โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” – ตอนที่ 141

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

บทที่ 7 ตอนที่ 25

 

การต่อสู้ระหว่างโนโซมุและซอนเน่ค่อยๆดำเนินไป แต่โนโซมุเริ่มถอยกลับ

 

เนื่องจากซอนเน่มีร่างกายเหมือนคนแก่ เขาจึงกังวลเรื่องขึดจำกัดทางร่างกาย เทียแมตพยายามเพิ่มพลังให้มากที่สุดโดยไม่สนร่างกายของโนโซมุ

 

ณ ตอนนี้ ทั้งสองคนเปิดศึกระยะประชิด สิ่งที่แยกความแตกต่างจริงๆก็คือจำนวนพลังทั้งหมดที่ผู้ใช้มี

 

 

 

「โม่ววววววว!」

 

 

 

ในที่สุดดาบของโนโซมุก็ทำให้ไม้เท้าแห่งแสงของซอนเน่แตกหักเป็นชิ้นๆ

 

ซอนเน่กระโดดถอยหลัง ปล่อยสูตรเวทย์ของเขาไว้และเวทย์ก็กระจายไปทั่ว

 

นอกจากนี้ เขายังยกมือขวาขึ้นและแสดงเทคนิคหลายอย่าง สร้างกระสุนแสงขนาดใหญ่เท่ากับแขนของเขา และระเบิดทันที

 

คลื่นกระแทกที่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกันจะกระจุกตัวอยู่ในทิศทางเดียวกัน

 

แม้ว่าคลื่นกระแทกที่ปล่อยออกมาจะถูกปล่อยออกมาอย่างกะทันหันแต่พลังก็เทียบได้กับเวทย์โจมตีของทิม่าเลย

 

นอกจากนี้ ระยะทางยังห่างจากโนโซมุไปหลายเมตร แต่ก็ไม่ใกล้พอที่จะตอบโต้อีกฝ่าย ซึ่งมันหลีกไม่พ้นแน่

 

นอกจากนี้ซอนเน่ยังสร้างศรแห่งแสงในมือซ้ายของเขาด้วยการแปลงระเบิดแห่งแสง และปล่อยมันออกไปในขณะที่ซ่อนตัวอยู่ในเงาของระเบิด

 

การโจมตีสองชั้นของซอนเน่ การโจมตีด้วยเวทย์โจมตีและการโจมตีเป็นจุดๆ

 

ในตอนแรก ต้องใช้มากกว่าปฏิกิริยาตอบสนองในการต่อสู้ด้วยความเร็วสูง นอกจากนี้ยังต้องใช้สติปัญญาชั้งสูงเพื่อทำนายการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้และความสามารถในการคิดที่เหนือมนุษย์

 

ผู้ที่ถูกความโกรธครอบงำมักจะประสบกับความพ่ายแพ้เนื่องจากขาดพลังความคิดและสติปัญญา ในแง่นั้น โนโซมุในปัจจุบันซึ่งโกรธจนแทบไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง

 

 

 

「「ก๊าซ!」」

 

 

 

อย่างไรก็ตาม สามัญสำนึกดังกล่าวใช้ไม่ได้กับชายหนุ่มคนนี้

 

ราวกับว่าซอนเน่ทำนายการกระทำของเขาไว้แล้ว เขาก็ฟาดดาบแห่งความโกลาหลออกมา

 

คมดาบอันแสนละเอียดอ่อนวิ่งไปตามวิถีของดาบในขณะที่ถูกฟันออกมา

 

การปล่อย “แฟมท่อม” จะตัดคลื่นกระแทกที่มองไม่เห็นลงครึ่งหนึ่ง จากนั้นจึงระเบิด โดยแยกลูกศรที่โผล่มาจากด้านหลัง

 

 

 

「ยังไม่หมดหรอกนะ!」

 

 

 

ซอนเน่คำนึงถึงระดับนี้แล้วเช่นกัน

 

ทันใดนั้น เท้าของโนโซมุก็เปล่งแสงออกมา และมีหนามแสงรูปทรงกรวยไม่ถ้วนโผล่ออกมา

 

การโจมตีหลายครั้งที่รวมทั้งระเบิดทางอากาศและจุดเข้าด้วยกัน และยังขยับแนวทางการมองเห็นขึ้นและลงอีกด้วย ทั้งบอลแสงและลูกศรแสงก่อนหน้านี้ก็ต่างช่วยสกัดกั้น

 

บังเอิญว่าการโจมตีด้วยหนามเป็นการซื้อเวลา

 

เมื่อรู้ว่าเขาไม่สามารถจัดการกับโนโซมุด้วยหนามอันเล็กน้อยได้ ซอนเน่จึงสร้างวงเวทย์อีกหลายชั้น เพื่อโ๗มตีโต้ตอบ ก็เริ่มใส่พลังทั้งหมดเท่าที่ทำได้

 

ไม่ว่าโนโซมุจะแข็งแกร่งขนาดไหน หากเขาต้องฝ่าฟันอุปสรรคหนามแสง มังก็ต้องใช้เวลา แม้ว่ามันจะใช้เวลาไม่ถึงครึ่งวินาทีก็ตาม เวลาเล็กน้อยก็เพียงพอแล้วสำหรับซอนเน่แต่

 

 

 

「อะไรล่ะนั่น!?」

 

 

 

โนโซมุเกินความคาดหมายของซอนเน่ ก้าวไปบนหนามแสงอันหนึ่งที่ชี้มาที่เขา

 

หนามแสงแทงเข้าไปที่ขาของโนโซมุด้วยเสียงราวกับเลือดไหล

 

ไม่ สิ่งเดียวที่แทงทะลุคือรองเท้าของเขาเท่านั้น

 

โนโซมุพยุงร่างกายของเขาด้วยการบีดหัวแม่เท้าของเขาบนหนามแสง จากนั้นจึงกระโดดไล่ตะครุบซอนเน่

 

โนโซมุเองก็เคยชินกับความผิดปกติของชายชราเช่นกัน เขาดำเนินการแบบนี้ เพราะถ้าให้เวลาสักครู่ จะโดนสวนกลับด้วยพลังอันรุนแรง

 

ไม่สามารถที่จะซื้อเวลาได้เลย ซอนเน่จึงเบิกตากว้าง

 

แม้ว่าจะใส่ความคิดอันมากมายเกินไป แต่การกระทำของเขาก็สงบเงียบเกินไป เขาได้รวม “”นำหลักการต่อสู้ของเขามาใช้กับหลักการคู่ต่อสู้” ในขอบเขตการไตร่ตรองมากกว่าความคิด

 

โนโซมุกระโดดจับซอนเน่ที่อยู่ในระยะการโจมตีของเขาและฟันดาบลงไปเล็งหัวของชายชรา

 

 

 

「บ้าเอ้ย ! ทันเวลาไหมนะ!?」

 

 

 

ทุกอย่างถูกทำลายไม่เป็นไปตามแผนและไม่สามารถพัฒนาวงเวทย์ได้ทันตามเวลา

 

ทันใดนั้น ซอนเน่ก็รวบรวมวัตถุดิบไว้ในฝ่ามือให้ได้มากที่สุดและกั้นดาบที่ฟาดลงมาใส่เขา

 

ซอนเน่ซึ่งขณะนี้อยู่ในร่างมนุษย์ไร้ซึ่งเกล็ดแข็งๆของเผ่ามังกร

 

หากเขาป้องกันไม่ได้ดาบที่ฟาดลงมาจะฆ่าเขาตายทันที

 

แต่ว่าก็มีพายุอันรุนแรงเข้าจู่โจมทั้งสองจากสองด้าน

 

พายุลมพัดองค์ประกอบต้นกำเนิดซึ่งเป็นพลังของซอนเน่ปลิวว่อนไป และพุ่งลงสู่พื้น

 

ซอนเน่เบิกตากว้างเมื่อพายุเข้าโจมตีอย่างกะทันหัน และก็รีบสร้างบาเรียในทันที ขณะที่โนโซมุควงดาบเป็นวงกลมเพื่อพัดคลื่นที่เข้าหาตัวเขา

 

จากนั้นพายุฝุ่นก็กลืนกินเขาทั้งสอง

 

 

 

「อ๊ากกกกกกกกกกห์! อึก!?」

 

 

 

「ฮึ่ย!?」

 

 

 

ตาแก่ส่งเสียงร้องอย่าบ้าคลั่งขณะที่ถูกซัดปลิวไป และโนโซมุเองก็ลอยเคว้งคว้างอยู่ในอากาศ

 

โนโซมุพยายามใช้น้ำหนักของดาบเพื่อปรับท่าทางของเขาและลงจอดได้สำเร็จ แต่สุดท้ายซอนเน่ก็ลงจอดบนพื้นเหยียบบนหัวเขา

 

 

 

「เอ็ย ตาแก่ มันอันตรายนะ!」

 

 

 

「ก็จริงหรอก…แต่โชคดีที่ทันเวลา~」

 

 

 

ทั้งสองคนปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง มาร์ซึ่งถือดาบใหญ่บนไหล่และฟีโอที่กำลังถือยันต์ไว้บนมือเขา

 

ดาบใหญ่ของมาร์ที่ปกคลุมไปด้วย “สัตว์ร้ายผู้หิวโหยท่ามกลางวายุ”กับฟีโอที่ซึ่งใช้ยันต์ในการเร่งประสิทธิภาพของเวทมนตร์

 

 

 

「ตอแหลจริงๆเลยนะพวกแกเนี่ย ! วางแผนจะซัดข้าให้ปลิวไปจากที่นี่เลยไม่ใช่รึไงกัน!」

 

 

 

ซอนเน่ทำหน้าขุ่นเคืองกับเหล่าเด็กๆ

 

 

 

「อะจึ๋ย ทำหน้าแบบนั้นน่ากลัวตายชัก~」

 

 

 

「เฮ้อ~ ก็คิดว่าจะมาตอบแทนบุญคุณที่มาช่วยกันก่อนหน้านี้อยู่หรอกน้า~」

 

 

 

ในทางกลับกันมาร์และฟีโอมีสีหน้าตกใจเล็กน้อยและเผยยิ้มออกมา

 

อันที่จริงไม่มีเจตนาต้องปิดบังเพราะพยายามจะแก้แค้นซอนเน่

 

แม้ว่าศรเวทย์นัดเดียวจะไม่ได้ผลในการขัดขวางโนโซมุและซอนเน่ที่ห่ำหั่นกันอย่างบ้าดีเดือด แต่ก็น่าเสียดายที่กำลังของพวกเราไม่มากพอ

 

 

 

「เฮ้ย สีหน้ามันออกหมดแล้วนะ นี่น่ะเหรอวิธีการตอบแทนผู้มีพระคุณของพวกแกน่ะ 」

 

 

 

ซอนเน่คุกเข่าลงพื้นทั้งน้ำตา แต่ถึงแม้จะเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน ก็ยังมีเวลามานั่งตบมุขกันอยู่

 

 

 

「ขอบใจมากตาแก่อดทนได้ดีมาก ตอนนี้ถอยไปได้แล้วเดี๋ยวพวกชั้นรับมือเองค่ะ」

 

 

 

ซอนเน่เสียใจอย่างมาก เพราะไอริสนั้นพูดจี้ใจดำสุดๆ

 

ใบหน้าที่เปื้อนฝุ่นของซอนเน่ผ่อนคลายลงเมื่อได้ยินคำพูดของสาวงาม

 

 

 

「โอ้ว แม่สาวน้อย จะปลอบชายชราคนนี้ด้วยการให้ข้าซุกนกไหมล่ะ?」

 

 

 

ซอนเน่เลื้อยไปที่เท้าของไอริสยกมือทั้งสองข้างพร้อมขยำทุกเมื่อ

 

ประกอบกับใบหน้าเปื้อนฝุ่น สุดวิตถาร

 

 

 

「เฮ้อ มาร์ลุยกันเถอะ」

 

 

 

「ออกไปจากที่นี่ได้แล้วไอ้แก่บ้ากามนี่」

 

 

 

ไอริสถอนหายใจพร้อมกับเอามือทั้งสองข้างจับที่ต้นคอของซอนเน่แล้วโยนส่งให้มาร์จากนั้นมาร์จึงฟาดซอนเน่ด้วยดาบใหญ่อย่างสุดแรงเกิด

 

ฟิ้วววววววววววววววววววววววววววววววว

 

ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณเวทย์เสริมพลังกายที่ทำให้สามารถทำโฮมรันได้ไกลถึงเพียงนี้

 

 

 

「ฮะฮะฮะฮะฮ่าาา ! ขี้อายจังเลยน้อ!」

 

 

 

จากนั้นก็ตกลงไปในป่า

 

ซอนเน่ลงจอดด้วยหน้าชนกับพื้นและโซเมียก็เรียกเขาด้วยท่าทางหวาดกลัว

 

 

 

「เอ่อ คุณปู่ ไม่เป็นไรนะคะ?」

 

 

 

「โซเมีย ไม่ต้องห่วงหรอก ตาแก่นั่นเป็นมังกร ไม่ตายกับอีของแค่นี้หรอก」

 

 

 

「นี่ข้าอุตสาห์ไปถ่วงเวลาให้พวกเจ้าตั้งนานนม แต่พวกเจ้ากลับตอบแทนข้าแบบนี้……」

 

 

 

「อะเอ่อออออออออ……」

 

 

 

แก้มของโซเมียสั่นเทาเล็กน้อยเพราะพี่สาวของเธอปฏิบัติกับซอนเน่ได้ไม่ดีนัก ทำให้เธอสับสน แต่ลิซ่าก็พูดตัดบนตาแก่ตัณหาหนักนี่อย่างรวดเร็ว

 

ซอนเน่เงยหน้าขึ้นพร้อมกับซากดินและฝุ่นมากกว่าเมื่อกี้และเปล่งเสียงประท้วง

 

 

 

「ข้าน่ะ ตอนนี้อยู่ในร่างมนุษย์นะไม่ต่างจากมนุษย์ทั่วไป?」

 

 

 

「ไม่มีทางซ่ะละใครกันที่สามารถต่อสู้กับโนโซมุได้อย่างสูสีในสภาพแบบนั้น ไม่ใช่ “มนุษย์”แล้ว」

 

 

 

「ก่อนอื่นที่สู้อยู่ก็คือมังกรไม่ใช่ “มนุษย์”」

 

 

 

มาร์และมิมูรุประท้วงเล็กน้อยต่อซอนเน่

 

ความแข็งแกร่งทางร่างกายนั้นถูกจำกัดในรูปแบบร่างมนุษย์ แต่พลังที่ปลดปล่อยออกมามันไม่ใช่ “มนุษย์”ตามที่พูด

 

 

 

「จริงๆแล้วตัวโนโซมุก็ด้วยแหละ……」

 

 

 

「「ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก!」」

 

 

 

ด้วยเสียงคำราม ฝุ่นที่อยู่รอบๆก็ปลิวหายไปและโนโซมุก็โผล่มา

 

แม้ว่าจะยังเต็มไปด้วยบาดแผลและมีเลือดออกจากทั่วทั้งร่างกาย แต่บาดแผลเหล่านั้นก็เกิดจากการฝืนตัวเองทั้งนั้น นอกจากนี้ดูจากสภาพไม่มีบาดแผลสาหัสอะไรเลย

 

 

 

「ดูสิ แม้แต่เทคนิครวมพลังของมาร์ยังสร้างบาดแผลให้ไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์ที่จะใช้คิวัดกับเขา」

 

 

 

ในที่สุด ทอมก็ตัดสินใจจะปิดฉาก

 

ข้างๆเขามีทิม่าที่สับสน แต่การที่เธอไม่ปฏิเสธอย่างแข็งขันนั่นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง

 

 

 

「อย่างน้อยก็รู้สึกเสียใจต่อเด็กคนนั้น……」

 

 

 

ชายชราส่ายหัวด้วยความเศร้าและน้ำตาที่ไหลอาบหน้า

 

ลิซ่าเองก็แก้มกระตุกเล็กน้อยเมื่อเห็นอดีตคนรักของเธอกลายเป็นตัวตนที่เหนือมนุษย์ไปที่เรียบร้อย

 

 

 

「เอาล่ะ เรื่องตลกพอไว้แค่นี้ ตอนนี้ได้เวลาเอาจริงแล้ว」

 

 

 

จบการส่งมุขให้กันมาร์จับดาบใหญ่และยกดาบขึ้นมา

 

ถัดจากเขาคือไอริสที่ถือดาบเรเปียร์และลิซ่าที่อัดพลังเวทย์อย่างหนาแน่น

 

 

 

「ตามที่ตกลงกันไว้ มาร์กับฉันจะต่อสู้ในฐานะแนวหน้า ฝากลิซ่าซัพพอร์ตด้วยนะ……」

 

 

 

「การซัพพอร์ตปล่อยเป็นหน้าที่ของทางนี้ เดี๋ยวทางฝั่งนี้จะช่วยให้ทำงานเป็นทีมเวิร์คได้ง่ายขึ้น」

 

 

 

「ไม่เป็นไรแน่นะ? หรือมากกว่านั้น จะตามทันความเร็วของพวกเราได้จริงเหรอ? ฉันไม่อยากจะเผลอทำร้ายเธอไปนะ」

 

 

 

「ก็อย่างที่เห็นถึงแม้ว่าด้านปฏิบัติเธอจะเก่งกว่าฉัน แต่ฉันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอนะจะบอกให้」

 

 

 

มาร์มีสีหน้าสงสัยคำพูดของลิซ่า แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันต้องยืมความช่วยเหลือจากเธอ

 

ในขณะเดียวกันซีน่าก็ยื่นมิคาเคลที่เธอถือไว้ให้ซอนเน่

 

 

 

「คุณซอนเน่ รับสิ่งนี้ไว้ด้วยค่ะ」

 

 

 

「อืม โอเคงั้นเหรอ?」

 

 

 

「ค่ะ คำพูดของพวกเราไม่น่าจะสื่อถึงใจของเขาได้ ดังนั้น ฉันเองก็จะแสดงให้เขาเห็นถึงสายสัมพันธ์ของพวกเรา」

 

 

 

ซีน่าพูดง่ายๆโดยยืมกริซจากมิมูรุ คว้าเส้นผมของเธอหลายสินเส้นและตัดออกทันที

 

ผมสีฟ้ามันวาวยาวของเธอถูกดีงออกมาและแพร่ขยายออก

 

 

 

「ต้องการให้ข้าช่วยไหม?」

 

 

 

「ไม่ต้องหรอก หลังากที่พวกเราเอาชนะโนโซมุคุงได้ ได้โปรดชุบชีวิตเขาด้วย หากจะช่วยลิซ่า ห้ามพลาดโดยเด็ดขาดนะคะ」

 

 

 

「ในความเป็นจริงมันคงไม่ราบรื่นขนาดนั้นแต่เข้าใจแล้ว ไปเร็วเข้า」

 

 

 

มาร์โบกมือและกระตุ้นให้ฝั่งนี้ถอยกลับไป

 

 

 

「อืมจะพูดถึงขนาดนั้น ขอฝากด้วยล่ะ」

 

 

 

ซอนเน่พยักหน้าและถอยห่างจากพวกไอริสและคนอื่นๆ พร้อมกับมิคาเอล

 

 

 

「ลิซ่า โอเคไหม?」

 

 

 

「อืม ฉันรู้ดีว่าต้องทำอะไร」

 

 

 

「มาแล้วนะ!」

 

 

 

「「ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก!」」

 

 

 

วินาทีต่อมาด้วยความเร็วยิ่งกว่าเสียงโนโซมุเข้าหาไอริสและคนอื่นๆ

 

 

 

「ตอนนี้มาลุยต่อจากที่ค้างไว้กันเถอะ!」

 

 

 

 一ตามที่คาดไว้มาร์เข้าไปรับการโจมตีของโนโซมุ

 

ด้วยการใช้พลังจากความสามารถทางกายภาพที่ถูกเสริมขึ้นมามากขึ้นและใช้เทคนิคผสาน เขาเหวี่ยงดาบใหญ่ใส่โนโซมุที่วิ่งเข้าหา

 

 

 

「「ฮึบ!」」

 

 

 

แน่นอนว่าการฟันแบบนี้ไม่ได้ผลกับโนโซมุ ด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว เขาเบี่ยงวิธีดาบของมาร์ที่ฟาดลงมาและพยายามอ้อมไปด้านข้างเพื่อฟันอีกฝั่ง

 

 

 

「อ๊ากกกก!」

 

 

 

มาร์รู้ด้วยว่าไม่มีที่การฟันแบบเดิมๆจะเอาชนะเขาได้

 

ด้วยการใช้ความแข็งแกร่งทางกายภาพที่เพิ่มขึ้น เขาบังคับวิถีดาบใหญ่ที่ฟาดลงมา ฟันลงไปที่พื้น

 

โนโซมุวิ่งผ่านมาร์และพยายามโจมตีใส่สีข้างของเขา ส่วนมาร์พยายามตอบโต้กลับดาบทั้งสองปะทะกันด้วยเสียงแหลมสูง

 

ขณะเดียวกันก็เกิดคลื่นกระแทกรุนแรงจากทั้งสอง

 

 

 

「อั่กกกกกก……!」

 

 

 

มาร์ที่ใช้ขาทั้งสองข้างยันพื้นเอาไว้พยายามรักษาท่าทางที่พังทลายกลับคืนมา โนโซมุที่อยู่ตรงหน้าก็พร้อมโจมตีครั้งถัดไป

 

ด้วยความที่สมดุลทางร่างกายที่ยอดเยี่ยมเขาปรับทิศทางการเคลื่อนไหวไปตามแรง ในขณะที่หมุนร่างกายไปด้วยเพื่อลดผลกระทบ และในทางกลับกันก็รวบรวมพลังไว้ที่ดาบฟันสวนกลับมา

 

มันยังเป็นเทคนิคที่น่าทึ่งอยู่ดี

 

 

 

「หนอยยยยยยยย!」

 

 

 

มาร์ที่ไม่ยอมแพ้ฟันกลับด้วยดาบใหญ่ของเขาและกันดาบของโนโซมุเอาไว้

 

 

 

「ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกห์!」

 

 

 

「「ฮ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกห์!」」

 

 

 

มาร์และโนโซมุต่างส่งเสียงคำรามขณะถือดาบอยู่ในมือ

 

แต่ละครั้งที่ตัดผ่านกัน เสียงแหลมสูงดังก้องไปทั่วบริเวณ และคลืนกระแทกแต่ละครั้งก็กระจัดกระจายไปทั่ว

 

ในสถานการณ์นั้น โนโซมุเป็นฝ่ายได้เปรียบ ต่างจากครั้งล่าสุดที่เคยต่อสู้กัน เขาปลดปล่อยพลังแห่งความโกลาหลเพื่อทำลายพลังผสานของมาร์

 

 

 

「แต่ว่านะ!」

 

 

 

ก่อนที่ดาบของโนโซมุจะทำลายเทคนิคของมาร์ได้อย่างสมบูรณ์ไอริสก็กวัดแกว่งดาบบางๆจากอีกฝั่งเพื่อหยุดเขาเอาไว้

 

โนโซมุถอยครึ่งก้าวหลบดาบที่แทงเท้ามา

 

โนโซมุที่โดนดาบบางๆเผ่านหน้าไปเพียงไม่กี่มิลลิเมตรจากนั้นจึงหันดาบไปฟันตอบโต้

 

ไอริสรีบดึงดาบกลับมาอย่างรวดเร็วและยกมันขึ้นเพื่อตอบโต้ดาบของโนโซมุ

 

ดาบคาตานะของโนโซมุปะทะกับดาบเรเปียร์ของไอริส

 

ขณะที่กัดฟันและอดทนต่อดาบที่อาบไปด้วยพลังคิอันล้มหลาม ทำให้เธอลดสะโพกต่ำลงเพราะว่าไม่สามารถที่จะสามารถต้านแรงของโนโซมุขณะที่หันไปรอบๆ

 

 

 

「ย่าหหหหหหหหหหหหห์!」

 

 

 

ไอริสที่เข้ามาใกล้หันหลับกลับและปล่อยแรงผลักที่รุนแรงราวกับพายุ

 

โนโซมุหันหลับกลับและเอาคาตานะปัดคมดาบนั้นด้วยความเร็วดุจสายฟ้า

 

ไอริสไม่ยอมหยุดอยู่แค่นั้น

 

เธอแทงซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้จะเป็นการเคลื่อนไหวแบบง่ายๆ แต่เธอเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง แทงออกไปหลายสิบครั้งต่อวินาที

 

คิ้ว กลางอก หัวใจ ช่องท้อง ใต้สะดือราวกับพายุคลั่งทุกส่วนล้วนแล้วแต่เป็นจุดตายทั้งนั้น  

 

การโจมตีนั้นรวดเร็วมากจนมนุษย์ธรรมดาทั่วไปมองไม่เห็น สิ่งที่มองเห็นก็เป็นแค่ภาพติดตาและแสงสว่างวูบวาบที่เร็วเกินไปเท่านั้น

 

 

 

「「หึ่ย!」」

 

 

 

อย่างไรก็ตามโนโซมุปัดป้องได้โดยไม่โดนโจมตีเลยสักนิด

 

คมดาบที่แหลมคมกลับฟันออกมาได้อย่างงดงามตัดช่องทางของคู่ต่อสู้ทำให้เกิดเสียงของโลหะกระทบกันหลายต่อหลายครั้ง

 

 

 

「อึก!」

 

 

 

「「ฮ๊ากกกกกกกกกกห์!」」

 

 

 

ราวกับเป็นการโต้กลับ โนโซมุเริ่มสวนกลับ

 

ดาบที่ควบแน่นไปด้วยคิตัดผ่านพลังเวทย์ทุกอย่าง อย่างไรก็ตามดาบที่ถูกอัดแน่นจนเกือบจะถึงร่างของเธอก็ถูกกระสุนเพลิงสามนัดหยุดเอาไว้

 

 

 

「แฮ่ก แฮ่ก!」

 

 

 

คนที่ยิงกระสุนเพลิงคือลิซ่าซึ่งตามหลังไอริสและคนอื่นอยู่หนึ่งก้าว

 

เธอเฝ้าดูการต่อสู้ของไอริสและมาร์ขณะที่รอจังหวะสนับสนุน

 

หลังจากที่กระสุนเพลิงเข้าหาเขา โนโซมุจึงถอยหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว

 

 

 

「รีบหลบไปซะ!」

 

 

 

「เข้าใจแล้ว !」

 

 

 

ราวกับให้สัญญาณครั้งสุดท้าย ไอริสกระโดดไปข้างหลังถอยห่างไปประมาณห้าเมตร

 

ในขณะเดียวกันคมดาบที่ควรจะฟันใส่ไอริสก็เฉือนกระสุนเพลิงทั้งสามนัดด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว

 

บทบาทของลิซ่าคือให้การสนับสนุนด้านการถอยและเข้าของไอริส และ มาร์ ซึ่งมันเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับทั้งสองคนที่จะหาจังหวะถอยพร้อมกับสู้ในเวลาเดียวกัน จึงให้ลิซ่าคอยซัพพอร์ตในจังหวะที่ต้องถอยนั่นเอง

 

 

 

「ยังหรอก!」

 

 

 

ลิซ่ามุ่งความสนใจไปที่มือขวาของเธอ

 

พลังเวทย์ที่บรรจบกันพร้อมกับบทร่ายที่ถูกแปลงเป็นเปลวเพลิงก่อตัวเป็นหอกอันแหลมคมในอากาศ

 

เธอคว้าด้ามหอกเพลิงที่สร้างขึ้น จากนั้นตั้งท่าให้มันและขว้างไปที่โนโซมุ

 

 

 

「ย๊ากกกกกกกกกกกกห์!」

 

 

 

เมื่อประกอบกับเวทย์เสริมพลังที่ใช้ไว้ล่วงหน้า หอกเพลิงก็พุ่งด้วยความเร็วมหาศาล มันทะลุชั้นบรรยากาศขณะที่พุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับปลายที่แหลมคม

 

 

 

「「ฮ๊ากกกกกกกกกกกกกกก!」」

 

 

 

โนโซมุไม่สนใจหอกเพลิงที่พุ่งเข้ามาและเปิดใช้ก้าวพริบตา เขาฟาดดาบลงไปที่ปลายหอกเพลิงที่กำลังเข้ามาใกล้

 

หอกเพลิงที่อยู่ในรัศมีโจมตีก็ระเบิด ตู้มมมมมมมมม !  และถูกฟันขาดเป็นสองท่อน

 

 

 

「ง่ะ!」

 

 

 

ลิซารีบแยกหอกเพลิงออกเป็นสองส่วนและหอกก็แยกขยายอีกไปในชั่วพริบตา

 

 

 

「「!?」」

 

 

 

ความสามารถของลิซ่าถูกเปิดใช้งาน “แม่มดเนวี่”

 

เป้าหมายของความสามารถนี้จะเพิ่มเอฟเฟกต์เวทย์เป็นสองเท่าชั่วคราวนั่นคือหอกเพลิงที่สร้างไป

 

เทคนิคหอกเพลิงซึ่งพลังเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในคราวเดียว ถูกโนโซมุหั่นออกเป็นสองส่วนและเกือบสลายตัว แต่ก็พังทลายลงในทันที

 

ในเวลาเดียวกันก็ปล่อยแรงระเบิดมหาศาลต่อหน้าโนโซมุเพราะรัศมีการโจมตีที่กว้างขึ้น

 

เปลวไฟลุกลามขึ้นแล้วและปกคลุมไปทั่วร่างของโนโซมุ และพยายามเผาเขาให้มอดไหม้

 

 

 

「「อั่ก! ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกก!」」

 

 

 

อย่างไรก็ตาม มันก็คงจะไม่ถูกจัดการได้ง่ายขนาดนั้น

 

เขาปล่อยคลื่นกระแทกออกมาจากร่างกายแสงอันวุ่นวายที่ปะทุออกจากร่างช่วยดับเปลวเพลิงรอบตัวโนโซมุ

 

ผลักดันเปลวไฟที่กระจัดกระจาย เขาก้าวเข้ามาเพื่อกำจัดผู้ขวางทาง ด้วยตาสีแดงเข้ม มองไม่เห็นแม้กระทั่งลิซ่า

 

 

 

「ก็ลองดูสิ!」

 

 

 

มาร์เข้ามาขวางโนโซมุที่เข้าหาลิซ่า

 

ในเวลาเดียวกันกับที่โดนสลัดดาบออก มาร์เองก็ฟื้นพลังได้และปล่อยคมดาบวายุออกมาอีกนับไม่ถ้วน พัดโนโซมุปลิวไปด้วยพลังอันเหลือล้น

 

โนโซมุลอยขึ้นไปในอากาศ แต่เขาหันหน้ากลับและลงจอดได้อย่างปลอดภัย

 

ขณะเดียวกันไอริสก็เข้ามาสมทบ สงบลมหายใจอยู่ชั่วครู่เพื่อตั้งสติใหม่อีกครั้ง

 

 

 

「นี่ ไอริส ซีน่าและคนอื่นๆยังอยู่รึเปล่า?」

 

 

 

「ดูเหมือนการเตรียมการยังไม่เสร็จนะ ทิม่าและฟีโอกำลังยุ่งกับการควบคุมพลังเวทย์ ดังนั้นคงคาดหวังการสนับสนุนมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว……」

 

 

 

เมื่อซอนเน่ก้าวถอยหลังก็จับตาดูการเคลื่อนไหวของคนอื่นๆอยู่

 

นี่อาจจะเป็นกรณีที่พวกไอริสจะฝ่าฟันได้

 

มาร์หันความสนใจกลับไปที่โนโซมุ

 

มีบาดแผลนับไม่ถ้วนบนร่างกายเขา และเลือดที่พุ่งออกจากบาดแผลทำให้ชุดสีขาวถูกย้อมไปด้วยสีแดงสด

 

องค์ประกอบของธาตุทั้งห้าที่ปะทุออกจากร่างได้ปลดปล่อยรัศมีอันน่ากลัวและดูเหมือนจะแช่แข็งหัวใจของเขา ดวงตาสีแดงเข้มที่ไม่หลงเหลือเค้าเดิมของเขามันเป็นดวงตาประกายไฟแห่งความโกรธที่ยังคงคุกกรุ่นอยู่

 

 

 

「……ไม่มีอะไรจะใช้ได้ผลเลยจริงๆเหรอ」

 

 

 

「ดูเหมือนเทคนิคจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ก็ยังดีกว่าโดนโจมตีในระยะดาบของเขา」

 

 

 

「แต่ว่าถ้าเป็นแบบนี้ชีวิตของพวกเราเหมือนแขวนบนเส้นด้าย……」

 

 

 

จนถึงตอนนี้มาร์และคนอื่นๆยังไม่เคยประสบความสำเร็จในการโจมตีใส่โนโซมุเลยสักครั้งเดียว นี่เป็นเพราะร่างกายของโนโซมุเคยจดจำเทคนิคต่างๆที่เคยพบเจอมาทั้งหมด

 

แม้ว่าจะพยายามทะลวงคู่ต่อสู้ด้วยพลังธรรมดา โนโซมุก็ยังเหนือกว่าในแง่ของความสามารถ เนื่องจากคู่ต่อสู้รู้วิชาของฝ่ายตรงข้าม และโนโซมุยังมีวิชาดาบที่ไว้สำหรับสังหารศัตรูอีก จึงอยากที่จะทำลายสมดุลความบาลานซ์เหล่านี้

 

 

 

「ถึงกระนั้นก็เถอะนะ……」

 

 

 

「? หืม?」

 

 

 

มาร์เหลือบมองไอริสที่ยืนอยู่ข้างหลังอย่างรวดเร็ว

 

ลิซ่าเอียงคอราวกับเข้าใจความหมายอะไรบางอย่าง

 

 

 

「เธอนี่แข็งแกร่งมากเลยนะ」

 

 

 

「หืม? หมายความว่าไง?」

 

 

 

มาร์และลิซ่าที่ยังยืนงงอยู่ ก่อนหน้านี้ระหว่างการซ่อมพิเศษที่ถูกจัดขึ้นในป่า กลุ่มของพวกเขาได้เผชิญหน้ากัน แต่มาร์กำลังยุ่งกับการสู้กับเควินและลิซ่าเองก็ค่อนข้างจะไม่น่าประทับใจเลยในตอนนั้น

 

หลังจขากนั้นก็แค่รู้ว่าทั้งสองคนมีปัญหากันหนักมาก ดังนั้นจึงไม่รู้เลยว่าลิซ่าแข็งแกร่งเทียบเท่ากับไอริส

 

แต่ถึงแบบนั้นลิซ่าที่อยู่ ปี 3 ห้อง 1 จะอ่อนแอ เพราะเธอเป็นถึงนักผจญภัยแรงค์ A

 

ในความเป็นจริง ที่เธอสนับสนุนไอริสได้อย่างแม่นยำและหยุดโนโซมุที่เกือบจะฆ่าไอริสได้ภายในครึ่งวินาทีนั่น

 

 

 

「อะไรกัน ไม่รู้ตัวเลยเหรอถึงความแข็งแกร่งนั่น……」

 

 

 

「一เธออ่อนข้อให้ฉันหนึ่งก้าวนะ ดังนั้นก็เลยยังพอไหวอยู่ แต่หากเธอเอาจริงฉันก็คงช่วยไม่ทันจริงๆนั่นแหละ」

 

 

 

ลิซ่าพูดความจริงโดยไม่ลดล่ะจากโนโซมุที่อยู่ตรงหน้า

 

เธอมีความสามารถที่เพิ่มเอฟเฟกต์เวทย์เป็นสองเท่า แต่เธอไม่สามารถเผชิญหน้ากับโนโซมุได้ถ้าไม่มีมัน

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าเธอจึงเลือกจะเป็นฝ่ายซัพพอร์ตมากกว่าจะเป็นแนวหน้าในการต่อสู้

 

แม้ว่าจะทุ่มเทให้กับการซัพพอร์ต แต่ความเร็วที่ทั้งสามคนสู้นั้นตัวเธอก็มองตามแทบไม่ทัน

 

ทั้งสามที่ต่อสู้ไปมาราวกับพายุทอร์นาโดและเสียงโลหะที่สะท้อนเข้าใบหูชวนให้นึกถึงเสียงฟ้าร้อง

 

 

 

「การที่สามารถสนับสนุนได้อย่างแม่นยำในขณะที่พวกเราเคลื่อนไหวด้วยความเร็วขนาดนั้น เธอต้องมั่นใจในตัวเองหน่อยนะ……」

 

 

 

มาร์พูดชมอย่างจริงใจ ขณะที่ลิซ่าให้การสนับสนุนได้อย่างดีเยี่ยมระหว่างไฟต์

 

