ตอนที่ 43 เมืองใต้ดินของเทพโบราณ 2
พวกอันเดดมากมายล้อมพวกนักผจญภัยอยู่ พวกนักผจญภัยสู้กับมันอยู่นาน แต่พวกซากศพทั้งหลายก็ยังกรูกันเข้ามา ตราบใดที่มานาที่ไหนอยู่ในร่างของพวกมัน มันก็จะยังโจมตีต่อทั้งอย่างนั้น
“มันเหม็นน่ะ อยู่ให้ห่างๆไว้ก่อนเถอะ”
“ฮิคารุ” ลาเวียพูดพร้อมทำหน้ามุ่ย
เธอคงจะอยากบอกว่านี่ใช่เวลามาล้อเล่นเพราะตอนนี้มีคนกำลังจะตายอยู่ตรงหน้าของทั้งคู่แล้ว คนนึงร่วงอยู่ที่พื้น อีกคนมานาหมด ส่วนอีกสามคนล้อมรอบทั้งสองคนไว้และคอยป้องกันทั้งคู่
“รู้น่า ถ้าเห็นใครตายตรงหน้าฉันคงนอนไม่หลับหรอก เตรียมพร้อมใช้เวทมนต์ไว้ด้วยล่ะ ลาเวีย”
“รับทราบ”
ฮิคารุปล่อยมือลาเวียละเข้าจัดการมันจากด้านหลัง
ฮิคารุจัดการพวกมันห้าตัวในทีเดียว
“อะไร เกิดอะไรขึ้น”
พวกนักผจญภัยไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะว่าฮิคารุใช้ลอบเร้นอยู่
“ไม่ใช่ว่าโตกันแล้วรึไงเนี่ย” ฮิคารุพูดพร้อมกับปิดสกิล
“เห้ย ไอ้เด็กจากเมื่อตอนก่อนหน้านี้นี่หว่า”
“ไอ้เด็กนี่มันถือโอกาสจัดการตอนที่เรากำลังดึงความสนใจพวกนี้งั้นเรอะ!”
ฮิคารุอยากจะถอนหายใจดังๆ ทั้งๆที่มาช่วยแท้ๆเต่ดันมองว่าเขาเป็นพวกฉวยโอกาสซะงั้น
“แล้วแต่เลย อยากจะเอาไอ้พวกซากเน่าๆพวกนี้ก็เอาไปเถอะ ยังไงพวกผู้ใหญ่ก็รับมือเองได้อยู่แล้วนี่”
“เห้ย เดี๋ยวก่อน”
“แล้วทำไมจะต้องรออีกล่ะ”
“ก็บอกให้รอก่อ—อ๊า!”
แล้วผู้วานชนม์ตัวหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่ชายคนนั้นทำให้เขาล้มลงไ แล้วก็มีพวกผู้วายชนม์อีกกลุ่มกำลังตรงมาทางฮิคารุเช่นกัน
“ลาเวีย!”
ฮิคารุรีบหันหลังกลับจากนั้นลาเวียก็ปล่อยลมหายใจเพลิงออกมา ย่างสดพวกมัน
“โว้ว…ไอ้เวทไฟนั่นมันอะไรวะนั่น”
“ขอร้องล่ะช่วยเราที”
“บ้านป้าเอ็งสิ นี่แกไม่มีศักดิ์ศรีเลยรึไง”
“ช่างแม่งสิวะ ขอแค่รอดตายกพอแล้ว”
“จะคุยกันอีกนานมั้ย พวกเรากำลังรีบอยู่นะ” ฮิคารุพูดขึ้น
“ชิ”
“ได้โปรดช่วยเราที!” หัวหน้ากลุ่มตะโกนขึ้นมา
“จัดไปสิ ลาเวีย”
“รับทราบ”
ลาเวียยิงลมหายใจเพลิงออกไปทันทีเผาพวกซากเดินได้หายไปกว่าครึ่ง กลิ่นเนื้อไหม้ๆกระจายอยู่ทั่ว
“ฮ่า….”
ส่วนพวกนักผจญภัยเองพอโล่งใจแล้วก็หมดแรงทรุดลงกับพื้นทันที แล้วฮิคารุก็เช็คโซลบอร์ดของพวกนั้นด้วยแต่ไม่มีใครที่น่าสนใจเลย
น่าผิดหวังชะมัด ฮิคารุคิด จากนั้นก็จูงมือลาเวียกำลังจะเดินผ่านไป
“เฮ้ย เดี๋ยวก่อน”
“เอ ก่อนหน้านี้เหมือนจะพูดว่า “ยังไงเดี๋ยวก็ตายอยู่แล้ว เดี๋ยวก็จะไปเพิ่มจำนวนพวกอันเดดเปล่าๆ”สินะ”
แล้วทุกหน่อตรงนั้นก็แข็งไปเมื่อโดนคำพูดของตัวเองตอกกลับเข้าตรงกลางใจ
“ขอแนะนำว่าให้รีบออกไปจากตรงนี้จะดีกว่านะ ถึงพวกมอนแถวนี้จะตายหมดแล้วก็เถอะ แต่เสียงตะกี้น่าจะดังน่าดูเพราะงั้นเดี๋ยวพวกมันก็มาอีกนั่นล่ะ”
“อึก!”
แล้วทุกหน่อก็ตรงไปที่ตางออกยกเว้นหัวหน้ากลุ่มคนเดียว
“ทางออกอยู่ทางนั้นแน่ะ เอ๊ะเดี๋ยวนะ หรือว่าจะลืมแม้กระทั่งทางออกไปแล้วน่ะ” ฮิคารุพูด
“นี่เอ็งคิดจะทำอะไรกันแน่ แล้วไอ้เวทตะกี้อีก มันอะไรกันน่ะ”
“ลมหายใจเพลิงน่ะ” ลาเวียตอบ
“….หา?”
“ก็แค่เวทพื้นฐานทั่วไปน่ะ”
ฮิคารุกับลาเวียปล่อยให้ชายคนนั้นอึ้งอยู่อย่างนั้นแล้วก็ตรงเข้าไปข้างในเมื่อลับสายตาของชายคนนั้นแล้วเขาก็เปิดใช้อำพรางหมู่
แล้วฮิคารุก็หยุดเชือดพวกอันเดดตามทางเพราะว่ามันได้ EXP น้อย แล้วอาวุธก็จะเสียหายอีกด้วย
“ถ้านี่เป็นเกมก็คงใช้ได้ไม่จำกัดอยู่ล่ะน้า อะ บางเกมก็มีค่าความคงทนอยู่นี่เนอะ”
“หืม? เกมเหรอ?”
“แค่คิดอะไรไปเรื่อนเปื่อยน่ะ แฃ้วดูเหมือนว่าอาวุธของทางนี้เองก็บิ่นแล้วด้วย”
สเกลตันนั้นถึกทนมาก ยังไงการฆ่ามันก็ต้องทำให้อาวุธเสียหายอยู่แล้ว ฮิคารุเคยลองปากรวดดูแล้วแต่ว่าเสียงเหวกอากาศของมันคอยดึงดูดพวกมอนตัวอื่น
และถึงการปาหินมันจะพอที่จะจัดการสเกลตันได้แต่การทำแบบนั้นเพื่อแค่รักษาอาวุธไว้มันก็ยุ่งยากเกินไปดังนั้นเขาเลยไม่ทำ
“เราก็มาได้ไกลระดับนึงแล้วนะ พักกันหน่อยเถอะ”
สี่ชั่วโมงผ่านไปหลังจากที่ทั้งคู่เข้ามาในดันเจี้ยน ฮิคารุหยิบนาฬิกาขึ้นมาดู
ที่โลกนี้มีนาฬิกาสำหรับพกพาอยู่ มันถูกสร้างขึ้นโดยใช้หินเวททั้งสี่ธาตุ เพราะว่าใช้เวทมนต์เป็นพลังงานจึงไม่จำเป็นต้องคอยเปลี่ยนถ่าน ฮิคารุยืมมันมาจากกิลด์แต่ต้องจ่ายไปเยอะเลยทีเดียว
“เกือบเย็นแล้วแฮะ”
แล้วทั้งคู่ก็นั่งพักอยู่แถวนั้น ฮิคารุหยิบขวดน้ำที่ใช้หินเวทน้ำเติมเอาไว้ก่อนแล้ว เพราะว่าเป็นหินเวทที่ขนาดค่อนข้างเล็กมันเลยราคาถูก
หลังจากที่ดื่มน้ำเสร็จ เขาก็ยื่นให้ลาเวีย
“นี่ นายจะไม่เก็ยหินพวกนั้นหน่อยเหรอ”
“หมายถึงหินเวทน่ะเหรอ ถ้ามันหายากก็ว่าจะเก็บไปอยู่นะ”
“ก็นั่นไง”
“เอ๋”
ห้าเมตรจากถนน ฮิคารุเห็นหินที่กำลังเรืองแสงเจ็ดสีอยู่ หินพวกนี้นั้นถูกใช้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาเวท ราคาราวๆห้าร้อยกิลลัน
“คิดว่าจะมีแค่พื้นที่ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ซะอีกแฮะ”
“จากที่เราได้ยินมาดูเหมือนว่าจะเจอได้แถวๆสุสานเหมือนกันน่ะ”
“เคยได้ยินมาอยู่เหมือนกันว่าเด็กในสลัมเจอพวกนี้ในสุสานนี่นะ แหล่งหาเงินชันดีเลย พวกนั้นว่าอย่างงี้แน่ะ”
ในความทรงจำของโรแลนด์ มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้น้อยมาก แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเพราะว่าเขานั่นค้นคว้าแต่เรื่องเวทข้ามโลกอย่างเดียว
“บางทีอาจจะเป็นเพราะที่นี่คือดันเจี้ยนล่ะนะ ไม่ก็เพราะว่ามีพวกอันเดดเยอะล่ะมั้ง คงจะมีพวกปาร์ตี้ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อหาเจ้าหินนี่โดยเฉพาะอยู่แหละ”
“อื้ม แล้วก็ตรงนั้นมีอีกก้อนน่ะ”
“เอ๋”
ห่างออกไปประมาณสามเมตร
“น่าตกใจนะเนี่ยที่เธอเห็นมันน่ะ”
ลาเวียเอียงคอ
“นายไม่เห็นเลยเหรอ เราเห็นชัดมากเลยนะถึงจะมืดขนาดนี้น่ะ”
“จริงดิ อ๊ะ เดี๋ยวนะ”
แล้วฮิคารุก็ปิดตรวจจับมานา
“เห็นแล้วแฮะ”
แล้วก็เจออีกสามก้อนมานาที่ไหลเวียนอยู่ข้างในมันทำให้มองเห็นได้ยากถ้ายังเปิดใช้สกิลอยู่
“สายตรวจจับนี่ใช้ยากแฮะ”
“หืม?”
“ไม่มีอะไรหรอก แล้วก็ฉันอยากลองสู้กับพวกมอนตอนกลางคืนด้วยน่ะ”
“ได้สิ”
ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็เจอกับอันเดดที่ดูเหมือนจะแตกต่างจากพวกก่อนหน้านี้อยู่
“นักกรีฑารึไงเนี่ย” ฮิคารุพึมพัม
มันวิ่งเร็วมาก วิ่งอยู่ทั่วห้องปีนกำแพงไปทั่ว
“เหมือนว่าพวกนี้จะไม่เห็นเราแฮะ แต่น่าจะจัดการยากอยู่”
“ถึงตอนนี้จะมืดอยู่แล้วก็เถอะ แต่เราเริ่มง่วงแล้วอะ”
“ถ้างั้นก็มากินข้าวเย็นกันก่อนแล้วกัน”
ทั้งคู่เข้าไปในบ้านใกล้ๆนั้นแล้วปิดประตูจากนั้นก็จุดตะเกียงน้ำมันศักดิ์สิทธิ์
“หืม”
แล้วก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง
“จะกลับงั้นเหรอ อย่ามาล้อเล่นนะ! ผมอุตส่าห์จ่ายพวกนายไปตั้งเยอะนะ”
“ไม่เอาน่า ตอนนี้เราแทบไม่เหลือน้ำมันศักดิ์สิทธิ์แล้วนะ เราต้องรีบกลับไปในระหว่างที่มันยังเหลืออยู่นีแหละ”
“นี่ยังกล้าเรียกตัวเองว่านักผจญภัยอยู่อีกเหรอ!”
“นักผจญภัยไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงตายกันหรอกนะคุณชนชั้นสูง”
“อึก”
เหมือนจะมีปัญหาอีกแล้วสินะ ฮิคารุคิด
“นี่มันอะไรเนี่ย”
เจ้าหญิงพูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาจากเอกสาร และพบว่าพนักงานที่อยู่กับเธอเตรียมตัวจะกลับแล้ว
“ฝ่าบาท ไว้ค่อยทำพรุ่งนี้ได้มั้ยครับ”
“น่าเช็คให้หน่อยสิ พวกนี้ได้งบเยอะมากแล้วนะ แล้วปีนี้ยังใช้ไปสองร้อนล้านกิลลันอีก”
“สมาคมวิจัยของโบราณคงจะใช้มันจริงๆล่ะมั้งครับ”
“อยากรู้ว่าที่จริงแล้วสมาคมนี้คืออะไรน่ะ”
“…ได้ครับ”
“อยากกลับบ้าน” คำนี้โผล่ออกมาบนหน้าของเขาอย่างชัดเจน เขาดึงหนังสืออกมาจากชั้นเล่มหนึ่ง
“เป็นสมาคมที่สร้างโดย ท่านวาล์วน่ะครับ ถ้ามีวัตถุโบราณถูกพอก็จะถูกซื้อมาทันที”
“ท่านวาล์ว นักประวัติศาสตร์ กราฟราสตี้ เอ็น วาล์วน่ะเหรอ”
“รู้จักสินะครับ”
“สองร้อยล้านนี่มันไม่มากไปหน่อยเหรอ ท่านพ่อรู้เรื่องนี้รึเปล่า”
“ดูเหมือนว่าฝ่าบาทจะหนุนหลังเขาอยู่น่ะครับ”
“หืม”
เจ้าหญิงเริ่มคิด ก็จริงที่ราชาหนุนหลังหลายๆองค์กรณ์อยู่แต่เธอเคยได้ยินว่าราชาที่เอาแต่คั่วหญิงนั้นจะสนับสนุนองค์กรณ์ที่เอาจริงเอาจังขนาดนี้ด้วย
“บางทีเราน่าจะตรวจสอบเรื่องนี้หน่อยนะ เจ้าว่ายังไงล่ะ”
พนักงานคนนั้นโกยแน่บเรียบร้อย
เธอถอนหายใจออกมาและเริ่มทำงานต่อ