ตอนที่ 8 หลุมพราง
[โซลบอร์ด] ฮิคารุ
อายุ 15 แรงค์ 4
4
แต้มของฮิคารุนั้นเพิ่มขึ้น และมีสิ่งที่ต่างออกไปจากคราวก่อนคือ ตัวเลขข้างๆแรงค์
“เราเพิ่มแรงค์ไปตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย เท่าที่จำได้ ไม่ใช่ว่าแรงค์จะได้จากการฆ่ามอนส์เตอร์เหรอ”
เขานึกไม่ออกเลยว่าเคยฆ่ามอนด้วย เขา “เด็ด” หญ้าพิษก็จริง แต่ก็ไม่ได้ฆ่ามัน เท่าที่จำได้ที่ฆ่าก็มีแค่ มนุษย์นี่
“เดี๋ยวนะ”
มอนส์เตอร์คือสิ่งที่คอยก่อกวนมนุษย์ ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านี้
“แล้วถ้าไม่ใช่การฆ่ามอนอย่างเดียว แต่เป็นการฆ่าสิ่งมีชีวิตที่มีพลังล่ะ”
สั้นๆคือ เราได้แรงค์มาจากการฆ่าเคาท์งั้นเหรอ
“………”
ฮิคารุยังไม่ตัดสินใจจะใช้แต้มในทันที เขายังต้องคิดอยู่
“น่าจะเป็นทางนี้นะ”
ไปตามทางที่กลอเรียเคยบอกไว้ ฮิคารุก็ได้มาเจอสถานที่ที่ทางเดินหินถูกเอาออกไป และมีคลองไหลผ่านใกล้ๆนั้น หลังจากที่ไต่บันไดลงไปครึ่งทาง เขาก็ได้กลิ่นเหม็นๆที่ลอยอยู่ในอากาศ
“ที่นี่เหรอ”
เขาพบท่อใต้ดินที่เชื่อมกับคลอง ใช่ มันคือระบบระบายน้ำ
“หวา!!!”
เขาเหมือนได้ยินเสียงอะไรออกมาจากด้านใน
“ค้างคาว….?”
ฮิคารุเปิดใช้ทุกสกิลที่มี กลิ่นอายของเขาหายไป พวกค้างคาวและหนูที่อยู่ข้างในสับสนงงงวยเพราะพวกมันมั่นใจว่ามีคนอยู่แน่ๆ
ถ้าติดโรคอะไรมาจากพวกมันคงจะแย่แน่ๆ
เขาเดินเข้าไปอย่างเงียบๆ น้ำที่ไหลอยู่ไม่ได้สกปรกขนาดนั้น แต่กลิ่นนั้นสุดจะทน ฮิคารุลองค้นความทรงจำของโรแลนด์ดู
ทุกเมืองใหญ่นั้นจะมีระบบระบายน้ำ ของเสียและน้ำสกปรกต่างๆจะถูกักไว้ในที่เดียว มอนสเตอร์ที่เรียกว่า เคออสสไลม์จะทำหน้าที่คอยดูดซับของเสียและกรองน้ำ และพวกพ่อค้าก็จะได้ผลพลอยได้จากพวกมันคือ ดินประสิว และปุ๋ยหมัก
งั้นนี่ก็เป็นน้ำที่ เคออสสไลม์ ปล่อยออกมาสินะ
ฮิคารุเดินต่อไปข้างหน้าเรื่อยๆ ตามทางเดินที่ถูกสร้างมาอย่างลวกๆ หินจมลงไปในพื้นโคลนข้างล่างนั่น ข้างในนี้มืดมาก เขาต้องใช้ตะเกียงที่ซื้อมาเมื่อเช้าเพื่อคอยน้ำทาง
อื้ม ไม่ต้องคิดเลย ถึงจะมีลอบเร้นของเราอยู่ แต่การถือตะเกียงอยู่คนเดียวในที่มืดก็ทำให้เป็นจุดเด่นอยู่ดี
จะไปเท่าที่ไปได้แล้วกัน
หลังจากให้กำลังใจตัวเอง เขาก็ค่อยๆเดินเข้าไปเรื่อยๆ
แล้วไอ้คนที่ชื่อว่า เคลเบคอาศัยอยู่ในที่แบบนี้อะนะ เห็นว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์เวทย์ คงจะเป็นคนสร้างอุปกรณ์เวทย์สินะ
แล้วทันใดนั้น เขาก็รู้สึกได้ว่ามีชายสองคนเดินถือตะเกียงตามมาข้างหลังเขา
“—เท่านั้นแหละ–”
“—จริงดิ งานง่ายๆเลยนะนั่น–”
เสียงนั้นสะท้อนอยู่ในทางระบายน้ำ หนึ่งในสองคนนั้นคือ เคลเบค รึเปล่านะ ดูไม่เหมือนคนดีเลยแฮะ
พวกนั้นดูยังไงก็อันทพาลชัดๆ ดูจากแผลที่แก้มแล้ว ชัดเจน
พวกนั้นมาทำอะไรที่นี่น่ะ ดูไม่เหมือนพ่อค้าที่จะมาเก็บปุ๋ยหรือดินประสิวเลย ถ้าให้พูดตรงๆเลยก็โจรชัดๆ ฮิคารุรีบเดิน ไปจนถึงที่ๆทางเดินถล่มเข้าไปประมาณสามเมตร
ซ่อนแล้วให้พวกนั้นไปก่อนดีมั้ยนะ หรือว่าจะไปก่อนดี
ฮิคารุคิดแวบหนึ่งแล้วเลือกว่าจะซ่อน ทางนี้น่าจะง่ายที่สุดสำหรับเขา เขาหลบตรงที่มืดแถวๆนั้น ย่อตัวลงและกลั้นหายใจ
“–นายเจอกับลูกค้าแล้วสินะ–”
”—หมอนั่นเหมือนกับว่า”ไม่มีงานที่ดีกว่านี้แล้วนา”–”
“–ขโมยมาน่าจะง่ายกว่านา-”
“—เห้ย ห้ามฆ่านะเว้ย–”
“—รู้น่า หัวหน้าเขาไม่ชอบการนองเลือด–”
“ไม่ใช่แค่นั้นนา ถ้าฆ่าใครไปเดี๋ยวพวกทางการก็เข้ามายุ่งกันพอดีสิ”
“แน่ใจงั้นเหรอ หัวหน้าน่ะ….หืม?”
“มีอะไรเรอะ”
ทั้งสองคนหยุดอยูตรงใกล้ๆกับรอยเท้าของฮิคารุ
“…..รอยเท้านี่ เล็กมาก”
เขาสะดุดตาเข้ากับรอบเท้าของฮิคารุ ลอบเร้นอาจจะไร้ประโยชน์ถ้ายังมีร่องรอยที่สาวถึงตัวได้
หืมมม พวกนั้นเห็นร่องรอยของเราแล้วสินะ
นี่ก็เป็นหนึ่งในการทดสอบของฮิคารุเช่นกัน เขาอยากรู้ด้วยว่า ลอบเร้น จะปิดร่องรอยของเขาด้วยไหม และคำตอบคือ ไม่
“พักนี้พวกเด็กกำพร้าในเมืองเพิ่มขึ้นน่ะ คงเป็นพวกนั้นล่ะมั้ง”
“น่าจะใช่”
ดูเหมือนว่าพวกนั้นตัดสินว่าเป็นรอยเท้าของเด็กที่เข้ามาเล่นในท่อ ฮิคารุมั่นใจมากว่าเขาจะไม่ถูกเจอ
“ไปกันได้แล้ว เคลเบค รออยู่”
“เออ…..ยังไงไอ้หมอนั่นก็น่ากลัวอยู่แล้วด้วย”
พวกนั้นผ่านฮิคารุไปโดยไม่ทันสังเกตุเห็นฮิคารุ
หมอนั่นพูดถึง เคลเบค ด้วย
ฮิคารุเดินตามทั้งสองคนไป ครั้งนี้ เขาระวังไม่ให้เหลือรอยเท้าไว้
ในทางระบายน้ำนี้นั้นเป็นที่อยู่อาศัยที่ไม่ได้ถูกควบคุมโดยรัฐ
“พวกเอ็งมาสายไปห้านาทีนะเห้ย”
“ขะ ขะ ขอโทษครับ ไอ้หมอนี่ไปหาสาวมาระหว่างทางครับ”
“เห้ย อย่าขายชั้นสิวะ”
“หุบปาก ความผิดของพวกเอ็งทั้งคู่นั่นล่ะ”
โต๊ะที่ถูกสร้างมาอย่างปราณีตตั้งอยู่กลางห้องนั้น จนเหมือนกับว่าไม่ได้กำลังอยู่ใต้ดิน ชายที่ไม่สนใจมารยาทใดๆ ได้พาดขาทั้งสองข้างไว้บนโต๊ะ รอยสักรูปไฟสีแดงเริ่มมาตั้งแต่หน้าผากไปยังแก้มขวา และคลุมไปจนถึงคอและร่างกาย เขาประจันหน้ากับชายสองคนที่ฮิคารุตามมา
“แล้ว…..งานพวกแกเรียบร้อยดีสินะ” ชายคนนั้นพูดขึ้น
ความโล่งอกปรากฏขึ้นมาบนหน้าของชายทั้งสอง
“พวกเราขอตัวก่อนนะครับ”
“เออ ทำงานกันดีๆล่ะ”
จากนี้เป็นมุมมองของเคลเบค
หลังจากทังสองคนนั้นกลับไปแล้ว เคลเบ็คก็อึ้งไปหลังจากที่หันกลับมา
“ไง”
“?!”
ในห้องที่ไม่ควรมีใครอยู่นั้น กลับมีเด็กหนุ่มนั่งอยู่บนโต๊ะของเขา
”แกเป็นใครกัน !!!”
“อุ๊ปส์ ขอคัดค้านความรุนแรงคร้าบ ตอนนี้ผมไม่มีอาวุธนา”
ไม่มีอาวุธงั้นเหรอ ดูจากภายนอกแล้ว หมอนี่เป็นมือสมัครเล่นชัดๆ ไม่เหมือนคนที่รู้วิธีสู้เลย แต่ว่าอุปกรณ์สวมใส่ของหมอนี่น่ะดีใช้ได้
“แกมาจากไหนกัน”
หรือว่าจะเป็นผู้ใช้เวทย์
พร้อมกับการมุ่งความสนใจไปที่เด็กหนุ่ม เขาก็เตรียมมีดของเขาและกวาดสายตาไปรอบๆเพื่อหาสิ่งที่พอจะใช้เป็นโล่ได้
“ไม่เป็นไร ผมไม่ใช่ผู้ใช้เวทย์หรอกนะ”
“…เป็นเด็กที่น่าขนลุกชะมัดเลยแกเนี่ย”
“มีอะไรจะให้น่ะ”
“หา? จดหมาย?”
เด็กหนุ่มยื่นอะไรบางอย่างให้ ในตอนแรกเขาคิดว่ามันต้องเป็นม้วนคัมภีร์เวทย์ในคราบของจดหมายแน่ๆ แต่ว่า ก็คิดขึ้นได้ว่าไม่มีประโยขน์ที่จะทำอย่างนั้น ถ้าเด็กหนุ่มอยากใช้เวทย์มนต์ใส่จริงๆเขาคงจะไม่รอดแล้ว
“ไม่อยากได้งั้นเหรอ ถ้าคุณไม่รับไปก็แย่สิ”
หน้าของเด็กหนุ่มดูเป็นทุกข์อย่างเห็นได้ชัด ทำให้เขารู้สึกโง่ไปเลยที่ระวังตัว
“ชิ”
เขาเก็บมีดลงไปและเดินเข้าไปที่เด็กชายและรับจดหมายมาอย่างรวดเร็ว
“อา…..จากกิลด์นักผจญภัยสินะ เข้าใจล่ะ”
หลังจากอ่านจดหมายอย่างลวกๆแล้ว เขาก็หันเหความสนใจไปที่เด็กหนุ่ม
“มาคุยกันหน่อยซิ”
“อยากรู้ว่าผมเข้ามาที่นี่ได้ยังไงงั้นเหรอ”
“รู้ดีนี่หว่า….ดีจะได้ไม่เสียเวลา นั่งก่อนสิ” เขาพูดและชี้ไปที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง
“แล้วผมจะได้อะไรล่ะ”
“ถ้างั้นข้าจะบอกกิลด์แล้วกันว่าคนของกิลด์บุกรุกเข้ามาในที่ส่วนตัวของข้าน่ะ”
“มีเหตุผล”
แล้วเด็กชายก็นั่งลงบนเก้าอี้อย่างว่าง่าย
“ชื่ออะไร”
“ฮิคารุ ส่วนคุณ เคลเบคใช่มั้ย”
“ถูกต้อง ถ้าเอาจดหมายมาให้ก็น่าจะรู้ว่าถูกคนนี่”
“ก็อยากจะยืนยันน่ะ แต่ไม่มีใครคุยกับผมเลย”
เคลเบคนั้น มีผมสั้นสีแดง นั่นทำให้เขาดูเหมือนทหารผ่านศึก แบบนั้น เด็กทุกคนต้องกลัวเขาแล้วฉี่ราดอยู่แล้ว แต่ว่าเด็กคนนี้ต่างออกไป
“ไม่มีใครคุยด้วยเรอะ รอนี่นะ”
เคลเบคยืนขึ้นแล้วเดินไปที่ด้านซ้ายของห้องแล้วเดินกลับมา
“ดูเหมือนว่าแกจะพูดจริงนะ แกต้องผ่านเข้ามาถึงสามห้องก่อนจะมาถึงนี่ได้ ข้ามีคนเฝ้าดูในแต่ละห้องอยู่”
“หืม?”
“ไม่รู้เลยงั้นเรอะ ทุกห้องน่ะมีคนคอยดูอยู่แล้ว ข้าน่ะระวังตัวอยู่แล้ว แต่ไม่มีใครรับรู้ถึงแกได้เลย ได้ยังไงกัน?”
“บังเอิญน่ะ”
“โกหก”
เคลเบครู้สึกไม่ค่อยดีนัก ช้าประจันหน้ากับเด็กแปลกๆที่มาจากกิลด์นักผจญภัย จากเนื้อหาในจดหมายแล้ว หมอนี่น่าจะพูดจริง
แต่ว่า ธรรมดาแล้ว ทุกคนที่มาจากกิลด์ควรจะได้รับคำถามจากคนเฝ้าประตูนี่ แล้วถ้าไอ้หมอนี่เป็นพวกน่าสงสัยล่ะก็ พวกนั้นน่าจะถามข้อมูลจากกิลด์นี่หว่า พวกนั้นก็น่าจะทำแบบเดียวกันถึงจะไม่ใช่ก็เถอะ จากนั้นไอ้เด็กนี่ถึงจะผ่านเข้ามาได้
แล้วเคลเบ็คก็สังเกตเห็นชุดของเขาเข้า
“หืม ชุดของแกน่ะ ทำมาจากไนท์วูล์ฟ หมาป่าที่วิวัฒนาการเพื่อออกล่าในความมืดสินะ อาใช่ นี่มันช่วยปกปิดตัวตนของแกด้วยสินะ”
คิ้วของฮิคารุเลิกขึ้น เหมือนจะจี้ตรงจุดสินะ เคลเบคคิด ใช่แล้ว เขาไม่คิดหรอกว่าเด็กนี่จะปกปิดตัวตนได้ทั้งหมด
“แล้วมันเกี่ยวกันยังไงล่ะ”
“………”
เคลเบคนำจดหมายจากกิลด์ให้เขาดู เนื้อความในจดหมายนั้นสั้นมาก
[ถึงท่านผู้เชียวชาญด้านอุปกรณ์เวทย์ ท่านเคลเบค
ฉันได้รับอุปกรณ์เวทย์ที่คุณทำมาแล้ว แต่ว่าไม่รู้วิธีใช้ ขอรบกวนช่วยบอกด้วย]
แค่นั้น
“นี่น่ะมันไม่เกี่ยวกับข้าเลย”
“เข้าใจล่ะ”
เคลเบคคิดอะไรบางอย่าง
“อุปกรณ์นั่นค่อนข้างเหมาะสมเลยทีเดียว แต่นั่นไม่ใช่ส่วนที่น่าทึ่งหรอก แต่เป็นสิ่งที่อยู่ข้างในต่างหาก ความกล้ายังไงล่ะ แกน่ะไม่แม้แต่จะผงะเมื่ออยู่ต่อหน้าข้าผู้นี้”
“งั้นเหรอคร้าบ งั้นช่วยเซ็นนี่ด้วยครับ”
ฮิคารุนำใบคำร้องออกมา เขารับใบคำร้องมาและเซ็นมันอย่างรวดเร็วพร้อมกับเดาะลิ้น และนำโซลการ์ดที่ถูกออกใช้โดยวิหารออกมาจากกระเป๋าของเขาจากนั้นกดมันลงบนใบคำร้อง มันส่องแสงแวบหนึ่งและ เรียบร้อย งานเสร็จสิ้น
“งั้นก็ บาย”
“เดี๋ยวก่อน แกน่ะ คิดว่าข้าเป็นใครกัน”
“ผู้เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์เวทย์…..”
ฮิคารุหยุดและยิ้ม
“ที่เป็นแค่ฉากบังหน้า แต่จริงๆแล้วเป็นผู้นำกลุ่มใต้ดิน สินะ”
“…….”
เคลเบคเงียบไป ฮิคารุนั้นจี้ถูกจุดเลยทีเดียว
“นั่นน่ะ เป็นจดหมายที่น่าสนใจดีนะ ถึงจะบอกว่าถูกส่งมาจากกิลด์ แต่คนส่งจริงๆน่ะ ต้องการที่จะบอกอะไรบางอย่าง นั่นหมายความว่า”
“มีเรื่องเสี่ยงๆเข้ามา”
“ช่าย แต่ผมไม่สนใจหรอกนะ”
“ไม่งั้นเหรอ”
“อ่าหะ ผมอยากใช้ชีวิตแบบเปิดเผยมากกว่าน่ะ”
“ฮึ เบ่งใหญ่เลยนะ จะบอกให้แกรู้ไว้นะ เราน่ะ คือ กิลด์กองโจร แต่เราไม่เล็งเป้าหมายไปที่คนจนหรอกนะ”
“ไม่ล่ะ อีกอย่าง คุณน่ะจู่โจมผมไปแล้วนา ไม่ถงไม่ถามเรื่องสุขภาพเลยสักคำ”
“ถ้ามีปัญหาก็เรียกแล้วกัน เดี๋ยวข้าช่วยเอง แต่แน่นอนว่าต้องมีเงินนะ นั่นสิถึงจะเรียกว่ากิฟแอนด์เทคน่ะ”
“เกี่ยวกับเรื่องนั้น” ฮิคารุว่า และชี้ไปที่จดหมาย
“นั่นน่ะ มาจากชนชั้นสูงรึเปล่า”
“ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ”
“เขาใช้กิลด์เป็นตัวกลาง แล้วยังสามารถสั่งกิลด์รอบๆได้อีก น่าจะมีแค่ชนชั้นสูงเท่านั้นแหละที่ทำได้”
“ก็อาจจะ แล้วมันทำไมล่ะ”
“ก็คนที่จะต้องการความช่วยเหลือน่ะ น่าจะเป็นคุณมากกว่ามั้ง”
เคลเบคมองเขาอย่างหัวเสีย
“ทำเป็นอวดดีไปนะไอ้หนู”
“ทำใมพวกผู้ใหญ่ชอบมองผมว่ายังเด็กจังน้า ผมน่ะ สิบห้าแล้วนา”
“สิบห้าก็ยังเด็กอยู่เห้ย ช่างแม่ง จะไปไหนก็ไปเหอะ”
“คร้าบๆ”
ฮิคารุออกจากห้องไป
“เป็นเด็กที่ดูแปลกๆ แต่ใช้ได้เลยนี่หว่า” เบคเบคพึมพัมเบาๆ
หลังจากทำการทดลองและเควสนี้เสร็จ ตอนที่ออกมา ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว ไม่ค่อยมีนักผจญภัยมากนักตอนที่เขาไปถึงกิลด์
“นี่ค่า เรียบร้อย กลับบ้านไปพักผ่อนได้แล้วนะค้า”
“หลังจากนี้ว่างมั้ยจ๊ะกลอเรียจัง สนใจไปกิน–”
“กลับบ้านไปพักผ่อนได้แล้วนะค้า”
“ไม่สิ ไปกิน—”
“กลับบ้านไปพักผ่อนได้แล้วนะค้า”
“–ครับ”
กลอเรียพูดบทเดิมซ้ำๆ ด้วยรอยยิ้ม น่าเหลือเชื่อมากที่เธอทำให้ดูเหมือนเธอเป็นห่วงพวกนักผจญภัยจริงๆ พวกนั้นไม่แม้แต่จะอยู่ต่อหลังจากส่งเควสเสร็จแล้ว และแยกย้ายอย่างรวดเร็ว
ช่วงพลบค่ำเป็นเวลาที่นักผจญภัยส่วนใหญ่กลับจากการไปทำเควสแล้ว กลอเรียรับมือพวกเขาได้อย่าเป็นมืออาชีพ และเธอจัดการกับวัตถุดิบได้ไวเช่นกัน
นี่แหละที่เคยบอกไว้ เวลาทำงานน่ะ ต้องใส่ใจลงไปด้วย
เขามาอยู่หน้าเคาท์เตอร์โดยแทบไม่เสียเวลา
“ต่อไป ห๊ะ?”
กลอเรียเบิกตากว้างตอนที่เห็นฮิคารุ
ได้ไง?
กิลด์นั้นปิดทำการแล้ว ในขณะที่กลอเรียกำลังเลื่อนบานพับลงนั้น เธอก็คิดว่า
เคลเบค เป็นพวกระดับสูงในกิลด์กองโจรในสาขาของเมืองนี้ ฮิคารุไม่น่าจะไปหาเขาได้ง่ายๆสิ ถ้ามีใครจากกิลด์นักผจญภัยไปหาเขา ก็ต้องโดนคนของเขาถามอะไรบ้างสิ
แล้วถ้าฮิคารุโดนจับ พวกกิลด์กองโจรจะต้องขอข้อมูลจากกิลด์แน่ แล้วตอนนั้น กลอเรียก็จะเข้าไปแล้วทำหน้าที่เป็นตัวแทนการเจรจาของกิลด์ โดยเฉพาะกิลด์ที่เล็กๆอย่างสาขาพอนด์ หลังจากที่โดนช่วยโดยกลอเรีย ฮิคารุจะต้องซาบซึ้งในพระคุณของเธอแน่ๆ แล้วเธอจะได้ได้ขอ้มูลของเขาทั้งหมด นั่นแหละ แผนของเธอ
เด็กนั่นเข้าไปหาเคลเบคได้ยังไงกัน เขาไม่น่าจะตรงเข้าไปหาเฉยๆได้นี่นา
ฮิคารุพูดอะไรแบบว่า “ก็แค่ไปพบมาอ่ะนะ” ไม่ก็ “เขาสบายดี” แต่เพราะมีนักผจญภัยต่อแถวอีกเยอะเธอเลยไม่ได้ถามต่อ
….สงสัยมากกว่าเดิมอีกนะเนี่ย
แล้วเธอก็ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายโดยไม่มีใครเห็น