ตอนที่ 46 เมืองใต้ดินของเทพโบราณ 5
พอยซั่น แกส มอนสายอันเดดสุดอันตรายที่อยู่ข้างหลังกำแพง มันชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม คอยปล่อยแก๊สพิษออกมาจากร่างกายสีม่วงที่เข้มขึ้นเรื่อยๆตามความแข็งแกร่งของมัน ฮิคารุและลาเวียพยายามเดินเลี่ยงพวกมันออกไป
อย่างที่หนังสือเคยบอกไว้ ลิฟวิ่งเฮด ก็หัวลอยได้นั่นล่ะ เหมือนว่าพอเห็นแสงแล้วก็ตรงเข้ามาหาแสง แต่ว่าพวกมันมองไม่เห็นฮิคารุและลาเวีย หลังจากที่หัวหมุนติ้วอยู่ครู่หนึ่งก็ลอยหายไป
แล้วก็ดาร์คสไลม์ มอนที่ทำตัวเหมือนกับน้ำที่ขังอยู่ตามพื้น แต่ถ้าเหยียบลงไปก็จบเห่ ที่ฮิคารุรู้ได้ก็เพราะว่าถนนรอบๆแห้งมากแต่ตรงนี้ดันมีน้ำขังอยู่ เขาลองใช้กิ่งไม้เขี่ยๆดู แล้วกิ่งไม้ก็ค่อยๆละลายอย่างช้าๆ
“จากนี้ก็น่าจะต่างออกไปสินะ”
หลังจากที่ผ่านกำแพงชั้นแรกมาและกำลังจะผ่านกำแพงชั้นที่สองเข้าไปสู่เขตของชนชั้นสูง ซึ่งไม่เหมือนกับที่เมืองหลวง ที่นี่นั้นไม่มีกำแพงคอยกั้นเขตชนชั้นสูงไว้ พื้นถนนถูกปูด้วยหิน ประตูถูกปิดแน่น ไม่มีเค้ารอยของการถูกรื้อค้นเลยแม้แต่น้อย
จนถึงก่อนหน้านี้นั้นมีทั้งร่องรอยของแคมป์ไปและซากประตูอยู่ แต่ตอนนี้ไม่มีพวกศพอยู่เลย หรือว่าพวกนั้นกลายเป็นอันเดดหมดแล้วหว่า
แต่ก็ไม่มีสัญญาณอะไรแบบนั้นในที่แห่งนี้เลย
ตรงหน้าของทั้งคู่ตอนนี้มีอดีตชนชั้นสูงยืนอยู่ โดยที่บ่งบอกได้จากชุดที่ใส่
“…___…..”
มอนสเตอร์พึมพัมอะไรบางอย่างจากนั้นก็ปล่อยก้อนมานาออกมา ก้อนมานาบินไปที่อีกฝั่งของสิ่งปลุกสร้าง ฮิคารุมองตามไปแล้วจากนั้น ก็มีพวกผู้วายชนม์เดินออกมาจากตรงนั้น
“นั่นอะไรน่ะ” ลาเวียถาม
“คงจะเป็นการรียูสพวกอันเดดน่ะ”
ฮิคารุย่องเข้าไปใกล้ๆจากนั้นก็จ้วงมันตายในการแทงครั้งเดียว
อ๊ะ แรงค์อัพแฮะ
เขาแรงค์อัพขึ้นมาพอสมควรดูเหมือนมอนตัวนี้จะเป็นร่างพัฒนาของพวกผู้วายชนม์
ทั้งคู่เดินไปเรื่อยๆภายในเขตชนชั้นสูง ที่นี่มีแต่บ้านและคฤหาสใหญ่ๆทั้งนั้น และจะเห็นพวกอันเดดได้ผ่านหน้าต่างที่เปิดอยู่
เขาลองเช็คภายในคฤหาสบางหลังดู ทั้งภาพวาด แจกัน ถูกทิ้งไว้ราวกับไม่มีใครแตะต้องมันมาก่อน สมบัติที่เก็บไว้ในห้องที่ถูกผนึกไว้ด้วยเวทมนต์ ที่เขารู้ก็เพราะว่าใช้ตรวจจับมานานั่นเอง
ผนึกนี้คล้ายกับห้องที่เคยขังลาเวียแต่ว่าพลังเวทนั้นยังคงยืนยาวมากว่าหกร้อยปี
คงจะมีกลไกอะไรบางอย่างที่คอยคงสภาพเวทนี่ไว้สินะ
บทกลอนนั้นเคยพูดถึงเรื่องอาคมสุดแข็งแกร่งไว้อยู่ บางทีนี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้มันคงสภาพอยู่อย่างนี้มากว่าหกร้อยปีก็ได้
บางทีอาจจะอยู่ไปตลอดกาลเลยก็ได้ ในความทรงจำของโรแลนด์เองก็ไม่มีอะไรแบบนี้อยู่เลย
กราฟาสตี้กำลังหาเวทนี่อยู่งั้นเหรอ
เหรียญและอัญมณีที่ไม่ได้อยู่ในห้องสมบัติต่างกระจายอยู่ทั่วบ้าน ทั้งคู่เก็บมันมาไว้ การออกแบบนั้นต่างกับของที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ทำให้ฮิคารุไม่แน่ใจว่ามันจะใช้ได้รึเปล่า
หลังจากผ่านไปสามชั่วโมง
“อ๊ะเห็นปราสาทแล้วล่ะ ฮิคารุ”
“มาทางนี้เร็ว”
ปราสาทขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางความมืด รอบๆนั้นเป็นคูน้ำขนาดใหญ่ ทางเข้าทางเดียวก็คือสะพาน
จากนั้นฮิคารุที่สัมผัสได้ถึงอันเดด ก็รีบดึงตัวลาเวียเข้ามาในสิ่งก่อสร้างที่หนึ่ง ตอนนี้สัญชาตญาณของเขากำลังเรียกร้องให้หนีไปซะ
ฮิคารุแอบมองออกไปแล้วก็พบกับกองทัพอันเดดนับร้อยที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามและโคตรสูง ยืนเรียงแถวกันอยู่
“ดราเกอร์!”
ฮิคารุเคยเห็นมันมาจากในหนังสือแล้ว มันคือมอนที่มีพลังโจมตีสูงและประสาทที่ฉับไว มันสามารถป่นบ้านทั้งหลังได้ด้วยตัวมันเอง ส่วนหัวหน้าของมันคือ เดท ไนท์ ที่ใส่เกราะเงินอยู่นั่นเอง พวกมันนั้นคอยอารักขาทางที่มุ่งไปสู่ปราสาทไว้
“..เอาไงต่อดีล่ะ…”
“ไม่แน่ใจเหมือนกันน่ะ…”
เพราะถ้าหากคิดจะเข้าไป ต้องผ่านพวกมันไปในระยะกระชั้นชิดเลยทีเดียว
ปาหินล่อดีมั้ยนะ ไม่สินั่นอาจจะทำให้มันระวังตัวมากขึ้นก็ได้
“ให้เราใช้เวทกวาดเลยดีมั้ย”
“เป็นความคิดที่ดีอยู่หรอก แต่ว่าพวกข้างในอาจจะรู้ตัวก็ได้แล้วอีกอย่าง สะพานมันจะพังเอาน่ะ”
“นั่นสินะ”
“ถ้างั้นก็เข้าไปมันซึ่งๆหน้านี่ล่ะ”
“เอ๋”
“ไม่เป็นไรหรอก”
มั้งนะ
ฮิคารุเปิดโซลบอร์ดขึ้นมาแล้วลงแต้มที่เหลืออยู่ให้ พรางชีวิตและมานา กับอำพรางหมู่ ตอนนี้แต้มไม่เหลือแล้ว และถ้าหากว่าแค่นี้ไม่พอจะให้ผ่าไปได้ ฮิคารุก็กะว่าจะไปเชือดพวกขุนนางผู้วายชนม์ให้แรงค์อัพแล้วเพิ่มแต้มสกิลจนตันซะ แต่ถ้าทำแบบนั้นก็อาจจะต้องใช้เวลาเป็นวันเลยก็ได้
“ลาเวีย ถ้าฉันบีบมือเมื่อไรให้ดับตะเกียงทันทีเลยนะ แล้วถ้าบีบอีกครั้งก็เปิดตะเกียงได้เลย”
“จะปิดไฟเหรอ”
“อืม พวกเราต้องเจอกัยพวกดราเกอร์นี่นา”
“อ๊ะ พวกนั้นประสาทดีสินะ”
เพราะดูเหมือนว่าพวกลิฟวิ่งเฮดนั้นเห็นแสงได้ เพราะแบบนั้นปิดไฟไว้ก่อนอาจจะดีกว่าก็ได้
“อย่าปล่อยมือ แล้วตามมาติดๆเลยนะ”
แล้วทั้งคู่ก็ตรงไปตามทางที่นำไปสู่ปราสาท
เราจะตรงเข้าไปทั้งอย่างนี้เลยเหรอ ลาเวียคิดจะถามอย่างนั้น แต่ก็คิดว่าแบบนี้อาจจะดีกว่าก็ได้ ทันทีที่ฮิคารุบีบมือเธอสองครั้ง เธอก็ดับไฟ
ความมืดเข้าโอบล้อมทั้งคู่ ปราสาทก็ถูกกลืนหายไปกับความมืด
ลาเวียมองเห็นตาสีเขียวของพวกดราเกอร์ พวกมันนั้นสามารถมองเห็นในความมืดได้อย่างชัดเจน การเดินของฮิคารุนั้นช้าแต่ว่ามั่นใจได้ และลาเวียไม่รู้ว่านี่เป็นเพราะตรวจจับมานา
เสียงของเหล็กดังขึ้น ฮิคารุหยุดนิ่ง ทั้งคู่อยู่ห่างจากพวกมันเพียงแค่สิบเมตรเท่านั้น
เราจะกลับมั้ย ลาเวียอยากจะถามออกไปแต่ว่าก็ไม่กล้า ในตอนนี้ สายลมได้หยุดนิ่ง และเธอนั้นเหงื่อโชกเต็มตัว
เสียงของเหล็กดังขึ้นอีกครั้ง ลาเวียรู้สึกว่าฮิคารุจับมือเธอแน่นกว่าเดิม เขาเริ่มเดินไปต่อส่วนเธอก็เริ่มเดินตาม
ตอนนี้เราอยู่ห่างจากพวกมันกี่เมตรกันนะ ห้าเหรอ หรือว่าสาม
เสียงดังขึ้นอีกครั้ง
ลาเวียตื่นเล็กน้อย เสียงนั้นอยู่ข้างๆหูของเธอ ลาเวียรู้สึกดีใจมากที่ตัวเองไม่ได้ส่งเสียงออกไป
กลิ่นเหม็นเน่าลอยเข้ามาเตะจมูกของเธอ นี่คงจะเป็นกลิ่นของพวกมันแน่ เธอคิด ฮิคารุหยุด จากนั้นก็เลี้ยวซ้ายนิดหนึ่ง แล้วก็ตรงไป จากนั้นก็ไปทางขวา แล้วลาเวียก็รู้ได้ว่าตอนนี้เขากำลังหลบพวกดราเกอร์อยู่
จากนั้นฮิคารุก็หยุดและเข้าแนบชิดกับลาเวียในทันที แล้วทั้งคู่ก็ค่อยๆเดินไปทีละครึ่งก้าว กลิ่นเหม็นเน่าแรงขึ้นกว่าเดิม ลาเวียน้ำตารื้นอยู่ที่ขอบตา
พวกมันอยู่ใกล้ขนาดนี้เลยเหรอ บางทีเราน่าจะใช้เวทกวาดพวกมันไปซะให้สิ้นเรื่อง ลาเวียคิด
มือของฮิคารุคลายลง เขาจูงมือเธอและเดินออกไปเร็วกว่าเดิม ทำให้ลาเวียรู้ว่าตอนนี้ทั้งคู่ได้ผ่านพวกมันมาได้แล้ว กลิ่นเหม็นเน่าเองก็หายไปด้วย ฮิคารุบีบมือเธออีกสองครั้ง
อื้ม เราผ่านมาได้แล้วสินะ ลาเวียบีบมือกลับ แล้วฮิคารุก็บีบอีกรอบ
ไม่เป็นไรหรอก แค่หมดแรงน่ะจ้ะ เธอบีบมือตอบ แล้วฮิคารุก็บีบอีก
คงกดดันเหมือนกันสินะ เอหรือว่าเป็นห่วงเรารึเปล่า ลาเวียยิ้มออกมาแล้วบีบมือกลับ เฮะเฮะ นายเองก็มีด้านแบบนี้อยู่ด้วยสิน้า
ฮิคารุหยุดเดิน
“เอ่อ คุณลาเวียครับ ช่วยเปิดไฟหน่อยสิครับ” ฮิคารุกระซิบที่ข้างหูของลาเวีย
ปราสาทที่นี่นั้นต่างกับที่เมืองหลวง บางทีอาจจะสำรวจทั้งหมดนี่ได้ในเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ได้
“เข้าไปดูข้างในกันเถอะ” ฮิคารุพูด
“…….”
“ลาเวีย?”
“ไม่มีอะไรจ้ะ ไปกันต่อเถอะ”
ทีแรกฮิคารุคิดว่าเธอปฏิเสธที่จะเปิดไฟ แต่พอเขาพูดออกไปตรงๆเธอก็ยอมเปิดไฟให้ แต่ไม่หันมาสบตาเขาด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างแถมยังหน้าแดงด้วย
เสียงของขุนนางผู้วายชนม์ดังอยู่ภายในปราสาท แต่ไม่มีพวก เดท ไนท์ อยู่เลย ฮิคารุไล่เชือดพวกมันทีละตัว ตอนนี้โวลแรงค์ของฮิคารุขึ้นเป็น 27 ส่วนลาเวียก็ 24
“แล้วเราจะไปที่ไหนล่ะ บัลลังค์เหรอ” ลาเวียถาม
ทั้งคู่ทานขนมปังกับเนื้อแห้งและผลไม้แห้งเป็นข้าวเที่ยง
ในปราสาทตอนนี้นั้นเต็มไปด้วยซากของขุนนางผู้วายชนม์ที่ถูกฮิคารุจัดการไปเกลื่อนอยู่ตามพื้น
“การเคลียร์ดันเจี้ยนก็แปลว่าได้สมบัติสินะ” ฮิคารุพูด
“ใช่แล้วล่ะ”
ลาเวียตอบทันที
“ถ้าอย่างนั้นเราต้องหาคลังก่อนสินะ แต่ตอนนี้ฉันเองก็ยังสงสัยเรื่องการล่มสลายของเมืองนี้อยู่ ถ้าเจอเบาะแสคงจะดีไม่ใช่น้อยเลยล่ะ”
“เบาะแสเหรอ นี่นายจะไปสัมภาษณ์พวกันเดดรึไงเนี่ย”
“ถ้าทำแบบนั้นได้ก็ดีสิ ยังไงพวกนั้นก็ต้องจัดการเราแน่ๆ ฉันคิดว่าบางทีอาจจะมีพวกเอกสารอะไรที่บอกถึงเหตุการณ์ตอนนั้นเหลืออยู่ก็ได้นะ
“ก็เป็นไปได้นะ ราชาน่ะต้องมีเลขาอยู่แล้ว บางทีอาจจะมีบันทึกเหลืออยู่ก็ได้นะ”
“แล้วจะหาได้ที่ไหนล่ะ”
“ถ้าให้เดาก็คงจะต้องเป็นความลับสุดยอดล่ะมั้งนะ บางทีมันอาจจะอยู่ที่ห้องทำงานของราชาก็ได้ ไม่ก็ที่เก็บเอกสารเฉพาะของพวกราชวงศ์น่ะ”
“ถ้างั้นก็ต้องไปดูที่ห้องบัลลังค์ก่อนสินะ”
หลังจากที่กินผลไม้แห้งชิ้นสุดท้ายเสร็จ ฮิคารุก็ยืนขึ้น
“อาวล่ะ ถ้างั้นก็ตามหาสมบัติกันเถอะ ที่นี่ไม่เหมือนกับที่คฤหาสของชนชั้นสูง ยังไงก็ต้องมีของมีค่าอยู่แล้วล่ะ”