บทที่ 7 ตอนที่ 25
การต่อสู้ระหว่างโนโซมุและซอนเน่ค่อยๆดำเนินไป แต่โนโซมุเริ่มถอยกลับ
เนื่องจากซอนเน่มีร่างกายเหมือนคนแก่ เขาจึงกังวลเรื่องขึดจำกัดทางร่างกาย เทียแมตพยายามเพิ่มพลังให้มากที่สุดโดยไม่สนร่างกายของโนโซมุ
ณ ตอนนี้ ทั้งสองคนเปิดศึกระยะประชิด สิ่งที่แยกความแตกต่างจริงๆก็คือจำนวนพลังทั้งหมดที่ผู้ใช้มี
「โม่ววววววว!」
ในที่สุดดาบของโนโซมุก็ทำให้ไม้เท้าแห่งแสงของซอนเน่แตกหักเป็นชิ้นๆ
ซอนเน่กระโดดถอยหลัง ปล่อยสูตรเวทย์ของเขาไว้และเวทย์ก็กระจายไปทั่ว
นอกจากนี้ เขายังยกมือขวาขึ้นและแสดงเทคนิคหลายอย่าง สร้างกระสุนแสงขนาดใหญ่เท่ากับแขนของเขา และระเบิดทันที
คลื่นกระแทกที่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกันจะกระจุกตัวอยู่ในทิศทางเดียวกัน
แม้ว่าคลื่นกระแทกที่ปล่อยออกมาจะถูกปล่อยออกมาอย่างกะทันหันแต่พลังก็เทียบได้กับเวทย์โจมตีของทิม่าเลย
นอกจากนี้ ระยะทางยังห่างจากโนโซมุไปหลายเมตร แต่ก็ไม่ใกล้พอที่จะตอบโต้อีกฝ่าย ซึ่งมันหลีกไม่พ้นแน่
นอกจากนี้ซอนเน่ยังสร้างศรแห่งแสงในมือซ้ายของเขาด้วยการแปลงระเบิดแห่งแสง และปล่อยมันออกไปในขณะที่ซ่อนตัวอยู่ในเงาของระเบิด
การโจมตีสองชั้นของซอนเน่ การโจมตีด้วยเวทย์โจมตีและการโจมตีเป็นจุดๆ
ในตอนแรก ต้องใช้มากกว่าปฏิกิริยาตอบสนองในการต่อสู้ด้วยความเร็วสูง นอกจากนี้ยังต้องใช้สติปัญญาชั้งสูงเพื่อทำนายการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้และความสามารถในการคิดที่เหนือมนุษย์
ผู้ที่ถูกความโกรธครอบงำมักจะประสบกับความพ่ายแพ้เนื่องจากขาดพลังความคิดและสติปัญญา ในแง่นั้น โนโซมุในปัจจุบันซึ่งโกรธจนแทบไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง
「「ก๊าซ!」」
อย่างไรก็ตาม สามัญสำนึกดังกล่าวใช้ไม่ได้กับชายหนุ่มคนนี้
ราวกับว่าซอนเน่ทำนายการกระทำของเขาไว้แล้ว เขาก็ฟาดดาบแห่งความโกลาหลออกมา
คมดาบอันแสนละเอียดอ่อนวิ่งไปตามวิถีของดาบในขณะที่ถูกฟันออกมา
การปล่อย “แฟมท่อม” จะตัดคลื่นกระแทกที่มองไม่เห็นลงครึ่งหนึ่ง จากนั้นจึงระเบิด โดยแยกลูกศรที่โผล่มาจากด้านหลัง
「ยังไม่หมดหรอกนะ!」
ซอนเน่คำนึงถึงระดับนี้แล้วเช่นกัน
ทันใดนั้น เท้าของโนโซมุก็เปล่งแสงออกมา และมีหนามแสงรูปทรงกรวยไม่ถ้วนโผล่ออกมา
การโจมตีหลายครั้งที่รวมทั้งระเบิดทางอากาศและจุดเข้าด้วยกัน และยังขยับแนวทางการมองเห็นขึ้นและลงอีกด้วย ทั้งบอลแสงและลูกศรแสงก่อนหน้านี้ก็ต่างช่วยสกัดกั้น
บังเอิญว่าการโจมตีด้วยหนามเป็นการซื้อเวลา
เมื่อรู้ว่าเขาไม่สามารถจัดการกับโนโซมุด้วยหนามอันเล็กน้อยได้ ซอนเน่จึงสร้างวงเวทย์อีกหลายชั้น เพื่อโ๗มตีโต้ตอบ ก็เริ่มใส่พลังทั้งหมดเท่าที่ทำได้
ไม่ว่าโนโซมุจะแข็งแกร่งขนาดไหน หากเขาต้องฝ่าฟันอุปสรรคหนามแสง มังก็ต้องใช้เวลา แม้ว่ามันจะใช้เวลาไม่ถึงครึ่งวินาทีก็ตาม เวลาเล็กน้อยก็เพียงพอแล้วสำหรับซอนเน่แต่
「อะไรล่ะนั่น!?」
โนโซมุเกินความคาดหมายของซอนเน่ ก้าวไปบนหนามแสงอันหนึ่งที่ชี้มาที่เขา
หนามแสงแทงเข้าไปที่ขาของโนโซมุด้วยเสียงราวกับเลือดไหล
ไม่ สิ่งเดียวที่แทงทะลุคือรองเท้าของเขาเท่านั้น
โนโซมุพยุงร่างกายของเขาด้วยการบีดหัวแม่เท้าของเขาบนหนามแสง จากนั้นจึงกระโดดไล่ตะครุบซอนเน่
โนโซมุเองก็เคยชินกับความผิดปกติของชายชราเช่นกัน เขาดำเนินการแบบนี้ เพราะถ้าให้เวลาสักครู่ จะโดนสวนกลับด้วยพลังอันรุนแรง
ไม่สามารถที่จะซื้อเวลาได้เลย ซอนเน่จึงเบิกตากว้าง
แม้ว่าจะใส่ความคิดอันมากมายเกินไป แต่การกระทำของเขาก็สงบเงียบเกินไป เขาได้รวม “”นำหลักการต่อสู้ของเขามาใช้กับหลักการคู่ต่อสู้” ในขอบเขตการไตร่ตรองมากกว่าความคิด
โนโซมุกระโดดจับซอนเน่ที่อยู่ในระยะการโจมตีของเขาและฟันดาบลงไปเล็งหัวของชายชรา
「บ้าเอ้ย ! ทันเวลาไหมนะ!?」
ทุกอย่างถูกทำลายไม่เป็นไปตามแผนและไม่สามารถพัฒนาวงเวทย์ได้ทันตามเวลา
ทันใดนั้น ซอนเน่ก็รวบรวมวัตถุดิบไว้ในฝ่ามือให้ได้มากที่สุดและกั้นดาบที่ฟาดลงมาใส่เขา
ซอนเน่ซึ่งขณะนี้อยู่ในร่างมนุษย์ไร้ซึ่งเกล็ดแข็งๆของเผ่ามังกร
หากเขาป้องกันไม่ได้ดาบที่ฟาดลงมาจะฆ่าเขาตายทันที
แต่ว่าก็มีพายุอันรุนแรงเข้าจู่โจมทั้งสองจากสองด้าน
พายุลมพัดองค์ประกอบต้นกำเนิดซึ่งเป็นพลังของซอนเน่ปลิวว่อนไป และพุ่งลงสู่พื้น
