ตอนที่ 5 สำเร็จเควส
ฮิคารุยืนทำความเข้าใจกับกระดานข่าวอยู่ กระดาษบรรจุเวทย์ได้ถูกแปะลงบนกระดาน มีคำร้องมากมายถูกส่งมาที่กิลด์
อนึ่ง คำร้อง จะถูกเรียกว่า เควส โดยจะถูกแบ่งประเภทด้วยเนื้อหาของงาน
Plant Hunter
รวมรวมหญ้าพิษเรืองแสง มือใหม่สามารถทำได้ ขอให้รวบรวมได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
รางวัลขั้นต่ำ 200 กิลลัน
“นี่น่าจะใช้ได้นะ”
เควสต่อสู้น่าจะยากเกินไปสำหรับเราตอนนี้ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเราคือการปรับตัวให้เข้ากับโลกใบนี้ งานปลอดภัยแบบนี้ก็น่าจะทำให้มีเงินพอใช้บ้างแล้วล่ะ
เขานำกิลด์การ์ดไปไว้ใกล้ๆกับกระดาษคำร้อง แล้วกระดาษก็เปล่งแสงและหายไป
“ไม่อยากเชื่อเลย ถึงโลกนี้จะไม่มีวิทยาศาสตร์ก็เถอะ แต่วิทยาการเวทย์สุดยอดมาก เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแล้วยังเป็นมิตรกับผู้ใช้อีก”
ฮิคารุเข้ามาที่ ห้องข้อมูลอ้างอิง บนกำแพงนั้นมีตัวอย่างของสมุนไพรที่เป็นยาอยู่ รวมถึงสินแร่ที่มักจะอยู่ในคำร้อง มีแผนที่บอกตำแหน่งของวัตถุดิบอยู่ที่ตรงกลางของห้อง
“กลิ่นอับชะมัด”
ดูเหมือนว่าไม่ค่อยจะมีคนใช้ห้องนี้นัก
ที่นี่คงไม่ค่อยมีนักผจญภัยขยันๆเท่าไรมั้ง ฮิคารุได้รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับหญ้าพิษเรืองแสงมา
เขาหยิบกระเป๋าส่งของมาใบหนึ่งจากที่กองสุมอยู่ตรงมุมของกิลด์
เอาล่ะ ไปกันเลย
ขณะที่กำลังทำงานอยู่ จิลก็เห็นว่ามีชื่อของฮิคารุรับเควสขึ้นมา
“หืมมม”
เธอมองไปรอบๆแต่ก็ไม่เห็นว่ามีวี่แววของเขาเลย ถ้าพูดให้ถูกเลยคือ เธอไม่เห็นเขาเพราะสกิล ลอบเร้น ต่างหาก
“เจ้าเด็กนั่นรับเควสนี้ไปงั้นสินะ”
เธอแสยะยิ้มออกมา ฮิคารุนั้นไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับภารกิจนี้เลย เควสนี้ไม่ใช่แค่การไปรวบรวมเท่านั้น แต่ยังต้องเจอกับพวก กรีนวูล์ฟ มอนส์เตอร์ดุร้ายที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นด้วย แม้แต่กับพวกนักผจญภัยมากประสบการณ์ยังถือว่าเป็นงานหิน การไปคนเดียวนั้นมันไม่คุ้มเสี่ยงเอาซะเลย
“บางทีนี่อาจจะทำให้หมอนั่นไม่อยากเป็นนักผจญภัยแล้วก็ได้”
กรีนวูล์ฟ นั้นโจมตีมนุษย์แต่ไม่กิน พวกมันไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้น เควสนี้เป็นเควสเจิมพวกหน้าใหม่ได้ดีเลยทีเดียว
ตอนที่ฮิคารุกำลังจะเดินออกจากกิลด์นั้น เขาก็นึกบางอย่างขึ้นได้
“โอ้…. นักผจญภัยพวกนั้นคงรอเราอยู่สินะ”
เขาเช็คว่าได้เปิดสกิลหรือยัง
จังหวะดีเลย
นี่เป็นโอกาสที่จะได้ทดสอบผลของสกิลแล้ว
ฮิคารุเดินออกไปอย่างช้าๆ เงียบๆ ออกจากกิลด์
“……..”
