อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้ – ตอนที่ 68

อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้

ตอนที่ 68 ยกเลิกระบบขุนนาง

            ซิลเวสเตอร์เชื่อไม่ลง ลูมาเนียที่ถือว่าเป็น “ประเทศศัตรู” ของซูบร้าจะลงมือช่วยเหลือผู้อำนวยการ

            สำหรับซูบร้า “ปาร์ตี้ตามหาใบริวจินกะ” ในครั้งนี้ถือว่าเป็นการเสี่ยงที่ค่อนข้างสูงเหมือนกัน

            ซูบร้าถือว่าเล็กเมื่อเทียบกับประเทศอื่น การที่ได้ตำแหน่งผู้อำนวยการของ “ศูนย์วิจัยนานาชาติ” ที่มีวิทยาการล้ำสมัยไว้ชุบเลี้ยงบุคคลรุ่นใหม่ ถือเป็นตำแหน่งที่สำคัญในสหพันธรัฐอยู่

            เพราะอย่างนั้น ตอนที่ได้ยินว่าญาติของผู้อำนวยการบาดเจ็บสาหัสจากสงครามระหว่างราชอาณาจักรพอนโซเนียกับจักรวรรดิควินแบรนด์ ทำให้รู้สึกว่าต้องทำอะไรสักอย่าง

            แต่นักผจญภัยที่มีฝีมือ ทุกคนมุ่งหน้าไปที่เมืองหลวงฟอเรสซาร์ด พอไปถึงเมืองหลวงครั้งหนึ่งแล้วไม่รู้ว่ามันมีโรคที่ทำให้ลืมบ้านเกิดหรือเปล่า ทำให้แทบจะไม่มีคนกลับมาเลย

            การไหลออกของประชากรซูบร้าเกิดขึ้นทางเดียว มันแตกต่างกับลูมาเนียที่ให้ความสำคัญกับ “เผ่า” และรับประชากรของประเทศอื่นจนเกิดการขยายตัวอย่างมาก

            ซิลเวสเตอร์ที่พอมีศิลปะต่อสู้ประกาศว่าจะนำปาร์ตี้ออกไปค้นหา แน่นอนว่าราชาของซูบร้าและผู้มีอำนาจคนอื่นๆต่างคัดค้าน

            แต่ว่า

            พวกเขาส่วนใหญ่มีอายุเยอะแล้ว ลงความเห็นว่า “ซูบร้าควรยอมรับการเสื่อมถอยได้แล้ว” ซูบร้าคงยังไม่ล่มสลายตอนที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่หรอก

            แต่ซิลเวสเตอร์ที่ยังหนุ่มนั้นแตกต่างไป

            ยังดีที่เขามีน้องชาย ต่อให้ตัวเขาเสียชีวิตยังพอฝากซูบร้าไว้กับน้องชายได้

            เขาอยากจะลองเสี่ยงใช้ชีวิตของตัวเองเป็นเดิมพัน ในสหพันธรัฐรู้กันดีว่าหลานชายของผู้อำนวยการบาดเจ็บหนักอยู่ ถ้าหากปัญหานี้ได้รับการแก้ไขโดยราชวงศ์ที่กล้าหาญของซูบร้าแล้วละก็—-เป็นโอกาสอันดีที่ประเทศซูบร้าจะโด่งดังขึ้น

            เขามีความรู้สึกว่า ต่อให้ตายก็ไม่เป็นไร

            ถ้าหากตายไป แล้วมีโอกาสที่ทุกคนจะเปลี่ยนความคิดแล้วละก็

            ซิลเวสเตอร์รู้ว่าซูบร้ากำลังตกอยู่ในสภาวะวิกฤตขนาดไหน

            ถ้าหากพาพวกมาเยอะมันจะสะดุดตาเกินไป และด้วยความคิดที่ว่า “ต่อให้ตัวเองต้องตายก็ไม่เป็นไร” เลยไม่อยากให้มีผู้ที่ต้องมาเสียสละไปมากกว่านี้

            ได้บอกกับพวกพ้องทุกคนไปว่า “อาจจะต้องสู้กับมังกรก็ได้” ตอนอยู่ในเมือง—-ซึ่งเมืองนั้นอยู่เชิงเขาอีกฝั่งกับเมืองที่ฮิคารุอยู่

            ถึงขนาดนั้นก็ยังเป็นจำนวนที่น้อยอยู่

            ในระหว่างค้นหาก็เห็นเลสเซอร์ไวเวิร์นบิน แถมยังร่อนลงมาด้วย ถือว่าดวงดีมากๆ เพราะมีความเป็นไปได้สูงที่จุดร่อนลงของเลสเซอร์ไวเวิร์นจะมีใบริวจินกะ

