ตอนที่ 36 วิถีแห่งลอบเร้น
ทันทีที่ออกมาจากกิลด์ ฮิคารุก็คิดในระหว่างที่เดินไปด้วย
แปลว่าพวกนั้นมาเพื่อหาตัวลาเวียสินะ ผิดคาดชะมัด
ตอนที่แอบฟังอยู่ที่นอกห้องของอันเค็น ฮิคารุได้ลองเช็คโซลบอร์ดของเซลิสดูแล้ว
【Soul Board】Selyse Lande
Age: 19 Rank: 41
2
【Vitality】
..【Natural Recovery】6
..【Stamina】5
..【Immunity】
….【Magic Resistance】1
….【Toxic Immunity】2
【Physical Strength】
..【Strength】3
..【Weapon Mastery】
….【Sword】5
….【Shield】4
….【Armor】3
【Agility】
..【Power Burst】4
..【Balance】3
【Willpower】
..【Mental Strength】4
..【Faith】
….【Holy】5
..【Charisma】3
..【Appeal】3
แข็งแกร่ง อาจจะไม่เท่ากับลอวเรนซ์ที่เป็นปรมาจารย์ดาบ และดูเหมือนว่าวิธีการต่อสู้ของเธอกับเขาค่อนข้างจะต่างกัน เซลีนดูเหมือนว่าจะเน้นไปที่ความเร็วมากกว่าลอวเรนซ์ที่เน้นพลัง
ยังไงก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเราล่ะนะ
ถ้าสู้กันแบบธรรมดา ยังไงฮิคารุก็แพ้แน่ แต่ว่า ถ้าสู้ด้วยทุกอย่างที่มียังไงฮิคารุก็ชนะได้อย่างแน่นอน เพราะว่าตะวเธอนั้นไม่เหมือนกับลอว์เรนซ์ที่มีแต้มในสายสัญชาตญาณ ความสามารถในการตรวจจับของเธอนั้นไม่ได้ต่างจากคนทั่วไปเลย
ปาร์ตี้งั้นเหรอ …
ปาร์ตี้ของพวกเธอมีสี่คน การที่จะคิดว่าหนึ่งในนั้นต้องมีสกิลตรวจจับนั้นไม่แปลกเลย เซลิก้า คนที่ดูเหมือนว่าจะมาจากอีกโลกและยังมีพลังระดับสัตว์ประหลาด แต่อีกสองคนก็อาจจะไม่ได้แกร่งเท่าเธอก็ได้ แต่ถ้ารู้ข้อมูลของพวกเธอเอาไว้หน่อยน่าจะดีกว่า
แล้วฮิคารุก็เดินมาถึงที่อุโมงค์ระบายน้ำ กลิ่นที่นี่ยังเน่าเหมือนเคย แต่เหมือนฮิคารุจะได้กลิ้นหอมๆอยู่นิดหน่อย เขามาเพื่อพบกับเคลเบคที่อยู่ที่นั่น
“โย่ว เคลเบค”
“..เชี่ย!!!”
ฮิคารุที่โผล่มาจากไหนไม่รู้ทำให้ตัวเคลเบคหงายหลังตกเก้าอี้ไป
“ไอ้เด็กเปรตเอ้ย ก็บอกแล้วไงฟะว่าให้มาทางประตูหน้านน่ะ”
“ก็ไม่เห็นใครเลยนี่นา”
“ไม่ใช่แบบนั้นสิวะ เออช่างเหอะ อยากได้อะไรล่ะ ก่อนหน้านี้ก็คนนึงละ เฮ้อเด็กสมัยนี้นี่ ไม่มีมารยาทกันเล้ย”
“หืม ใครงั้นเหรอ”
“เด็กผู้หญิงที่ดูมีอายุมากกว่านายน่ะ ผมฟูๆ พวกนายไม่ได้สวนกันหรอกเหรอ”
“….”
เราก็ไม่ได้เดินสวนไปนี่นา จากที่เคลเบคพูดบางทีเธออาจจะมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เองก็ได้
สมาชิกของ จตุรดารางั้นเหรอ
เขาไม่คิดว่าพวกนั้นจะเข้ามาที่นี่ก่อนเขา พวกนั้นคงจะผ่านทางนั้นสินะ มิน่าล่ะถึงมีกลิ่นหอมๆ
ฮิคารุมองไปรอบห้อง คิดว่าเธออาจจะอยู่ใกล้ๆนี้ก็ได้ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาอาจจะได้สู้กับคนที่มีสกิลลอบเร้นแบบตัวเขา และนั่นทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไร และเขาก็ทั้งโชคดีและโชคร้าย
ถ้าเขามาเร็วกว่านี้อีกนิด เขาอาจจะได้ฟังบทสนธนาของทั้งคู่ก็ได้ แต่ถ้าเขามาเร็วเกินไปเขาก็อาจจะถูกแอบฟังเช่นกัน
จะลงแต้มให้อำพรางชีวิตกับมานาดีมั้ยนะ แต้มมีไม่ค่อยเยอะด้วยสิ
ถ้าจะให้สู้ตัวต่อตัวกับเซลิส เขาชนะแน่ๆ แต่ถ้าต้องสู้กับคนที่มีสกิลแบบเดียวกัน ผลอาจจะออกมาเป็นเสมอเพราะทั้งคู่ต่างไม่มีใครมองเห็นคู่ต่อสู้ได้เลย
“แล้วแกจะมอไปรอบๆหาอะไรห๊ะ” เคลเบคถาม
“เธอได้บอกชื่อมามั้ย”
“เออ ซาร่าน่ะ จากจตุรดารา”
“แล้วได้บอกเรื่องของผมไปมั้ย”
“ช้าไม่ขายข้อมูลของลูกค้าหรอกน่า ถึงจะเป็นเด็กเปรตอย่างแกก็เถอะ”
“ดูเหมือนว่าทางนั้นจะอยากได้ข้อมูลข้าก็เลยขายข้อมูลไปน่ะ พอได้เงินแล้วก็เลยไล่ไปเรียบร้อยแล้วล่ะ”
ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะมาหาข้อมูลที่นี่เหมือนกัน พวกนั้นน่าจะคิดว่ามีคนจากโลกใต้ดินเป็นคนที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง แล้วก็มาถูกที่ซะด้วย มันทำให้ฮิคารุรู้สึกสั่นกลัวขึ้นมา แต่ดูเหมือนว่าทางนั้นจะยังไม่รู้เรื่องที่เคลเบคเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับการหยุดรถม้า
“ถามไรหน่อยสิ คนที่ผมเพิ่งจ้างไปน่ะ ยังปลอดภัยใช่มั้ย”
“เออ ตอนนี้ไปกบดานอยู่ที่เมืองท่าห่างออกไปจากที่นี่ประมาณภูเขาสองลูกน่ะ น่าจะไม่กลับมาจนกว่าจะฤดูใบไม้ผลิปีหน้านั่นล่ะ ยังไงก็ตามแกะรอยไม่ได้หรอก”
“เข้า[นพ1] ใจล่ะ”
“แล้ว เอ็งสงสัยวิธีการจัดการของข้าเรอะ”
“….อืม”
“เฮ้อ เอ็งนี่มันน่าโมโหจริงๆ ออกไปเลยไป”
“วันนี้ผมมาเป็นลูกค้านา”
“หา?”
ฮิคารุหยิบเหรียญบางส่วนออกมาจากกระเป๋า
“ขอข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับปาร์ตี้จตุรดาราหน่อยสิ”
เย็นวันนั้น ฮิคารุมุ่งตรงไปที่โรงแรม เขานั้นยังไปเจอกับจิลไม่ได้ แต่ว่าเรื่องนั้นช่างมันก่อน ฮิคารุได้เห็นหน้าของสมาชิกสองคนในปาร์ตี้นั้นแล้ว ส่วนอีกสองคนคือซาร่าและโซเฟีย เคลเบคได้อธิบายรูปพรรณของทั้งสองคนที่เหลือให้เขาฟังแล้ว แต่ว่าก็ยังมีโอกาสที่เขาจะเข้าใจผิดอยู่เพราะว่าซาร่าอาจจะใช้ลอบเร้นก็ได้
หลังจากที่คิดอย่างถี่ถ้วน ฮิคารุก็ลงแต้มให้ตรวจจับมานา เพราะว่าฮิคารุเคยเห็นแมจิคไอเทมที่ช่วยอำพรางตัวของเจ้าหญิงแล้ว และตอนนั้นเขาก็ตรวจจับได้แค่มานาด้วย
ฮิคารุไปที่ร้านของโดโดโรโน่เพื่อถามเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่สามารถอำพรางตัวได้ คำตอบที่ได้ก็คือ ทำได้ แต่โคตรแพง มันจะช่วยให้ผู้ที่ใช้สามารถอำพรางกลิ่น ความร้อน และสัมผัสทุกอย่างได้ หรือก็คือ เป็นสิ่งที่เกี่ยวกับการ สายพรางชีวิตและอำพราง นั่นเอง
และดูเหมือนว่าอำพรางมานาจะยังไม่เป็นที่รู้จักในโลกนี้มากนัก ฮิคารุจึงคิดว่าบางทีซาร่าอาจจะมีความสามารถสายพรางชีวิตและอำพรางก็ได้ นี่อาจจะยังไม่ใช่ข้อมูลที่แน่ขัดมากนัก แต่การลงแต้มไปที่ตรวจจับมานาก็สมเหตุสมผลแล้ว
เขาลงแต้มให้ตรวจจับมานาไปสองแต้ม แล้วก็มีสกิลสายใหม่โผล่ขึ้นมา
[ขยายการตรวจจับ] 【Detection Expansion】 เพิ่มระยะของการตรวจจับ สูงสุด 3
หลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ลงแต้มให้กับสกิลนี้ไปหนึ่งแต้ม หลังจากลองใช้ดู ระยะของการตรวจจับนั้นเพิ่มขึ้นจนเกือบถึงร้อยเมตร
เขาเห็นไฟสีฟ้าอ่อนที่อยู่นอกกำแพง ให้อธิบายง่ายๆก็เหมือนพวกที่โกงเกม FPS ด้วยโปรมองทะลุกำแพงนั่นล่ะ
และนี่ก็เพื่อเตรียมรับมือกับพวกที่มีสกิลลอบเร้นนั่นเอง ถ้าเขาตรวจจับมานาได้แต่ว่าตามองไม่เห็นใครแปลว่านั่นคือคนที่ใช้สกิลลอบเร้นนั่นเอง นี่ค่อนข้างจะยุ่งยากไปหน่อยแถมยังต้องเข้าไปใกล้พวกนั้นในระยะห้าเมตรเพื่อเช็คโซลบอร์ดอีก
อยากจะเพิ่มความอึดไม่ก็พลังต่อสู้จังน้า แต่ค่อยๆจัดการไปทีละอย่างแล้วกัน
ถ้าเป็นไปได้ฮิคารุก็อยากที่จะใช้เวทมนต์ได้เหมือนกัน แต่ว่าตอนนี้เขาต้องเน้นไปที่ฝั่งลอบเร้นและป้องกันลอบเร้นก่อน
“กลัมมาแล้วเหรอ”
ลาเวียปิดหนังสือทันทีที่เห็นว่าฮิคารุกลับมา
“มีข่าวร้ายน่ะ”
“ตอนนี้ไม่ใช่ว่านายต้องพูดว่า [มีข่าวดีกับข่าวร้าย จะฟังข่าวไหนก่อนดีล่ะ] เหรอ”
“ซีรี่ส์อเมริการึไงน่ะ”
“อะเมลิกา..?”
“อ๊ะช่างเถอะ ข่าวร้ายก็..”
แล้วฮิคารุก็บอกเรื่องที่ว่าลาเวียกำลังถูกตามหาอยู่ให้เธอฟัง
“เข้าใจล่ะ แล้วเราจะออกจากเมืองเลยมั้ย”
“ไม่ล่ะ ถ้าไปตอนนี้จะถูกสงสัยเปล่าๆ”
“ถ้างั้นจะทำไงต่อเหรอ”
ฮิคารุแสยะยิ้ม
“พรุ่งนี้ฉันจะเลื่อนเป็นแรงค์ E แล้วเราจะออกจากเมืองกัน”