่อให้เป็นศัตรูต่อคนทั้งโลกก็ตาม」
คำพูดนั้นออกจากปากของเธออย่างเป็นธรรมชาติ
ชายหนุ่มผู้ให้โอกาสฉันได้หลุดพ้นจากโลกอันแสนโสมมที่จมปลักอยู่กับความแค้นและมอบความกล้าที่เผชิญหน้ากับเหล่าภูติ ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อสนับสนุนชายคนนี้
ด้วยวิธีนี้ ซีน่าน้อมรับอย่างเต็มใจและเป็นธรรมชาติ แม้ว่าตัวเธอจะเคารพตัวตนอันสูงส่งแต่ก็ไม่มีวันหักหลังผู้มีพระคุณ
อาเซลขมวดคิ้วเมื่อเห็นซีน่าเป็นแบบนั้น ที่พยายามช่วยโนโซมุแม้ว่าเทียแมตจะออกอาละวาดก็ตาม
「ช่างโง่เขลาเบาปัญญาเสียจริง แม้ว่าจะควบคุมเหล่าภูติได้อย่างน่าอัศจรรย์ แต่คิดว่าพลังนั้นเพียงพอที่จะล้มฉันคนนี้งั้นเหรอ ด้วยกำลังของมนุษย์ธรรมดาอย่างพวกเจ้าจะมีปัญหาปราบมังกรต้องสาปที่กินเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองได้ยังงั้นรึ แม้ว่าเจ้าจะโค่นข้าได้จริงๆก็ยังมีตัวปัญหาอย่างเจ้านี่โผล่มา มันเป็นเพียงภัยพิบัติที่จะกวาดล้างทุกอย่างให้บรรลัย……」
「เหอะ ! ทำเป็นพูดจาอวดใหญ่แสร้งว่าทำเพื่อโลก แต่ตามที่ซอนเน่ได้กล่าวเอาไว้ จุดประสงค์อันแท้จริงของเธอก็มีเพียงแค่แก้แค้นให้พ่อของตัวเองไม่ใช่เหรอ ดูเหมือนท่านมังกรขาวตนนี้ ยึดติดเพียงกับเรื่องขี้ประติ๋วแค่นี้อะนะ」
「ขะ ขี้ประติ๋วงั้นเหรอ……」
คำพูดเยาะเย้ยของมาร์ขัดจังหวะของอาเซล
อาเซลหรี่ตาลงอย่างไม่สบายใจเมื่อเห็นมาร์ที่จู่ๆก็ก้าวมาข้างหน้า
「เจ้ามนุษย์ ริอาจดูถูกมังกรผู้สูงส่งอย่างข้าเช่นนี้เตรียมตัวตายไว้รึยัง……」
「แม้ว่าจะอ้างตัวว่าต่อสู้กับภัยพิบัติต่อมวลมนุษย์ชาติ แต่ดูยังไงก็ยังยึดติดกับความแค้นไม่หายเลยนี่หว่า มันคงเป็นเรื่องน่าสมเพชที่เข้าไปท้าทายใครสักคนแล้วโดนสวนกลับอย่างไม่ใยดีเช่นนี้」
อันที่จริงอาเซลได้รับบาดเจ็บในตอนนี้
พังผืดบนปีกข้างหนึ่งถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และลำตัวซึ่งส่องแสงราวไข่มุกก็เหลือรอยแผลเป็นทั่วทั้งตัว
ถึงแม้จะไม่ได้บาดเจ็บสาหัส แต่ก็เป็นบาดแผลที่ไม่อาจมองข้ามได้
แต่เหนือสิ่งอื่นใดโดนมนุษย์เพียงคนเดียวลูบคมไปถึงเพียงนี้ และการที่บุคคลนั้นคือศัตรูของเธอก็ทำให้อาเซลวิตกกังวล
「…………」
บรรยากาศอันหนักอึ้งรอบตัวพวกเขาเริ่มเป็นการปล่อยจิตสังหารใส่กัน
ธาตุต้นกำเนิดอันไม่เป็นมิตรหลั่งไหลออกมาจากร่างกายของอาเซลและเข้าทำลายวงจรวิญญาณที่อยู่รอบๆเธอ
ความรู้สึกที่ว่าต้องรีบเผด็จศึกเข้ามาทันใด
มาร์ยื่นมือขวาออกไปจับดาบใหญ่ที่แบกไว้บนหลังโดยไม่พูดอะไรสักคำและยกมือซ้ายขึ้นตั้งท่า
อาเซลและมาร์จ้องมองกัน จิตสังหารที่มองไม่เห็นเข้าปะทะระหว่างทั้งคู่
ไอริสเข้ามาแทรกระหว่างทั้งสอง
ขณะมาร์แสดงจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้อันดุเดือดให้ได้เห็น เขาได้เผชิญหน้ากับอาเซลอย่างตรงไปตรงมา
「ท่านอาเซลคะ พวกเราไม่มีเวลามาต่อสู้กับคุณมากนัก ดังนั้นได้โปรดเข้าใจอย่างท่องแท้ว่าการที่ท่านลากเพื่อนของเรามาโลกอื่นจนเราต้องตามมาเพราะมีจุดประสงค์อะไรคงรู้กันสินะ?」
โลกที่ถูกปิดกั้นเป็นพื้นที่ๆมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถแทรกแซงได้ และเท่าที่อาเซลรู้มีเพียงคนเดียวที่ทำเช่นนั้นได้
「…………」
「บุคคลนั้นไม่ต้องการให้ท่านทำเช่นนี้ค่ะ」
อาเซลยังคงเงียบและกัดริมฝีปากแน่น เดาว่าคงนึกถึงปู่ของเธอ
ไอริสไม่เข้าใจความตั้งใจที่แท้จริงของซอนเน่
อย่างไรก็ตาม เข้าใจได้ว่าไม่อยากให้อาเซลใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดเพื่อปิดผนึกเทียแมต
อาเซลพยายามแก้แค้นเทียแมตในฐานะศัตรูของมิคาเอลพ่อของเธอ
ในทางกลับกันซอนเน่ที่เป็นพ่อของมิคาเอล มีคำพูดและการกระทำที่ทำให้แม้แต่เทียแมตต้องกังวล แต่ไม่ได้มีความแค้นเคืองใดๆต่อกัน
เมื่อชายชราพูดถึงลูกชายของตัวเองก็จะนึกถึงเทียแมตเสมอรวมทั้งอาเซลที่เป็นลูกของมิคาเอล สีหน้าของเขาแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ราวกับต้นไม้ใหญ่ที่เหี่ยวเฉา
ยังมีหลายสิ่งที่เราไม่รู้เกี่ยวกับอดีตของชายคนนั้น แต่ไม่มีทางที่ซอนเน่จะรู้ดีต่อความเสียใจของอาเซลในการที่ต้องเสียพ่อไป
ไอริสพยายามโน้มน้าวอาเซลด้วยความหวังริบหรี่จากคำพูดของซอนเน่
แต่ทว่า……。
「……อย่าถามอะไรโง่ๆ」
อาเซลตัดคำพูดโน้มน้าวของไอริสอย่างไม่ใยดี แม้ว่าจะแสดงความเจ็บปวดบนใบหน้า ราวกับถูกทิ่มแทงด้วยหอก
「ไม่มีทางที่ฉันจะปล่อยมังกรแห่งความเกลียดชังตนนี้ไปได้ เพื่อไม่ให้การตายของพ่อต้องสูญเปล่า และเพื่อชำระล้างมังกรที่แปดเปื้อนไปด้วยบาปตนนี้ ฉันจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้!」
「……ถ้าเป็นแบบนั้นก็ช่วยไม่ได้ ฉันจะเอาชนะคุณและนำโนโซมุกลับมาให้ได้อย่างปลอดภัย!」
「โง่เง่าน่า ! มนุษย์คนนี้ถูกความเกลียดชังของเทียแมตกลืนกินไปแล้ว หากบาเรียที่ใช้ผนึกถูกทำลาย เทียแมตจะอาละวาดไม่หยุดแน่ ไม่มีทางที่มันจะหยุดจนกว่าร่างกายจะแหลกสลายกันไปข้าง และในที่สุดมันก็จะฟื้นคืนชีพกลับมา」
「อ๊าาาาาาาาาาาาาากกกกกกก ! กรั๊ซซซซซซซซซ!」
ความแค้นของเทียแมตที่อยู่ในตัวโนโซมุถูกปลดปล่อยไปทั่วป่าสีเทาแห่งนี้ เขาพยายามดิ้นรนปลดพันธนาการที่จองจำเอาไว้ด้วยความเกลียดชัง
ไม่มีวี่แววของไอริสและผองเพื่อนสะท้อนอยู่ในแววตาของเขา
ไอริสและคนอื่นๆต่างมีสีหน้าเศร้าหมองเมื่อเห็นภาพที่ดูเหมือนเป็นคำยืนยันของอาเซล
「ก็ไม่รู้หรอกว่าจะพูดอะไร ! แต่เทียแมตโกรธมากไม่ฟังใคร!」
「ไม่มีมังกรเผ่าไหนๆที่จะปล่อยเทียแมตไว้ตามลำพังได้ แม้ว่าจะไม่ใช่ฉันแต่มังกรตนอื่นๆก็จะเข้ามาปิดผนึกแทนที่ฉันอยู่ดี มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญที่ปู่ของฉันดันเป็นคนเจอมันก่อนก็เท่านั้นเอง」
มาร์อดไม่ได้ที่จะโกรธ แต่อาเซลก็พูดปัดตกไป
แม้ว่าซอนเน่ที่เป็นผู้สังเกตการณ์จะเจอโนโซมุแล้ว เขาก็แทบจะไม่ใช้มาตราการรุนแรงใดๆเลย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเป็นคนอื่น
ที่เลวร้ายที่สุด คนสังเกตการณ์อาจจะปิดผนึกเทียแมต
ไม่อยากจะจินตนาการเลยหากเป็นคนอื่นจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
「นอกจากนั้น โนโซมุยังเป็นมนุษย์จะมีชีวิตอยู่ไม่ถึงร้อยปี เมื่อเวลาผ่านไปผนึกของเทียแมตจะถูกปลดออกจากร่างของเขาและความเกลียดชังของเธอจะนำพามาซึ่งหายนะแก่คนรอบข้าง!」
ท้ายที่สุดแล้วผลลัพธ์ก็คือไม่ช้าก็เร็ว นี่คือชะตากรรมของมนุษย์คนนี้ที่จะต้องถูกปิดผนึกไปพร้อมกับเทียแมต
จิตสำนึกในฐานะวิญญาณอันสูงส่งแห่งราชันย์วิญญาณผู้ปกครองเหนือวัฏจักรเผ่ามังกร ได้ผลักดันโทษฐานทุกอย่างลงที่เทียแมต
สิ่งที่อาเซลพูดล้วนไม่ผิด
แรงจูงใจของเธอคืออยากปิดผนึกเทียแมต แต่การแยกเทียแมตออกจากร่างโนโซมุก็มีความเสี่ยง
หายนะที่ดำรงอยู่ในร่างของมนุษย์ผู้อ่อนแอหากจะผนึกก็มีเพียงตอนนี้ไม่มีโอกาสอื่นอีกแล้ว
「แต่ว่านะ……」
แม้แต่ไอริสก็เข้าใจเหตุผลได้ ไม่ เพราะเธอเป็นขุนนางที่ต้องปกป้องประชาชนเธอจึงรู้ดีว่าเรื่องที่พูดมันเป็นจริงแค่ไหน
แต่ว่า……。
「ถึงกระนั้นฉันก็ทนไม่ได้หรอกค่ะที่จะเสียเขาไปในตอนนี้」
ไอริสปฏิเสธทุกตรรกะทั้งหมด
แน่นอนว่าเข้าใจเหตุผลของอาเซล แต่ก็ยอมรับมันไม่ได้
เหตุผล? โชคชะตา? นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันสนเลยสักนิด
หากชะตากรรมของเขาถูกกำหนดให้ต้องถูกผนึกและตายไปโดยที่ไม่มีใครรู้ ชะตากรรมแบบนั้นฉันจะฝ่าฟันไม่ยอมรับมันเด็ดขาด
เช่นเดียวกับที่เขาเลยช่วยน้องสาวของฉัน……。
ไอริสดึงดาบบางๆออกมาจากเอวของเธอ และจ้องมองไปที่อาเซล
ราวกับว่าเห็นจิตวิญญาณในการต่อสู้ของเธอ เพื่อนๆต่างก็เตรียมพร้อม
「คิดจะสู้กับฉันงั้นเหรอ?」
「อา ขอโทษด้วย ต่อให้เป็นมังกรผู้สูงส่ง ก็จะขอจัดการลงนะตรงนี้」
อาเซลซึ่งหันหลังกลับ หันหน้าไปทางไอริสและคนอื่นๆราวกับได้ยินการประกาศทำสงคราม
เมื่อเห็นแล้ว่าพวกเธอเป็นศัตรู อาเซลก็เริ่มปรับพลังเวทย์
「หากมายืนขวางทางฉัน ฉันจะไม่แสดงความเมตตาใดๆ แล้วจงอย่าได้เสียใจภายหลัง ที่แสดงความโง่เขลาให้กับฉันคนนี้」
อาเซลรวบรวมพลังเวทย์สีขาวบริสุทธิ์ออกมาจากร่างของเธอ ไอริสและคนอื่นๆต่างเบิกตากว้างเมื่อเห็นมัน
「เดี๋ยวก่อน นั่นมันพลังเวทย์อะไรกัน!」
「สมแล้วที่เป็นตัวตนในตำนาน……」
ราวกับทะเลหมกเข้าปกคลุมท้องฟ้า หากเปรียบเทียบพลังเวทย์ของพวกไอริสก็เหมือนกับน้ำในคลองที่ปะทะกับสึนามิ
สเกลแตกต่างกันมากจนไม่สามารถหาอะไรมาต้านทานได้
「ข้าขอแด่วิญญาณแห่งแสง จงแสดงบารมีแก่คนโง่ผู้คลานอยู่เบื้องล่าง」
ตามคำสั่งของอาเซล วิญญาณแห่งแสงก่อตัวเป็นกระสุนเวทย์จำนวนนับไม่ถ้วนในอากาศ
มีลูกบอลแสงจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน มันใหญ่จนครอบคลุมพื้นที่ 70% ของท้องฟ้าทั้งหมด
「……ไม่จริง พวกนั้นไม่ฟังสิ่งที่ฉันคนนี้พูด แต่ดันฟังเธอคนนั้นแทนยังงั้นเหรอ」
「นี่มันระดับหายนะชัดๆ」
ซีน่าซึ่งใช้เวทย์วิญญาณได้เหมือนกันพยายามทำพันธสัญญาวิญญาณกับภูติแห่งแสง แต่ไม่มีการตอบรับจากภูติเลย
แม้ว่าปีกข้างหนึ่งจะถูกโนโซมุบดขยีเและได้รับบาดเจ็บที่แขน แต่ความแข็งแกร่งก็ไม่ได้ลดลง
โนโซมุที่สามารถทำให้ศัตรูจนมุมได้ก็ร้ายกาจไม่เบา
「ตายซะ!」
กระสุนเวทย์จำนวนมากตกลงมาจากฟากฟ้าเข้าใส่พวกไอริส
「ทิม่า ฟีโอ!」
「เข้าใจแล้ว!」
ไอริส ทิม่า และฟีโอ สร้างบาเรียขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามจำวนที่ถูกปล่อยออกมามันผิดมนุษย์มนาไปไกล มันกลืนกินบาเรียจนหายวับไปในทันที
เสียงระเบิดดังก้องไปตามๆกันในเวลาเดียวกัน ฝุ่นลอยคะคลุ้งปกคลุมไปด้วยแสงสีขาว
ในชั่วพริบตาไอริสและพรรคพวกถูกพายุแห่งแสงกลืนกินหายไป
อาเซลมองดูสถานการณ์อย่างไม่แยแส และหันหลังกลับโดยไม่มองคู่ต่อสู้
ไม่ว่าจะเก่งสักแค่ไหน แต่ก็เป็นเพียงแค่มนุษย์
ไม่มีทางที่จะต่อต้านได้หากเจอกับตัวตนในตำนาน
เสียใจที่ต้องลากเหล่าภูติมาเกี่ยวข้อง แต่ก็ช่วยไม่ได้เพื่อที่จะผนึกมังกรร้ายตนนี้
เมื่อไอริสและคนอื่นๆ สลบไป อาเซลก็เริ่มผนึกโนโซมุต่อทันที
เป็นอีกครั้งที่องค์ประกอบต้นกำเนิดของอาเซลที่สร้างโดยเถ้าถ่านของมิคาเอลซึ่งใช้ผนึกโนโซมุ เมื่อวงเวทย์ก่อตัวขึ้นรอบคริสตัลก็เปล่งแสงเจิดจ้าออกมา
จากนั้นวงเวทย์ใหม่เริ่มก่อตัวขึ้น ล้อมรอบวงกลมที่คุมตัวโนโซมุไว้
「ตอนนี้แหละ ไม่มีใครมาขวางทาง ฉันจะปิดผนึกแกซะ……」
「ด่วนตัดสินใจคิดว่าตัวเองชนะแล้วยังงั้นเหรอวะ!」
「หะ!?」
อาเซลที่กำลังผนึกต่อก็เจอลมอันรุนแรงพัดต่อหน้าเธอ
กระแสลมกรรโชกที่ชวนให้นึกถึงทอร์นาโดพัดฝุ่นออกไปกระแทกเข้ากับอาเซล
แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะทำร้ายร่างกายของอาเซลซึ่งคล้ายกำแพงขนาดยักษ์ แต่อาเซลก็ต้องถอยหลังไปครึ่งก้าวเนื่องจากแรงกระแทกนั่น
หลังจากฝุ่นจางลง ก็มีร่างของมาร์ที่ถือดาบใหญ่
เบื้องหลังเขามีคนอื่นๆที่ยืนด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย โดยมีบาเรียซ้อนไว้อยู่
สิ่งที่ถูกใช้งานคือบาเรียสี่สีได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ
บาเรียของทิมาถูกขยายขอบเขตไปอีกโดยมียันต์ติดตั้งไปทั่วบริเวณซึ่งฟีโอถนัดวิชาด้านตะวันออก แถมยังใช้เวทย์สนับสนุนของทิม่าที่ขาดความแม่นยำแต่ทรงพลัง
พลังเวทย์ในตำนานถูกควบคุมโดยสมบูรณ์ด้วยความช่วยเหลือจากตัวแปรภายนอกจนทำให้แม้แต่ลมหายใจของมังกรยังต้องสยบ
แม้ว่าบาเรียจะรับกระสุนเวทย์จำนวนมาก แต่ก็ยังคงส่องแสงเจิดจ้า
「เหอะ ไม่คิดว่าจะเอาตัวรอดได้เลยนะภายใต้สถานการณ์แบบนั้น……」
「อะเอ๊ะ ขอโทษด้วยค่ะ พอดียังคุมพลังเวทย์ไม่ค่อยได้……」
เทคนิตทางตะวันออกที่ควบคุมโดยฟีโอ ชดเชยได้ด้วยพลังวิญญาณที่ได้จากอาเซล นี่เป็นเพราะพลังเวทย์อันมหาศาลและพลังวิญญาณเข้าปะทะกัน
ในเวลาเดียวกันบาเรียของทิม่า ซึ่งส่องแสงด้วยภาพลักษณ์ไม่มั่นคงจึงเกิดการสั่นคลอน
ฟีโอหยิบยันต์ออกมาจากกระเป๋าแล้วโยนมันไปทั่วบาเรียของทิม่า
ยันต์ที่ติดกับบาเรียก็ส่องแสง และเมื่อเข้าควบคุมพลังเวทย์ของทิม่าอีกครั้ง บาเรียที่สั่นคลอนก็กลับมาเปล่งประกายดั่งเดิม
「เอ้อ ข้าน้อยทนไม่ไหวแล้วเด้ออออ!」
「รู้แล้วน่า! มาร์ลุยกันเถอะ!」
ด้วยเสียงตะโกนของไอริส พวกเขาทั้งหมดจึงเริ่มวิ่งจุดหมายคือมังกรขาวตัวนั้น
พูดตามตรงอยากจะปลดปล่อยโนโซมุเต็มที่ แต่เป็นเรื่องจริงที่บาเรียที่ขวางกั้นนั้นกำลังรั้งโนโซมุที่คุมตัวเองไม่ได้ หากทำลายบาเรียก็จะกลายเป็นศึกสามด้าน
แม้ว่าเขาจะกลับมาได้สติ แต่ก็คงลำบากที่จะรับมือกับอาเซล
เพื่อที่จะทำให้เขากลับมาได้สติก่อน ต้องเอาชนะอาเซลเท่านั้น จากนั้นก็ค่อยดึงสติเขากลับมาในขณะที่เขาถูกความเกลียดชังกลืนกิน
「ฉันไม่ยอมให้พวกเธอมาขวางหรอกนะ!」
อาเซลสร้างกระสุนแสงขึ้นในอากาศอีกครั้งและยิงมันใส่ไอริสและคนอื่นๆที่เข้ามา
จำนวนมันเยอะมหาศาลจนไม่มีที่ให้หลบ
ไอริสและคนอื่นๆถูกแสงกลืนหายในพริบตาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ชั่วขณะต่อมา ทั้งสองคนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรกระโ๗นออกมาและผลักดันองค์ประกอบต้นกำเนิดให้ห่างออกไป
「หะ!?」
อาเซลอดไม่ได้ที่จะตกใจ
บาเรียเวทย์สี่สีล้อมรอบไอริสและเพื่อนๆของเธอ น่าแปลกที่บาเรียของทิม่าสามารถทำให้เฉพาะเจาะจงรายบุคคลได้
โดยพื้นฐานแล้ว บาเรียเวทย์จะถูกติดตั้งในระยะที่กำหนดรอบผู้ร่าย ความยากจะเพิ่มมากขึ้นยิ่งมันห่างจากผู้ร่ายมากเท่านั้น และยังต้องใช้การควบคุมชั้นสูงในการรักษาเวทย์เอาไว้
นอกจากนี้ ยิ่งใช้เวทย์ชั้นสูงเท่าไรก็ยิ่งยากมากขึ้น
ควบคู่กับการใช้เทคนิคสุดหิน มีไม่กี่คนในทวีปอาร์คมีล ที่สามารถใช้ธาตุทั้งสี่ได้……。
เป็นเทคนิคที่ทิม่าที่มีพลังเวทย์มหาศาลแต่มีปัญหาเรื่องจัดการพลังเวทย์โดยไม่สามารถจัดการได้เพียงลำพัง
อันที่จริง บาเรียที่ไอริสและคนอื่นๆ สามารถป้องกันได้พังทลายลงในหลายๆจุด และดูเหมือนจะพังทลายลงทุกเมื่อ
อย่างไรก็ตาม เมื่อไอริสและมาร์หยิบเครื่องรางออกมาจากกระเป๋าติดไว้กับบาเรีย บาเรียก็กลับมาเปล่งประกายอีกครั้ง
การใช้เทคนิคยากๆพร้อมกัน ไอริสและคนอื่นทำให้เกิดขึ้นชั่วคราวด้วยการใช้เครื่องรางควบคุมจำนวนมาก
หากมีปัญหา เรื่องการควบคุมพลังเวทย์ ก็ใช้ไอเทมสิ้นเปลืองอย่างเครื่องรางที่ช่วยควบคุมพลังเวทย์ไว้ได้สักเวลาหนึ่งก็เพียงพอ
「ขอร้องล่ะทั้งสองคน อย่าใช้มันเยอะเกินไปเด้อ ! นี่ข้าผลิตเลือดตาแทบกระเด็นเลยนะ มันเป็นของใช้สุดแพงงงเลยน้าาาาาาาาาา!」
「หุบปากน่า!」
「ไว้เดี๋ยวเลี้ยงข้าวเย็นที่ร้านชั้นเอง หยุดพล่ามได้แล้ว !」
「ไม่มีทางน่า แค่มื้อเย็นมื้อเดียวชดใช้ค่าเครื่องรางนั่นไม่หมดーーーーー!」
ฟีโอกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเมื่อเห็นทรัพย์สินมีค่าถูกใช้อย่างไม่ใยดี อย่างไรก็ตามในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้คงไม่มีใครมาหวงของหรอก……。
น่าเสียดาย ฟีโอนั้นนั่งหลั่งน้ำตาเมื่อเห็นเงินเก็บของเขาหายไปชั่วพริบตา เพราะเครื่องรางนั่น
(อึก ถ้ารอดจากการต่อสู้ครั้งนี้ไปได้จะให้โนโซมุเลี้ยงขนมปังดำทุกวันเลย จะกินให้อิ่มแปล้เลยคอยดู……)
ความคิดของเขาใกล้จะหลุดออกจากโลกความเป็นจริง
แม้ว่าจะพึมพำว่าไม่อยากกินขนมปังที่แข็งเหมือนหิน แต่ว่าก็ต้องกัดก้อนเกลืออดทน เพราะการใช้เครื่องรางไปอย่างฟุ่มเฟือย
ปล่อยฟีโอนั่งเศร้าไว้ตามลำพัง ไอริสและมาร์หลบเลี่ยงกระสุนเวทย์จำนวนมากโดยแยกออกไปคนละด้าน และพยายามเข้าหาพร้อมกัน
「ชิ…..แต่ว่าอย่าคิดจะแตะต้องฉันได้ง่ายๆเชียวล่ะ!」
อาเซลเริ่มมุ่งความสนใจไปที่การโจมตีไอริสและมาร์
ความเร็วของไอริสและมาร์ค่อยๆลดลงเนื่องจากความหนาแน่นของพลังเวทย์ที่มากขึ้น นอกจากนี้จำนวนกำแพงไฟที่ผุดขึ้นมาจากพื้นดินจำนวนมากทำให้เข้าหาได้ยากมากขึ้น
กำแพงไฟปรากฏขึ้นเป็นวงกลมเพื่อแยกทั้งสองออกจากอาเซล
ไอริสและมาร์ถูกหยุดโดยสิ้นเชิง หากเป็นแบบนี้ต่อไปก็จะโดนรุกอยู่ฝ่ายเดียว
「เหอะหยุดตามมาแล้วงั้นเหรอ……」
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองยังคงแสดงสีหน้านิ่งสงบ
ทั้งสองมองหน้ากันเปลี่ยนทิศทางเดิน 90 องศาและวิ่งทางตรงกลางตามกำแพงไฟ
「มาร์」
「อืม เข้าใจแล้ว ถ้างั้นเปลี่ยนแผน อย่ากะเวลาพลาดล่ะ!」
ลมกรรโชกเกาะอยู่ในดาบใหญ่ของมาร์ ในเวลาเดียวกันพลังเวทย์ก็ถูกรวมไว้ที่มือซ้าย และเมื่อมั่นเปล่งแสง
สิ่งที่ผ่านช่องว่างของถุงมือเหล็กคือพายุลม
「เอาล่ะได้เวลาของฝากจากทอม ! เป่ามันไปเลย!」
เทคนิคผสาน“สัตว์ร้ายผู้หิวโหยท่ามกลางวายุ(裂塵の餓獣)”
เทคนิค“ค้อนสะบั้นปฐพี”กับ”สัตว์ร้ายในอโมงค์ลมผู้หิวโหย“เป็นการผสานระหว่างทั้งสองเทคนิคเข้าด้วยกัน
สัตว์แห่งสายลมที่กลืนกินเสาเพลิงและกระสุนแสงที่ขวางเส้นทางของมันและทั้งหมดก็หันคมเขี้ยวไปหาอาเซลทันที
「อะไรนะ!? อั่กกกกกก!」
อาเซลส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด
ฝูงสัตว์ร้ายที่หิวโหยเจาะกรงเล็บเข้าไปในเกล็ดของอาเซลและเปลี่ยนเขี้ยวของพวกมันให้กลายเป็นบาดแผลบนร่างอาเซลที่สร้างโดยโนโซมุ จนเกล็ดนั้นหลุดออกมา
มันทรงพลังมากจนไม่สามารถเทียบได้กับเทคนิคที่ยังไม่สมบูรณ์ที่อยู่เหนือการควบคุมของเขา
「ทอม ขอบคุณจริงๆ……」
โดยส่วนตัวแล้วมาร์ยังคุมเทคนิคผสานได้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ถ้าจำกัดเทคนิคที่ใช้และใช้บางอย่างที่ช่วยขับเคลื่อน ก็จะมองเห็นความเป็นไปได้ของการสร้างเทคนิคใหม่ขึ้นมา
มาร์ที่ถนัดเวทย์ลม ได้ขอให้ทอมสลักเทคนิคที่สามารถเปิดใช้งานเวทย์ เมื่อถ่ายเทพลังเวทย์ลงไป และเทคนิคที่สามารถปรับพลังเวทย์ได้ไว้ที่ด้านหลังของเกราะแขน
หากแกะสลักรูนลงในอาวุธความทนทานของมันจะลดลง เช่นเดียวกับการสลักเข้าไปในเกราะแขน
นอกจากนี้หากแกะสลักเข้าไปในชุดเกราะโดยตรง เทคนิคนี้จะทำให้เกราะแตกกระจายก่อนที่จะได้ใช้งาน ซึ่งทำให้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
เพื่อจุดประสงค์นั้น ทอมได้สลักรูนลงไปในผ้าที่อยู่ด้านหลังเกราะแขนของเขา
ด้วยเหตุนี้มาร์จีงใช้และสามารถเทพลังเวทย์ได้อย่างเต็มที่และสามารถควบคุมมันได้ง่ายมากขึ้น
อย่างไรก็ตามมีข้อเสียเหมือนกัน
ส่วนหนึ่งของเกราะแขนแตกกระจายแม้จะทำการสลักลงในผ้าก็ตาม
นอกจากนี้เทคนิคนี้จะยิ่งทำให้รูนที่สลักเสื่อมลงเรื่อยๆหากใช้ต่อเนื่อง ยังไม่ชัดเจนในแง่ของความคงทนในการใช้พลังเวทย์
อย่างไรก็ตามมาร์เองก็สามารถใช้พลังที่เพียงพอที่จะชดเชยในส่วนนั้นได้
ในความเป็นจริง เทคนิคนี้ใช้ทั้งอากาศโดยรอบและพลังเวทย์ที่ควบคุมในเวลาเดียวกัน และไม่เพียงแต่ดับกระสุนแสงที่เข้ามายังสร้างบาดแผลให้อาเซลอีกด้วย
「ไปกันเถอะ!」
ไอริสกระโดดนเข้าไปในพื้นที่ถูกเปิดแผลฟันลงมาและเข้าใกล้อาเซล
「อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก!」
ในมือของเธอมีดาบเล่มหนึ่ง
ดาบสีดำสนิทชวนให้นึกถึงค่ำคืนแห่งขุมนรก เต็มไปด้วยเวทย์เสริมความแข็งแกร่งหลายครั้ง
“สุริยะคลาส(月食夜)”
ดาบเวทย์ที่เสริมพลังเทียบเท่าได้กับแฟนท่อมของโนโซมุถูกวาดลวดลายลงไปในเนื้อของอาเซล
「อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกซ!」
ดาบบางๆที่ฟันทะลุร่างของอาเซลได้ลึกมาก นอกจากนี้ไอริสตวัดดาบบางๆและฟันร่างของอาเซลไปอีกสองสามครั้ง
「อ่าาา ไอ้พวกมนุษย์เฮงซวย!」
อาเซลใช้แขนอันใหญ่โตตะปบกับพื้นพยายามสะบัดไอริสให้หลุดออก
แต่ เนื่องจากความเจ็บปวดที่ปีกข้างหนึ่งของเธอและร่างกายที่ถูกฟันจากโนโซมุ เธอจึงเคลื่อนไหวได้ไม่มาก
ยิ่งกว่านั้นอีกฝ่ายยังตัวเล็กการโจมตีของอาเซลแม้จะรุนแรง แต่การเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าเพราะบาดแผลรอบตัว
ในทางกลับกันไอริสที่ตัวเล็กกับเคลื่อนไหวได้พริวไหว สง่างามและไร้ช่องว่าง
ราวกับกำลังเต้นรำอยู่เธอยังคงฟาดฟันดาบบางๆพร้อมกับหลบการโจมตีของอาเซล
「อั่ก! อึก!? อั่ก、น่ารำคาญจริงงงงงงงงง!」
「!?」
「สมน้ำหน้า!เจ้ามนุษย์!」
ด้วยความตื่นตระหนกอาเซลจึงปล่อยธาตุต้นกำเนิดออกไปแบบสุ่มสี่สุ่มห้าและลมกรรโชกแรงก็พัดไอริสปลิวไป
หลังจากเป่าแมลงน่ารำคาญออกไป อาเซลก็รวบรวมพลังไว้ที่ปากของเธอ
อาเซลที่แสดงสีหน้าโกรธเกรี้ยว เมื่อเห็นไอริสที่พยายามลุกขึ้นนั่ง
「หายไปซะ!」
「มิมูรุ!」
「กำลังรออยู่เลย!」
มิมูรุกระโดดออกมาจากหลังต้นไม้ด้านหลังของอาเซล
ในมือของเธอมีเครื่องรางที่ซอนเน่มอบให้
ไอริสและคนอื่นๆต่างเป็นตัวล่อมาจนถึงตอนนี้ มันเป็นแผนที่ให้ว่ายันต์ที่ได้รับมาแผ่นเดียวจะใช้ผนึกอาเซลได้
「คิดว่าฉันไม่สังเกตเห็นอย่างงั้นรึ!」
อย่างไรก็ตามลูกไม้ตื้นๆคงไม่สามารถเอาชนะอาเซลได้
สามารถควบคุมภูติโดยรอบได้อย่างสมบูรณ์ แน่นอนว่าสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของมิมูรุอยู่แล้ว
อาเซลยกหางขึ้นพยายามตบมิมูรุ
「ใช่แล้ว ฉันเองก็รู้ดี」
「หา!? บ้าน่า!」
ช่วงเวลาถัดมา ลูกธนูจากด้านหลังไอริสก็แทงทะลุลมหายใจของอาเซลที่กำลังจะปล่อยออกมา
ทันทีที่ลูกศรเจาะและระเบิด มันปล่อยพลังเวทย์สี่ธาตุออกมา
อาเซลสะบัดตัวไปรอบๆเพราะความเจ็บปวดรุนแรงแล่นเข้าที่ปาก
「ตามที่คาดไว้ เวทย์เสริมพลังของทิม่าที่ได้การเสริมพลังจากทอมอีกที ทำให้สามารถสร้างลูกธนูอันทรงพลังได้ขนาดนี้ แต่ว่ามันรุนแรงเกินไปไหม」
คนที่ยิงธนูคือซีน่าซึ่งรออยู่ด้านหลัง ลูกธนูที่มีอักษรรูนสลักอยู่ตั้งแต่หัวลูกศรไปยันปลายขนนก
คาถาที่แกะสลักเอาไว้เป็นการผสมผสานระหว่างความสามารถของซีน่า “การลงทัณฑ์แห่งหมู่มวลดารา”ผสมผสานกับเวทย์เสริมพลังสี่ธาตุของทิม่าทำให้เกิดพลังอันมหาศาลระหว่างพลังเวทย์และพลังภูติ
โดยปกติแล้ว “การลงฑัณฑ์แห่งหมู่มวลดารา” จะถูกปล่อยออกไปพร้อมกับพลังภูติ แต่คราวนี้เต็มไปด้วยพลังเวทย์ของทิม่า
ลูกศรที่ครอบครองพลังของธาตุทั้งสี่ สามารถดับลมหายใจของอาเซลได้สำเร็จ ซึ่งทำให้เธออยู่ในสภาพวิกฤต
「ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกนั้นจะทำอะไรแบบนี้ในขณะที่ฉันพยายามผนึกโนโซมุ……」
ขณะที่ประหลาดใจกับลูกธนูที่เธอยิงมา ซีน่าก็นึกถึงช่วงเวลาที่ได้รับลูกธนูดอกนี้
ตามที่ทอมกล่าวเอาไว้ หลังจากเรียนรู้ตัวตนที่แท้จริงของโนโซมุ เขาก็พยายามอย่างหนักเป็นข้อแลกเปลี่ยนเพื่อหาวิธีรับมือร่วมกับทิม่าและบรรลุผล จนทำให้พวกไอริสดึงความสนใจทั้งหมดไปได้
แม้จะมีข้อบกพร่องอย่างเป็นของใช้แล้วทิ้งและใช้ได้เพียงครั้งเดียว หรือจะมีอันตรายย้อนกลับหลังจากเปิดใช้งานและประสิทธิภาพด้านต้นทุนที่สูงลิ่ว
อันที่จริงสายธนูของซีน่าขาดเนื่องจากยิงลูกธนูอาบพลังเวทย์ลูกนั้นออกไป
แต่พลังทำลายล้างก็อย่างที่กล่าว
ลูกธนูที่ไม่พลาดเป้าหมายส่งผลให้ราชันย์วิญญาณได้รับบาดเจ็บสาหัส
「หนอยแน่!」
「หนวกหู—————!」
อาเซลกระอักเลือดและยังคงพยายามต่อต้าน แต่ก็ไม่สำเร็จ
มิมูรุติดเครื่องรางไว้บนร่างของเธอเรียบร้อย คาถาที่สลักไว้บนเครื่องรางถูกเปิดใช้งานอัตโนมัติโดยใช้วิญญาณของซอนเน่เป็นแกนกลาง
แสงนับไม่ถ้วนพันธนาการร่างของอาเซลและผนึกพลังของเธอไว้
สิ่งที่สลักไว้บนนั้นคือบาเรียปิดกั้นที่ใช้กับโนโซมุ
「เอ่อ อั่ก สำเร็จ……」
「เอาจนได้นะ!」
มิมูรุแสดงความยินดีกับการที่เธอทำสำเร็จ ไอริสถอนหายใจด้วยความโล่งอก
สิ่งนี้คงไม่เกิดขึ้นหากอาเซลไม่ใช้ลมหายใจมังกรในการโจมตี และถ้าเธอไม่ชะลอและเร่งการโจมตีละก็
ความเหนื่อยล้าและอาการบาดเจ็บที่ต่อสู้กับโนโซมุ แต่ที่สำคัญที่สุด สายตาเชิงกลยุทธ์ในการทำนายการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้นั้นยังอ่อนหัดเกินไป
อาเซลไม่มีประสบการณ์การต่อสู้มากนัก
อาจเป็นเพราะพลังทำลายล้างที่สูงจึงไม่สนใจที่วิธีการต่อสู้ หรือไม่เคยเจอกับการต่อสู้ “จริง” มาก่อน
เทคนิคที่ใช้ทรงพลัง แต่ก็ไม่มีความละเอียดอ่อนและความแม่นยำเหมือนซอนเน่
ความแข็งแกร่งที่ทรงพลังเกินไป แต่จิตวิญญาณยังเป็นแค่เด็ก พอมาคิดแล้วก็เป็นมังกรที่มีความวิบัติในตัว
「งั้นก็ปล่อยไปก่อน……」
ไอริสเหลือบมองอาเซลที่ถูกมัดติดกับพื้น แต่ในขณะนั้นเธอละทิ้งทุกความสงสัยและหันไปมองโนโซมุ
ในขณะนั้นเครื่องรางที่ผนึกอาเซลกลับระเบิดออก แสงจำนวนนับไม่ถ้วนกระจายไปในอากาศ
แสงที่กระจัดกระจายไปรอบๆตกลงบนบาเรียที่ผนึกมังกรที่กักขังโนโซมุเอาไว้อยู่
「อ๊าาาาาาาาาาาาาห์!」
“บ้าเอ้ย!? พลังนั่นมัน……”
โนโซมุกรีดร้องด้วยความโกรธ พยายามดิ้นรนเพื่อปลดพันธนาการของเขาอีกครั้ง
บาเรียแสงค่อยๆแตกออก และห่างมองใกล้ๆก็จะเห็นร่างของโนโซมุที่สั่นคลอนพร้อมกับคริสตัลของมิคาเอลที่กำลังสูญเสียพลังงานไป
เห็นได้ชัดว่ามิคาเอลเป็นคนเปิดใช้งานเวทย์ผนึกมังกร แต่เขายืมพลังของอาเซลเพื่อผนึกเอาไว้
พลังของอาเซลที่ใช้รักษาถูกบาเรียปิดกั้นเอาไว้ และเครื่องรางของซอนเน่ก็ขัดขวางการทำงานของบาเรียผนึกมังกร ทำให้บาเรียที่กักขังโนโซมุหลุดออก
โนโซมุที่ได้รับพลังกลับคืนมาได้ฉีกบาเรียออกอย่างสุดกำลัง
นอกจากนี้พลังอันรุนแรงที่ถูกปลดปล่อยกระจายไปทั่วทิศทาง และมิคาเอลก็ปลิวล้มลงไปกับพื้น
「「มิคาเอลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลล!」」
「รอก่อนนะโนโซมุ」
โนโซมุยกดาบขึ้นทำลายคริสตัล
อย่างไรก็ตามก่อนที่ดาบจะแตะคริสตัลไอริสก็เข้าไปรับดาบเอาไว้
กระสุนเวทย์จำนวนมากถูกยิงออกมาระหว่างโนโซมุและมิคาเอล
เมื่อสัมผัสได้ว่าตกอยู่ในอันตรายโนโซมุจึงกระโดดถอยหลังไปราวกับสัตว์ป่า
ในขณะนั้นไอริสก็เข้ามาขัดขวางมิคาเอล และโนโซมุ สายตาของโนโซมุก็จ้องมองเห็นเพื่อนๆในที่สุด
ดวงตาสีแดงเข้มย้อมเป็นสีแดงด้วยความโกรธเกรี้ยว เช่นเดียวกับตอนนั้นดวงตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง มองพวกฉันเป็นศัตรู
「ซีน่าเร็วเข้า!」
「อืม รู้แล้ววววอย่ารีบนักสิ!」
ซีน่าที่ถูกปกคลุมไปด้วยพลังเวทย์ขยายวงจรเวทย์ระหว่างเธอกับโนโซมุให้กว้างขึ้น
ไอริสเชื่อมโยงวิญญาณของโนโซมุเข้ากับตัวเธอและพยายามทำให้โนโซมุกลับมามีสติอีกครั้ง
「โนโซมุ ได้ยินฉันไหม!? รีบๆได้สติกลับมาได้แล้วตาบ้า!」
「กรรรรรรรรร……」
「……ไม่สิ ความเกลียดชังมันมากเกินไปที่เขาจะได้ยินเสียงฉัน เขาหลอมรวมกับเทียแมตอย่างสมบูรณ์」
ไอริสขึ้นเสียงราวกับว่าเธอเคยทำให้โนโซมุกลับมามีสติอีกครั้ง แต่ตรงกันข้ามกับความคิดของเธอ ดวงตาของโนโซมุยังไม่กลับมาเป็นปกติ
ความโกรธเข้าครอบงำเหตุผลทั้งหมดอย่างสมบูรณ์และไม่มีสัญญาณว่าจะหยุดลง
เมื่อพลังปิดผนึกกลับมา พลังของเทียแมตก็สร้างความเสียหายแก่ร่างกายโนโซมุอีกครั้ง
「ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ช่วยไม่ได้ต้องหยุดด้วยกำลังเท่านั้นแล้ว」
「อืม ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อหยุดเขาแล้ว……」
มาร์เองก็ยืนข้างๆไอริสดึงดาบใหญ่ออกมา
ทิม่ายืนอยู่แนวหลังมาร์ถือดาบและจ้องมองไปยังโนโซมุ
「ฮะฮะฮะ รีบๆกลับมาได้สติได้แล้ว ทุ่มทุกอย่างหมดหน้าตักแล้วนะ……กระเป๋าแบนแฟนไม่มีเนี่ย」
「ไม่ต้องกังวลไปฟีโอ จะให้ยืมเงินแน่ดอกเบี้ย 50% ผ่อนใน 10 วัน」
「นี่มันขูดรีดยิ่งกว่าหนี้นอกระบบอีกนะ……」
แม้ว่าสถานการณ์จะสิ้นหวังฟีโอกับมิมูรุก็พูดกันชวนให้ขำ ซีน่ายังดูตกใจกับสถานการณ์ตรงหน้า
การนำโนโซมุคนเดิมกลับมาอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป
ครั้งที่แล้วโนโซมุยังพอมีสติอยู่บ้าง แต่รอบนี้มีแต่ความเกลียดชังปกคลุม
อย่างไรก็ตามไอริสและคนอื่นๆดูเหมือนจะไม่กังวลอะไรมากนัก
จะต้องหยุดโนโซมุและพาเขากลับมา
หากโชคชะตาเล่นตลกและพาเขาไป ฉันจะเป็นคนทำลายโซ่ตรวนที่พันธนาการเขาเอง
ด้วยความตั้งใจแบบนั้น เหล่าสาวๆและผองเพื่อนจึงได้เผชิญหน้ากับมังกรชั่วร้ายอีกครั้ง
「เฮ้อ แม้จะไม่คาดคิดว่าจะต้องสู้กันอีกครั้ง แต่คราวนี้เรียกว่าเป็นแมตซ์เอาคืนที่เล่นคราวก่อนจนอ่วมก็แล้วกัน!」
ด้วยคำประกาศอันกล้าหาญของมาร์ การต่อสู้ระหว่างโนโซมุและไอริสได้เริ่มต้นอีกครั้ง
หายไปนานสามเดือน ในที่สุดก็เรียนจบแล้วววววววว อีกไม่นานจะจัดงานฉลองรับปริญญาเด้อ
ส่วนเรื่องสนับสนุนช่างมันเหอะ ใครเอาไปอ่านพากย์อีก ขอให้แปลเองอย่าดูดไปอ่านเลยถึงให้เครดิตก็ไม่ยอม เสียเวลาแปล 5-8 ชั่วโมง ต่อตอนนะ
เรื่องราวนี้ผมจะเป็นคนจบมันเอง ! ไม่ต้องทวงแล้วววววว