ซวยแล้ว! ผมดันโดนเตะมาเกิดใหม่เป็นนักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์ – บทที่ 6 ออโรร่าน้อยกำลังจะโด่งดัง

ซวยแล้ว! ผมดันโดนเตะมาเกิดใหม่เป็นนักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์

 

 

 

ซวย ซวยโคตรๆ

ไม่นึกว่าการช่วยเหลือคนอื่นจะถูกตอบแทนด้วยการเนรคุณกันแบบนี้!

ผมเหลือบตามองไปที่เจ้าเด็กหนุ่มตาแดงอย่างเคืองแค้น ทว่าไม่รู้ด้วยเหตุผลกลใด มันกลับหันมายิ้มให้กับผมราวกับขอบคุณแบบนี้

เฮ้ย นี่ผมกำลังจ้องแบบอาฆาตนะรู้ป่ะ จ้องแบบอาฆาต ช่วยอ่านอารมณ์คนอื่นให้ออกเถอะ!

ใช่ มันเป็นเรื่องที่ซวยมากเพราะหลังจากที่หมอนี่บอกเรื่องนี้ไป ไม่ใช่แค่คุณพ่อของผมที่ตกใจ ชาวบ้านคนอื่นๆ ต่างก็ล้วนตกใจไปตามๆ กัน

และหลังจากที่พวกเราพากันออกมาจากซอยเพื่อเปลี่ยนที่คุยเพราะจะคุยเรื่องแบบนี้ในที่แบบนี้ก็คงไม่ใช่ที ดังนั้นเลยย้ายที่กันมาอยู่แถวลานประชุมหมู่บ้าน

ซึ่งคนที่มาประชุมนั้นมีมากกว่าเดิม แถมเป็นคนที่ผมไม่อยากเจอในเวลานี้อีกด้วย นั่นคือศิษย์คุณเจ้นักบวชหญิงประจำโบสถ์ของเมืองเพราะตั้งแต่ผมเจอแกแล้วเผลอไปพูดอะไรแบบที่โดนสาปเข้าใส่ เจ้แกก็เล็งตัวผมกะจับเอามาเป็นศิษย์ให้ได้

ดังนั้นยิ่งมีข่าวลือของเรื่องเมื่อครู่ที่ผมสามารถใช้พลังรักษาขั้นสุดยอดแบบนี้ เจ้แกก็ยิ่งจ้องผมตาเป็นประกายยิ่งกว่าเก่า….ดูนั่นสิ น้ำลายหกหมดแล้ว!

เจ้ช่วยใจเย็นก่อนนะ!

เพื่อไม่ให้เห็นภาพสุดสยองแบบเมื่อครู่ ผมจึงรีบเบือนสายตาของตัวเองหนีออกมาทันที

หากมองรอบๆ ดูสถานการณ์ปัจจุบัน ตอนนี้ผมกำลังถูกล้อมรอบด้วยผู้ใหญ่หลายต่อหลายคน โดยแต่ละคนต่างพูดคุยกันไปมาถึงเรื่องของผมอย่างครุ่นคิด ส่วนคุณพ่อเองก็ไม่ต่างกัน หน้าของคุณพ่อดูเครียดผิดปกติ…..

เฮ้อ นี่คุณพ่อคงจะเป็นห่วงว่าเด็กแบบผมคงจะต้องถูกเอาไปบวชทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงเวลาสินะ

“มันจริงไหมเรื่องที่หนูออโรร่าใช้เวทได้น่ะ”

“ไม่ใช่เวทธรรมดานะ แต่เป็นเวทรักษาขั้นสูงด้วย”

“ไม่ใช่แค่นั้นนะ ตอนร่ายน่ะมีแสงที่บริสุทธิ์ราวกับเทพประทานออกมาด้วยนะ”

เฮ้ยไอ้คุณลุงคนนั้นอย่ามาโมเมนะเฟ้ย ได้ข่าวแกมาช้าสุดเลยไม่ใช่เรอะไง แล้วแกเอาตาไปเห็นมาตอนไหนฟะ

เรื่องเริ่มชักจะบานปลายไปใหญ่เพราะการพูดปากต่อปากมันยิ่งเสริมเรื่องจากแค่รักษากลายเป็นสร้างอภินิหารอะไรไปแล้วก็ไม่รู้

“ทุกท่านโปรดใจเย็นก่อน”

ระหว่างที่ผมกำลังถูกรุมล้อมด้วยคำพูดจำนวนมาก จู่ ๆ คุณพ่อของผมก็เดินออกไปขวางไว้พลางยกมือขึ้นคล้ายเป็นการกั้นไม่ให้คนอื่นเข้ามายุ่งกับตัวผม

“เข้าใจว่าทุกท่านตื่นเต้นดี แต่หากพูดหรือจ้องกันเช่นนี้ตัวข้าว่าจะดูไม่ค่อยดีต่อออโรร่าเท่าไหร่นะครับ”

“นั่นสินะ เจ้าพูดถูกแล้ว ข้าว่าเราควรค่อย ๆ พูดค่อย ๆ จากันน่าจะดีกว่า”

คุณลุงหัวหน้าหมู่บ้านพูดขึ้นก่อนสั่งให้คนในหมู่บ้านไปจัดหาเก้าอี้มานั่งเพื่อพูดคุยโดยเหลือแค่คุณลุงหัวหน้า คุณพ่อแล้วก็อาเจ้นักบวชสุดน่ากลัวเท่านั้นที่ยังอยู่ตรงข้างหน้ารอคุยกับผม

“นี่หนูออโรร่าจ๊ะ ช่วยบอกหน่อยได้ไหมว่าพลังนั้นที่หนูใช้คืออะไร”

จะตอบไงดีล่ะเนี่ย….จะให้บอกว่ามันเป็นพลังที่เจ้าพระเจ้าบ้านั่นมันให้มาโดยแค่พูดก็ใช้งานได้นะเหรอ!

“เป็นพลังวจนะศักดิ์สิทธิ์ที่พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เป็นคนให้มาค่ะ”

เอ้า ไอ้ปากพาซวยไหงจู่ๆ พูดไปงี้ล่ะ นี่ตูยังแค่บอกว่าจะให้พูดนะ ไม่ได้คิดว่าจะพูด!

“วจนะศักดิ์สิทธิ์…พลังในตำนานนั่นน่ะเหรอ”

เฮ้ย มันมีพลังขี้โม้แบบนั้นด้วยเรอะ

ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ตกใจพลางมองไปที่เจ้นักบวชที่ตอนนี้กำลังทำหน้าครุ่นคิดโดยดูจากสีหน้าแล้วท่าทางมันจะมีจริงๆ ด้วยนะเนี่ย

เสียงฮือฮาของคนในหมู่บ้านเริ่มดังมากขึ้น ส่วนคุณพ่อเองก็เริ่มหน้าเครียดมากขึ้นโดยตอนนี้เขาเริ่มกำมือแน่น ครับ เรื่องนี้ผมเข้าใจครับคุณพ่อว่าคุณพ่อเป็นห่วงเพราะไม่ว่าพ่อแม่คนไหนก็อยากให้ลูกตัวเองเป็นคนธรรมดา….ส่วนเจ้าตาแดง เลิกมองมาด้วยสายตาเป็นประกายได้แล้ว!

“แล้วหนูได้พลังนั้นมาได้ไงจ๊ะ”

หึ ได้มายังไงน่ะเหรอ? ก็จู่ๆ เจ้าพระเจ้าบ้านั่นมันก็ยัดใส่มายังไงล่ะ เอามาแบบมีเงื่อนไขบ้าบอที่ต้องมาสวดคำร่ายสุดหน้าอายก่อนใช้อะ!

“พระองค์ท่านทรงประทานมาให้หนูโดยแลกกับวจนะที่เปี่ยมล้นไปด้วยอารมณ์และความศรัทธาอันแรงกล้าค่ะ”

ฉิบหาย ไหงมันออกมาเป็นในรูปแบบนี้ได้ฟะ ถ้าคำพูดมันออกมาในรูปแบบนี้ ชาวบ้านชาวช่องก็เข้าใจผมผิดไปกันหมดน่ะสิว่าตัวผมมันเป็นพวกบ้าศาสนาศรัทธาในเจ้าพระเจ้าแบบโงหัวไม่ขึ้นน่ะ!

“เด็กคนนี้……สงสัยข้าต้องแจ้งท่านหัวหน้านักบวชแล้วล่ะค่ะ”

อย่านะ! อย่าทำลายความสงบสุขของผมมม ถ้าขืนรายงานไปล่ะก็ ชีวิตนี้ต้องเจอพวกมาหาเราเพื่อขอรักษา ขอพร ขอลูบ ขอขูดหวยแน่นอน! หากเป็นแบบนั้นล่ะก็ ชีวิตอันแสนสงบสุขของผมได้ล่มจมกันพอดี!!!!