ที่ถนนหลัก มีนักผจญภัยสองคนยืนอยู่ที่ทางออกของกิลด์
“พวก ไอ้เด็กนั่นไม่เห็นออกมาสักทีวะ”
“คงมีคนสั่งสอนมันไปแล้วล่ะม้าง”
“คงงั้นมั้ง”
พวกเขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง แต่ไม่รู้เลยว่าฮิคารุนั้นอยู่ห่างไปแค่สามเมตรเท่านั้น
“….เหมือนว่า จะได้สกิลสุดยอดมาแล้วแฮะ”
ฮิคารุเดินอยู่ข้างหน้าพวกนั้น แต่พวกนั้นก็ยังไม่รับรู้ถึงตัวตนของเขา
“สกิลทรีในเกมไม่ค่อยส่งผลเท่าไร แต่นี่ บางทีนี่อาจจะแตกต่างออกไป”
บางที อาจจะใช้ได้เต็มประสิทธิภาพเพราะอัพเต็มล่ะนะ ถ้าอย่างนั้น สกิลที่แตกกิ่งออกมาจาก ลอบเร้น ก็สุดยอดมากเลยสิ ไม่สิ อันอื่นก็น่าจะสุดยอดไม่แพ้กัน
“แต่ก็ทำอะไรกับระบบที่ได้แต้มแค่ปีละครั้งอยู่ดีล่ะนะ”
ฮิคารุเดินออกจากเมือง หิวไส้กิ่วแต่ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากทำเควสให้เสร็จเท่านั้น
กำแพงล้อมรอบเมืองเพื่อป้องกันไม่ให้มีโจรหรือมอนส์เตอร์เข้ามา
บ้านที่สร้างอยู่นอกกำแพงนั้นเสี่ยงมาก แต่ว่าไม่ต้องเสียค่าที่ดิน ดังนั้น พวกชาวนาที่จนๆก็จะอาศัยอยู่นอกเมืองและทำการเกษตรไป ทหารยามที่เฝ้าประตูเรียกดูบัตรประจำตัวของผู้ที่จะเดินทางเข้าหรือออก ฮิคารุส่งกิลด์การ์ดให้เขาจากนั้นก็ให้เขาผ่านไปได้พร้อมก้มหัวให้
“นักผจญภัยหน้าใหม่เหรอ อย่าทำอะไรเสี่ยงๆมากล่ะ ถ้าเอาชีวิตรอดได้จะดีมากเลยนะ”
“ไม่หรอกครับ” ฮิคารุว่าพร้อมกับก้มหัวให้เช่นกัน
เหมือนกับว่านี่เป็นครั้งแรกในโลกใบนี้ที่มีคนพูดดีๆ กับเขา
ทหารยามตาเบิกกว้าง ไม่นึกว่าจะได้รับความจริงใจจากชายหนุ่ม
“กลับมาก่อนอาทิตย์ตกดินล่ะ” ทหารยามพูดพร้อมกับยิ้มให้
หลังจากที่เดินไปตามถนนแล้ว ฮิคารุก็เลี้ยวเข้าสู่ป่า
“หืมมม เหมือนจิลจะบอกว่ากิลด์การ์ดจะช่วยเพิ่มความสามารถนี่นา”
จากคำอธิบายก่อนหน้านี้ คลาสนั้นสามารถเปลี่ยนได้ตลอดเวลา
งั้นเพิ่มความสามารถตอนอยู่นอกเมืองไว้ก็น่าจะดี
“ถ้าได้สกิลพ้อยต์ปีละแต้ม งั้นก็ต้องหาวิธีใช้แต้มให้เกิดประโยชน์สูงสุดสินะ”
ฮิคารุนั้น เชี่ยวชาญในการ ลอบเร้น ถ้างั้น【Stealth God: Darkness Wanderer】ก็โป๊ะเชะ
“เอาล่ะ จัดไป!”
พอแตะปุ๊ป ก็เปลี่ยนคลาสได้อย่างทันใจ
“หืมมมม”
รู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายมันกลืนไปกับอากาศ แต่เขาก็ยังเห็นร่างกายของเขาชัดเจนดี
ถ้ามีใครเห็นฮิคารุ ฮิคารุก็จะหายไปจากสายตาทันทีที่เขาใช้กิลด์การ์ด เว้นแต่ว่าเพ่งมาที่เขาจริวๆ
ฮิคารุเปิดใช้สกิล พรางมานา พรางชีวิต และ อำพราง และสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในบริเวณนั้น ก็ไม่สามารถรับรู้ถึงตัวเขาได้อีกต่อไป เหล่านกและแมลงที่หยุดร้องเพราะการมาของมนุษย์ ก็เริ่มร้องระงมขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
“สุดยอด”
เหมือนกับว่าเขาล่องหนอยู่เลย ฮิคารุเดินทอดน่องในป่าอย่างสบายใจ เขาโตขึ้นมาในโตเกียวจึงไม่ค่อยคุ้นกับป่าเขานัก เขาไม่เคยออกไปตั้งแคมป์ข้างนอกเลย ได้แต่มองการแคมป์ปิ้งจากในเน็ตเท่านั้น
ต้นไม้และพุ่มไม้นั้นช่างเขียวขจี แสงอาทิตย์ส่องทะลุแมกไม้ลงมา เสียงหวานของนกที่ร้องเพลง เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เข้ามาเดินในป่าแบบนี้ ไม่ใช้แบบเดียวกับที่ญี่ปุ่น ป่านี้ยังไม่ถูกทำลายจากเงื้อมมือของมนุษย์
ฮิคารุเดินไปเรื่อยๆอย่างร่าเริง แล้วก็เหลือบไปเห็นหมาป่าที่มีสีเขียว
นั่นจะต้องเป็นกรีนวูล์ฟแน่ๆ สีเหมือนหญ้าแห้งกับมอสมากกว่าเขียวแฮะ
“ใหญ่ชะมัด …… แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เห็นเราแฮะ”
มันตัวใหญ่ประมาณสามเมตร ฮิคารุค่อยๆย่องเข้าไปโดยไม่ให้พวกมันรู้ตัว
โรแลนด์นั้นแทบไม่มีความรู้เกี่ยวกับมอนส์เตอร์เลย และนั่นก็พอจะเข้าใจได้ที่ฮิคารุนั้นอาจจะเข้าใจผิด กรีนวูล์สามารถรับรู้ถึงสิ่งที่เข้ามาในรัศมี 200 เมตรได้ และฮิคารุก็อยู่ในนั้น มันสัมผัสถึงฮิคารุได้ตั้งแต่ตอนเข้ามาในป่าแล้ว แต่ว่า เมื่อมันวิ่งมาถึงตรงนี้กลิ่นอายของฮิคารุก็ได้หายไปอย่างกระทันหัน นั่นทำให้มันสับสนเป็นอย่างมาก
“เอาไว้เดี๋ยวหาข้อมูลมอนส์เตอร์ไว้บ้างละกัน”
น่าจะพอมีข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์ร้ายที่อยู่ใกล้ๆเมืองอยู่บ้าง
“อ๊ะ นั่นไงๆ”
ฮิคารุเดินทอดน่อง หาหญ้าพิษเรืองแสงไปเรื่อยๆอย่างไม่รีบร้อน รูปร่างของมันคล้ายกับดอกลิลลี่ มันเป็นดอกไม้ที่มีสี่กลีบหลากสี ถ้าหาตอนมืดอาจจะง่ายกว่าเพราะมันเรืองแสง แต่มาเข้าป่าตอนกลางคืนมันจะดูน่ากลัวเกินไป
“ต้องหาดอกที่บานแล้วสินะ”
ทีละต้น ทีละต้น เขาค่อยๆเด็ดมันด้วยเล็บ เหลือรากไว้เพื่อให้มันขึ้นใหม่อีกครั้ง
“ต้องขอบคุณวีดิโอพวกนั้นนะเนี่ย มีประโยชน์ในต่างโลกสุด”
เย็นวันนั้น ที่กิลด์นักผจญภัย
จิล นั่งอยู่หลังเคาท์เตอร์ กำลังหงุดหงิดได้ที่ กะของเธอหมดไปตั้งแต่เที่ยงแล้วแต่ยังต้องทำงานล่วงเวลาอีกจนกว่าจะค่ำเพราะเพื่อนร่วมงานของเธอมาไม่ได้ ตอนนี้ก็เลยหงุดหงิดอยู่ แต่ไม่ใช่แค่นั้น
เธอหวังว่าเด็กหนุ่มคนเมื่อเช้าจะถูกหามเข้ามาเพราะโดน กรีนวูล์ฟ รุมสกรัม แต่ ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย แผนกต้อนรับของกิลด์นักผจญภัยเป็นที่ๆข้อมูลแทบทุกอย่างจะต้องผ่านเข้ามาอยู่แล้ว ไม่มีทางที่ข่าวของเด็กคนนั้นจะไม่มาถึงหูของเธอ
บางทีคงจะไม่ได้ไปเก็บหญ้าเรืองแสงซะล่ะมั้ง นี่น่าจะเป็นไปได้ที่สุดแล้ว ตั้งแต่แรกแล้ว กรีนวูล์ฟน่ะ ไม่เคยพลาดพวกมือใหม่อยู่แล้ว นี่ไม่ใช่งานที่จะไปทำคนเดียวได้ ดังนั้น เควสล่มแน่นอน พวกนักผจญภัยตัวผู้ก็อย่างนี้ล่ะนะ
“……”
จิลมีความลับอยู่ [ผป=เป็นตำรวจสินะ] บรรพบุรุษของเธอเป็นวิญญาณจิ้งจอกศักดิสิทธิ์ ทำให้เธอได้รับความสามารถที่จะรับรู้ถึงอารมณ์ที่ซ่อนอยู่ได้ ด้วยความหน้าตาดี พวกผู้ชายที่เข้ามาต่างมีอะไรแอบแฝงเสมอ แม้จะอายุ 18 ปี เธอได้มองการณ์ไกลไว้แล้ว และเธอสรุปว่าต้องใช้ผู้ชายด้วย
ดังนั้น จิลจึงมองผู้ชายที่สถานะ สถานะ นั่นคือ รวย เส้นใหญ่ และแข็งแกร่ง ในเมื่อพวกผู้ชายตามก้นเธอเพราะรูปร่างหน้าตาแล้ว ถ้าอย่างนั้น เธอก็ขอดูสถานะมั่งสิ
“หมอนั่นคงไม่ตายใช่มั้ย ไม่มั้ง”
เธอยืดหัวขึ้นมา สำหรับมโนธรรมของเธอความตายของเขามันหนักเกินไป ไม่ใช่แค่นั้น เธอยังรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบด้วย
พนักงานต้อนรับที่ให้ข้อมูลแก่นักผจญภัยไม่เพียงพอจนทำให้นักผจญภัยถึงแก่ชีวิต ถ้าเป็นแบบนั้น……
“……..”
ความกังวลเริ่มเข้ามาเกาะกุมหัวใจ กรีนวูล์ฟนั้นไม่เคยฆ่ามนุษย์มาก่อน แต่ว่ามอนส์เตอร์ตัวอื่นล่ะ ไหนจะโจรอีกล่ะ
“ไม่นะ ถ้าหมอนั่นตายล่ะ มันจะกลายเป็นความผิดเราใช่มั้ย จริงดิ นี่มันแย่มากแล้วนะ”
“โทษนะคร้าบ”
“ส่งคนค้นหาไปดีมั้ย แล้วจะบอกไปยังไงดีล่ะ”
“เฮ้ ฟังอยู่มั้ยเนี่ย”
กลุ่มพวกผู้ชายไม่อยู่แถวนี้ พวกนั้นจะอยู่ห่างๆเธอตอนที่กำลังอารมไม่ดี แล้ว ก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาทางเธอ
“อะไรนะ?”
เดี๋ยวนะ เขาอยู่นี่แล้วเหรอ? ในหัวของจิลยุ่งเหยิงไปหมด อ๊ะ ปลอดภัยนี่ หมายความว่า
“เดาว่านายคงจะเมินคำร้องแล้วเดินแกร่วไปทั่วล่ะสิ ต้องใช้ความกล้าที่จะบากหน้ากลับมาที่นี่ล่ะสิ!”
เสียงจิลดังลั่นไปทั่วกิลด์ จากนั้นทุกคนก็เริ่มซุปซิบกัน
“เมินเควสงั้นเรอะ” “ได้เด็กนั่นใครวะ” “โอ๊ะ จิลโมโหแล้ว”
“ว่าอะไรนะ”
“การเป็นนักผจญภัยไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ คนอย่างนายน่ะมีแต่จะทำลายชื่อเสียงของกิลด์นักผจญภัยเท่านั้นล่ะ”
“เข้าใจแล้ว ไม่ใช่เรื่องเล่นสินะ ถ้างั้นก็เริ่มเช็คได้แล้ว”
“เช็คอะไรยะ ฉันรู้นะว่านายเลือกเควส——”
จิลเงียบไป เธอจ้องไปที่เท้าของฮิคารุ มีกระเป๋าแน่นๆวางอยู่ ในนั้นมีหญ้าพิษเรืองแสงทะลักออกมา
“……..ห๊ะ?”
เธอไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ภารกิจที่เขารับไปคือ รวบรวมหญ้าพิษเรืองแสง
“นายไปเก็บนี่มางั้นเหรอ”
“ใช่สิ”
“แล้ว กรีนวูล์ฟ ล่ะ”
“ก็มีอยู่นะ ที่จริงเธอน่าจะบอกผมนาว่ามีอันตรายแบบนั้นอยู่น่ะ”
“มีเหรอ!!! แล้วทำไมมันไม่จู่โจมนายล่ะ——”
เธอกลืนคำพูดที่จะพูดต่อจากนี้ลงไป เพราะการที่ไม่ให้ข้อมูลไปถึงจะมีความรู้อยู่แล้วนั่นเป็นความผิดพลาดของกิลด์
ดังนั้น เธอจึงเรียบเรียงทุกสิ่งในหัวของเธอ
กรีนวูล์ฟเข้าใกล้หมอนี่จนมองเห็นได้ แต่ไม่จู่โจมงั้นเหรอ พวกมอนส์เตอร์ไม่น่าปล่อยให้มนุษย์ได้ทันตั้งตัวนี่นา
ไอ้หมอนี่คงโชคดีเฉยๆมั้ง
“นี่คือหญ้าพิษเรืองแสงใช่มั้ย”
ฮิคารุผงกหัว และวางกระเป๋าลงที่เคาท์เตอร์ จิลเบิกตากว้างอีกครั้ง กระเป๋าแน่นแบบนี้ เธอคิดว่าเขาคงจะดึกรากมันออกมาด้วยซะอีก แต่ไม่เลย เขาแค่เด็ดมันมาเท่านั้น
“เข้าไปลึกแค่ไหนน่ะ ไม่สิ นายอยู่ในภูเขาทั้งวันเลยใช่มั้ย”
“โอ้ โทษที”
ในหัวจิลยังคงอลหม่าน เธอมั่นใจแน่ๆว่า ในระหว่างที่กำลังกลัวกรีนวูล์ฟและหิวไส้กิ่ว ฮิคารุก็ยังหาหญ้านี่ต่อไป เธอรู้สึกขอโทษกับฮิคารุ
ซึ่ง ไม่ใกล้ความจริงเลย ฮิคารุเก็บอย่างชิวๆแถมยังนอนกลางวันด้วย
“จะจัดการเดี๋ยวนี้ล่ะ”
จิลรีบจัดการให้เรียบร้อย
“เรียบร้อยแล้ว นี่รางวัลเควส 200 กิลลัน”
กิลลัน คือค่าเงินของอาณาจักรนี้
“ฟู่ววว….. น่าจะมีเงินกินข้าวไปสักพักล่ะนะ”
พอเห็นฮิคารุมีชีวิตชีวาขึ้นแล้ว จิลก็นึกขึ้นได้ว่า ก่อนหน้านี้ฮิคารุเคยพูดว่าไม่มีเงินกินข้าวนี่นา เขาจะต้องเป็นคนไม่มียกจนแน่ๆ อาหารข้างทางนั้นเริ่มต้นที่ 20 กิลลัน ส่วนที่แพงที่สุดคือ 40 กิลลัน แปลว่าถ้าประหยัดที่สุดก็กินได้สิบมื้อ
ในที่สุดเธอก็มองฮิคารุในแบบที่มองเด็กรุ่นเดียวกับเขา เธออารมณ์ดีขึ้น เธอเข้าใจทุกอย่างผิดไปเอง
“200 กิลลัน น่ะแค่รางวัลเบื้องต้นนะ”
“ผมจะได้เงินเพิ่มเหรอ”
“ใช่แล้ว ไม่เอาน่า อย่าเดาถูกแบบนี้สิ ไม่สนุกเลย”
ฮิคารุยักไหล่
ก็ยังเป็นเด็กบ้าอยู่สินะ เธอคิด
“เอ้านี่ เธอเก็บมาได้ทั้งหมด19มัด มัดนึงขายได้ 1,000 กิลลัน รวมเป็น 19,000 กิลลันแล้วยังมีส่วนแบ่งที่อุส่าห์เก็บมาเยอะขนาดนี้ด้วยนะ ก็รวมแล้วเธอจะได้เงินทั้งหมด 20,000 กิลลัน รวมรางวัลขั้นต้นแล้วนะ”
“ขะ….เข้าใจแล้วครับ”
“ทำไมอยู่ดีๆก็เอะอะขึ้นมาล่ะ”
“ไม่ใช่สักหน่อย”
ปฎิกิริยาเหมือนกับตอนที่ทำกิลด์การ์ดเป๊ะ
“ด้วยจำนวนขนาดนี้ ก็คงไม่ต้องห่วงเกี่ยวกับคำร้องของหญ้าพิษเรืองแสงสักพักล่ะนะ แต่ว่า ถ้ามีมาก็ฝากด้วยด้วยนะ คุณ ความหวังของหมู่บ้าน”
“… ชมกันเกินไปแล้วครับ”
ฮิคารุรีบเปลี่ยนท่าทีและรับเงินไป
“อ๊ะ ใช่สิ มีอะไรอยากจะถามน่ะ”
“ว่ามาเลย”
แล้วฮิคารุก็ถามจิลไปหลายคำถาม
ฮี่ๆๆๆ ฮิคารุยิ้มแก้มปริ ฮิคารุนั้นชอบทำงานเพื่อหาเงิน ตอนที่อยู่ญี่ปุ่น เขาเคยสมัครบัญชีสำหรับเล่นหุ้นไว้ด้วย รู้สึกเหมือนว่าต้องต่อสู้กับโลกของผู้ใหญ่ พ่อกับแม่ของเขาเป็นห่วงลูกชายที่ไม่เคยมีเพื่อนแล้วยังขังตัวเองไว้ในห้องอีก
“ยังไงก็เถอะ ทำไมอยู่ดีๆก็เป็นมิตรขึ้นมานะ ผู้หญิงคนนั้น ไม่ใช่ว่าเราเป็นแค่เด็กเปรตในสายตาเธอหรอกเหรอ”
ฮิคารุนั้นไม่เข้าใจความคิดของเธอเลย ความรู้สึกผิดที่เธอเกือบจะส่งเด็กคนหนึ่งไปตาย
“ความหวังของหมู่บ้านเหรอ ”
พ่อแม่ของฮิคารุนั้นหวังที่จะให้ฮิคารุเติบโตมามีอนาคตที่สดใส แต่ไม่เลยเพราะเขานั้นจากไปเร็วกว่าที่ควร
เขาไม่รู้ว่าจะแสดงออกยังไงเวลาที่มีคนเรียกเขาว่า “ความหวัง”
พระอาทิตย์เริ่มตกดิน ร้านแผงลอยขางส่วนเริ่มปิดลง หรือก็คือ ส่วนใหญ่ปิดหมดแล้ว
“แย่แล้วแฮะ”
ถ้าร้านแผงลอยไม่เปิด ก็คงต้องไปกินที่บาร์ไม่ก็ร้านอาหาร นี่อาจจะแย่สำหรับแผนการใช้เงินระยะยาวของเขา และเขาจะต้องมีปัญหาแน่ๆถ้ามีใครจำชุดของเขาได้
“ยังเปิดอยู่มั้ยครับ”
“หืมม? กำลังจะปิดแล้วน่ะ”
ร้านอื่นได้ปิดไปหมดแล้ว มีเพียงแค่ร้านนี้ที่ยังเปิดอยู่
“ร้านอื่นปิดกันหมดแล้วล่ะ เธอน่าจะมาเร็วกว่านี้นะ”
“อย่างนั้นเหรอครับ..”
ไม่มีทางเลือกอื่น คงต้องนอนไปทั้งๆที่หิวแบบนี้ล่ะ
แล้วท้องเขาก็ร้องดัง
“อ๊ะ…”
“โอ้? ฟุฮ่าฮ่าฮ่า! หิวขนาดนั้นเลยเหรอ ก็ได้ก็ได้ เอานี่ไปสิ ฉันขายให้เธอแค่ 10 กิลลัน เอ้า”
เจ้าของร้านยื่นยากิโซบะที่ห่อด้วยใบไม้ใหญ่ให้
“ได้จริงๆเหรอครับ”
“ครั้งหน้าก็มาตอนที่ร้านเปิดแล้วกัน”
สมบัติ….นี่มันสมบัติล้ำค่าชัดๆ ฮิคารุเดินออกไปพร้อมกับยากิโซบะอุ่นๆในมือ หยุดไม่อยู่แล้ว เขาเดินเข้าไปที่ตรอกด้านหลังและมองสำรวจว่าไม่มีใครดูอยู่ จากนั้นก็นั่งลงข้างหลังถังไม้ไบหนึ่งและเปิดห่อยากิโซบะ ท้องของเขาร้องดังกว่าเดิมจากกลิ่นของอาหารที่อยู่ในมือ จากนั้น ก็เริ่มโซ้ยอย่างไม่รีรอ
“…อร่อยจัง”
ความหิวคือเครื่องปรุงที่ดีที่สุด มันอร่อยมาก ทั้งเนื้อ น้ำ และ ไขมัน เต้นอยู่ในปากของเขา
“นี่มันดีมากเลยนะ…โรแลนด์” ฮิคารุบอกกับเจ้าของร่าง ที่เหลืออยู่เพียงในความทรงจำ
—————
สวัสดีคร้าบ นี่ผู้แปลเอง ตอนนี้ผมเปิดเพจแล้วนะครับ เพจชื่อว่า แปลหางาน
ถ้าผู้อ่านท่านไหนสนใจที่จะจ้างงาน ผป. ก็ติดต่อได้เลยฮับ
อนึ่ง ตอนนี้ผมยังอ่อนประสบการณ์อยู่ ต้องการคำชี้แนะ ถ้ามีข้อติชมตรงไหนก็บอกได้เลยนะฮับ
อสอง ถ้าจ้างงาน ผป. จะขอบพระคุณมากเลยฮับ จะไม่มีตังกินข้าวแล้ว ฮรือออ