ซวยแล้ว! ผมดันโดนเตะมาเกิดใหม่เป็นนักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์ – บทที่ 38 ออโรร่าน้อยกับการเดินหมากสุดโหด

ซวยแล้ว! ผมดันโดนเตะมาเกิดใหม่เป็นนักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์

หมากรุกมหาสงคราม หนึ่งในเกมยอดนิยมของทวีปนี้ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากสองมหาอำนาจที่ไม่รู้ไปทำกันอีท่าไหนถึงได้สร้างเกมหมากรุกขึ้นมาตอนงานเฉลิมฉลองความสัมพันธ์เมื่อหลายร้อยปีก่อน

ซึ่งรูปแบบของเกมก็ทำออกมาคล้ายกับเกมหมากรุกทั่วไป แต่เนื่องจากเป็นการอ้างอิงจากสิ่งที่เกิดขึ้นจากมหาสงครามเมื่อหลายศตวรรษก่อนทำให้ชื่อกับความสามารถของหมากบางตัวออกจะแตกต่างจากโลกของผมไป…..สุดๆ

“ท่านนักบุญ หมากจอมเวทของเจ้าเด็กจักรวรรดิมันพุ่งมาแล้ว ข้าว่าท่านใช้หมากอัศวินศักดิ์สิทธิ์ไปดักทางมันดีกว่านะครับ”

“จะบ้าเหรอ ตอนนี้ท่านนักบุญมีหมากนักบุญตั้งครึ่งโหล ใช้ให้เป็นประโยชน์หน่อยซิ เจ้าพวกนี้เป็นนักบุญได้อีกแค่ไม่กี่ตาเองนะ”

เสียงตะโกนของเหล่าขุนนางเด็กน้อยร้านเกมดังข้ามหัวผมไปมาจนผมสงสัยว่าพวกมันอินกับเกมจนลืมไปแล้วหรือเปล่าว่าคนที่มันพูดด้วยเนี่ยเป็นนักบุญนะไม่ใช่เด็กน้อยหัวเกรียนร้านเกมที่ไหน ช่วยเคารพกันบ้างสิ!

แล้วก็อีกเรื่อง ไอ้หมากนักบุญที่เล่นกลายร่างมาจากเบี้ยกว่าครึ่งโหลเนี่ย มันมีเทิร์นจำกัดด้วยเหรอ นี่มันชักจะเป็นเทรดดิ้งการ์ดมากกว่าเกมหมากรุกแล้วนะ

“สุดยอดมากเลยครับท่านนักบุญ นี่พวกข้าราวกับได้เห็นตำนานของเหล่านักบุญและนักรบอัศวินศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายออกมาเดินต่อหน้าพวกข้าจริง ๆ นึกไม่ถึงว่าท่านนักบุญจะทราบตำนานของพวกท่านมากมายขนาดนี้ แม้แต่ข้าที่ศึกษาการเล่นและตำนานมาหลายปียังมิอาจทราบได้ถึงขั้นนี้เลย”

เหล่าขุนนางเฒ่าหลายต่อหลายคนต่างพูดออกมาอย่างซาบซึ้งพร้อมน้ำตาไหลพรากๆ ให้กับความรอบรู้ในตำนานของสงคราม และนั่นก็คืออีกเรื่องหนึ่งที่ผมโคตรจะแปลกใจ เพราะไอ้ความสามารถทั้งหลายของหมากทุกตัวมันเล่นเทียบมาจากตำนานกันหมด ซึ่งบางอันก็ดีอยู่หรอก เพราะบางเหตุผลยังพอยอมรับได้ แต่บางอันนี่มันเกินไปหน่อยไหม? นี่คนคิดต้องนั่งสูดสาระเหยเบอร์ไหนระหว่างนั่งตั้งกฎเหรอ ถึงคิดอะไรบ้า ๆ แบบนี้ออกมาได้

ยกตัวอย่างนะ ไอ้หมากอัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่ตอนแรกมันก็เดินเหมือนม้าอยู่หรอก แต่ไหงพอไปยืนอยู่ข้างไอ้หมากนักเวทแล้วมันถึงได้เดินอืดลง ซึ่งข้ออ้างก็เล่นเอาตำนานมาเทียบว่าพวกนักเวทชอบขัดขาไม่ให้อัศวินทำงานได้ดี หรืออย่างไปอยู่ข้างหมากเบี้ยสองตัวดันมีช่องเดินเพิ่มได้เพราะมีเสียงเชียร์จากลูกน้อง….แบบนี้ก็ได้เหรอ

แล้วที่หนักสุดคือเจ้าหมากนักบุญ ก็ว่าอยู่ทำไมหนังสือกฎเกี่ยวกับตัวหมากนี่มันถึงได้หนาเป็นพระคัมภีร์ ที่แท้ก็เพราะพี่แกเล่นเอาตำนานนักบุญทุกคนที่ลงสนามรบมาใส่ยัดในหมากหมดเลย นี่มันหมากสารพัดประโยชน์ชัด ๆ !

แบบนี้ขอแค่เอ็งรู้กฎเยอะ ๆ จะให้นักบุญมันกระโดดข้ามไปปาดคอราชาอีกฝั่งก็ยังได้เลยนี่หว่า

“นักบุญของอัลรู้สึกน่ากลัวขึ้นทุกที แบบนี้เห็นทีผู้กล้าของผมคงต้องออกโรงซะแล้วล่ะ”

โลธ์ซึ่งตั้งแต่เริ่มเกมเล่นหมากรุกกับตัวเองพูดขึ้นมาพลางหยิบหมากผู้กล้าสีแดงของเขาขึ้น ทำเอาผมรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันทีที่เห็นมัน

ไอ้นี่ก็ด้วย ไอ้หมากผู้กล้านี่ บอกเลยว่าเสียสมดุลย์ไม่แพ้หมากนักบุญ ไม่ว่าจะเป็นสังเวยลูกน้องแล้วเดินกระโดดไปมา สังเวยเบี้ยแล้วฆ่าศัตรูได้สองช่อง….ว่าแต่ทำไมมันมีแต่สังเวยลูกน้องแล้วเพิ่มพลังฟะ นี่แกเป็นหมากผู้กล้านะเว้ย ไม่ใช่หมากจอมมาร ช่วยทำอะไรอย่างการบุกเดี่ยวโชว์หล่อให้สมเป็นผู้หน่อยจะได้ไหม!

“จากตำนานผู้กล้าคนที่ห้าสิบแห่งจักรวรรดิ ท่านได้บอกให้เหล่าลูกน้องคนสนิทของท่านให้สละชีวิตเพื่อแปรเปลี่ยนเป็นพลังแล้วส่งพลังพวกนั้นไปสู่ดาบของท่านผู้กล้าจนสามารถปราบลูกสมุนของจอมมารได้นับไม่ถ้วน เช่นนั้นการสละเบี้ยสองและทำลายศัตรูข้างหน้าสามช่องก็เหมือนกับการกระทำครั้งนั้น”

มันดมไปหนักขนาดไหนกันน่ะถึงได้บทสรุปออกมาแบบนี้! แล้วไอ้ท่านผู้กล้าครับ ท่านต้องเป็นคนวิ่งบุกฝ่ากองทัพจอมมารอย่างกล้าหาญไม่ใช่เหรอ นี่อะไร บอกให้ลูกน้องระเบิดตัวแตกตายแล้วเอาพลังชีวิตเขามายัดเข้าดาบเรอะ นี่ผู้กล้าแบบไหนกันถึงโหดได้ขนาดนี้

ไม่ไหว หมากรุกนี่มันศูนย์รวมความดำมืดของทวีปนี้ชัดๆ ความผิดเพี้ยนและบิดเบี้ยวทางความคิดทั้งหมดมันถูกยัดใส่ในนี้หมดแล้ว…ใครก็ได้ ใครก็ได้ ใครก็ได้ช่วยเอาผมออกไปจากเกมนี้ที ขอร้องล่ะ!

