ตอนที่ 13 ข้อมูลที่พลาดไม่ได้
ทีแรกฮิคารุก็ใจเต้นแรงหลังจากที่ได้ยินพนักงานหูแมวพูด แต่ว่าก็ใจเย็นลงได้เพราะรู้ว่าเธอแค่แหย่เล่น
“ให้ตายเถอะ…..”
ฮิคารุเก็บของไว้ที่โรงแรมและออกไปข้างนอก ตอนที่ออกไปพนักงานหูแมวคนนั้นก็โบกมือให้และอวยพรให้โชคดี
พระอาทิตย์ยังตั้งตระหง่านอยู่กลางฟ้าเขามุ่งหน้าไปที่วิหาร กิลด์การ์ดของฮิคารุนั้นมีคลาส Assassination Godและ Stealth God ขึ้นมา ถ้าพวกนั้นแยกคลาสตามความเชี่ยวชาญล่ะก็ มันมีเทพกี่คนในโลกนี้กัน เขาอยากจะรู้คำตอบ ในความทรงจำของโรแลนด์ไม่มีเรื่องนี้เลย
อนึ่ง คลาสของโรแลนด์คือ 「Wide Area Noble Blood Rescue God: Noblesse」ชนชั้นสูงที่ยังหนุ่มส่วนมากจะได้คลาสนี้ ในความเป็นจริง ถ้าพวกเขาไม่มีคลาสนี้ จะถูกสงสัยว่าเป็นลูกนอกสมรส
ที่ใจกลางเมือง เป็นที่ที่ค่อนค่างคึกคักเลยทีเดียว และยิ่งมีคนเยอะขึ้นไปอีกเมื่อใกล้วิหาร และยิ่งมีร้านรวงมากมายเพิ่มขึ้นตาม
วิหารเป็นสถานที่ที่มีโครงสร้างเป็นโดมคล้ายกับเตนท์ของคณะลุครสัตว์ มีทางเข้าแปดทางอยู่รอบๆ เป็นสิ่งก่อสร้างที่ค่อนข้างมีเอกลักษณ์เลยทีเดียว ใช้เหล็กเป็นโครงและใช้หินเป็นฐาน และนอกนั้นเป็นไม้ ที่หน้าต่างมีเทพต่างๆสลักอยู่ที่ตรงนั้น จะสามารถเข้าจากทางไหนก็ได้ เขาจึงเดินตามชาวเมืองไป
“ว้าว….”
และเมื่อก้าวเข้าไป ความยิ่งใหญ่ของภาพวาดบนกำแพงได้ครองความสนใจของเขา เป็นภาพของเทพที่หันหน้ามาที่ทางเดิน สวมใส่เสื้อคลุม ที่มือขวาถือปากกาอยู่ และที่มือซ้ายมีลูกแก้ว ถูกสลักอยู่บนเจดีย์ เป็นประติมากรรมที่สูงราวๆห้าเมตร
[เทพแห่งปัญญา] เขียนไว้อย่างนั้น มีนักบวชยืนอยู่ข้างหน้านั้น
“ว่ากันว่า โซลการ์ดนั้นถูกสร้างโดยนักวิจัยที่ถูกอวยพรโดยเทพแห่งปัญญา เป็นการอวยพรที่สุดยอดขนาดที่ว่าเรายังไม่สามารถรู้ได้เลยว่าการ์ดนี่มันทำงานยังไง โชคไม่ที่ที่ผู้วิจัยมันได้จากไปแล้ว”
ฮิคารุผงกหัว เขาสงสัยว่าการ์ดมันถูกสร้างได้ยังไงมากมายขนาดนี้ แต่ดูเหมือนเทพแห่งมันปัญญาจะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ นักบวชกล่าวว่ามันเป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้ว
ที่อยู่ข้างๆกันคือเทพแห่งดวงอาทิตย์และเทพสงคราม มีนักบวชยืนอยู่ข้างหน้าของทั้งภาพทั้งสองด้วยเช่นกัน แต่สิ่งที่ดึงความสนใจฮิคารุคืออาวุธของเทพสงคราม มันมี ดาบ ดาบใหญ่ ดาบสั้น หอกสั้น หอกยาว ธนู มีดขว้าง โล่ และเกราะ เก้าชนิดด้วยกัน
มันเป็นชนิดเดียวกันกับในโซลบอร์ดในสาย ชำนาญอาวุธ เลย
มันไม่น่าจะเหมือนกันนี่นา
นักบวชสาธยายยาวเหยียดเกี่ยวกับผู้ที่ศึกษาเกี่ยวกับศาสตร์แห่งสงคราม แต่ถ้าให้พูดสั้นๆ ทั้งหมดนั่นจะนำมาสู่ประโยคว่า “ถ้าเจ้าอุทิศตัวตน พระเจ้าก็จักเฝ้ามองเจ้า ฉะนั้น จงขยันเข้าไว้”
แต่ทั้งทหารและนักผจญภัยก็ตั้งใจฟังกันเป็นอย่างดี ฮิคารุยังไม่ได้รู้ในสิ่งที่อยากรู้จึงรอให้นักบวชคนนั้นว่าง และเข้าไปหาเขา
“ว่ายังไงเจ้าหนุ่ม มีอะไรจะถามอย่างนั้นเหรอ”
เขานั้นยินดีต้อนรับฮิคารุอย่างเต็มที่ ดูเหมือนว่าไม่มีคนที่ดูอ่อนแอมาถามเขามากนัก
“อยากจะถามเรื่องของอาวุธเก้าชนิดนั่นน่ะครับ”
“ฮ่าฮ่า รู้เรื่องเก้าวิถีแห่งเทพสงครามด้วยรึ บอกมาสิว่าอยากรู้วิถีไหน”
“เก้าวิถี?”
“ฮ่าฮ่า งั้นก็เริ่มจากตรงนั้นแล้วกัน เก้าวิถีนั้นอิงมาจากประกาศิตของอาวุธเก้าชนิดที่เทพสงครามได้ชำนาญ”
“ประกาศิตเหรอ? ถ้าอาวุธเก้าชนิดเป็นประกาศิต แปลว่าอาวุธชนิดอื่นจะกลายเป็นสิ่งนอกรีตเหรอ?”
“อาวุธชนิดอื่นนั้นไม่ได้ถูกปฏิเสธหรอก แต่ก็อาจจะมีบางอย่างที่เป็นเช่นนั้น อย่างที่เธอรู้ ศูนย์ฝึกของเมืองนี้นั้นจะเชี่ยวชาญหนึ่งในอาวุธเก้าชนิดนี้”
ฮิคารุผงกหัว
“ที่เมืองนี้มีสถานที่ที่เรียกว่า สำนักดาบเรย์บริก อยู่ มันถูกตั้งชื่อตามปรมจารย์ดาบที่ชื่อว่าเรย์บริก นอกจากนั้นยังมี สำนักหอกเซเลสเชียล ที่สุดยอดเรื่องหอกยาวที่สุดในทวีปนี้เลยนะ ”
“แล้วอาวุธอื่นจะได้ผลเพิ่มเติมเหมือนกัยมั้ยครับ”
“ฮ่าฮ่า พูดเรื่องกิลด์การ์อยู่งั้นรึ คำตอบคือไม่ แต่พ่อก็มีข้อมูลจำกัด พ่อไม่เคยได้ยินเรื่องอาวุธชนิดอื่นนอกจากเก้าชนิดนี้เลย”
“เข้าใจแล้วครับ คำถามสุดท้าย แล้วอะไรคือหลักเกณฑ์ในการเลือกอาวุธของเทพสงครามล่ะครับ”
หลังจากที่หัวเราะ นักบวชก็พูดขึ้น
“ไม่มีเหตุผลสำหรับสิ่งที่เทพทำหรอกนะ มีแต่ผลของมันเท่านั้นล่ะ”
นั่นค่อนข้างลึกล้ำเลยนะนั่น ฮิคารุคิด
ฮิคารุเดินไปรอบๆและพบว่ามีแค่เทพหนึ่งหรือสองตัวอักษรเท่านั้นที่ถูกสักการะ มีบอร์ดที่เขียนถึงเรื่องการสร้างโลกนี้ขึ้นด้วย แต่ว่าส่วนใหญ่เป็นแค่ทฤษฎีเท่านั้น วิธีการสร้างโลกที่แท้จริงนั้นยังเป็นปริศนาอยู่
แต่เราค่อนข้างมั่นใจเลยว่าที่โลกนี้ไม่มีพระเจ้าอยู่ เพราะยังไงทุกคนได้รับการอวยพรจากคลาสของตัวเองเท่านั้นล่ะ
แน่นอนแล้วว่า คลาสที่ปรากฎอยู่ในกิลด์การ์ดนั้นจะเป็นไปตามพระเจ้าที่ผู้ถือครองนับถือ แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นแค่เครื่องมือที่ช่วยส่งเสียงถึงพระเจ้ามากกว่า ด้วยเหตุนั้น สกิลจึงถูกทำให้มีอาณุภาพมากขึ้น เหมือนกับที่เกิดขึ้นกับลอบเร้นของเขา
พระเจ้าเป็นคนวางระบบนี้รึเปล่านะ น่าสนใจจริงๆ มีเรื่องที่สงสัยเพิ่มแล้วสิ
ฮิคารุออกจากวิหารตอนที่ได้ยินชายสองคนคุยกัน
“นายแน่ใจนะ นั่นแน่นอนแล้วเหรอ”
“เหมือนจะเป็นอย่างนั้น นี่แปลว่าเราจะถูกไล่ออกงั้นเหรอ”
“โถ่เอ้ย ยอมรับไม่ได้หรอก นั่นแม่งไม่ได้เรียกว่าการสืบสวนด้วยซ้ำ”
เสียงนั้นคุ้นมาก
อัศวินสองคนที่คฤหาสของเคาท์มอร์คสแตทนี่นา
เขาช่วยอะไรไม่ได้แต่ก็แอบตามพวกเขาไป
“คนที่เจอศพเป็นคนแรกคือคนร้าย ง่ายๆแค่นั้นเอง”
“เงียบไปเลยไอ้บ้าเอ้ย เราจะให้คนอื่นได้ยินเรื่องนี้ไม่ได้นะเว้ย”
“ยังไงพวกนั้นก็ต้องรู้อยู่ดีน่า ”
อะไรนะ พวกนั้นจับคนร้ายได้แล้วเหรอ จากที่คุยกันน่าจะเป็นเรื่องคนที่ฆ่าเคาท์สินะ
คนร้ายตัวจริงอยู่ตรงนี้เอง
เดี๋ยวสิพวกนั้นพูดว่าคนที่เจอศพคนแรกงั้นเหรอ
คนที่เห็นศพคนแรกก็คือ…..
เด็กผู้หญิงคนนั้น
เด็กสาวผิดสีซีดที่มีผมสีเงินและตาสีฟ้า ฮิคารุเห็ว่าเธอนั้นผอมมาก แล้วยังใส่ชุดนอนที่ทำให้เธอดูผอมลงไปอีก
ฮิคารุช็อคไปเลย เธอจะต้องถูกใช้เป็นแพะรับบาป
“ยังไงก็เถอะ เธอถูกส่งไปที่เมืองหลวงแล้ว งานของเราเสร็จแล้วล่ะ”
“บ้าสิ แล้วแกมาที่วิหารทำไมล่ะ สารภาพบาปเหรอ?”
“ไม่ใช่ แค่มาทำงานแค่นั้นล่ะ”
“ถึงบอกไงว่าเอ็งน่ะตอแหล”
“ฮิคารุคุง?”
เสียงเรียกจากข้างหลังทำให้เขาตกใจจนกระโดดออกไปห้าเซนติเมตร เพราะเขาจะต้องเดินไปในที่ๆมีคนเยอะเลยต้องปิดลอบเร้นไว้
“คุณ-จิล…”
เธอใส่ชุดกระโปรงสีเขียวอ่อนและมีคาดเอวด้วยสายหนัง ที่คอมีผ้าพันคอสุดสวยอยู่ และเธอถือกระเป๋าสีขาวอยู่ เป็นจิลในชุดปรกติ ยืนอยู่ข้างหน้าเขา
“ไม่นึกเลยว่าจะเจอนายที่นี่ เดี๋ยวนะ หรือว่านายแอบตามฉันมา เจ้าเด็กเหลี่ยมจัด!”
“นึกว่าใครที่แท้ก็คุณเองเหรอ”
“ยังไงก็เถอะขอบคุณที่เลี้ยงนะ ขอโทษนะค้าขอฟาร์เฟ่ต์พีชที่นึงค่ะ แล้วก็ชาเขียวด้วยค่ะ”
“อะไรขอ—-”
“อะราย ฉันอยากจะสั่งอะไรก็ได้สิ ใช่มั้ย”
“…ครับ…”
ฮิคารุสั่งน้ำเปล่าราคา 10 กิลลันมา ตอนนี้พวกเขาอยู่ในคาเฟ่ เขาตกใจมากตอนที่จิลกำลังเรียกเขาตอนที่กำลังตั้งใจสะกดรอยอยู่ และพอรู้ตัวอีกที ทั้งสองคนนั้นก็คลาดสายตาไปแล้ว น่าจะกำลังกลับไปที่คฤหาสของเคาท์มอร์คสแตท เขายังอยากได้ยินข้อมูลมากกว่านี้
มีบางอย่างที่เขาอยากจะถามจิล เขาก็เลยเลี้ยงเธอเพื่อเป็นค่าข้อมูล เธอเลยพามาที่ร้านนี้
เธอฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีด้วยสาเหตุบางอย่าง ซึ่งน่าจะเป็นเพราะข้อตกลงของฮิคารุ กิฟแอนด์เทค งั้นแหละ
หวังว่าจะถามได้ง่ายๆนะถ้าอารมณ์ดีแบบนี้
ฟาร์เฟ่ต์กับชาราคารวม 150 กิลลัน ถ้าเทียบกับค่าข้อมูลแล้ว นี่เล็กน้อยมาก……เล็กน้อย…..หวังว่านะ
“เอาล่ะ ผมมีสองคำถาม”
“จริงอ้ะ?”
“ไอ้ จริงอ้ะ มันหมายความว่ายังไงฮะ ผมบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะถามน่ะ”
“ก็นึกว่าจะชวนมาจิบชาเฉยๆนี่นา”
ฮิคารุปิดตาและภาวนาต่อพระเจ้า ….ปวดหัวชะมัด
“เข้าใจล่ะ ก็คิดว่าแปลกอยู่ที่ชวนฉันมาดื่มชากระทันหันแบบนี้”
“ทำไมอยู่ดีๆอารมณ์เสียแบบนี้ล่ะ”
“ไม่มีย่ะ โอ๊ะ ขอโทษนะคะ ขอพวยแอปเปิลที่นึงค่า”
“ทำไมถึงสั่งเพิ่มล่ะ!”
“ทำไมล่ะ ค่าข้อมูลไง”
“….อั่ก”
เพิ่มมาอีก 90 กิลลัน ออกนอกงบไปแล้วครับ
“แล้วอยากจะถามอะไรล่ะ”
อารมณ์บูดทันที ฮิคารุไม่เข้าใจเธอเลย แต่เขาก็นึกขึ้นได้ว่าเธอมักเปลี่ยนอารมณ์บ่อยแบบนี้อยู่แล้ว
“เรื่องอันเค็นน่ะ เขาเป็นกิลด์มาสเตอร์ใช่มั้ย”
“เขาบอกเองเหรอ”
“ไม่อะบอกแค่ว่าเป็นนักชำแหละ”
“งั้นก็เป็นนักชำแหละนั่นแหละ ถ้าฉันพูดอะไรไปเดี๋ยวเขาจะโกรธเอาน่ะ”
“หรือก็คือ เขามีอำนาจมากกว่าคุณ แปลว่าเขาคือกิลด์มาสเตอร์สินะ”
“โถ่ เลิกทำตัวเจ้าเลห์ได้มั้ยเนี่ย ไม่ชอบเลย”
ฮิคารุยักไหล่
“แล้วอยากถามแค่ว่าใครเป็นกิลด์มาสเตอร์เหรอ”
“ไม่อะ ไม่ใช่แบบนั้น จากที่เห็นมาดูเขาแข็งแกร่งมากเลย ก็เลยอยากรู้ว่าเป็นคนแบบไหนน่ะ”
“หืมมม…..ก็เคยได้ยินแค่ข่าลือมาน่ะ”
“ไม่เป็นไร ว่ามาเลย”
น้ำมาเสริฟและเขาก็ดื่มมันทันที ไม่เย็นเลย คนที่นำน้ำมาเสริฟจ้องเขม็งมาที่เขาเหมือนกับจะบอกว่า
กล้าดียังไงที่พาสาวน่ารักอย่างนี้เข้าร้านวะไอ้เด็กเปรต
ชัดเลยว่าผู้ชายทุกคนทุกคนก็เหมือนกับนักผจญภัยสินะ ฮิคารุถอนหายใจเบาๆ
“เขาว่ากันว่า คุณอันเค็นไม่ได้เป็นนักผจญภัยมาก่อนน่ะ”
“…..อีกที่ซิ”
“เหมือนว่าเขาเคยทำงานให้ทางการน่ะ”
ฮิคารุไม่คาดคิดว่าจะได้คำตอบนี้ เขาสันนิษฐานว่าหลังจากที่เกษียนจากการเป็นนักผจญภัย เขาก็ทำงานให้กิลด์นักผจญภัย และเขาก็ได้ขึ้นเป็นกิลด์มาสเตอร์ นั่นน่าจะมีเหตุผลมากกว่า และมากไปกว่านั้น เขารู้วิธีชำแหละสัตว์
“แต่หลังจากเสร็จงานใหญ่ที่นั่นแล้วเขาก็เกษียนแล้วมาทำงานให้กิลด์นักผจญภัยน่ะ”
“โว้ว โว้ว โว้ว เขาเป็นใครกันแน่เนี่ย เคยทำงานอะไรกันแน่เนี่ย”
“….ก็ไม่ค่อยอยากพูดเรื่องนี้หรอกนะแต่ว่า….”
ค่าเสียหายคือ ทวินทอร์นาโด ราคา 150 กิลลัน
“เอาเลยเต็มที่”
บ้าเอ้ย ไม่น่ารีบจ่ายค่าโรงแรมไปเลย น่าจะรอค่ากระต่ายจากอันเค็นก่อน มีโน้ตบางอย่างถูกเขียนไว้บนเมนูแต่ฮิคารุไม่อยากจะอ่านมัน เขาแค่อยากให้จิลรีบๆสั่งให้จบเท่านั้น
“ได้เหรอ จริงนะ จริงๆนะ แน่นะ?”
“ลูกผู้ชาย พูดแล้วไม่คืนคำ”
“ฮูเร่!!! สุดยอดไปเลย! อยากลองไอ้นี่มานานแล้วล่ะ”
จิลสั่งเพิ่มด้วยความอารมณ์ดีสุดๆ ชายคนเดิมจ้องมาที่ฮิคารุอย่างกินเลือดกินเนื้อ
ไอ้หมอนั่นมีปัญหาอะไรกับเรานักหนานะ เฮ้ออ
“ยังไงก็เถอ ว่าต่อเลย”
“อื้ม อย่าบอกใครเชียวนะ โอเคมั้ย”
“โอเค”
“สัญญานะ ถ้าบอกใครฉันจะใส่ค่าปรับลงในกิลด์การ์ดของนายแน่”
“สัญญาน่า เดี๋ยวนะ ทำแบบนั้นได้ด้วยเรอะ อย่าเชียว”
“คุณอันเค็นน่ะ ที่จริงแล้ว เคยเป็น….”
จิลลดเสียงลง
“….นักฆ่าไม่ก็สปายล่ะ ภายใต้ความควบคุมของพระราชาด้วยนะ คิดว่านะ”
“เข้าใจล่ะ แล้ว?”
“……”
“แล้ว?”
“…ไม่ค่อยมีปฏิกริยาเลยอ้ะ เครียดแทบแย่เลยนะตอนที่พูดออกมาอ้ะ”
“ก็นะ ผมคิดไว้ถึงขั้นนั้นแล้วล่ะ ไปต่อเถอนะขอร้อง มีอะไรที่ทำให้คุณคิดว่าเขาเคยเป็นสปายใช่มั้ย”
“อืม….”
บริกรนำพารเฟ่ต์มาเสริฟ แล้วจิลก็เริ่มกินมัน มันดูเหมือนเจลลี่พีช ก็แน่สิมันเป็นของหวานี่นา ตัดเป็นรูปลูกบาศก์ ประดับด้วยครีมสด และชาเขียว เป็นสีเขียวอ่อน นี่เหมือนกับชาเขียวญี่ปุ่นเลยแฮะ
หวานชะมัด!! นี่เธอกินไปได้ไงเนี่ย
ฮิคารุเหมือนกำลังมองสิ่งน่าเหลือเชื่ออยู่
“มีคนบอกว่าคุณอันเค็นเข้ามาทำงานในกิลด์เมื่อห้าสิบปีก่อน”
“เขาก็แก่อยู่ล่ะนะ เป็นโนมนี่ใช่มั้ย”
“ใช่แล้ว เขาเสร็จงานใหญ่ไปมากกว่าห้าสิบปีแล้วล่ะนะ”
“อ่าหะ”
“เหมื่อนว่าตอนนั้นอาณาจักรข้างเคียง อาณาจักร ควินเบลน จะมีคนชิงบัลลังค์ได้สำเร็จน่ะ ก่อนหน้านั้นเหมือนจะเป็น จักรพรรดิจอมเผด็จการ บัลซาร์ดน่ะ มีข่าวลือว่าเขาเป็นคนลอบสังหารเองเลยนา”
“……”
“ฉันคงจะไม่คิดแบบนั้นหรอก ถ้าไม่ใช่ว่าบัลซาร์ด จะยึดครองอาณาจักรเรา ตอนนั้นอาณาจักรเรากำลังอ่อนแอจากโรคระบาด ก็ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไม พอนโซเนีย ถึงอยากลอบสังหารบัลซาร์ดน่ะ”
“.. ก็คือ ด้วยสถานการณ์มันทำให้ทฤษฎีเข้าล็อคพอดีสินะ”
“ใช่แล้ว ครั้งนึงฉันเคยเข้าไปส่งเอกสารในห้องเขา ฉันเห็นโน้ตเก่าบนโต๊ะเขาด้วย มันเป็นจดหมายขอบคุณจากพระราชาล่ะ เขาลืมไว้ตอนที่ออกไปข้างนอก แล้วก็กลับมาตอนทั่ฉันแอบดูมัน เขาควันออกหูแบบ เห็นแล้วใช่มั้ย ฉันก็เลยไม่ได้ถามอะไรต่อน่ะ”
“เข้าใจล่ะ มีไม่กี่กรณีที่พระราชาจะส่งจดหมายขอบคุณให้สินะ ปรกติแล้วก็น่าจะเป็นพวก นายกรัฐมนตรี หัวหน้าเจ้าหน้าที่ ไม่ก็ขุนนาง โดยทั่วไปแล้วพระราชาจะส่งจดหมายชมเชยที่เขียนด้วยตัวเองให้ใครบางคนที่ทำคุณประโยชน์ในสงครามสินะ”
“ใช่แล้ว เดี๋ยวสินายรู้ได้ยังไงน่ะ”
“มีเพื่อนเป็นชนชั้นสูงน่ะ”
“หืม…โอเค”
เขาโกหก แต่เหมือนจิลก็ไม่สนใจเลย
การคาดเดาของจิลค่อนข้างตรงเลยแฮะ มีข้อมูลเรื่องอาณาจักรข้างเคียงในความทรงจำของโรแลนด์อยู่บ้าง จักรพรรดิ์ในตอนนี้ค่อนข้างเป็นคนดีเลยทีเดียว แล้วยังมีปฏิสัมพันธ์ดีกับอาณาจักรนี้อีก ส่วนคนก่อนหน้า ก็คือทรราชล่ะนะ
“แปลว่าลุงอันเค็นเป็นวีรบุรุษสินะ”
“ใช่สิ สุดยอดใช่มั้ยล่ะ”
หลังจากกินพาร์เฟ่ต์เสร็จก็หันมาจัดการพายต่อ
“ฮื้มมม! อร่อยยยยย! ไม่มีอะไรดีไปกว่าของหวานแล้วน้า”
“ดีใจที่คุณชอบนะ”
ถ้าเป็นเราคงกินไม่หมดแน่
วีรบุรุษงั้นเหรอ ด้วยเลเวลสกิลเท่านั้นน่ะนะ เดี๋ยวสิ ห้าสิบปีก่อน แปลว่าตอนนั้นเขาอายุ 151 ปีสิ ทั้งประสบการณ์และความรู้น่าจะช่วยได้ใช่มั้ย ถ้าเราลงแต้มแบบเดียวกับลุงอันเค็น แปลว่าเราจะเป็นนักฆ่าได้สินะ แต่ว่า จะถึงกับฆ่าจักรพรรดิได้เลยเหรอ
“เอาล่ะ คำถามสุดท้ายแล้ว”
“ว่ามาสิ แต่อย่าถามที่อยู่ของฉันล่ะ”
ดูเหมือนการกินของหวานจะช่วยให้อารมณ์ของเธอดีขึ้นแล้ว
“ไม่ถามเรื่องนั้นหรอกน่า”
“อะไรนะ ไม่หรอกเหรอ”
“อยากหรือไม่อยากให้ถามกันแน่เนี่ย ช่างเถอะ ที่อยากจะถามคือ…..”
ตอนนั้นเขาลังเลที่จะถามแต่ก็ตัดสินใจถามไปตรงๆ
“ได้ยินว่าคนร้ายที่ฆ่าเคาท์มอร์คสแตทถูกจับไปแล้ว นั่นจริงเหรอ”