“ท่านนักบวชหญิง ข้าขอร้อง ได้โปรดอย่าทำเช่นนั้นเลย”

จู่ๆ ระหว่างที่ชาวบ้านกำลังพยักหน้าเห็นด้วยกับนักบวชหญิง คุณพ่อก็เดินเข้ามาขวางไว้พลางบอกปฏิเสธ ทำให้เธอทำหน้ากลับมาด้วยความสงสัย

ฮือออ คุณพ่อ นี่คุณพ่อต้องอยากให้ผมอยู่แบบคนธรรมดาแน่นอน….คุณพ่อ ขอบคุณมากครับที่พยายามปกป้องชีวิตแสนสุขของผมไว้

“ทำไมล่ะคะคุณซิกค์ สำหรับพวกเราเหล่าผู้ศรัทธาในตัวพระเจ้านั้น นี่นับเป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอคะที่ได้พบกับเด็กที่เกิดมากับคำอวยพรของพระเจ้า”

อวยพรกับผีเซ่ ดูไงมันก็คำสาปชัดๆ!

“ข้าเข้าใจว่าท่านหมายถึงอะไร แต่หากถามว่าทำไม….”

คุณพ่อกำมือแน่นราวกับข่มอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ ก่อนทิ้งช่วงไปนั่นทำให้ผมต้องรีบฉวยโอกาสเพราะถ้าหากขืนมีคนพูดเรื่องนี้ไป ชีวิตผมล่มจมแน่

“ขอร้องล่ะค่ะ เรื่องนี้…เรื่องความศรัทธานี้ที่ข้ามีต่อพระองค์ท่าน เรื่องที่ข้าได้รับพลังจากพระองค์ท่าน หาใช่เรื่องที่ควรโอ้อวดไม่ มันมีไว้เพื่อปกป้องสิ่งสำคัญซึ่งอยู่ตรงหน้าข้าต่างหาก”

เอ้า ไหงมันออกมางี้ได้ล่ะ ไอ้ผมกะจะพูดแค่อย่าเอาเรื่องนี้ไปพูดเลย ไอ้พลังนี่น่ะแค่เอาไว้ใช้ประโยชน์ตอนจำเป็นก็พอแล้ว

ด้วยประโยคสุดจะบิดมั่วมาก ทำให้เจ้นักบวชหญิงที่ตอนแรกยิ้มยินดีอยู่แล้วยิ่งทำหน้ายิ้มปลื้มปริ่มยังกว่าเก่า แค่นั้นไม่พอ เจ้แกยังยกมือขึ้นมาพนมมือราวกับขอพร

“อา ช่างเป็นเด็กสาวที่เปี่ยมด้วยศรัทธาอะไรเช่นนี้ แม้มีพลังก็ไม่มีความคิดจะโอ้อวด นี่ต้องเป็นนักบุญที่พระเจ้าส่งมาเพื่อโลกนี้เป็นแน่”

อะไรทำให้เจ้หลงผิดคิดแบบนั้นฟะครับ!

ระหว่างที่ผมกำลังจะเถียงไป จู่ๆ คุณพ่อก็ขยับตัวขึ้นมา นั่นทำให้ผมเริ่มจะยิ้มออก เพราะว่าคุณพ่อต้องคิดปกป้องผมแน่และหากเป็นคำพูดของพ่อผมย่อมไม่มีใครเถียงแน่นอน เอาล่ะคุณพ่อ บอกพวกนี้นไปเลยสิ บอกไปเลยว่า…!

“เฮ้อ ก็ได้ เรื่องนั้นข้ายินดี…”

อ้าวเฮ้ย ไหงคุณพ่อเปลี่ยนความคิดเร็วงี้ล่ะ! เมื่อกี้คุณพ่อยังพยายามปกป้องผมอยู่เลย แล้วทำไมแค่ไม่กี่วินาทีคุณพ่อถึงขายผมให้กับโบสถ์งี้ล่ะ

“แต่ว่า…”

อ๊ะพูดแบบนี้ หรือว่าจะมีเงื่อนไขที่จะให้บอกแบบลับ ๆ แล้วให้คนคุ้มกัน ต้องใช่แน่ ๆ คุณพ่อผู้รักลูกสาวอย่างผมแบบสุดชีวิตจะต้องคิดแบบนั้นแน่ๆ

ตอนนี้ผมเริ่มกดดันมาก เมื่อพวกชาวบ้านรู้ตัวถึงพลังอันยิ่งใหญ่ภายในตัวของออโรร่า ซึ่งที่จริงแล้วตัวผมเองก็ตกใจเช่นกัน เพราะถึงจะรู้ว่าเด็กคนนี้จะมีพลังแต่ก็ไม่นึกว่าขนาดนี้

พลังที่ออโรร่าใช้ไปมันมากกว่าพลังของเหล่านักบุญที่เคยถูกบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์เสียอีก และเพราะแบบนั้นแหละทำให้ผมเป็นกังวล กังวลว่าความลับนี้จะไม่สามารถถูกเก็บได้อีกต่อไป

“นี่หนูออโรร่าจ๊ะ ช่วยบอกหน่อยได้ไหมว่าพลังนั้นที่หนูใช้คืออะไร”

“พระองค์ท่านทรงประทานมาให้หนูโดยแลกกับวจนะที่เปี่ยมล้นไปด้วยอารมณ์และความศรัทธาอันแรงกล้าค่ะ”

ประโยคนี้ทำให้ผมได้แต่เครียด เพราะคนที่เธอพูดด้วยนั้นคือนักบวชหญิงจากโบสถ์ และเธอคนนี้ก็ไม่ใช่คนธรรมดา เพราะเส้นสายที่เธอมีในโบสถ์นั้นก็มากมายเนื่องจากเคยเป็นนักบวชชั้นสูงที่มีพรสวรรค์และความสามารถซึ่งปลีกตัวออกมาดูแลพื้นที่ห่างไกลจากความศรัทธา

และแน่นอนว่าประโยคที่ลูกสาวผมพูดไปนั้นยิ่งทำให้เหล่าคนที่มีความศรัทธามากเช่นเธอคงคิดเป็นอื่นไม่ได้เกี่ยวกับลูกสาวผม…ใช่ ในตอนนี้เธอคนนี้ต้องคิดแล้วแน่ว่าลูกสาวของผมต้องเป็นนักบุญ นั่นทำให้ผมเครียดมากขึ้นไปเรื่อยๆ

“เด็กคนนี้……สงสัยข้าต้องแจ้งท่านหัวหน้านักบวชแล้วล่ะค่ะ”

เรื่องนี้ที่เธอพูดขึ้นมาถึงกับทำให้ผมชะงัก เพราะหากแจ้งหัวหน้านักบวชซึ่งคุมความศรัทธาทั่วภูมิภาคนี้ล่ะก็ รับรองว่าเรื่องของออโรร่าน้อยของผมจะต้องกระจายไปจนคนทั่วไปรับรู้แน่

และนั่นคือสิ่งที่ผมยอมรับไม่ได้

“ท่านนักบวชหญิง ข้าขอร้อง ได้โปรดอย่าทำเช่นนั้นเลย”

“ทำไมล่ะคะคุณซิกค์ สำหรับพวกเราเหล่าผู้ศรัทธาในตัวพระเจ้านั้น นี่นับเป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอคะที่ได้พบกับเด็กที่เกิดมากับคำอวยพรของพระเจ้า”

ผมรีบร้องห้ามออกไป ทว่าเธอคนนั้นก็มองกลับมาที่ผมด้วยแววตาไม่เข้าใจ ซึ่งเรื่องนี้ผมก็เข้าใจความหมายของสายตานั่น เพราะครอบครัวใครก็ตามที่มีนักบุญมาเกิดจะได้รับการปกป้องและดูแลจะทางศาสนจักรเป็นอย่างดี นี่ยังไม่นับเงินต่างๆ ที่จะให้มา อีกทั้งยังเป็นเกียรติที่จะถูกบันทึกเอาไว้อีก

แต่ว่านะ…แต่เรื่องพวกนั้นใครสนกันล่ะ สิ่งที่ผมสนอย่างเดียวน่ะมีแค่ออโรร่าเท่านั้น….

ส่วนถามว่าทำไม…..

เหตุผลมันก็ง่ายไม่ใช่รึไง ถ้าออโรร่าถูกยกเป็นนักบุญล่ะก็ ชื่อเสียงของเธอก็จะกระจายออกไป แล้วแน่นอนว่าด้วยความน่ารักที่หาใครเปรียบไม่ได้แล้วของออโรร่า พวกลุงอ้วนขุนนางหื่นหรือไอ้พวกนักบวชบ้ากามมันจะต้องหวังกินลูกสาวผมแน่!

แน่นอนออโรร่าผู้น่ารักและใสซื่อของผมย่อมตามความเจ้าเล่ห์ของพวกนี้ไม่ทัน เพราะงั้นเด็กคนนี้จะต้องถูกล่อลวงไปทำมิดีมิร้ายแน่นอน

ว้ากกกกก ไอ้พวกชั่วอย่ามายุ่งกับลูกสาวตูนะเว้ยยย

พอคิดไปแบบนั้นผมก็เผลอกำมือของตัวเองแน่นโดยในใจก็คิดภาพตัวเองกระโดดเข้าไปขย้ำคอไอ้พวกขุนนางแก่ลามกที่ตอนนี้กำลังพยายามฉีกเสื้อ….ว้ากกกก ตายซะแก

อ๊ะ แต่เดี๋ยวก่อน ได้ข่าวมาว่าทั้งนักบวชหญิงแล้วก็หัวหน้านักบวชมีเส้นสายเยอะมากในศาสนจักรนี่นา ถ้างั้นมันก็ง่ายเลยถ้าจะติดต่อคน ๆ นั้น

ระหว่างที่ออโรร่ากับนักบวชหญิงกำลังพูดกัน จู่ๆ ผมก็มีความคิดหนึ่งขึ้นมาเลยรีบพูดออกไปว่า

“เฮ้อ ก็ได้ เรื่องนั้นข้ายินดี…”

ออโรร่าดูตกใจขึ้นมาทันทีที่ผมพูดขึ้นมาแบบนี้…ทว่าใบหน้าเธอดูยังยิ้ม คงจะดีใจสินะที่คุณพ่อยอมให้หนูเข้าใกล้พระเจ้าที่ศรัทธาน่ะ

“แต่ว่าข้ามีเงื่อนไข”

แต่ถึงแบบนี้คุณพ่อก็ขอทำอะไรที่เห็นแก่ตัวหน่อยละกัน แต่ว่านี่น่ะพ่อทำเพื่อลูกนะ

“ท่านต้องแจ้งเรื่องนี้ไปที่ท่านสังฆราชด้วย”

ใช่ ถ้าแจ้งเรื่องนี้ไปที่สังฆราชล่ะก็ ด้วยอำนาจของท่านจะต้องปกป้องออโรร่าน้อยของผมให้พ้นจากมือหื่นกามของพวกเลวนั่นได้แน่นอน และทีนี้ลูกสาวผมก็จะขาวใสสะอาดปลอดภัยไร้มลทินตลอดกาล ฮ่าๆ

เฮ้ยยยยยยยย คุณพ่ออออออออออออ

นี่ก็ทรยศกันอีกคนแล้วเรอะ นี่คุณพ่อรู้ไหมถ้าแจ้งไปที่สังฆราชนี่ ไม่จบแค่คนเดินมาไล่ขูดหวยผมทั้งจังหวัดแต่มันจะมากันทั้งประเทศเลยนะ!

ล่มจมหมดแล้วชีวิตอันแสนสุขของผมมมมมมม

“วางใจได้ออโรร่า นี่พ่อทำเพื่อลูกนะ”

ทำเพื่อผมกับผีอะเซ่

บัดซบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ

—————————–

จำไปแล้วอีกตอนกับออโรร่าที่กำลังจะโด่งดังไปทั่วประเทศ ซึ่งก็มาดูกันเถอะว่าจากนี้ไปเรื่องราวมันจะบ้าไปขนาดไหนกัน 55+

ปล.ทุกคอมเม้นคือกำลังใจจ้า

 

 

ซวยแล้ว! ผมดันโดนเตะมาเกิดใหม่เป็นนักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์

ซวยแล้ว! ผมดันโดนเตะมาเกิดใหม่เป็นนักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์

Status: Ongoing
ตายไปต่างโลกไม่พอ ดันโดนเสกให้เกิดเป็นสาวน้อยน่ารักอีก หนักกว่านั้นไอ้พระเจ้าเฮงซวยดันสาปให้ทุกคำพูดที่จะด่ามันกลายเป็นสรรเสริญมัน เลยทำเอาชาวบ้านเข้าใจผิดว่าผมเป็นนักบุญซะงั้น เรื่องราวของสาวน้อยออโรร่าที่ถูกพระเจ้าให้พร(?) ไม่ว่านางจะพูดสิ่งใดก็ออกมาเป็นคำสรรเสริญพระเจ้าที่ออกมาจากจิตใจอันแน่วแน่ซึ่งแม้แต่เหล่าคนบาปทั้งหลายก้ยังต้องซึ้งในความศรัทธาของนาง (เรอะ) เอาล่ะ เรื่องราวน่ารักสดใสปนกาวเป็นถังขอเปิดอ้อมอกต้อนรับทุกท่านให้สูดกาวไปร่วมกันกับเหล่าตัวละครทั้งหลายที่ไม่รู้ว่าเมามาจากไหนกันเถอะ! ที่จริงเป็นเรื่องที่ลงในเด็กดีนานแล้วแต่มารีไรท์เพื่อแก้คำต่าง ๆ ครับ ส่วนตอนล่าสุดก็อัพเดทเรื่อย ๆ ในเด็กดี จะพยายามแก้ตอนเก่าให้ทันตอนใหม่ครับผม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท