ครืนนนนนนน
บรรยากาศมืดมนนี่มันอะไรกัน ผมจำได้ว่าเมื่อครู่นี้ผมกำลังฟิน ๆ กับบรรยากาศสบาย ๆ ของสวนดอกไม้อยู่เลยนะ แล้วไหงตอนนี้ผมถึงได้ตกอยู่ในสภาวะกดดันได้ขนาดนี้
“เห นายฝีมือไม่เบาเลยนี่นา อายุแค่นี้ยังเล่นได้ขนาดนี้ ชื่นชม ๆ”
น้ำเสียงยียวนกวนอารมณ์ที่เพิ่งได้ยินมาไม่นานนี้กำลังทำเอาคนที่อยู่ตรงข้ามของเจ้าของเสียงมองด้วยอารมณ์หงุดหงิดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ในฐานะองค์ชายแห่งราสเวนน่า ผมจะไม่ยอมแพ้ในการแข่งขันเกมหมากรุกอันแสนภาคภูมิใจของเราเด็ดขาด!”
โอ้ ได้ยินแบบนั้นประชาชนราสเวนน่าและเหล่าขุนนางทุกคนคงยินดีปรีดากับความกล้าหาญขององค์ชายอันดับสองของพวกเขาแน่ๆ แต่ว่านะ…..
อะไรที่มันทำให้นายคิดว่าตัวเองยังชนะเจ้าหมอนี่ได้อยู่ฟะ!!!
ใช่ คำพูดของชาร์ลช่างดูกล้าหาญมาก ทว่ามันช่างสวนทางกับหมากบนกระดานของเขาเสียเหลือเกิน ตอนนี้นอกจากเบี้ยไม่กี่ตัวที่เหลืออยู่ ก็มีเพียแค่ราชากับเรือเท่านั้นที่ยังอยู่บนกระดาน ยิ่งกว่านั้น เจ้าคู่แข่งของไอ้หนูนี่มันดันเหลือหมากของตัวเองอีกบานนน
“โห แน่ใจนะว่าพูดในฐานะองค์ชาย”
โลธ์ยังคงก่อกวนอารมณ์ของชาร์ลไม่หยุด ซึ่งเอาจริงๆ ผมนับถือเจ้าชาร์ลมากๆ เลยว่าหมอนี่มันยังไม่สติแตกแล้วเอาเก้าอี้ฟาดหัวคู่แข่งตัวเองไปก่อน เด็กอะไรปากหาเรื่องวอนเท้าชะมัดยาก!
ส่วนเรื่องว่าทำไมสภาพปัจจุบันของผมมันถึงมาอยู่ในสภาพนี้ก็คงต้องย้อนไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้
“ดอกไม้นั่นน่ะเหมาะกับอัลจริงๆ นั่นล่ะเพราะงั้น”
จู่ๆ ความรู้สึกว่ามีอะไรเหน็บเข้าที่ข้างหูก็ปรากฏอีกรอบ ดอกไม้ในมือของเจ้าเด็กตรงหน้าได้ถูกเสียบตรงตำแหน่งใกล้เคียงกับดอกเก่า ทำเอาผมอารมณ์เสียหวดมันไปรอบ เด็กอะไร ปากไวใจไวแล้ว มือมันยังไวอีก
แต่ก็น่าเศร้า เหมือนขามันจะไวด้วย ทำให้มือของผมคว้าได้แต่ลม เลยได้แต่มองเจ้าเด็กกวนประสาทคนนั้นอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่
แต่เมื่อจ้องดูดี ๆ มีบางส่วนทำให้ผมรู้สึกสนใจ นั่นคือชุดของเขา นอกจากชุดสีดำผิดวิสัยคนของราสเวนน่าแล้ว ที่ไหล่ซ้ายยังมีผ้าคลุมแดงสลักเป็นรูปมังกรสีดำกางปีกอยู่ด้วย
คนของจักรวรรดิ?
“คนของจักรวรรดิมาทำอะไรที่นี่งั้นเหรอคะ?”
ถึงจะเป็นเด็กแต่ผมก็เผลอขยับเท้าถอยหลังอย่างระแวดระวัง เพราะนึกได้ถึงคำของเอ็ดวินที่เตือนไว้ก่อนจากกัน
“ว้า อัล มองกันแบบนี้ผมเสียใจนา เอาเถอะวันนี้ผมขอตัวก่อนแล้วกัน เดี๋ยวท่านพ่อจะดุเอา”
เด็กหนุ่มจากจักรวรรดิหันหลังแล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็วแต่เหมือนเขาจะนึกอะไรขึ้นได้จึงหันหลังกลับมาก่อนยกมือขึ้นพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้ม
“ลืมแนะนำตัวไปเลย ผมชื่อโลแธร์. โลแธร์ ฟอน ออสโทร สำหรับอัลจะเรียกผมว่าโลธ์ก็ได้นะ วันนี้ขอตัวก่อนล่ะ”
หลังจากนั้น หลังของเจ้าหมอนั้นก็ห่างไปเรื่อยๆ ส่วนผมที่มองตามหลังของเขาก็ได้แต่ถอนหายใจขณะพยายามปัดเศษดอกไม้สีฟ้าที่เรืองแสงอยู่ทิ้งไป
“ให้ตายสิ เพราะเจ้าหมอนั่นแท้ๆ ทำเอาบรรยากาศดีๆ ตอนเช้าเสียหมด”
ผมบ่นอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อมามองย้อนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่พูดถึงเมื่อครู่ก็มีเรื่องหนึ่งที่ผมสงสัยนั่นคือสายลมที่ทำให้ผมต้องร่ายเวทป้องกัน ไม่ว่าจะดูยังไงมันก็ไม่ใช่สายลมธรรมชาติแน่นอน
“ลมนั่นมาจากไหนกันน้า?”
คิดๆ ไปแล้วตอนนั้นก็ไม่มีใครอยู่ที่สวนเลยนอกจากเจ้าเด็กเปรตจักรวรรดิ ….นึกดูแล้วถ้าผมไม่ร่ายเวทกำบังไปตอนนั้นล่ะก็ เจ้าเด็กเปรตนั่นคงได้ปลิวเป็นผ้าขี้ริ้วแน่นอน น่าเสียดายๆ รู้งี้ไม่น่าร่ายเวทป้องกันเลย ไม่สิๆ ขืนไม่ร่ายสวนดอกไม้ได้พังกันหมด
…คนอะไร๊ คุณค่าน้อยกว่าสวนดอกไม้ ฮ่าๆ
จ้อกกก
จะว่าไปนี่มันก็เริ่มจะเข้าช่วงสายแล้วนี่นา คงถึงเวลาเหมาะสมที่ผมจะไปรับประทานอาหารเช้าสักที อยากรู้จังเลยน้าว่าอาหารวันนี้จะเป็นอะไร อย่างเมื่อวานก็เป็นไข่ออมเล็ตเลิศรสที่แค่เอาส้อมจิ้มทีเดียวน้ำไข่ก็ทะลักออกมาพร้อมไอน้ำที่หมกอยู่ข้างใน ทำเอาน้ำลายสอ
คำพูดที่ผมเคยบอกว่าอาหารของโลกนี้มันห่วยจืดชืดนั่น ผมคงต้องถอนคำพูด เพราะอาหารของที่วัง โคตรจะเด็ดจนทำเอาผมรู้สึกว่าถ้าไม่มาเดินออกกำลังกายซะบ้าง มีหวังผมได้บวมอืดเป็นแมวน้ำกลิ้งไปมาแน่ๆ ยิ่งปรกติมีพวกคุณเมดมาคอยเสิร์ฟอาหารเช้าเที่ยงเย็นให้อีก….
พูดถึงบวมอืด…..
ไหน ๆ ก็เดินออกมาข้างนอกแล้ว วันนี้ขอเดินไปกินที่โรงอาหารของวังหน่อยก็แล้วกัน ถือซะว่าเป็นการออกกำลังกาย ถึงจะเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ยังดีกว่าไม่ได้ออกน่า
พอชั่งน้ำหนักระหว่างสุขภาพกับความขี้เกียจ สุดท้ายจิตใต้สำนึกที่เหลือเพียงน้อยนิดของผมก็สามารถชนะขุมพลังที่ใหญ่ที่สุดของผม…. เจ้าความขี้เกียจจนได้
ผมแวะไปที่โรงอาหารซึ่งจัดเตรียมให้หรูหรากว่าเดิมอย่างรวดเร็วทันทีที่ร่างของผมไปปรากฏตัวอยู่ตรงนั้น ก่อนอาหารจะถูกเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว ก็นับว่าโชคดีจริงๆ ที่อาหารวันนี้เป็นไข่กวนของโปรดผม ด้วยเหตุนั้นมันจึงถูกผมกวาดเรียบไม่เหลือแม้แต่เศษให้ไปเททิ้ง
ไม่รู้เพราะอาหารมันอร่อยไปหน่อยหรือไม่ ผมจึงใช้เวลากับมันมากพอควร ….ก็มันอร่อยนี่นา เผลอจัดไปหลายจานจนรู้ตัวก็เข้าช่วงสายแล้ว
และเพราะดันบ้าตามใจปากไปหน่อย ผลคือผมต้องออกมาเดินเล่นรอบๆ ปราสาทเพื่อช่วยย่อยอาหารที่จุกอยู่เต็มท้อง ขืนไม่ทำล่ะก็ผมได้กลับห้องไปนอนกลิ้งไปกลิ้งมาจนกรดไหลย้อนถามหาแน่ๆ
ตึง ตึง
เสียงของแข็งกระทบกับไม้ดังขึ้นเรียกความสนใจของผมให้หันไปในทางห้องที่มาของเสียง หากให้บรรยายเสียงของมัน มันช่างคล้ายกับเสียงของหมากรุกที่ถูกโขกลงใส่ไม้กระดาน….ไม่สิ ไม่ใช่คล้าย แต่มันใช่เลย
ผมค่อยๆ เดินเข้ามาภายในห้องอย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต โชคดีมากที่ตอนนี้เสียงโขกหมากดังสนั่นสวนกันไปมาจนไม่มีใครได้ยินเสียงฝีเท้าของผม ผมเดินแอบไปด้านหลังของตู้หนังสือช้าๆ เพราะกลัวว่าหากมีใครเห็นผมตอนนี้คงได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีกแน่นอน
ห้องที่ผมเข้ามามีลักษณะเป็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ให้เทียบก็ประมาณห้องพละโรงเรียน
ณ กลางห้องจะมีโต๊ะสี่เหลี่ยมจำนวนมากวางเรียงเอาไว้ ทั้งสองฝั่งของโต๊ะจะมีคนสองคนนั่งประจันหน้ากัน โดยพวกเขาถูกขั้นกลางด้วยกระดานหมากรุกขนาดพอๆ กับกระดานมาตรฐานที่โลกของผมใช้กัน
สีหน้าแต่ละคนต่างจริงจังกันมาก ไม่ใช่แค่คนเล่นเท่านั้นที่จริงจัง ขนาดผู้ชมยังจริงจังด้วยเลย ทุกครั้งที่หมากฝั่งที่ตัวเองเชียร์ถูกกิน เสียงร้องบ่นระงมจะดังขึ้นมาไม่ขาดสายจนผมรู้สึกว่าพวกนี้ไม่คิดว่ามันเป็นการรบกวนผู้เล่นเลยหรือยังไง
แถมนี่จะจริงจังกันไปไหม รอบ ๆ ห้องเต็มไปด้วยชั้นหนังสือจำนวนมากซึ่งทุกชั้นจะเต็มไปด้วยหนังสือวิธีการเดินหมาก ทำเอาผมสงสัยเสียจริง ๆ ว่าการเดินหมากของโลกนี้มันเยอะจนต้อง ทำหนังสือเต็มชั้นหนังสือเลยเหรอ ยิ่งไอ้เจ้าหมากที่เขียนไว้ว่า “นักบุญ” กับ “ผู้กล้า” เนี่ย มันจะเยอะไปไหม หนาพอๆ กับสมุดปกเหลืองเลยนะ
แต่ไม่ว่าจะด้วยอะไร สิ่งที่เรียกความสนใจของผมที่สุด คงจะเป็นอะไรไม่ได้นอกจากโต๊ะใจกลางสุดของห้องที่ถูกล้อมวงด้วยขุนนางน้อยใหญ่มากมายพร้อมทั้งมีเสียงฮือฮาดังออกมาไม่ขาดสาย
“รุก รุก แล้วก็รุกฆาต เสียใจด้วยนะ คุณแพ้แล้วนะครับ คุณขุนนาง”
“ได้ไงกัน บ้าน่า นักบุญของพวกเรา นักบุญของพวกเราแพ้ผู้กล้าของมันอย่างงั้นเหรอ!!!”
ก่อนอื่นแกต้องพูดว่า “ข้าแพ้เด็กได้อย่างไร” ไม่ใช่เหรอไงเล่า!
“นี่ท่านขุนนางแพ้เด็กตัวแค่นั้นจริงๆ เหรอ?”
เออ ค่อยดีขึ้นหน่อย
ขุนนางดูมีอายุนั่งน้ำตาตกพร้อมกุมหมากสีขาวตัวหนึ่ง เขาเอามือข้างนั้นประทับลงไปที่อกประดุจเพื่อนในสนามรบของตัวเองได้จากไป
เวอร์ไปแล้ว นี่พวกนายเล่นหมากรุกนะไม่ใช่วงไพ่ ทำไมต้องเสียใจกันเวอร์ปานนั้นด้วยฟะ
ผมได้แต่บ่นในใจส่วนตาก็มองไปที่ตัวต้นเหตุ ผมพึ่งแยกจากมันเมื่อไม่นานมา เจ้าโลธ์กำลังนั่งชันเข่าสบายใจขณะมือก็หมุนควงเจ้าหมากรุกสีแดงนั่นอย่างสบายอารมณ์ผิดวิสัยเด็ก
“อย่าโทษหมากนักบุญเลยครับ หมากนักบุญตัวนี้มีความสามารถที่ดีมากเลยนะครับ ที่ชนะได้เพราะผมแค่โชคดีหน่อยก็เท่านั้นเอง”
คำพูดของเจ้าโลธ์คล้ายกับปลอบท่านขุนนางแต่ไม่รู้ทำไมน้ำเสียงของเจ้าหมอนั้นพอผมได้ยินแล้วถึงรู้สึกว่าคนฟังน่าจะเจ็บกระดองใจกว่าโดนด่าว่าอ่อนแอฟะ! ไม่ผิดแน่ ไอ้คำว่าโชคดีของเจ้าหมอนั่นที่ลงท้ายประโยค มันต้องเป็นโชคดีที่ศัตรูผมอ่อนแอแบบพวกบอสใหญ่แน่ ๆ
ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้ผมรีบหันไปอย่างรวดเร็วแล้วก็พบกับบุคคลที่ไม่คิดว่าจะได้เจอกันที่นี่
” อ้าวนั่นออโรร่านี่นา มาทำอะไรที่นี่เหรอ”
ชาร์ลที่เจอหน้ากันแทบทุกวันเพราะชอบมาดักอยู่หน้าห้องผมก่อนชวนไปเที่ยวที่นู่นที่นั่น เขาทักขึ้นมาอย่างยินดีส่วนผมก็ยิ้มทักทายกลับไป ในใจก็สงสัยว่าเจ้าหมอนี่มันมาอยู่ในนี้ได้ยังไง
“สวัสดีค่ะชาร์ล มาทำอะไรที่นี่งั้นเหรอคะ?”
“มาต้อนรับแขกกับท่านดยุคโบอาร์น่ะ พอดีเห็นออโรร่าเดินเข้ามาในห้องเลยมาทักหน่อยน่ะ”
“สวัสดีท่านนักบุญ”
ท่านริชเชอลิแอร์เดินตามเจ้าชาร์ลมาทันที่เขาถูกพูดถึง ยังมาด้วยสีหน้านิ่งตามแบบฉบับ ซึ่งผมก็รีบโค้งสวัสดีเขาไปอย่างรวดเร็ว
ว่าแต่เจ้าชาร์ลมันเห็นผมได้ยังไงเนี่ย ผมว่าตอนนั้นผมเดินเข้ามาเนียนแถมมองรอบๆ ก็ไม่มีใครอยู่นะ แล้วไหงมันถึงบอกว่าเห็นผมเดินเข้ามาได้ล่ะ. ….หรือว่ามันจะเป็นสโตร์คเกอร์!!!
คิดไปมันก็ดูเข้าเค้า เพราะเจ้านี่มันสามารถมาดักหน้ารอผมได้ทุกครั้ง แถมเวลาผมไปไหนมาไหนมันยังมาได้ถูกที่อีกต่างหาก มันจะบังเอิญไปแล้วมั้ง นอกจากมันจะมีออโรร่าเรดาห์ติดหัวก็คงคิดเป็นอื่นไม่ได้เลยนอกจากเจ้าชาร์ลมันตามสโตร์คเกอร์ผมอยู่แน่ๆ!
น่ากลัว น่ากลัวจริงๆ ถึงจะเข้าใจว่าออโรร่าน้อยน่ารักและพร้อมด้วยเสน่ห์ขนาดไหนแต่แบบนี้มันก็เกินไปหน่อยนะ!
โธ่ ชาร์ลเพื่อนยาก เป็นเจ้าชาย อนาคตตั้งไกลดันต้องตกต่ำมาเป็นสโตร์กเกอร์แต่ยังน้อย น่าสงสารจริงๆ ต้องขอโทษนะที่ออโรร่าน้อยน่ารักเกินไป!!!
ไม่สิ ออโรร่าใจเย็นๆ ก่อนนะ อย่าเพิ่งคิดไปไกล อย่าลืมสิว่าตอนนี้เจ้าชาร์ลมีใครเดินคุมอยู่น่ะ ท่านริชเชอลิแอร์เลยนะ ท่านริชเชอลิแอร์บุคคลปรกติที่สุดแสนจะหายากในอาณาจักรแห่งนี้เลยนะ ไม่มีทางที่ท่านจะปล่อยให้เด็กนี่มันทำอะไรแปลกๆ อยู่แล้วน่า ใช่ไหมท่าน บอกผมทีว่ามันใช่!
“ว่าแต่ออโรร่า ดอกไม้ที่อยู่ที่ผมนั่นมันอะไรเหรอ”
ชาร์ลชี้มาที่ดอกไม้สีฟ้าสองดอกที่เหน็บอยู่ข้างหูผม ทำเอาผมนึกขึ้นมาได้ว่าข้างหูผมมันถูกเจ้าเด็กบ้านั่นทัดดอกไม้ใส่ แต่เจอมันกวนไปหน่อยเลยลืมเรื่องเล็กๆ นี่เสียสนิท
“อ๋อ ดอกไม้นี่เหรอคะ สวยดีนะคะ ได้มาจากสวนของวังหลวงน่ะค่ะ”
“เหมาะกับออโรร่ามากเลยล่ะ”
“ใช่ๆ เหมาะมากเลยล่ะ ผมเป็นคนมอบมันให้กับอัลเองเลยนะ เป็นไงล่ะอัล ชอบใช่ไหมล่ะ”
ปึ๊ด
แค่ได้ยินเสียงก็ราวกับความดันผมจะพุ่งตั้งแต่เด็ก เหมือนมีเสียงบางอย่างในหัวมันดังขึ้นมา แทบจะจังหวะเดียวกับอารมณ์ของผมที่พุ่งปรี๊ด
ตามมาหลอกหลอนตูอีกแล้วเหรอ นั่งเล่นหมากรุกอยู่ก็นั่งเล่นต่อไปสิเฮ้ย โหงวเฮ้งอย่างนายน่ะ เอาเจ้าไรน์กับเจ้าชาร์ลผสมร่างกันยังไม่รู้สึกซวยเท่าแกเลยนะ!
โลธ์ลุกออกจากโต๊ะฝ่าวงล้อมของพวกขุนนางพร้อมกับโบกมือทักทายผมอย่างดีใจ สวนทางกับอารมณ์ของผมโดยสิ้นเชิง ผมได้แต่เหลือบตาหลบไม่อยากมองหน้าเจ้าหมอนี่
“นี่เจ้าไปก่อเรื่องอะไรมาอีกเล่าโลแธร์เอ๋ย ข้าบอกเจ้าแล้วใช่ไหมหากจะมาด้วย อย่าได้ก่อเรื่องอันใดที่จะทำให้เสื่อมเสียถึงจักรวรรดิ์วาเรเรี่ยนแห่งเราเด็ดขาด”
ชายรุ่นลุงร่างสูงเดินตามเข้ามาในห้อง เขามีลักษณะคล้ายกับเจ้าโลธ์คือผมสีฟ้ากับดวงตาสีเขียว ทว่าใบหน้าดูมีอายุและความน่าเชื่อถือกว่ามาก มากจนแบบถ้าเอาเจ้าโลธ์สิบคนมายืนเรียงกันยังเทียบไม่ได้
จุดสังเกตที่น่าสนใจอีกอย่างนั้นคือชุดที่ใส่อยู่คุณลุงคนนี้ เขาแต่งกายด้วยชุดขุนนางที่ผมไม่ค่อยคุ้นเคย ลักษณะเป็นชุดสีดำใส่อย่างรัดกุมไม่มีส่วนน่ารำคาญเลยแบบขุนนางของราสเวนน่าที่มีผ้ายื่น ๆ ออกมา และจุดเด่นอีกอย่างคือผ้าคลุมสีแดงปักตรามังกรแบบเดียวกับของเจ้าโลธ์
“ท่านอย่าปรักปรำข้านะท่านพ่อ ข้าแค่ทักทายท่านนักบุญตามมรรยาทก็เท่านั้นเอง”
แม้จะถูกเสียงดุจากคนที่เป็นพ่อ แต่เจ้าโลธ์มันก็ดูไม่สะทกสะท้านแม้แต่นิดเดียว ทำเอาชายที่ตักเตือนยกมือกุมขมับของตัวเองพร้อมถอนหายใจจนผมยังสงสารและสงสัยว่าตอนเลี้ยงเจ้านี่มาเขาจะต้องปวดหัวขนาดไหนกันนะ
ขณะที่ผมกำลังมองเจ้าโลธ์ที่กำลังถูกพ่อของมันต่อว่าอยู่ ดอกไม้บนหัวของผมทั้งสองดอกก็ถูกดึงออกไป ผมมองตามก็พบกับชาร์ลที่เดินอ้อมมาข้างหลังผม เขาดึงมันออกไปพร้อมเอาไปซ่อนอยู่ที่ข้างหลัง
“เจ้านี่ไม่เหมาะกับออโรร่าหรอก เดี๋ยวผมเก็บให้นะ”
อ้าวเฮ้ย ปล้นไปกันหน้าด้านๆ เลยนี่หว่า นี่มันดอกไม้จากสวนของนายเองนะชาร์ล ถ้าอยากได้นักก็บอกคนใช้ของนายไปเก็บให้สิไม่ใช่มาปล้นจากผม ให้ตายสิเด็กสมัยนี้ เอาแต่ใจกันจริงๆ
“เห”
เสียงยียวนกวนประสาทดังขึ้นมาจากโลธ์ที่ตอนนี้กำลังจ้องที่มือของชาร์ลซึ่งถือดอกไม้อยู่อย่างสนใจ ผิดกับคุณพ่อของเขาที่เริ่มจะเอามือปิดหน้าตัวเองแล้ว …ยาแก้ปวดหัวหน่อยไหมท่าน ไม่เป็นไรนะ ผมเข้าใจท่านดี
“ข้าต้องขอโทษด้วยนะท่านดยุคโบอาร์ ที่ลูกชายของข้าเสียมรรยาทต่อทั้งองค์ชายและท่านนักบุญคนสำคัญของอาณาจักรท่านแบบนี้ หวังว่าคงไม่ทำให้การเจรจาของเรามีปัญหาอะไรนะ”
“เรื่องนั้นอย่าได้กังวลท่านดยุคออสโทร เรื่องของเหล่าเด็กๆ เท่านั้นเอง ท่านอย่าคิดมาก”
โผล่มาแล้วครับ โผล่มาอีกแล้ว คนปรกติ!!! มีประโยคพูดคุยของคนปรกติโผล่มาเรื่อยๆ ไม่มีหยุดเลย นี่ถ้าผมจับกาชาล่ะก็ จะต้องถูก SSR รัว ๆ แน่นอนถึงได้เจอคนปรกติถี่แบบนี้
“ว่าแต่อัลสนใจเล่นหมากรุกมหาสงครามกับผมหน่อยไหม สนุกนา?”
จู่ๆ เจ้าโลธ์ก็ชวนผมขึ้นมากะทันหัน ทำเอาผมมองหน้าแบบไม่ไว้วางใจว่าเจ้านี่มันต้องการอะไรกันแน่ แต่พอมองไปที่ชาร์ลที่อยู่ข้างๆ ผมแล้วก็ถึงกับอยากร้องอ๋อ
หน้าของชาร์ลตอนนี้แสดงถึงอารมณ์ไม่พอใจเจ้าโลธ์อย่างแรง ไม่ว่าจะหน้านิ่วคิ้วขมวด หรือจะมือที่กำแน่นประดุจเจ้าโลธ์เพิ่งไปแย่งขนมสุดโปรดของเจ้าชาร์ลมา ว่าแต่มันไปโกรธอะไรกันเนี่ยไม่ยักจะเข้าใจเลย
ว่าแต่จะมาชวนผมเล่นงั้นเหรอ นี่มันรังแกกันชัดๆ เลยนี่หว่า รู้ไหมว่าไอ้ของที่ต้องวางแผนอย่างเกม RTS หรือพวกหมากรุกเนี่ย ผมโคตรจะไม่ถนัดเลยอ่ะ คือจะเล่นมันกี่กระดานๆ ผมก็โดนเพื่อนเอาหมากไล่ซะจนไม่เหลือที่ให้ขุนผมเดินสักทางจนผมแทบกราบขอมันว่า “อย่าแกล้งตูเลย” ทุกรอบ
เพราะงั้น หัวเด็ดตีนขาดยังไงผมก็ไม่มีทางเล่นเกมตระกูลหมากรุกให้อับอายขายขี้หน้าประชาชีเขาแน่นอน!!!
“ออโรร่าไม่ต้องลงเล่นหรอกครับ ผมจะเป็นคู่มือให้นายเอง!”
“โห ผมไม่มีปัญหาหรอกนะครับ อยากรู้จังเลยว่าองค์ชายชาร์ลจะเก่งสมคำร่ำลือไหม”
ไม่ทันที่ผมจะได้ปฏิเสธ เจ้าชาร์ลก็ยกมือขึ้นมากั้นดั่งพระผู้ช่วยให้ผมพ้นรอดจากความขายหน้า ส่วนเจ้าเด็กเปรตจากจักรวรรดิยังคงพูดยั่วโมโหคู่ต่อสู้ของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งสองคนจ้องหน้ากันจนผมรู้สึกได้ถึงสายฟ้าที่ช็อตไปมาระหว่างทั้งคู่
ทำไมชาร์ลมันถึงของขึ้นได้ขนาดนั้นเนี่ย ไม่สิ ดูจากอาการของท่านขุนนางคนเมื่อกี้ก็คงไม่แปลก เจ้าหมากนี่ต้องเป็นความภูมิใจของราสเวนน่าแน่นอน และการที่เจ้าเด็กนี่เล่นมาไล่เก็บคนของราสเวนน่าเรียบแบบนี้ เจ้าชาร์ลที่เป็นองค์ชายคงยอมไม่ได้สินะ ….แต่นี่มันก็จริงจังเกินไปแล้วนะเว้ย นี่มันหมากรุกนะไม่ใช่ฟุตบอล พวกนายช่วยอย่าทำตัวเป็นแฟนฟุตบอลของขึ้นเวลาทีมแพ้ได้ไหม
แต่นี่มันก็ดีเหมือนกันนะ ดูจากนิสัยอันแสนมั่นใจจนสุดกู่นั่น แปลว่ามันต้องเป็นเด็กอัจฉริยะที่ไม่มีใครมาเป็นคู่แข่ง ถ้าแพ้บ้างมันจะได้ลดอาการแก่แดดลงซะหน่อย
“เฮ เอาเลยพระองค์ จัดการเจ้าเด็กนั่นเลย”
แล้วไอ้พวกข้างหลังก็ไม่ต้องมาเชียร์เลยนะ นี่พวกนายทำตัวเด็กยิ่งกว่าเจ้าพวกเด็กห้าขวบพวกนี้อีกนะ ไม่สินี่อาจเป็นสัญญาณที่ดีก็ได้ ถ้าพวกนี้มันมั่นใจขนาดนี้แปลว่าเจ้าชาร์ลมันต้องเก่งแน่ๆ ใช่ไหม บอกผมทีว่ามันใช่
“เอ่อชาร์ลคะ ได้ยินที่พวกขุนนางคุยกันเมื่อครู่ ชาร์ลคงเก่งน่าดูสินะคะ?”
เพื่อยืนยันความมั่นใจของตัวเอง ผมจึงได้ถามชาร์ลให้แน่ใจ ชาร์ลหันหน้ามาหาผมด้วยรอยยิ้มทำเอาผมโล่งใจขึ้นมาก
“ไม่ต้องห่วงครับ ออโรร่า ผมเล่นหมากนี่มาตั้งสิบครั้งกับท่านดยุคโบอาร์แล้วนะ เชื่อใจผมได้เลย”
เอาความมั่นใจเมื่อครู่ของผมคืนมาเลยนะ! แค่สิบครั้งเรอะ! นี่นายเพิ่งเล่นมาแค่สิบครั้งเองเรอะ อะไรถึงทำให้มั่นใจว่าจะชนะเจ้าเด็กที่เก็บขุนนางที่น่าจะเล่นมาหลายร้อยหลายพันรอบได้ห๊ะ คิดสิ คิด!
โอ้ งานงอกแล้วไง นี่มันเหมือนเอามดไปชนกับช้าง แถมไอ้มดที่ว่ามันยังไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังจะพาตัวเองไปให้ช้างเหยียบเล่น
ใครก็ได้ ใครก็ได้หยุดการเล่นนี้ที ดูจากความแข็งแกร่งทางจิตใจของเจ้าชาร์ลแล้ว หากโดนเจ้าโลธ์ตบยับล่ะก็ ได้เสียความมั่นใจไปยันชาติหน้าแน่ๆ
แต่มันช่างน่าเศร้าที่เสียงของผมมันส่งไปไม่ถึง เพราะพวกเล่นจัดโต๊ะพร้อมกองเชียร์กันให้เสร็จสรรพ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ขั้นจัดหมาก โดยชาร์ลก็จัดหมากเก้ ๆ กัง ๆ ได้สมกับวัยเขาที่เพิ่งเรียนรู้มาไม่นานผิดกับ….
ตึงๆ
โลธ์ทำการเรียงหมากรุกของตัวเองอย่างชำนาญราวกับมืออาชีพ ไม่พอยังมีข่มขู่คู่แข่งด้วยการกระแทกหมากบ้างบางคราวเพื่อข่มขวัญคู่ต่อสู้
คนละชั้นกันชัด ๆ ไม่ว่าจะดูยังไงนี่มันก็คนละชั้นกันแบบสุด ๆ เลยนี่หว่า ชาร์ลเอ๋ย รีบถอนตัวเถอะ ไม่มีทางที่นายจะชนะเจ้าบ้านี่ได้แน่นอน!!!
สีของหมากที่ทั้งคนเลือก จากเท่าที่ดูเหมือนว่าจะแยกเป็นสองชนิดอย่างชัดเจนโดยมีฝั่งจักรวรรดิกับฝั่งราสเวนน่าซึ่งทั้งสองฝั่งจะเลือกฝ่ายไหนก็ได้เพราะมีสีที่ต่างกันให้หากเลือกฝ่ายซ้ำ โดยปรกติหมากตัวอื่น ๆ มันก็ไม่แตกต่างกับหมากปรกติหรอก แต่เจ้าหมากบ้านี่มีมาแตกต่างกับชาวบ้านก็ตรงไอ้หมากนักบุญกับหมากผู้กล้าเจ้าปัญหาเนี่ยสิ
ฝ่ายจักรวรรดิมีหมากผู้กล้า ฝั่งราสเวนน่ามีหมากนักบุญ แสดงว่าการเดินของสองตัวนี้ต้องต่างกันแน่ๆ
“เอาล่ะ เริ่มกันเลยไหมครับ องค์ชายชาร์ล”
“เอาสิ”
ถ้างั้นก็…. ดูเอล. อ้าว ไม่ใช่เหรอ
หลังเริ่มเกมไป ตอนแรกมันก็ดูเดินไปมาแบบชิวๆ ไม่มีอะไรหรอก ต่างฝ่ายต่างจัดตำแหน่งของตัวเองกันไปมาแต่พอถึงกลางเกมแค่นั้นล่ะ อย่างกับหนังคนละม้วน
เจ้าชาร์ลที่ตอนแรกเหมือนจะรุกเจ้าโลธ์ได้กลับกันถูกหลอกล่อให้เดินไปตกหลุมจนหมากสำคัญๆ โดนเก็บเรียบ หนักกว่านั้นหมากของเจ้าเด็กจากจักรวรรดิมันดันแปลงกลายเป็นหมากอะไรไม่รู้ยั๊วะเยี้ยเต็มกระดานไปหมด
และทั้งหมดนั้นก็คือสภาพของผมในปัจจุบันที่กำลังตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมรังสีอำมหิตของทั้งเด็กสองหน่อและเหล่าขุนนางที่ตอนนี้เชียร์กันเหมือนวัยรุ่นเชียร์บอลโลก
“จัดการมันเลย ท่านชาร์ล มันได้เปรียบแค่นิดเดียว พวกเรามั่นใจว่าท่านพลิกกลับมาชนะได้แน่”
ดมกาวมากไปมั้งสหาย! ถามจริงเหอะ เหลือแต่เบี้ยแบบนั้นใครมันจะไปสู้ได้ฟะ ถ้าจะพลิกได้คงต้องให้เบี้ยทั้งหมดในสนามกลายเป็นนักบุญแล้วระเบิดพลังกินหมากของเจ้าโลธ์พร้อมกันแล้ว
“หึ เจ้าหนูจากจักรวรรดิ ถึงแกจะเก่งแต่นี้ทำอะไรองค์ชายเราไม่ได้หรอกน่า”
ทำอะไรไม่ได้? ขอโทษนะพรรคพวก ช่วยดูหน้าองค์ชายของพวกนายหน่อยเถอะ น้ำตาซึมแล้วนะเฮ้ย อย่าให้มันเล่นมากกว่านี้เลย ไม่งั้นได้ร้องไห้ในใจจนเล่นหมากรุกต่อไม่ได้เป็นครั้งที่สองแน่
“ผ…ผม…”
ชาร์ลที่เริ่มจะบ่อน้ำตาแตก จนผมรู้สึกไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ คิดว่าถ้าหยุดการดวลนี้แบบกะทันหันน่าจะดีต่อชีวิตและสุขภาพจิตขององค์ชายสองแห่งราสเวนน่ามากกว่า ดังนั้นจึงคิดเดินออกไปบอกให้ชาร์ลเลิกเล่น
“อ้าว อัลอยากมาเล่นแทนงั้นเหรอ?”
เพียงแค่ผมก้าวออกมาก้าวเดียว เจ้าโลธ์ก็เล่นทักผมซะจนคนทั้งห้องหันมาทางเดียวกันจนผมเริ่มเหงื่อตก
ความซวยถามหาแล้วไง
“พระเจ้าได้ส่งท่านนักบุญมาหาเราแล้ว!”
“โอ้ สวรรค์ประทานพระผู้ช่วยมาให้ท่านชาร์ลแล้ว!”
ไหงพวกลื้อเปลี่ยนคำกันง่ายจังฟะ เมื่อกี้ยังเชียร์เจ้าชาร์ลกันอยู่ปาวๆ เลยไม่ใช่เหรอไง แล้วไหงมาลากผมเข้าไปเกี่ยวด้วยละเว้ย
“ออโรร่ามาช่วยผมงั้นเหรอ แต่ แต่….”
ชาร์ลที่เริ่มสะอื้นบวกกับเจ้าพวกขุนนางที่ส่งเสียงเชียร์ออกมาจนผมทำอะไรไม่ถูก แต่ทุกอย่างก็ถูกขัดโดยท่านรีเชอลีเยอร์
“ไม่ต้องห่วงพระองค์ วันนี้พระองค์เพิ่งเข้าร่วมพิธีมา อาจเหนื่อยไปจนสภาพยังมิพร้อมทำให้เดินหมากพลาด”
“งะ…งั้นเหรอท่านดยุค”
เยี่ยม! ทำดีมากท่านรีเชอลีเยอร์ หลังท่านปลอบเด็กคนนี้เสร็จก็ช่วยปิดเกมบ้าๆ นี่ไปเลยนะ ไม่งั้นรถที่ผมขับได้ทะลวงทางโค้งแน่
“ถูกต้อง ที่เหลือปล่อยให้ท่านนักบุญเป็นคนนำชัยชนะมาให้แก่พวกเราดีกว่า”
ท่านก็ด้วยเหรอ! อ้ากกก ท่านรีเชอลีเยอร์ คนทรยศ ไหงดันไปเห็นดีเห็นงามกับพวกสติเพี้ยนพวกนั้นได้เล่า ท่านต้องเป็นคนปรกติที่มองความจริงออกสิ ไม่ใช่ไปตามน้ำกับพวกบ้านั่น
“อือ”
ชาร์ลเหมือนจะยอมรับเหตุผลแบบส่งๆ นั่นได้ทำให้เขายอมลุกออกมาจากโต๊ะ ผิดกับผมที่ตอนนี้หน้าซีดเป็นไข่ต้ม
“ท่านนักบุญๆ!”
เจ้าพวกขุนนางเล่นร้องเฮปลุกใจกันไม่พอ มันเล่นจับผมยกขึ้นราวกับนักร้องในเวทีแล้ววางลงบนเก้าอี้แบบไม่ถามสุขภาพกันสักคำ
จะเอาไรไปสู้ฟะ เล่นก็ไม่เคยเล่น หมากก็ไม่เหลืออะไรให้เล่น ต่อให้เป็นมหาเซียนที่ไหนมันก็ชนะไม่ได้หรอกเว้ย
“ไม่นึกเลยว่าจะได้เล่นกับอัล”
ไม่นึกบ้าไม่นึกบออะไร แกเองไม่ใช่เหรอที่เสนอความคิดบ้า ๆ จนทำให้ผมต้องมานั่งตรงจุดฟนี้อะ!
ซวย ซวยแล้วไง จะลุกตอนนี้ก็ยากแล้ว ขืนลุกไปได้โดนเจ้าเด็กกวนประสาทนี่ทำอะไรแผลง ๆ อีกแน่นอน แถมเจ้าพวกขุนนางมันเล่นล้อมวงซะขนาดนี้จะออกก็คงยาก เพราะถ้าเดินออกไปพวกนี้มันได้เอาไปลืออะไรแปลกๆ แน่
“ฉันเล่นไม่ค่อยเป็นหรอกนะคะ ขอความกรุณาด้วย”
ผมพูดออกไปเป็นมรรยาทแต่น้ำเสียงที่เปล่งออกไปแทบจะสื่อได้ชัดเจนเลยว่า “อย่ารังแกตูเลย ตูยอม” แต่โคตรน่าเศร้าที่เสียงของผมมันส่งไปไม่ถึงใครสักคน
“เสียงมั่นใจแบบนี้ เห็นทีผมคงต้องเอาจริงแล้วสินะ อัล”
“จัดการมันเลยท่านนักบุญ กินเรียบมันในตาเดียวเลยครับ!”
นี่มันหมากรุกนะเว้ย ไม่ใช่เกมการ์ดที่จะเทิร์นเดียวจบได้อะ
โอ้ยยยยอแล้วนี่มันเล่นไงเนี่ย ลองเดินไปมั่วๆ ก่อนละกัน ไหนๆ มันก็เหลือแต่เบี้ย คงไม่ต่างจากหมากรุกสากลเท่าไหร่หรอกมั้ง
ตึง
งานงอกละ มือสั่นจนวางเลยไปช่องนึง
….
เงียบเป็นเป่าสาก มันก็แน่อยู่แล้วนี่หว่าเล่นเปิดเกมมาก็เดินผิดเลยแบบนี้ ไม่ว่าใครก็คงอึ้งอะว่าผมเล่นไม่เป็นแน่ๆ ฮือออ อายจังเลย
“นี่มัน….บ้าน่า”
ห๊ะ เกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ ถึงมีคนทำเสียงตกใจเหมือนพวกหน้าม้าในนิยายกำลังภายจีน
“หึ นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าอัลจะรู้กฎที่ยากขนาดนี้ได้”
เดี๋ยวๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้น กฎอะไร นี่มันมีการเดินพิเศษอะไรอย่างงั้นเหรอ ไอ้ที่ผมเดินพลาดนี่มันถูกแล้วใช่ไหม หรือยังไง ใครก็ได้บอกผมที ผมงงไปหมดแล้ว
“การเดินแห่งความกล้า แค่เดินตาแรกอัลก็เอาผมทึ่งแล้วนะ”
“นี่มันยังไงกันแน่ การเดินแห่งความกล้าคืออะไร”
พวกอัศวินหรือขุนนางบางคนหันหน้าถามกันไปมาซึ่งหลายๆ คนต่างก็ส่ายหน้าแบบไม่รู้ความ ผิดกับเจ้าเด็กจากจักรวรรดิ์ที่ทำหน้าชื่นชมผมแล้วตบมือไปมา
“ลองเปิดไปกฎของหมากนักบุญหน้าที่สองร้อยดูแล้วพวกคุณก็จะรู้ครับ”
ระหว่างที่ผมกำลังนั่งงงเป็นไก่ตาแตก จู่ๆ ก็มีขุนนางคนหนึ่งเดินไปหยิบหนังสือปกสีขาวหนาออกมาจากชั้นตามคำพูดของโลธ์ เขาเปิดมันออกพร้อมกับอ่านเนื้อหาข้างในราวกับบทสวด
“กองทัพของเหล่าผู้ศรัทธาในพระเจ้ากำลังตกอยู่กลางวงล้อมใต้ปีกของมังกรดำ บัดนั้นมีทหารหนุ่มผู้กล้าหาญได้ยืนหยัดพุ่งตัวออกนำทัพด้วยความมุ่งมั่นจนพระเจ้าได้ประทานพลังแห่งนักบุญให้แก่เขา…..จากปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นทำให้เกิดกฎพิเศษขึ้นมา หากฝ่ายศัตรูเป็นจักรวรรดิ์แล้วฝั่งเราเป็นราสเวนน่า หากหมากของเราเหลือน้อยกว่าและส่วนมากเป็นเบี้ย หากนำเบี้ยตัวหนึ่งเดินไปได้ถึงกลางสนามจะเปลี่ยนร่างเป็นหมากนักบุญได้….สุดยอด ท่านนักบุญรู้จักกฎที่ยากเช่นนี้ด้วย”
“เฮ ท่านนักบุญ จัดการเจ้าเด็กนั่นเลย”
“สมแล้วที่ท่านเป็นนักบุญที่มีปัญญาแห่งพระเจ้า เฮ”
กฎแบบนี้ก็มีด้วยเหรอ นี่ใครเป็นคนเอาไอ้กฎนี้เข้ามาใส่ฟะ นี่มันโคตรจะไม่มีสมดุลย์ในเกมหมากรุกสุดเลยไม่ใช่เหรอไง แถมหมากเปลี่ยนร่างได้ตั้งแต่กลางสนามเนี่ยนะ ต้องดมกาวไปตอนตั้ง กฎขนาดไหนถึงคิดออกมาได้ ไม่สิ ถึงขั้นเอาตำนานมาตั้งเป็นกฎคงไม่ใช่ดมกาวไปคิดไปแล้ว นี่มันต้องตั้งห้องประชุมกันอยู่ในโรงงานสารระเหยแน่ๆ
“สุดยอดจริงๆ อัล ผมล่ะนับถือเธอเลย”
ไอ้ที่มันสุดยอดน่ะมันแกไม่ใช่เหรอ ถามจริงเถอะไอ้พวกที่มาส่งเสียงเชียร์ปาวๆ เหมือนเด็กในร้านเกมน่ะ ไม่คิดจะสงสัยเจ้าบ้านี่หน่อยเหรอไงว่ามันเป็นเด็กห้าขวบแท้ๆ แต่ดันมารู้กฎที่พวกนายไม่รู้ได้ แบบนี้มันผิดปรกติชัดๆ
“อัจฉริยะสมเป็นท่านนักบุญที่เขาร่ำลือจริง ๆ”
จู่ๆ ท่านพ่อของเจ้าโลธ์ก็ดันพูดพร้อมพยักหน้ารับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างง่ายดายโดยไม่สงสัยแม้แต่นิดเดียวถึงความสามารถการเล่นหมากรุกของเด็กห้าขวบที่ชักจะเกินเลยคนปรกติไปหลายขั้น
“ลูกท่านเองก็เก่งนะท่านดยุค รู้กฎเช่นนี้ตั้งแต่วัยเพียงหกปี นับเป็นอัจฉริยะโดยแท้”
อย่าเอาคำว่าอัจฉริยะมาเป็นข้ออ้างให้ยอมรับได้ง่าย ๆ สิพวก! ท่านรีเชอลีเยอร์ นี่ท่านไม่รู้สึกแปลกเลยหรือไง หรือแค่บอกว่าเป็นอัจฉริยะมันก็พอที่จะยอมรับได้แล้ว? ง่ายเกินไปไหม
“ถ้าอัลเริ่มมาจัดไม่ยั้งแบบนี้ ผมก็คงต้องเอาจริงล่ะนะ”
สีหน้าของโลธ์จริงจังขึ้นมา ผิดกับผมที่อ้าปากค้าง งงเป็นไก่ตาแตก ได้แต่มองเจ้าหมากเบี้ยสีขาวที่ตอนนี้ถูกเปลี่ยนเป็นหมากนักบุญแบบไม่ค่อยเข้าใจ
เมื่อตาของผมจบไปแบบงงๆ โลธ์ก็จัดการเดินหมากของเขาต่อโดยเหมือนเขาจะพยายามรุกเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่วนผมก็ได้แต่มองเจ้าหมากนักบุญที่ได้ถูกเปลี่ยนเข้ามาใหม่แบบไม่อยากจับเพราะมันเป็นตัวที่ผมไม่รู้วิธีการใช้งาน เลยไปเล่นเบี้ยที่ไม่น่ามีปัญหา….
“สุดยอดอัล การเรียงหมากแบบนี้มัน….นึกไม่ถึงว่าเธอจะทำให้เกิดปาฎิหาริย์อีกครั้งเลยนะ กรรมการลองเปิดหน้าที่สามร้อยห้าสิบสองดูสิครับ”
……อะไรหรอก……เหรอ!!!
“โอ้นี่มัน…..จากตำนานของท่านนักบุญคนที่สิบสอง ตอนที่เหล่าทหารกล้าตกอยู่กลางวงล้อมปีศาจ ท่านได้ชูดาบขึ้นก่อนที่พลังของท่านจะถูกแบ่งไปให้กับเหล่าทหารผู้กล้าที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดจนพลังของพวกเขาได้เพิ่มพูนมากขึ้นจนราวกับพวกเขากลายเป็นนักบุญเอง….นี่มัน!”
“กระบวนท่าดาราแห่งปาฏิหาริย์!”
ช่วยอย่าบรรยายราวกับผมปล่อยท่าไม้ตายจะได้ไหม แล้วถามทีเถอะ มันมีด้วยเหรอไอ้การเปลี่ยนเบี้ยทั้งสนามกลายเป็นนักบุญโดยแค่เรียงตำแหน่งถูกต้องน่ะ! ฟังดูง่ายแบบนี้ทำไมไม่มีคนรู้จักฟะ
“ช่างใช้ยากจริง ๆ การเดินหมากแบบนี้ จำเป็นต้องให้ฝ่ายเราอยู่ในสถานะจนตรอกโดยอีกฝ่ายเหลือหมากขั้นสูงจนเกือบครบ นี่ถ้าไม่ใช่ปาฎิหาริย์คงเป็นไปไม่ได้ ไม่สิ ตรงหน้าของพวกเราคือนักบุญแห่งปาฏิหาริย์นี่นา ย่อมเป็นไปได้อยู่แล้ว!”
ช่วยอย่ายอมรับอะไรง่าย ๆ จะได้ไหม! ถามจริงเถอะ ไม่มีใครสงสัยหรือคิดทักท้วงไอ้กฎประหลาดๆ พวกนี้เลยหรือยังไง ดูไง ๆ มันก็ไม่สมดุลย์แบบสุดๆ เลยไม่ใช่เหรอ แล้วนี่อะไร ทำไมท่านขุนนางถึงผันตัวเองกลายเป็นผู้บรรยายไปแล้วล่ะ แล้วไหนจะยังพากย์ได้เวอร์ราวกับแข่งชิงแชมป์อีก นี่มันการเล่นหมากรุกของเด็กหกขวบเองนะพี่ ขนาดแข่งกระชับมิตรมันยังไม่เครียดขนาดนี้เลย ช่วยทำให้มันผ่อนคลายสมกับที่เด็กห้าขวบเล่นจะได้ไหม!
“ท่านนักบุญช่างสุดยอดจริง ๆ ไม่รู้เลยว่าจะมีแผนการเดินอะไรซ่อนอยู่อีก”
วางถุงกาวในมือท่านลงก่อน ท่านดยุค! ท่านไม่สังเกตเลยหรือว่าไอ้ตาเดินประหลาดที่ผมปล่อยมาทั้งหมดน่ะ คนชงมันลูกชายท่านนะ ไม่คิดสงสัยหน่อยเลยเหรอว่าไอ้บ้านั่นมันรู้กฎหนาเป็นตั้งได้ไงน่ะ!
ตาเดินสุดประหลาดนับไม่ถ้วนก็เกิดขึ้นวนไปวนมาโดยมีผมที่เดินไปแบบมั่ว ๆ แล้วก็โดนชงให้หมากอัพเกรดหรือกินได้โดยเจ้าโลธ์เป็นคนประกาศ
“นี่มันสุดยอดมากเลยอัลการเดินแห่งชะตากรรม เสียสละหมากนักบุญหนึ่งเพื่อกำจัดหมากผมไปสอง สุดยอดจริงๆ”
“โอ้ ตำนานแห่งท่านนักบุญคนที่สิบ ท่านได้บุกฝ่าเข้าไปในแดนปีศาจกวาดแม่ทัพของจอมมารไปสองนายแต่ก็แลกด้วยชีวิตท่านนี่นา”
“อ๊ะ นั่นก็ตำนานของท่านนักบุญคนที่ยี่สิบ นั่นก็ตำนานของท่านนักบุญคนที่สามสิบโดยท่านได้…”
อ้ากกก ตำนาน ตำนานมันเยอะไปหมดแล้ว ไม่ทราบว่าผีบ้าที่ไหนมันเอาตำนานทั้งหมดทั้งมวลมายัดไว้ในเกมหมากรุกฟะ นี่มันทำสมดุลย์เกมเสียไปหมดแล้วนะ ไหนยังเจ้าหมากผู้กล้าที่จู่ ๆ ก็ระเบิดพลังเก็บหมากไม่ก็สังเวยหมากฝั่งตัวเองอีก นี่มั่นใจนะว่าที่ผมเล่นอยู่น่ะหมากรุกไม่ใช่เทรดดิ้งการ์ด
“แผนการของอัลนี่ผมเริ่มตามไม่ทันขึ้นทุกทีแหะ ท่าทางอัลคงจะเป็นคนแรกที่ชนะผมได้ อัจฉริยะสมคำร่ำลือจริงๆ”
แล้วไหนยังเจ้าโลธ์นั่น มันจะมาชมผมทำพระแสงง้าวอะไร ก็ทุกตาเดินนั่นมันเป็นคนชงเองหมดเลยนี่หว่า นี่อย่าบอกนะว่ามันคิดว่าผมเดินหมากเก่งเท่ามันจนคิดว่าที่ผมเดินไปทั้งหมดนั่นคือผมเดินไปเพราะรู้กฎน่ะ ประเมินตูสูงเกินไปแล้วเว้ย!!!
“ทั้งสองคนสุดยอดไปเลยนะ…”
เสียงของชาร์ลเริ่มหม่นหมองไปทุกที ราวกับจะร้องไห้ได้ทุกเวลา ผมก็เข้าใจอยู่หรอกเพราะจากมุมมองของเขาคงเห็นเด็กหกขวบสองคนเล่นกันแบบเหนือมนุษย์สุดๆ พอมามองตัวเองที่เอาหมากไปผลาญจนเกือบแพ้แบบขาดลอยแบบนี้คงเศร้าเป็นธรรมดา
แต่ชาร์ลเอ๋ยไม่ต้องเศร้าไปนะ คนที่เล่นไม่เก่งน่ะไม่ใช่แค่นายคนเดียว ผมก็เหมือนกัน แค่ตอนนี้มันดูอลังการงานสร้างก็เพราะมีผีบ้าตัวหนึ่งกำลังเล่นกับตัวเองนั่นล่ะ
“โหยท่านนักบุญ หมากนักบุญเยอะขนาดนี้บุกไปเลยท่าน”
“ไม่สิขอรับ ข้าว่าวิ่งอ้อมไปบุกตีแบบนี้น่าจะดีกว่านะ”
เฮ้ยๆ อย่าเขย่าเก้าอี้ นี่พวกนายเป็นเด็กน้อยเกาะเก้าอี้แถวร้านเกมเรอะ ถึงมานั่งขย่มเก้าอี้แล้วชี้นิ้วสั่งแบบนี้ ใจร่มๆ เด้
และแล้วการเล่นหมากอันแสนบ้าบอก็ดำเนินต่อไปโดยผมรู้สึกเหมือนกับตัวเองเป็นแค่คนจับหมากเดินเล่นๆ แล้วนั่งดูคนบ้าบางคนนั่งเล่นกับตัวเอง พร้อมกันก็มีเสียงกองเชียร์ราวกับหลุดมาจากสนามฟุตบอลตะโกนกันไปมาไม่เกรงใจหัวของดยุคทั้งสองที่ทำหน้าเครียดพูดวิเคราะห์รูปเกมกันไปมาอย่างจริงจัง…..
ใครก็ได้ เอาตูออกไปจากที่นี่ทีเถอะ!!!
———————————————-