ซวย….
ซวยซ้ำ….ซวยซ้อน….ซวยซาก
ไหงชีวิตผมมันซวยได้จนถึงแก่นแบบไหนนี้ ช่วยคนแล้วโดนเนรคุณปากโป้งไม่พอยังถูกคุณพ่อทอดทิ้งขายให้พวกศาสนจักรอีก
แล้วตอนนี้ที่ซวยหนักกว่าเดิมคือ….
“ว่าไงนะ นี่เธอจะขอเรียนวิชาดาบจากฉันอย่างงั้นเหรอ”
คุณพ่อถามขึ้นสงสัยต่อเด็กน้อยตาสีแดงที่ตอนนี้กำลังคุกเข่าอยู่ที่หน้าบ้านของพวกเรา
ซึ่งเหตุการณ์มันเป็นแบบนี้ได้ไงคงต้องย้อนหลังจากที่พวกผู้ใหญ่ตกลงกันว่าจะส่งเรื่องนี้ให้พระสังฆราชโดยไม่ถามผมสักคำจากนั้นก็แยกย้ายกันโดยมีถามไถ่อะไรเล็กน้อยซึ่งผมก็ไม่อยากให้เรื่องมันบานปลายกว่าเดิมด้วยคำพูดของตัวเองเลยเอาแต่ยิ้มทั้งน้ำตา
และระหว่างทางที่พวกเราเดินกลับบ้าน เจ้าเด็กเนรคุณคนนี้มันก็เดินตามมาตลอด ตอนแรกผมก็นึกว่าทางกลับมันทางเดียวกันแต่ดันคิดขึ้นมาได้ว่าทางบ้านพวกผมมันไม่มีบ้านของเจ้าเด็กนี่อยู่ก็เลยสงสัยเลยถามไป
“นี่นายตามพวกฉันมาทำไมเหรอคะ”
ที่จริงอยากจะถามว่าเอ็งตามมาทำเบื้อกอะไรแต่ก็โดนสุภาพทรานสเลเตอร์ แปลงคำพูดกลายมาเป็นแบบนี้ ซึ่งพอเจ้าเด็กเนรคุณนี้ได้ยินผมถามแบบนั้น เขาก็รีบคุกเข่าลงจนผมกับพ่อตกใจ
“ขอร้องล่ะครับ ให้ผม…ให้ผมได้ฝึกวิชาดาบกับคุณด้วยเถอะครับ”
ความซวยก็มาเยือนผมไม่เลิก เพราะการที่เจ้าหมอนี่มาขอให้พ่อผมสอนให้แล้วพ่อผมยอมรับไปล่ะก็ มันก็จะทำให้เวลาที่พ่อผมสอนดาบให้ผมมีน้อยลงและการกลายเป็นสาวหล่อของผมก็ห่างไกลไป ยิ่งยุคนี้ซึ่งผู้ชายฝึกดาบเป็นเรื่องปกติ ส่วนผู้หญิงฝึกดาบเป็นเรื่องแปลกด้วยแล้วมันยิ่งแล้วใหญ่ สุดท้ายผมก็จะกลายเป็นแค่ศิษย์ติดสำนักแบบพวกผู้หญิงในสำนักหนังจีนกำลังภายใน…..
เดี๋ยวนะ หนังจีนกำลังภายใน? ไอ้เหตุการณ์แบบนี้มันมาแบบโคตรจะคุ้นเลยนี่หว่า ไอ้ถูกคนช่วยชีวิตไว้แล้วอยากฝึกเนี่ย……..
แล้วถ้ามองตามมุมมองแล้ว เจ้าหมอนี่ก็คงเป็นตัวเอกที่คิดมาฝึกวิชากับพ่อผมที่เป็นปรมาจารย์ซึ่งหลบหลีกออกมาจากยุทธภพส่วนตัวผมที่เป็นลูกสาวนั้น…
บทแม่มโคตรจะตัวประกอบชิบหาย! ลองคิดดูสิ ในนิยายจีนกำลังภายในส่วนใหญ่ถ้าบทมาแบบนี้ก็เท่ากับว่าผมที่เป็นลูกสาวเจ้าสำนักซึ่งมีหน้าที่ไว้เพียงแค่เป็นมาตรวัดเสน่ห์ของพวกพระเอกซึ่งโดนหลอกให้ชอบแล้วก็ถูกปล่อยให้นกเล่นเท่านั้น
ม่ายยยย แกจะมาบุกเข้าบ้านแล้วยัดเยียดบทตัวประกอบให้ผมไม่ได้!
แล้วนี่ยิ่งถ้าตัวเอกมันมาเข้าสำนักตั้งแต่เด็กๆ ด้วยแล้ว บทบาทของสำนักที่มันเข้าคงมีไม่กี่รูทที่จะไป…ใช่ ยิ่งเจ้าเด็กบ้านี่น่าจะเป็นตัวละครสายรันทดด้วยแล้ว…..สำนักล่มจมแน่
บ้านผมจะต้องถูกฆ่าล้างตระกูล เพื่อให้เจ้าหมอนี่เป็นฐานเหยียบขึ้นสู่การเป็นจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่….ดังนั้นแล้วสิ่งที่ผมต้องทำคือ
“ไม่ได้”
ไม่ทันที่ผมจะรีบปฏิเสธเพื่อปกป้องชะตากรรมของบ้าน คุณพ่อก็รีบปฏิเสธเจ้าเด็กคนนี้อย่างรวดเร็ว ซึ่งด้วยเหตุผลอะไรนั้นผมเองก็ไม่สามารถที่จะทราบได้ แต่ว่านั่นก็ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี
“ขอร้องล่ะครับ ไม่ว่าจะให้ทำอะไรผมก็ยินดีทั้งนั้น”
นั่นล่ะบทพวกศิษย์ขอเข้าสำนักเลย เอาเลยคุณพ่อ อย่ายอมให้มันมาพาความพินาศสู่บ้านของเรา บ้านนี่น่ะมีแค่ผมกับพ่อก็ร่มเย็นเป็นสุขพอแล้ว!
“ฉันน่ะไม่อยากสอนใครอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นเธอกลับไปเถอะ”
จู่ๆ อารมณ์ของบทสนทนาก็เปลี่ยนไปเพราะอารมณ์น้ำเสียงของคุณพ่อที่พูดออกมานั้นมันช่างฟังดูเศร้าสร้อยจนผมต้องรีบเหลือบไปมอง
ดวงตาของคุณพ่อที่ดูมีความสุขตลอดเวลานั้นทอแววของความเศร้าเพียงชั่วครู่ โดยบางสิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าภายในนั้นมันได้สะท้อนอดีตอะไรบางอย่างที่คุณพ่อไม่อยากจำออกมา
“ออโรร่าเข้าบ้านไปก่อนนะ”
เหมือนคุณพ่อจะรู้สึกได้ถึงตัวผมที่กำลังจ้องทำให้เขารีบปรับสีหน้าของตัวเองมาเป็นยิ้มแย้มก่อนจะสั่งให้ผมเข้าไปบ้านซึ่งผมเองก็อยากจะแย้งอยู่ แต่เมื่อดูจากสีหน้าของคุณพ่อแล้วนั้นผมว่าผมเข้าไปจะเป็นการดีกว่า
จากนั้นผมก็เดินเข้ามาในบ้านโดยปล่อยให้ทั้งสองคนพูดกันสองต่อสองโดยทิ้งไว้ความกังวลใจข้างใน แต่แล้วความกังวลของผมก็หายไปทันทีเมื่อพบกับบุคคลที่รออยู่ในบ้าน
“ไงบ้างออโรร่า พลังที่ฉันให้ไปชอบใจหรือเปล่า”
….
ใช่ คนที่รออยู่ในบ้านนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเจ้าพระเจ้าคนเดิมนั่นเอง ตอนนี้เขากำลังนั่งพิงเก้าอี้ซึ่งอยู่ในห้องรับแขกอย่างสบายใจพลางโบกมือทักมาที่ผม
หึ ชอบงั้นเหรอ ก็ขอขอบคุณสำหรับพลังที่ยิ่งใหญ่นะแต่ขอโทษเถอะแม่มทำชีวิตแสนสงบตูป่นปี้ นี่ขนาดทำใจยอมรับได้แล้วนะ
“ตัวฉันนั้นต้องขอบคุณพระองค์อย่างสุดซึ้ง ถึงแม้พลังนั้นจะตามมาด้วยการสั่นสะเทือนแห่งชีวิตข้าที่เหมือนดั่งก้อนหินหล่นร่วงไปยังผิวทะเลสาบอันนิ่งเงียบ แต่ข้าก็จักยอมรับมัน”
“ฮ่าๆ สงสัยมันจะทำงานดีเกินไปหน่อยมั้งเนี่ย คำพูดนายรู้สึกจะแปลยากขึ้นทุกที”
ฝีมือแกไม่ใช่เรอะ
“นั่นคือประสงค์ของพระองค์”
“เอาเถอะจากนี้ไปชีวิตนายยังต้องเจออะไรอีกมาก และหากนายทำตัวดีฉันจะมีพรอะไรให้เล็กน้อย ซึ่งนอกจากพลังแล้วคงมีอย่างอื่นตามมาอีกแน่นอน”
หึ อย่าหวังว่าฉันจะหลงกลนะ ไอ้ของที่แกจะให้น่ะมันต้องมีเงื่อนไขอะไรที่ชวนให้เอาหัวยัดปี๊บอีกมากมายแน่นอน
“เอาล่ะดูเหมือนข้างนอกเขาจะเสร็จเรื่องราวของเขาแล้ว ถ้างั้นไว้เจอกันใหม่”
พระเจ้ายกมือขึ้นมาโบกลาผมทีหนึ่ง จากนั้นร่างของเขาก็สลายเป็นแสงออกไปโดยไม่เหลือไว้แม้แต่ร่องรอยใดๆ ของการมีอยู่มีครู่ ส่วนผมก็ได้ถอนหายใจ
เฮ้อ..ไม่น่ารีบไปเลย .ถ้ามันอยู่นานกว่านี้อีกนิด ผมจะรีบไปหยิบเอาไข่มาปาหน้าแล้วแท้ๆ เชียว ไม่น่ารีบไปเลยจริงๆ
แอ๊ด
เสียงเปิดประตูดังขึ้น ตัวผมก็รีบกระโดดขึ้นนั่งเก้าอี้ตรงหน้าของตัวเองอย่างไวพร้อมทั้งทำเป็นดื่มนมร้อนที่ไม่รู้ว่าใครเอามาวางไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่เพื่อไม่ให้มีใครสงสัยว่าผมอยู่กับใครมาก่อนหน้านี้
“ออโรร่ารอนานไหม?”
คุณพ่อทักหาผมพร้อมกับรอยยิ้มแบบเช่นเคยทว่ามันมีบางอย่างที่ผิดแปลกไป นั่นคือรังสีบางอย่างที่ออกมาจากตัวคุณพ่อแต่ว่าผมเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่ามันคืออะไร แต่ดูแล้วไม่น่าใช่รังสีที่ดี เพราะว่าเจ้าเด็กตาแดงด้านหลังดูเหมือนจะเดินเข้าบ้านมาด้วยอาการตัวโคตรสั่นเลยทีเดียว
“ไม่หรอกค่ะ ว่าแต่ทั้งสองคนคุยกันเป็นไงบ้างคะ?”
คุณพ่อถึงกับยิ้มกระตุก ส่วนผมที่ภายในใจตอนนี้ได้แต่ตกใจตั้งแต่ตอนที่เห็นเจ้าเด็กนั่นเดินตามเข้ามา ซึ่งคงมีเหตุผลเดียวเท่านั้นที่….มันพร้อมมาถล่มสำนักแล้ว
ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลกลใด แต่ว่าเจ้าหมอนี่ทำให้คุณพ่อยอมรับที่จะสอนวิชาให้มันแล้วก็พามันเข้าบ้าน ดูจากรังสีที่คุณพ่อปล่อยมาท่าทางจะเอาจริงน่าดู และที่มันตัวสั่นแบบนั้นแปลว่าคุณพ่อต้องบอกว่าจะฝึกให้อย่างหนักหน่วงแน่นอน
ชักไม่ดีแล้วสิ เรา…เราต้องพยายามแสดงให้คุณพ่อเห็นว่าแค่มีผมคนเดียวก็พอแล้ว!
ทั้งสองคนได้มานั่งเก้าอี้หันหน้าคุยกันที่โต๊ะอาหารโดยจากนี้จะเป็นการแนะนำตัว ซึ่งหากเป็นการแนะนำตัวทั่วไปคงไม่แปลกไปแต่ว่านี่น่ะนับเป็นจุดตัดสินเลยก็ว่าได้
เพราะการจะรับคนเข้ามานั้นก็ต้องตัดสินจากนิสัยด้วย ถ้าเราทำให้คุณพ่อเห็นว่าเจ้าหมอนี่ไม่ได้ดีไปกว่าเราล่ะก็ คุณพ่อก็จะเปลี่ยนใจไล่เจ้าหมอนี่ออก แล้วกลับมาทุ่มฝึกให้เราเพียงคนเดียวต่อ หึๆ อย่าหวังว่าจะรอดเลยเจ้าหนู ฉันนี่ล่ะจะแสดงให้แกเห็นเองว่าออโรร่าคนนี้เหนือชั้นแค่ไหน
“เอาล่ะอย่างแรกเราก็มาแนะนำตัวกันก่อนเลยน่าจะดีกว่า”
“คือผม….”
เจ้าเด็กตาแดงดูจะเริ่มประหม่า ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้เป็นยังไงแต่นี่ก็นับเป็นโอกาสดีของผมที่จะได้ตอกย้ำความย่ำแย่ของมัน!
“ฉันออโรร่าค่ะ…..ออโรร่า อาร์คาน่า ยินดีที่รู้จัก”
หึๆ เปิดก่อนได้เปรียบ หากมองผ่านๆ อาจดูเป็นแค่การแนะนำตัวธรรมดาๆ แต่ว่านี่น่ะเป็นการบ่งบอกถึงมรรยาทของผู้พูดได้เป็นอย่างดี เพราะมรรยาทที่ดีคือจุดสำคัญของศิษย์ที่ดี และมรรยาทของการแนะนำตัว แขกควรแนะนำตัวก่อน และผู้น้อยเองก็ควรแนะนำตัวก่อนเช่นกัน ดังนั้นระหว่างที่มันอ้ำๆ อึ้งๆ แบบนี้ หากผมชิงแนะนำตัวไปก่อนแล้วล่ะก็ ย่อมทำให้ข้อเสียของมันเผยออกมาแน่นอน
ด้วยชัยชนะจากก้าวแรก ผมจึงได้ทำการยิ้มอย่างผู้มีชัยเพื่อข่มขวัญข้าศึก จากนั้นก็หันไปหาคุณพ่อโดยให้เห็นถึงความพร้อมของผมสำหรับการเป็นลูกศิษย์ที่ดีกว่า
!
คุณพ่อดูตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นผมแนะนำตัวไปแบบนั้น หึๆ สงสัยจะนึกไม่ถึงใช่ไหมละว่าผมที่เป็นลูกสาวคนนี้จะพร้อมเพรียงด้วยมรรยาทขนาดนี้ ใช่คุณพ่อ เลือกผม เลือกผมเป็นศิษย์เอก อย่าไปเลือกมัน
ว่าแต่ว่า เจ้าหนูตาแดง นี่เมื่อกี้ผมยิ้มเยาะเย้ยใส่นายไปนะ แล้วไหงกลับมามองผมด้วยสายตาเป็นประกายแบบนั้นล่ะเฮ้ย นี่นายเป็นมาโซรึไง!
“ครับ เอ่อคือผม…..ไรน์….ไรน์ฮาร์ตครับ”
เจ้าหนูตาแดงที่ชื่อไรน์ฮาร์ตได้พูดชื่อของตัวเองมาอย่างโล่งใจจนน่าผิดแปลก แต่ว่าผมก็ไม่สนใจเพราะไงๆ ศึกแรกผมก็ชนะไปแล้ว ส่วนคุณพ่อได้ยินชื่อเขาก็เลิกคิ้วขึ้นแล้วเอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย
“ไรน์ฮาร์ตสินะ…แล้วนามสกุลเธอล่ะ?”
“คือเรื่องนั้น…..ไม่มีหรอกครับ คุณแม่บอกผมแค่ชื่อแต่นามสกุลนั้นท่านเคยสัญญาไว้ว่าจะบอกเมื่อผมเป็นผู้ใหญ๋ แต่ก็คงไม่มีโอกาสนั้นแล้วล่ะครับ….”
ไรน์ก้มหน้าซึม ทำให้ผมกับพ่อหันมามองกันด้วยความเป็นห่วง เพราะเหมือนกับพวกผมไปกระตุ้นแผลในใจของเขาเข้า นั่นทำให้ผมเองก็รู้สึกสงสารเขาขึ้นมา…แต่เรื่องนั้นกับเรื่องนี้มันคนล่ะเรื่องกัน!
ดูสิ เพราะเรื่องที่พูดมาทำให้คุณพ่ออ่อนใจขึ้นมา ท่านมองมาที่ผมด้วยสายตาที่อ่อนลงราวกับเชิงถามอะไรสักอย่าง ซึ่งผมเองก็ไม่รู้จะตอบกลับไปอย่างไร
“ตั้งขอโทษด้วยถ้าฉันพูดอะไรไม่ดีออกไปนะ ไรน์”
“คือไม่เป็นไรหรอกครับ ผมทำใจได้ตั้งนานแล้ว”
ไรน์หันหน้ามายิ้มให้เป็นเชิงบอกว่าไม่ต้องสนใจเรื่องนี้เท่าไหร่ นั่นทำให้ผมเห็นถึงความเข้มแข็งของจิตใจเขาขึ้นมา คุณพ่อเองก็เช่นกันท่านยิ้มให้กับเด็กหนุ่มคนนี้แต่ไม่รู้ทำไมถึงมีช่วงหนึ่งที่เหลือบมามองผม
“ดีมาก จิตใจเข้มแข็งสมเป็นนักรบจริงๆ แต่ว่าเรื่องนั้นกับเรื่องนี้น่ะ มันคนล่ะเรื่องกัน เข้าใจไหม?”
ผมไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันว่าคุณพ่อหมายถึงอะไร แต่ชั่วพริบตาที่คุณพ่อพูดขึ้นมา ไรน์ดูจะตกใจเล็กน้อยและจากนั้นสายตาของคุณพ่อเองก็เปลี่ยนเป็นกดดันขึ้นมาทันที ส่วนไรน์เองก็ไม่แพ้กัน หันกลับมาจ้องคุณพ่อด้วยสายตาเข้มแข็ง….
เฮ้ย หรือนี่คือการทดสอบ ทดสอบสายตานักรบอันเข้มแข็ง ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็เจ้าหมอนั่นก็คงจ้องกลับเพื่อหวังทำแต้มแน่เลย ไม่ได้ๆ เราจะต้องแสดงให้เห็นว่าสายตาเราก็เข้มแข็งไม่แพ้กัน
—————————————————————————-
ความคิดของซิกค์
“พอเข้าใจหลายๆ เรื่องแล้ว แต่ว่าเรื่องที่จะรับเธอเข้ามานั้น ฉันขอให้ลูกสาวฉันเป็นคนช่วยตัดสินใจก็แล้วกัน”
ผมพูดบอกเด็กหนุ่มคนนั้นไป ซึ่งอันที่จริงผมเองเมื่อฟังเรื่องของเขาแล้วก็รู้สึกเห็นใจอยู่ไม่ใช่น้อย เพราะเขาเดินทางจากบ้านเกิดมาไกลถ้าทางจะต้องห่างจากครอบครัวน่าดู ส่วนเรื่องปลีกย่อยทางผมเองก็ยังไม่ค่อยอยากถามมากเท่าไหร่เพราะจะเป็นการยุ่งเรื่องส่วนตัวมากไป
แต่เรื่องนั้นกับเรื่องนี้มันคนละเรื่องกัน ถึงจะสงสารแต่ว่าการฝึกนั้นก็อย่างว่า ผมไม่ค่อยอยากรับใครมาฝึกอีกแล้วถ้าไม่นับลูกสาวที่ถือเป็นการสอนลูกปกป้องตัวเองจากตาแก่หื่นกาม
แต่ว่าในใจผมเองก็รู้สึกว่าข้างในมันบอกมาว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีแวว ถ้าฝึกดีๆ จะต้องกลายเป็นยอดฝีมืออย่างไม่ต้องสงสัย แต่ว่านั่นน่ะ จะทำให้เวลาฝึกของผมที่มีให้ลูกน้อยลงซึ่งก็ไม่รู้ว่าออโรร่าจะว่ายังไง ดังนั้นถามเธอหน่อยก็คงไม่เสียหาย ถ้าลูกผมโอเค ผมก็คงต้องยอมรับตามนั้น และอีกอย่างมันอาจจะดีก็ได้ที่ลูกผมมีเพื่อนฝึก
….หือ เพื่อนฝึก….เฮ้ย
เพื่อนฝึก หากฝึกนานๆ ก็เกิดความสัมพันธ์ที่มากขึ้น หากมากหน่อย…ก็จะเป็นคนรั….
ไม่! ตูไม่ยอม ตูไม่ยอมให้ไอ้เด็กไม่รู้หัวนอนปลายเท้าที่ไหนมาเคลมลูกสาวตูไปได้หรอกเฟ้ย
พอคิดได้แบบนี้แล้วผมก็เหลือบมองไปที่เจ้าเด็กหนุ่มคนนี้แบบไม่ไว้วางใจ ราวกับมันในสายตาผมตอนนี้กลายเป็นปีศาจหื่นกามที่หวังจะเขมือบกินออโรร่าที่ใสซื่อ
ไม่สิๆ ….ดูๆ ตามันไปมันก็ยังเป็นเด็กดีไม่น่ามีพิษภัย…..แต่เดี๋ยว ยิ่งแบบนั้นออโรร่าที่น่ารักก็จะยิ่งหลงชอบได้ง่ายเพราะนิสัยตรงกัน แล้วแบบนั้น…
“คุณพ่อ หนูขอออกผจญภัยกับเพื่อนของหนูนะคะ”
ภาพของออโรร่าที่โบกมือลาเดินจากไปพร้อมกับไอ้เด็กเปรตที่กำลังยิ้มอย่างมีชัยชนะเหนือผมมันแวบขึ้นมาก่อนที่จะตัดภาพไปที่ฉากแต่งงาน…
ไม่ได้! ถึงความเสี่ยงนั้นมันจะน้อยแต่มันก็มีโอกาส เพราะงั้นเราต้องตัดไฟแต่ต้นลม เพื่อการนั้นแล้วต้องปฏิเสธ….ไม่ได้สิ เผลอสัญญาไปแล้วด้วย ไอ้เราก็ไม่อยากผิดคำพูด ดังนั้นต้องหวังพึ่งออโรร่าเท่านั้น!
แต่แล้วความหวังที่จะให้ลูกสาวเป็นคนตอบปัดเจ้าเด็กนี่ลงถังของผมก็หายไปทันที เพราะตั้งแต่ตอนแนะนำตัวที่เจ้าเด็กนี่ตื่นจนไม่กล้าพูด จนผมเริ่มดีใจเพราะเป็นเหตุอันดีที่จะบอกว่ามันไม่น่าเหมาะสมที่จะเป็นคู่ร่วมฝึกของเด็กที่สดใสดุจท้องฟ้า ออโรร่าก็ดันชิงแนะนำตัวเพื่อช่วยมันซะอย่างงั้น แค่นั้นไม่พอ ลูกสาวที่น่ารักของผมยังหันไปยิ้มให้มันอย่างดีใจอีก
อ้ากกกก ไม่ได้ ไม่ได้ ภาพ..ภาพของโบสถ์งานแต่งมันกำลังลอยเข้ามา ฮืออออ ออโรร่า อย่าทิ้งพ่อไป หึ ไอ้เด็กเปรตแกอย่าอยู่เลย!
ดูสิ…ดูมัน ดูมันยิ้มให้ลูกผมแล้วลุกผมยิ้มกลับให้มันด้วยรอยยิ้มแสนน่ารัก แบบนี้แย่แน่ แย่แน่เลย เราต้องรีบตัดบท!
“คือเรื่องนั้น…..ไม่มีหรอกครับ คุณแม่บอกผมแค่ชื่อแต่นามสกุลนั้นท่านเคยสัญญาไว้ว่าจะบอกเมื่อผมเป็นผู้ใหญ๋ แต่ก็คงไม่มีโอกาสนั้นแล้วล่ะครับ….”
ตอนแรกว่าจะให้แนะนำตัวกันแบบปกติ แต่ว่าพอมาถึงจุดนี้ก็ทำเอาผมถึงกับพูดไม่ถูก เพราะไม่นึกว่าเรื่องที่ฟังมาจากเด็กคนนี้มันจะหนักหนากว่าที่ผมคิดเอาไว้ ดูท่าไม่ใช่แค่จากบ้านมาไกล แต่เป็นไม่มีที่อยู่เลยสินะ
และนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกใจอ่อน…แต่เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น เพราะตาชั่งแห่งความใจอ่อนกับตาชั่งของความรักต่อลูกสาวนั้นมันช่างต่างกันเหลือเกิน
พอผมหันไปมองลูกสาวว่าอาการเป็นอย่างไรหลังฟังเรื่อง ผลก็คือดวงตีสีฟ้าสวยนั่นดูสะเทือนใจไม่ใช่น้อยกับเรื่องที่ฟังดังนั้นแนวโน้มที่ออโรร่าผู้ใจดีจะตอบปฏิเสธคงแทบเข้าใกล้ศูนย์
เพราะงั้นผมถึงได้ทำการตัดสินครั้งสุดท้าย ส่งสายตากดดันให้เจ้าเด็กน้อยไรน์เผลอทำอะไรให้มันไม่เหมาะสมมา ออโรร่าจะได้รู้สึกว่ามันไม่คู่ควรจะเป็นคู่ฝึก
แต่แล้วผมก็คิดผิด ไม่เพียงแค่เจ้าเด็กนั่นมันกล้าจ้องกลับมาที่ผมอย่างกล้าหาญเพราะคงคิดว่าแรงกดดันที่ผมส่งไปมันเป็นแค่การทดสอบ แต่ออโรร่าน้อยกลับดันมาสะกิดให้ผมหันไปหาและนั่นทำให้ผมแทบใจสลาย
ออโรร่าจ้องมาที่ผมด้วยสายตาโกรธเคืองดุจราวกับรู้ว่าผมได้ทำการแกล้งเจ้าเด็กไรน์ไป พร้อมกันนั้นดวงตานั่นก็ยังทอแววของการร้องขอ…ซึ่งไม่ต้องถามเลยว่าเรื่องอะไรเพราะมันมีแค่เรื่องเดียว!
ออโรร่าลูกพ่อ….นี่ลูก นี่ลูกเห็นมันสำคัญกว่าพ่องั้นเรอะ ไอ้เด็กที่ไม่เคยเจอหน้ามาก่อนเนี่ยนะ!
ผมกำลังพยายามอธิบายแต่สุดท้าย ด้วยดวงตาอันแสนน่ารักที่จ้องผมมาด้วยความโกรธเคือง ทำให้ใจของผมมันอ่อนลงในที่สุด
“ก็ได้ ฉันยินดีรับเธอมาฝึกที่บ้านของฉัน”
หึๆ แต่อย่าหวังว่าแกจะมีโอกาสมายุ่งอะไรกับลูกสาวผมซะละไอ้เด็กน้อยไรน์ฮาร์ต ผมจะจับแกฝึกหนักๆ จนไม่มีเวลามายุ่งกับลูกสาวฉันเลยคอยดูสิ
——————————————————————————————————————————
เอาล่ะครับจบไปแล้วกับอีกตอนอันแสนเมาของเรื่องนี้ ซึ่งหากถามว่าหมอนี่พระเอกรึเปล่า…..คงตอบได้แค่ว่ารอดูครับ มีให้อวยหลายรูท ‘3’
ส่วนใครถามหาเทพแสงก็แต่งอยู่เน้อ แต่เนื่องจากมันสูบพลังพอควรประกอบกับเวลาที่มีน้อยเลยอาจบอกได้ว่าคงแต่งได้ทีละเล็กละน้อยเน้อ
ปล.ทุกคอมเม้นคือกำลังใจจ้า