ซอนเน่เบิกตากว้างเมื่อพายุเข้าโจมตีอย่างกะทันหัน และก็รีบสร้างบาเรียในทันที ขณะที่โนโซมุควงดาบเป็นวงกลมเพื่อพัดคลื่นที่เข้าหาตัวเขา
จากนั้นพายุฝุ่นก็กลืนกินเขาทั้งสอง
「อ๊ากกกกกกกกกกห์! อึก!?」
「ฮึ่ย!?」
ตาแก่ส่งเสียงร้องอย่าบ้าคลั่งขณะที่ถูกซัดปลิวไป และโนโซมุเองก็ลอยเคว้งคว้างอยู่ในอากาศ
โนโซมุพยายามใช้น้ำหนักของดาบเพื่อปรับท่าทางของเขาและลงจอดได้สำเร็จ แต่สุดท้ายซอนเน่ก็ลงจอดบนพื้นเหยียบบนหัวเขา
「เอ็ย ตาแก่ มันอันตรายนะ!」
「ก็จริงหรอก…แต่โชคดีที่ทันเวลา~」
ทั้งสองคนปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง มาร์ซึ่งถือดาบใหญ่บนไหล่และฟีโอที่กำลังถือยันต์ไว้บนมือเขา
ดาบใหญ่ของมาร์ที่ปกคลุมไปด้วย “สัตว์ร้ายผู้หิวโหยท่ามกลางวายุ”กับฟีโอที่ซึ่งใช้ยันต์ในการเร่งประสิทธิภาพของเวทมนตร์
「ตอแหลจริงๆเลยนะพวกแกเนี่ย ! วางแผนจะซัดข้าให้ปลิวไปจากที่นี่เลยไม่ใช่รึไงกัน!」
ซอนเน่ทำหน้าขุ่นเคืองกับเหล่าเด็กๆ
「อะจึ๋ย ทำหน้าแบบนั้นน่ากลัวตายชัก~」
「เฮ้อ~ ก็คิดว่าจะมาตอบแทนบุญคุณที่มาช่วยกันก่อนหน้านี้อยู่หรอกน้า~」
ในทางกลับกันมาร์และฟีโอมีสีหน้าตกใจเล็กน้อยและเผยยิ้มออกมา
อันที่จริงไม่มีเจตนาต้องปิดบังเพราะพยายามจะแก้แค้นซอนเน่
แม้ว่าศรเวทย์นัดเดียวจะไม่ได้ผลในการขัดขวางโนโซมุและซอนเน่ที่ห่ำหั่นกันอย่างบ้าดีเดือด แต่ก็น่าเสียดายที่กำลังของพวกเราไม่มากพอ
「เฮ้ย สีหน้ามันออกหมดแล้วนะ นี่น่ะเหรอวิธีการตอบแทนผู้มีพระคุณของพวกแกน่ะ 」
ซอนเน่คุกเข่าลงพื้นทั้งน้ำตา แต่ถึงแม้จะเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน ก็ยังมีเวลามานั่งตบมุขกันอยู่
「ขอบใจมากตาแก่อดทนได้ดีมาก ตอนนี้ถอยไปได้แล้วเดี๋ยวพวกชั้นรับมือเองค่ะ」
ซอนเน่เสียใจอย่างมาก เพราะไอริสนั้นพูดจี้ใจดำสุดๆ
ใบหน้าที่เปื้อนฝุ่นของซอนเน่ผ่อนคลายลงเมื่อได้ยินคำพูดของสาวงาม
「โอ้ว แม่สาวน้อย จะปลอบชายชราคนนี้ด้วยการให้ข้าซุกนกไหมล่ะ?」
ซอนเน่เลื้อยไปที่เท้าของไอริสยกมือทั้งสองข้างพร้อมขยำทุกเมื่อ
ประกอบกับใบหน้าเปื้อนฝุ่น สุดวิตถาร
「เฮ้อ มาร์ลุยกันเถอะ」
「ออกไปจากที่นี่ได้แล้วไอ้แก่บ้ากามนี่」
ไอริสถอนหายใจพร้อมกับเอามือทั้งสองข้างจับที่ต้นคอของซอนเน่แล้วโยนส่งให้มาร์จากนั้นมาร์จึงฟาดซอนเน่ด้วยดาบใหญ่อย่างสุดแรงเกิด
ฟิ้วววววววววววววววววววววววววววววววว
ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณเวทย์เสริมพลังกายที่ทำให้สามารถทำโฮมรันได้ไกลถึงเพียงนี้
「ฮะฮะฮะฮะฮ่าาา ! ขี้อายจังเลยน้อ!」
จากนั้นก็ตกลงไปในป่า
ซอนเน่ลงจอดด้วยหน้าชนกับพื้นและโซเมียก็เรียกเขาด้วยท่าทางหวาดกลัว
「เอ่อ คุณปู่ ไม่เป็นไรนะคะ?」
「โซเมีย ไม่ต้องห่วงหรอก ตาแก่นั่นเป็นมังกร ไม่ตายกับอีของแค่นี้หรอก」
「นี่ข้าอุตสาห์ไปถ่วงเวลาให้พวกเจ้าตั้งนานนม แต่พวกเจ้ากลับตอบแทนข้าแบบนี้……」
「อะเอ่อออออออออ……」
แก้มของโซเมียสั่นเทาเล็กน้อยเพราะพี่สาวของเธอปฏิบัติกับซอนเน่ได้ไม่ดีนัก ทำให้เธอสับสน แต่ลิซ่าก็พูดตัดบนตาแก่ตัณหาหนักนี่อย่างรวดเร็ว
ซอนเน่เงยหน้าขึ้นพร้อมกับซากดินและฝุ่นมากกว่าเมื่อกี้และเปล่งเสียงประท้วง
「ข้าน่ะ ตอนนี้อยู่ในร่างมนุษย์นะไม่ต่างจากมนุษย์ทั่วไป?」
「ไม่มีทางซ่ะละใครกันที่สามารถต่อสู้กับโนโซมุได้อย่างสูสีในสภาพแบบนั้น ไม่ใช่ “มนุษย์”แล้ว」
「ก่อนอื่นที่สู้อยู่ก็คือมังกรไม่ใช่ “มนุษย์”」
มาร์และมิมูรุประท้วงเล็กน้อยต่อซอนเน่
ความแข็งแกร่งทางร่างกายนั้นถูกจำกัดในรูปแบบร่างมนุษย์ แต่พลังที่ปลดปล่อยออกมามันไม่ใช่ “มนุษย์”ตามที่พูด
「จริงๆแล้วตัวโนโซมุก็ด้วยแหละ……」
「「ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก!」」
ด้วยเสียงคำราม ฝุ่นที่อยู่รอบๆก็ปลิวหายไปและโนโซมุก็โผล่มา
แม้ว่าจะยังเต็มไปด้วยบาดแผลและมีเลือดออกจากทั่วทั้งร่างกาย แต่บาดแผลเหล่านั้นก็เกิดจากการฝืนตัวเองทั้งนั้น นอกจากนี้ดูจากสภาพไม่มีบาดแผลสาหัสอะไรเลย
「ดูสิ แม้แต่เทคนิครวมพลังของมาร์ยังสร้างบาดแผลให้ไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์ที่จะใช้คิวัดกับเขา」
ในที่สุด ทอมก็ตัดสินใจจะปิดฉาก
ข้างๆเขามีทิม่าที่สับสน แต่การที่เธอไม่ปฏิเสธอย่างแข็งขันนั่นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
「อย่างน้อยก็รู้สึกเสียใจต่อเด็กคนนั้น……」
ชายชราส่ายหัวด้วยความเศร้าและน้ำตาที่ไหลอาบหน้า
ลิซ่าเองก็แก้มกระตุกเล็กน้อยเมื่อเห็นอดีตคนรักของเธอกลายเป็นตัวตนที่เหนือมนุษย์ไปที่เรียบร้อย
「เอาล่ะ เรื่องตลกพอไว้แค่นี้ ตอนนี้ได้เวลาเอาจริงแล้ว」
จบการส่งมุขให้กันมาร์จับดาบใหญ่และยกดาบขึ้นมา
ถัดจากเขาคือไอริสที่ถือดาบเรเปียร์และลิซ่าที่อัดพลังเวทย์อย่างหนาแน่น
「ตามที่ตกลงกันไว้ มาร์กับฉันจะต่อสู้ในฐานะแนวหน้า ฝากลิซ่าซัพพอร์ตด้วยนะ……」
「การซัพพอร์ตปล่อยเป็นหน้าที่ของทางนี้ เดี๋ยวทางฝั่งนี้จะช่วยให้ทำงานเป็นทีมเวิร์คได้ง่ายขึ้น」
「ไม่เป็นไรแน่นะ? หรือมากกว่านั้น จะตามทันความเร็วของพวกเราได้จริงเหรอ? ฉันไม่อยากจะเผลอทำร้ายเธอไปนะ」
「ก็อย่างที่เห็นถึงแม้ว่าด้านปฏิบัติเธอจะเก่งกว่าฉัน แต่ฉันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอนะจะบอกให้」
มาร์มีสีหน้าสงสัยคำพูดของลิซ่า แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันต้องยืมความช่วยเหลือจากเธอ
ในขณะเดียวกันซีน่าก็ยื่นมิคาเคลที่เธอถือไว้ให้ซอนเน่
「คุณซอนเน่ รับสิ่งนี้ไว้ด้วยค่ะ」
「อืม โอเคงั้นเหรอ?」
「ค่ะ คำพูดของพวกเราไม่น่าจะสื่อถึงใจของเขาได้ ดังนั้น ฉันเองก็จะแสดงให้เขาเห็นถึงสายสัมพันธ์ของพวกเรา」
ซีน่าพูดง่ายๆโดยยืมกริซจากมิมูรุ คว้าเส้นผมของเธอหลายสินเส้นและตัดออกทันที
ผมสีฟ้ามันวาวยาวของเธอถูกดีงออกมาและแพร่ขยายออก
「ต้องการให้ข้าช่วยไหม?」
「ไม่ต้องหรอก หลังากที่พวกเราเอาชนะโนโซมุคุงได้ ได้โปรดชุบชีวิตเขาด้วย หากจะช่วยลิซ่า ห้ามพลาดโดยเด็ดขาดนะคะ」
「ในความเป็นจริงมันคงไม่ราบรื่นขนาดนั้นแต่เข้าใจแล้ว ไปเร็วเข้า」
มาร์โบกมือและกระตุ้นให้ฝั่งนี้ถอยกลับไป
「อืมจะพูดถึงขนาดนั้น ขอฝากด้วยล่ะ」
ซอนเน่พยักหน้าและถอยห่างจากพวกไอริสและคนอื่นๆ พร้อมกับมิคาเอล
「ลิซ่า โอเคไหม?」
「อืม ฉันรู้ดีว่าต้องทำอะไร」
「มาแล้วนะ!」
「「ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก!」」
วินาทีต่อมาด้วยความเร็วยิ่งกว่าเสียงโนโซมุเข้าหาไอริสและคนอื่นๆ
「ตอนนี้มาลุยต่อจากที่ค้างไว้กันเถอะ!」
一ตามที่คาดไว้มาร์เข้าไปรับการโจมตีของโนโซมุ
ด้วยการใช้พลังจากความสามารถทางกายภาพที่ถูกเสริมขึ้นมามากขึ้นและใช้เทคนิคผสาน เขาเหวี่ยงดาบใหญ่ใส่โนโซมุที่วิ่งเข้าหา
「「ฮึบ!」」
แน่นอนว่าการฟันแบบนี้ไม่ได้ผลกับโนโซมุ ด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว เขาเบี่ยงวิธีดาบของมาร์ที่ฟาดลงมาและพยายามอ้อมไปด้านข้างเพื่อฟันอีกฝั่ง
「อ๊ากกกก!」
มาร์รู้ด้วยว่าไม่มีที่การฟันแบบเดิมๆจะเอาชนะเขาได้
ด้วยการใช้ความแข็งแกร่งทางกายภาพที่เพิ่มขึ้น เขาบังคับวิถีดาบใหญ่ที่ฟาดลงมา ฟันลงไปที่พื้น
โนโซมุวิ่งผ่านมาร์และพยายามโจมตีใส่สีข้างของเขา ส่วนมาร์พยายามตอบโต้กลับดาบทั้งสองปะทะกันด้วยเสียงแหลมสูง
ขณะเดียวกันก็เกิดคลื่นกระแทกรุนแรงจากทั้งสอง
「อั่กกกกกก……!」
มาร์ที่ใช้ขาทั้งสองข้างยันพื้นเอาไว้พยายามรักษาท่าทางที่พังทลายกลับคืนมา โนโซมุที่อยู่ตรงหน้าก็พร้อมโจมตีครั้งถัดไป
ด้วยความที่สมดุลทางร่างกายที่ยอดเยี่ยมเขาปรับทิศทางการเคลื่อนไหวไปตามแรง ในขณะที่หมุนร่างกายไปด้วยเพื่อลดผลกระทบ และในทางกลับกันก็รวบรวมพลังไว้ที่ดาบฟันสวนกลับมา
มันยังเป็นเทคนิคที่น่าทึ่งอยู่ดี
「หนอยยยยยยยย!」
มาร์ที่ไม่ยอมแพ้ฟันกลับด้วยดาบใหญ่ของเขาและกันดาบของโนโซมุเอาไว้
「ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกห์!」
「「ฮ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกห์!」」
มาร์และโนโซมุต่างส่งเสียงคำรามขณะถือดาบอยู่ในมือ
แต่ละครั้งที่ตัดผ่านกัน เสียงแหลมสูงดังก้องไปทั่วบริเวณ และคลืนกระแทกแต่ละครั้งก็กระจัดกระจายไปทั่ว
ในสถานการณ์นั้น โนโซมุเป็นฝ่ายได้เปรียบ ต่างจากครั้งล่าสุดที่เคยต่อสู้กัน เขาปลดปล่อยพลังแห่งความโกลาหลเพื่อทำลายพลังผสานของมาร์
「แต่ว่านะ!」
ก่อนที่ดาบของโนโซมุจะทำลายเทคนิคของมาร์ได้อย่างสมบูรณ์ไอริสก็กวัดแกว่งดาบบางๆจากอีกฝั่งเพื่อหยุดเขาเอาไว้
โนโซมุถอยครึ่งก้าวหลบดาบที่แทงเท้ามา
โนโซมุที่โดนดาบบางๆเผ่านหน้าไปเพียงไม่กี่มิลลิเมตรจากนั้นจึงหันดาบไปฟันตอบโต้
ไอริสรีบดึงดาบกลับมาอย่างรวดเร็วและยกมันขึ้นเพื่อตอบโต้ดาบของโนโซมุ
ดาบคาตานะของโนโซมุปะทะกับดาบเรเปียร์ของไอริส
ขณะที่กัดฟันและอดทนต่อดาบที่อาบไปด้วยพลังคิอันล้มหลาม ทำให้เธอลดสะโพกต่ำลงเพราะว่าไม่สามารถที่จะสามารถต้านแรงของโนโซมุขณะที่หันไปรอบๆ
「ย่าหหหหหหหหหหหหห์!」
ไอริสที่เข้ามาใกล้หันหลับกลับและปล่อยแรงผลักที่รุนแรงราวกับพายุ
โนโซมุหันหลับกลับและเอาคาตานะปัดคมดาบนั้นด้วยความเร็วดุจสายฟ้า
ไอริสไม่ยอมหยุดอยู่แค่นั้น
เธอแทงซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้จะเป็นการเคลื่อนไหวแบบง่ายๆ แต่เธอเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง แทงออกไปหลายสิบครั้งต่อวินาที
คิ้ว กลางอก หัวใจ ช่องท้อง ใต้สะดือราวกับพายุคลั่งทุกส่วนล้วนแล้วแต่เป็นจุดตายทั้งนั้น
การโจมตีนั้นรวดเร็วมากจนมนุษย์ธรรมดาทั่วไปมองไม่เห็น สิ่งที่มองเห็นก็เป็นแค่ภาพติดตาและแสงสว่างวูบวาบที่เร็วเกินไปเท่านั้น
「「หึ่ย!」」
อย่างไรก็ตามโนโซมุปัดป้องได้โดยไม่โดนโจมตีเลยสักนิด
คมดาบที่แหลมคมกลับฟันออกมาได้อย่างงดงามตัดช่องทางของคู่ต่อสู้ทำให้เกิดเสียงของโลหะกระทบกันหลายต่อหลายครั้ง
「อึก!」
「「ฮ๊ากกกกกกกกกกห์!」」
ราวกับเป็นการโต้กลับ โนโซมุเริ่มสวนกลับ
ดาบที่ควบแน่นไปด้วยคิตัดผ่านพลังเวทย์ทุกอย่าง อย่างไรก็ตามดาบที่ถูกอัดแน่นจนเกือบจะถึงร่างของเธอก็ถูกกระสุนเพลิงสามนัดหยุดเอาไว้
「แฮ่ก แฮ่ก!」
คนที่ยิงกระสุนเพลิงคือลิซ่าซึ่งตามหลังไอริสและคนอื่นอยู่หนึ่งก้าว
เธอเฝ้าดูการต่อสู้ของไอริสและมาร์ขณะที่รอจังหวะสนับสนุน
หลังจากที่กระสุนเพลิงเข้าหาเขา โนโซมุจึงถอยหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว
「รีบหลบไปซะ!」
「เข้าใจแล้ว !」
ราวกับให้สัญญาณครั้งสุดท้าย ไอริสกระโดดไปข้างหลังถอยห่างไปประมาณห้าเมตร
ในขณะเดียวกันคมดาบที่ควรจะฟันใส่ไอริสก็เฉือนกระสุนเพลิงทั้งสามนัดด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว
บทบาทของลิซ่าคือให้การสนับสนุนด้านการถอยและเข้าของไอริส และ มาร์ ซึ่งมันเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับทั้งสองคนที่จะหาจังหวะถอยพร้อมกับสู้ในเวลาเดียวกัน จึงให้ลิซ่าคอยซัพพอร์ตในจังหวะที่ต้องถอยนั่นเอง
「ยังหรอก!」
ลิซ่ามุ่งความสนใจไปที่มือขวาของเธอ
พลังเวทย์ที่บรรจบกันพร้อมกับบทร่ายที่ถูกแปลงเป็นเปลวเพลิงก่อตัวเป็นหอกอันแหลมคมในอากาศ
เธอคว้าด้ามหอกเพลิงที่สร้างขึ้น จากนั้นตั้งท่าให้มันและขว้างไปที่โนโซมุ
「ย๊ากกกกกกกกกกกกห์!」
เมื่อประกอบกับเวทย์เสริมพลังที่ใช้ไว้ล่วงหน้า หอกเพลิงก็พุ่งด้วยความเร็วมหาศาล มันทะลุชั้นบรรยากาศขณะที่พุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับปลายที่แหลมคม
「「ฮ๊ากกกกกกกกกกกกกกก!」」
โนโซมุไม่สนใจหอกเพลิงที่พุ่งเข้ามาและเปิดใช้ก้าวพริบตา เขาฟาดดาบลงไปที่ปลายหอกเพลิงที่กำลังเข้ามาใกล้
หอกเพลิงที่อยู่ในรัศมีโจมตีก็ระเบิด ตู้มมมมมมมมม ! และถูกฟันขาดเป็นสองท่อน
「ง่ะ!」
ลิซารีบแยกหอกเพลิงออกเป็นสองส่วนและหอกก็แยกขยายอีกไปในชั่วพริบตา
「「!?」」
ความสามารถของลิซ่าถูกเปิดใช้งาน “แม่มดเนวี่”
เป้าหมายของความสามารถนี้จะเพิ่มเอฟเฟกต์เวทย์เป็นสองเท่าชั่วคราวนั่นคือหอกเพลิงที่สร้างไป
เทคนิคหอกเพลิงซึ่งพลังเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในคราวเดียว ถูกโนโซมุหั่นออกเป็นสองส่วนและเกือบสลายตัว แต่ก็พังทลายลงในทันที
ในเวลาเดียวกันก็ปล่อยแรงระเบิดมหาศาลต่อหน้าโนโซมุเพราะรัศมีการโจมตีที่กว้างขึ้น
เปลวไฟลุกลามขึ้นแล้วและปกคลุมไปทั่วร่างของโนโซมุ และพยายามเผาเขาให้มอดไหม้
「「อั่ก! ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกก!」」
อย่างไรก็ตาม มันก็คงจะไม่ถูกจัดการได้ง่ายขนาดนั้น
เขาปล่อยคลื่นกระแทกออกมาจากร่างกายแสงอันวุ่นวายที่ปะทุออกจากร่างช่วยดับเปลวเพลิงรอบตัวโนโซมุ
ผลักดันเปลวไฟที่กระจัดกระจาย เขาก้าวเข้ามาเพื่อกำจัดผู้ขวางทาง ด้วยตาสีแดงเข้ม มองไม่เห็นแม้กระทั่งลิซ่า
「ก็ลองดูสิ!」
มาร์เข้ามาขวางโนโซมุที่เข้าหาลิซ่า
ในเวลาเดียวกันกับที่โดนสลัดดาบออก มาร์เองก็ฟื้นพลังได้และปล่อยคมดาบวายุออกมาอีกนับไม่ถ้วน พัดโนโซมุปลิวไปด้วยพลังอันเหลือล้น
โนโซมุลอยขึ้นไปในอากาศ แต่เขาหันหน้ากลับและลงจอดได้อย่างปลอดภัย
ขณะเดียวกันไอริสก็เข้ามาสมทบ สงบลมหายใจอยู่ชั่วครู่เพื่อตั้งสติใหม่อีกครั้ง
「นี่ ไอริส ซีน่าและคนอื่นๆยังอยู่รึเปล่า?」
「ดูเหมือนการเตรียมการยังไม่เสร็จนะ ทิม่าและฟีโอกำลังยุ่งกับการควบคุมพลังเวทย์ ดังนั้นคงคาดหวังการสนับสนุนมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว……」
เมื่อซอนเน่ก้าวถอยหลังก็จับตาดูการเคลื่อนไหวของคนอื่นๆอยู่
นี่อาจจะเป็นกรณีที่พวกไอริสจะฝ่าฟันได้
มาร์หันความสนใจกลับไปที่โนโซมุ
มีบาดแผลนับไม่ถ้วนบนร่างกายเขา และเลือดที่พุ่งออกจากบาดแผลทำให้ชุดสีขาวถูกย้อมไปด้วยสีแดงสด
องค์ประกอบของธาตุทั้งห้าที่ปะทุออกจากร่างได้ปลดปล่อยรัศมีอันน่ากลัวและดูเหมือนจะแช่แข็งหัวใจของเขา ดวงตาสีแดงเข้มที่ไม่หลงเหลือเค้าเดิมของเขามันเป็นดวงตาประกายไฟแห่งความโกรธที่ยังคงคุกกรุ่นอยู่
「……ไม่มีอะไรจะใช้ได้ผลเลยจริงๆเหรอ」
「ดูเหมือนเทคนิคจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ก็ยังดีกว่าโดนโจมตีในระยะดาบของเขา」
「แต่ว่าถ้าเป็นแบบนี้ชีวิตของพวกเราเหมือนแขวนบนเส้นด้าย……」
จนถึงตอนนี้มาร์และคนอื่นๆยังไม่เคยประสบความสำเร็จในการโจมตีใส่โนโซมุเลยสักครั้งเดียว นี่เป็นเพราะร่างกายของโนโซมุเคยจดจำเทคนิคต่างๆที่เคยพบเจอมาทั้งหมด
แม้ว่าจะพยายามทะลวงคู่ต่อสู้ด้วยพลังธรรมดา โนโซมุก็ยังเหนือกว่าในแง่ของความสามารถ เนื่องจากคู่ต่อสู้รู้วิชาของฝ่ายตรงข้าม และโนโซมุยังมีวิชาดาบที่ไว้สำหรับสังหารศัตรูอีก จึงอยากที่จะทำลายสมดุลความบาลานซ์เหล่านี้
「ถึงกระนั้นก็เถอะนะ……」
「? หืม?」
มาร์เหลือบมองไอริสที่ยืนอยู่ข้างหลังอย่างรวดเร็ว
ลิซ่าเอียงคอราวกับเข้าใจความหมายอะไรบางอย่าง
「เธอนี่แข็งแกร่งมากเลยนะ」
「หืม? หมายความว่าไง?」
มาร์และลิซ่าที่ยังยืนงงอยู่ ก่อนหน้านี้ระหว่างการซ่อมพิเศษที่ถูกจัดขึ้นในป่า กลุ่มของพวกเขาได้เผชิญหน้ากัน แต่มาร์กำลังยุ่งกับการสู้กับเควินและลิซ่าเองก็ค่อนข้างจะไม่น่าประทับใจเลยในตอนนั้น
หลังจขากนั้นก็แค่รู้ว่าทั้งสองคนมีปัญหากันหนักมาก ดังนั้นจึงไม่รู้เลยว่าลิซ่าแข็งแกร่งเทียบเท่ากับไอริส
แต่ถึงแบบนั้นลิซ่าที่อยู่ ปี 3 ห้อง 1 จะอ่อนแอ เพราะเธอเป็นถึงนักผจญภัยแรงค์ A
ในความเป็นจริง ที่เธอสนับสนุนไอริสได้อย่างแม่นยำและหยุดโนโซมุที่เกือบจะฆ่าไอริสได้ภายในครึ่งวินาทีนั่น
「อะไรกัน ไม่รู้ตัวเลยเหรอถึงความแข็งแกร่งนั่น……」
「一เธออ่อนข้อให้ฉันหนึ่งก้าวนะ ดังนั้นก็เลยยังพอไหวอยู่ แต่หากเธอเอาจริงฉันก็คงช่วยไม่ทันจริงๆนั่นแหละ」
ลิซ่าพูดความจริงโดยไม่ลดล่ะจากโนโซมุที่อยู่ตรงหน้า
เธอมีความสามารถที่เพิ่มเอฟเฟกต์เวทย์เป็นสองเท่า แต่เธอไม่สามารถเผชิญหน้ากับโนโซมุได้ถ้าไม่มีมัน
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าเธอจึงเลือกจะเป็นฝ่ายซัพพอร์ตมากกว่าจะเป็นแนวหน้าในการต่อสู้
แม้ว่าจะทุ่มเทให้กับการซัพพอร์ต แต่ความเร็วที่ทั้งสามคนสู้นั้นตัวเธอก็มองตามแทบไม่ทัน
ทั้งสามที่ต่อสู้ไปมาราวกับพายุทอร์นาโดและเสียงโลหะที่สะท้อนเข้าใบหูชวนให้นึกถึงเสียงฟ้าร้อง
「การที่สามารถสนับสนุนได้อย่างแม่นยำในขณะที่พวกเราเคลื่อนไหวด้วยความเร็วขนาดนั้น เธอต้องมั่นใจในตัวเองหน่อยนะ……」
มาร์พูดชมอย่างจริงใจ ขณะที่ลิซ่าให้การสนับสนุนได้อย่างดีเยี่ยมระหว่างไฟต์
เดิมทีลิซ่าก็เป็นอัจฉริยะเหมือนไอริส
แม้ว่าเธอจะเกิดในหมู่บ้านแถบชายแดน แต่เธอก็ขึ้นมายังจุดสูงสุดของสถาบันโซลมินาติ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะสงสัยในความสามารถของเธอเลย
มาร์สัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่นอกจากพรสวรรค์
เธอมีบรรยากาศเหมือนกับคนที่เขารู้จักดี และมาร์ก็เห็นเธอที่มุ่งมั่นไปข้างหน้าก็มั่นใจ
นั่นคือดวงตาของผู้ที่ปากกัดตีนทีบเพื่อที่จะเอาชีวิตรอดไปในวันข้างหน้า
ความตั้งใจของบุคคลที่แม้จะล้มลุกคลุกคลาน ทรมานกับความผิดพลาดในอดีตที่ไม่สามารถอภัยได้ และต้องก้าวหน้าต่อไปโดยแบกรับความผิดบาปที่ก่อเอาไว้
ดวงตาเหล่านั้นมันคล้ายกับโนโซมุและสาวผมดำที่ยืนอยู่ข้างๆนี้
「มันน่าเศร้า นะ ทำไมคนรอบตัวถึงได้แข็งแกร่งทุกคนกันแบบนี้……」
「พูดอะไรน่ะ?」
「ไม่มีอะไรหรอก……」
มาร์หันกลับไปมองด้านหน้าขณะตอบคำถามของลิซ่าอย่างไม่ใส่ใจ และไม่หันกลับไปมองหลังอีก
————————————————————————–
ขณะที่ไอริสและคนอื่นๆกำลังซื้อเวลาให้โดยแขวนชีวิตไว้บนเส้นด้าย ซีน่าและทอมก็หมกมุ่นกับหน้าที่ของพวกเขาอย่างเต็มที่
ถัดจากซีน่าและคนอื่นๆ ทิม่าและฟีโอกำลังพยายามอย่างหนักเพื่อควบคุมพลังเวทย์และวิชาเสริมพลังกายของไอริสอยู่
พลังเวทย์ยังคงหลั่งไหลเข้าสู่รูปแบบที่กลางออกจากปลายไม้เท้าของทิม่าและยันต์ในมือของฟีโอที่ส่องแสงต่อไป
「โน่ววววววววๆๆๆๆๆๆ……」
「อั่ก……」
เม็ดเหงื่อใหญ่ๆไหลออกจากหน้าผากของทั้งสองคนและเสียงครวญครางแห่งความทรมานก็เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากที่เม้มแน่น
ทิม่ายังคงส่งพลังเวทย์เต็มพิกัดไปเหมือนเดิมให้ไอริสได้ใช้ และฟีโอยังคงใช้ยันต์เพื่อรักษาการคงพลังเวทย์เพื่อไม่ให้เสถียรภาพของพลังเวทย์ที่ส่งไปถูกลดทอนลง
ท้ายที่สุดแล้ว ปริมาณพลังเวทย์ที่ถูกส่งออกมันไม่ธรรมดา
ในความเป็นจริง พลังเวทย์นี่มันมากกว่าจอมเวทในวังหลวงหลายสิบเท่า หากควบคุมพลังเวทย์ขนาดนั้น ไม่มีทางอื่นนอกจากต้องใช้เครื่องรางจำนวนมาก
ถึงกระนั้นพลังที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นกลับถูกคุมได้ด้วยยันต์เพียงแผ่นเดียว แถมยังใช้ไปจำนวนมากในการต่อสู้ครั้งนี้
สถานการณ์เหมือนกับกองกระสอบทรายที่กั้นน้ำท่วมอย่างสิ้นหวัง
หากเป็นเช่นนี้ คงจะถึงขีดจำกัดในไม่ช้า
ในขณะเดียวกันทอมก็ตั้งใจสลักรูนบนคันธนูของซีน่า
เทคนิคสลักรูนเหมือนกับลูกธนูพิเศษที่มอบให้กับซีน่าก่อนหน้านี้ เป็นเทคนิคที่ช่วยให้ดูดซับพลังเวทย์จากรอบข้างได้ดีและยังทำให้ผู้อื่นถ่ายเทพลังเวทย์เพื่อการโจมตีที่ทรงพลังยิ่งขึ้น
ซีน่าตัดผมยาวๆของเธอออกประมาณสิบเส้นแล้วมัดรวมกัน
เธอวางแผนที่จะใช้ผมเหล่านี้แทนเชือกที่ขาดไป
ผมเธอมีความแข็งแรงจนน่าประหลาดใจ และผมแต่ละเส้นก็รับน้ำหนักได้ถึง 1.5 กิโลกรัม การบิดพวกมันจะช่วยทำให้มันหนาและแข็งแรงยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ผมของเธอยังเป็นตัวนำพลังเวทย์ชั้นดี ดังนั้นหากใส่พลังเวทย์ไปอย่างเพียงพอ ก็สามารถใช้เป็นสายธนูได้อย่างไม่มีปัญหา
「ทอม ซีน่า ยังไม่เสร็จอีกเหรอ?」
「รออีกหน่อยนะยังสลักรูนไม่เสร็จ……」
มิมูรุที่คอยดูแลทิม่าและคนอื่นๆเปล่งเสียงออกมาด้วยความหงุดหงิด
ในตอนนี้มิมูรุต้องมาอยู่แนวหลังเผื่อกรณีที่ถูกทะลวงเข้ามาได้ แต่พูดตามตรงคนอื่นๆก็ใกล้ถึงขีดจำกัดหมดแล้ว
มิมูรุเชื่อว่าแม้ว่าเธอจะต้องเผชิญหน้ากับโนโซมุในตอนนี้ ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีเวลาเพียงพอ
เดิมที มิมูรุไม่ใช่ประเภทที่ต่อสู้แนวหน้า แต่สไตล์ดั้งเดิมคือใช้ความเร็วชิงความได้เปรียบและตัดกำลังคู่ต่อสู้
แม้ว่าเธอจะต้องต่อสู้แนวหน้า เธอก็พยามไม่ยืนต่อหน้าคู่ต่อสู้ตรงๆ เมื่อซีน่าและทอมต่างรวมตัวกัน พวกเรามีหน้าที่เหมือนแวนการ์ด แต่บทบาทของเราคือการเข้าไปหาจุดบอดของศัตรูและตัดการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม
(TN:แวนการ์ดคือการ์ดสายพลิ้วที่มีพลังโจมตีสูงแต่แลกมาด้วยการที่ตัวบางเป็นกระดาษ ถ้าไม่เห็นภาพดูแวนการ์ดในArknight)
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงสั่นสะท้านหากโนโซมุบุกละทวงฝ่าแนวหน้ามาได้
ไม่ว่าพวกเขาจะรู้ถึงความวิตกกังวลของมิมูรุหรือไม่ก็ตาม ทั้งทอมและซีน่าก็ทำตามหน้าที่อย่างใจเย็น
「ทอม ฉันเสร็จแล้ว นี่คือทั้งหมดที่เหลือ」
「อืม ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ชั้นเอง」
ในที่สุดซีน่าก็ทำงานเสร็จและมอบสายคันธนูที่เสร็จแล้วให้ทอม
ทอมเก็บสายคันธนูไว้ชั่วคราวและทำหน้าที่ต่อ
「จริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่?」
มิมูรุกังวลใจอดไม่ได้ที่จะถามทอม
ทอมตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังขณะทำงานต่อไป
「บางที หากพูดถึงคุณปู่ ถ้าเราสามารถแยกเทียแมตกับโนโซมุออกจากกันได้ ก็มีโอกาสที่จะทำให้เขากลับมาได้」
「แล้วอะไรคือตัวชี้วัด?」
「ครั้งหนึ่งโนโซมุเคยโดนเทียแมตหลอกและหันดาบเข้าหาพวกเราใช่ไหม? ตั้งแต่นั้นมาก็มีเหตุผลคาใจชั้นมาตลอดเลยล่ะ……」
มิมูรุอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายขณะที่ทอมพูดยืนยัน
「เคยสงสัยไหมว่าโนโซมุใช้พลังแบบไหนในการเอาชนะเทียแมต……」
「นั่นก็คือพลังของตัวเขาเองไม่ใช่เหรอ?」
มิมูรุชี้ไปที่ร่างที่กำลังอาละวาดแต่ทอมส่ายหัวอย่างเงียบๆ
「นั่นคือพลังของเทียแมตต่างหาก สิ่งที่ชั้นกำลังพูดถึงอยู่ก็คือพลังของโนโซมุที่ได้รับมาหลังจากกลายเป็นดราก้อนสเลเยอร์แล้วต่างหาก」
ในตำนานที่ผ่านมา มีภาพวาดของดราก้อนสเลเยอร์มากมายที่มีความสามารถพิเศษบางอย่างเหนือมนุษย์
บางส่วนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจนไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นมนุษย์หรือตัวตนที่ใกล้เคียงกับมังกรแต่ไม่ใช่ สิ่งนั้นถูกเรียกว่า “ความสามารถเหนือธรรมชาติ” ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของผู้ที่ได้เป็นดราก้อนสเลเยอร์
คงไม่แปลกถ้าโนโซมุผู้ดูดซับพลังวิญญาณของมังกรก็มีความสามารถเหนือธรรมชาติเช่นกัน
แต่จริงๆแล้วเขามีจริงๆเหรอ
อย่างไรก็ตาม มิมูรุเองก็มีพลังเหนือธรรมชาติของ “การแปลงร่างเป็นสัตว์” และเป็นปะเภทลดทอนเหตุผลแลกมากับความว่องไวและพละกำลัง แต่เป็นการยากที่จะรับมือกับเทคนิคผสานของมาร์
แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะสู้กับโนโซมุด้วย
นอกจากนี้ยังมีอีกเหตุผลที่เธอยังไม่สามารถเผชิญหน้ากับโนโซมุได้
「ชั้นเริ่มมั่นใจก็ตอนที่เกิดเหตุการณ์ของลิซ่า ตั้งแต่ตอนนั้นที่เห็นโนโซมุเข้าไปต่อสู้กับอบิส และกลับมาโดยแทบไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ」
“บาเรียแห่งการล่า”
มันถูกสร้างขึ้นโดยเคนผู้ซึ่งหลอมรวมกับอบิสเพื่อที่จะครองครองลิซ่าที่เขารัก มันเป็นพลังของสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีอยู่บนโลกนี้ มันละเมิดกฏทางวิญญาณและตัดสิ้นซึ่งทุกตรรกะของโลก
บาเรียแห่งการล่าในนั้นถือเป็นอันตรายอย่างมากแม้จะเป็นจิฮัดก็ตาม
แม้ว่าซีน่าจะช่วยแบ่งเบาภาระให้กับโนโซมุ แต่สัญญาทางวิญญาณก็ไม่ได้ส่งผลมากนัก
โดยปกติแล้วแทบไม่มีโอกาสเลยที่มนุษย์จะกลับมาได้โดยมีสภาพสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตามโนโซมุที่กลับมาหลังจากทำลายบาเรียแล้ว เขาดูเหนื่อยล้า แต่วิญญาณของเขาไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย
「บางทีโนโซมุคุงอาจจะมีพลังเหนือธรรมชาติบางอย่างที่ตื่นขึ้นแล้ว….หรืออาจจะพึ่งตื่น? อย่างไรก็ตาม ยังมีความสามารถมากมายที่เราไม่รู้」
มิมูรุเอียงคอราวกับสงสัยในเรื่องราวของทอม แต่ซีน่าก็ยอมรับได้อย่างง่ายๆ เพราะเธอเองก็เข้าใจ
ก่อนหน้านี้ ที่โนโซมุหลับไป เธอพยายามจะติดต่อกับโนโซมุผ่านวงจรวิญญาณ แต่ก็ถูกโซ่ตรวนจำนวนนับไม่ถ้วนขวางไว้เมื่อเดินผ่านเส้นทางนั้น และไม่สามารถเข้าหาตัวเขาได้
หากโว่ในเวลานั้นมีความเกี่ยวข้องกับความสามารถของเขา……。
「โอเค เสร็จแล้ว ! ซีน่า ไปกันเถอะ」
ทอมยื่นธนูพร้อมลูกธนูที่สลักรูนไว้บนคันธนูให้กับซีน่าทุกอย่างถูกสลักไว้อย่างประณีต
ซีน่าดึงสายคันธนูที่ได้รับ ตรวจสอบสภาพและพยักหน้าเล็กน้อย
「ถ้าอย่างงั้น ซีน่า ได้โปรด มิมูรุเองก็ทำตามกำหนดการณ์ด้วย……」
「อืม เข้าใจแล้ว ขอบคุณมากนะ!」
มิมูรุรีบหันหลังกลับไปและหายไปเข้าในป่าสีเทา
เมื่อซีน่าเห็นมิมูรุที่หายตัวเข้าไปในป่า เธอก็ค่อยเตรียมคันธนูและดึงเชือกออกมา
「ฟู่วววววว……」
เธอหายใจออกเล็กน้อย ปล่อยให้พลังเวทย์ไหลไปทั่วร่างและเทมันลงบนคันธนู
แก่นแท้ของพลังเวทย์สีน้ำเงินส่องแสงเล็กน้อยเริ่มค่อยๆส่องแสงสว่างมากขึ้น ในเวลาเดียวกันอักษรรูนที่สลักไว้บนคันธนูก็เริ่มส่องแสง
เมื่อแสงส่องเต็มเชือกที่ถูกดึง แก่นแท้ของเวทย์ก็ส่องแสงสี่สี ได้แก่ สีแดง เขียว เหลือง และน้ำเงินรวมตัวกันรอบๆคันธฯูและก่อตัวเป็นลูกศรแห่งแสงสว่างขึ้นมาหนึ่งดอก
「วะวะวะว้า……」
เมื่อลูกศรเปลี่ยนเป็นรูปร่างสีหน้าของทิม่าก็ซีดลงไปอีก
ลูกศรนี้เหมือนกับลูกศรที่ทำให้อาเซลต้องสยบ เวทย์ที่สร้างขึ้นมาด้วยพลังเวทย์ของทิม่า
ยิ่งกว่านั้น ลูกศรนี่ได้รับการอัพเกรด ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นถูกสร้างมาจากพลังเวทย์ของทิม่าล้วนๆ
พลังของมันเทียบไม่ได้กับศรครึ่งๆกลางๆของเธอ
อย่างไรก็ตามทิม่าส่งพลังเวทย์ทั้งหมดเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ไอริส แม้ว่าจะมีพลังเวทย์มากเพียงใด เธอเองก็เหมือนจะถึงขีดจำกัดแล้วเช่นกัน
แต่ว่าจะมาหยุดลงตรงนี้ไม่ได้
ขณะที่เชียร์ทิม่าอยู่ในใจซีน่าก็ควบคุมพลังเวทย์ที่ไหลเข้ามาในตัวเธอ
ส่นหลักของลูกธนูสร้างโดยพลังเวทย์ของทิม่า แต่หน้าที่การมอบพลังเวทย์ให้อยู่ในสภาพลูกศรคือหน้าที่ของซีน่า
ยิ่งไปกว่านั้นเธอต้องเล็งไปที่หัวใจของโนโซมุอย่างแม่นยำ ซึ่งกำลังเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง
มันเหมือนกับการพยายามเอาตัวรอดจากคลื่นบนท้องทะเลด้วยการมีฉมวกปลาเพียงอันเดียว
แม้ว่าซีน่าจะเป็นเอลฟ์และเก่งในด้านการยิงธนู แต่มันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
「ฟู้ววววววววววววววววววว……」
อย่างไรก็ตามไม่มีความลังเลในตัวเธออีกต่อไป
เหยียดหลังตรง หายใจเข้าลึกๆ แล้วกลั้นลมหายใจ
「โนโซมุคุง……」
ฉันมองดูเขาที่อยู่ตรงหน้าฉัน
「ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันอยากจะอยู่เคียงข้างนาย……」
ซีน่ายืนยันความรู้สึกของเธอีกครั้ง
เมื่อลิซ่าเผยความรู้สึกของเธอให้เห็นก่อนหน้านี้ ฉันที่อายเป็นเจ้าเข้าและรู้สึกทรมานจนไม่กล้าพูดออกมานั้น แต่ตอนนี้ฉันไร้ซึ่งความลังเลใจ
แต่ฉันกลับรู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อย ความอบอุ่นในหัวใจก่อนที่จะรู้ตัวก็อยากยืนเคียงข้างเขาซะแล้ว
ซีน่าสงสัยว่าเพราะเธอเป็นเอลฟ์รึเปล่า
ไม่ว่าจะดีขึ้นหรือแย่ลงเอลฟ์ก็ยังเป็นเผ่าพันธุ์ที่บริสุทธิ์
เมื่อพวกเขาตัดสินใจไปแล้ว จะไม่ยอมแพ้กับทิศทางที่เลือกเดิน และบางครั้งก็ถูกเรียกว่าเป็นผ่าที่ดื้อรั้น
พวกเขาต่างดูแลญาติพี่น้องกันเป็นอย่างดี แต่บางครั้งความรู้สึกที่มีต่อเผ่าตนเองก็นำพาไปขัดแย้งกับเผ่าอื่น
เนื่องจากเป็นเผ่าพันธุ์ เอลฟ์จึงค่อนข้างใจแคบ ไม่เปิดใจให้เผ่าไหน และจนกว่าจะถูกไล่ต้อนจนมุมก็ไม่ยอมคบค้าสมาคมกับใคร
แต่เนื่องจากการเสียบ้านเกิด ทำให้พวกเขาต้องมีปฏิสัมพันธ์กับเผ่าอื่น ดังนั้นตอนนี้จึงมีโอกาสมากขึ้นที่จะเห็นเอลฟ์ในเมือง
ถึงกระนั้นมนุษย์และเอลฟ์ความรับรู้ด้านเวลามันต่างกัน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่เอลฟ์จะสนใจมนุษย์
แต่เมื่อเป็นคนที่เผ่าของเธอถูกใจใครแล้ว จะสัญญาว่าจะรักและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อครอบครัวและสร้างช่วงเวลาวิเศษที่สุดในชีวิตขึ้นมาจนกระทั่งตายจาก เผ่าเอลฟ์ก็ใช้เวลาทำใจนับสิบปีหากเสียคนที่รัก บางครั้งด้วยเหตุผลเพราะสูญเสียคนรัก เผ่าเอลฟ์มักจะจบชีวิตตามคนรักไปเสมอ
บางทีอาจเป็นเพราะว่าเธอเป็นเอลฟ์ เธอจึงอยากจะสนับสนุนเขา เคียงข้างเขา
นั่นเป็นสาเหตุที่เธอพยายามทำสิ่งต่างๆเพื่อมนุษย์ เป็นคนประหลาดในมุมมองของเอลฟ์ และนั่นเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเธอถึงตกหลุมรักโนโซมุ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งซีน่าไม่อยากให้โนโซมุต้องไปตัวติดกับไอริสเลยแม้แต่น้อย
นั่นอาจเป็นเพราะเธอไม่สามารถสร้างความผูกพันกับเขาซึ่งเป็นมนุษย์เหมือนกันได้
ซีน่าหันความสนใจไปในส่วนลึกของอกเธอ
ผ่านเส้นทางที่เชื่อมกันด้วยจิตวิญญาณ สัมผัสได้ถึงความโกรธแค้นในตัวเขาและเทียแมต
วังวนแห่งความหลงใหลในความแข็งแกร่งจนเหมือนกับเผาไหม้ตัวตนของเธอให้หายไป แต่นั่นเป็นข้อพิสูจน์ว่าตัวเขายังมีชีวิตอยู่
「ไม่เป็นไรนะ ความรู้สึกนั้น มันส่งมาถึงฉัน……」
ฉันหลับตาแล้วพูดกับโนโซมุราวกับอธิษฐาน คามที่คาดไม่มีเสียงตอบกลับใดมาจากเขา
ทั้งโนโซมุและฉันต่างไม่มีเวลา คงเป็นโอกาสเดียวเท่านั้น หากพลาดเพียงครั้งเดียว ทุกคนจะตายกันหมด
ฉันไม่ได้รู้สึกกังวลเลยสักนิด
เราเข้าใจดีแม้เสียงของเราจะส่งไปไม่ถึง แต่เรายังเชื่อมถึงกันอยู่ เฉกเช่นเดียวกับสัญญานี้ที่ไม่มีวันจางหาย
ในที่สุดศรเวทย์ก็เสร็จสมบูรณ์ ซีน่าลืมตาตื่นขึ้นและตั้งเป้าด้วยความมุ่งมั่นที่จะยิงไปยังหัวใจของเขา
นอกจากสายตานี้ จะไม่จับจ้องใครอื่น และขอให้ศรนี้เป็นพยานแด่รักของฉันที่ทุ่มสุดตัวเพื่อพาเขากลับมา
ป.ล.
อย่าให้หนุ่มซิงแปลบทแบบนี้ได้ไหม เขินจะแย่ล่ะ