            เผ่ามังกรหลับเร็วมาก ดังนั้นการโจมตีครั้งแรกเลยไม่มีความเสี่ยง

            ไม่มีทางย่องเข้าไปเก็บได้เลย เพราะเผ่ามังกรค่อนข้างไวเวลามีคนเข้าใกล้

            ไม่มีความคิดที่รอให้มันตื่นแล้วบินจากไป

            เขาคิดว่าชนะได้—-เพราะโชคกำลังเข้าข้างเขา บวกกับความรีบร้อนเพราะได้ยินรายงานมาว่าอาการของผู้ป่วยเริ่มไม่สู้ดีนัก

            ผลสรุปคือได้รับความช่วยเหลือจากเด็กหนุ่มลึกลับ

            “……ฝ่าบาท ไม่ใช่ว่าลูมาเนียกำลังต้องการตำแหน่งผู้อำนวยการหรือครับ?”

            ซามุย ดี บ็อก ผู้มีตำแหน่งเคานต์และเป็นอาจารย์สอนดาบของซิลเวสเตอร์พูดขึ้นในขณะที่เอาโพชั่นให้กาลิออสดื่ม เด็กหนุ่มเลยตอบออกมาอย่างรำคาญ

            “อืม กะแล้วว่าต้องคิดอย่างนั้น แต่ขอบอกไว้ก่อนเลย สิ่งนี้เป็นน้ำใจของรีก……แห่งเผ่าเรียวกิ”

            “เป็นไปไม่ได้”

            “ถึงจะไม่น่าเชื่อ แต่ไม่ต้องมาบอกกับผมหรอก แล้วยิ่งบอกต่อท้ายว่า ‘หวังดีจริงๆ’ เนี่ยมันยิ่งไม่น่าเชื่ออยู่แล้วนี่? คงคิดว่าถ้าทำสำเร็จน่าจะเป็นการสร้างบุญคุณก็ได้นี่?”

            “เรื่องนั้น—-มันก็เป็นไปได้อยู่หรอก แต่ลูมาเนียไม่มีเหตุผลให้ทำอะไรอย่างนั้นอยู่แล้วด้วย”

            “เคานต์บ็อก”

            ซิลเวสเตอร์กำลังจะเตือน แต่เคานต์บ๊อกยังไม่หยุด

            “การเมืองของเข้าพวกนั้นมันน่ารังเกียจพอๆกับลูดันช่าเลย จะกดดันทุกหนทางแล้วให้ส่งมอยตำแหน่งไปให้ไง”

            “……อย่างนั้นเหรอ”

            เด็กหนุ่มครวญออกมา ดูเหมือนจะไม่คุ้นกับเรื่องการเมือง

            ซิลเวสเตอร์ไปบอกให้เคานต์บ็อกหยุด

            “ขอโทษด้วย ว่าแต่นายชื่ออะไรเหรอ? แล้วเป็นคนของประเทศอะไร?”

            “……ชื่อฮิคารุ ส่วนบ้านเกิดอยู่ห่างออกไปไกลมากๆ”

            ซิลเวสเตอร์คิดว่าเป็นการพูดที่มีนัยอะไรอยู่

            “ถ้าบอกว่าซูบร้าอยากได้ความแข็งแกร่งนั้นจะว่าไง? ต้องจ่ายเท่าไรถึงจะยอมมาเหรอ?”

            “น่าเสียดายที่ตอนนี้ยังไม่คิดจะรับใช้ใคร ไหนจะมีธุระอีกสักพักด้วย—-ถ้างั้นผมไปก่อนนะ เลสเซอร์ไวเวิร์นมันหนักมาก ขอแค่ตาก็พอ ส่วนอย่างอื่นทางนู้นจะเอาไปก็ได้ ถ้าพูดเป็นจำนวนเงินก็คง 1 ต่อ 9 ใช่ไหม?”

            “เรื่องนั้น—-ก็ได้”

            ดวงตาของเลสเซอร์ไวเวิร์น มีราคาสูงเพราะสามารถเอาไปทำเป็นยาได้ แต่ก็เทียบกับส่วนอื่นที่เหลือไม่ได้

            เนื้อมันอร่อยมาก ส่วนหนังเป็นวัตถุดิบชั้นยอดเอาไว้ทำเสื้อผ้าหรือชุดเกราะ

            “……ใบริวจินกะผมเองก็จะเอาไปด้วย สิ่งนี้เป็นเควสของเรียวกิไง”

            “พวกเขาเอาจริงงั้นเหรอ”

            ฮิคารุยักไหล่

            พอเข้าไปใกล้เลสเซอร์ไวเวิร์นก็หยิบมีดสั้นอีกเล่มออกมา ก่อนจะควักดวงตาออกมาอย่างง่ายดาย ดูเหมือนจะช่ำชองการชำแหละ หลังจากลงมือทำไม่กี่นาทีก็ควักตาทั้งสองข้างออกมาเขาห่อมันด้วยผ้าแล้วเก็บใส่กระเป๋า

            “ถ้างั้นไปก่อนนะ”

            “อะ อือ……”

            เขาจากไป

            ผู้ใช้เวทมนตร์มิคาเอลมาอยู่ข้างๆซิลเวสเตอร์

            “ไปแล้วสินะ”

            “อ้า……ลืมถามไปเลย……ว่าเขาจัดการเลสเซอร์ไวเวิร์นได้ยังไง”

            “? มันก็ต้องใช้ดาบสั้นอยู่แล้วนี่?”

            “ไม่เคยได้ยินเลยนะว่าจัดการกับเผ่ามังกรได้ด้วยการโจมตีของดาบสั้นในครั้งเดียว”

            “เรื่องนั้นมันก็ใช่อยู่หรอก—-หรือว่าเจ้าหนูคนนั้นจะเป็นมือสังหารที่เผ่าเรียวกิเลี้ยงมา?”

            “ไม่มีทางอยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลให้ช่วยผู้อำนวยการด้วยสิ จุดประสงค์ยังไม่ชัดเจนเลย”

            “มันก็ใช่ครับ ฝ่าบาทถ้ารีบเอาใบริวจินกะกลับไปทำยาแก้พิษ เจ้าหนูนั้นจะไม่ได้รับรางวัล—-”

            “คิดว่าฉันเป็นพวกน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยเหรอ?”

            “ขะ ขอประทานโทษครับ”

            มิคาเอลที่โดนจ้องถึงกับผงะไป

            “……รอก่อน”

            ซิลเวสเตอร์นึกขึ้นมาได้

            “ถ้าเขาเล็งอย่างนี้ไว้แล้วล่ะ……? เขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องบอกเลยว่ารับเควสมาจากเรียวกิ ทำไม—-ถึงจงใจพูดออกมา? ……หรือสงสัยกับท่าทีของทางนี้? แล้วเพื่ออะไรกัน?”

            “ฝ่าบาท! กาลิออสฟื้นแล้วครับ!”

            “งั้นเหรอ!!”

            ซิลเวสเตอร์ออกวิ่งตอนที่เคานต์บ็อกเรียก

            เขานึกขึ้นมาว่าคงคิดมากเกินไป

                        * * *

            ฮิคารุกับลาเวียอยู่ที่ภัตตาคารเฉพาะของเผ่าลูมาเนียตรงสกาล่าซาร์ด

            บนโต๊ะมีใบริวจินกะวางอยู่ ส่วนเด็กหนุ่มผมเขียว—-รีกที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะกำลังอึ้ง

            “นี่……มัน”

            “ก็อย่างที่เห็น ของที่นายต้องการไง แล้วทางนายล่ะ?”

            “อ้อ ไปสมัครเป็นลูกศิษย์กับอาจารย์ของโคโทบี้แล้ว”

            “โห”

            ฮิคารุทบทวนมุมมองที่มีต่อรีกใหม่

            ตั้งใจจริงสินะ

            ตั้งใจจะกลบความขุ่นเคืองของ 7 ประเทศ

            “ไม่เป็นไรแน่เหรอ? เรียวกิเป็นพวกชนชั้นสูงของลูมาเนียนี่?”

            “รู้แล้วเหรอ นึกว่าคุณฮิคารุจะไม่รู้เรื่องนี้ซะอีก”

            “ได้ยินมาตอนไปหาใบริวจินกะไง—-มีอะไรเกิดขึ้นหลายอย่างอยู่ ซึ่งมีเรื่องเกี่ยวกับรีกด้วยเลยต้องเจียมเนื้อเจียมตัวหน่อยไง”

            “ขอบคุณ……สำหรับเรื่องนั้น? แล้วก็คุณฮิคารุ”

            “หือ?”

            “ดูเหมือนจะยอมรับฉันขึ้นมานิดหน่อยแล้วสินะ?”

            “……….”

            รู้เพราะเปลี่ยนการเรียกชื่อหรือเปล่านะ

            “พูดเรื่องอะไร? มาพูดเรื่องรางวัลก่อนดีกว่า”

            “ต้องขอโทษด้วย เรื่องเงิน……ไม่นึกว่าจะเอามาให้ในวันนี้เลยยังไม่ได้เตรียมมา โอนผ่านกิลด์นักผจญภัยได้หรือเปล่า”

            “อย่างนั้นก็ได้ ทางนี้เองก็ต้อง ‘เตรียมการ’ เหมือนกัน”

            “เตรียมการ……งั้นเหรอ?”

            “บอกไปแล้วนี่ว่ามีเรื่องเกิดขึ้น?”

            “อือ”

            “พบเจ้าชายของซูบร้าไง”

            “……เอ๊ะ?”

            “ผมบอกไปว่ารับเควสหาใบริวจินกะมาจากรีก เขาเองน่าจะได้ใบริวจินกะไปแล้ว คิดว่าตอนนี้คงกำลังทำยาแก้พิษอยู่”

            “………”

            “เพราะอย่างนั้นเลยคิดว่าต้องมาบอกไว้ก่อน? พยายามเข้ากับวัตถุดิบหายากอันนี้ก็แล้วกัน ไปก่อนนะ” 

            ฮิคารุกับลาเวียออกไปจากห้อง ปล่อยให้รีกนั่งอึ้งอยู่คงเดียว

            “—-เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

            ลาเวียถามฮิคารุตอนเดินออกจากคฤหาสน์

            “คิดว่าเป็นการยากที่เขาจะทำได้สำเร็จ”

            “เหรอ……”

            “ลาเวียเห็นใจเขาไหม?”

            “ไม่หรอก แต่ชอบที่เขาตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในตอนนี้ ทำไมฮิคารุถึงคิดว่ามันจะยากเหรอ? คนที่อยู่เกือบจุดสูงสุดของซูบร้ากับลูมาเนียทั้งคู่เลยนี่? ถ้าหากพวกเขาร่วมมือกันแล้วละก็ น่าจะส่งผลได้เยอะอยู่หรอก”

            “นั่นสินะ……เพราะคิดอย่างนั้น เลยต้องเตรียมให้ซิลเวสเตอร์กับรีกได้พบกันไง แต่ยังไม่รู้ว่าเผ่าเรียวกิของรีกอยู่ในตำแหน่งระดับไหน ไหนจะเผ่าโคกะที่เขาต้องมาจัดการปัญหาให้อีกไง?”

            “อ้อ มีคนแบบนั้นอยู่ด้วยเนอะ”

            “แล้วก็มันเป็นการยากที่จะเปลี่ยนวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าราชาของพอนโซเนียบอกว่า ‘ยกเลิกระบบขุนนาง’ คิดว่าจะทำได้จริงเหรอ?”

            “……เรื่องนั้น คิดว่าเป็นไปได้ยากมากเลยนะ เพราะมีอยู่เยอะที่มีอำนาจและได้ผลประโยชน์จากระบบขุนนางอยู่”

            “สิ่งที่รีกจะทำมันก็ใกล้เคียงกับสิ่งนั้นแหละ ถึงเขายืนกรานที่จะทำ แต่ปัญหาหลักก็คือมันเป็ฯการ ‘ยกเลิกระบบขุนนาง’ เหมือนกัน ต้องมีคนที่ออกมาต่อต้านอยู่แล้ว ถ้ายังดำเนินการต่อไปเรื่อยๆ……”

            แต่ถึงกระนั้นรีกก็ยังลงมือทำ

            “‘ต้องมีคนริเริ่มก่อน’ เหรอ”

            “อะไรเหรอ?”

            “คำพูดที่มีในโลกของผมไง ไม่ว่าแผนการจะใหญ่ไหน ควรจะเริ่มจากสิ่งใกล้ตัวก่อนไง การที่บอกให้รีกไปเข้าเป็นศิษย์ของคนจากโทบี้ ก็เป็นการให้ไปปฏิบัติจริงไง”

            อย่างที่บอกลาเวียเอาไว้—-สำหรับฮิคารุแล้วนั่นเป็นรูปแบบที่อยากให้เขาเป็น

            “ฮิคารุ”

            “หือ!?”

            “คิดว่าคุณคงช่วยรีกอีกแน่ๆ”

            “ถ้าถึงตอนนั้นคงต้องขอรางวัลเยอะๆซะแล้ว”

            ฮิคารุกับลาเวียกลับไปที่พักหลังใหม่

            วันรุ่งขึ้นมีเงินเข้ามา 1 ล้านกีรัน หลังจากนั้นอีก 2 วันก็เริ่มไปโรงเรียน

อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้

อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้

Status: Ongoing
ฮิคารุ เด็หนุ่มผู้โชคร้ายที่ประสบอุบัติเหตุ แต่เขาได้รับโอกาสให้ไปเกิดใหม่ในต่างโลก โดยแลกกับการแก้แค้น ——————————– อันนี้เป็นงานสานต่อ ดังนั้นพวกชื่อต่างๆ อาจจะมีแตกต่างกับช่วงแรกไปบ้าง ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท