ตอนที่ 12 คุกคาม
คนที่จะตีราคาไม่ใช่จิลแต่ดูเหมือนว่าต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการตีราคาของกระต่ายเขาแดง เธอสั่นกระดิ่งแล้วก็มีชายแก่เดินออกมาจากในห้อง เขามีผมยาวสีขาวและมวยผมบางส่วนไว้ด้านบน ส่วนที่เหลือก็ปล่อยไว้เหมือนกับหนวดและเคราของเขา นั่นทำให้เขาเหมือนกับมวลก้อนผมสีขาว สูงประมาณร้อยห้าสิบเซนติเมตร เตี้ยกว่าฮิคารุครึ่งนึงเลยทีเดียว
“โนม เหรอ?” ฮิคารุพึมพัม
“เขาเป็นเผ่าหายากที่เรียกว่า มนุษย์โนม น่ะ อย่าพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เชียว เดี๋ยวเขาจะโกรธเอา” จิลกระซิบ
อึก ปวดคอชะมัดเลย
“อะไรฮะจิล กำลังยุ่งอยู่นะ! ตอนนี้แขกจากเมืองหลวงกำลังจะมานาเหวย”
“ฉันรู้ค่ะ แต่คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการตีราคากระต่ายเขาแดงนะคะ”
“หืมม..”
อันเค็นจ้องมาที่ฮิคารุเป็นครั้งแรก
“…..โอ้”
เขาวิเคราะห์ตัวฮิคารุตั้แต่หัวจรดเท้าก่อนที่จะหันหลังและเดินกลับเข้าไปทางเดิม
“ถ้าเดินไปตามทางนั้น จะไปเจอโรงชำแหละนะ ทุกอย่างจะเรียบร้อยตรงนั้นล่ะ ตามคุณอันเค็นไปก็พอนะ”
จิลแตะไหล่ของเขาและเดินกลับไปที่เคาท์เตอร์ พวกนักผจญภัยที่เห็นแบบนั้นก็มองมาที่ฮิคารุด้วยความกระหายเลือด
“…เพิ่งบอกว่าอย่าทำไปเองนะ เฮ้อ”
และเขาก็ตามอันเค็นไปพร้อมกับความรู้สึกเบื่อหน่าย
โรงชำแหละค่อนข้างที่จะเหมือนกับโรงจอดรถใหญ่ๆ ถึงจะทำด้วยไม้ แต่คานที่ถูกวางไว้อย่างมืออาชีพก็ช่วยพยุงโครงสร้างได้เป็นอย่างดี มีตะขอห้อยเอาไว้ห้อยสัตว์ต่างๆถูกห้อยไว้กับคาน
“ไหนเอามาดูซิ”
ฮิคารุวางถุงลงกับโต๊ะ อันเค็นรับกระต่ายเขาแดงไปเพื่อเช็คข้างใน
“……”
ในขณะเดียวกันฮิคารุก็เรียกโซลบอร์ดของอันเค็นออกมา เขาสงสัยมาตั้งแต่ระหว่างทางที่มาที่นี่แล้ว และลางสังหรณ์ของเขาถูกต้อง
[โซลบอร์ด] อันเค็น เอฟ บัลแซค
อายุ 211 แรงค์ 51
47
[พลังกาย]
[การฟื้นฟูตามธรรมชาติ] 2
[ความอึด] 5
[ความต้านทาน]
[ต้านเวทย์] 1
[การรับรู้]
[กลิ่น] 1
[รส] 2
[พลังเวทย์]
[มานา] 6
[พลังทางกาย]
[พลังจู่โจม] 9
[ชำนาญอาวุธ]
ดาบสั้น 6
ธนู 3
อาวุธขว้าง 4
เกราะ 2
[ความคล่องตัว]
[ลอบเร้น]
[พรางชีวิต] 2
[พรางมานา] 2
[อำพราง] 2
[พรางหมู่] 1
[ความแม่นยำ]
[ความแม่นยำ] 3
[ชำนาญเครื่องมือ]
[เครื่องปั้นดินเผา] 2
[อำนาจจิต]
[ความแข็งแกร่งทางจิตใจ] 3
[การหยั่งรู้]
[สัญชาตญาณ] 4
[การตรวจจับ]
[ตรวจจับชีวิต] 1
“อะไรนะ!!!” ฮิคารุเผลอโพล่งออกมา
“หมายความว่ายังไงนะไอ้หนู?”
“เอ่อ ไม่มีอะไรครับ”
“……..”
อันเค็นมองที่ฮิคารุอย่างสงสัย แต่ก็หันกลับไปจัดการกับกระต่ายต่อ
เดี๋ยวสิ นี่มันไม่จริงใช่มั้ยเนี่ย นี่มีกระทั่งสกิลในสาย ลอบเร้น ที่เราไม่มีด้วย แต่มีแค่แต้มเดียวสินะ หืมมม แต้มที่เหลือดูแปลกๆแฮะ
ฮิคารุลองคำนวนอย่างสงสัย อันเค็นใช้แต้มไปทั้งหมด 74 แต้ม รวมกับที่เหลืออยู่ 47 แต้ม รวมเป็น 121 แต้ม เรื่องแรงค์น่ะลืมไปได้เลย แต่อายุถึง 211 ปี น่ะโคตรจะเหลือเชื่อ ถ้าได้แต้มปีละแต้มก็น่าจะมีแต้มเหลือมากกว่านี้สิ
นี่เหลือหนึ่งในสามสินะ 211 หาร 3 ได้ประมาณ 70 70 บวกกับแรงค์ของเขา ก็ได้ 51 รวมเป็น 121 ก็จะได้ประมาณนี้ บางสายพันธุ์อาจจะมีชีวิตสั้นแต่บางสายพันธุ์ก็มีชีวิตยืนยาว บางทีแต้มที่ได้อาจจะขึ้นอยู่กับช่วงชีวิตของสายพันธุ์สินะ
ดูเหมือนว่าสิ่งที่ถูกสงสัยได้คลี่คลายแล้ว
แล้ว พรางหมู่ น่าจะต้องการสองแต้มในพรางมานากับพรางชีวิตสิและอำพรางสินะ คนคนนี้มีเซ็ตสกิลคล้ายกันกับเราเลย เป็นสายโจรรึเปล่านะ
ฮิคารุอยากรู้ความแข็งแกร่งของอันเค็น ไม่เหมือนกับฮิคารุที่สามารถลงแต้มสกิลเองได้ ชายคนนี้มีแต้มเล็กน้อยเท่านั้นในสกิลแต่ละสาย ดูเหมือนว่าแต้มสกิลของเขาจะค่อนไปทางสายโจร ถ้าเขารู้ว่าอันเค็นแข็งแกร่งยังไง เขาจะได้แบ่งแต้มโดยใช้อันเค็นเป็นตัวอย่าง
“ไอ้หนู”
“ครับ?”
“จ้องข้าสนุกดีมั้ย?”
ฮิคารุก็เริ่มคิดได้ว่า
จริงสิ สัญชาตญาณของเขามี 4 แต้มนี่นา เขาน่าจะพอรู้ด้วยมั้งว่าเราแอบดูโซลบอร์ดเขาอยู่
“ปรกติผมไม่เคยเห็นคุณที่กิลด์น่ะครับ”
“….ก็ใช่น่ะสิ”
“ปรกติคุณทำอะไรเหรอครับ?”
“ไม่ใช่เรื่องของเอ็ง”
“จากท่าทางของจิลแล้ว คุณคงจะเป็นกิลด์มาสเตอร์ใช่มั้ยครับ”
“ข้าเป็นแค่นักประเมินเท่านั้นล่ะ”
ฮิคารุเปลี่ยนเรื่องได้ดีหรือไม่ก็อันเค็นก็ไม่สนใจจะขุดคุ้ยต่อ
“ยังไงก็เถอะ เอ็งไม่เคยชำแหละกระต่ายเขาแดงมาก่อนใช่มั้ย”
“….ไม่ครับ”
“ผ่าได้แย่มาก ใช้อะไรเนี่ย”
ฮิคารุหยิบมีดสั้นออกมา แล้วอันเค็นก็ถอนหายใจ
“…..เจ้าโง่เอ้ย ใครเขาใช้อาวุธสำหรับฆ่ามาชำแหละกัน ใช้มีดเฉพาะทางเซ่ เอ็กถลกหนังกับตัดเนื้อตอนที่ยังมีอวัยวะภายในอยู่ใช่มั้ย นี่เนื้อมันจะรสชาติแย่ถ้ามีเลือดอยู่นา”
“คุณพูดถูก เข้าใจแล้วครับ”
“แล้ววิธีการผ่าท้องของเอ็งก็ห่วยสุดๆ ถ้าเอามาโดยไม่ชำแหละก่อน มูลลค่าของมันก็จะยังไม่ตกประมาณสองหรือสามชั่วโมง” เขาพูดแล้วก็ขึงตาใส่ฮิคารุ “….ก็อยากจะพูดแบบนั้นล่ะนะ แต่ดูจากกล้ามเนื้อของเอ็งคงจะหวังพึ่งไม่ได้ เอ็งน่าจะแบกมาไม่ไหวหรอก”
“ครับ คราวหน้าจะระวังครับ”
“ก็อยากจะให้เอ็งตั้งปาร์ตี้อยู่หรอก แต่ดูจากจุดแข็งของเอ็งแล้ว แกคงจะเชี่ยวเรื่องการย่องเบาล่ะสิ”
“……..”
“ถ้าให้พูดคือ ค่อนข้างแข็งแกร่งล่ะนะ กระต่ายเขาแดงน่ะ ค่อนข้างจะเซนส์แรงเลย เอ็งใส่ชุดจากไนท์วูล์ฟใช่มั้ยล่ะ นั่นน่าจะช่วยได้บ้างล่ะ”
มองทะลุทุกอย่างเลยฮะ
“…กระต่ายมันรู้ตัวแล้ววิ่งสะดุดตอไม้น่ะครับ“
“อะไรนะ?”
“ผมเลยฆ่ามันได้ไง”
ฮิคารุให้คำตอบที่มีความจริงครึ่งนึงออกไป โกหกนั่นแหละ ไม่คิดว่าจะมีเรื่องอะไรอย่างกระต่ายวิ่งสะดุดตอไม้ตายหรอกนะ
“หืมม..จะบอกว่าเอ็งแค่โชคดีงั้นเรอะ?”
“เรามาคุยกันดีกว่า มันไม่ใช่แค่ดวงอย่างเดียวหรอก ผมไม่คิดว่ามันดีที่จะสอบสวนคนที่มีสกิลพิเศษหรอกนะ แต่ว่า กิลด์มาสเตอร์คงอยากจะรู้สินะ”
“นี่เอ็งคิดจะดักข้าเรอะ”
บ้าเอ้ย โดนจับได้ซะแล้ว อายุ 211 ปีนี่ไม่ใช่แค่ของไว้โชว์เล่นจริงๆด้วย ฮิคารุไม่รู้จะพูดอะไรกับชายแก่คนนี้
“ส่วนกระต่ายน่ะ มันมีรอยตัดที่หนังตรงขามูลค่าของมันก็เลยลดลง เสียดายชะมัด นี่เป็นส่วนที่อร่อยที่สุดด้วยสิ เราซื้อได้แค่ 7,000 กิลลันเท่านั้นล่ะ”
“ตกลงครับ”
“…..โอ้ ไม่บ่นเลยเรอะ หา?”
ฮิคารุคิดไว้อยู่แล้วว่าจะได้ประมาณนี้ แล้วอีกอย่าง การชำแหละส่วนใหญ่ก็เสร็จไปแล้วด้วย
“ผมไม่อยากจะเสียเวลามากไปกว่านี้ไปกับการบ่นหรอกนะ เงินน่ะซื้อเวลาไม่ได้นา”
“ทำไมถึงรีบขนาดนั้นล่ะ”
“ก็เพราะว่าผมคงไม่สามารถมีชีวิตได้เป็นร้อยสองร้อยปีเหมือน มนุษย์โนมหรอกนะ”
“……..”
อันเค็นหน้านิ่วคิ้วขมวด
ดูเหมือนว่าเราจะพูดมากเกินไปหน่อยแฮะ
“ส่วนไอ้กระต่ายที่สะดุดตอน่ะ ร่างกายสะอาดดีนะ ไม่อยากรู้ราคาขนของมันหน่อยเรอะ”
อันเค็นโต้กลับบ้าง ดู้หมือนว่าเขาจะมองทะลุคำโกหกของฮิคารุได้
“ก็ไม่ได้เยอะมากใช่มั้ยล่ะ”
“หืมมม ก็ไม่นะ ประมาณ 500 กิลลัน เดี๋ยวจะรวมกับยอดทั้งหมดให้”
“และ?”
“และอะไรล่ะ?”
“แล้วเขาล่ะ”
อันเค็นยิ้มเป็นครั้งแรก แต่ดูเหมือนแค่ยกมุมปากนิดเดียวมากกว่า
“เอ็งรู้เรื่องนั้นด้วยสินะ”
“ผมอ่านมาจากห้องอ้างอิงน่ะ เขาของกระต่ายเขาแดงน่ะ มีผลในการทำยาด้วย”
“ข้าคิดว่าเอ็งเป็นแค่ไอ้เด็กอวดดีซะอีก แต่เหมือนจะเดาผิดสินะ ทำการบ้านมาด้วยนี่หว่า นี่ยอมเสียเวลาอันมีค่าเพื่อศึกษาด้วยงั้นเรอะ”
“ผมชอบอ่านหนังสือน่ะ ถ้าจะเรียกว่า เด็กหยิ่งที่ขยัน คุณกำลังทำให้เกิดแสงแห่งความหวังในการสร้างงวัฒนธรรมใหม่ๆนา”
“ได้ยินที่ตัวเองพูดมั้ยน่ะ เอ็งนี่มันหยิ่งทะนงจริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า”
อันเค็นหัวเราะออกมา
“ถ้าไม่ว่าอะไร ตอนผมว่างช่วยสอนผมชำแหละหน่อยสิ”
“ได้สิ นั่นแหละที่ข้ากำลังอยากทำอยู่พอดี”
“มาพรุ่งนี้ตอนเย็นๆสิ”
“ดีเลย ขอบคุณครับ”
“เออ บาย” อันเค็นว่าและยกมือทำท่าจะกลับ
“เดี๋ยวดิ หยุดเลย คุณยังไม่ตีราคาเขาให้ผมเลยนะ”
“ชิ คิดว่าจะหลอกได้ซะอีก”
ตาแก่เวรเอ้ย ฮิคารุคิด แก้มกระตุก อันเค็นดูที่เขาแล้วพึมพัม
“เขามันค่อนข้างหายากน่ะ ข้าเองก็ไม่รู้ราคาตลาดของมันเหมือนกัน คงต้องติดต่อไปที่กิลด์นักแปรธาตุ กับกิลด์หมอ ก่อนน่ะ น่าจะรู้พรุ่งนี้ตอนเย็นล่ะ แล้วข้าจะให้เงินทั้งหมดตอนนั้นล่ะ”
“โอเคครับ เฮ้อ จะดีกว่านี้ถ้าคุณไม่คิดจะหลอกผมน่ะ”
“พูดอะไรน่ะ ไอ้เด็กที่โกหกด้วยนิทานเก่าๆแบบ กระต่ายวิ่งสะดุดตอไม้น่ะ”
ฮิคารุอยากรู้เรื่องของอันเค็นมากกว่านี้จากจิลแต่เหมือนเคย เธอโดนพวกนักผจญภัยรายล้อมอยู่ เขาไม่ได้เข้าไปหาเธอ และพอกลอเรียเห็นเขา เธอก็รีบเดินออกมา เขาเลยรีบออกจากกิลด์
ฮิคารุตกใจที่อันเค็นรู้จักนิทานของกระต่อยด้วย ชายแก่ไม่ได้รู้รายละเอียดมากนักแต่ว่าเขาคุ้นเคยกับมัน ฮิคารุเลยลองถามออกไปแล้วก็ตอบว่า เคยได้ยินมาสมัยเด็กๆตอนที่อยู่บ้านเกิด
แปลว่าน่าจะมีคนที่กลับมาเกิดใหม่แบบเราอยู่สินะ
ในอีกความหมายนึงคือ เป็นความจริงที่น่าตกใจมาก แต่ก็ไม่น่าตกใจเช่นกัน ทุกอย่างนั้นสามารถเป็นไปได้ ฮิคารุถูกพามาที่นี่โดยอัจฉริยะ โรแลนด์ เขาใช้มนต์ข้ามโลก บางอย่างที่คล้ายๆกับเวทย์มนต์ แตไม่ใช่ เขามีทรัพยากรณ์ที่จะสามารถค้นคว้าได้ว่ามีโลกอื่นอยู่
แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องหาคนแบบเราล่ะนะ
ฮิคารุคิดว่าจะมีคนอื่นที่ใช้โซลบอร์ดได้แบบเขาไหม ยังไงก็ตาม เขาได้สกิลนี้มาจากการวิ่งราวกระเป๋าที่มีแสงอยู่ในนั้นตอนอยู่ในสวรรค์เท่านั้น ถึงจะมีกระเป๋าแบบเดียวกัน ก็อาจจะมีสกิลที่เขาไม่ได้คาดคิดก็ได้ โรแลนด์เคยพูดเช่นกันว่า มีคนที่มีสกิลเฉพาะอยู่เหมือนกัน
“แล้ว ทำอะไรดีนะ”
เขาไม่คิดที่จะออกไปนอกเมืองอีกครั้ง ขณะที่กินแซนด์วิชที่จุดพักใกล้ๆถนนหลัก และเริ่มคิดว่าจะทำอะไรต่อ ใกล้ๆนั้นมีแม่บ้านที่อยู่ระหว่างการออกมาซื้อของ ยืนคุยกับคนอื่นๆ มีเด็กชายที่กำลังงีบ อยู่ด้วย
“อยากรู้เรื่องอื่นมากกว่านี้จัง ส่วนใหญ่ที่โรแลนด์รู้ก็มีแค่อะไรที่เกี่ยวกับชนชั้นสูงด้วยสิ แต่ว่าก่อนหน้านั้น”
เขายัดแซนวิซชิ้นสุดท้ายลงกระเพาะ แล้วยืนขึ้น
“หาโรงแรมอื่นนอนดีกว่า”
เขานอนบนเสื่อมานานมากแล้ว
โรงแรมที่มีเจ้าของ เถ้าแก่เนี๊ย และใบปิดรูปสาวน้อยที่ล่อลวงเขา ฮิคารุรีบสลัดความคิดนี้ออกไปจากหัว เขาไม่ได้อยากจะอยู่ที่เมืองนี้นานนัก การสร้างสานสัมพันธ์กับคนอื่นจะยิ่งทำให้ลาจากได้ยากเท่านั้น แค่นี้เขาก็มีความสัมพันธ์กับจิลมากพอแล้ว (ฝ่ายนั้นน่าจะคิดไปเอง) แต่ว่าก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเธอทำงานอยู่ที่กิลด์
แล้วเขาก็มาหยุดที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เป็นตึกห้าชั้นมีรูปร่างคล้ายๆกับกล่องไม้ขีด ทุกๆห้องมีนั้นแทบจะเหมือนกันคือมีห้องนอนห้องเดียว ในโลกนี้ ตึกห้าชันถือเป็นสิ่งที่มีระดับมากๆ บวกกับว่าเขาจะได้มีห้องส่วนตัว แล้วยังมีห้องอบซาวน่าด้วย ราคาก็คือ 1,000 กิลลัน ต่อหนึ่งคืน สิบเท่าของที่ก่อนหน้านี้
“ท่านต้องการจะอยู่ที่นี่จริงใช่มั้ยคะ”
ที่ชั้นแรก มีหญิงสาวสวมชุดยูนิฟอร์มอยู่ เธอมองมาที่ฮิคารุด้วยความสงสัยและความสนใจ ที่หัวมีหูแมวกระดิกอยู่ ผมที่ดูนู่มนิ่ม สีเขียวอ่อนถูกมัดไว้อย่างสุภาพข้างหลังเธอ (หูแมว=นู่ม!!!)
“คืนละพันกิลลันสินะ สำหรับตอนนี้ผมขออยู่สามคืนแล้วกัน”
เขาหยิบเงินออกมา 3,000 กิลลัน และยี่นให้เธอ เธอกระพริบตาอย่างถี่ๆ และรับเงินๆป หูของเธอก็กระดิกเช่นเดียวกับตาของเธอ
ก็เคยอ่านนิยายที่มีพวกตัวเอกคลั่งหูแมวอยู่หรอกนะ ทำไมต้องอดทนขนาดนั้นนะ ไม่เคยแตะแมวมาก่อนรึไง (ผป=หูแมวจริงน่ะต่างกันนะ!!)
“ท่านต้องรวยมากแน่ๆเลยนะคะ ดูจากขุดที่ใส่อยู่เนี่ย”
“จริงเหรอ ดีใจที่เธอชอบนะ”
โดโดโรโน่ก็น่าจะดีใจที่ได้ยินอย่างนี้
“ใช่ค่า มีสิ่งที่ควรจำเกี่ยวกับโรงแรมนี้อยู่นะคะ ท่านจะได้รับห้องส่วนตัวแถมกันเสียงด้วยนะ จะเรียกผู้หญิงมาด้วยก็ได้นะ แต่เธอจะอยู่ข้ามคืนไม่ได้นะ เข้าใจมั้ยคะ”
“…ว่าไงนะ?”
“อ๊ะ ขอโทษค่ะ หรือว่าท่านอยากจะเรียกผู้ชายมากกว่า”
“ไม่”
จริงดิ ทั้งจิลทั้งเธอเลย ไปเอาความคิดนั้นมาจากไหนเนี่ย
“เอ่อ แขกส่วนใหญ่มากันเพราะแบบนี้เหรอ”
“ใช่ค่า ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องปรกติเหรอคะ?”
“อ๊ะ โทษที พอดีผมไม่ค่อยรู้เรื่องของแถวนี้เท่าไรน่ะ”
“เคยมีแขกเรียกฉัยขึ้นไปด้วยนะคะ”
“อะไรนะ!!!!” (ผป=!!!!)
จริงอะ?! นี่เรียกพนักงานต้อนรับหูแมวขึ้นไปด้วยได้จริงดิ !!!
หัวใจเต้นรัวในบัดดล อาจจะเชื่อยากไปหน่อยสำหรับคนที่เพิ่งตั้งคำถามว่าหูแมวมันดีขนาดนั้นเลยเหรอ ไปไม่กี่วิก่อนหน้านี้
ก็เราเป็นผู้ชายนี่นะ ใช่ๆ นี่น่ะ เป็นธรรมชาตินั่นแหละ
“แล้วก็โดนฉันปัดตกไปล่ะค่ะ เนี้ยฮ่าฮ่าฮ่า”
“….นั่นสิเนอะ”
“ทำไมอยู่ดีๆถึงโวยวายล่ะคะ”
“..เปล่าซักหน่อย”
ฮิคารุค่อยๆทำให้ตัวเองใจเย็นลง
แน่นอน การจ่ายเงินซื้ออะไรแบบนี้มันไม่ถูกต้อง แล้วก็ เราก็อยากมีครั้งแรกกับคนที่มีครั้งแรกกับเราด้วย นี่ไม่ใช่เพราะไม่เคยมีประสบการณ์หรอกนะ !!! ใช่ ไม่ใช่แน่นอน
“อ๊ะ แต่ว่า”
เธอมากระซิบข้างๆหูของเขา
“แต่ถ้าเธอเป็นคนเรียกล่ะก็พี่สาวก็พร้อมไปหานะ”
ชิบ…. เกือบถวายกระเป๋าให้นางไปแล้วสิ
เงินที่เหลือ 1,830 (+7,500+ค่าเขา)