เดิมทีลิซ่าก็เป็นอัจฉริยะเหมือนไอริส

 

แม้ว่าเธอจะเกิดในหมู่บ้านแถบชายแดน แต่เธอก็ขึ้นมายังจุดสูงสุดของสถาบันโซลมินาติ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะสงสัยในความสามารถของเธอเลย

 

มาร์สัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่นอกจากพรสวรรค์

 

เธอมีบรรยากาศเหมือนกับคนที่เขารู้จักดี และมาร์ก็เห็นเธอที่มุ่งมั่นไปข้างหน้าก็มั่นใจ

 

นั่นคือดวงตาของผู้ที่ปากกัดตีนทีบเพื่อที่จะเอาชีวิตรอดไปในวันข้างหน้า

 

ความตั้งใจของบุคคลที่แม้จะล้มลุกคลุกคลาน ทรมานกับความผิดพลาดในอดีตที่ไม่สามารถอภัยได้ และต้องก้าวหน้าต่อไปโดยแบกรับความผิดบาปที่ก่อเอาไว้

 

ดวงตาเหล่านั้นมันคล้ายกับโนโซมุและสาวผมดำที่ยืนอยู่ข้างๆนี้

 

 

 

「มันน่าเศร้า นะ ทำไมคนรอบตัวถึงได้แข็งแกร่งทุกคนกันแบบนี้……」

 

 

 

「พูดอะไรน่ะ?」

 

 

 

「ไม่มีอะไรหรอก……」

 

 

 

มาร์หันกลับไปมองด้านหน้าขณะตอบคำถามของลิซ่าอย่างไม่ใส่ใจ และไม่หันกลับไปมองหลังอีก

 

————————————————————————–

 

ขณะที่ไอริสและคนอื่นๆกำลังซื้อเวลาให้โดยแขวนชีวิตไว้บนเส้นด้าย ซีน่าและทอมก็หมกมุ่นกับหน้าที่ของพวกเขาอย่างเต็มที่

 

ถัดจากซีน่าและคนอื่นๆ ทิม่าและฟีโอกำลังพยายามอย่างหนักเพื่อควบคุมพลังเวทย์และวิชาเสริมพลังกายของไอริสอยู่

 

พลังเวทย์ยังคงหลั่งไหลเข้าสู่รูปแบบที่กลางออกจากปลายไม้เท้าของทิม่าและยันต์ในมือของฟีโอที่ส่องแสงต่อไป

 

 

 

「โน่ววววววววๆๆๆๆๆๆ……」

 

 

 

「อั่ก……」

 

 

 

เม็ดเหงื่อใหญ่ๆไหลออกจากหน้าผากของทั้งสองคนและเสียงครวญครางแห่งความทรมานก็เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากที่เม้มแน่น

 

ทิม่ายังคงส่งพลังเวทย์เต็มพิกัดไปเหมือนเดิมให้ไอริสได้ใช้ และฟีโอยังคงใช้ยันต์เพื่อรักษาการคงพลังเวทย์เพื่อไม่ให้เสถียรภาพของพลังเวทย์ที่ส่งไปถูกลดทอนลง

 

ท้ายที่สุดแล้ว ปริมาณพลังเวทย์ที่ถูกส่งออกมันไม่ธรรมดา

 

ในความเป็นจริง พลังเวทย์นี่มันมากกว่าจอมเวทในวังหลวงหลายสิบเท่า หากควบคุมพลังเวทย์ขนาดนั้น ไม่มีทางอื่นนอกจากต้องใช้เครื่องรางจำนวนมาก

 

ถึงกระนั้นพลังที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นกลับถูกคุมได้ด้วยยันต์เพียงแผ่นเดียว แถมยังใช้ไปจำนวนมากในการต่อสู้ครั้งนี้

 

สถานการณ์เหมือนกับกองกระสอบทรายที่กั้นน้ำท่วมอย่างสิ้นหวัง

 

หากเป็นเช่นนี้ คงจะถึงขีดจำกัดในไม่ช้า

 

ในขณะเดียวกันทอมก็ตั้งใจสลักรูนบนคันธนูของซีน่า

 

เทคนิคสลักรูนเหมือนกับลูกธนูพิเศษที่มอบให้กับซีน่าก่อนหน้านี้ เป็นเทคนิคที่ช่วยให้ดูดซับพลังเวทย์จากรอบข้างได้ดีและยังทำให้ผู้อื่นถ่ายเทพลังเวทย์เพื่อการโจมตีที่ทรงพลังยิ่งขึ้น

 

ซีน่าตัดผมยาวๆของเธอออกประมาณสิบเส้นแล้วมัดรวมกัน

 

เธอวางแผนที่จะใช้ผมเหล่านี้แทนเชือกที่ขาดไป

 

ผมเธอมีความแข็งแรงจนน่าประหลาดใจ และผมแต่ละเส้นก็รับน้ำหนักได้ถึง 1.5 กิโลกรัม การบิดพวกมันจะช่วยทำให้มันหนาและแข็งแรงยิ่งขึ้น

 

นอกจากนี้ผมของเธอยังเป็นตัวนำพลังเวทย์ชั้นดี ดังนั้นหากใส่พลังเวทย์ไปอย่างเพียงพอ ก็สามารถใช้เป็นสายธนูได้อย่างไม่มีปัญหา

 

 

 

「ทอม ซีน่า ยังไม่เสร็จอีกเหรอ?」

 

 

 

「รออีกหน่อยนะยังสลักรูนไม่เสร็จ……」

 

 

 

มิมูรุที่คอยดูแลทิม่าและคนอื่นๆเปล่งเสียงออกมาด้วยความหงุดหงิด

 

ในตอนนี้มิมูรุต้องมาอยู่แนวหลังเผื่อกรณีที่ถูกทะลวงเข้ามาได้ แต่พูดตามตรงคนอื่นๆก็ใกล้ถึงขีดจำกัดหมดแล้ว

 

มิมูรุเชื่อว่าแม้ว่าเธอจะต้องเผชิญหน้ากับโนโซมุในตอนนี้ ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีเวลาเพียงพอ

 

เดิมที มิมูรุไม่ใช่ประเภทที่ต่อสู้แนวหน้า แต่สไตล์ดั้งเดิมคือใช้ความเร็วชิงความได้เปรียบและตัดกำลังคู่ต่อสู้

 

แม้ว่าเธอจะต้องต่อสู้แนวหน้า เธอก็พยามไม่ยืนต่อหน้าคู่ต่อสู้ตรงๆ เมื่อซีน่าและทอมต่างรวมตัวกัน พวกเรามีหน้าที่เหมือนแวนการ์ด แต่บทบาทของเราคือการเข้าไปหาจุดบอดของศัตรูและตัดการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม  

(TN:แวนการ์ดคือการ์ดสายพลิ้วที่มีพลังโจมตีสูงแต่แลกมาด้วยการที่ตัวบางเป็นกระดาษ ถ้าไม่เห็นภาพดูแวนการ์ดในArknight)

 

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงสั่นสะท้านหากโนโซมุบุกละทวงฝ่าแนวหน้ามาได้

 

ไม่ว่าพวกเขาจะรู้ถึงความวิตกกังวลของมิมูรุหรือไม่ก็ตาม ทั้งทอมและซีน่าก็ทำตามหน้าที่อย่างใจเย็น

 

 

 

「ทอม ฉันเสร็จแล้ว นี่คือทั้งหมดที่เหลือ」

 

 

 

「อืม ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ชั้นเอง」

 

 

 

ในที่สุดซีน่าก็ทำงานเสร็จและมอบสายคันธนูที่เสร็จแล้วให้ทอม

 

ทอมเก็บสายคันธนูไว้ชั่วคราวและทำหน้าที่ต่อ

 

 

 

「จริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่?」

 

 

 

มิมูรุกังวลใจอดไม่ได้ที่จะถามทอม

 

ทอมตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังขณะทำงานต่อไป

 

 

 

「บางที หากพูดถึงคุณปู่ ถ้าเราสามารถแยกเทียแมตกับโนโซมุออกจากกันได้ ก็มีโอกาสที่จะทำให้เขากลับมาได้」

 

 

 

「แล้วอะไรคือตัวชี้วัด?」

 

 

 

「ครั้งหนึ่งโนโซมุเคยโดนเทียแมตหลอกและหันดาบเข้าหาพวกเราใช่ไหม? ตั้งแต่นั้นมาก็มีเหตุผลคาใจชั้นมาตลอดเลยล่ะ……」

 

 

 

มิมูรุอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายขณะที่ทอมพูดยืนยัน

 

 

 

「เคยสงสัยไหมว่าโนโซมุใช้พลังแบบไหนในการเอาชนะเทียแมต……」

 

 

 

「นั่นก็คือพลังของตัวเขาเองไม่ใช่เหรอ?」

 

 

 

มิมูรุชี้ไปที่ร่างที่กำลังอาละวาดแต่ทอมส่ายหัวอย่างเงียบๆ

 

 

 

「นั่นคือพลังของเทียแมตต่างหาก สิ่งที่ชั้นกำลังพูดถึงอยู่ก็คือพลังของโนโซมุที่ได้รับมาหลังจากกลายเป็นดราก้อนสเลเยอร์แล้วต่างหาก」

 

 

 

ในตำนานที่ผ่านมา มีภาพวาดของดราก้อนสเลเยอร์มากมายที่มีความสามารถพิเศษบางอย่างเหนือมนุษย์

 

บางส่วนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจนไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นมนุษย์หรือตัวตนที่ใกล้เคียงกับมังกรแต่ไม่ใช่ สิ่งนั้นถูกเรียกว่า “ความสามารถเหนือธรรมชาติ” ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของผู้ที่ได้เป็นดราก้อนสเลเยอร์

 

คงไม่แปลกถ้าโนโซมุผู้ดูดซับพลังวิญญาณของมังกรก็มีความสามารถเหนือธรรมชาติเช่นกัน

 

แต่จริงๆแล้วเขามีจริงๆเหรอ

 

อย่างไรก็ตาม มิมูรุเองก็มีพลังเหนือธรรมชาติของ “การแปลงร่างเป็นสัตว์” และเป็นปะเภทลดทอนเหตุผลแลกมากับความว่องไวและพละกำลัง แต่เป็นการยากที่จะรับมือกับเทคนิคผสานของมาร์

 

แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะสู้กับโนโซมุด้วย

 

นอกจากนี้ยังมีอีกเหตุผลที่เธอยังไม่สามารถเผชิญหน้ากับโนโซมุได้

 

 

 

「ชั้นเริ่มมั่นใจก็ตอนที่เกิดเหตุการณ์ของลิซ่า ตั้งแต่ตอนนั้นที่เห็นโนโซมุเข้าไปต่อสู้กับอบิส และกลับมาโดยแทบไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ」

 

 

 

“บาเรียแห่งการล่า”

 

 

 

มันถูกสร้างขึ้นโดยเคนผู้ซึ่งหลอมรวมกับอบิสเพื่อที่จะครองครองลิซ่าที่เขารัก มันเป็นพลังของสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีอยู่บนโลกนี้ มันละเมิดกฏทางวิญญาณและตัดสิ้นซึ่งทุกตรรกะของโลก

 

บาเรียแห่งการล่าในนั้นถือเป็นอันตรายอย่างมากแม้จะเป็นจิฮัดก็ตาม

 

แม้ว่าซีน่าจะช่วยแบ่งเบาภาระให้กับโนโซมุ แต่สัญญาทางวิญญาณก็ไม่ได้ส่งผลมากนัก

 

โดยปกติแล้วแทบไม่มีโอกาสเลยที่มนุษย์จะกลับมาได้โดยมีสภาพสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์

 

อย่างไรก็ตามโนโซมุที่กลับมาหลังจากทำลายบาเรียแล้ว เขาดูเหนื่อยล้า แต่วิญญาณของเขาไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย

 

 

 

「บางทีโนโซมุคุงอาจจะมีพลังเหนือธรรมชาติบางอย่างที่ตื่นขึ้นแล้ว….หรืออาจจะพึ่งตื่น? อย่างไรก็ตาม ยังมีความสามารถมากมายที่เราไม่รู้」

 

 

 

มิมูรุเอียงคอราวกับสงสัยในเรื่องราวของทอม แต่ซีน่าก็ยอมรับได้อย่างง่ายๆ เพราะเธอเองก็เข้าใจ

 

ก่อนหน้านี้ ที่โนโซมุหลับไป เธอพยายามจะติดต่อกับโนโซมุผ่านวงจรวิญญาณ แต่ก็ถูกโซ่ตรวนจำนวนนับไม่ถ้วนขวางไว้เมื่อเดินผ่านเส้นทางนั้น และไม่สามารถเข้าหาตัวเขาได้

 

หากโว่ในเวลานั้นมีความเกี่ยวข้องกับความสามารถของเขา……。

 

 

 

「โอเค เสร็จแล้ว ! ซีน่า ไปกันเถอะ」

 

 

 

ทอมยื่นธนูพร้อมลูกธนูที่สลักรูนไว้บนคันธนูให้กับซีน่าทุกอย่างถูกสลักไว้อย่างประณีต

 

ซีน่าดึงสายคันธนูที่ได้รับ ตรวจสอบสภาพและพยักหน้าเล็กน้อย

 

 

 

「ถ้าอย่างงั้น ซีน่า ได้โปรด มิมูรุเองก็ทำตามกำหนดการณ์ด้วย……」

 

 

 

「อืม เข้าใจแล้ว ขอบคุณมากนะ!」

 

 

 

มิมูรุรีบหันหลังกลับไปและหายไปเข้าในป่าสีเทา

 

เมื่อซีน่าเห็นมิมูรุที่หายตัวเข้าไปในป่า เธอก็ค่อยเตรียมคันธนูและดึงเชือกออกมา

 

 

 

「ฟู่วววววว……」

 

 

 

เธอหายใจออกเล็กน้อย ปล่อยให้พลังเวทย์ไหลไปทั่วร่างและเทมันลงบนคันธนู

 

แก่นแท้ของพลังเวทย์สีน้ำเงินส่องแสงเล็กน้อยเริ่มค่อยๆส่องแสงสว่างมากขึ้น ในเวลาเดียวกันอักษรรูนที่สลักไว้บนคันธนูก็เริ่มส่องแสง

 

เมื่อแสงส่องเต็มเชือกที่ถูกดึง แก่นแท้ของเวทย์ก็ส่องแสงสี่สี ได้แก่ สีแดง เขียว เหลือง และน้ำเงินรวมตัวกันรอบๆคันธฯูและก่อตัวเป็นลูกศรแห่งแสงสว่างขึ้นมาหนึ่งดอก

 

 

 

「วะวะวะว้า……」

 

 

 

เมื่อลูกศรเปลี่ยนเป็นรูปร่างสีหน้าของทิม่าก็ซีดลงไปอีก

 

ลูกศรนี้เหมือนกับลูกศรที่ทำให้อาเซลต้องสยบ เวทย์ที่สร้างขึ้นมาด้วยพลังเวทย์ของทิม่า

 

ยิ่งกว่านั้น ลูกศรนี่ได้รับการอัพเกรด ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นถูกสร้างมาจากพลังเวทย์ของทิม่าล้วนๆ

 

พลังของมันเทียบไม่ได้กับศรครึ่งๆกลางๆของเธอ

 

อย่างไรก็ตามทิม่าส่งพลังเวทย์ทั้งหมดเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ไอริส แม้ว่าจะมีพลังเวทย์มากเพียงใด เธอเองก็เหมือนจะถึงขีดจำกัดแล้วเช่นกัน

 

แต่ว่าจะมาหยุดลงตรงนี้ไม่ได้

 

ขณะที่เชียร์ทิม่าอยู่ในใจซีน่าก็ควบคุมพลังเวทย์ที่ไหลเข้ามาในตัวเธอ

 

ส่นหลักของลูกธนูสร้างโดยพลังเวทย์ของทิม่า แต่หน้าที่การมอบพลังเวทย์ให้อยู่ในสภาพลูกศรคือหน้าที่ของซีน่า

 

ยิ่งไปกว่านั้นเธอต้องเล็งไปที่หัวใจของโนโซมุอย่างแม่นยำ ซึ่งกำลังเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง

 

มันเหมือนกับการพยายามเอาตัวรอดจากคลื่นบนท้องทะเลด้วยการมีฉมวกปลาเพียงอันเดียว

 

แม้ว่าซีน่าจะเป็นเอลฟ์และเก่งในด้านการยิงธนู แต่มันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

 

 

 

「ฟู้ววววววววววววววววววว……」

 

 

 

อย่างไรก็ตามไม่มีความลังเลในตัวเธออีกต่อไป

 

เหยียดหลังตรง หายใจเข้าลึกๆ แล้วกลั้นลมหายใจ

 

 

 

「โนโซมุคุง……」

 

 

 

ฉันมองดูเขาที่อยู่ตรงหน้าฉัน

 

 

 

「ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันอยากจะอยู่เคียงข้างนาย……」

 

 

 

ซีน่ายืนยันความรู้สึกของเธอีกครั้ง

 

เมื่อลิซ่าเผยความรู้สึกของเธอให้เห็นก่อนหน้านี้ ฉันที่อายเป็นเจ้าเข้าและรู้สึกทรมานจนไม่กล้าพูดออกมานั้น แต่ตอนนี้ฉันไร้ซึ่งความลังเลใจ

 

แต่ฉันกลับรู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อย ความอบอุ่นในหัวใจก่อนที่จะรู้ตัวก็อยากยืนเคียงข้างเขาซะแล้ว

 

ซีน่าสงสัยว่าเพราะเธอเป็นเอลฟ์รึเปล่า

 

ไม่ว่าจะดีขึ้นหรือแย่ลงเอลฟ์ก็ยังเป็นเผ่าพันธุ์ที่บริสุทธิ์

 

เมื่อพวกเขาตัดสินใจไปแล้ว จะไม่ยอมแพ้กับทิศทางที่เลือกเดิน และบางครั้งก็ถูกเรียกว่าเป็นผ่าที่ดื้อรั้น

 

พวกเขาต่างดูแลญาติพี่น้องกันเป็นอย่างดี แต่บางครั้งความรู้สึกที่มีต่อเผ่าตนเองก็นำพาไปขัดแย้งกับเผ่าอื่น

 

เนื่องจากเป็นเผ่าพันธุ์ เอลฟ์จึงค่อนข้างใจแคบ ไม่เปิดใจให้เผ่าไหน และจนกว่าจะถูกไล่ต้อนจนมุมก็ไม่ยอมคบค้าสมาคมกับใคร

 

แต่เนื่องจากการเสียบ้านเกิด ทำให้พวกเขาต้องมีปฏิสัมพันธ์กับเผ่าอื่น ดังนั้นตอนนี้จึงมีโอกาสมากขึ้นที่จะเห็นเอลฟ์ในเมือง

 

ถึงกระนั้นมนุษย์และเอลฟ์ความรับรู้ด้านเวลามันต่างกัน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่เอลฟ์จะสนใจมนุษย์

 

แต่เมื่อเป็นคนที่เผ่าของเธอถูกใจใครแล้ว จะสัญญาว่าจะรักและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อครอบครัวและสร้างช่วงเวลาวิเศษที่สุดในชีวิตขึ้นมาจนกระทั่งตายจาก เผ่าเอลฟ์ก็ใช้เวลาทำใจนับสิบปีหากเสียคนที่รัก บางครั้งด้วยเหตุผลเพราะสูญเสียคนรัก เผ่าเอลฟ์มักจะจบชีวิตตามคนรักไปเสมอ

 

บางทีอาจเป็นเพราะว่าเธอเป็นเอลฟ์ เธอจึงอยากจะสนับสนุนเขา เคียงข้างเขา

 

นั่นเป็นสาเหตุที่เธอพยายามทำสิ่งต่างๆเพื่อมนุษย์ เป็นคนประหลาดในมุมมองของเอลฟ์ และนั่นเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเธอถึงตกหลุมรักโนโซมุ

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งซีน่าไม่อยากให้โนโซมุต้องไปตัวติดกับไอริสเลยแม้แต่น้อย

 

นั่นอาจเป็นเพราะเธอไม่สามารถสร้างความผูกพันกับเขาซึ่งเป็นมนุษย์เหมือนกันได้

 

ซีน่าหันความสนใจไปในส่วนลึกของอกเธอ

 

ผ่านเส้นทางที่เชื่อมกันด้วยจิตวิญญาณ สัมผัสได้ถึงความโกรธแค้นในตัวเขาและเทียแมต

 

วังวนแห่งความหลงใหลในความแข็งแกร่งจนเหมือนกับเผาไหม้ตัวตนของเธอให้หายไป แต่นั่นเป็นข้อพิสูจน์ว่าตัวเขายังมีชีวิตอยู่

 

 

 

「ไม่เป็นไรนะ ความรู้สึกนั้น มันส่งมาถึงฉัน……」

 

 

 

ฉันหลับตาแล้วพูดกับโนโซมุราวกับอธิษฐาน คามที่คาดไม่มีเสียงตอบกลับใดมาจากเขา

 

ทั้งโนโซมุและฉันต่างไม่มีเวลา คงเป็นโอกาสเดียวเท่านั้น หากพลาดเพียงครั้งเดียว ทุกคนจะตายกันหมด

 

ฉันไม่ได้รู้สึกกังวลเลยสักนิด

 

เราเข้าใจดีแม้เสียงของเราจะส่งไปไม่ถึง แต่เรายังเชื่อมถึงกันอยู่ เฉกเช่นเดียวกับสัญญานี้ที่ไม่มีวันจางหาย

 

ในที่สุดศรเวทย์ก็เสร็จสมบูรณ์ ซีน่าลืมตาตื่นขึ้นและตั้งเป้าด้วยความมุ่งมั่นที่จะยิงไปยังหัวใจของเขา

 

นอกจากสายตานี้ จะไม่จับจ้องใครอื่น และขอให้ศรนี้เป็นพยานแด่รักของฉันที่ทุ่มสุดตัวเพื่อพาเขากลับมา

 

 

ป.ล.

 

อย่าให้หนุ่มซิงแปลบทแบบนี้ได้ไหม เขินจะแย่ล่ะ

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

Status: Ongoing
สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท