ตอนที่ 19 ภารกิจช่วยลาเวีย
อากาศร้อนแดดแรงเป็นสัญญาณว่าหน้าร้อนนั้นใกล้จะมาถึงแล้ว มีรถม้าคันหนึ่งมาจอดอยู่ที่หน้าคฤหาสของเคาท์มอร์คสแตท ม้าที่ลากนั้นเป็นม้าชั้นดี ตัวรถม้านั้นถูกสร้างขึ้นมาเป็นอย่างดี ใช้เหล็กเป็นโครง และคลุมด้วยผ้าสีม่วงที่ทำจากวัตถุดิบจากมอนสเตอร์ ประตูถูกตีขึ้นมาจากเหล็กกล้า และล็อคอย่างแน่นหนาจากด้านนอก
“……..”
“มาเร็วสิอีส ทำไมดูไม่ดีใจเลยล่ะ เราจะได้กลับไปที่เมืองหลวงแล้วนา”
“….แค่รู้สึกไม่ดีน่ะ”
“ยังคิดถึงเรื่องนั้นอีกเหรอ ผลมันก็ออกมาแล้วว่าท่านลาเวียเป็นคนฆ่านี่นา เท่านั้นก็น่าจะพอนี่”
“ผู้สืบสวนยังมาไม่ถึงแต่ก็บอกว่าเธอเป็นคนร้ายเนี่ยนะ”
“เขาจะมาถึงพรุ่งนี้ล่ะน่า หัวหน้าของเราบอกให้ทำตามคำสั่งนา นายจะขัดคำสั่งงั้นเหรอ”
“ข้า…..ข้าเปล่า แต่ว่า ข้าไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินน่ะ” เขาพูด
และอัศวินอีกคนก็ถอนหายใจเช่นกัน
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ข้างใต้คฤหาสนั้น อัศวินที่เกือบจะโดนเมดจ้วงพุงกะทิก่อนหน้านี้ กำลังลงไปที่ชั้นใต้ดิน
“ได้เวลาแล้ว ท่านหญิง”
“ข้าจะถอนมนต์ล่ะนะ”
หัวหน้ากิลด์นักแปรธาตุยื่นมือออกไป ร่ายเวทย์อะไรบางอย่าง จากนั้นแหวนของเขาก็ส่องแสงออกมา จากนั้นแสงสีฟ้าที่ส่องอยู่บนลูกกรงก็ดับไป
“ท่านหญิง รบกวนยื่นมือทั้งสองออกมาด้านหน้าด้วยครับ”
“…….”
“ท่านจะต้องออกไปข้างนอก เราเลยต้องใส่กุญแจมือท่านไว้เพื่อความปลอดภัยน่ะครับ”
ลาเวียยื่นทั้งสองมืออกมาเงียบๆ อัศวินกลืนน้ำลายและมองไปที่เธอ เธอนั้นช่างบอบบางจนเหมือนจะสลายไปหากถูกสัมผัส ไม่สิ ถึงจะปล่อยไว้คนเดียวก็ยังคงแตกสลายไปด้วยตัวเองอยู่ดี แต่ยังคงมีประกายแห่งชีวิตอยู่ในดวงตาคู่นั้น ดวงตาที่สีน้ำเงินดุจดั่งห้วงลึกของทะเลสาป
แล้วก็มีความคิดแวบเข้าหัวของเขา ถ้าใครได้เธอไปคงจะมีความสุขที่สุดในชีวิตเลยมั้งเนี่ย
เขารู้ว่าตนนั้นเป็นอัศวิน เธอนั้นเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆ่าพ่อตัวเอง และเขาเองก็ได้รับคำสั่งให้พาเธอไปที่เมืองหลวง
อัศวินใส่กุญแจมือเธอ มันทำจากแผ่นเหล็กกล้าและมีรูสำหรับใส่มือทั้งสอง และกิลด์มาสเตอร์ก็ได้ร่ายเวทใส่มันลงไปเหมือนกันกับกรงก่อนหน้านี้
“นี่จะอยู่ได้จนถึงคืนนี้ มากกว่านี้มันจะลำบากเกินไป”
“ไม่เป็นไร เราน่าจะไปถึงตอนประมาณช่วงเย็นล่ะนะ”
“เข้าใจล่ะ งั้นข้าขอตัวก่อนนะ”
“ขอบคุณมากครับท่าน ไปกันเถอะครับ ท่านลาเวีย” อัศวินพูดพร้อมเปิดกรง
“…….?”
ในตอนนั้นเองอัศวินก็รู้สึกว่าอากาศนั้นหนักขึ้น แต่ก็ไม่ได้สนใจนักและพาเธอขึ้นมาจากชั้นใต้ดิน
ตอนที่ออกมาจากคฤหาส แสงแดดนั้นทำให้เธอตาพร่าเพราะว่าเธอถูกขังอยู่ใต้ดินมาสักพัก ไม่ใช่แค่นั้น เธอนั้นไม่ได้ออกมาข้างนอกเป็นเวลานาน การถูกแสงแดดโดยตรงนั้นมันมากเกินไปสำหรับร่างกายของเธอ
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?” อัศวินถาม
เขาเป็นห่วงเด็กสาวมาก แต่ก็ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่คาใจเขาเหมือนกัน มีอัศวินสองนายยืนอยู่ข้างๆรถม้าที่จะพาลาเวียไป ยิ่งงไปกว่านั้น มันควรจะมีนักผจญภัยหญิงระดับสูงสี่คนที่จะต้องมาทำการคุ้มกันรถม้าด้วย แต่ว่าทั้งสี่คนนั้นขอถอนตัวออกจากการคุ้มกัน และมีชายสี่คนมาแทน หนึ่งในนั้นไม่ใช่นักผจญภัยแต่เป็นพนักงานกิลด์ แล้วปัญหาก็เกิดขึ้น
“นี่มันอะไรเนี่ย?! นี่ไม่ใช่นักผจญภัยที่เราขอไปไม่ใช่รึไง”
“บางทีพวกนักผจญภัยก็มีงานด่วนน่ะ”
“นายมาจากกิลด์ใช่มั้ย ทำไมถึงไม่ทำตามที่บอกไปเล่า!!!”
“กิลด์ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไรนี่นา ยังไงก็มีนักผจญภัยมาคุ้มหันเหมือนกันล่ะน่า”
“นี่แกเยาะเย้ยอัศวินงั้นเรอะ”
“แกเองก็ดูถูกนักผจญภัยเหมือนกันล่ะวะ”
ที่แย่ไปกว่านั้นคือ นักผจญภัยอีกสามคนนั้นโผล่มาพร้อมกับอาการเมาค้างไม่ก็ยังเมาอยู่ เป็นพวกที่อีสเกลียดที่สุด
“พอเท่านั้นแหละท่านรอง ไปกันเถอะ ที่เมืองหลวงมีที่ๆข้าอยากไปอยู่นา”
“เขาพูดถูก อยู่ในเมืองดาษๆแบบนี้ไปมันก็…..โอ้นั่นสินะเด็กคนที่เราต้องคุ้มกันน่ะ”
“โอ้…..ดูไม่มีพิษภัยเลยนะนั่น”
พวกนั้นหัวเราะ และทำให้หางตาของอีสกระตุก
“ถ้าเป็นแบบนี้พวกแกก็ทำงานของพวกแกไม่ได้สิวะ”
“ว่ายังไงนะ ไม่ใช่ว่าพวกอัศวินส่งคำรองไปเพราะว่ารับมือไม่ไหวหรอกเหรอ”
“แล้วแกทำได้มั้ยล่ะ ตอนที่เมาอยู่น่ะ”
“ม่ายมี….ปัญหา เธอไม่มีความสัมพันธ์กับใครเลยนี่นา ทั้งเพื่อนชนชั้นสูงก็ด้วย ยังไงก็ไม่มีใครมาคุยกับเธอใช่มั้ยล่ะ ดูแล้วงานนี้เหมือนเรามาเป็นพี่เลี้ยงเด็กมากกว่า จริงมั้ยล่ะ”
“….นี่แกบอกพวกนี้ไปด้วยเรอะ!!!!”
“ก็มันสะดวกดีนี่” รองหัวหน้าพูดด้วยท่าทีไม่หยี่ระ
อีสขบฟันแน่นด้วยความโกรธ
“ท่านลาเวียเดินไหวไหมครับ”
“….ค่ะ”
อัศวินคนที่สุภาพกับหญิงสาว นำลาเวียมาที่รถม้า คนขับรถม้าปลดล็อคประตูแล้วให้ลาเวียเข้าไป ถ้าดูผ่านๆ ข้างในนั้นแคบแต่ถูกสั่งทำมาอย่างดี ยังไงก็สามารถพาไปถึงเมืองหลวงได้แน่นอน
“…ดูเหมือนว่าเราจะต้องคุ้มกันแทนนะ” อีสกระซิบกับอัศวินอีกสองคน
“ไม่เอาน่า นายก็รู้ว่าเราทำไม่ได้ คืนที่เคาท์ถูกฆ่าน่ะเราอยู่ด้วยนา ยังทำอะไรไม่ได้จนกว่าผู้สืบสวนจะมานั้นแหละ”
“เรียกทหารมาจากเมืองหลวงก็ได้ไม่ใช่รึไง”
“ตอนนี้เราขาดกำลังพลเพราะสงครามนะ เพราะแบบนี้ไงพวกนัผจญภัยถึงได้มาทำแทนน่ะ อีกอย่างเราก็ไม่มีทหารหญิงในอาณาจักรเรานา”
“แต่ไอ้พวกนี้ก็ผู้ชายนะ!”
“ใช่ แต่ว่าพวกนี้ไม่ใช่พวกที่เราอยากให้มา ช่างมันไปก่อนเถอะ อีส”
พวกผู้ชายทั้งสามคนจ้องไปที่ลาเวียและผิวปาก อีสมองดูพวกนั้นด้วยใบหน้าที่รังเกียจ และดูเหมือนว่าทหารอีกคนก็เช่นกัน
“จะไปกันได้รึยัง”
“นี่คนขับรถม้า มานี่หน่อยสิ”
อัศวินเจ้าชู้เรียกสารถีมาคุยด้วย
“คุณเป็นคนเดียวที่มีกุญแจใช่มั้ย” เขากระซิบ
“ใช่แล้ว”
“ถ้าพวกนักผจญภัยมาขอให้เปิดประตูให้ ห้ามเด็ดขาด พวกนั้นมันไม่รู้จักควบคุมตัวเอง ครั้งนี้มีพวกชนชั้นสวงเข้ามาเอี่ยวด้วย ถ้าเกิดอะไรขึ้นนั่คุณมีปัญหาแน่ๆ”
“ขะ เข้าใจแล้วครับ!”
“ไปได้แล้ว”
สารถีกลับไปนั่งในที่ของเขาทั้งๆที่ยังไม่รู้เรื่อง พวกนักผจญภัยก็มีม้ามาเหมือนกัน ในอีกไม่นาน รถม้าก็เคลื่อนออกไป
“อีส กลับเข้าไปข้างในกันเถอะ หลังจากที่เขียนรายงานแล้วเรายังต้องเตรียมตัวรับผู้สืบสวนอีกนะ”
แต่อีสก็ไม่ตอบ เขายังยืนอยู่ตรงนั้น มองไปทางที่รถม้าออกไป
สารถีรู้สึกแย่ที่รับงานนี้เพราะดูแค่ค่าจ้าง เขารับงานโดยไม่รู้เลยว่าจะต้องขนส่งชนชั้นสูงและฆาตกรเลย
“ต่อไป หืม ขนส่งผู้ต้องสงสัยไปที่เมืองหลวงสินะ ได้รับแจ้งมาแล้วล่ะ”
สารถีนำใบคำร้องให้ยามเฝ้าประตูดู เขาเช็คข้างในรถม้า
“ถึงเมืองหลวงจะใกล้แต่ก็อย่าประมาทล่ะ”
“จะระวังครับ….”
สารถีคุมรถม้าผ่านกำแพงใหญ่ออกไป แล้วตอนที่ออกจากกำแพงมา เขาก็รู้สึกแปลกๆ
“…..?”
มีบางอย่างไม่ถูกต้อง ถึงจะแค่นิดเดียวแต่ม้าดูจะหนักขาขึ้น เขานั้นใช้เส้นทางนี้มานับยี่สิบปี ถึงจะมีอะไรเล็กน้องที่แปลกไปเขาก็พอจะรับรู้ได้
เขาหันกลับไป นักผจญภัยทั้งสองคนคุ้มกันรถม้าอยู่ทางด้านซ้ายแล้ด้านขวา หาวบากกว้าง ข้างหน้ารถม้าก็เป็นหัวหน้าปาร์ตี้ โนกุสะ
“ก็ปรกติดีนี่นา สงสัยจะเป็นที่ถนนล่ะมั้ง”
ถนนนอกเมืองนั้นค่อนข้างแย่ เพราะเป็นทางที่มีรถม้าผ่านบ่อยและไม่ได้ถูกปูด้วยอะไรเลย น่าจะเป็นเพราะแบบนั้นที่ทำให้ม้าหนักขามากขึ้น
“ไม่ค่อยชอบเลยน้า แต่ทำให้มันจบๆไปแล้วกัน”
รถม้าเคลื่อนไปข้างหน้าเรื่อยๆ กุญแจส่งเสียงทุกครั้งที่มันเขย่า
นักผจญภัยแรง C โนกุสะ ตอนนี้เขาอารมณ์ดีมากเพราะไม่คิดว่าจะได้เป็นแรง C เร็วขนาดนี้ แถมยังแย่งงานมาจากพวกผู้หญิงที่ถูกเรียกว่า สี่ดาราแห่งแห่งทิศตะวันออก เขาไม่ช่อยชอบพวกเธอนัก ที่พอนด์นั้นมีซ่องอยู่ ใช่เมืองที่เขาเพิ่งบอกไปว่าดาษๆนั่นล่ะ ในพอนด์นั้นเต็มไปด้วยสาวสวยแถมเด็กสาวที่เขาต้องคุ้มกันก็ดูแจ่มมากเสียด้วย โนกุสะคิดกระทั่งว่าโลกนั้นหมุนรอบตัวเขา
งานคุ้มกันนั้เป็นงานหมูๆ ใช้เวลาเดินทางจากพอนด์ถึงเมืองหลวงประมาณหกชั่วโมง และทุกๆสองชั่วโมงต้องให้ม้าได้พักรอบหนึ่ง นั่นแปลว่าเขาจะต้องพักสองรอบ ก่อนที่จะถึงเมืองหลวง
การพักครั้งแรกจบไปแล้วและพวกเขาก็เดินทางต่อ แล้วโนกุสะก็รู้สึกสนใจเด็กสาวในรถม้าขึ้นมา
“เห้ย สารถี”
โนกุสะขี่ม้าไปเทียบกับสารถี
“คะ-ครับ?”
“เอากุญแจมา”
“อะไรนะ!!”
“กุญแจรถม้าไง เดี๋ยวข้าดูแลให้เอง”
“มะมะไม่ได้ครับ…”
“แกรู้มั้ยว่าข้าเป็นใคร ข้า โนกุสะนักผจญภัยแรงค์ C นะเว้ยแกกล้าต่ต้านข้าเรอะ”
“มะมะมะไม่มีทาง นะ-นี่เป็นเรื่องที่มีชนชั้นสูงมาเกี่ยวข้อง ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ข้าคง……”
สารถีอธิบาย
“เห้ย โนกุสะ ข้างหน้า”
“!”
ทันใดนั้นเขาก็รีบจับดาบและหันมองรอบๆ ถึงข้างในจะเน่าเฟะอย่างไร แต่เขาก็ยังคงเป็นนักผจญภัยแรงค์ C อยู่ดี
“อะไรเนี่ย มีคนเป็นลมเรอะ”
ในเงาไม้ข้างๆทางนั้นเอง ก็มีชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะออกมาเพื่อหาสมุนไพรในป่า เดินออกมา
“ขะขอโทษนะครับท่าน ช่วยแบ่งน้ำให้หน่อยได้มั้ย ผมหลงอยู่ในป่าเพิ่งออกมาได้น่ะครับ”
“…….”
โนกุสะส่งสัญญาณให้ที่เหลือไปกันก่อน และเขาก็ลงจากม้าแล้วยื่นกระติกน้ำให้
“เท่านี้พอมั้ย?”
“ขอบคุณมากครับ!”
ชายคนนั้นรับไปด้วยความดีใจ
“ผมมีแค่นี่ที่พอจะตอบแทนได้……” ชายคนนั้นพูดและหยิบสมุนไพรออกมา
“เก็บเอาไว้เถอะ แล้วกลับบ้านไปซะ”
“จริงเหรอ? ขอบพระคุณมากครับ ท่านช่างใจกว้างเหลือเกิน”
“นั่นแหละ ถ้าอยากขอบคุณข้าก็จงกระชายชื่อเสียงของข้า โนกุสะ การาจ ชายผู้ที่กำลังจะเป็นวีรบุรุษผู้นี้ซะ ”
“วีรบุรุษเหรอ…..เข้าใจแล้วครับ”
โนกุสะกลับขึ้นม้าและตามรถม้าไป เพื่อนร่วมงานที่ประจำอยู่ด้านหน้ากับด้านหลังก็กลับสู่จุดเดิมของตัวเองทันที่ที่เห็นเขา
“ช่วยคนก็เป็นหนึ่งในงานล่ะนะ”
“พวกนั้นว่าเป็นส่วนที่ดีที่สุดของการเป็นนักผจญภัยสินะ”
“ใช่ ถ้าเป็นผู้หญิงอะนะ”
“ใช่เลยว่ะ!”
ทั้งสามคนระเบิดเสียงหัวเราะออกมา และภารกิจคุ้มกันก็เป็นไปด้วยดี
….รึเปล่า
“เดี๋ยว…อะไรกัน!!”
ในตอนที่พักครั้งที่สองนั้นเอง โนกุสะก็ซัดเข้าที่หน้าของสารถีแล้วแย่งกุญแจมา
“แค่อยากไปทักทายน่ะ” เขาพูดและเปิดประตูรถม้า พร้อมกับรอยยิ้มชั่วร้ายบนหน้า
เด็กสาวนอนอยู่อยู่ที่นั่น ไม่สิ นั่นเป็นแค่ผ้าที่นูนขึ้นมาเท่านั้น เขาดึงผ้าที่คลุมออกก็พบว่าข้างใต้นั้นมีแค่หมอนกับเสื้อผ้ายัดอยู่เท่านั้น
“อะไรวะ!!”
โนกุสะยืนอึ้ง รถม้าที่ทั้งเล็กแถมยังถูกล็อคอยู่อีก แล้วพวกเขายังเฝ้าตลอดด้วย แต่ตอนนี้ เธอ ลาเวีย ดี มอร์คสแตท ได้หายไปเสียแล้ว