“งั้นตาฉันเดินนะคะ”

ถึงพูดแบบนั้นก็เถอะ เอาจริงๆ ผมแทบยังจะงง ๆ กับการเดินของหมากทุกตัวอยู่เลย โดยเฉพาะตอนนี้ที่ในมือของผมเต็มไปด้วยหมากที่รวมความบ้าทั้งหมดเอาไว้ในหมากชนิดเดียว

เอาตามตรงนะ คือผมควรเดินอย่างไรดี เดินมั่วๆ ไปเลยดีไหม เดี๋ยวเจ้าบ้านี่มันก็คงชงหากฎบ้าบออะไรให้ผมมาได้แน่ๆ โอ้ย อยากจะบ้า นี่เจอเด็กขี้มโนเรื่องมั่วซั่วไม่พอ ยังต้องมาเจอเด็กบ้าที่คิดไปว่าคู่ต่อสู้ตัวเองเก่งอีก นี่เด็กโลกนี้ต้องโตมาในสังคมแบบไหนถึงมีความคิดผิดเพี้ยนได้ขนาดนี้กัน!

“เอ่อ อัล นี่เป็นการเล่นกันเล่น ๆ นะ ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้”

สงสัยผมจะนั่งหน้าเครียดบ่นกับตัวเองในใจนานไปหน่อย ทำให้โลธ์ทักผมขึ้นมา ซึ่งก็ถูกของมันที่ผมจริงจัง แต่ที่จริงจังนั้นผมไม่ได้จริงจังกับไอ้เกมบ้านี่ แต่เป็นความคิดที่บิดเบี้ยวของนายต่างหากเล่า อีกอย่างคนที่จริงจังกับเกมน่ะไม่ใช่ผมหรอก

“หึย นี่กล้าเอาผู้กล้าของพวกมันมาทะลวงถึงกลางวงล้อมของนักบุญ นับเป็นการเหยียดหยามพวกเราจริง ๆ”

“ใช่แล้วท่านเคาท์ มันเดินหน้าผู้กล้ามันมาแบบนี้มันต้องการที่จะบอกว่าผู้กล้าคนเดียวก็สู้กับนักบุญผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหมดของพวกเราในสนามได้สบาย ๆ อวดดีมาก!”

พวกจริงจังเกมเมอร์น่ะ มันพวกบ้านี่ต่างหาก! ได้ข่าวคนที่พวกนายมานั่งบ่น ๆ ถึงอยู่เนี่ย เขาเป็นลูกของขุนนางชั้นสูงของจักรวรรดินะเฮ้ย แถมพ่อเขาที่เดินทางมาเจริญสัมพันธไมตรีก็ยืนหัวโด่อยู่ข้างหลัง พูดอะไรเกรงใจนักการฑูตของเราบ้างเซ่ ไอ้พวกเด็กร้านเกมหัวเกรียนนั่งเกาะขอบเก้าอี้เอ้ย!

“นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าลูกของข้าจะกล้าหาญถึงเพียงนี้ ไม่สิ ลูกข้าอาจจะอ่านเกมออกก็ได้ว่านักบุญจำแลงของทางท่านออโรร่านั้นกำลังจะหมดอำนาจลง ลูกข้าช่างฉลาดนัก”

แล้วท่านจะไปชมมันสุมไฟเพิ่มทำเพื่อ! ไอ้พวกทหารที่หัวร้อนพุ่งเป็นไฟอยู่ตอนนี้ได้ยินแบบนี้แล้วคงพุ่งเข้าไปใหญ่แล้วมั้ง!

“เอาเลยอัล ผู้กล้าของผมพร้อมรับมืออัลแล้ว!”

เจ้าเด็กนี่พูดราวกับว่าตัวเองเป็นแม่ทัพที่อยู่แนวหน้าของสนามรบเองซะจนผมอยากเอามือกุมขมับ นี่สมองบินไปไกลตั้งแต่เด็กเลยเหรอเนี่ย น่าเศร้าจริงๆ นะเจ้าเด็กจูนิเบียว แต่ก็นะ คงเป็นปัญหาของพวกเด็กฉลาดที่ผมคงไม่เข้าใจ แต่ที่มันน่าเศร้ายิ่งกว่าคือพ่อเจ้านี่ดันชงสนับสนุนความบ้านี่ซะงั้น ไปหมดแล้วอนาคตของชาติ

“เฮ้อ รู้สึกเหนื่อยใจจริงๆ ค่ะ”

ในเมื่อคิดมากไปก็รู้สึกเครียดเปล่าๆ ดังนั้นแค่เดินมั่วๆ ไปจนจบก็คงพอแล้ว ในเมื่อเกมมันจะเละเทะได้ขนาดนี้

ให้ตายสิ ขอสาบานเลย ไม่ว่าใครจะชวนอะไรยังไง ผมก็จะไม่กลับมาเล่นเจ้าหมากรุกเมากาวนี่อีกเป็นครั้งที่สองแน่

ว่าแล้วผมก็เดินหมากนักบุญตัวหนึ่งไปข้างหน้าแบบไม่คิดอะไรมากเพราะเดี๋ยวมันก็คงมีอีเว้นอะไรออกจากปากของเจ้าหมอนี่เอง

ตึง!

เสียงมือกระแทกโต๊ะเรียกเอาสติของผมให้หันไปมองโลธ์ที่กำลังกระแทกมือของเขาข้างๆ ของกระดาน ดวงตาของเขากวาดมองหมากทั่วสนามไปมาพร้อมใบหน้าที่คล้ายกับสับสน

หือ มันเกิดอะไรขึ้นกันล่ะนั่น ทำไมสีหน้าของหมอนั่นมันถึงได้จริงจังราวกับโดนหวยกินแบบนั้น

“บ้าน่านี่มัน…. ปาฏิหาริย์แห่งนักบุญที่หากมีนักบุญมากกว่าหนึ่งแล้วเดินเป็นรูปค่ายกลแห่งดวงจันทร์ก็จะสามารถทำลายหมากที่อยู่ในวงล้อมทั้งหมดได้ ยิ่งกว่านั้น….ยิ่งกว่านั้น..”

เฮ้ย เดี๋ยว รู้สึกแปลกๆ คล้ายว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ว่าแต่ว่ามันมีค่ายกลดวงจันทร์ด้วยเหรอ มิทราบว่าคนสร้างกฎอ่านนิยายกำลังภายในมากไปเหรอเปล่า!

“หมากของผมกว่าครึ่งไปตกอยู่กลางวงล้อมของอัล แถมพระราชาของผมยังอยู่ต่อหน้าหมากนักบุญของอัลอีก…ไม่สิพวกมันจะสลายไปในตาถัดไปนี่นา แบบนี้ก็เปิดช่องว่างมากกว่าที่จะเป็นการรุกผมชัด ๆ แปลก…แปลกมาก อัลไม่น่าเดินไม่คิดแบบนั้น มันต้องมีอะไร ต้องมีอะไรสักอย่าง”

ขอโทษนะที่เดินไม่คิดน่ะ! แล้วก็นายเถอะ ตีค่าคู่แข่งมือใหม่อย่างผมสูงไปแล้วเว้ย ใครก็ได้ช่วยฝากคนไปซื้อแว่นให้มันสวมที เอาแบบดี ๆ ไปเลย เอาให้มันเห็นว่าข้างหน้ามันเป็นเด็กห้าขวบที่เล่นครั้งแรกไม่ใช่มือโปรหมากรุกหรือเอไอที่ไหน! เมื่อกี้เดินไปแบบไร้แผนไร้หัวคิดทั้งนั้น เพราะงั้นช่วยอย่าพูดอะไรให้ผมรู้สึกผิดกับคู่แข่งเทพ ๆ อย่างนายเถอะ ขอร้อง!

โลธ์ยังกวาดตาของเขาในสนามไม่หยุด คล้ายกับหาว่าผมซ่อนแผนอะไรไว้ในการเดินครั้งนี้หรือเปล่า ซึ่งยิ่งมองก็ทำเอาผมอยากกุมขมับแล้วเอาน้ำเย็นประคบสักสิบรอบ เพราะทุกอย่างที่ผมทำ มันไม่มีอะไรในกอไผ่ทั้งสิ้น เห็นแบบนี้แล้วก็ได้แต่สงสารเจ้าคู่แข่งสุดเก่งที่ดันคิดมากเกินความเป็นจริง

“หมากตรงนั้น! หมากอัศวินที่ยืนนิ่งตรงนั้นมาตั้งแต่เริ่มเกม….ทำไมอัลถึงไม่เดินมัน? ต้องมีอะไรซ่อนอยู่แน่ ๆ”

เอ่อ ตูแค่ใช้ไม่เป็น

“แล้วเจ้านักเวทที่ยืนอยู่สุดสนามนั่นมันมีจุดมุ่งหมายอะไรกัน”

ไอ้นั่นชาร์ลมันเดินค้างเอาไว้ ส่วนของผมน่ะเหรอ ได้หมากนักบุญมาเกือบโหลก็แทบไม่จับหมากอื่นแล้ว

“ไหนจะยังเบี้ยตัวเดียวที่ยังไม่กลายเป็นหมากนักบุญ ทำไมกัน….”

ก็ตัวนั้นนายไม่ได้บอกให้เปลี่ยนก็เลยไม่ได้เปลี่ยนอ่ะ

“แล้วเจ้าหมากตัวนั้นด้วย ไหนจะยังตำแหน่งคิงนั่นอีก นี่อัลวางแผนอะไรไว้อยู่กันแน่”

เอ่อ ใจร่มๆ ก่อนนะพวก ลดระดับกาวลงแล้วมองความเป็นจริงบ้างนะว่าผมน่ะไม่มีแผนอะไรซ่อนอยู่เลย ทั้งหมดทั้งมวลที่นายกำลังนั่งคร่ำเคร่งคิดหาทางแก้น่ะ มันมาจากมโนของนายล้วน ๆ เพราะงั้นค่อย ๆ หายใจเข้าออก ทำใจให้สบาย แล้วก็รีบ ๆ บุกมาให้เกมบ้า ๆ นี่มันจบสักที!!! เล่นนานแล้วตูปวดหัวเว้ย!!!

“หึ เข้าใจแล้ว”

โลธ์คลี่ยิ้มออกมาก่อนเงยหน้ามองมาที่ผมด้วยสายตาที่มีท่าทีอ่อนลง จากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกอย่างช้า ๆ ราวกับคนแก่

“คำนวณไว้หมดแล้วสินะอัล…เฮ้ออ ผมนี่ยังอ่อนประสบการณ์อยู่จริงๆ ด้วย”

เดี๋ยวๆ ถ้าอย่างนายเรียกอ่อนประสบการณ์ ไอ้ตัวผมที่เล่นไม่เป็นนี่ยิ่งกว่ามดปลวกอีกนะ ว่าแต่สรุปแล้วผลมันเป็นยังไงกันแน่เนี่ย ไอ้การเดินมั่ว ๆ เมื่อกี้ของผมเล่นทำเอาหมดอาลัยตายอยากขนาดนั้นเลยเหรอ นี่นายมโนไกลไปถึงขั้นไหนแล้วเนี่ย

“ผมพลาดแล้ว พลาดไปตั้งแต่อัลได้กองทัพนักบุญมา ผมดันคิดไปเองว่าอัลจะใช้พวกนั้นแต่ไม่ใช่ ทั้งหมดคือกับดักที่หลอกล่อให้ผู้กล้าของผมเข้ามากลางวงล้อม จากนั้นอัลก็จะใช้อัศวินจัดการก่อนจะเริ่มกระบวนทัพผสานกันระหว่างจอมเวทกับอัศวิน ตามกฎหน้าที่สองร้อยและเข้ามาจัดการราชาของผม…. เพราะงั้นถึงจะแก้อะไรไปตอนนี้ก็คงไม่ทันการ แพ้แล้วครับ”

…..

คือผมควรจะตอบสนองยังไงดี ควรแสยะยิ้มแล้วบอกไปว่า “คุณยังอ่อนหัดอยู่นะคะ” หรือว่าจะน้ำตาคลอเบ้าแล้วบอกว่า “ฮืออ ขอโทษจริง ๆ ค่ะ คือที่คุณพูดมาทั้งหมดฉันตามไม่ทันเลยค่ะ” ดีล่ะ

ผมที่เริ่มสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้นก็ได้แต่กุมขมับอย่างปวดหัวกับความบ้าของคู่แข่งตัวเองที่มันเล่นมโนเองตั้งแต่ต้นเกมยันท้ายเกม หนักสุดคือมันดันมโนจินตนาการว่าผมเก่งไปซะยอมแพ้แบบไร้สาเหตุ

ไม่มีใครจะค้านหน่อยเหรอ! ไม่ค้านแม้แต่นิดเดียวเลยเหรอไง!! ไม่เห็นหรือไงว่าความคิดของเจ้าหมอนี่มันหลุดโลกไปแล้ว!!

“สมกับเป็นท่านนักบุญ มองเกมได้ขาดถึงขนาดนั้น สมแล้วที่มีปัญญาของพระเจ้า”

“ข้าเห็นแล้ว ข้าเห็นภาพของท่านนักบุญที่นำทัพศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราแผ่ขยายไปทั่วทวีปแล้ว”

เฮ้ยยย วางกาวลงก่อนนะพวก นี่แค่เด็กเล่นหมากรุก พวกนายคิดไปไกลเกินไปไหม แค่เด็กชนะหมากรุกกันดันบ้าจี้คิดไปถึงขั้นผมกลายเป็นแม่ทัพโหดนำทัพเลยเหรอ!

แล้วก็อีกอย่างนะ ช่วยหยิบถุงสติขึ้นมาดมแล้วหันไปข้าง ๆ ของพวกนายหน่อยว่ามีท่านดยุคของจักรวรรดิยืนหัวโด่อยู่ตรงนั้นน่ะ เพราะงั้นพูดอะไรช่วยเกรงใจแกหน่อยจะได้ไหม! ถ้าเกิดสงครามมาเพราะปากของพวกนายใครจะรับผิดชอบ!

“อาณาจักรราสเวนน่าของพวกเราจะเกรียงไกร!”

ยัง! ยังไม่หยุดอีก!!!

ใครก็ได้ ใครก็ได้ช่วยแหกตาของตัวเองขึ้นมาแล้วช่วยมองไปที่ท่านดยุคที ไม่เห็นแล้วหรือไงว่าคิ้วแกขมวดจนจะเป็นปมเงื่อนตายอยู่แล้ว!!

“ดินแดนของพวกเราจะแผ่ขยายจนทำลายล้างดินแดนของพวกปีศาจ!!”

เออ! ไอ้นี่อยู่เป็น! พวกนายหัดดูแบบอย่างเอาไว้นะ พูดอะไรคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหน่อย นี่เรากำลังอยู่ในวันฉลองชัยชนะนะ!!!

“จากความสามารถของท่านที่แสดงออกมา มวลมนุษย์คาดหวังในความสามารถของท่านในบุญในอนาคตอยู่นะครับ”

ท่านดยุคผู้ยิ่งใหญ่จากจักรวรรดิได้พูดออกมาพร้อมยิ้มมาให้ผม ทำเอาผมเหงื่อตกพลั่ก ๆ

นี่ท่านก็เป็นไปกับเขาด้วยเหรอ เอาจริงดิ แค่เล่นหมากรุกนะท่าน แค่เด็กเล่นหมากรุกชนะกันจะจับผมไปสู้กับจอมมารเลยอย่างงั้นเหรอ นี่ถ้าผมไปดวลดาบชนะท่านไม่จับผมไปฆ่าเทพต่างมิติเลยหรือยังไง!!

“ชื่นชมเกินไปแล้วค่ะ”

ใช่ พวกนายทุกคนจะยกยอผมเกินไปแล้ว ยิ่งยกยอมาแบบนี้แล้วผมโคตรจะรู้สึกว่ามันต้องมีเรื่องอะไรน่ากลัวสุด ๆ เกิดขึ้นตามมาแน่ ๆ!!

“อัลอย่าถ่อมตัวเลย จัดการผมได้อยู่หมัดขนาดนี้แท้ ๆ”

ยัง ยังไม่หยุดกันใช่ไหม!

“ออโรร่ากับโลแธร์เก่งกันทั้งนั้นเลยนะ…. เก่งกันจริง ๆ”

ใจเย็นก่อนนะองค์ชาย ช่วยใจร่ม ๆ ก่อน นายไม่เห็นเหรอไงว่าผมแทบไม่ได้เดินอะไรเองเลย มีเจ้าบ้านี่มันพูดกับตัวเองอยู่คนเดียวน่ะ แล้วไอ้ที่บอกว่าผมจัดการมันได้ นั่นเป็นหมากที่นายเดินเอาไว้นะ

“แต่นึกไม่ถึงจริง ๆ ท่านนักบุญจะใช้หมากที่เดินไว้ขององค์ชายชาร์ลมาจัดการเจ้าเด็กนี่ได้อย่างงดงาม”

พวกนาย! พูดอะไรช่วยเกรงใจองค์ชายชาร์ลที่นั่งน้ำตาซึมอยู่ตรงนั้นหน่อยจะได้ไหม อย่าพูดอะไรปากเสียมากกว่านี้เลยไม่งั้นองค์ชายได้อกแตกตายแน่

“นี่ถ้าผม…นี่ถ้าผม มองเห็นแบบเดียวกับที่ออโรร่าเห็นก็ดีสิ…. ผมยังไม่เก่งพอจริง ๆ ด้วยสินะ”

โอ้ไม่ เริ่มแล้วครับ องค์ชายน้อยเริ่มร้องไห้แล้วครับ เจ้าหนูใจร่ม ๆ ก่อนนะ นี่แค่หมากรุกเองนะอย่าคิดมากเลย!! ต้องหาทางปลอบ ใช่ ผมต้องหาทางหยุดก่อนที่มันจะน้ำตาแตก!

“ก็แค่หมากรุกเองค่ะ อย่าคิดมากเลย”

ผมค่อย ๆ คลี่ยิ้มออกมาอย่างช้า ๆ พร้อมยิ้มออกไปอย่างสง่างามประดุจนางงามจักรวาลมาเองเพื่อปลอบประโลมสติอันเมากาวของทั้งห้อง

หึๆ ด้วยพลังรอยยิ้มอันแสนสดใจของออโรร่าน้อย สาระเหยทั้งหลายจนหายไป!!! สติเอ๋ยจงกลับเข้ามา!

“เพียงแค่หมากรุกก็ยังมิอาจตอบรับความสามารถของท่านนักบุญ! การรบจริงต่างหากที่เหมาะสม! สงคราม!”

“คำของท่านนักบุญคือคำแห่งพระเจ้า พระเจ้าได้อวยพรเราแล้ว!”

อ้าวเฮ้ย ไหงผลมันกลับกันละเว้ย พวกนายควรจะเจอรอยยิ้มอันสดใสของออโรร่าน้อยเรียกสติสิไม่ใช่เสียสติ! แล้วทำไมถึงได้เพี้ยนไปหนักกว่าเดิมอีกล่ะเว้ย!!

“แค่หมากรุกคงน้อยไปสำหรับออโรร่าสินะ….ทั้งที่ออโรร่าเก่งได้ขนาดนั้น แต่ผมยัง….”

กลับมาก่อน!!! สติของชาร์ลกลับมาก่อน! ที่ผมพูดไปนี่เพื่อฟื้นฟูจิตใจนายนะไม่ใช่ลากให้มันดำดิ่งลงเหว ช่วยมองรอยยิ้มอันแสนน่ารักที่มีสกิลพาซซิฟเป็นการซัพพอร์ตจิตใจผู้คนหน่อยสิ!

“เฮ้ ความรุ่งโรจน์แด่ราสเวนน่า ราสเวนน่าตลอดกาลลลลลลลล”

ไม่ได้จะซัพพอร์ตจิตใจแบบนั้นโว้ยยยยย

“ผม….ผมควรจะทำไงดี”

ชาร์ลเริ่มมีน้ำตาร่วงออกมา ผมได้แต่จ้องภาพนั้นแบบอึ้ง ๆ ในใจก็คิดแต่ว่าทำไมเรื่องซวย ๆ มันถึงเกิดขึ้นมาแบบไม่หยุดหย่อนแบบนี้ฟะ

“ผมมันคนอ่อนแอ ฮึกๆ”

หลังน้ำตาที่ตกมาเป็นสายฝนของชาร์ลผ่านไป เขาก็รีบวิ่งปรี่ออกจากห้องไปพร้อมเสียงสะอื้นที่ดังลอยห่างออกไปทิ้งให้คนทั้งห้องได้แต่อ้าปากค้างอย่างตกใจ

หลังองค์ชายจากไป ความวุ่นวายก็บังเกิดขึ้น เสียงตะโกนร้องต่างดังลั่นทั่วห้องพร้อมกัเหล่าทหารที่วิ่งวุ่นวายไปทั่ว

“องค์ชายหนีออกจากราชวังงงงง ทุกคนนนรีบตามหาเร็ว!!!!”

ช่วยหาวันที่สงบสักวันให้ผมจะได้ไหม!!!

———————————————————————

เอาล่ะห่างหายไปนานเลยนะครับ ก็มีธุระอยู่หลายอย่างแต่จะพยายามทำให้ดีที่สุดเน้อ

 

 

 

 

ซวยแล้ว! ผมดันโดนเตะมาเกิดใหม่เป็นนักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์

ซวยแล้ว! ผมดันโดนเตะมาเกิดใหม่เป็นนักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์

Status: Ongoing
ตายไปต่างโลกไม่พอ ดันโดนเสกให้เกิดเป็นสาวน้อยน่ารักอีก หนักกว่านั้นไอ้พระเจ้าเฮงซวยดันสาปให้ทุกคำพูดที่จะด่ามันกลายเป็นสรรเสริญมัน เลยทำเอาชาวบ้านเข้าใจผิดว่าผมเป็นนักบุญซะงั้น เรื่องราวของสาวน้อยออโรร่าที่ถูกพระเจ้าให้พร(?) ไม่ว่านางจะพูดสิ่งใดก็ออกมาเป็นคำสรรเสริญพระเจ้าที่ออกมาจากจิตใจอันแน่วแน่ซึ่งแม้แต่เหล่าคนบาปทั้งหลายก้ยังต้องซึ้งในความศรัทธาของนาง (เรอะ) เอาล่ะ เรื่องราวน่ารักสดใสปนกาวเป็นถังขอเปิดอ้อมอกต้อนรับทุกท่านให้สูดกาวไปร่วมกันกับเหล่าตัวละครทั้งหลายที่ไม่รู้ว่าเมามาจากไหนกันเถอะ! ที่จริงเป็นเรื่องที่ลงในเด็กดีนานแล้วแต่มารีไรท์เพื่อแก้คำต่าง ๆ ครับ ส่วนตอนล่าสุดก็อัพเดทเรื่อย ๆ ในเด็กดี จะพยายามแก้ตอนเก่าให้ทันตอนใหม่ครับผม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท