ตอนที่ 31 หลังจากโจมตี
โรแลนด์…
ฮิคารุหันกลับไปมองทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น แต่ก็ยังวิ่งออกไปต่อ
เหล่าทหารยามถือตะเกียงเวทวิ่งมาเพราะว่าได้ยินเสียง ฮิคารุวิ่งสวนกับพวกเขาโดยไม่กลัวว่าจะโดนจับได้แม้แต่น้อยเพราะเขานั้นได้ทำการทดสอบมาหลายครั้งแล้วว่ายังไงพวกเขาก็ไม่เห็นตัวฮิคารุแน่นอน
เดี๋ยวสิ เจ้าหญิงรู้จักโรแลนด์ได้ยังไงกัน เธอไม่ได้อยู่ในความทรงจำของเขานี่นา
สำหรับฮิคารุแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอกับเธอ ไม่มีความทรงจำใดๆที่ผุดขึ้นมาตอนที่เขาได้เห็นชื่องของเธอ
โธ่เอ้ย ช่างมันแล้วกัน ยังไงเราก็คงไม่ได้เจอกันอีกแล้วล่ะมั้งนะ
เป้าหมายของฮิคารุสำเร็จแล้ว ตอนนี้อีสก็ไม่ได้รับโทษตายอย่างแน่นอนแล้ว ถ้าพูดให้ถูกคือยังมีโอกาสที่จะโดนประหารอยู่และถ้ามันยังเกิดขึ้น ฮิคารุก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว จะให้ไปช่วยเขาแหกคุกออกมาก็ได้อยู่แต่ว่า ด้วยนิสัยของอีส ยังไงเขาก็ไม่มีทางหนีออกมาอย่างแน่นอน
หวังว่าเราจะได้รีบออกไปซะทีนะ
วันต่อมา เจ้าหญิงได้เรียกผู้สืบสวนมาที่ห้องทำงานของเธอ เขาคือคนเดียวกับที่สืบคดีของลาเวียนั่นเอง หน้าของเขานั้นซูบลงอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย” เธอถาม
“คะ…ครับ”
“ผมได้ยินมาว่าเขาเพิ่งส่งรายงานตรงไปที่ท่านราชาน่ะครับ แล้ววันนี้ท่านก็เรียกเขามาที่นี่อีก สภาพก็เลยเป็นอย่างที่เห็นครับ” เจ้าหน้าที่ชั้นสูงที่อยู่ในห้องบอกแก่องค์หญิง
“เจ้าคงเหนื่อยมากสินะ เราต้องขอโทษจริงๆที่เรียกเจ้ามา”
“มะ ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอกครับ ฝ่าบาท”
“เจ้าช่วยบอกเราหน่อยได้ไหม ว่ารายงานอะไรกับท่านพ่อไปบ้าง”
“ครับ ฝ่าบาท!”
ผู้สืบสวนดึงสติแล้วมอบรายงานให้แก่เธอ เป็นรายงานแบบเดียวกันกับที่ลอวเรนซ์เคยบอกเธอไว้
“แล้วท่านพ่อว่ายังไงบ้างล่ะ”
“ฝ่าบาทบอกว่าข้าไร้ประโยชน์น่ะครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอันเจ็บปวด
เจ้าหญิงรู้สึกเห็นใจเขา เธอคิดว่าการรวบรวมข้อมูลขนาดนี้ได้ในเวลาสั้นๆขนาดนี้ก็ถือว่าสุดยอดมากแล้ว แต่ว่า สิ่งที่พ่อของเธอนั้นอยากได้คือเบาะแสของเด็กสาวซึ่งเป็นข้อมูลที่ตัวเขาไม่มี
“แล้วทำไมท่านพ่อถึงอยากได้ตัวเธอมาขนาดนั้นล่ะ”
การกระทำของราชาทำให้เธอคิดว่าเด็กคนนั้นต้องมีอะไรซ่อนอยู่อย่างแน่นอน
นี่ต้องเกี่ยวกับสงครามแน่ๆ แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะขุดคุ้ยต่อล่ะนะ
“เราขอถามอะไรเจ้าหน่อยได้มั้ย” เจ้าหญิงพูดขึ้น
“ครับ?”
“เราคิดว่าบุตรของวิสเคาท์ซาราเซียนั้นอยู่ที่พอนด์ เจ้าเห็นเขาบ้างมั้ย”
“วิสเคาท์ซาราเชีย…?”
“ขออภัยด้วยครับ แต่ว่าข้าไม่รู้จักใครที่มีชื่อนั้นเลย”
“เข้าใจล่ะ…..ขอบใจเจ้ามากที่มาที่นี่ ไปได้แล้วล่ะ”
“ครับ ฝ่าบาท” เขาพูดตอบและเดินออกไป
“เจ้าหญิง ท่านสนใจบุตรของวิสเคาท์ซาราเซียอยู่เหรอครับ”
“ใช่ นิดหน่อยน่ะ ยังไงก็เถอะ การประชุมวันนี้เป็นไงบ้าง”
การประชุมของอาณาจักรนั้น เป็นการประชุมที่จัดขึ้นตอนสิบโมง ใช่แล้ว เวลาที่ราชาเริ่มทำงานนั่นล่ะ เป็นการประชุมที่เจ้าหน้าที่ส่วนต่างๆหารือกัน
“อลหม่านเลยครับ”
อย่างที่คิดเลย เจ้าหญิงคิด และสาเหตุก็ไม่ใช่อะไรอื่น นั่นคือเรื่องที่ผู้นำภาคีเพิ่งแพ้ไปนั่นเอง
“เกิดอะไรขึ้นล่ะ”
“ขอแลกเปลี่ยนกับเรื่องของวิสเคาท์ซาราเซียได้มั้ยล่ะครับ”
“เอาสิ”
“ตกลงสินะครับ ถ้าอย่างนั้น”
เจ้าหน้าที่ชั้นสูงคนนี้นั้นค่อนข้างที่จะทะเยอทะยานเลยทีเดียว เขานั้นอยากรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับชนชั้นสูงให้มากที่สุดเท่าที่จะป็นไปได้
เอาล่ะจะเริ่มจากตรงไหนดีนะ เขาคิด
เจ้าหญิงนั้นไม่ได้เข้าร่วมการประชุมเหมือนกับพ่อหรือพี่ชายของเธอ เธอนั้นไม่เคยทำท่าสนใจการประชุมแบบวันนี้มาก่อน แต่เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับลอวเรนซ์เมื่อคืน ทำมห้เธอนั้นยากรู้ว่าทุกสิ่งนั้นเป็นไปอย่างไรบ้าง
เมื่อคืนนั้นเธอได้แอบกลับมาในปราสาทผ่านทางเส้นทางลับของราชวงศ์
“การประชุมเริ่มต้นด้วยข่างของท่านลอวเรนซ์ครับ เขาถูกจู่โจมทำให้ขยับไปไหนไม่ได้สักพัก”
“อะไรนะ!”
เธอทำเป็นตกใจไปงั้นแหละ ใครจะไปรู้ว่าเมื่อคืนเธอก็อยู่ที่นั่นด้วย
“ดูเหมือนว่าคนร้ายจะแทรกซึมเข้ามาและจูโจมเขาครับ ผู้นำภาคีสามารถไล่เขาไปได้ ส่วนการต่อสู้นั้นทำให้โรงฝึกถูกทำลายไปบางส่วนครับ”
“แล้วคนร้ายล่ะ”
“ดูเหมือนว่าเขาจะซ่อนตัวอยู่ในเขตชนชั้นสูงครับ ตอนนี้การคุ้มกันค่อนข้างเข้มงวดเลยครับ ดังนั้นเขาไม่น่าจะออกไปไหนได้แล้ว ช่วงนี้ที่เขตชนชั้นสุงน่าจะยุ่งไปสักพักล่ะครับ”
เขาคนนั้นไม่น่าจะอยู่ในเขตชนชั้นสูงแล้วล่ะนะ เธอคิด
ถ้าเป็นคนที่สามารถจัดการทหารระดับสูงได้แถมยังเข้าใกล้ปราสาทได้อีก ยังไงก็คงเล็ดรอดการคุ้มกันที่เข้มข้นได้แน่นอนอยู่แล้ว เขาเป็นใครกัน ทำไมเขาถึงช่วยเธอ แล้วทำไมเขาถึงเห็นเธอทั้งๆที่ลอวเรนซ์ยังมองไม่เห็นเขาได้อีก
แต่พอมาคิดดู คนคนนั้นไม่น่าจะใช่โรแลนด์หรอกมั้งนะ ทั้งสีผม สีตา นั้นต่างออกไป
“โชคดีที่เขาถูกรักษาได้ทัน ด้วยเวทรักษาครับ ดังนั้นราชาจึงจะส่งเขาไปที่แนวหน้าตามกำหนดการณ์เดิมครับ”
“ว่าอะไรนะ”
“อะไรเหรอครับ”
“เขายังสู้ไหวอีกเหรอ”
“ใช่ครับ แผลของเขาไม่ได้ร้ายแรงอะไร แต่ผมก็ตกใจเหมือนกันนะครับที่มีคนที่สามารถทำให้เขามีแผลได้อยู่ด้วย”
แผลอาจจะไม่ใหญ่ก็จริงแต่ว่า เขานั้นเสียเลือดไปมาก และเวทรักษานั้นช่วยเติมเลือดที่เสียไปไม่ได้
ลอวเรนซ์คงจะเปลี่ยนแปลงข้อมูลบางส่วนเพื่อไม่ให้ทุกคนแตกตื่นกันจนเกินไป
“เพราะว่าคนร้ายอาจจะยังอยู่ที่เขตชนชั้นสูง เพราะอย่างนั้นขอรบกวนฝ่าบาทโปรดหลีกเลี่ยงการออกไปจากปราสาทด้วยนะครับ”
“เข้าใจแล้ว แล้วที่บอกว่าอลหม่านล่ะ จากที่ฟังมาเราไม่เห็นว่ามันจะเป็นแบบนั้นตรงไหนเลยนี่”
“เรื่องมันเริ่มหลังจากนี้ต่างหากล่ะครับ ทุกคนในที่นั่นต่างโยนความผิดให้กันว่าต่างคนต่างเป็นคนที่ส่งนักฆ่าไป แบบว่า[เคาท์—มีเพื่อนอยู่ที่ประเทศอื่นด้วย] [บารอนคนนั้นอยากให้ลูกชายของตนได้เลื่อนตำแหน่ง] อะไรอย่างนี้น่ะครับ”
“….”
เป็นภาพที่ไม่น่าดูเอาเสียเลย ทุกคนต่างก็พยายามป้ายความผิดให้คนอื่นเพื่อที่ตัวเองจะได้คะแนนจากราชา
เจ้าหญิงรู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นอย่างมาก ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปยังไงก็ไม่มีทางจับเขาได้แน่นอน ที่แรกเธอคิดว่าเขานั้นอยากจะทดสอบพลังของตัวเอง แต่ดูจากท่าทางแล้วยังไงก็คงจะไม่ใช่จุดประสงค์ของเขาทั้งหมด
ถ้าเขาอยากจะทดสอบพลังของตัวเองจริงๆ ยังไงเขาก็คงจะไม่ช่วยเธอที่เป็นคนแปลกหน้าอย่างแน่นอน และถ้าเขาอยากดัง เขาคงจะบอกชื่อตัวเองไปแล้ว ถ้าเขาอยากได้เงินเขาก็คงจะฉกเครื่องประดับของเธอไปแล้ว
ตอนนี้จุดประสงค์ของเขานั้นยังคุมเครืออยู่
“เอาล่ะครับ คราวนี้รบกวนฝ่าบาทช่วยบอกเรื่องวิสเคาท์ซาราเซียด้วยครับ”
“เราเองก็ไม่ได้รู้เรื่องของเขามากนักหรอก หวังว่านายจะไม่ขัดข้องนะ”
จะได้เจอกันอีกมั้ยนะ ความคิดนี้ผุดขึ้นในมุมหนึ่งของสมองของเธอในขณะที่กำลังเล่าเรื่องของโรแลนด์ ทั้งเรื่องที่ครอบครัวของเขาถูกทำลาย ทั้งเรื่องที่เขาควรจะถูกส่งไปที่ชายแดน และเรื่องที่เขาอยู่ในพอนด์ตอนที่เคาท์ถูกฆาตรกรรม
และเรื่องที่เธอรู้ก็มีเท่านี้ เจ้าหน้าที่คนนั้นรู้สึกผิดหวังที่ข้อมูลที่ได้มานั้นไม่ค่อยจะมีประโยชน์มากนัก
“เอาล่ะทำงานกันต่อเถอะ”
แล้วพวกเขาก็เริ่มหันมาจัดการกองงานที่กองพะเนินอยู่
ณ สถานพยาบาลของทหาร ลอวเรนซ์นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่นอกเตียง เขานั่งกอดอกอยู่ที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง หน้าของเขานั้นซีดริมฝีปากนั้นแห้งผากจากอาการขาดเลือด
“…เอ่อท่านครับ”
ข้างหน้าของเขามีทหารแปดคนนั่งอยู่ และในนั้นก็มีอีสและหัวหน้าหน่วยทั้งสามคนที่เคยโดนฮิคารุหักกระดูกรวมอยู่ในนั้นด้วย และต้องยกความดีความชอบให้กับเวทรักษาเพราะพวกเขานั้นถูกรักษาเรียบร้อยแล้ว
“ข้าก็แพ้เหมือนกันล่ะนะ ดูเหมือนว่าฝั่งนั้นจะเก่งกว่าเราโขเลย”
“เขาต้องพยายามทำให้ภาคีของเราเสียชื่ออย่างแน่นอนเลยครับ พอได้รู้ว่าท่านถูกโจมตีด้วกลแบบนั้น ผม—-”
“เจ้าโง่!”
และทุกคนก็เงียบไป
“แพ้ก็คือแพ้ ถ้ามัวแต่เสียเวลามาโทษศัตรูเพราะโดนซุ่มโจมตี พวกแกไม่รอดแน่”
“ครับท่าน…”
ลอวเรนซ์นั้นดูเหมือนจะไม่เป็นอะไรเลย ก่อนหน้านี้หมอนั้นได้บอกว่าตัวเขานั้นเสียเลือดมากเกินไป ถ้าเป็นคนธรรมดาอาจจะตายไปแล้วก็ได้ แต่ว่าเขาก็สามารถฟื้นตัวได้โดยพักแค่คืนเดียว และก็กินอาหารเยอะมากหลังจากนั้น ตอนนี้ในร่างกายของเขากำลังสร้างเลือดอยู่
ไม่สิ ถ้าให้พูดก็คือร่างกายของเขานั้นยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อ เขายังตายไม่ได้ถ้าหากว่ามาแพ้ให้กับเด็กคนนี้
อ๊ะจริงสิ เจ้าหญิงก็อยู่ที่นั่นด้วยนี่นา แต่ดูเหมือนว่าท่านจะยังไม่ติดต่อหาเราเลย บางทีเธออาจจะอยากให้เราเงียบไว้ก่อนก็ได้สินะ
“เอาล่ะหันมามองความผิดพลาดของพวกเรากัน ผู้บุกรุก….ไม่สิตอนนี้หมอนั่นไม่ใช่แค่นั้นแล้ว หมอนั่นสามารถปกปิดตัวเองจากสัมผัสของผู้คนได้ เราต้องมีอะไรที่จะใช้ตรวจจับหมอนั่นให้ได้ มีใครมรีความคิดอะไรบ้างมั้ย”
อีสชูมือขึ้น
“เราควรจะตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ทุกอย่างของเราใช้ได้ครับ”
“ใช่ อย่างที่สุดเลย เราต้องจัดการสร้างเครื่องป้องกันที่สามารถสวมใส่ได้ทันที ไม่ก็สร้างโล่ที่พกพาง่าย พลังโจมตีของหมอนั่นไม่ค่อยากเท่าไร บางทีอาจจะเป็นเพราะเขาเชี่ยวชาญด้านการลอบเร้นก็ได้”
ผู้นำหน่วยพยักหน้าเห็นด้วย
“ไอ้เจ้านั่น ทำให้ข้าคิดว่าเราต้องเตรียมตัวให้พร้อมตลอดเวลาแล้วสิ”
ลอวเรนซ์ลุกขึ้นและเซนิดหน่อย มีคนพยายามจะช่วยเขาแต่ว่าเขาก็หยุดไว้ก่อน
“นี่แปลว่าข้ายังอ่อนซ้อมอยู่ คนที่โดนหมอนั้นโจมตีห่อนหน้านี้ พวกนายได้รับหน้าที่ให้แจ้งคนอื่นถึงเรื่องความอันตรายของหมอนั่น ส่วนนาย อีส”
“ครับ!”
“ข้าเคยคิดจะให้นายโดนโทษประหารเพราะว่านายแพ้ให้กับหมอนั่น ข้าขอโทษด้วยที่ไม่คิดให้ถี่ถ้วนก่อน”
.”ท่านไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอกครับ!” อีสพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
น้ำตาของเขาไหลออกมา อาจจะเป็นเพราะรสชาติของความพ่ายแพ้ หรือไม่ก็โล่งใจที่เพิ่งพ้นโทษตาย บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าชายที่เขาพยายามไล่ตามมาตลอดเพิ่งพ่ายแพ้ไปก็ได้ ทุกอย่างนั้นเป็นไปได้ทั้งนั้น
ลอวเรนซ์ที่เห็นน้ำตานั้นก็ได้พยักหน้า
“จงฟัง! ครั้งหน้าที่พวกเราได้เจอกับชายคนนั้นอีกครั้ง เราจะทำให้มันเสียใจที่กล้ามาต่อกรกับเรา จนกว่าจะถึงตอนนั้นพวกเราต้องเตรียมตัวให้มากกว่านี้!”
“ครับ ท่าน!”
“สู่สนามรบ!”
“ครับท่าน!”
แล้วลอวเรนซ์ก็ได้มุ่งหน้าไปที่แนวหน้าของสงคราม ทั้งๆที่อาการแย่อยู่อย่างนั้น
“อูย เจ็บไปหมดทั้งตัวเลยแฮะ”
“ไม่เป็นอะไรมากใช่มั้ย”
“อื้ม ไม่เป็นไรหรอก แค่ปวดกล้ามเนื้อน่ะ”
ฮิคารุนั้นกำลังเดินอยู่ในเมืองหลวงไปพร้อมกับลาเวีย ที่นี่นั้นใหญ่มาก ถ้าทั้งคู่ไม่ระวังตัวล่ะก็อาจจะหลงได้ง่ายๆเลย ทั้งโรงตีเหล็กและร้านเสื้อผ้าถูกรวมเอาไว้ในจุดๆเดียว ร้านขายของมากมายกระจาอยู่ทั่ว ร้านที่ชำนาญเฉพาะอย่างก็กระจายอยู่ทั่วเช่นกัน ดังนั้นทั้งคู่จึงไม่มีทางเลือกและสำรวจไปทั่ว
ร่างกายของฮิคารุยังปวดอยู่จากการที่ต่อสู้กับลอวเรนซ์ การใช้ระเบิดพลังสองครั้งติดกันมันทำให้ร่างกายได้รับภาระหนักเกินไป จากนี้ไปเขาคงต้องเพิ่มแต้มให้กับสายที่เกี่ยวกับร่างกายให้มากกว่านี้
บางที เราคงต้องเริ่มออกกำลังกายแล้วล่ะนะ จะให้หวังกับโซลบอร์ดอย่างเดียวคงไม่ได้
การออกกำลังกายนั้นมีผลเสียน้อย และเขานั้นยังไม่อยากถูกจัดการง่ายๆอีกด้วย ดังนั้นถ้ามีกล้ามเนื้อเพิ่มอีกหน่อยก็คงดี
ร่างกายอาจจะเจ็บแต่ว่าประสบการณ์ที่ได้มานั้นคุ้มค่ากับการเสี่ยงตายมาก การต่อสู้ระดับสูงเมื่อคืนนั้นทำให้เขาได้รู้ว่าขีดจำกัดของเขานั้นไปได้ถึงเท่าไร
“ขอบใจที่รอนะ คุณนักผจญภัย ให้ผมเซนตรงนี้สินะ”
หลังจากที่ได้รับลายเซนของผู้ว่าจ้าง ฮิคารุและลาเวียก็กลับไปที่กิลด์ เพื่อส่งเควส
“ยินดีด้วย ตอนนี้ได้กลายเป็นแรงค์ F แล้วนะ”
คนที่แสดงความยินดีกับเขานั้นเป็นคนละคนกับเมื่อวาน
ฮิคารุนั้นปล่อยให้ช่องคลาสของบัตรกิลด์ว่างเอาไว้ เพราะไม่อยากถูกถามให้ยุ่งยาก
“ผมจะได้เลื่อนเป็นแรงค์ E ถ้าทำเควสรวบรวมวัตถุดิบสินะ”
“ถูกต้องแล้วจ้า แต่ว่ามันต้องใช้เวลาสักพักล่ะนะ ยกเว้นเธอจะเอาชนะพวกมอนเก่งๆได้นะ คำร้องรวบรวมวัตถุดิบน่ะไม่ได้ง่ายขนานนั้นนะเออ”
“อย่างนั้นเหรอ”
“แหม ดูมั่นใจจังเลยนะ ถ้าได้วัตถุดิบหายากอย่าลืมมาที่นี่ล่ะ”
หืม นี่จะได้บางอย่างจากการขายวัตถุดิบด้วยเหรอ โบนัสอะไรแบบนั้นรึเปล่านะ ตอนนี้กิลด์นั้นโล่งมากเพราะพวกนักผจญภัยถูกเกณฑ์ไปร่วมสงคราม ดังนั้นพนักงานต้อนรับจึงสามารถคุยเล่นกับเขาได้
“แต่ผมเป็นนักผจญภัยของที่พอนด์นะ”
“การย้ายสาขาน่ะไม่มีเงื่อนไขอะไรนะ ที่นี่น่ะมีงานคุ้มกันอยู่เพียบเลยล่ะ แถมเงินดีด้วย แล้วอีกอย่างนะที่นี่น่ะมีที่ให้ใช้เงินเพียบเลยนา”
“พอดีผมยังมีบางอย่างกับที่นั่นอยู่น่ะ”
“เข้าใจล่ะ น่าเสียดายจังน้า ทำไมมีแต่คนอยากไปที่พอนด์น้า ไม่ได้จะดูถูกนะ แต่ว่าที่นั่นไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจเลยนี่นา”
“หืม ที่บอกว่าอยากไปนี่ หมายถึงพวกนักผจญภัยเหรอ”
“อื้ม นักผจญภัยแรงค์ B น่ะ”
“โอ้”
ฮิคารุรู้สึกสนใจที่ได้ยินแบบนั้น
“บอกได้มั้ยว่าพวกนั้นเป็นคนแบบไหนน่ะ”
“ได้สิ พวกเธอเป็นปาร์ตี้นักผจญภัยแรงค์Bที่อัตตราความสำเร็จอยู่ที่ร้อยเปอร์เซนเลยนะเอ้อ”
จตุรดาราแห่งตะวันออกนั่นเอง
“หืมมม”
และฮิคารุก็นึกขึ้นได้ว่าพวกเธอคือคนที่ควรจะมาคุ้มกันลาเวียนั่นเอง ..